การพฒั นาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนรายวชิ าเสริมทกั ษะคณติ ศาสตร์ 2 เร่ือง ภาคตดั กรวย โดยใช้แบบฝึ กทกั ษะคณิตศาสตร์ ด้วยเทคนคิ KWDL ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปี ที่ 4 โรงเรียนวงั จันทร์วทิ ยา ปี การศึกษา 2564 The Development of Mathematics Skills II Achievement Conic Section by using the Math Skills Practice from with the KWDL technique of Mathayomsuksa 4 Students at Wangchanwittaya School , academic year 2021 ธีรณี ตยิ ะศิริ THEERANEE TIYASIRI โรงเรียนวงั จนั ทร์วทิ ยา สังกดั สหวทิ ยาเขตระยอง 2 สานักงานเขตพื้นท่กี ารศึกษามธั ยมศึกษาชลบรุ ี ระยอง ปี การศึกษา 2564 Wangchanwittaya School The United Campus, Rayong 2 The Secondary Education Service Area Office Chonburi Ray Academic year 2021
ส่วนราชการ โรงเรียนวงั จนั ทร์วิทยา บนั ทึกข้อความ ที่ ........................................................ เร่ือง รายงานการจัดส่งวิจยั ในช้ันเรียน วนั ท่ี 4 มีนาคม 2565 เรียน ผอู้ ำนวยกำรโรงเรียนวงั จนั ทร์วิทยำ ดว้ ยขำ้ พเจำ้ นำงสำวธีรณี ติยะศิริ ตำแหน่ง ครู วิทยฐำนะ ครูชำนำญกำรพิเศษ โรงเรียนวงั จนั ทร์วทิ ยำ ไดจ้ ดั ทำรำยงำนวจิ ยั ในช้นั เรียน เรื่อง กำรพฒั นำผลสมั ฤทธ์ิทำงกำรเรียนรำยวชิ ำเสริมทกั ษะคณิตศำสตร์ 2 เรื่อง ภำคตดั กรวย โดยใช้แบบฝึ กทกั ษะคณิตศำสตร์ ดว้ ยเทคนิค KWDL ของนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษำปี ที่ 4 โรงเรียนวงั จนั ทร์วิทยำ ปี กำรศึกษำ 2564 (The Development of Mathematics Skills II Achievement Conic Section by using the Math Skills Practice from with the KWDL technique of Mathayomsuksa 4 Students at Wangchanwittaya School , academic year 2021) ซ่ึงเป็ นกำรแก้ไขปัญหำและพฒั นำคุณภำพผูเ้ รียน รำยวิชำ เสริมทกั ษะคณิตศำสตร์ 2 รหสั วิชำ ค 31202 ช้นั มธั ยมศึกษำปี ที่ 4 ภำคเรียนที่ 2 ปี กำรศึกษำ 2564 กลุ่มสำระกำรเรียนรู้คณิตศำสตร์ รำยละเอียดตำมเอกสำรแนบ จึงเรียนมำเพ่ือโปรดทรำบและพจิ ำรณำ ลงช่ือผวู้ ิจยั ........................................................... (นำงสำวธีรณี ติยะศิริ) ตำแหน่ง ครู วทิ ยฐำนะ ครูชำนำญกำรพิเศษ 1. ควำมคดิ เห็นของหวั หนำ้ กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้คณิตศำสตร์ 3. ควำมคิดเห็นของรองผอู้ ำนวยกำรฝ่ำยวิชำกำร ......................................................................................... เรียน ผอู้ ำนวยกำรโรงเรียนวงั จนั ทร์วิทยำ ลงช่ือ...................................................... เพื่อโปรดพจิ ำรณำ (นำงสมจิตต์ มำฆะสิทธ์ิ) ลงช่ือ.............................................................. ตำแหน่ง ครู วิทยฐำนะ ครูชำนำญกำรพิเศษ (นำงสมชั ญำ ผุดผอ่ ง) รองผอู้ ำนวยกำรโรงเรียนวงั จนั ทร์วทิ ยำ 2. ควำมคดิ เห็นของหวั หนำ้ งำนวจิ ยั โรงเรียน 4. คำส่งั ผอู้ ำนวยกำรโรงเรียน ......................................................................................... อนุมตั ิ ลงชื่อ...................................................... สัง่ กำร (นำงสำวธนณนั แจง้ ศรีสุข) ลงช่ือ.............................................................. ตำแหน่ง ครู (นำยศกั ดำ สรรเสริญ) ผอู้ ำนวยกำรโรงเรียนสุนทรภู่พิทยำ ปฏิบตั ิหนำ้ ท่ี ผอู้ ำนวยกำรโรงเรียนวงั จนั ทร์วทิ ยำ
ช่ือเรื่อง กำรพฒั นำผลสมั ฤทธ์ิทำงกำรเรียนรำยวิชำเสริมทกั ษะคณิตศำสตร์ 2 เร่ือง ภำคตดั กรวย โดยใช้ แบบฝึกทกั ษะคณิตศำสตร์ ดว้ ยเทคนิค KWDL ของนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษำปี ที่ 4 ผู้วจิ ัย โรงเรียนวงั จนั ทร์วทิ ยำ ปี กำรศึกษำ 2564 สังกดั นำงสำวธีรณี ติยะศิริ ปี การศึกษา โรงเรียนวงั จนั ทร์วทิ ยำ สหวิทยำเขตระยอง 2 สำนกั งำนเขตพ้นื ที่กำรศึกษำมธั ยมศึกษำชลบุรี ระยอง 2564 ท่ีมาและความสาคญั ของปัญหา พระรำชบญั ญตั ิกำรศึกษำแห่งชำติ พ.ศ. 2542 แกไ้ ขเพิ่มเติม(ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2545 (ฉบบั ที่ 3) พ.ศ.2553 และ (ฉบบั ที่ 4) พ.ศ.2562 มำตรำ 4 ไดก้ ล่ำวว่ำ “กำรศึกษำ” หมำยควำมว่ำ กระบวนกำร เรียนรู้เพื่อควำมเจริ ญงอกงำมของบุคคลและสังคมโดยกำรถ่ำยทอดควำมรู้ กำรฝึ ก กำรอบรม กำรสืบสำนทำงวฒั นธรรม กำรสร้ำงสรรค์จรรโลงควำมกำ้ วหน้ำทำงวิชำกำร กำรสร้ำงองค์ควำมรู้อนั เกิดจำกสภำพแวดลอ้ ม สังคม กำรเรียนรู้และปัจจยั เก้ือหนุนให้บุคคลเรียนรู้อย่ำงต่อเน่ืองตลอดชีวิต (คณะกรรมกำรกำรศึกษำแห่งชำติ, 2562) หลกั สูตรแกนกลำงกำรศึกษำข้นั พ้ืนฐำน พุทธศกั รำช 2551 (ฉบบั ปรับปรุง พุทธศกั รำช 2560) ถือว่ำคณิตศำสตร์มีบทบำทสำคญั ยง่ิ ต่อกำรพฒั นำควำมคิดของมนุษย์ ทำให้มนุษยม์ ีควำมคิดสร้ำงสรรค์ คิดอย่ำงมีเหตุผล มีระบบแบบแผน สำมำรถวิเครำะห์ปัญหำหรือ สถำนกำรณ์ได้อย่ำงถี่ถว้ นรอบคอบ ช่วยให้คำดกำรณ์ วำงแผน ตดั สินใจ แก้ปัญหำและนำไปใช้ใน ชีวิตประจำวันได้อย่ำงถูกต้องเหมำะสม นอกจำกน้ีคณิตศำสตร์ยังเป็ นเคร่ื องมือในกำรศึกษำ ดำ้ นวิทยำศำสตร์ เทคโนโลยี และศำสตร์อื่น ๆ คณิตศำสตร์จึงมีประโยชน์ในกำรดำเนินชีวิต ช่วยพฒั นำ คณุ ภำพชีวิตใหด้ ีข้นึ และสำมำรถอยรู่ ่วมกบั ผอู้ ่ืนไดอ้ ยำ่ งมีควำมสุข (กระทรวงศึกษำธิกำร, 2560) วิชำคณิตศำสตร์เป็นวิชำหน่ึงในกลุ่มทกั ษะซ่ึงมีควำมสำคญั และเป็นเคร่ืองมือของกำรเรียนรู้ใน กำรแกป้ ัญหำและกำรดำรงชีวิต จุดประสงคท์ วั่ ไปของกำรสอนวิชำคณิตศำสตร์เพ่ือตอ้ งกำรให้นกั เรียนมี ควำมรู้ ควำมเขำ้ ใจ มีทกั ษะและกระบวนกำรทำงคณิตศำสตร์สำมำรถทำให้ผเู้ รียนคิดตำมข้นั ตอนอยำ่ งมี เหตุผลและเป็นระเบียบ (วรรณี โสมประยูร, 2559) คณิตศำสตร์เป็ นกิจกรรมที่ประกอบดว้ ยกำรสังเกต ตอ้ งสืบเสำะหำขอ้ มูล มีกำรแยกแยะขอ้ มูล รู้จกั คิดและตอ้ งใชว้ ิจำรณญำณเพื่อหำควำมจริง โดยแทจ้ ริง แลว้ คณิตศำสตร์เป็ นเรื่องท่ีจะถ่ำยทอดควำมนึกคิดหรือแนวควำมคิดกนั ไดไ้ ม่ง่ำยนกั ดงั น้นั จึงตอ้ งใช้ ภำษำท่ีเป็นเคร่ืองมือในกำรถ่ำยทอดควำมนึกคิดหรือแนวควำมคิดตำ่ ง ๆ ท่ีไดจ้ ำกกำรสังเกต สิ่งแวดลอ้ ม ที่อยู่รอบ ๆ ตวั โดยฝึ กให้นกั เรียนเป็ นคนช่ำงสังเกต มีควำมคิดรอบคอบเป็ นคนมีเหตุผล ยอมรับควำม คดิ เห็นของผอู้ ื่น ดงั น้นั แนวทำงกำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้ ตอ้ งจดั ใหส้ อดคลอ้ งกบั ควำมสนใจ ควำมถนดั
ของนักเรียนโดยคำนึงถึงควำมแตกต่ำงระหว่ำงบุคคล วุฒิภำวะ เพื่อพัฒนำนักเรียนให้มีควำมรู้ ควำมสำมำรถและเตม็ ศกั ยภำพ (มหำวิทยำลยั สุโขทยั ธรรมำธิรำช, 2554) จำกผลกำรทดสอบทำงกำรศึกษำระดับชำติข้ันพ้ืนฐำน (O – NET) ปี กำรศึกษำ 2563 วิชำ คณิตศำสตร์ คะแนนเตม็ 100 คะแนน พบวำ่ นกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษำปี ที่ 6 มีคะแนนเฉลี่ยระดบั ประเทศ 26.04 คะแนน ซ่ึงอยู่ในกลุ่มรำยวิชำที่มีคะแนนเฉลี่ยต่ำ และโรงเรียนวงั จนั ทร์วิทยำ เป็ นโรงเรียนใน สังกดั สำนกั งำนเขตพ้ืนท่ีกำรศึกษำมธั ยมศึกษำชลบุรี ระยอง จดั กำรเรียนกำรสอนในระดบั มธั ยมศึกษำ ตอนต้น(ม.1 – ม. 3) และระดับมธั ยมศึกษำตอนปลำย ( ม.4 – ม. 6) ผลกำรทดสอบทำงกำรศึกษำ ระดบั ชำติข้นั พ้ืนฐำน (O – NET) ปี กำรศึกษำ 2563 วิชำคณิตศำสตร์ คะแนนเต็ม 100 คะแนน พบว่ำ นักเรียนช้ันมธั ยมศึกษำปี ท่ี 6 มีคะแนนเฉล่ีย 22.40 คะแนน ซ่ึงต่ำกว่ำคะแนนเฉลี่ยในระดบั ประเทศ โดยเฉพำะอยำ่ งยิ่งในสำระที่ 2 กำรวดั และเรขำคณิต เป็นสำระที่โรงเรียนควรเร่งพฒั นำเนื่องจำกคะแนน เฉล่ียของโรงเรียนต่ำกว่ำคะแนนเฉล่ียระดบั ประเทศ (วงั จนั ทร์วิทยำ, 2563) และผลจำกกำรจดั กำรเรียน กำรสอน สำระท่ี 2 กำรวดั และเรขำคณิต หน่วยกำรเรียน เรื่อง ภำคตดั กรวย ท่ีไดร้ ับมอบหมำยให้จดั กำร เรียนกำรสอนในระดบั ช้นั มธั ยมศึกษำปี ท่ี 4 จำนวน 3 หอ้ งเรียน ไดแ้ ก่ ห้องมธั ยมศึกษำปี ท่ี 4/1 , 4/2 และ 4/3 ภำคเรียนท่ี 2 ปี กำรศึกษำ 2563 ผศู้ ึกษำ พบว่ำ ผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียนของผเู้ รียนท้งั 3 หอ้ ง มีคะแนน เฉล่ียร้อยละ 60.14 ซ่ึงอยู่ในระดบั พอใชค้ ่อนไปทำงปำนกลำง (โรงเรียนวงั จนั ทร์วิทยำ, 2563) นอกจำกน้ี เม่ือสำรวจแบบบนั ทึกผลกำรพฒั นำคุณภำพผเู้ รียน (ปพ.5) และบนั ทึกหลงั กำรจดั กำรเรียนรู้แผนกำรจดั กำร เรียนรู้กลุ่มสำระกำรเรียนรู้คณิตศำสตร์ พบว่ำ ผูเ้ รียนมีควำมพร้อมในกำรเรียนรู้ที่แตกต่ำงกันและ ผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียนของผูเ้ รียนมีผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียนค่อนขำ้ งต่ำ ซ่ึงจำเป็ นอย่ำงย่ิงท่ีตอ้ งพฒั นำ นกั เรียนในกลมุ่ ดงั กล่ำวใหม้ ีผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียนใหส้ ูงข้ึน จำกสภำพปัญหำดงั กล่ำวขำ้ งตน้ แสดงให้เห็นว่ำคุณภำพทำงกำรศึกษำส่วนหน่ึงข้ึนอยู่กบั กำรจดั กิจกรรมกำรเรียนกำรสอนของครูผูส้ อน ซ่ึงเป็ นบุคคลสำคญั ท่ีจะนำผู้เรียนให้บรรลุจุดมุ่งหมำย ของหลกั สูตร แนวทำงหน่ึงในกำรแกป้ ัญหำน้ี คือ กำรจดั ให้มีสื่อกำรเรียนกำรสอนท่ีอำนวยควำม สะดวกใหแ้ ก่ครูผสู้ อน เช่น แบบฝึ กทกั ษะ เป็นตน้ เนื่องจำกแบบฝึ กทกั ษะ เป็นนวตั กรรมอย่ำงหน่ึงที่ ครูให้นักเรียนไดฝ้ ึ กทกั ษะหลงั จำกท่ีครูไดส้ อนเน้ือหำในเรื่องน้ัน ๆ แลว้ เพื่อให้นกั เรียนไดม้ ีควำมรู้ ควำมเขำ้ ใจ และเป็ นกำรทบทวนเน้ือหำที่ไดเ้ รียนผ่ำนมำแลว้ ตำมองค์ประกอบท่ีสำคญั ของแบบฝึ ก ทกั ษะ ซ่ึงไดแ้ ก่ คู่มือกำรใช้แบบฝึกทกั ษะสำหรับครู และแบบฝึกทกั ษะสำหรับนกั เรียน ที่ไดม้ ีกำร จดั ลำดบั เป็นข้นั ตอนยอ่ ย ๆ จำกง่ำยไปหำยำก ที่จะช่วยสร้ำงแรงจูงใจในกำรเรียน และเสริมแรงให้ ผูเ้ รียนอย่ำงต่อเนื่องไม่เกิดควำมเบื่อหน่ำย หรือทอ้ ใจ และนักเรียนจะไดท้ รำบควำมกำ้ วหนำ้ ใน กำรเรียนของตนเอง (สุมำลี หมำกผนิ , 2558) สอดคลอ้ งกบั อุษณีย์ เสือจนั ทร์ (2555) ไดก้ ล่ำววำ่ แบบ ฝึ กช่วยในกำรฝึ กเสริมทักษะ ทำให้จดจำเน้ือหำได้คงทนมีเจตคติที่ดีต่อวิชำท่ีเรียน สำมำรถนำมำ แกป้ ัญหำเป็ นรำยบุคคลและรำยกลุ่มไดด้ ี ผูเ้ รียนสำมำรถนำมำทบทวนบทเรียนไดด้ ว้ ยตนเอง ทำให้
ผเู้ รียนทรำบควำมกำ้ วหนำ้ ของตนเอง เป็นเครื่องมือที่ครูผสู้ อนใช้ประเมินผลกำรเรียนรู้ไดเ้ ป็นอยำ่ งดีวำ่ นักเรียนเข้ำใจมำกน้อยเพียงใด ช่วยแก้ปัญหำในกำรจัดกำรเรียนกำรสอนของครูผูส้ อนและเพิ่ม ประสิทธิภำพทำงกำรเรียนกำรสอน สำมำรถพฒั นำผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียนของนกั เรียนให้สูงข้ึนได้ นอกจำกน้ี สิริพร ทิพยค์ ง (2545) ไดก้ ลำ่ ววำ่ ในกำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้คณิตศำสตร์มีเป้ำหมำยสำคญั 2 ประกำรคือ ให้นักเรียนรู้จักวิธีคิดและมีทักษะกระบวนกำรในกำรแก้ปัญหำ กำรฝึ กให้นักเรียนมี ควำมสำมำรถในกำรแก้ปัญหำทำงคณิตศำสตร์ในช้ันเรียนจะเป็ นรำกฐำนสำคญั ที่นำไปสู่กำรพฒั นำ วิธีกำรคิดและเสริมสร้ำงทกั ษะในกำรคิดแกป้ ัญหำต่ำง ๆในชีวิตจริงไดด้ ียิ่งข้ึน ดงั น้ันกำรแกป้ ัญหำจึง เป็ นหัวใจสำคัญของคณิตศำสตร์เพรำะกำรแก้ปัญหำทำงคณิตศำสตร์จะช่วยพัฒนำศักยภำพใน กำรวเิ ครำะหข์ อ้ มูล ทำใหร้ ู้ขอ้ เทจ็ จริงอนั เป็นส่ิงสำคญั และจำเป็นต่อกำรดำรงชีวิตของมนุษย์ กำรแกป้ ัญหำมีควำมสำคญั และจำเป็นในกำรเรียนคณิตศำสตร์ ดงั น้นั ครูจึงควรฝึ กใหผ้ เู้ รียนมี ควำมรู้ ควำมเข้ำใจในข้ันตอนกระบวนกำรแก้ปัญหำโดยเลือกรูปแบบ กลวิธี เทคนิคต่ำง ๆ ใน กำรแกป้ ัญหำมำใชใ้ นกำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้ ท่ีทำใหน้ กั เรียนสำมำรถแกป้ ัญหำได้อยำ่ งเป็นระบบและ ถกู ตอ้ ง โดยกำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้ท่ีน่ำสนใจหน่ึงคือ กำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้ดว้ ยเทคนิค KWDL กำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้ดว้ ยเทคนิค KWDL เป็ นรูปแบบหน่ึงท่ีนิยมใช้ในกำรสอน เรื่อง กำรแกโ้ จทยป์ ัญหำทำงคณิตศำสตร์ใหแ้ ก่นกั เรียน อีกท้งั กำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้ดว้ ยเทคนิค KWDL ยงั ฝึ กให้นกั เรียนวิเครำะห์ปัญหำอย่ำงเป็นข้นั ตอนและละเอียดถี่ถว้ น ทำให้นกั เรียนเขำ้ ใจปัญหำไดอ้ ย่ำง ชดั เจน เน้ือหำในเรื่องภำคตดั กรวย ซ่ึงประกอบดว้ ย วงกลม วงรี พำรำโบลำ และไฮเพอร์โบลำ ซ่ึงเป็น เน้ือหำส่วนหน่ึงของวิชำคณิตศำสตร์ท่ีมีควำมสำคญั และเป็นพ้ืนฐำนในกำรเรียนคณิตศำสตร์ในระดบั ท่ี สูงข้ึน เช่น แคลคูลสั นอกจำกน้ียงั เป็ นพ้ืนฐำนของศำสตร์อ่ืน ๆ เช่น วิทยำศำสตร์ ดำรำศำสตร์ และ วิศวกรรมศำสตร์ เป็นตน้ และเน้ือหำในภำคตดั กรวยจะเนน้ เกี่ยวกบั กำรแกโ้ จทยป์ ัญหำที่นกั เรียนตอ้ งใช้ ทกั ษะและกระบวนกำรในกำรแกป้ ัญหำ ดงั น้นั ถำ้ ครูผูส้ อนมีเทคนิคกำรสอนที่นำมำจดั ระบบควำมคิด ของนกั เรียนในกำรเรียนให้เป็นข้นั ตอนก็จะทำให้นกั เรียนมีทกั ษะและกระบวนกำรในกำรแกป้ ัญหำท่ีมี ประสิทธิภำพได้ (เสำวนีย์ บญุ แกว้ , 2559) ผศู้ ึกษำจึงมีแนวคิดท่ีจะพฒั นำผลสมั ฤทธ์ิทำงกำรเรียนรำยวิชำ เสริมทกั ษะคณิตศำสตร์ 2 เรื่อง ภำคตดั กรวย โดยใช้แบบฝึ กทกั ษะคณิตศำสตร์ ดว้ ยเทคนิค KWDL ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษำปี ที่ 4 โรงเรียนวงั จันทร์วิทยำ ปี กำรศึกษำ 2564 เพ่ือเป็ นแนวทำงใน กำรพฒั นำกำรเรียนกำรสอนคณิตศำสตร์ใหม้ ีประสิทธิภำพต่อไป
