The Evolution Of Fashion 100 Years
1900 ในระหว่างขาและเทา้ ของ หญิงสาวไดเ้ ห็นไม่บ่อย (เว้นแตใ่ นท่านัง) นนั หมายความว่าถงุ นอ่ งรองเท้าและรองเท้าอืน ๆ ไมไ่ ด้รบั ความสนใจมาก เสือผ้าและรองเทา้ ของเวลาเนน้ โคง้ ผ้าไหม, buckles ขนาดเล็ก และสีเขม้ เท้าชีขนึ ไปและส้นสูงปานกลางอยู่ ในแฟชนั ผ้หู ญงิ กลายเปนกระโปรงแคบลง หลงั จากสงครามกลางเมอื งและการแสดงอืน ๆ ของกรวยรูปร่างมากกวา่ ระฆัง เสือผา้ ถูกที ได้ถูกลงแปงหนักและ\"shirtwaists\"กลาย เปนสไตล์ใหม่ล่าสุดทีมีความทันสมัยหลังเสือ ผูช้ าย
1920 ชว่ ง '20s หลงั สงคราม ชดุ ทีมาแรงสุดๆเปนสัญลกั ษณ์ของยุค นีคอื \"Flapper dress\" เปนชุดลําตวั ตรงหน้าอกแบนเปนไม้กระดาน กระโปรงสันลง แฟชนั '20s ของแทต้ ้องมีการรดั หน้าอกดว้ ยเสตย์ เพราะเชอื ว่า หนา้ อกแบนๆกับผมสันกุดเปนสัญลกั ษณ์ ของความเปนหนุ่มสาว
1930เปนตน้ มาเกิดววิ ัฒนาการ การดดั ผม กเ็ ลยจะเหน็ ไดว้ ่าในสมัยนนั ถา้ คน้ หารูปก็จะเจอแตผ่ มดัดม้วนๆ กัน ทงั นนั นึกถึงคุณยา่ คุณยาย ม้วนผม เรยี กไดว้ า่ สไตล์นันใครผมตรงคอื ตกเท รนดส์ ุดๆ ผคู้ นนยิ มใส่หมวกเบเร่ตแ์ บบ นกั เขียนการ์ตูน และหมวกปกกว้าง สวยงามมีโบวค์ ่ะ กระโปรงมีความยาว คลุมเขา่ และชอบใส่กระโปรงพรที ๆ กนั
1940 สามารถใชผ้ า้ ได้มาก ขึนและมีตัวเลือกผ้าให้เลือกมากขึน เพือทีจะลมื สงครามทตี กตําผหู้ ญงิ สวมกอดลวดลายทีมสี ีสันดว้ ยการ ตกแตง่ ภายนอก วสั ดเุ นอื ผา้ มักจะ สังเคราะหส์ ังเคราะหป์ ระดษิ ฐ์ใหม่ ฝายอเมริกาเปนทีชนื ชอบสําหรบั ชุด บา้ น วัสดเุ บาและโปรง่ สบาย เนอื ผา้ ทีมีลักษณะคลา้ ยขนสัตว์ถูกนาํ มาใช้ กบั ชุดสูทและชดุ ทํางาน
1950ทีทกุ อย่างดสู ดใส เต็ม ไปด้วยเสน่ห์และความหรหู ราของ แฟชนั การแต่งตัวของสตรที ีไมไ่ ด้ จํากดั แค่ในวงสังคมชนั สูง เพราะ ชว่ งเวลาแห่งการเปลียนผา่ นนีมา พรอ้ มกบั การพัฒนาสิงประดิษฐ์ที เอือต่อหลายอตุ สาหกรรม รวมถงึ อตุ สาหกรรมเสือผ้าเครืองแต่งกาย
1960 เปนยุคทสี ตรีทแฟชัน เฟองฟูและสนุกทสี ุดยคุ หนงึ ลองนึกถึง ทวกิ ก(ี Twiggy)แฟชนั ไอคอนยุค'60s ที มักจะมาพรอ้ มทรงผมบ็อบสัน แตง่ หน้า แบบปากซีดตาแบ๊ว ตดิ ขนตาปลอมทงั บนและล่าง ต่อด้วยการทําผมหน้ามา้ ของวงเดอะบีทเทลิ ส์หรือแฟชันแบบมอ้ ด ก็จะมาพร้อมเดรสสีเมทลั ลกิ ถงุ น่อง หลากสีและลวดลายเรขาคณิต เหตุผล หนึงอาจเพราะเปนชว่ งนนั เพิงสินสุด สงครามโลกครงั ที 2 ทาํ ใหเ้ กิดการ เปลยี นแปลงทางสังคมหลายอย่าง ผ้คู น โหยหาการแสดงออกและความอิสระเสรี เรียกรอ้ งความเทา่ เทยี ม และพยายามพา ตัวเองใหห้ ลดุ พ้นจากกรอบทสี ังคมเคยตี เอาไว้ โดยมีการแต่งตัวเปนหนึงในวิธี การแสดงออกถงึ ความเปนตวั เองทงี ่าย และชดั เจนทีสุด
1970 สิงทีโดดเด่นมากๆ ในยุค 70s กค็ ือ \"ฮิปป\" เปนแนวแฟชนั ทีผสมผสาน ความเปน Ethnic style (พืนเมือง) จดุ เดน่ คอื ลายผ้าที ดซู ับซ้อน แนวตะวันออก สีสันสดใส เว่อรๆ์ ทังหลายค่ะ
1980ชว่ งเวลาฟูฟาแห่ง วงการแฟชันอกี ชว่ งทีเราไมพ่ ูด ถึงไมไ่ ด้คือระยะป 80 เมอื มนั สะทอ้ นหมุดหมายสําคญั ทาง ประวตั ศิ าสตรห์ ลายอยา่ ง ทงั ผมทตี ้องฉดี สเปรย์ใหฟ้ ูฟอง, กางเกงรัดรูป, เสือสีจัดจา้ นม องจากดาวองั คารมายงั เหน็ , ผา้ ผูกผมทสี ีเจบ็ ยิงกว่าเสือ, กําไลขอ้ มือกร๋งุ กรงิ ฯลฯ
1990ตงั แต่เสนห่ ์ดงึ ดูดใจ ของนางแบบสาวทดี ูเหมอื นชาวอเมซอน ไปจนถึงเสือเชิตลายสก็อตสไตล์กรันจ์ บนรันเวย์ แฟชนั ในยคุ 90 ได้นยิ าม วฒั นธรรมปอปขนึ มาใหม่ นักออกแบบ รุ่นใหม่ทีกาํ ลงั โด่งดงั ได้สร้างชีวิตให้กบั แบรนด์และซูเปอรโ์ มเดลทีมีชอื เสียง ด้วยวฒั นธรรมปอปจากรนั เวย์ไปสู่ มิวสิควิดโี อและแมก้ ระทงั งานพรมแดง แฟชนั ยุค 90 ซึงเปนทรี ู้จกั กันดีในเรอื ง การก้าวข้าวพรมแดนนันถูกวิพากษ์ วิจารณ์อย่างไม่ขาดสาย ตงั แต่โชวอ์ ัน หวอื หวาบนรันเวยไ์ ปจนถงึ การเปดตวั ใน สไตล์กรนั จ์ ร่วมหวนรําลึกถึงชว่ งเวลา อันเปนสัญลกั ษณท์ ีไดก้ ําหนดนิยาม แฟชนั และวฒั นธรรมปอปขนึ มาใหมใ่ น แบบทีเรารู้จักกนั ดี
Search
Read the Text Version
- 1 - 10
Pages: