บทสรุปผู้บริหาร โครงการวิจัย เรื่อง แนวทางการเพิ่ มอัตราการเรียน สำเร็จหลักสูตรสำหรับผู้ใช้บริการการเรียนรู้ ผ่านระบบการเรียนออนไลน์แบบเปิดเพื่ อมวลชน ในประเทศไทย (Thai MOOC) : การวิเคราะห์ Data Mining
120 บทที่ 5 สรปุ ผลการวิจัย อภปิ รายผลการวจิ ัย และขอ้ เสนอแนะ โครงการวิจยั เร่ือง แนวทางการเพ่ิมอัตราการเรยี นสำเรจ็ หลกั สตู รสำหรับผ้ใู ชบ้ ริการการเรียนรผู้ า่ นระบบ การเรียนออนไลนแ์ บบเปิดเพื่อมวลชนในประเทศไทย (Thai MOOC) : การวเิ คราะห์ Data Mining มีวัตถปุ ระสงค์ การวิจัย 2 ข้อ ได้แก่ 1) เพื่อศึกษาพฤติกรรมของผู้ใช้งาน Thai MOOC และสร้างโมเดลการจำแนกผู้ใช้งานท่ี ประสบความสำเร็จในการเรียนบน Thai MOOC และ 2) เพื่อนำเสนอแนวทางการเพิ่มอัตราการเรียนสำเร็จ หลักสูตรสำหรับผู้ใช้บริการการเรียนรู้ผ่านระบบการเรียนออนไลน์แบบเปิดเพื่อมวลชนในประเทศไทย ( Thai MOOC) โดยมผี ลการวิจยั โดยสรปุ ดังนี้ ตอนที่ 1 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลทว่ั ไป พฤตกิ รรม และความคิดเห็นตอ่ การใช้บริการของผูต้ อบแบบสอบถาม จากการตอบแบบสอบถามของผู้ใช้บริการ Thai MOOC เมื่อวิเคราะห์ลักษณะทั่วไปของผู้ตอบ แบบสอบถาม และพฤตกิ รรมการใช้งานในมติ ติ ่าง ๆ ได้ผลการวเิ คราะหด์ งั น้ี 1.1 ขอ้ มูลภูมิหลงั ของผตู้ อบแบบสอบถาม อายุ เพศ ระดบั การศกึ ษา อาชีพ และภูมิลำเนาของผตู้ อบแบบสอบถาม ผลการวิเคราะห์จำนวนผู้ตอบแบบสอบถามจำแนกตามภมู ิหลังในภาพรวมเมื่อจำแนกตามอายุ พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญม่ ีอายุในช่วงตั้งแต่ 18-30 ปี (ร้อยละ 43.63) รองลงมาคือกลุ่มช่วงอายุตั้งแต่ 31-40 ปี (รอ้ ยละ 26.28) ในขณะทม่ี ีจำนวนผ้ตู อบแบบสอบถามทีม่ อี ายุมากกวา่ 60 ปี มีจำนวนน้อยทส่ี ดุ (ร้อยละ 0.54) เมื่อวิเคราะห์จำแนกตามอายุและเพศพบว่า ทั้งกลุ่มเพศชายและเพศหญงิ ส่วนใหญม่ ีอายุในช่วง 31-40 ปี (รอ้ ยละ 40.19 และ 45.75 ตามลำดับ) เม่ือวิเคราะห์จำแนกตามระดับการศกึ ษาในภาพรวมพบว่า ผูใ้ ช้งานส่วน ใหญ่มีวุฒิการศึกษาในระดับปริญญาตรีมากท่ีสุด (ร้อยละ 47.40) เมื่อวิเคราะห์จำแนกตามระดับการศึกษาและ เพศพบว่า ทั้งเพศชายและหญงิ ส่วนใหญ่มีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาเช่นเดียวกัน (ร้อยละ 47.66 และ 47.23 ตามลำดับ) ผลการวเิ คราะห์จำนวนผ้ตู อบแบบสอบถามจำแนกตามอาชพี ในภาพรวมพบว่า ผ้ตู อบแบบสอบถามท่ี เป็นนักเรียน/นกั ศึกษามีจำนวนมากทีส่ ุด (ร้อยละ 30.04) รองลงมาคือกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามท่ีประกอบอาชพี รบั ราชการ (รอ้ ยละ 25.65) ในขณะทีก่ ล่มุ ผู้ไมไ่ ดป้ ระกอบอาชีพมีจำนวนน้อยท่ีสุด (รอ้ ยละ 2.33) เมื่อวิเคราะห์ จำนวนผู้ตอบแบบสอบถามจำแนกตามระดับการศึกษา และภูมิลำเนาของผู้ตอบแบบสอบถามพบว่า ผู้ตอบ