วตั ถุประสงค์การวิจยั ในช้ันเรียน 1. เพ่ือพฒั นำแบบฝึ กทกั ษะคณิตศำสตร์ ดว้ ยเทคนิค KWDL เร่ืองภำคตดั กรวย ของนักเรียนช้ัน มธั ยมศึกษำปี ท่ี 4 โรงเรียนวงั จนั ทร์วทิ ยำ ปี กำรศึกษำ 2564 ใหม้ ีประสิทธิภำพตำมเกณฑ์ 80/80 2. เพ่ือเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียนรำยวิชำเสริมทกั ษะคณิตศำสตร์ 2 ระหว่ำงก่อนและหลงั เรียน ที่ได้รับกำรสอนโดยใช้แบบฝึ กทกั ษะคณิตศำสตร์ ดว้ ยเทคนิค KWDL เรื่อง ภำคตดั กรวย ของ นกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษำปี ที่ 4 โรงเรียนวงั จนั ทร์วิทยำ ปี กำรศึกษำ 2564 3. เพื่อศึกษำควำมพึงพอใจของนกั เรียนที่มีต่อกำรเรียนดว้ ยแบบฝึ กทกั ษะคณิตศำสตร์ ดว้ ยเทคนิค KWDL เรื่องภำคตดั กรวย ของนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษำปี ที่ 4 โรงเรียนวงั จนั ทร์วทิ ยำ ปี กำรศึกษำ 2564 สมมตฐิ านงานวจิ ยั 1. แบบฝึ กทกั ษะคณิตศำสตร์ ดว้ ยเทคนิค KWDL เร่ืองภำคตดั กรวย ของนักเรียนช้ันมธั ยมศึกษำ ปี ที่ 4 โรงเรียนวงั จนั ทร์วทิ ยำ ปี กำรศึกษำ 2564 มีประสิทธิภำพตำมเกณฑ์ 80/80 2. นักเรียนช้นั มธั ยมศึกษำปี ท่ี 4 โรงเรียนวงั จนั ทร์วิทยำ ปี กำรศึกษำ 2564 ท่ีไดร้ ับกำรสอนโดยใช้ แบบฝึกทกั ษะคณิตศำสตร์ ดว้ ยเทคนิค KWDL เรื่อง ภำคตดั กรวย มีผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียนหลงั เรียนสูง กวำ่ ก่อนเรียน 3. นกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษำปี ท่ี 4 โรงเรียนวงั จนั ทร์วิทยำ ปี กำรศึกษำ 2564 มีควำมพึงพอใจในกำรเรียน โดยใชแ้ บบฝึกทกั ษะคณิตศำสตร์ ดว้ ยเทคนิค KWDL เรื่องภำคตดั กรวย มีค่ำเฉล่ียอยใู่ นระดบั มำก ขอบเขตของการวิจยั 1. พืน้ ท่ีโรงเรียน โรงเรียนวงั จนั ทร์วทิ ยำ อำเภอวงั จนั ทร์ จงั หวดั ระยอง สังกดั สหวิทยำเขตระยอง 2 สำนกั งำนเขต พ้ืนที่กำรศึกษำมธั ยมศึกษำชลบุรี ระยอง 2. ระยะเวลาที่ศึกษา ดำเนินกำรทดลองในภำคเรียนที่ 2 ปี กำรศึกษำ 2564 ใช้เวลำในกำรดำเนินกิจกรรมกำรเรียน กำรสอนตำมเน้ือหำ 16 คำบ ปฐมนิเทศและทดสอบก่อนเรียน (pre - test) 1 คำบ สรุปบทเรียนและทดสอบ หลงั เรียน (post - test) 1 คำบ รวม 18 คำบ คำบละ 50 นำที 3. ประชากร , กล่มุ ตวั อย่าง ประชำกรที่ใชใ้ นศึกษำคร้ังน้ีไดแ้ ก่ นกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษำปี ท่ี 4 ภำคเรียนที่ 2 ปี กำรศึกษำ 2564 โรงเรียนวงั จนั ทร์วิทยำ อำเภอวงั จนั ทร์ จงั หวดั ระยอง สังกดั สหวทิ ยำเขตระยอง 2 สำนกั งำนเขตพ้ืนที่ กำรศึกษำมธั ยมศึกษำชลบุรี ระยอง จำนวน 4 ห้องเรียน รวมท้งั สิ้น 174 คน กลุ่มตวั อยำ่ งท่ีใชใ้ นศึกษำคร้ังน้ีไดแ้ ก่ นกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษำปี ที่ 4/1 ภำคเรียนที่ 2 ปี กำรศึกษำ 2564 โรงเรียนวงั จนั ทร์วิทยำ อำเภอวงั จนั ทร์ จงั หวดั ระยอง สังกดั สหวิทยำเขตระยอง 2 สำนกั งำนเขต
พ้ืนท่ีกำรศึกษำมธั ยมศึกษำชลบุรี ระยอง จำนวน 44 คน โดยกำรเลือกแบบเจำะจง (Purposive Sampling) เน่ืองจำกเป็นหอ้ งเรียนท่ีผศู้ ึกษำทำกำรจดั กำรเรียนกำรสอน 4. ตัวแปรท่ศี ึกษา (Variables) 4.1 ตวั แปรตน้ (Independent variables) กำรจัดกิจกรรมกำรเรี ยนรู้โดยใช้แบบฝึ กทักษะคณิตศำสตร์ ด้วยเทคนิค KWDL เร่ือง ภำคตดั กรวย ของนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษำปี ท่ี 4 โรงเรียนวงั จนั ทร์วทิ ยำ ปี กำรศึกษำ 2564 4.2 ตวั แปรตำม (Dependent variables) 4.2.1 ประสิทธิภำพของแบบฝึ กทกั ษะคณิตศำสตร์ ดว้ ยเทคนิค KWDL เรื่อง ภำคตดั กรวย ของนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษำปี ที่ 4 โรงเรียนวงั จนั ทร์วทิ ยำ ปี กำรศึกษำ 2564 4.2.2 ผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียนรำยวชิ ำเสริมทกั ษะคณิตศำสตร์ 2 ของนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษำ ปี ท่ี 4 โรงเรียนวงั จนั ทร์วิทยำ ภำคเรียนท่ี 2 เรื่อง ภำคตดั กรวย 4.2.3 ควำมพึงพอใจของนกั เรียนที่มีต่อกำรเรียนดว้ ยโดยใชแ้ บบฝึ กทกั ษะคณิตศำสตร์ ดว้ ย เทคนิค KWDL เร่ือง ภำคตดั กรวย ช้นั มธั ยมศึกษำปี ท่ี 4 โรงเรียนวงั จนั ทร์วทิ ยำ ปี กำรศึกษำ 2564 คาจากดั ในการวจิ ยั 1. แบบฝึ กทกั ษะคณิตศำสตร์ หมำยถึง ส่ือกำรเรียนกำรสอนที่ครูให้นักเรียนได้ฝึ กทักษะ หลงั จำกท่ีครูไดส้ อนเน้ือหำในเรื่องน้นั ๆ แลว้ เพอ่ื ใหน้ กั เรียนไดม้ ีควำมรู้ควำมเขำ้ ใจ และเป็นกำรทบทวน เน้ือหำที่ไดเ้ รียนผำ่ นมำแลว้ นำไปฝึกทกั ษะใหเ้ กิดควำมชำนำญในเน้ือหำเกี่ยวกบั เร่ือง ภำคตดั กรวย ช้นั มธั ยมศึกษำปี ท่ี 4 ที่ผศู้ ึกษำพฒั นำข้ึน โดยแบ่งจำนวนคำบและเน้ือหำเป็นชุด 4 ชุด ดงั น้ี ชุดที่ 1 วงกลม จำนวน 4 คำบ ชุดท่ี 2 วงรี จำนวน 4 คำบ ชุดท่ี 3 พำรำโบลำ จำนวน 4 คำบ ชุดที่ 4 ไฮเพอร์โบลำ จำนวน 4 คำบ โดยในแบบฝึกทกั ษะคณิตศำสตร์แตล่ ะชุดประกอบดว้ ย คำช้ีแจง วตั ถุประสงคข์ องกำรใชแ้ บบฝึ ก ทกั ษะ ข้นั ตอนกำรใช้แบบฝึ กทกั ษะ คำแนะนำในกำรใชแ้ บบฝึ กทกั ษะ มำตรฐำนกำรเรียนรู้ ตวั ช้ีวดั สำระสำคญั จุดประสงคก์ ำรเรียนรู้ แบบทดสอบก่อนเรียน ใบควำมรู้ แบบฝึ กทกั ษะ แบบทดสอบหลงั เรียน เฉลยแบบฝึ กทกั ษะ เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน-หลงั เรียน แบบบนั ทึกคะแนนแบบฝึ กทกั ษะ แบบทดสอบ และเกณฑก์ ำรใหค้ ะแนน/เกณฑก์ ำรประเมิน 2. กำรจดั กำรเรียนรู้ดว้ ยเทคนิค KWDL หมำยถึง กำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้รำยวิชำเสริมทกั ษะ คณิตศษสตร์ 2 ท่ีนำเทคนิค KWDL มำใช้ในกำรจดั กำรเรียนกำรสอนเร่ือง ภำคตดั กรวย ซ่ึงประกอบด้วย ข้นั ตอนกำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้ 4 ข้นั ตอน ดงั น้ี ข้นั ท่ี 1 K (what we know) เรำรู้อะไรบำ้ งในส่ิงท่ีเรียนหรือโจทยบ์ อกอะไรบำ้ ง
ข้นั ที่ 2 W (what we want) เรำตอ้ งกำรรู้ ตอ้ งกำรทรำบอะไร หรือโจทยใ์ ห้หำอะไร มีวิธีกำร อยำ่ งไร ใชว้ ธิ ีกำรอะไรบำ้ ง ข้นั ท่ี 3 D (what we do) เรำต้องทำอะไรบ้ำงเพื่อหำคำตอบตำมที่โจทย์ต้องกำร หรือส่ิงท่ี ตอ้ งกำรรู้ ข้นั ท่ี 4 L (what we learn) เรำเรียนรู้อะไร สรุปส่ิงท่ีไดเ้ รียนรู้ หรือบอกวิธีคิดอย่ำงไรและได้ คำตอบอะไร 3. ผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียนรำยวชิ ำเสริมทกั ษะคณิตศำสตร์ 2 หมำยถึง ควำมสำมำรถในกำรเรียนรู้ ของนักเรียนจำกกำรเรียนคณิตศำสตร์เรื่องภำคตดั กรวย ซ่ึงประเมินไดจ้ ำกแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิ ทำงกำรเรียนรำยวิชำเสริมทกั ษะคณิตศำสตร์ 2 ท่ีผศู้ ึกษำสร้ำงข้นึ เป็นขอ้ สอบแบบปรนยั ชนิด 4 ตวั เลือก และได้ตรวจสอบคุณภำพแล้วโดยแบบทดสอบน้ันสอดคล้องกับพฤติกรรมด้ำนควำมรู้ และควำมคิด (Cognitive Domain) ตำมที่วิลสัน (Wilson, 1971) จำแนกไว้ 4 ระดบั คือ ดำ้ นควำมรู้ ควำมจำ ควำมเขำ้ ใจ กำรนำไปใชแ้ ละกำรวิเครำะห์ 4. ประสิทธิภำพแบบฝึ กทกั ษะ หมำยถึง คุณภำพของแบบฝึ กทกั ษะคณิตศำสตร์ เม่ือนำไปใช้ แลว้ ทำใหผ้ เู้ รียนบรรลจุ ุดประสงค์ กำรเรียนรู้ที่กำหนดตำมเกณฑ์ 80/80 ซ่ึงอธิบำยไดด้ งั น้ี 80 ตวั แรก หมำยถึง ร้อยละของคะแนนท่ีไดจ้ ำกกำรทำแบบฝึกทกั ษะระหวำ่ งเรียนในแต่ ละชุดของแบบฝึกทกั ษะคณิตศำสตร์ คิดเป็นร้อยละ 80 ของคะแนนท้งั หมด 80 ตวั หลงั หมำยถึง ร้อยละของคะแนนจำกกำรทำแบบทดสอบทำ้ ยชุดของแบบฝึก ทกั ษะคณิตศำสตร์ คดิ เป็นร้อยละ 80 ของคะแนนท้งั หมด 5. แบบทดสอบทำ้ ยแบบฝึ กทกั ษะ หมำยถึง เคร่ืองมือวดั ควำมรู้ควำมสำมำรถของนกั เรียนหลงั กำรเรียนดว้ ยแบบฝึ กทกั ษะคณิตศำสตร์แต่ละชุด ซ่ึงผูศ้ ึกษำเป็ นผูส้ ร้ำงข้ึนโดยผ่ำนกำรตรวจสอบด้ำน เน้ือหำสำระ ด้ำนกระบวนกำร/กิจกรรม ด้ำนประโยชน์/คุณค่ำแบบฝึ กทักษะคณิตศำสตร์ว่ำมีควำม สอดคลอ้ งกบั เน้ือหำและจุดประสงคก์ ำรเรียนรู้ตำมเกณฑแ์ ลว้ เป็นแบบทดสอบแบบปรนยั ชนิด 4 ตวั เลือก ชุดละ 10 ขอ้ จำนวน 4 ชุด รวม 40 ขอ้ 6. แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ิทำงกำรเรียน หมำยถึง เครื่องมือวดั ควำมรู้ ควำมสำมำรถของ นกั เรียนก่อนเรียนและหลงั กำรเรียนดว้ ยแบบฝึ กทกั ษะคณิตศำสตร์ครบทกุ ชุดแลว้ เป็นแบบทดสอบแบบ ปรนยั ชนิด 4 ตวั เลือก จำนวน 30 ขอ้ ท่ีผศู้ ึกษำสร้ำงข้ึน 7. ควำมพึงพอใจ หมำยถึง กำรแสดงออกของนกั เรียนในเชิงบวก ควำมชอบใจในกำรร่วม ปฏิบตั ิกิจกรรมทำงกำรเรียนกำรสอน และประสบควำมสำเร็จในงำนตำมวตั ถุประสงค์ท่ีต้องกำรใน กำรศึกษำแบบฝึ กทกั ษะด้วยเทคนิค KWDL เร่ือง ภำคตัดกรวย ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษำปี ที่ 4 โรงเรียนวงั จนั ทร์วทิ ยำ ปี กำรศึกษำ 2564 ท่ีผศู้ ึกษำสร้ำงข้ึน โดยใชแ้ บบสอบถำมหลงั กำรทดลอง
เอกสารและงานวจิ ัยทีเ่ กยี่ วข้อง ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนวชิ าคณติ ศาสตร์ ผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียนเป็ นควำมสำมำรถของนักเรียนในดำ้ นต่ำง ๆ มีผูใ้ ห้ควำมหมำยของ ผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียนไวด้ งั น้ี จริยำลกั ษณ์ กิตติกำ (2559, หนำ้ 55) กล่ำววำ่ ผลสมั ฤทธ์ิทำงกำรเรียน หมำยถึง ควำมสำมำรถ ของแต่ละคนที่พฒั นำงอกงำมข้ึนอนั เป็ นผลมำจำกกำรเรียนรู้ ประกอบด้วยควำมสำมำรถทำงสมอง ควำมรู้ ทกั ษะ ควำมรู้สึกและค่ำนิยมตำ่ ง ๆ จนั ทะวิชยั แหวนพระจนั (2560, หนำ้ 54-55) กล่ำววำ่ ผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียนคณิตศำสตร์ หมำยถึง ควำมสำมำรถทำงดำ้ น สติปัญญำ (Cognitive Domain) ในทำงกำรเรียนคณิตศำสตร์ พฤติกรรม ท่ีพึงประสงคด์ ำ้ น สติปัญญำในทำงกำรเรียนคณิตศำสตร์ ธิดำ สุขสถิตย์ (2560, หนำ้ 47-48) กลำ่ ววำ่ ผลสมั ฤทธ์ิทำงกำรเรียน หมำยถึง ควำมรู้ที่ไดร้ ับ จำกกำรสอน หรือทกั ษะท่ีไดพ้ ฒั นำข้ึนมำตำมลำดบั ข้นั ในวิชำต่ำง ๆ ท่ีไดเ้ รียนมำแลว้ ในสถำนศึกษำ และกำรที่ครูจะทรำบวำ่ เด็กไดม้ ีควำมรู้หรือทกั ษะในวิชำต่ำง ๆ เพิ่มข้ึนเพียงใด ก็จำเป็นที่จะตอ้ งอำศยั เครื่องมือในกำรวดั ผลกำรศึกษำเขำ้ มำช่วยลำหรับเคร่ืองมือที่สำมำรถใช่ไดง้ ่ำยและสะดวกที่สุด ไดแ้ ก่ กำรทดสอบ ซ่ึงเรำอำจทดสอบโดยกำรใชแ้ บบทดสอบหรือทดสอบทำงดำ้ นกำรปฏิบตั ิ รณชยั จนั ทร์แกว้ (2559, หนำ้ 77 ) ผลท่ีเกิดจำกกระบวนกำรเรียนกำรสอนท่ีจะทำใหน้ กั เรียน เกิดกำรเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและสำมำรถวดั ไดโ้ ดยกำรแสดงออกท้งั 3 ดำ้ น คือ ดำ้ นพุทธพิสัย ดำ้ น จิตพสิ ยั และดำ้ นทกั ษะพิสัย ดงั น้นั จึงสรุปไดว้ ำ่ ผลสมั ฤทธ์ิทำงกำรเรียนคณิตศำสตร์ หมำยถึง ควำมสำมำรถทำงสติปัญญำ ของผูเ้ รียน หลงั จำกจบกำรเรียนรู้ดว้ ยกำรฝึ กฝนหรือประสบกำรณ์ของแต่ละบุคคล สำมำรถวดั ผลโดย กำรใช้เคร่ืองมือวดั ผลสัมฤทธ์ิ เช่น แบบทดสอบวดั ควำมรู้ ซ่ึงตอ้ งอยู่ในขอบเขตของเน้ือหำของกำร จดั กำรเรียนรู้และผูเ้ รียนสำมำรถใชค้ วำมรู้ในกำรตอบคำถำมเพื่อแกไ้ ขปัญหำต่ำง ๆ ตำมที่ระบุไวแ้ ละ ผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียนสำมำรถนำไปใชเ้ ป็นเกณฑใ์ นกำรประเมินระดบั ควำมสำมำรถของผเู้ รียนได้ ความหมายของแบบฝึ กทกั ษะ แบบฝึกทกั ษะหรือแบบฝึกเสริมทกั ษะ หรือชุดฝึก หรือแบบฝึกหดั เป็นส่ือกำรเรียน ประเภทหน่ึงสำหรับใหผ้ เู้ รียนฝึกปฏิบตั ิ เพื่อให้เกิดควำมรู้ควำมเขำ้ ใจและทกั ษะเพิม่ ข้ึน ส่วนใหญ่ หนงั สือเรียนจะมีแบบฝึกหดั อยทู่ ำ้ ยบทเรียน ในบำงวิชำแบบฝึกหดั จะมีลกั ษณะเป็นแบบฝึกปฏิบตั ิ (สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำแห่งชำติ, 2542) องั ศมุ ำสิน เพิ่มผล (2558, หนำ้ 8) ไดส้ รุปวำ่ แบบฝึก หมำยถึง งำน กิจกรรมหรือ ประสบกำรณ์ที่ครูจดั ใหน้ กั เรียนไดฝ้ ึกหดั กระทำเพื่อทบทวนฝึกฝนเน้ือหำควำมรู้ต่ำง ๆ ท่ีไดเ้ รียนไป แลว้ จนสำมำรถปฏิบตั ิไดด้ ว้ ยควำมชำนำญ และใหผ้ เู้ รียนสำมำรถนำไปใชใ้ นชีวิตประจำวนั ได้
ชุลีพร แจ่มถนอม (2559, หนำ้ 9) กลำ่ ววำ่ แบบฝึกเป็นส่ือประกอบกำรจดั กิจกรรมกำรเรียน กำรสอน ซ่ึงช่วยใหผ้ เู้ รียนเกิดกำรเรียนรู้จำกกำรปฏิบตั ิดว้ ยตนเอง ไดฝ้ ึกทกั ษะเพ่มิ เติมจำกเน้ือหำ โดย มีครูเป็นผแู้ นะนำ ณิฐฐินนั ท์ โอกระโทกและคณะ (2560, หนำ้ 10) ไดแ้ บ่งกำรฝึกทกั ษะออกเป็น 3 ข้นั ตอน ดงั น้ี 1. ข้นั ควำมรู้เป็นข้นั ท่ีนกั เรียนจะตอ้ งพยำยำมศึกษำใหเ้ ขำ้ ใจวำ่ จะปฏิบตั ิอยำ่ งไรบำ้ ง จึงจะเกิดทกั ษะท่ีตอ้ งกำร 2. ข้นั ปฏิบตั ิใหถ้ ูกตอ้ งเป็นข้นั ลงมือปฏิบตั ิตำมแนวทำงท่ีวำงไวใ้ นอนั ที่จะทำใหเ้ กิดทกั ษะน้นั ๆ จนกระทง่ั ไมม่ ีควำมผดิ พลำด 3. ข้นั เพมิ่ พนู ควำมชำนำญถึงข้นั อตั โนมตั ิ เป็นข้นั ท่ีทำไดร้ วดเร็ว แมน่ ยำและถกู ตอ้ ง และได้ สรุปผลกำรวิจยั เกี่ยวกบั ภำวะเบ้ืองตน้ ท่ีมีผลต่อกำรฝึกทกั ษะ ซ่ึงไดแ้ ก่ 3.1 กำรเกิดข้นึ อยำ่ งต่อเนื่องของสิ่งเร้ำและกำรตอบสนอง (Continuity) กำรจดั ส่ิงเร้ำหรือ ส่ิงที่ตอ้ งกำรฝึกไวอ้ ยำ่ งต่อเน่ือง สมั พนั ธ์กนั โดยเริ่มจำกสิ่งที่งำ่ ยไปหำสิ่งที่ยำก 3.2 กำรปฏิบตั ิ (Pratice) กำรลงมือปฏิบตั ิเป็นกำรประสำนงำนยอ่ ยต่ำง ๆ เขำ้ ดว้ ยกนั กำรปฏิบตั ิหลงั จำกกำรเรียนแลว้ จะช่วยป้องกนั กำรลืม และถำ้ หำกปฏิบตั ิอยำ่ งต่อเน่ืองสม่ำเสมอแลว้ จะ ทำใหผ้ เู้ รียนเกิดทกั ษะได้ 3.3 กำรเรียนรู้ผลกำรปฏิบตั ิ (Feedback) กำรรู้ผลกำรปฏิบตั ิในเวลำอนั รวดเร็วจะเป็นกำร เสริมแรง (Reinforcement) ในกำรเรียนและหำกเกิดควำมบกพร่องหรือผิดพลำดกจ็ ะไดท้ ำกำรปรับปรุง แกไ้ ขใหถ้ กู ตอ้ งยดึ เป็นแนวทำงในกำรปฏิบตั ิต่อไป สรุปไดว้ ำ่ แบบฝึกทกั ษะเป็นสื่อชนิดหน่ึงที่ครูสร้ำงข้ึนจำกบทเรียนโดยใชเ้ น้ือหำท่ีไดส้ อนไป แลว้ มำประกอบกำรจดั กิจกรรมกำรเรียนกำรสอน เพ่ือให้ผูเ้ รียนเกิดกำรพฒั นำกำรเรียนรู้ด้วยกำรปฏิบตั ิ สร้ำงควำมเขำ้ ใจเสริมทกั ษะให้ผเู้ รียน เพ่ือให้ผเู้ รียนเกิดควำมชำนำญ เกิดทกั ษะบำงอย่ำง และเป็นกำร ทบทวนเน้ือหำควำมรู้ต่ำง ๆ ที่เรียนไปแลว้ ให้สำมำรถจดจำเน้ือหำไดอ้ ย่ำงแม่นยำมำกข้ึน กำรฝึ ก ทกั ษะตำมจุดประสงคข์ องกำรเรียนรู้แต่ละชุดฝึ กน้นั เพื่อเนน้ ย้ำใหผ้ ูเ้ รียนเกิดควำมแม่นยำ คล่องแคล่ว ในแต่ละทกั ษะ มีประสิทธิภำพทำงควำมคดิ และเหตุผลและเป็นเครื่องมือในกำรประเมินผเู้ รียนดว้ ย ซ่ึง ผศู้ ึกษำพอที่จะสรุปไวเ้ ป็นรำยขอ้ ดงั น้ี 1. กำรฝึกทกั ษะจะตอ้ งฝึกเป็นรำยบคุ คล โดยใหผ้ เู้ รียนฝึกและปฏิบตั ิตำมแบบฝึกทกั ษะดว้ ย ตนเอง 2. ก่อนฝึกตอ้ งใหผ้ เู้ รียนเขำ้ ใจมโนคติและกระบวนกำรของกำรคิดคำนวณหำคำตอบอยำ่ งถอ่ ง แทก้ ่อน
3. เน้ือหำในกำรฝึกทกั ษะตอ้ งสอดคลอ้ งกบั สิ่งท่ีผเู้ รียนไดเ้ รียนและไมย่ ำกเกินไปเพ่อื ให้ ผเู้ รียนคิดคำตอบไดด้ ว้ ยตนเอง 4. แบบฝึกทกั ษะจะเร่ิมจำกส่ิงท่ีง่ำยมีลกั ษณะเป็นรูปธรรมไปสู่สิ่งที่ยำกข้นึ และจดั ลำดบั เน้ือหำที่ฝึกใหม้ ีควำมเหมำะสมสอดคลอ้ งกบั ควำมสำมำรถของผเู้ รียนช้นั มธั ยมศึกษำปี ที่ 3 และเวลำท่ี ใชเ้ หมำะสมกบั กำรฝึกแตล่ ะคร้ัง 5. ในกำรฝึกแต่ละคร้ังน้นั ผเู้ รียนจะตอ้ งฝึกจำกชุดฝึกทกั ษะยอ่ ยดว้ ยตนเองตำมควำม สำมำรถ ของแต่ละบคุ คลแต่จะตอ้ งใชเ้ วลำไมน่ ำนเกิน 20 นำที 6. กำรฝึกทกั ษะแต่ละคร้ังจะพยำยำมใชภ้ ำพหรือรูปแบบอ่ืนท่ีแตกต่ำงกนั เพ่ือไมใ่ หผ้ เู้ รียนเกิด ควำมเบ่ือหน่ำย 7. ในแตล่ ะแบบฝึกยอ่ ยของแบบฝึกทกั ษะจะมีคำเฉลย เพอื่ ใหผ้ เู้ รียนไดต้ รวจคำตอบดว้ ย ตนเองซ่ึงจะเป็นกำรเสริมแรงใหแ้ ก่ผเู้ รียนและมีควำมพยำยำมที่จะเรียนรู้เพ่อื ใหเ้ กิดทกั ษะคดิ คำนวณ ความหมายของการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWDL วชั รำ เล่ำเรียนดี (2560, หน้ำ 165) ไดก้ ำหนดข้นั ตอนกำรสอนโดยใชเ้ ทคนิค KWDL ในกำร แกโ้ จทยป์ ัญหำคณิตศำสตร์ซ่ึงประกอบดว้ ยข้นั ตอนกำรจดั กิจกรรมกำรเรียนกำรสอน 4 ข้นั ตอน ดงั น้ี 1. ข้นั นำ 1.1 ทบทวนควำมรู้เดิม 1.2 แจง้ จุดประสงคก์ ำรเรียนรู้ 2. ข้นั สอนเน้ือหำใหม่ 2.1 ครูนำเสนอโจทยป์ ัญหำคณิตศำสตร์ใหก้ บั นกั เรียนท้งั ช้นั แลว้ ให้นกั เรียนร่วมกนั อ่ำน โจทยแ์ ละแกป้ ัญหำ ตำมแผนผงั KWDL ดงั น้ี K ครูและนกั เรียนร่วมกนั หำสิ่งท่ีโจทยบ์ อกใหท้ รำบ W ครูและนกั เรียนร่วมกนั หำสิ่งที่โจทยต์ อ้ งกำรทรำบ D ครูและนกั เรียนร่วมกนั ดำเนินกำรแกโ้ จทยป์ ัญหำคณิตศำสตร์ L ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปกำรแกป้ ัญหำ 2.2 นกั เรียนฝึกปฏิบตั ิเป็นกลมุ่ ยอ่ ยโดยครูคอยแนะนำ 3. ข้นั ฝึกทกั ษะโดยอิสระ นกั เรียนทำแบบฝึกหดั จำกแบบฝึกหดั ที่ครูสร้ำงข้นึ 4. ข้นั สรุปบทเรียนและประเมินผลนกั เรียนทำแบบทดสอบประจำหน่วยกำรเรียน จำกกำรศึกษำข้นั ตอนกำรจัดกิจกรรมกำรเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWDL ที่ได้กล่ำวมำขำ้ งตน้ ผวู้ จิ ยั จดั ข้นั ตอนกำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้โดยใชเ้ ทคนิค KWDL เป็น 4 ข้นั ตอน ดงั น้ี 1. ข้นั นำ ครูทบทวนควำมรู้เดิมของนกั เรียนและนำเขำ้ สู่บทเรียน 2. ข้นั สอน ครูสอนสำระกำรเรียนรู้แก่นกั เรียนท้งั ช้นั จำกน้นั ครูใหน้ กั เรียนร่วมกนั
วิเครำะห์โจทยแ์ ละแกป้ ัญหำดว้ ยเทคนิค KWDL ซ่ึงมีข้นั ตอน ดงั น้ี ข้นั ตอนที่ 1 K (What you Know) หำส่ิงท่ีโจทยก์ ำหนดให้ ข้นั ตอนที่ 2 W (What you What to know) หำสิ่งที่โจทยต์ อ้ งกำรทรำบ ข้นั ตอนท่ี 3 D (What you Do to fine out) ดำเนินกำรแกป้ ัญหำ ข้นั ตอนท่ี 4 L (What you Learned) สรุปข้นั ตอนของกำรแกป้ ัญหำส่ิงที่เรียนรู้ 3. ข้นั ฝึกทกั ษะ นกั เรียนทำใบงำนและแบบฝึกทกั ษะ 4. ข้นั สรุปและวดั ประเมินผล ครูใหน้ กั เรียนร่วมกนั สรุปสำระกำรเรียนรู้ท่ีเรียน จำกน้นั ครู วดั และประเมินผลนักเรียนจำกกำรสังเกต กำรตอบคำถำม กำรร่วมกิจกรรม และกำรตรวจใบงำนและ แบบฝึกทกั ษะ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนคณติ ศาสตร์ กระทรวงศึกษำธิกำร (2546, หนำ้ 28) ไดก้ ลำ่ ววำ่ มำตรฐำนกำรเรียนรู้ตำมช่วงช้นั และ คุณภำพของผเู้ รียนท่ีกำหนดไวใ้ นหลกั สูตรกำรศึกษำข้นั พ้ืนฐำน ตลอดจนสำระกำรเรียนรู้และผลกำร เรียนรู้ที่คำดหวงั ของสถำนศึกษำ เป็นเป้ำหมำยของกำรจดั กำรเรียนกำรสอนท่ีมีแนวทำงดำเนินงำนตำม แผนกำรจดั กำรเรียนรู้โดยมีกำรวดั ผลประเมินผลเป็นกระบวนกำรตรวจสอบคณุ ภำพของผเู้ รียนดว้ ย วิธีกำรที่หลำกหลำย ซ่ึงอำจเนน้ กำรวดั ควำมรู้ควำมคดิ ทกั ษะกระบวนกำรทำงคณิตศำสตร์และ คุณลกั ษณะท่ีพงึ ประสงคท์ ่ีครอบคลมุ เจตคติทำงคณิตศำสตร์ เพ่ือใหไ้ ดข้ อ้ มลู อยำ่ ง เพียงพอและตรงตำม ควำมเป็นจริง แลว้ จึงประเมินผลขอ้ มลู ที่ไดเ้ พ่ือสรุปผลงำนที่ปฏิบตั ิตำมสภำพจริงตำมท่ีกำหนดไวใ้ น หลกั สูตร ปำริชำติ สุพรรณกลำง (2560, หนำ้ 35) ไดใ้ หค้ วำมหมำยของแบบทดสอบวดั ผล สัมฤทธ์ิ ทำงกำรเรียน หมำยถึง แบบทดสอบที่ใชว้ ดั วำ่ ผเู้ รียนมีควำมรู้ ควำมสำมำรถ ทกั ษะและ สมรรถภำพตำ่ ง ๆ ในเร่ืองท่ีเรียนไปแลว้ มำกนอ้ ยเพยี งใด 1. แบบทดสอบแบบเลือกตอบ 2. แบบทดสอบแบบถกู ผิด 3. แบบทดสอบแบบจบั คู่ 4. แบบทดสอบแบบเปรียบเทียบ 5. แบบทดสอบแบบเติมคำ 6. แบบทดสอบแบบเขียนตอบ 7. แบบทดสอบแบบตอ่ เนื่อง 8. แบบทดสอบแบบแสดงวธิ ีทำ
กำรสร้ำงแบบทดสอบแบบน้ีมีข้นั ตอนที่สำคญั ดงั ต่อไปน้ี 1. ศึกษำจุดม่งุ หมำยของกำรวดั ผลประเมินผล สำระกำรเรียนรู้ มำตรฐำนกำรเรียนรู้ และ ตวั ช้ีวดั และมโนทศั น์ของแตล่ ะเรื่อง 2. กำหนดสำระกำรเรียนรู้และผลกำรเรียนรู้ที่คำดหวงั ที่ตอ้ งกำรวดั 3. เลือกประเภทของแบบทดสอบอยำ่ งหลำกหลำย เพอ่ื ใหผ้ เู้ รียนไดม้ ีโอกำสแสดงควำมรู้ ควำมสำมำรถอยำ่ งเตม็ ศกั ยภำพ 4. กำหนดจำนวนขอ้ สอบ กำรกระจำยของเน้ือหำสำระที่ตอ้ งกำรทดสอบและเวลำ ที่ใชท้ ดสอบ 5. สร้ำงแบบทดสอบตำมคณุ ลกั ษณะท่ีกำหนด โดยคำนึงถึงเทคนิคของกำรสร้ำง แบบทดสอบและควำมสอดคลอ้ งกบั จุดมุง่ หมำย 6. ตรวจสอบควำมเที่ยงตรงและควำมเช่ือมนั่ ของแบบทดสอบ สำหรับแบบทดสอบ บำงแบบอำจตอ้ งตรวจสอบควำมเป็นปรนยั ดว้ ย กำรสร้ำงแบบทดสอบที่มีคุณภำพและเป็นไปตำมคุณลกั ษณะที่ตอ้ งกำร จะตอ้ งบนั ทึกขอ้ มูลท่ี เกี่ยวขอ้ งกบั แบบทดสอบขอ้ น้นั และจะตอ้ งสร้ำงแบบทดสอบตำมขอ้ มูลท่ีกำหนดไวแ้ บบทดสอบท่ีใช้ ในวิชำคณิตศำสตร์แตล่ ะแบบมีลกั ษณะสำคญั วิธีกำรสร้ำงเกณฑก์ ำรใหค้ ะแนน ขอ้ ดีและขอ้ จำกดั ดงั น้ี 1. แบบทดสอบแบบเลือกตอบ แบบทดสอบแบบเลือกตอบใชว้ ดั ไดค้ รอบคลุมท้งั ดำ้ นควำมรู้ควำมคดิ หลกั กำรทฤษฎี กำร ตดั สินใจ กำรประเมินตวั แปร กำรแปลควำมหมำยขอ้ มูล กำรแสดงควำมเขำ้ ใจในธรรมชำติของ คณิตศำสตร์ ตลอดจนควำมสำมำรถดำ้ นทกั ษะกระบวนกำรทำงคณิตศำสตร์ แบบทดสอบแบบเลือกตอบ มี ส่วนประกอบสำคญั 2 ส่วน คือ (1) ส่วนของคำถำม และ (2) ส่วนของคำตอบเรียกวำ่ ตวั เลือก ซ่ึงมี ส่วนตวั เลือกท่ีเป็นคำตอบผิด เรียกวำ่ ตวั ลวง กำรสร้ำงแบบทดสอบแบบเลือกตอบใหม้ ีคุณภำพ มีหลกั กำรดงั น้ี 1. สร้ำงคำถำม คำถำมท่ีดีควรมีลกั ษณะ ดงั น้ี 1.1 ส้นั ชดั เจนและใชภ้ ำษำที่เขำ้ ใจไดง้ ่ำย 1.2 เขยี นเป็นประโยคบอกเลำ่ ถำ้ จำเป็นตอ้ งใชป้ ระโยคปฏิเสธกค็ วรเนน้ ขอ้ ควำม หรือขดี เส้นใตข้ อ้ ควำมท่ีแสดงกำรปฏิเสธ 1.3 คำถำมแตล่ ะขอ้ จะตอ้ งเป็นอิสระแก่กนั โดยไมใ่ หก้ ำรตอบคำถำมของขอ้ หน่ึงช้ีนำ หรือสื่อควำมไปถึงคำตอบถูกหรือคำตอบผิดหลีกเล่ียงกำรใชภ้ ำษำท่ีเขำ้ ใจยำก 2. สร้ำงตวั เลือก ตวั เลือกที่ดีควรมีลกั ษณะ ดงั น้ี 2.1 ตวั เลือกควรเป็นเรื่องหรือประเด็นเดียวกนั มีควำมยำวใกลเ้ คียงกนั 2.2 ใหม้ ีสดั ส่วนตวั เลือกใกลเ้ คยี งกนั คำตอบที่ถกู ของแบบทดสอบแต่ละฉบบั
ตอ้ งกระจำยท้งั ฉบบั 2.3 ใชค้ ำใหส้ ้ันที่สุดเท่ำท่ีจะทำได้ 2.4 หลีกเล่ียงกำรใชศ้ พั ทห์ รือขอ้ ควำมที่เขำ้ ใจยำก 2.5 ไม่ควรใชต้ วั เลือก \"ถูกทุกขอ้ \" หรือ \"ไม่มีขอ้ ใดถูก\" 2. แบบทดสอบแบบถูกผดิ แบบทดสอบแบบถกู ผิดเป็นแบบทดสอบแบบเลือกตอบรูปแบบหน่ึงท่ีมีลกั ษณะเป็นกำร นำเสนอขอ้ ควำมเกี่ยวกบั ควำมรู้และควำมเขำ้ ใจในมโนทศั น์ หลกั กำรทฤษฎี กำรแปล ควำมหมำยหรือ กำหนดตวั แปร โดยใหผ้ ูเ้ รียนพจิ ำรณำเลือกตอบเพยี งคำตอบ ถกู และผิดเท่ำน้นั กำรสร้ำงแบบทดสอบ แบบถูกผิดใหม้ ีคุณภำพ มีหลกั กำรดงั น้ี 1. ขอ้ ควำมท่ีตอ้ งกำรใหพ้ ิจำรณำวำ่ ถูกหรือผิด ตอ้ งมีแนวคิดเพยี งเร่ืองเดียว และตอ้ งมี ประเด็นสำคญั ในกำรตอบอย่ำงชดั เจน 2. คำและศพั ทท์ ำงคณิตศำสตร์ท่ีนำมำใชต้ อ้ งเหมำะสมกบั ระดบั ของผเู้ รียน ใชภ้ ำษำ ถกู ตอ้ ง เชำ้ ใจง่ำย และไมท่ ำใหเ้ กิดควำมสบั สนหรือเขำ้ ใจผดิ 3. คำถำมจะตอ้ งมีควำมเที่ยงตรงในกำรตดั สินคำตอบถกู หรือผิด 4. ไม่ควรใชค้ ำหรือขอ้ ควำมท่ีเป็นกำรช้ีนำคำตอบท้งั ที่อยใู่ นขอ้ เดียวกนั หรืออยใู่ น ขอ้ อ่ืน 5. ไม่ควรใชค้ ำปฏิเสธหรือใชค้ ำปฏิเสธซอ้ นปฏิเสธ 3. แบบทดสอบแบบจับคู่ แบบทดสอบแบบจบั คู่เป็นแบบทดสอบที่มีลกั ษณะกำรนำเสนอคำหรือขอ้ ควำม 2 ส่วน ใหเ้ ลือกเพ่อื จบั คกู่ นั ส่วนท่ี 1 คือ คำถำมที่มีลกั ษณะเป็นคำหรือขอ้ ควำมซ่ึงเป็นมโนทศั น์เขยี นเรียง เป็นแนวต้งั 1 แถว ส่วนที่ 2 คือ คำตอบซ่ึงเป็นคำหรือขอ้ ควำมที่สัมพนั ธ์หรือเก่ียวขอ้ งกบั ปัญหำ เขียน เรียงเป็นแนวต้งั อีกแถว โดยทว่ั ไปจำนวนขอ้ ของคำตอบจะมีมำกกวำ่ คำถำม กำรสร้ำงแบบทดสอบแบบ จบั คูใ่ หม้ ีคณุ ภำพ มีหลกั กำรดงั น้ี 1. ควรเลือกขอ้ ควำมในหวั ขอ้ หรือเน้ือหำเดียวกนั มำสร้ำงแบบทดสอบ 2. ขอ้ ควำมมีควำมยำวใกลเ้ คียงกนั โดยทว่ั ไปจะใชข้ อ้ ควำมท่ียำวกวำ่ เป็นชุดของคำถำมส่วน ขอ้ ควำมท่ีส้ันกวำ่ จะเป็นชุดของคำตอบ 3. ตอ้ งมีจำนวนขอ้ ควำมท่ีเป็นคำตอบมำกกวำ่ ขอ้ ควำมท่ีเป็นคำถำม 4. ขอ้ ควำมท่ีเป็นคำถำมและคำตอบจะตอ้ งส้นั กะทดั รัด มีควำมชดั เจน และเป็นสำระสำคญั 4. แบบทดสอบแบบเปรียบเทียบ แบบทดสอบแบบเปรียบเทียบเป็นแบบทดสอบท่ีเนน้ ให้ผเู้ รียนไดแ้ สดงควำมสมั พนั ธ์