121 แบบสอบถามท่ีอาศัยในเขตกรุงเทพมหานครและปรมิ ณฑล และตา่ งจงั หวดั ส่วนใหญ่มวี ฒุ กิ ารศึกษาระดับปริญญา ตรี (ร้อยละ 46.60 และ 47.78 ตามลำดับ) รองลงมาคอื ผูท้ ี่วุฒิการศึกษาระดบั ปริญญาโท (ร้อยละ 29.47 และ 28.27 ตามลำดับ) ทั้งนี้เมื่อวิเคราะห์จำนวนผู้ตอบแบบสอบถามจำแนกตาม อาชีและภูมิลำเนาพบว่า ทั้งใน กรุงเทพมหานครและปรมิ ณฑลและตา่ งจงั หวดั มีจำนวนผ้ตู อบแบบสอบถามเปน็ นักเรยี น/นกั ศกึ ษามากท่ีสุด (ร้อย ละ 26.57 และ 31.96) เมื่อวิเคราะห์ในลำดับรองลงมาพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามที่อยูใ่ นกรงุ เทพมหานครและ ปริมณฑลประกอบอาชพี ในภาคสว่ นเอกชน (ร้อยละ 23.17) ในขณะท่ผี ตู้ อบแบบสอบถามทม่ี ภี มู ิลำเนาต่างจงั หวดั จะประกอบอาชีพรับราชการ (ร้อยละ 30.29) ดัง Error! Reference source not found. และError! Reference source not found. 1.2 พฤติกรรมการใช้บริการ Thai MOOC ของผู้ตอบแบบสอบถาม จากการสำรวจพฤตกิ รรมการใช้บรกิ าร Thai MOOC ในประเด็น จำนวนครงั้ ท่ีใชง้ านตอ่ เดือน เวลาท่ีใชใ้ น การเรยี นต่อครั้ง และเวลาท่ใี ชใ้ นการศึกษาสำเร็จตอ่ หลกั สูตรพบว่า มีผ้ใู ชง้ านทีต่ อบแบบสอบถามส่วนใหญ่เข้าใช้ งาน Thai MOOC น้อยกว่า 3 ครงั้ ต่อเดือน (ร้อยละ 58.12) เมอื่ พจิ ารณาระยะเวลาท่ีใช้ในการเรียนต่อการเข้าใช้ บริการแต่ละคร้ังสว่ นใหญใ่ ช้เวลา 3-4 ช่วั โมงต่อครั้ง (ร้อยละ 58.30) และเมื่อพจิ ารณาเวลาทีใ่ ช้ในการศกึ ษาสำเรจ็ ตอ่ หลกั สูตรสว่ นมากใช้เวลา 1-2 สัปดาห์ (รอ้ ยละ 35.34) จากการสำรวจพฤตกิ รรมการใชบ้ ริการ Thai MOOC ในประเดน็ การเลือกศึกษา MOOC บน Platform อื่น นอกเหนือจาก Thai MOOC พบว่า มีผู้ใช้งานที่ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เลือกใช้บริการ MOOC ของ สถาบนั การศึกษาตา่ งๆ มากท่ีสุด (รอ้ ยละ 73.54) รองลงมาคอื Coursera (ร้อยละ 24.98) edX (ร้อยละ 13.23) และ Udemy (รอ้ ยละ 9.55) ตามลำดบั การศึกษาเหตผลที่เลือกศึกษารายวิชาต่างๆ บน Thai MOOC ของผู้ตอบแบบสอบถาม พบว่า ผู้ใช้งาน เพศชายเลือกศกึ ษารายวชิ าตา่ งๆ เพื่อ Upskill มากทส่ี ดุ คดิ เป็นร้อยละ 83.41 รองลงมาคอื การใชใ้ นชีวิตประจำวนั (ร้อยละ 69.74) การศึกษาตามความสนใจ (ร้อยละ 68.69) และการ Reskill (รอ้ ยละ 30.02) ตามลำดับ ในขณะ ทเี่ พศหญิงเลือกศึกษารายวชิ าต่างๆ เพอ่ื Upskill มากทสี่ ุดคิดเป็นรอ้ ยละ 83.41 รองลงมาคือ การศกึ ษาตามความ สนใจ (ร้อยละ 67.90) การใช้ในชีวิตประจำวัน (ร้อยละ 67.83) และการ Reskill (รอ้ ยละ 24.53) ตามลำดับ เมื่อศึกษาเหตุผลที่เลือกศึกษาตามอายุพบว่า ผู้ใช้งานในกลุ่มอายุไม่เกิน 30 ปีเลือกศึกษารายวิชาตา่ งๆ เพื่อ Upskill มากที่สุด (ร้อยละ 79.24) รองลงมาคือ รองลงมาคือการใช้ในชีวิตประจำวัน (ร้อยละ 76.07)