ระหวำ่ งส่ิงท่ีกำหนดให้ โดยมีวตั ถปุ ระสงคเ์ พือ่ วดั ควำมรู้ควำมเขำ้ ใจของผเู้ รียนในเน้ือหำท่ีตอ้ งกำรวดั แบบทดสอบลกั ษณะน้ีประกอบดว้ ยสถำนกำรณ์ท่ีกำหนดใหแ้ ละขอ้ ควำมแสดงปริมำณ 2 ขอ้ ควำมที่ สรุปไม่ไดต้ อ้ งกำรใหผ้ เู้ รียนพจิ ำรณำควำมสมั พนั ธใ์ นรูปของมำกกวำ่ เทำ่ กนั นอ้ ยกว่ำ หรือกำรสร้ำง แบบทดสอบแบบเปรียบเทียบใหม้ ีคุณภำพ มีหลกั กำรดงั น้ี 1. สถำนกำรณ์ที่กำหนดใหต้ อ้ งมีควำมชดั เจน และหลีกเลี่ยงกำรใชภ้ ำษำท่ีช้ีนำ คำตอบ 2. สถำนกำรณ์ในแต่ละขอ้ ตอ้ งเป็นอิสระแก่กนั 3. ขอ้ ควำมท่ีใชเ้ ปรียบเทียบควรเป็นประเด็นเดียวกนั 4. ขอ้ ควำมตอ้ งส้นั กะทดั รัด และมีควำมชดั เจน 5. ไมค่ วรใชข้ อ้ ควำมท่ีมีควำมหมำยในเชิงปฏิเสธ 5. แบบทดสอบแบบเตมิ คา แบบทดสอบแบบเติมคำใชว้ ดั ผลไดค้ รอบคลุมท้งั ดำ้ นควำมรู้ควำมเชำ้ ใจและทกั ษะกระบวนกำร เช่นเดียวกบั แบบทดสอบแบบเลือกตอบ แต่ผตู้ อบตอ้ งแสดงควำมรู้ควำมสำมำรถดว้ ย กำรเขียนคำตอบท่ี เป็นผลลพั ธข์ องปัญหำ ซ่ึงแบบทดสอบเติมคำยงั ใชใ้ นกำรฝึกคิดเลขในใจไดอ้ ีกดว้ ยกำรสร้ำงแบบทดสอบ แบบเติมคำใหม้ ีคุณภำพ มีหลกั กำรดงั น้ี 1. ไมค่ วรสร้ำงคำถำมโดยคดั ลอกสถำนกำรณ์หรือคำถำมท่ีมีอยใู่ นบทเรียน 2. ช่องวำ่ งที่เวน้ ไวใ้ หเ้ ติมตอ้ งเหมำะสมกบั คำตอบ เป็นขอ้ ควำมที่ส้ันและชดั เจนที่ผตู้ อบ เขำ้ ใจไดต้ รงกนั 3. ไมค่ วรมีหลำยคำตอบในขอ้ เดียวกนั 4. คำตอบควรอยทู่ ำ้ ยประโยค แตถ่ ำ้ ตอ้ งกำรเติมคำตอบระหวำ่ งขอ้ ควำมท่ีเวน้ เน้ือหำสำระไว้ จะตอ้ งเวน้ ช่องวำ่ งใหพ้ อดีกบั คำตอบและมีควำมกวำ้ งใกลเ้ คียงกนั ทุกขอ้ 5. ควรกำหนดเกณฑก์ ำรใหค้ ะแนนอยำ่ งชดั เจน แบบทดสอบแบบเติมคำที่กำหนดใหเ้ ติมเฉพำะคำตอบเป็นตวั เลขมีหลำยแบบในที่น้ีจะ แสดงไว้ 3 แบบ คอื 1. แบบทดสอบแบบเติมคำที่มีคำตอบเดียว 2. แบบทดสอบแบบเติมคำท่ีมีหลำยคำตอบ 3. แบบทดสอบแบบเติมคำท่ีใชฝ้ ึกคดิ เลขในใจ 6. แบบทดสอบแบบเขียนตอบ แบบทดสอบแบบเขยี นตอบใชท้ ดสอบโดยผสู้ อบจะตอ้ งแสดงควำมรู้ควำมสำมำรถดว้ ยกำร เขยี นตอบ แสดงวธิ ีทำหรือสรุปผลจำกวิธีทำโดยแสดงเหตผุ ลประกอบ กำรสร้ำงแบบทดสอบแบบเขยี นตอบใหม้ ีคณุ ภำพมีหลกั กำรดงั น้ี
1. โจทยห์ รือคำถำมตอ้ งมีควำมชดั เจนท่ีส่ือควำมหมำยไดเ้ ชำ้ ใจตรงกนั 2. หลีกเล่ียงคำถำมที่วดั ควำมจำ หรือใชค้ ำถำมท่ีเป็นสถำนกำรณ์จำกบทเรียน โดยตรง 3. คำถำมควรเรียงจำกขอ้ งำ่ ยท่ีสุดและเพิ่มควำมยำกข้นึ ตำมสำดบั แบบทดสอบแบบเขยี นตอบท่ีกำหนดใหเ้ ขียนคำตอบพร้อมท้งั แสดงเหตุผลประกอบมี หลำยแบบ ในท่ีน้ีจะแสดงไว้ 2 แบบ คอื 1. แบบทดสอบแบบเขียนตอบที่มีคำตอบเดียว 2. แบบทดสอบแบบเขียนตอบที่มีหลำยคำตอบ สรุปไดว้ ่ำ สำเหตุที่ทำใหเ้ กิดปัญหำต่อผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียนคณิตศำสตร์ คือ กำรจดั กิจกรรม กำรเรียนกำรสอนไม่เหมำะสมกบั ผูเ้ รียน ผูเ้ รียนมีเจตคติที่ไม่ดีต่อวิชำคณิตศำสตร์สภำพแวดลอ้ มทำง ครอบครัวของผเู้ รียน และวฒุ ิภำวะควำมพร้อมของผเู้ รียน ซ่ึงทุกสำเหตุที่กลำ่ วมำน้ีลว้ นแตส่ ำมำรถแกไ้ ข ปัญหำได้ซ่ึงเป็ นหน้ำที่ของครูผูส้ อนจำเป็ นตองหำวิธีกำรท่ีเหมำะสมกับผูเ้ รียนมำใช้ในกำรแก้ปัญหำ เพื่อใหผ้ เู้ รียนมีผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียนคณิตศำสตร์ท่ีสูงข้ึนมำกกวำ่ น้ีอีกท้งั ครูผูส้ อนตอ้ งหำวิธีกำรทำให้ ผเู้ รียนมีเจตคติท่ีดีตอ่ กำรเรียนคณิตศำสตร์อีกดว้ ย ความหมายของความพงึ พอใจ ไดม้ ีนกั กำรศึกษำใหค้ วำมหมำยของควำมพงึ พอใจไวห้ ลำยคนดงั น้ี กำญจนำ อรุณสุขรุจี (2556, หนำ้ 21) กลำ่ ววำ่ ควำมพงึ พอใจ หมำยถึง กำรแสดง พฤติกรรมท่ีเป็นนำมธรรม ไมส่ ำมำรถมองเห็นเป็นรูปร่ำงได้ กำรที่เรำจะทรำบวำ่ บุคคลมีควำมพึงพอใจ หรือไมส่ ำมำรถสังเกตโดยกำรแสดงออกท่ีคอ่ นขำ้ งสลบั ซบั ซอ้ น และตอ้ งมีส่ิงเร้ำที่ตรงตอ่ ควำมตอ้ งกำร ของบคุ คล จึงจะทำใหบ้ ุคคลเกิดควำมพึงพอใจ ดงั น้นั กำรสร้ำงส่ิงเร้ำจึงเป็นแรงจูงใจของบุคคลน้นั ให้ เกิดควำมพึงพอใจในงำนน้นั สง่ำ ภู่ณรงค์ (2556, หนำ้ 10) กลำ่ ววำ่ ควำมพึงพอใจ หมำยถึง ควำมรู้สึกท่ีเกิดข้ึน เมื่อ ไดร้ ับควำมสำเร็จตำมควำมมุ่งหมำย หรือเป็นควำมรู้สึกข้นั สุดทำ้ ยท่ีไดร้ ับผลสำเร็จตำมวตั ถปุ ระสงค์ สุภำลกั ษณ์ ชยั อนนั ต์ (2550, หนำ้ 17) กลำ่ ววำ่ ควำมพึงพอใจ หมำยถึง ควำมรู้สึก ส่วนตวั ที่รู้สึกเป็ นสุขหรือยินดี ท่ีไดร้ ับกำรตอบสนองควำมตอ้ งกำรในส่ิงท่ีขำดหำยไป หรือสิ่งที่ทำ ให้เกิดควำมไม่สมดุล ควำมพึงพอใจเป็ นส่ิงที่กำหนดพฤติกรรม ท่ีจะแสดงออกของบุคคลซ่ึงมีผลต่อ กำรเลือกที่จะปฏิบตั ิในกิจกรรมใด ๆ น้นั อุทยั พรรณ สุดใจ (2559, หนำ้ 7) กลำ่ ววำ่ ควำมพงึ พอใจ หมำยถึง ควำมรู้สึกหรือทศั นคติ ของบุคคลที่มีตอ่ ส่ิงใดส่ิงหน่ึงโดยอำจจะเป็นไปในเชิงประเมินค่ำวำ่ ควำมรู้สึกหรือทศั นคติต่อสิ่งหน่ึงส่ิง ใดน้นั เป็นไปในทำงบวกหรือทำงลบ
จำกกำรศึกษำควำมหมำยของควำมพึงพอใจท่ีกล่ำวมำท้งั หมด สรุปไดว้ ำ่ ควำมพงึ พอใจ หมำยถึง ควำมรู้สึกของบคุ คลในเชิงบวก ท่ีมีต่อสิ่งเร้ำทำใหเ้ กิดมีควำมสุข และประสบควำมสำเร็จใน งำนตำมวตั ถุประสงคท์ ี่ตอ้ งกำร องค์ประกอบของความพงึ พอใจ เฮอร์ซเบอร์ก, และคนอ่ืน (Herzberg, et al, 1959) ไดก้ ลำ่ วถึง ทฤษฏีสองปัจจยั หรือ องคป์ ระกอบตำ่ ง ๆ ที่ทำใหเ้ กิดควำมพงึ พอใจในกำรทำงำนและท่ีจะป้องกนั ไม่ใหเ้ กิดควำมไมพ่ งึ พอใจ ในกำรทำงำนน้นั ตอ้ งประกอบดว้ ยปัจจยั ที่มีผลใหบ้ ุคคลปฏิบตั ิงำนอยำ่ งเตม็ ควำมรู้ควำมสำมำรถ และ ใชค้ วำมพยำยำมอยำ่ งเตม็ ท่ี ซ่ึงมี 2 ปัจจยั ไดแ้ ก่ 1. ปัจจยั อนำมยั หรือค้ำจุน (hygien factor) ซ่ึงเป็นปัจจยั พ้นื ฐำนท่ีจำเป็นที่ทกุ คน จะตอ้ งไดร้ ับกำรตอบสนองปัจจยั เหลำ่ น้ี ไมใ่ ช่สิ่งจูงใจ ท่ีจะทำใหค้ นทำงำนมำกข้ึน แตป่ ัจจยั เหล่ำน้ีส่วน ใหญจ่ ะเกี่ยวขอ้ งกบั สภำพแวดลอ้ มของงำน ซ่ึงมีอยู่ 11 ประกำร คือ 1) เงินเดือน 2) โอกำสที่จะไดร้ ับควำมกำ้ วหนำ้ ในอนำคต 3) ควำมสมั พนั ธก์ บั ผใู้ ตบ้ งั คบั บญั ชำ 4) ฐำนะอำชีพ 5) ควำมสมั พนั ธ์กบั ผบู้ งั คบั บญั ชำ 6) ควำมสมั พนั ธก์ บั เพ่ือนร่วมงำน 7) กำรปกครองบงั คบั บญั ชำ 8) นโยบำยและกำรบริหำรงำน 9) สภำพควำมเป็นอยสู่ ่วนตวั 10) สภำพควำมเป็นอยขู่ องครอบครัว 11) ควำมมนั่ คงในกำรทำงำน 2. ปัจจยั เป็นตวั จูงใจ (motivator factor) กลำ่ วไดว้ ่ำ เป็นปัจจยั ท่ีเป็นตวั กระตุน้ ปัจจยั เหลำ่ น้ี ส่วนใหญเ่ ก่ียวกบั กำรประกอบกิจกรรมตำ่ ง ๆ ซ่ึงมีอยู่ 5 ประกำร คอื 1) ควำมสำเร็จของงำน (achievement) 2) กำรไดร้ ับกำรยนิ ยอมนบั ถือ (recognition) 3) ลกั ษณะงำน (work ltself) 4) ควำมรับผิดชอบ (responsibility) 5) ทฤษฎีควำมคำดหมำย (expectancy theory) กลิมเมอร์ และคนอ่ืน ๆ (Gilmer, et al, 1971) ไดก้ ล่ำวถึง องคป์ ระกอบต่ำง ๆ ท่ีมีผลตอ่ ควำมพึงพอใจ จะตอ้ งประกอบดว้ ย 1) ควำมมนั่ คงปลอดภยั 2) โอกำสกำ้ วหนำ้ ในกำรทำงำน เช่น ได้
มีโอกำสไดร้ ับสิ่งตอบแทนจำกควำมสำมำรถในกำรทำงำน 3) บริษทั และฝ่ำยจดั กำร ไดแ้ ก่ ควำม พอใจในช่ือเสียงของท่ีทำงำน และพอใจในกำรจดั กำรของฝ่ ำยจดั กำร 4) ค่ำจ้ำง 5) ลกั ษณะของ งำนทำ 6) กำรบงั คบั บญั ชำ 7) ลกั ษณะทำงสังคม 8) กำรคมนำคม และกำรติดต่อสื่อสำร 9) สภำพ กำรทำงำน และ 10) ส่ิงตอบแทน มิลตนั (Milton, 1981) ไดก้ ลำ่ วถึง องคป์ ระกอบที่มีผลต่อควำมพึงพอใจในกำรปฏิบตั ิงำน คือ ลกั ษณะงำน เงินเดือน กำรเล่ือนตำแหน่งในกำรทำงำน กำรไดร้ ับกำรยอมรับนบั ถือ ผลประโยชน์ สภำพ กำรทำงำน กำรนิเทศงำน ควำมสมั พนั ธก์ บั เพ่อื นร่วมงำน และกำรบริหำรงำน จำกกำรศึกษำองคป์ ระกอบของควำมพึงพอใจดงั กลำ่ ว สรุปไดว้ ำ่ บคุ คลจะมีควำมพึงพอใจก็ ต่อเม่ือ ไดร้ ับกำรตอบสนองตำมควำมตอ้ งกำรของบคุ คลน้นั ๆ และองคป์ ระกอบท่ีทำใหเ้ กิดควำมพงึ พอใจ แบง่ ออกเป็น 2 ลกั ษณะใหญ่ ๆ คือ องคป์ ระกอบที่เกี่ยวกบั งำน ไดแ้ ก่ ลกั ษณะของงำน ควำมสำเร็จของงำน กำรไดร้ ับกำรยอมรับนบั ถือ ควำมกำ้ วหนำ้ ในตำแหน่งงำน โอกำสที่จะไดร้ ับ ควำมกำ้ วหนำ้ และควำมรับผิดชอบ ส่วนองคป์ ระกอบท่ีเก่ียวกบั สภำพแวดลอ้ ม ไดแ้ ก่ นโยบำยกำร บริหำรงำนกำรนิเทศควำมสัมพนั ธก์ บั ผบู้ งั คบั บญั ชำ และเพอื่ นร่วมงำนควำมมนั่ คงในกำรทำงำน สภำพแวดลอ้ มในกำรทำงำนฐำนะของอำชีพ และรำยได้ การวดั ความพงึ พอใจ กำรวดั ควำมพึงพอใจ อำจจะทำไดห้ ลำยวธิ ี ซ่ึงไดม้ ีนกั กำรศึกษำกลำ่ วไว้ และสรุปไดด้ งั น้ี ภณิดำ ชยั ปัญญำ (2561, หนำ้ 11) กล่ำววำ่ กำรวดั ควำมพงึ พอใจ ทำไดด้ งั น้ี 1. กำรใชแ้ บบสอบถำม โดยผอู้ อกแบบสอบถำม เพ่ือตอ้ งกำรทรำบควำมคิดเห็นซ่ึง สำมำรถกระทำไดใ้ นลกั ษณะกำหนดคำตอบใหเ้ ลือก หรือตอบคำถำมอิสระ คำถำมดงั กล่ำวอำจถำม ควำมพอใจในดำ้ นตำ่ ง ๆ 2. กำรสัมภำษณ์ เป็นวิธีกำรวดั ควำมพึงพอใจทำงตรง ซ่ึงตอ้ งอำศยั เทคนิคและ วิธีกำรท่ีดี จะไดข้ อ้ มลู ท่ีเป็นจริง 3. กำรสงั เกต เป็นวธิ ีกำรวดั ควำมพงึ พอใจ โดยกำรสงั เกตพฤติกรรม ของบคุ คลเป้ำหมำย ไม่วำ่ จะแสดงออกจำกกำรพดู จำ กริยำ ท่ำทำง วธิ ีน้ีตอ้ งอำศยั กำรกระทำอยำ่ งจริงจงั และ สังเกตอยำ่ งเป็นระเบียบแบบแผน สำโรจน์ ไสยสมบตั ิ (2558, หนำ้ 39) กลำ่ ววำ่ กำรวดั ควำมพึงพอใจ ทำไดด้ งั น้ี 1. กำรใชแ้ บบสอบถำม ซ่ึงเป็นวิธีกำรนิยมใชม้ ำกอยำ่ งแพร่หลำยวิธีหน่ึง 2. กำรสัมภำษณ์ ซ่ึงเป็นวิธีท่ีตอ้ งอำศยั เทคนิค และควำมชำนำญพิเศษของ ผสู้ ัมภำษณ์ท่ีจะจูงใจใหผ้ ตู้ อบคำถำมตำมขอ้ เทจ็ จริง 3. กำรสังเกต เป็นกำรสงั เกตพฤติกรรม ท้งั ก่อนกำรปฏิบตั ิกิจกรรมขณะปฏิบตั ิ กิจกรรมและหลงั ปฏิบตั ิกิจกรรม
หทยั รัตน์ ประทุมสูตร (2558, หนำ้ 14) กล่ำววำ่ กำรวดั ควำมพงึ พอใจ เป็นเร่ืองท่ี เปรียบเทียบไดก้ บั ควำมเขำ้ ใจทวั่ ๆ ไป ซ่ึงปกติจะวดั ได้ โดยกำรสอบถำมจำกบุคคลท่ีตอ้ งกำรจะถำม มี เคร่ืองมือที่ตอ้ งกำรจะใชใ้ นกำรวิจยั หลำย ๆ อย่ำง อยำ่ งไรก็ดีถึงแมว้ ำ่ จะมีกำรวดั อยหู่ ลำยแนวทำง แต่ กำรศึกษำควำมพึงพอใจอำจแยกตำมแนวทำงวดั ไดส้ องแนวคิดตำมควำมคิดเห็นของ ซำลีซนิคค์ คริสเทนส์ กล่ำวคือ 1. วดั จำกสภำพท้งั หมดของแต่ละบุคคล เช่น ท่ีทำงำน ท่ีบำ้ นและทกุ ๆ อยำ่ งท่ี เก่ียวขอ้ งกบั ชีวติ กำรศึกษำตำมแนวทำงน้ี จะไดข้ อ้ มูลท่ีสมบรู ณ์ แตท่ ำใหเ้ กิดควำมยุง่ ยำกกบั กำรท่ีจะ วดั และเปรียบเทียบ 2. วดั ไดโ้ ดยแยกออกเป็นองคป์ ระกอบ เช่น องคป์ ระกอบท่ีเก่ียวกบั งำน กำรนิเทศงำน เกี่ยวกบั นำยจำ้ ง จำกท่ีนกั กำรศึกษำกล่ำวถึง กำรวดั ควำมพึงพอใจ สรุปไดว้ ำ่ กำรวดั ควำมพึงพอใจ ทำได้โดยกำรใช้แบบสอบถำม กำรสัมภำษณ์ และกำรสังเกต ในกำรพฒั นำผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียน รำยวิชำเสริมทกั ษะคณิตศำสตร์ 2 เรื่อง ภำคตดั กรวย โดยใช้แบบฝึ กทกั ษะคณิตศำสตร์ ดว้ ยเทคนิค KWDL ของนักเรียนช้ันมธั ยมศึกษำ ปี ท่ี 4 โรงเรียนวงั จนั ทร์วิทยำ ปี กำรศึกษำ 2564ในคร้ังน้ีผูว้ ิจยั วดั ควำมพึงพอใจของนักเรียนด้วยแบบสอบถำม ประมำณค่ำ 5 ระดับ คือ ระดับ มำกท่ีสุด มำก ปำนกลำง นอ้ ย และนอ้ ยท่ีสุด จำนวน 10 ขอ้ งานวิจยั ทีเ่ กยี่ วข้อง งานวจิ ัยในประเทศ ศิรินันท์ บุญเรืองศรี (2563) ไดท้ ำกำรศึกษำผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียนวิชำคณิตศำสตร์ เร่ือง ภำคตัดกรวย ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษำปี ท่ี 4 โดยกำรจัดกิจกรรมกำรเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWDL โรงเรียนพระโขนงพิทยำลยั ผลกำรวิจยั พบว่ำ 1) ผลกำรพฒั นำกิจกรรมกำรเรียนวิชำคณิตศำสตร์ เรื่อง ภำคตดั กรวย ของนักเรียนช้นั มธั ยมศึกษำปี ที่ 4 โดยกำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้ดว้ ยเทคนิค KWDL ให้มี ประสิทธิภำพตำมเกณฑ์ 80/80 พบว่ำ มีประสิทธิภำพเท่ำกบั 80.33/81.33 สูงกวำ่ เกณฑท์ ่ีต้งั ไว้ 2) ผลกำร เปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียนวิชำคณิตศำสตร์ เรื่อง ภำคตดั กรวย ก่อนและหลงั เรียน โดยกำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้ดว้ ยเทคนิค KWDL ของนักเรียนช้ันมธั ยมศึกษำปี ท่ี 4 พบว่ำ หลงั เรียนสูงกว่ำก่อน เรียน อยำ่ งมีนยั สำคญั ทำงสถิติท่ีระดบั .05 และ 3) ผลกำรศึกษำควำมพงึ พอใจของนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษำ ปี ที่ 4 เร่ืองภำคตดั กรวย ท่ีมีต่อกำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้ดว้ ยเทคนิค KWDL พบวำ่ อยู่ในระดบั มำกที่สุด คิดเป็นค่ำเฉลี่ยเทำ่ กบั 4.55 เป็นไปตำมเกณฑท์ ่ีกำหนด เสำวนีย์ บญุ แกว้ (2559) ไดท้ ำกำรศึกษำควำมสำมำรถในกำรเรียนวิชำคณิตศำสตร์ เร่ือง ภำค ตดั กรวย ของนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษำปี ท่ี 4 โดยกำรจดั กำรเรียนรู้ดว้ ยเทคนิค KWDL โรงเรียนจุฬำภรณ
รำชวิทยำลัย นครศรีธรรมรำช ผลกำรวิจัยพบว่ำ 1) นักเรียนมีควำมสำมำรถในกำรแก้ปัญหำทำง คณิตศำสตร์ เร่ืองภำคตดั กรวย ท้งั 4 ข้นั ตอน คือ K ส่ิงท่ีโจทยก์ ำหนดมำใหแ้ ละควำมรู้เดิมท่ีใช้ ข้นั W สิ่ง ที่โจทย์ต้องกำรทรำบและวิธีกำรแก้ปัญหำ ข้ัน D ดำเนินกำรแก้ปัญหำ และข้ัน L สรุปผลของ กำรแกป้ ัญหำและคำตอบท่ีได้ โดยเฉลี่ยท้งั หมดอยใู่ นระดบั ดี 2) ผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียนวชิ ำคณิตศำสตร์ หลงั กำรเรียนสูงกว่ำก่อนเรียนอย่ำงมีนัยสำคัญทำงสถิติที่ระดบั .05 3) ผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียนวิชำ คณิตศำสตร์หลงั กำรเรียนสูงกว่ำเกณฑ์ ร้อยละ 60 อย่ำงมีนยั สำคญั ทำงสถิติท่ีระดบั .05 และ 4) นกั เรียน ส่วนใหญเ่ ห็นดว้ ยกบั กำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้ดว้ ยเทคนิค KWDL เร่ือง ภำคตดั กรวย ปนดั ดำ กุลบุตร (2558) ไดศ้ ึกษำผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียนคณิตศำสตร์และควำมสำมำรถใน กำรแกป้ ัญหำทำงคณิตศำสตร์ ของนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษำปี ที่ 2 เร่ือง กำรประยุกตข์ องสมกำรเชิงเส้นตวั แปรเดียวโดยใชเ้ ทคนิค KWDL โรงเรียนทุ่งศรีอุดม จงั หวดั อุบลรำชธำนี ผลกำรวิจยั พบว่ำ 1) นกั เรียนมี ผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียนคณิตศำสตร์หลังเรียนสูงกว่ำก่อนเรียนและสูงกว่ำเกณฑ์ร้อยละ 60 อย่ำงมี นยั สำคญั ทำงสถิติท่ีระดบั .05 และ 2) นกั เรียนมีควำมสำมำรถในกำรแกป้ ัญหำทำงคณิตศำสตร์ เรื่อง กำร ประยกุ ตข์ องสมกำรเชิงเสน้ ตวั แปรเดียวสูงกวำ่ เกณฑร์ ้อยละ 60 อยำ่ งมีนยั สำคญั ทำงสถิติที่ระดบั .05 งานวจิ ยั ต่างประเทศ Shaw (2014) ไดท้ ำกำรศึกษำ กำรเรียนแบบร่วมมือในกำรแกป้ ัญหำในวิชำคณิตศำสตร์โดยใช้ เทคนิค K-W-D-L กบั นักเรียนเกรด 4 ปรำกฏว่ำนักเรียนท่ีใช้วิธีกำรเรียนแบบร่วมมือที่แก้ปัญหำดว้ ย เทคนิค K-W-D-L ไดร้ ะดบั คะแนนสูงกว่ำนกั เรียนท่ีไม่ไดใ้ ชก้ ำรเรียนแบบร่วมมือ นอกจำกน้ีนกั เรียนที่ เรียนแบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค K-W-D-L มีควำมสำมำรถในกำรทำงำนร่วมกนั กำรใชเ้ หตุผลในกำร อธิบำยดีกวำ่ และมีเจตคติทำงบวกตอ่ กำรเรียน Tok (2013) ไดศ้ ึกษำผลของกำรจดั กำรเรียนรู้โดยกลยทุ ธ์แบบ Know-Want-Learn (KWL) ใน วิชำคณิตศำสตร์ของนกั เรียนช้นั ประถมศึกษำปี ที่ 6 ถึงผลกระทบที่มีต่อผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียน ทกั ษะ กำรรู้คิด และควำมวิตกกงั วลในวิชำคณิตศำสตร์ โดยมีกำรทดสอบกบั ก่อนเรียนและหลงั เรียนในกลุ่ม ควบคุม คือ นกั เรียนช้นั ประถมศึกษำปี ที่ 6 ซ่ึงมีลกั ษณะคลำ้ ยกบั กลุ่มทดลองและทำกำรศึกษำกบั นกั เรียน ช้นั ประถมศึกษำปี ที่ 6 ของโรงเรียนประถมศึกษำ ของรัฐบำล จำนวน 55 คน โดยรวบรวมขอ้ มูล โดยวิธี math achievement test , metacognition inventory และ math anxiety scale ซ่ึงใช้กลยุทธ์ KWL สอนกับ กลุ่มทดลองและใช้กำรสอนแบบด้งั เดิม (traditional method) กบั กลุ่มควบคุมผลกำรวิจยั พบว่ำ นกั เรียน ช้นั ประถมศึกษำปี ท่ี 6 ในกลุม่ ทดลองโดยใชก้ ลยทุ ธ์ KWL ในวชิ ำคณิตศำสตร์ นกั เรียนมีผลสัมฤทธ์ิและ ทกั ษะกำรรู้คิดที่มำกข้นึ แต่ไม่มีผลตอ่ ควำมวติ กกงั วลในวิชำคณิตศำสตร์ Fuchs and Fuchs (2002) ได้ศึกษำกระบวนกำรแกป้ ัญหำทำงคณิตศำสตร์ของนักเรียนที่ไร้ ควำมสำมำรถทำงคณิตศำสตร์ (MD: mathematics disabilities) และนกั เรียนท่ีไร้ควำมสำมำรถทำงกำร อ่ำน (RD: reading disabilities) โดยทดลองกับนักเรียนเกรด 4 จำนวน สองกลุ่ม (n = 18 MD; n = 22
MD+RD) โดยใหน้ กั เรียนท้งั สองกลุ่มดำเนินข้นั ตอนกำรแกป้ ัญหำทำงคณิตศำสตร์ ผลจำกกำรทดลองท้งั สองกลุ่มปรำกฏว่ำ ควำมแตกต่ำงในกำรแกป้ ัญหำของนักเรียนกลุ่ม MD และกลุ่ม MD+RD ข้ึนอยู่กบั ระดับของโจทย์ปัญหำ (ปัญหำเกี่ยวกับเลขคณิต ปัญหำที่มีควำมซับซ้อนและปัญหำที่เก่ียวกับ ชีวิตประจำวนั ) และควำมสำคญั ของงำนน้ัน ๆ สำหรับปัญหำเกี่ยวกบั เลขคณิตน้นั ระดบั ควำมแตกต่ำง ของควำมสำมำรถในกำรทำงำนและกำรแกป้ ัญหำน้ันใกลเ้ คียงกนั แต่ทำงดำ้ นควำมซับซ้อนของปัญหำ และปัญหำที่เก่ียวกบั ชีวติ ประจำวนั มีควำมแตกตำ่ งของกำรแกป้ ัญหำมำกกวำ่ กำรดำเนินกำร จำกกำรวิจยั ท้งั ในประเทศและต่ำงประเทศที่กล่ำวมำขำ้ งตน้ สรุปไดว้ ่ำ กำรจดั กำรเรียนกำร สอนท่ีเนน้ กระบวนกำรแกป้ ัญหำทำงคณิตศำสตร์ เป็นพ้นื ฐำนสำคญั ท่ีทำใหน้ กั เรียนเกิดกระบวนกำรคิด ที่มีเหตุผล มีควำมเขำ้ ใจ กลำ้ ตดั สินใจ และทำให้ผลกำรเรียนดีข้ึน โดยครูจะเป็ นผูท้ ่ีเลือกกิจกรรมกำร เรียนกำรสอนท่ีช่วยให้นกั เรียนพฒั นำศกั ยภำพทำงด้ำนทกั ษะและกระบวนกำรแกป้ ัญหำ อนั จะส่งผลให้ นกั เรียนสำมำรถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวนั และทำให้กำรจดั กำรเรียนกำรสอนคณิตศำสตร์มี ประสิทธิภำพมำกข้นึ วิธดี าเนนิ การวิจยั 1. ประชากร (Population) ประชำกรที่ใชใ้ นศึกษำคร้ังน้ีไดแ้ ก่ นกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษำปี ที่ 4 ภำคเรียนที่ 2 ปี กำรศึกษำ 2564 โรงเรียนวงั จนั ทร์วทิ ยำ อำเภอวงั จนั ทร์ จงั หวดั ระยอง สังกดั สหวทิ ยำเขตระยอง 2 สำนกั งำนเขตพ้ืนที่ กำรศึกษำมธั ยมศึกษำชลบรุ ี ระยอง จำนวน 4 ห้องเรียน รวมท้งั สิ้น 174 คน 2. กลุ่มตวั อย่าง (Samplings) กลุ่มตวั อย่ำงที่ใชใ้ นศึกษำคร้ังน้ีไดแ้ ก่ นกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษำปี ที่ 4/1 ภำคเรียนท่ี 2 ปี กำรศึกษำ 2564 โรงเรียนวงั จนั ทร์วิทยำ อำเภอวงั จนั ทร์ จงั หวดั ระยอง สังกดั สหวิทยำเขตระยอง 2 สำนกั งำนเขต พ้ืนที่กำรศึกษำมธั ยมศึกษำชลบุรี ระยอง จำนวน 44 คน โดยกำรเลือกแบบเจำะจง (Purposive Sampling) เนื่องจำกเป็นหอ้ งเรียนท่ีผศู้ ึกษำทำกำรจดั กำรเรียนกำรสอน 3. ตัวแปร (Variables) 3.1 ตวั แปรตน้ (Independent variables) กำรจัดกิจกรรมกำรเรี ยนรู้โดยใช้แบบฝึ กทักษะคณิตศำสตร์ ด้วยเทคนิค KWDL เร่ือง ภำคตดั กรวย ของนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษำปี ท่ี 4 โรงเรียนวงั จนั ทร์วทิ ยำ ปี กำรศึกษำ 2564 3.2 ตวั แปรตำม (Dependent variables) 3.2.1 ประสิทธิภำพของแบบฝึ กทักษะคณิตศำสตร์ ด้วยเทคนิค KWDL เรื่ อง ภำคตดั กรวย ของนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษำปี ที่ 4 โรงเรียนวงั จนั ทร์วทิ ยำ ปี กำรศึกษำ 2564
3.2.2 ผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียนรำยวิชำเสริมทักษะคณิตศำสตร์ 2 ของนักเรียนช้ัน มธั ยมศึกษำปี ที่ 4 โรงเรียนวงั จนั ทร์วทิ ยำ ภำคเรียนท่ี 2 เรื่อง ภำคตดั กรวย 3.2.3 ควำมพึงพอใจของนกั เรียนที่มีต่อกำรเรียนดว้ ยโดยใชแ้ บบฝึ กทกั ษะคณิตศำสตร์ ดว้ ยเทคนิค KWDL เร่ือง ภำคตดั กรวย ช้นั มธั ยมศึกษำปี ท่ี 4 โรงเรียนวงั จนั ทร์วทิ ยำ ปี กำรศึกษำ 2564 วิธีดาเนนิ การวจิ ยั การสร้างเคร่ืองมือที่ใช้ในการวิจยั สำหรับเครื่องมือที่ใชใ้ นกำรศึกษำมีรำยละเอียดในกำรสร้ำงและพฒั นำเครื่องมือที่ใชใ้ น กำรศึกษำ ดงั น้ี 1. แผนกำรจัดกำรเรียนรู้กำรใช้แบบฝึ กทักษะคณิตศำสตร์ ด้วยเทคนิค KWDL เร่ือง ภำคตดั กรวย ของนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษำปี ท่ี 4 โรงเรียนวงั จนั ทร์วทิ ยำ ปี กำรศึกษำ 2564 1.1 ศึกษำหลกั สูตรกำรศึกษำข้นั พ้ืนฐำน หลกั สูตรแกนกลำงกำรศึกษำข้นั พ้ืนฐำน พุทธศกั รำช 2551 (ฉบบั ปรับปรุง พุทธศกั รำช 2560) ของกระทรวงศึกษำธิกำรและค่มู ือกำรเขยี นแผนกำรจดั กำรเรียนรู้ ท่ีเนน้ ผเู้ รียนเป็นสำคญั (กระทรวงศึกษำธิกำร, 2560) 1.2 ศึกษำหลกั สูตรสถำนศึกษำกลุ่มสำระกำรเรียนรู้คณิตศำสตร์ ระดบั มธั ยมศึกษำตอน ปลำย โรงเรี ยนวังจันทร์วิทยำ ตำมหลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำข้ันพ้ืนฐำน พุทธศักรำช 2551 (ฉบบั ปรับปรุง พทุ ธศกั รำช 2560) (โรงเรียนวงั จนั ทร์วิทยำ, 2560) 1.3 ศึกษำแบบเรียน หนงั สือคณิตศำสตร์ และคู่มือครูวิชำคณิตศำสตร์พ้นื ฐำน ช้นั มธั ยมศึกษำปี ท่ี 4 ของสถำบนั ส่งเสริมกำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลย(ี สสวท.) กระทรวงศึกษำธิกำร เกี่ยวกบั จุดประสงคก์ ำรเรียนรู้ เน้ือหำและกิจกรรมกำรเรียนกำรสอน เรื่อง ภำคตดั กรวย ช้นั มธั ยมศึกษำปี ท่ี 4 (สถำบนั ส่งเสริมกำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี, 2561) 1.4 ศึกษำเทคนิคกำรสอนในรูป KWDL (ทิศนำ แขมมณี, 2551) 1.5 วเิ ครำะห์เน้ือหำและจุดประสงคก์ ำรเรียนรู้ รำยวิชำ คณิตศำสตร์พ้นื ฐำน (สสวท.) ช้นั มธั ยมศึกษำปี ที่ 4 เร่ือง ภำคตดั กรวย วิเครำะห์ควำมสอดคลอ้ งระหวำ่ งจุดประสงคก์ ำรเรียนรู้กบั กระบวนกำรแกป้ ัญหำ 4 ข้นั ตอนของโพลยำ (Polya , 1985) 1.6 กำหนดรูปแบบของแผนกำรจดั กำรเรียนรู้ และจดั ทำแผนกำรจดั กำรเรียนรู้ ซ่ึงประกอบดว้ ยหวั ขอ้ ดงั น้ี 1.6.1 แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ 1) กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ 2) ระดบั ช้นั 3) หน่วยกำรเรียนรู้ 4) หน่วยกำรเรียนรู้ยอ่ ย
5) มำตรฐำนกำรเรียนรู้ 1.6.2 สำระสำคญั 1.6.3 จุดประสงคก์ ำรเรียน 1) ดำ้ นควำมรู้ 2) ดำ้ นทกั ษะ / กระบวนกำร 3) ดำ้ นคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1.6.4 สำระกำรเรียนรู้ 1.6.5 กำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้ 1.6.6 สื่อกำรเรียนรู้ 1.6.7 กำรวดั ผลและกำรประเมิน 1) วธิ ีกำรวดั และประเมินผล 2) เคร่ืองมือวดั และประเมินผล 3) เกณฑก์ ำรวดั และประเมินผล 1.6.8 ควำมเห็นของผบู้ ริหำร 1.6.9 บนั ทึกหลงั กำรจดั กำรเรียนรู้ 1.7 นำแผนกำรจดั กำรเรียนรู้ ที่ใชใ้ นกำรจดั กำรเรียนกำรสอนของแบบฝึ กทกั ษะคณิตศำสตร์ ดว้ ยเทคนิค KWD-L เร่ือง ภำคตดั กรวย ของนักเรียนช้นั มธั ยมศึกษำปี ท่ี 4 โรงเรียนวงั จนั ทร์วิทยำ ปี กำรศึกษำ 2564 ที่สร้ำงเสร็จเรียบร้อยแลว้ นำไปให้ผเู้ ช่ียวชำญดำ้ นกำรสอนคณิตศำสตร์ จำนวน 5 ท่ำน เพื่อตรวจสอบควำมถูกตอ้ ง ควำมเหมำะสมของภำษำท่ีใช้ ควำมสอดคลอ้ งในแต่ละหัวขอ้ ควำมเหมำะสม ของกำรจดั กิจกรรมกำรเรียนกำรสอน ควำมเหมำะสมของกำรวดั ประเมินผล เพ่ือนำผลจำก กำรตรวจ ไปแกไ้ ขปรับปรุง 1.8 นำแผนกำรจดั กำรเรียนรู้ ที่ใชใ้ นกำรจดั กำรเรียนกำรสอนของแบบฝึ กทกั ษะคณิตศำสตร์ ด้วยเทคนิค KWDL เรื่อง ภำคตดั กรวย ของนักเรียนช้ันมธั ยมศึกษำปี ท่ี 4 โรงเรียนวงั จนั ทร์วิทยำ ปี กำรศึกษำ 2564 ซ่ึงผำ่ นกำรแนะนำแลว้ มำแกไ้ ขปรับปรุงตำมคำแนะนำของผเู้ ช่ียวชำญให้เรียบร้อยโดย ปรับปรุงดำ้ นภำษำท่ีใช้ เวลำ และกำรประเมินทกั ษะ/กระบวนกำร คุณลกั ษณะแลว้ นำไปสร้ำงแบบฝึ กทกั ษะ คณิตศำสตร์ 2. ข้นั ตอนกำรสร้ำงแบบฝึกทกั ษะคณิตศำสตร์ ดว้ ยเทคนิค KWDL เร่ือง ภำคตดั กรวย ของนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษำปี ท่ี 4 โรงเรียนวงั จนั ทร์วทิ ยำ ปี กำรศึกษำ 2564 2.1 ศึกษำหลักสูตรกำรศึกษำข้ันพ้ืนฐำน หลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำข้ันพ้ืนฐำน พุทธศกั รำช 2551 (ฉบบั ปรับปรุง พุทธศกั รำช 2560) (โรงเรียนวงั จนั ทร์วิทยำ, 2560) และหลักสูตร สถำนศึกษำกลุ่มสำระกำรเรียนรู้คณิตศำสตร์ ระดบั มธั ยมศึกษำตอนปลำย โรงเรียนวงั จนั ทร์วิทยำ ตำม
หลกั สูตรแกนกลำงกำรศึกษำข้นั พ้ืนฐำน พุทธศกั รำช 2551 (ฉบบั ปรับปรุง พุทธศกั รำช 2560) (โรงเรียน วงั จนั ทร์วิทยำ, 2560) ค่มู ือครูรำยวิชำเสริมทกั ษะคณิตศำสตร์ 2 ช้นั มธั ยมศึกษำปี ที่ 4 ของสถำบนั ส่งเสริม กำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี(สสวท.) กระทรวงศึกษำธิกำร เกี่ยวกับจุดประสงค์กำรเรียนรู้ เน้ือหำและกิจกรรมกำรเรียนกำรสอน เรื่อง ภำคตดั กรวย ช้นั มธั ยมศึกษำปี ที่ 4 (สถำบนั ส่งเสริมกำรสอน วทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยีม, 2561) 2.2 ศึกษำเอกสำร ทฤษฎีและงำนวจิ ยั ท่ีเกี่ยวขอ้ ง 2.3 นำเน้ือหำท่ีวิเครำะห์แลว้ เรื่อง ภำคตดั กรวย ช้นั มธั ยมศึกษำปี ที่ 4 มำกำหนดเป็น แบบฝึกทกั ษะคณิตศำสตร์ โดยแบง่ เน้ือหำออกเป็นชุดไดท้ ้งั หมด 4 ชุด ชุดท่ี 1 วงกลม จำนวน 4 คำบ ชุดท่ี 2 วงรี จำนวน 4 คำบ ชุดที่ 3 พำรำโบลำ จำนวน 4 คำบ ชุดที่ 4 ไฮเพอร์โบลำ จำนวน 4 คำบ 3. ข้ันตอนกำรสร้ำงแบบฝึ กทักษะและแบบทดสอบย่อยประจำแบบฝึ กทักษะผู้ศึกษำ ดำเนินกำรดงั น้ี 3.1 กำหนดรูปแบบของแบบฝึกทกั ษะตำมเอกสำร ทฤษฎีท่ีศึกษำไวซ้ ่ึงประกอบดว้ ย 3.1.1 คำช้ีแจงประกอบกำรใช้แบบฝึ กทักษะ ซ่ึงประกอบด้วย คำช้ีแจงทั่วไป มำตรฐำน/ตวั ช้ีวดั จุดประสงค์กำรเรียนรู้ จำนวนแบบฝึ กทักษะขอ้ ปฏิบัติในกำรใช้แบบฝึ กทักษะ บทบำทของครูผูส้ อน บทบำทของนักเรียนและรำยละเอียดแบบฝึ กทกั ษะ เช่น เน้ือหำ ส่ือกำรสอน จำนวนชว่ั โมง เป็นตน้ 3.1.2 แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ 3.1.3 แบบฝึกทกั ษะคณิตศำสตร์ 3.1.4 กำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้ 3.1.5 ใบควำมรู้ /ใบกิจกรรม/แบบฝึกทกั ษะ 3.1.6 กำรวดั และประเมินผล 3.2 จัดทำแบบฝึ กทักษะคณิตศำสตร์ ด้วยเทคนิค KWDL เร่ือง ภำคตัดกรวย โดย จดั รูปแบบ วิธีกำรกลวิธีกำรเรียนกำรสอนให้เหมำะสม พร้อมท้งั ใช้ควำมคิดสร้ำงสรรคใ์ นกำรจดั ทำ คำนึงถึงหลกั จิตวทิ ยำกำรเรียนรู้ มีภำพประกอบสวยงำม ชดั เจน เพื่อใหไ้ ดแ้ บบฝึ กทกั ษะคณิตศำสตร์ท่ี ดีท่ีสุด สอดคลอ้ งกลมกลืนและเหมำะสมที่สุด กำหนดวิธีกำรท่ีใชว้ ดั และประเมินผลกำรเรียนของนกั เรียนโดย อำศยั หลกั กำรที่ถูกตอ้ งตำมทฤษฎีกำรวดั และประเมินผล และยึดหลกั สำคญั วำ่ แบบฝึ กทกั ษะคณิตศำสตร์ จะตอ้ งเน้นผูเ้ รียนเป็ นสำคญั มีวิธีกำรที่หลำกหลำยเพ่ือใหผ้ ูเ้ รียนไดเ้ ป็ นผปู้ ฏิบตั ิ เกิดกำรเรียนรู้อย่ำงมี ควำมสุข สนุกสนำน และไม่รู้สึกเบ่ือหน่ำย
3.3 จดั ทำแบบทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียนแบบฝึกทกั ษะในแตล่ ะชุด จำนวนชุดละ 10 ขอ้ รวม 40 ขอ้ มีข้นั ตอนกำรสร้ำงและหำคณุ ภำพ ดงั น้ี 3.3.1 ศึกษำหลกั สูตรคู่มือ แบบเรียน วิธีเรียนและสร้ำงแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิ ทำงกำรเรียนวิชำคณิตศำสตร์จำกเอกสำรและตำรำเดียวกบั แบบกำรสร้ำง และวิเครำะห์ขอ้ สอบของ ชวำล แพรัตกุล (2520) 3.3.2 สร้ำงตำรำงวิเครำะห์จุดประสงค์เชิงพฤติกรรมตำมเน้ือหำ ร่วมกับอำจำรย์ ผูส้ อนในระดับช้ันมธั ยมศึกษำตอนตน้ จำนวน 5 ท่ำน โดยยึดหลกั กำรประเมินผลทำงกำรเรียนวิชำ คณิตศำสตร์ของวลิ สนั (Wilson, 1971) 3.3.3 สร้ำงแบบทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียนในแต่ละหน่วยย่อยชนิด 4 ตวั เลือก จำนวนหน่วยย่อยละ 15 ขอ้ ให้ครอบคลุมเน้ือหำตำมตำรำงวิเครำะห์จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม แลว้ นำ แบบทดสอบใหผ้ เู้ ชี่ยวชำญ 5 ท่ำนชุดเดิม ตรวจสอบควำมสอดคลอ้ งของเน้ือหำ จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม และควำมครอบคลมุ ของคำถำม 3.3.4 นำแบบทดสอบท่ีไดร้ ับกำรตรวจสอบจำกผูเ้ ช่ียวชำญ 5 ท่ำนมำคำนวณหำค่ำ ดชั นีควำมสอดคลอ้ ง IOC (Index of item objective Congruence) ตำมสูตรของโรวิเนลล่ีและแฮมเบิล ตนั (บุญเชิด ภิญโญอนนั ตพงษ,์ 2526) และไดข้ อ้ สอบที่มีค่ำIOC ต้ังแต่ 0.60-1.00 จำนวนชุดละ 12 ขอ้ นำแบบทดสอบที่คดั เลือกแลว้ ไปทำกำรทดสอบนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษำปี ที่ 5 ภำคเรียนท่ี 2 ปี กำรศึกษำ 2564 โรงเรียนวงั จันทร์วิทยำ อำเภอวงั จนั ทร์ จงั หวดั ระยอง ท่ีเรียนเรื่องภำคตดั กรวยผ่ำนมำแล้ว จำนวน 30 คน เพ่ือหำคณุ ภำพของแบบทดสอบ 3.3.5 ตรวจให้คะแนนแบบทดสอบที่นกั เรียนทำ โดยใหค้ ะแนน 1 คะแนนสำหรับ ขอ้ ท่ีตอบถูกและให้ 0 คะแนน สำหรับขอ้ ท่ีตอบผิด ไมต่ อบหรือตอบเกิน 1 คำตอบ 3.3.6 นำผลจำกขอ้ 3.3.5 มำวเิ ครำะห์เป็นรำยขอ้ เพ่อื หำควำมยำกง่ำย (P) ของขอ้ สอบ โดยสูตรอตั รำส่วนระหว่ำงจำนวนนักเรียนที่ทำขอ้ สอบขอ้ น้ันถูกกบั จำนวนนักเรียนท้งั หมด และค่ำ อำนำจจำแนก (r) โดยใชด้ ชั นีแบรนดอน เลือกแบบทดสอบเฉพำะขอ้ สอบที่มีควำมยำกง่ำย (P) ระหว่ำง 0.20 – 0.80 ค่ำอำนำจจำแนก (r) 0.20 – 1.00 จำนวนชุดละ 10 ข้อและนำแบบทดสอบท่ีคดั เลือกแลว้ จำนวนชุดละ 10 ขอ้ ไปทดสอบกบั นกั เรียนช้ันมธั ยมศึกษำปี ที่ 5 ภำคเรียนที่ 2 ปี กำรศึกษำ 2564 โรงเรียนวงั จนั ทร์วทิ ยำ อำเภอวงั จนั ทร์ จงั หวดั ระยอง ท่ีเรียนเรื่องภำคตดั กรวย ผำ่ นมำแลว้ จำนวน 30 คน เพอ่ื หำควำมเช่ือมน่ั ของแบบทดสอบโดยใชส้ ูตร KR-20 (ลว้ น สำยยศ และองั คณำ สำยยศ, 2538) 3.4 นำแบบฝึกทกั ษะคณิตศำสตร์ ดว้ ยเทคนิค KWDL เร่ือง ภำคตดั กรวย ไปใหผ้ เู้ชี่ยวชำญ จำนวน 5 ท่ำนชุดเดิม ตรวจสอบแกไ้ ขในเรื่องควำมถูกตอ้ งของเน้ือหำ ภำษำท่ีใช้ และควำมเหมำะสม ของแบบฝึ กทกั ษะคณิตศำสตร์ ตลอดจนควำมสอดคลอ้ งระหว่ำงข้ันตอนต่ำง ๆ ของแบบฝึ กทกั ษะ คณิตศำสตร์ ชุดที่ 1 – 4 คัดเลือกข้อที่มีค่ำ IOC 0.6 หลังจำกน้ันผูศ้ ึกษำได้นำแบบฝึ กทักษะ
คณิตศำสตร์มำปรับปรุงแกไ้ ขขอ้ บกพร่องตำมที่คณะผเู้ ชี่ยวชำญแนะนำ ผลกำรตรวจสอบจำกผเู้ ช่ียวชำญ ชุดเดิม แบบฝึ กทกั ษะคณิตศำสตร์ ดว้ ยเทคนิค KWDL เรื่อง ภำคตดั กรวย มีควำมเท่ียงตรงเชิงเน้ือหำ และมีควำมเหมำะสมในด้ำนควำมถูกต้องของกำรนำไปใช้ ผูศ้ ึกษำจึงจัดทำเป็ นแบบฝึ กทักษะ คณิตศำสตร์ ดว้ ยเทคนิค KWDL เรื่อง ภำคตดั กรวย จำนวน 4ชุด และนำไปดำเนินกำรจดั กิจกรรมกำร เรียนรู้ตำมแผนกำรจดั กำรเรียนรู้ 3.5 นำแบบฝึ กทักษะคณิตศำสตร์ พร้อมกับแผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ปรับปรุงแล้วให้ ผเู้ ช่ียวชำญตรวจสอบพิจำรณำอีกคร้ัง แลว้ นำมำปรับปรุงแกไ้ ขใหเ้ รียบร้อย พร้อมท่ีจะนำไปทดสอบหำ คุณภำพและประสิทธิภำพของแบบฝึ กทกั ษะคณิตศำสตร์ ดว้ ยเทคนิค KWDL เร่ือง เร่ือง ภำคตดั กรวย ของนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษำปี ที่ 4 โรงเรียนวงั จนั ทร์วิทยำ ปี กำรศึกษำ 2564 เพ่ือใชใ้ นกำรศึกษำคน้ ควำ้ ในคร้ังน้ี 3.6 นำแบบฝึ กทักษะคณิตศำสตร์ ด้วยเทคนิค KWDL เรื่อง เรื่อง ภำคตัดกรวย ของ นกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษำปี ที่ 4 โรงเรียนวงั จนั ทร์วิทยำ ปี กำรศึกษำ 2564ไปหำประสิทธิภำพเชิงประจกั ษ์ (empirical approach) ทดลองกบั นักเรียนช้นั มธั ยมศึกษำปี ที่ 5 ภำคเรียนท่ี 2 ปี กำรศึกษำ 2564 โรงเรียนวงั จนั ทร์วทิ ยำ อำเภอวงั จนั ทร์ จงั หวดั ระยอง ตำมลำดบั ข้นั ดงั น้ี 1) ข้นั ทดลองรำยบุคคล (Individual Try out) 2) ข้นั ทดลองกลมุ่ ยอ่ ย (Small Group Try out) 3) ข้นั ทดลองกลุ่มใหญ่ (Field Try out) 3.7 จัดทำแบบฝึ กทักษะคณิตศำสตร์ ด้วยเทคนิค KWDL เรื่อง เรื่อง ภำคตัดกรวย ของนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษำปี ที่ 4 โรงเรียนวงั จนั ทร์วิทยำ ปี กำรศึกษำ 2564 ฉบบั สมบูรณ์เพ่ือใช้พฒั นำ นักเรียนช้นั มธั ยมศึกษำปี ท่ี 4 โรงเรียนวงั จนั ทร์วิทยำ อำเภอวงั จนั ทร์ จงั หวดั ระยอง ภำคเรียนที่ 2 ปี กำรศึกษำ 2564 4. ข้นั ตอนกำรสร้ำงแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ิทำงกำรเรียนวิชำคณิตศำสตร์ เป็นแบบทดสอบชนิด 4 ตวั เลือก จำนวน 30 ขอ้ มีข้นั ตอนกำรสร้ำง ดงั น้ี 4.1 ศึกษำหลกั สูตร คู่มือ แบบเรียน วิธีเรียนและสร้ำงแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียนวิชำ คณิตศำสตร์จำกเอกสำรและตำรำเดียวกบั แบบกำรสร้ำง และวิเครำะห์ขอ้ สอบของชวำล แพรัตกลุ (2552) 4.2 สร้ำงตำรำงวิเครำะห์จุดประสงค์เชิงพฤติกรรมตำมเน้ือหำ ร่วมกับครูผูส้ อนใน ระดบั ช้นั มธั ยมศึกษำตอนตน้ จำนวน 5 ท่ำน โดยยึดหลกั กำรประเมินผลทำงกำรเรียนวิชำคณิตศำสตร์ ของวลิ สนั (Wilson, 1971) 4.3 สร้ำงแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียน เรื่อง ภำคตดั กรวย ช้นั มธั ยมศึกษำปี ท่ี 4 ชนิด 4 ตวั เลือก จำนวน 50 ขอ้ ใหค้ รอบคลมุ เน้ือหำตำมตำรำงวิเครำะห์จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม แลว้
นำแบบทดสอบให้ผูเ้ ชี่ยวชำญ 5 ท่ำนชุดเดิม ตรวจสอบควำมสอดคลอ้ งของเน้ือหำ จุดประสงคเ์ ชิง พฤติกรรม และควำมครอบคลมุ ของคำถำม 4.4 นำแบบทดสอบที่ไดร้ ับกำรตรวจสอบจำกผเู้ ช่ียวชำญ 5 ท่ำนชุดเดิม มำคำนวณหำค่ำดัชนีควำมสอดคล้อง IOC (Index of item objective Congruence) ตำมสูตรของ โรวิเนลลี่และแฮมเบิลตนั (บุญเชิด ภิญโญอนนั ตพงษ,์ 2526) และไดข้ อ้ สอบที่มีค่ำ IOC ต้ังแต่ 0.60-1.00 จำนวน 41 ขอ้ นำแบบทดสอบท่ีคดั เลือกแลว้ ไปทำกำรทดสอบนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษำปี ที่ 5 ภำคเรียนท่ี 2 ปี กำรศึกษำ 2564 โรงเรียนวงั จนั ทร์วิทยำ อำเภอวงั จนั ทร์ จงั หวดั ระยอง เนื่องจำกเรียนเร่ือง ภำคตดั กรวย ผำ่ นมำแลว้ จำนวน 30 คน ที่ไมใ่ ช่กลุม่ ตวั อยำ่ งเพ่อื หำคุณภำพของแบบทดสอบ 4.5 ตรวจใหค้ ะแนนแบบทดสอบที่นกั เรียนทำ โดยใหค้ ะแนน 1 คะแนนสำหรับขอ้ ที่ตอบ ถูก และให้ 0 คะแนน สำหรับขอ้ ที่ตอบผิด ไมต่ อบหรือตอบเกิน 1 คำตอบ 4.6 นำผลจำกขอ้ 4.5 มำวเิ ครำะหเ์ ป็นรำยขอ้ เพื่อหำควำมยำกง่ำย (p) ของขอ้ สอบโดยสูตร อตั รำส่วนระหวำ่ งจำนวนนกั เรียนที่ทำขอ้ สอบขอ้ น้นั ถกู กบั จำนวนนกั เรียนท้งั หมด และคำ่ อำนำจจำแนก (r) โดยใชด้ ชั นีแบรนดอน เลือกแบบทดสอบเฉพำะขอ้ สอบที่มีควำมยำกงำ่ ย (p) ระหวำ่ ง 0.31-0.76 ค่ำ อำนำจจำแนก (r) 0.51 – 0.87 จำนวน 30 ขอ้ และนำแบบทดสอบท่ีคดั เลือกแลว้ จำนวน 30 ขอ้ ไปทดสอบ กบั นกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษำปี ที่ 5 ภำคเรียนที่ 2 ปี กำรศึกษำ 2564 โรงเรียนวงั จนั ทร์วิทยำ อำเภอวงั จนั ทร์ จงั หวดั ระยอง เนื่องจำกเรียนเรื่องภำคตดั กรวย ผ่ำนมำแลว้ จำนวน 30 คน ท่ีไม่ใช่กลุ่มตวั อย่ำงเพื่อหำ ควำมเช่ือมน่ั ของแบบทดสอบโดยใชส้ ูตร KR-20 (ลว้ น สำยยศ และองั คณำ สำยยศ, 2538) แลว้ จึงนำ แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ิทำงกำรเรียนวิชำคณิตศำสตร์ที่ไดไ้ ปใชก้ บั กลมุ่ ตวั อยำ่ ง 5. ข้นั ตอนกำรสร้ำงแบบสอบถำมควำมพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึ กทกั ษะคณิตศำสตร์ ด้วยเทคนิค KWDL เรื่อง ภำคตดั กรวย ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษำปี ที่ 4 โรงเรียนวงั จันทร์วิทยำ ปี กำรศึกษำ 2564 จำนวน 10 ขอ้ มีกำรดำเนินกำรสร้ำงและหำคุณภำพ ตำมลำดบั ข้นั ตอน ดงั น้ี 5.1 ศึกษำวิธีกำรสร้ำงแบบสอบถำมควำมพึงพอใจจำกเอกสำร ตำรำที่เกี่ยวขอ้ งกบั วิธีกำร และหลกั กำรสร้ำงแบบสอบถำมควำมพึงพอใจ แลว้ กำหนดแนวทำงในกำรออกแบบสอบถำมควำม พงึ พอใจตำมวธิ ีของลิเคอร์ท ( Likert ) (บุญชม ศรีสะอำด, 2545) 5.2 สร้ำงแบบสอบถำมควำมพึงพอใจของนักเรียนท่ีมีต่อแบบฝึ กทักษะคณิตศำสตร์ ด้วยเทคนิค KWDL เร่ือง เร่ือง ภำคตดั กรวย ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษำปี ท่ี 4 จำนวน 10 ข้อ มี ลกั ษณะเป็นแบบสอบถำมชนิดมำตรำส่วนประมำณค่ำ ( Rating Scales) ของลิเคิร์ต (Likret) มี 5 ระดบั ดงั น้ี 5 หมำยถึง มีควำมพงึ พอใจอยใู่ นระดบั มำกที่สุด 4 หมำยถึง มีควำมพงึ พอใจอยใู่ นระดบั มำก 3 หมำยถึง มีควำมพงึ พอใจอยใู่ นระดบั ปำนกลำง
2 หมำยถึง มีควำมพงึ พอใจอยใู่ นระดบั นอ้ ย 1 หมำยถึง มีควำมพึงพอใจอยใู่ นระดบั นอ้ ยที่สุด กำหนดเกณฑ์กำรให้คะแนนแบบสอบถำมควำมพึงพอใจของนักเรียนต่อแบบฝึ กทักษะ คณิตศำสตร์ เร่ือง อสมกำร ช้นั มธั ยมศึกษำปี ท่ี 3 ดงั น้ี (บญุ ชม ศรีสะอำด, 2545) คะแนนเฉลี่ย 4.51- 5.00 หมำยควำมวำ่ มีควำมพึงพอใจอยใู่ นระดบั ดีมำก คะแนนเฉลี่ย 3.51- 4.50 หมำยควำมวำ่ มีควำมพงึ พอใจอยใู่ นระดบั ดี คะแนนเฉลี่ย 2.51- 3.50 หมำยควำมวำ่ มีควำมพึงพอใจอยใู่ นระดบั ปำนกลำง คะแนนเฉลี่ย 1.51- 2.50 หมำยควำมวำ่ มีควำมพงึ พอใจอยใู่ นระดบั นอ้ ย คะแนนเฉลี่ย 1.00- 1.50 หมำยควำมวำ่ มีควำมพึงพอใจอยใู่ นระดบั นอ้ ยที่สุด 5.3 นำแบบสอบถำมควำมพึงพอใจไปให้ผู้เชี่ยวชำญชุดเดิม ตรวจสอบควำมถูกต้อง เหมำะสม พจิ ำรณำตรวจสอบควำมถกู ตอ้ งเหมำะสมของแบบวดั ควำมพึงพอใจ โดยเพอ่ื ตรวจสอบควำม เที่ยงตรงเชิงเน้ือหำ และควำมเหมำะสมในดำ้ นกำรใชภ้ ำษำ 5.4 ปรับปรุงแบบสอบถำมควำมพงึ พอใจตำมขอ้ เสนอแนะของผเู้ ชี่ยวชำญ 5.5 นำแบบสอบถำมควำมพึงพอใจที่ไดป้ รับปรุงแกไ้ ขแลว้ ไปทดลองใชก้ บั นกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษำปี ที่ 5 ภำคเรียนท่ี 2 ปี กำรศึกษำ 2564โรงเรียนวงั จนั ทร์วิทยำ อำเภอวงั จนั ทร์ จงั หวดั ระยอง จำนวน 30 คน ที่อยู่ในข้นั ทดลองกลุ่มใหญ่ (Field Try out) เนื่องจำกได้ผ่ำนกำรเรียนโดยใช้แบบฝึ ก ทกั ษะคณิตศำสตร์ ด้วยเทคนิค KWDL เร่ือง ภำคตดั กรวย ของนักเรียนช้ันมธั ยมศึกษำปี ที่ 4 มำแลว้ จำกน้ ันน ำมำหำค่ ำควำมเชื่ อม่ันของแบบสอบถำมควำมพึ งพอใจโดยใช้วิ ธี หำสั มประสิ ทธ์ ิ แ อ ล ฟ ำ (α-coefficient) ของครอนบรำค (cronbach) (ลว้ น สำยยศ และองั คณำ สำยยศ, 2538) 5.6 นำแบบสอบถำมควำมพึงพอใจของนักเรี ยนท่ีมีต่อแบบฝึ กทักษะคณิตศำสตร์ ดว้ ยเทคนิค KWDL เรื่อง ภำคตดั กรวย ของนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษำปี ที่ 4 ไปใชก้ บั กลุ่มตวั อยำ่ งตอ่ ไป การเกบ็ รวบรวมข้อมูล กำรเก็บรวบรวมขอ้ มูลในกำรทำวจิ ยั ผศู้ ึกษำไดด้ ำเนินกำรตำมข้นั ตอนดงั น้ี 1. ผศู้ ึกษำไดด้ ำเนินกำรทดสอบก่อนกำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้ (Pretest) ดว้ ยแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียนรำยวิชำเสริมทกั ษะคณิตศำสตร์ 2 เรื่อง ภำคตดั กรวย แบบปรนยั จำนวน 30 ขอ้ ที่ผศู้ ึกษำสร้ำงข้นึ ทดสอบกบั กลมุ่ ตวั อยำ่ ง 2. ผศู้ ึกษำไดท้ ำกำรทดลองดว้ ยรูปแบบกำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทกั ษะ คณิตศำสตร์ ดว้ ยเทคนิค KWDL เร่ือง ภำคตดั กรวย กบั กลมุ่ ตวั อยำ่ ง 3. ทำกำรทดสอบนกั เรียนดว้ ยแบบฝึกทกั ษะคณิตศำสตร์ ดว้ ยเทคนิค KWDL เร่ือง ภำคตดั กรวย ทำ้ ยชุดกิจกรรมกำรเรียนรู้ จำนวน 4 ชุด ชุดละ 10 ขอ้ 4. ผศู้ ึกษำไดด้ ำเนินกำรทดสอบหลงั กำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้ (Posttest) ดว้ ยแบบทดสอบวดั
ผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียนรำยวิชำเสริมทกั ษะคณิตศำสตร์ 2 เร่ือง ภำคตดั กรวย แบบปรนยั จำนวน 30 ขอ้ ที่ผศู้ ึกษำสร้ำงข้ึนทดสอบกบั กลุ่มตวั อยำ่ ง 5. นำคะแนนแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ิทำงกำรเรียนรำยวิชำเสริมทกั ษะคณิตศำสตร์ 2 เรื่อง ภำคตดั กรวยไปดำเนินกำรวเิ ครำะหข์ อ้ มูล 4) การวิเคราะห์ข้อมูล (Analysis design) 4.1) หำประสิทธิภำพของแบบฝึกทกั ษะคณิตศำสตร์แตล่ ะชุดโดยหำควำมสัมพนั ธร์ ะหวำ่ ง คะแนนท่ีไดจ้ ำกกำรทำแบบทดสอบหลงั แบบฝึกทกั ษะโดยคิดเป็นร้อยละจำกน้นั นำผลที่ไดม้ ำเทียบและ หำประสิทธิภำพตำมเกณฑ์ 80/80 กำรยอมรับประสิทธิภำพของแบบฝึกทกั ษะคณิตศำสตร์ ถือคำ่ ประสิทธิภำพของแบบฝึกทกั ษะคณิตศำสตร์ มีค่ำเป็นไปตำมเกณฑ์ 80/80 4.2) ศึกษำผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียนก่อนและหลังเรียนโดยใช้แบบฝึ กทักษะคณิตศำสตร์ ดว้ ยเทคนิค KWDL เรื่อง ภำคตดั กรวย ช้นั มธั ยมศึกษำปี ที่ 4 ปี กำรศึกษำ 2564 โดยกำรทดสอบค่ำที แบบไม่อิสระ (t-test Dependent) 4.3) ศึกษำควำมพงึ พอใจหลงั เรียนจำกกำรเรียนโดยใชแ้ บบฝึกทกั ษะคณิตศำสตร์ ดว้ ย เทคนิค KWDL เร่ือง ภำคตดั กรวย ช้นั มธั ยมศึกษำปี ที่ 4 ปี กำรศึกษำ 2564 โดยใชค้ ่ำเฉลี่ยเลขคณิต ( X ) และ ส่วนเบี่ยงเบนมำตรฐำน (S.D.) และแปลควำมหมำยโดยใชเ้ กณฑข์ องบุญชม ศรีสะอำด (2545) สถิตทิ ่ใี ช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล 1. สถิติพ้ืนฐำน 1.1 หำคะแนนเฉลี่ย (Mean) โดยคำนวณจำกสูตร (ลว้ น สำยยศ และองั คณำ สำยยศ, 2538) X= x n เม่ือ X แทน คะแนนเฉล่ีย x แทน ผลรวมคะแนนท้งั หมด n แทน จำนวนนกั เรียนในกลมุ่ ตวั อยำ่ ง 1.2 ค่ำควำมเบ่ียงเบนมำตรฐำน คำนวณจำกสูตร (ลว้ น สำยยศ และองั คณำ สำยยศ, 2538) S.D. = nx2 -(x)2 n(n - 1) เม่ือ S.D. แทน ควำมเบ่ียงเบนมำตรฐำนของคะแนน X แทน คะแนนนกั เรียนแต่ละคน x แทน ผลรวมของคะแนนท้งั หมด n แทน จำนวนนกั เรียนในกลุ่มตวั อยำ่ ง n – 1 แทน จำนวนตวั แปรอิสระ (Degree of Freedom)
2. สถิติที่ใชใ้ นกำรตรวจสอบคณุ ภำพเคร่ืองมือท่ีใชใ้ นกำรทดลอง ไดแ้ ก่ 2.1 กำรหำค่ำควำมเที่ยงตรง โดยใชค้ ำ่ ดชั นีควำมสอดคลอ้ งระหวำ่ งขอ้ สอบกบั จุดประสงค์ (บุญเชิด ภิญโญอนนั ตพงษ,์ 2526) IOC = R N เมื่อ IOC แทน ดชั นีควำมสอดคลอ้ งระหวำ่ งขอ้ สอบ กบั จุดประสงค์ R แทน ผลรวมของคะแนนควำมคิดเห็นของ ผเู้ ช่ียวชำญ N แทน จำนวนผเู้ ช่ียวชำญ 2.2 สูตรท่ีใชใ้ นกำรหำหำคำ่ ควำมยำกงำ่ ย (p) ของแบบทดสอบหลงั เรียนและแบบทดสอบ วดั ผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียน โดยใชส้ ูตร (ลว้ น สำยยศ และองั คณำ สำยยศ, 2540) p = R x100 N เม่ือ p แทน คำ่ ควำมยำกงำ่ ยของแบบสอบถำม R แทน จำนวนผตู้ อบถูกในแต่ละขอ้ N แทน จำนวนผูเ้ ขำ้ สอบท้งั หมด 2.3 สูตรที่ใชใ้ นกำรหำคำ่ อำนำจจำแนก (r) ของแบบทดสอบหลงั เรียนและแบบทดสอบ วดั ผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียน โดยใชส้ ูตร (พวงรัตน์ ทวีรัตน์, 2540) r= Ru -Re n/2 เม่ือ r แทน คำ่ อำนำจจำแนกเป็นรำยขอ้ Ru แทน จำนวนผตู้ อบถูกในขอ้ น้นั ของกลมุ่ เก่ง Re แทน จำนวนผตู้ อบถูกในขอ้ น้นั ของกลมุ่ ออ่ น n แทน จำนวนนกั เรียนในกลุ่มตวั อยำ่ ง 2.4 หำค่ำควำมเช่ือมน่ั ของแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ิทำงกำรเรียนวชิ ำคณิตศำสตร์ โดย คำนวณจำกสูตร KR-20 คูเดอร์–ริชำร์ดสัน (Kuder–Richardson) (ลว้ น สำยยศ และองั คณำ สำยยศ, 2538)
rtt = n 1- pq n-1 s2t เม่ือ rtt n แทน ควำมเช่ือมน่ั ของแบบทดสอบ แทน จำนวนขอ้ ของแบบทดสอบ p แทน สัดส่วนของผทู้ ำไดใ้ นแต่ละขอ้ q แทน สดั ส่วนของผทู้ ่ีทำผิดในขอ้ หน่ึง ๆ คือ 1-p S2t แทน ควำมแปรปรวนของคะแนนแบบทดสอบฉบบั น้นั S2t = nx2 -(x)2 เมื่อ n n(n - 1) แทน จำนวนผสู้ อบ x แทน คะแนนรวมของผเู้ ขำ้ สอบทุกคน x2 แทน ผลรวมของคะแนนยกกำลงั สองของแต่ละคน 2.5 ค่ำควำมเช่ือมนั่ ของแบบวดั ควำมพึงพอใจแบบฝึกทกั ษะคณิตศำสตร์ ดว้ ยเทคนิค K-W-D-L เร่ือง ภำคตดั กรวย ช้นั มธั ยมศึกษำปี ท่ี 4 ปี กำรศึกษำ 2564 วเิ ครำะห์โดยใชว้ ิธีหำสมั ประสิทธ์ิแอลฟำ (α -coefficient) ของครอนบคั (cronbach) ดงั น้ี (บุญชม ศรีสะอำด, 2545) = K 1- si2 K-1 st2 เม่ือ แทน สมั ประสิทธ์ิคำ่ ควำมเช่ือมนั่ K แทน จำนวนขอ้ ของเคร่ืองมือวดั Si2 แทน ผลรวมของควำมแปรปรวนของแตล่ ะขอ้ St2 แทน ควำมแปรปรวนของคะแนนรวม 2.6 กำรหำประสิทธิภำพของแบบฝึกทกั ษะคณิตศำสตร์ตำมเกณฑม์ ำตรฐำน 80/80 ใชส้ ูตร E 1/ E 2 (สมนึก ภทั ทิยธนี, 2544) ดงั น้ี สูตรท่ี 1 x E1 = N 100 A เมื่อ E 1 แทน ประสิทธิภำพของกระบวนกำรที่จดั ไวใ้ น ชุดแบบฝึกทกั ษะคิดเป็นคำ่ เฉล่ียร้อยละ จำก กำรทำแบบทดสอบและ/หรือประกอบดว้ ย กิจกรรมกำรเรียนระหวำ่ งเรียน
x แทน คะแนนรวมจำกกำรทำแบบทดสอบและ/หรือ กำรประกอบกิจกรรมระหวำ่ งเรียน A แทน คะแนนเตม็ ของแบบทดสอบและ/หรือ กิจกรรมกำรเรียน N แทน จำนวนผเู้ รียน F สูตรที่ 2 E2 = N 100 B E 2 แทน ประสิทธิภำพของผลลพั ธ์(พฤติกรรมท่ี เปล่ียนในตวั ผเู้ รียนหลงั จำกกำรเรียนดว้ ยชุด แบบฝึ กทกั ษะ) คิดเป็นคำ่ เฉล่ียร้อยละจำก กำรทำแบบทดสอบหลงั เรียนและ/หรือ ประกอบดว้ ยกิจกรรมหลงั เรียน F แทน คะแนนรวมของผเู้ รียนจำกกำรทำ แบบทดสอบหลงั เรียนและ/หรือกำรประกอบ กิจกรรมหลงั เรียน B แทน คะแนนเตม็ ของกำรสอบหลงั เรียนและ/หรือ หลงั กิจกรรมหลงั เรียน N แทน จำนวนผเู้ รียน 3. สถิติท่ีใชท้ ดสอบสมมติฐำน เปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียน รำยวิชำเสริมทกั ษะคณิตศำสตร์ 2 ของนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษำปี ท่ี 4 ท่ีเรียนโดยใชแ้ บบฝึกทกั ษะคณิตศำสตร์ ดว้ ยเทคนิค KWDL เร่ือง ภำคตดั กรวย ช้นั มธั ยมศึกษำปี ที่ 4 ปี กำรศึกษำ 2564 ระหวำ่ งกำรทดสอบก่อนเรียนกบั หลงั เรียน โดยคำนวณจำกสูตร t-test Dependent (ลว้ น สำยยศ และองั คณำ สำยยศ, 2540) ดงั น้ี
( )t = ∑D n∑D2 - ∑D 2 n-1 เม่ือ t แทน ค่ำท่ีใชใ้ นกำรพิจำรณำ (t-test Dependent) D แทน ควำมแตกต่ำงระหวำ่ งคะแนนแตล่ ะคู่ D2 แทน ผลรวมของ D แต่ละตวั ยกกำลงั (D)2 แทน ผลรวมของ D ท้งั หมดยกกำลงั สอง n แทน จำนวนผเู้ รียนในกลมุ่ ตวั อยำ่ ง การวเิ คราะห์ข้อมูล ขอ้ มลู ที่ไดจ้ ำกกำรวิจยั คร้ังน้ี ผวู้ จิ ยั นำมำวิเครำะห์ ดงั น้ี 1. วิเครำะห์ประสิทธิภำพกำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้โดยใช้แบบฝึ กทกั ษะคณิตศำสตร์ ดว้ ยเทคนิค KWDL เร่ือง ภำคตดั กรวย ของนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษำปี ที่ 4 โรงเรียนวงั จนั ทร์วิทยำ ปี กำรศึกษำ 2564 ตำมเกณฑ์ 80/80 โดยกำรหำประสิทธิภำพของกระบวนกำรและประสิทธิภำพของผลลพั ธ์ (E1/ E2) 2. นำคะแนนผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียนรำยวิชำเสริมทกั ษะคณิตศำสตร์ 2 ระหว่ำงก่อนและหลงั เรียน ท่ีไดร้ ับกำรสอนโดยใชแ้ บบฝึ กทกั ษะคณิตศำสตร์ ดว้ ยเทคนิค KWDL เร่ือง ภำคตดั กรวย ของนกั เรียน ช้ันมธั ยมศึกษำปี ท่ี 4 โรงเรียนวงั จนั ทร์วิทยำ ปี กำรศึกษำ 2564 มำวิเครำะห์ขอ้ มูลคำนวณหำค่ำเฉล่ีย เลขคณิต และค่ำส่วนเบี่ยงเบนมำตรฐำน 3. วเิ ครำะห์เปรียบเทียบผลสมั ฤทธ์ิทำงกำรเรียนโดยใชส้ ถิติ t-test Dependent 4. ผูว้ ิจยั นำคะแนนกำรประเมินควำมพึงพอใจในกำรเรียนโดยใช้แบบฝึ กทกั ษะคณิตศำสตร์ ดว้ ย เทคนิค KWDL เร่ืองภำคตดั กรวย ของนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษำปี ที่ 4 โรงเรียนวงั จนั ทร์วิทยำ ปี กำรศึกษำ 2564 ของกลมุ่ ตวั อยำ่ งมำคำนวณ โดยใชค้ ่ำเฉลี่ยเลขคณิตและนำมำเปรียบเทียบกบั เกณฑท์ ่ีต้งั ไว้ สรุปผลการวจิ ยั กำรวิเครำะห์ขอ้ มูลและแปรควำมหมำยแบง่ ออกเป็น 3 ตอน ดงั น้ี ตอนที่ 1 ผลกำรหำประสิทธิภำพของกำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้โดยใช้แบบฝึ กทกั ษะคณิตศำสตร์ ด้วยเทคนิค KWDL เรื่องภำคตัดกรวย ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษำปี ที่ 4 โรงเรียนวังจันทร์วิทยำ ปี กำรศึกษำ 2564 ปรำกฏดงั ตำรำงที่ 1
ตำรำงที่ 1 ประสิทธิภำพของกำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้โดยใช้แบบฝึ กทักษะคณิตศำสตร์ ด้วยเทคนิค KWDL เรื่องภำคตัดกรวย ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษำปี ท่ี 4 โรงเรียนวังจันทร์วิทยำ ปี กำรศึกษำ 2564 คะแนน จำนวน (คน) คะแนนเตม็ คะแนนเฉล่ีย คะแนนเฉล่ียร้อยละ ระหวำ่ งเรียน 44 40 32.43 81.08 หลงั เรียน 44 30 24.36 81.21 จำกตำรำงท่ี 1 พบวำ่ นกั เรียนไดค้ ะแนนจำกำรทำแบบฝึ กทกั ษะระหวำ่ งเรียน เฉลี่ยรวม 32.43 คะแนน คิดเป็ นร้อยละ 81.08 นักเรียนไดค้ ะแนนจำกกำรทำแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียน รำยวิชำเสริมทกั ษะคณิตศำสตร์ 2 เฉลี่ยรวม 24.36 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 81.21 ดงั น้นั กำรจดั กิจกรรม กำรเรียนรู้โดยใช้แบบฝึ กทกั ษะคณิตศำสตร์ ด้วยเทคนิค KWDL เรื่อง ภำคตดั กรวย ของนักเรียนช้ัน มธั ยมศึกษำปี ท่ี 4/1 โรงเรียนวงั จนั ทร์วิทยำ ปี กำรศึกษำ 2564 จำนวน 44 คน มีประสิทธิภำพเท่ำกบั 81.08/81.21 ซ่ึงเป็นไปตำมเกณฑป์ ระสิทธิภำพ 80/80 ที่กำหนดไว้ (ดงั ภำคผนวก) ตอนที่ 2 เปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียนรำยวิชำเสริมทกั ษะคณิตศำสตร์ 2 ก่อนเรียนและ หลังเรียนโดยใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียนรำยวิชำเสริมทักษะคณิตศำสตร์ 2 เร่ือง ภำคตดั กรวย ของนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษำปี ที่ 4 ปรำกฏดงั ตำรำงที่ 2 คะแนน n x X S.D. D D2 t ก่อนเรียน หลงั เรียน 44 551 12.52 1.97 521 6,613 24.45* 44 1,072 24.36 2.61 ค่ำ t ตำรำง (df = 43, α = .05) = 1.6811 * คือ มีนยั สำคญั ทำงสถิติท่ีระดบั .05 จำกตำรำงที่ 2 พบว่ำ ผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียนรำยวิชำเสริมทักษะคณิตศำสตร์ 2 เร่ือง ภำคตดั กรวย ของนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษำปี ท่ี 4/1 จำนวน 44 คน โดยกำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้โดยใช้ แบบฝึกทกั ษะคณิตศำสตร์ ดว้ ยเทคนิค KWDL เร่ือง ภำคตดั กรวย มีคะแนนเฉลี่ยจำกกำรทำแบบทดสอบ วดั ผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียนก่อนและหลงั เรียนแตกต่ำงกนั อย่ำงมีนยั สำคญั ที่ระดบั สถิติ .05 โดยมีคะแนน เฉลี่ยหลงั เรียนสูงกวำ่ คะแนนเฉล่ียก่อนเรียน (ดงั ภำคผนวก)
ตอนท่ี 3 ผลกำรศึกษำกำรประเมินควำมพึงพอใจในกำรเรียนโดยใช้แบบฝึ กทกั ษะคณิตศำสตร์ ด้วยเทคนิค KWDL เรื่องภำคตัดกรวย ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษำปี ท่ี 4/1 โรงเรียนวงั จันทร์วิทยำ ปี กำรศึกษำ 2564 ของกลุ่มตัวอย่ำงจำนวน 44 คน มำคำนวณโดยใช้ค่ำเฉล่ียเลขคณิตและนำมำ เปรียบเทียบกบั เกณฑท์ ี่ต้งั ไว้ ขอ้ ควำม X S.D. แปลควำมหมำย 1. ดำ้ นกำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้ 4.56 0.66 มำกท่ีสุด 2. ดำ้ นกำรวดั ผลประเมินผล 4.50 1.43 มำกที่สุด 3. ดำ้ นครูผสู้ อน 4.61 0.10 มำกท่ีสุด 4. ดำ้ นส่ือกำรเรียนรู้ 4.53 0.03 มำกที่สุด 4.55 0.56 มำกท่ีสุด รวม จำกตำรำงที่ 3 พบว่ำ ควำมพึงพอใจของนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษำปี ที่ 4/1 จำนวน 44 คน ท่ีมีต่อ กำรจดั กิจกรรมกำรเรียนกำรสอนโดยใชแ้ บบฝึกทกั ษะคณิตศำสตร์ ดว้ ยเทคนิค KWDL เร่ืองภำคตดั กรวย โดยรวมอยู่ในระดับมำกท่ีสุด ( X = 4.55) เมื่อพิจำรณำรำยละเอียดแต่ละข้อพบว่ำ นักเรียนมีควำม พึงพอใจ ดำ้ นครูผสู้ อนมำกท่ีสุด (( X = 4.61) รองลงมำคือ ดำ้ นกำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้ ( X = 4.56) และคำ่ เฉล่ียต่ำที่สุดคือ ดำ้ นกำรวดั ผลประเมินผล ( X = 4.50) ประโยชน์ทคี่ าดว่าจะได้รับ 1. นกั เรียนมีผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียน เร่ือง ภำคตดั กรวย สูงข้ึน 2. นกั เรียนไดใ้ ชค้ วำมรู้ทำงคณิตศำสตร์ในกำรแกป้ ัญหำท้งั โจทยแ์ ละบริบทในชีวิตประจำวนั ทำให้เกิดกำรเรียนรู้คณิตศำสตร์ในระดับท่ีสูงกว่ำควำมรู้ควำมจำ ประกอบกบั กำรอภิปรำยถึงควำม สมเหตุสมผลของคำตอบท่ีได้จำกกำรแก้ปัญหำซ่ึงเป็ นกำรพฒั นำท้งั ควำมรู้ทำงด้ำนเน้ือหำสำระตำม รำยวิชำเสริมทกั ษะคณิตศำสตร์ 2 และส่งเสริมเจตคติตอ่ กำรเรียนคณิตศำสตร์ในทำงบวก 3. ครูสำมำรถนำข้นั ตอนกำรสอนดว้ ยเทคนิค K-W-D-L ไปใชเ้ ป็นแนวทำงในกำรจดั กิจกรรม กำรเรียนรู้เพื่อเป็นแนวทำงกำรพฒั นำ และส่งเสริมกำรคิดทำงคณิตศำสตร์ ควำมสำมำรถในกำรแกป้ ัญหำ คณิตศำสตร์ซ่ึงเป็นส่ิงที่นกั เรียนควรไดร้ ับกำรส่งเสริม
การสะท้อนผลการวิจัย 1. ประสิทธิภำพ (E1/ E2) ของกำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้โดยใช้แบบฝึ กทกั ษะคณิตศำสตร์ ด้วยเทคนิค KWDL เร่ืองภำคตัดกรวย ของนักเรียนช้ันมธั ยมศึกษำปี ที่ 4 ท่ีผูว้ ิจยั สร้ำงข้ึนมีค่ำเท่ำกับ 81.08/81.21 ซ่ึงเป็นไปตำมเกณฑท์ ี่กำหนด 80/80 เน่ืองจำกผวู้ ิจยั ไดส้ ร้ำงแผนกำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้ ดว้ ยเทคนิค KWDL โดยผ่ำนกระบวนกำรกำรตรวจสอบ ปรับปรุงแกไ้ ขจำกผูเ้ ชี่ยวชำญเพ่ือให้แผนกำร จดั กำรเรียนรู้มีควำมเหมำะสม มีควำมน่ำสนใจและครอบคลมุ กบั เน้ือหำในกำรนำมำจีดกิจกรรมกำรเรียน โดยสอดคลอ้ งกบั งำนวิจยั ของ ชลนั ดำ ปำระมี (2561) ไดท้ ำกำรวิจยั เรื่อง กำรเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิ ทำงกำรเรียนคณิตศำสตร์ เร่ือง อตั รำส่วนตรีโกณมิติ นกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษำปี ที่ 4 โดยกำรจดั กิจกรรม กำรเรียนรู้ดว้ ยเทคนิค KWDL กบั กำรเรียนรู้แบบปกติ ผลกำรวิจยั พบวำ่ ประสิทธิภำพกำรจดั กำรเรียนรู้ โดยใช้เทคนิค KWDL เร่ืองอตั รำส่วนตรีโกณมิติ ช้นั มธั ยมศึกษำปี ที่ 4 เท่ำกบั 78.75/78.54 ซ่ึงสูงกว่ำ เกณฑ์ที่กำหนด และสอดคลอ้ งกับงำนวิจยั ของ วิรำฉัตร ต้งั อำรีอรุณ (2561) ไดท้ ำกำรวิจยั เร่ือง กำร พัฒนำกำรจัดกำรเรียนรู้กำรแก้โจทย์ปัญหำคณิตศำสตร์ตำมแนวคิด KWDL สำหรับนักเรียนช้ัน มธั ยมศึกษำปี ที่ 3 ผลกำรวิจยั พบว่ำ ประสิทธิภำพของกำรพฒั นำกำรจดั กำรเรียนรู้กำรแก้โจทยป์ ัญหำ คณิตศำสตร์ตำมแนวคดิ KWDL ของนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษำปี ท่ี 3 มีประสิทธิภำพ 80.69/81.11 ซ่ึงสูงกวำ่ เกณฑท์ ่ีต้งั ไว้ (80/80) 2. กำรเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียนรำยวิชำเสริมทักษะคณิตศำสตร์ 2 ก่อนและ หลงั เรียน เร่ือง ภำคตดั กรวย ของนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษำปี ที่ 4 โดยกำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้ดว้ ยเทคนิค KWDL พบว่ำ ผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียนหลงั เรียนสูงกวำ่ ก่อนเรียน อย่ำงมีนัยสำคญั ทำงสถิติทีระดบั .05 อำจเป็ นเพรำะกำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้ดว้ ยเทคนิค KWDL เป็ นเทคนิคกำรสอนท่ีเหมำะสมกับวิชำ คณิตศำสตร์ เนื่องจำกเป็นกระบวนกำรจดั กำรเรียนรู้ท่ีช่วยให้นกั เรียนสำมำรถวิเครำะห์คำถำมไดด้ ียง่ิ ข้ึน ช่วยใหง้ ่ำยข้ึนในกำรหำคำตอบ ซ่ึงตรงกบั ท่ี Ogle (1986) ผพู้ ฒั นำกำรจดั กำรเรียนรู้ดว้ ยเทคนิค KWDL ท่ี กล่ำวว่ำ กำรกำหนดข้นั ตอนของเทคนิค KWDL กำรมีคำถำมนำเพ่ือให้คิดหำขอ้ มูลของคำตอบตำมท่ี ต้องกำรในแต่ละข้ันตอนจะช่วยส่งเสริมกำรอ่ำนมำกข้ึน โดยเฉพำะกำรอ่ำนเชิงวิเครำะห์ กำรนำ กระบวนกำรหรือเทคนิค KWDL ไปใชใ้ นกำรสอนคณิตศำสตร์เป็นวิธีที่เหมำะสมอีกวิธีหน่ึง นอกจำกน้ี กำรสรุปกระบวนกำรคิดในข้นั ตอน L ขงกำรสอนดว้ ยเทคนิค KWDL จะช่วยใหน้ กั เรียนมีควำมคิดรวบ ยอดในกำรทำโจทยใ์ นรูปแบบท่ีเคยทำมำแลว้ ซ่ึงจะช่วยให้นกั เรียนสำมำรถทำโจทยป์ ัญหำที่มีรูปแบบ คลำ้ ย ๆ กัน ไดด้ ีย่ิงข้ึนและใช้เวลำน้อยลง เนื่องจำกกำรสรุปจะช่วยให้เห็นถึงควำมสัมพนั ธ์ระหว่ำง ควำมรู้ท่ีเรียนโจทยท์ ่ีพ่ึงลงมือทำกับกำรนำไปประยุกตใ์ ช้ต่อไปในอนำคต ส่งผลใหผ้ ลสัมฤทธ์ิทำงกำร เรียนหลงั เรียนสูงกวำ่ ก่อนเรียน โดยสอดคลอ้ งกบั งำนวิจยั ของปนดั ดำ กุลบตุ ร (2560) ไดท้ ำกำรวิจยั เร่ือง กำรศึกษำผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียนคณิตศำสตร์และควำมสำมำรถในกำรแกป้ ัญหำทำงคณิตศำสตร์ของ นกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษำปี ที่ 2 เร่ือง กำรประยกุ ตข์ องสมกำรเชิงเส้นตวั แปรเดียวโดยกำรใชเ้ ทคนิค KWDL
โรงเรียนทงุ่ ศรีอุดม จงั หวดั อบุ ลรำชธำนี ผลกำรวิจยั พบวำ่ นกั เรียนมีผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียนคณิตศำสตร์ หลังเรียนสูงกว่ำก่อนเรียนและสูงกว่ำเกณฑ์ร้อยละ 60 อย่ำงมีนัยสำคัญทำงสถิติที่ระดับ .05 และ สอดคล้องกับ เสำวนีย์ บุญแก้ว (2559) ได้ทำกำรวิจัยเร่ือง กำรศึกษำควำมสำมำรถในกำรเรียนวิชำ คณิตศำสตร์ เรื่อง ภำคตัดกรวย ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษำปี ที่ 4 โดยกำรจัดกำรเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWDL โรงเรียนจุฬำภรณรำชวิทยำลยั นครศรีธรรมรำช ผลกำรวิจยั พบวำ่ ผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียนวิชำ คณิตศำสตร์หลงั เรียนสูงกวำ่ ก่อนเรียนอยำ่ งมีนยั สำคญั ทำงสถิติท่ีระดบั .05 3. กำรศึกษำควำมพึงพอใจของนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษำปี ที่ 4 ท่ีมีต่อกำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้ โดยใชแ้ บบฝึกทกั ษะคณิตศำสตร์ ดว้ ยเทคนิค KWDL เรื่องภำคตดั กรวย พบวำ่ ควำมพงึ พอใจของนกั เรียน ช้ันมธั ยมศึกษำปี ท่ี 4 ท่ีมีต่อกำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้โดยใช้แบบฝึ กทกั ษะคณิตศำสตร์ ดว้ ยเทคนิค KWDL เรื่องภำคตดั กรวย โดยรวมมีควำมพึงพอใจอยู่ในระดับมำกท่ีสุด ( X = 4.55) ในกำรวิจยั อำจ เน่ืองจำกกำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้โดยใช้แบบฝึ กทกั ษะคณิตศำสตร์ ดว้ ยเทคนิค KWDL ช่วยส่งเสริม กำรอ่ำนที่ช่วยให้ผูเ้ รียนเรียนรู้ไดด้ ียง่ิ ข้ึนดงั ท่ี วชั รำ เล่ำเรียนดี (2554, หนำ้ 130) ไดก้ ล่ำวว่ำ กำรจดั กำร เรียนรู้ดว้ ยเทคนิค KWDL จะช่วยช้ีนำกำรคิดแนวทำงในกำรอ่ำนและหำคำตอบของคำถำมสำคญั ต่ำง ๆ จำกเรื่องน้ัน จำกน้ันสำมำรถนำมำใชใ้ นกำรเรียนรู้ตำมควำมตอ้ งกำร นอกจำกน้ีเทคนิค KWDL ทำให้ นกั เรียนมีกำรคิดวิเครำะห์โจทยป์ ัญหำอยำ่ งเป็ นระบบ ส่งผลสู่กำรเรียนรู้ที่ดีตำมมำ ซ่ึงนำไปสู่ควำมพึง พอใจในกำรเรียน ดงั ท่ี สมยศ นำวีกำร (2555, หนำ้ 115-119) กล่ำวไวว้ ำ่ ผลกำรเรียนมีควำมสัมพนั ธ์กบั ควำมพงึ พอใจและผลกำรวิจยั สอดคลอ้ งกบั งำนวิจยั ของ จิรำภรณ์ อปุ ภำ (2554, หนำ้ 63-72) ไดว้ เิ ครำะห์ ควำมพึงพอใจต่อกำรจดั กำรเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWDL พบว่ำ นักเรียนที่ได้รับกำรจดั กำรเรียนรู้ด้วย เทคนิค KWDL มีควำมพงึ พอใจโดยรวมอยใู่ นระดบั มำกที่สุด
เอกสารอ้างองิ หรือบรรณานุกรม กระทรวงศึกษำธิกำร. (2560). หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2560). กรุงเทพมหำนคร : โรงพิมพช์ ุมนุมสหกรณ์กำรเกษตรแห่งประเทศไทย. จิรำภรณ์ อปุ ภำ. (2554). ผลการจดั การเรียนรู้โดยใช้เทคนคิ KWDL ในการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ เร่ือง อตั ราส่วนและร้อยละ ของนกั เรียนระดับประกาศนยี บตั รวชิ าชีพช้ันปี ท่ี 1 วิทยาลยั การอาชีพโพนทอง จงั หวดั ร้อยเอด็ . วทิ ยำนิพนธ์ครุศำสตรมหำบณั ฑิต, มหำวิทยำลยั รำชภฏั มหำสำรคำม. ชลนั ดำ ปำระมี. (2561). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนคณิตศาสตร์ เร่ือง อตั ราส่วนตรีโกณมิติ นักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี 4 โดยการจดั การเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWDL กบั การเรียนรู้แบบ ปกติ. วทิ ยำนิพนธค์ รุศำสตรมหำบณั ฑิต, มหำวิทยำลยั รำชภฏั มหำสำรคำม. ชวำล แพรัตกลุ . (2552).เทคนิคการวดั ผล. พิมพค์ ร้ังที่ 7 . กรุงเทพ ฯ : วฒั นำพำนิช. บุญชม ศรีสะอำด. (2541). การพฒั นาการสอน. พิมพค์ ร้ังที่ 2. กรุงเทพฯ : สุวริ ิยำสำส์น. _______. (2545). การวจิ ยั เบือ้ งต้น. พิมพค์ ร้ังท่ี 7. กรุงเทพฯ : สุวรี ิยำสำส์น. บุญเชิด ภิญโญอนนั ตพงษ.์ (2526). แบบทดสอบองิ เกณฑ์ : แนวคิดและวธิ ีการ. กรุงเทพฯ : โอเดียนสโตร์. มหำวทิ ยำลยั สุโขทยั ธรรมำธิรำช. (2554). เอกสารการสอนชุดการสอนกลุ่มทกั ษะ 2 (คณติ ศาสตร์). พิมพ์ คร้ังท่ี 6. กรุงเทพมหำนคร : โรงพิมพส์ ุโขทยั ธรรมำธิรำช. โรงเรียนวงั จนั ทร์วทิ ยำ. (2560). หลกั สูตรโรงเรียนวงั จนั ทร์วิทยา พุทธศักราช 2553 (ฉบบั ปรับปรุง 2560). ระยอง : กล่มุ บริหำรงำนวิชำกำรโรงเรียนวงั จนั ทร์วิทยำ. _______. (2563). แบบบันทึกผลการเรียนประจารายวชิ า ปี การศึกษา 2563. ระยอง : งำนทะเบียนวดั ผลโรงเรียนวงั จนั ทร์วิทยำ. ลว้ น สำยยศและองั คณำ สำยยศ. (2538). เทคนคิ การวิจยั ทางการศึกษา. พิมพค์ ร้ังท่ี 4. กรุงเทพฯ : สุวีริยำสำส์น. _______. (2543). เทคนคิ การวดั ผลการเรียนรู้. พมิ พค์ ร้ังที่ 2. กรุงเทพฯ : สุวีริยำสำส์น. วรรณี โสมประยูร. (2559). การพฒั นาการจัดการเรียนรู้การแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ตามแนวคดิ KWDL สาหรับนักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี 3. วิทยำนิพนธค์ รุศำสตรมหำบณั ฑิต, มหำวทิ ยำลยั รำชภฏั มหำสำรคำม วชั รำ เล่ำเรียนดี. (2554). เทคนิคและยทุ ธวิธพี ฒั นาการคิดการจัดการเรียนรู้ทเ่ี น้นผู้เรียนเป็ นสาคัญ. นครปฐม: โรงพิมพม์ หำวิทยำลยั ศิลปกร.
สถำบนั ส่งเสริมกำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลย(ี สสวท). (2561). คู่มือครูรายวิชาเสริมทกั ษะ คณติ ศาสตร์ เล่ม 2 ช้ันมัธยมศึกษาปี ที่ 4 . (พมิ พค์ ร้ังท่ี 1). กรุงเทพฯ : โรงพิมพส์ กสค. ลำดพร้ำว. สิริพร ทิพยค์ ง. (2545). หลกั สูตรและการสอนคณติ ศาสตร์. กรุงเทพมหำนคร : พฒั นำคุณภำพวิชำกำร (พว.). สุมำลี หมำกผนิ . (2558). รายงานการพฒั นาชุดแบบฝึ กทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง พื้นที่ผวิ และปริมาตร สาหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปี ที่ 3. โรงเรียนสุโขทยั วทิ ยำคมจงั หวดั สุโขทยั . สมยศ นำวกี ำร. (2555). การบริหารเพื่อความเป็ นเลศิ . (พิมพค์ ร้ังท่ี 3). กรุงเทพ ฯ: โรงพมิ พม์ หำวิทยำลยั ธรรมศำสตร์. เสำวนีย์ บุญแกว้ . (2559). การศึกษาความสามารถในการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง ภาคตดั กรวย ของ นกั เรียนช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี 4 โรงเรียนจุฬาภรณ์ราชวิทยาลยั นครศรีธรรมราช. วทิ ยำนิพนธ์ ศึกษำศำสตรมหำบณั ฑิต, มหำวิทยำลยั เกษตรศำสตร์ Ogle. (1986). K-W-L : A Teaching Model That Develops Active Reading of Expository Text. Reading Teacher. Polya. G. (1985). How to Sovel lt. Pricaton University Press. Wilson, JamesW. (1971). Evaluation of Learning in Secondary School Mathematics, in Handbook on Formative and Summative Evalution of Student Learning. Edited by Benjamin S. Bloom, U.S.A.: Mcgraw – Hill. ภาคผนวก 1. เคร่ืองมือวิจยั 1.1 ตวั อยำ่ งแผนกำรจดั กำรเรียนรู้รำยวชิ ำเสริมทกั ษะคณิตศำสตร์ 2 เรื่อง ภำคตดั กรวย 1.2 ตวั อยำ่ งแบบฝึกทกั ษะคณิตศำสตร์ โดยใชเ้ ทคนิค KWDL เรื่อง ภำคตดั กรวย ของนกั เรียน ช้นั มธั ยมศึกษำปี ท่ี 4 โรงเรียนวงั จนั ทร์วทิ ยำ ปี กำรศึกษำ 2564 1.3 ตำรำงแสดงกำรหำค่ำประสิทธิภำพของกระบวนกำรของกำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้โดยใช้ แบบฝึ กทกั ษะคณิตศำสตร์ ดว้ ยเทคนิค KWDL เร่ืองภำคตดั กรวย ของนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษำปี ท่ี 4/1 โรงเรียนวงั จนั ทร์วทิ ยำ ปี กำรศึกษำ 2564 ชุดที่ 1 – 4 จำนวน 44 คน (E1/ E2) 1.4 ตำรำง แสดงกำรเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียนรำยวิชำเสริมทกั ษะคณิตศำสตร์ 2 ก่อนเรียนและหลงั เรียนโดยใชแ้ บบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียนรำยวิชำเสริมทกั ษะคณิตศำสตร์ 2 เร่ือง ภำคตดั กรวย ของนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษำปี ท่ี 4/1 จำนวน 44 คน 2. ภำพถำ่ ยประกอบกำรวจิ ยั
1. เครื่องมือวจิ ยั 1.1 ตัวอย่างแผนการจดั การเรียนรู้รายวิชาเสริมทักษะคณิตศาสตร์ 2 เร่ือง ภาคตัดกรวย
Search