122 การศกึ ษาตามความสนใจ (ร้อยละ 71.99) และการ Reskill (รอ้ ยละ 30.19) ตามลำดบั สำหรับผูใ้ ชท้ ่ีอายุมากกวา่ 30 ปี พบวา่ เลือกศึกษารายวชิ าต่างๆ เพอื่ Upskill มากทีส่ ุด (รอ้ ยละ 87.49) รองลงมาคือ การศกึ ษาตามความ สนใจ (รอ้ ยละ 64.51) การใช้ในชวี ิตประจำวัน (ร้อยละ 61.22) และการ Reskill (ร้อยละ 23.16) ตามลำดบั 1.3 เจตคติของผ้ใู ชง้ าน Thai MOOC เมอ่ื ศึกษาเจตคติของผใู้ ช้งาน Thai MOOC พบวา่ มีเจตคตใิ นภาพรวมในระดับมาก (Mean = 3.86, S.D. = 0.62) โดยมคี วามเห็นสงู สุด 3 ลำดับแรกได้แก่ Thai MOOC เปน็ นวัตกรรมการเรียนรู้ทที่ ันสมยั ในระดับ มากท่ีสดุ (Mean = 4.03, S.D. = 0.74) การเรียนผา่ น Thai MOOC ทำใหเ้ รียนรูแ้ ละเปดิ มมุ มองใหมๆ่ ในระดบั มากทสี่ ุด (Mean = 4.01, S.D. = 0.74) และจะแนะนำให้เพอื่ นหรอื คนรจู้ กั เรียนผ่าน Thai MOOC ในระดบั มาก (Mean = 3.99, S.D. = 0.86) ตอนท่ี 2 พฤตกิ รรมของผ้ใู ชง้ าน Thai MOOC และโมเดลการจำแนกผใู้ ชง้ านที่ประสบความสำเร็จในการ เรียนบน Thai MOOC ผู้วิจัยได้ดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลข้อมูลกิจกรรมของผู้ใช้งานในฐานข้อมูล Thai MOOC ตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2562 ถึง 20 เมษายน 2563 รวมทั้งสิ้น 131,406,968 รายการ พบพฤติกรรมของผู้ใช้งานและสร้าง โมเดลการจำแนกผู้ใชง้ านทป่ี ระสบความสำเร็จในการเรยี นบน Thai MOOC ดงั ต่อไปนี้ 2.1 พฤตกิ รรมของผใุ้ ชง้ าน Thai MOOC เมื่อพิจารณาการ Login และการ Logout พบว่าในช่วงเดือน กรกฎาคม ถึง กันยายน 2562 และช่วง เดือน กุมภาพันธ์ ถึงเดือนเมษายน 2563 มีจำนวนการ Login และการ Logout เพิ่มขึ้นมาก โดยเดือน กรกฎาคม ถงึ กันยายน 2562 มจี ำนวนการ Login/Logout (พนั ครง้ั ) ดังนี้ 2.348/14.419, 2.781/32.374, และ 1.996/12.635 ตามลำดับ และเดือนกมุ ภาพนั ธ์ ถึงเดือนเมษายน 2563 มีจำนวนการ Login/Logout (พันครั้ง) ดังนี้ 1.631/9.258, 3.41/12.965, และ 4.137/14.508 ตามลำดบั ผูใ้ ช้บรกิ าร Thai MOOC มพี ฤตกิ รรมการใช้ส่ือวิดีโอในการเล่น หยุด คน้ หา และเปลี่ยนความเร็วไปใน ทิศทางเดียวกัน โดยมีพฤติกรรมใชส้ ื่อวิดโี อเพ่ิมมากขึ้นในช่วงเดือนกรกฎาคม ถึงกันยายน 2562 และช่วงเดือน กุมภาพันธ์ ถึงเมษายน 2563 เพิ่มขึ้น โดยมีพฤติกรรมการเล่น/หยุด/ค้นหา/เปลี่ยนความเรว็ ของสื่อวิดีโอ (พัน
123 ครั้ง) ในเดือนกรกฎาคม สิงหาคม และกันยายน 2562 ดังนี้ 746.596/290.335/397.804/10.904 , 923.182/332.5/518.326/11.422, แ ล ะ 494.072/172.899/278.537/5.276 ต า ม ล ำ ด ั บ แ ล ะ ใ น เ ด ื อน กุมภาพันธ์ มีนาคม และเมษายน 2563 พบพฤติกรรมการใช้งานดังนี้ 286.743/106.893/156.025/3.969 , 747.272/250.013/417.467/8.773, และ 1285.93/457.667/711.088/13.547 ตามลำดบั Thai MOOC มหี ลักสูตรท่ี Active สำหรับใหบ้ รกิ ารเพม่ิ ขน้ึ ตามลำดับโดยเดอื นกมุ ภาพันธ์ มนี าคม และ เมษายน 2563 (987 หลักสูตร 1,260 หลักสตู ร และ 1,417 หลกั สูตร ตามลำดับ) เปน็ ชว่ งท่ีมหี ลักสตู รใหบ้ ริการ สูงที่สุด และพบจำนวนการ Login สูงที่สุด 2 ช่วงเวลาคือ ช่วงเดือนกรกฎาคม สิงหาคม และกันยายน 2562 (2,348 ครั้ง 2,781 ครั้ง และ 1,996 ครั้ง ตามลำดับ) และช่วงเดือนกุมภาพันธ์ มีนาคม และเมษายน 2563 (1,631 คร้ัง 3,410 ครงั้ และ 4,137 คร้งั ตามลำดบั ) ค่าเฉลี่ยระยะเวลาในการเล่นวดิ โี อ และการทำแบบฝึกหัดจำแนกตามผทู้ ่ไี ดร้ ับประกาศนยี บตั ร และไม่ได้ รับประกาศนยี บตั ร โดยพิจารณาจากขอ้ มลู ผู้ใช้ 118,806 users พบว่าผู้เรียนท่ีไดร้ ับประกาศนยี บัตรใช้เวลาใน การดวู ิดโี อและใชเ้ วลาในการทำแบบฝกึ หัดสอดคลอ้ งกนั และน้อยกว่าผเู้ รยี นท่ีไมไ่ ดร้ ับประกาศนียบตั ร เม่อื พจิ ารณาข้อมลู ผู้ใช้ 116,237 users คา่ เฉล่ียจำนวนครั้งในการเลน่ วิดีโอ และจำนวนครั้งในการหยุด วิดีโอจำแนกตามผู้ที่ได้รับประกาศนียบัตร และไม่ได้รับประกาศนยี บัตร พบว่าผู้เรียนที่ไดร้ ับประกาศนียบัตร มี จำนวนครัง้ ในการดูวิดโี อและหยุดวิดโี อสอดคล้องกัน และนอ้ ยกว่าผู้เรียนทไ่ี มไ่ ด้รับประกาศนยี บัตร เมอื่ พจิ ารณาขอ้ มลู ผใู้ ช้ 100,186 users คา่ เฉลี่ยจำนวนครั้งในการเลน่ วดิ ีโอ และจำนวนครง้ั ในการเลื่อน หรือปรับความเร็ววิดีโอจำแนกตามผู้ที่ได้รบั ประกาศนียบัตร และไม่ได้รับประกาศนียบัตร พบว่าผู้เรียนที่ได้รบั ประกาศนยี บตั รมีจำนวนครง้ั ในการเลน่ วดิ ีโอและจำนวนครง้ั ในการเลอื่ นหรือปรบั ความเรว็ วดิ โี อวดิ ีโอสอดคล้องกนั และนอ้ ยกว่าผเู้ รยี นทไี่ ม่ได้รบั ประกาศนยี บัตร 2.2 พฤติกรรมการเรียนรบู้ น Thai MOOC ของผตู้ อบแบบสอบถาม เมื่อศึกษาความสัมพันธร์ ะหว่างค่าเฉลี่ยระยะเวลาในการทำแบบทดสอบ และค่าเฉล่ียระยะเวลาในการ อา่ นเอกสาร PDF จำแนกตามอายขุ องผ้ตู อบแบบสอบถาม 2,230 คน พบวา่ คนทม่ี ีอายุ 18-30 ปี และอายุ 31- 40 ปี จะใช้เวลาในการเรียนร้ผู ่านเอกสารและการทำแบบฝกึ หดั ไดด้ ีกวา่ กลุ่มคนในวัยอ่นื ๆ
124 เมื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างค่าเฉลี่ยระยะเวลาในการทำแบบทดสอบ และค่าเฉล่ียระยะเวลาในการ อา่ นเอกสารจำแนกระหวา่ งผไู้ ดร้ ับประกาศนียบัตร และไมไ่ ด้รบั ประกาศนยี บัตร พบวา่ ผไู้ ด้รับประกาศนียบัตรใช้ ระยะเวลาในการทำแบบทดสอบและระยะเวลาในการอา่ นเอกสารน้อยกว่าผู้ไม่ไดร้ ับประกาศนยี บตั ร เมื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างค่าเฉลี่ยระยะเวลาในการเล่นวิดีโอ และค่าเฉลี่ยระยะเวลาในการอ่าน เอกสารจำแนกตามอายุพบวา่ ผู้ใช้บริการที่มีอายุ 18-30 ปี และอายุ 31-40 ปี ใช้เวลาในการเล่นวิดีโอและการ อ่านเอกสารสูงกวา่ ในชว่ งอายอุ นื่ ๆ ความสมั พันธ์ระหวา่ งค่าเฉลีย่ ระยะเวลาในการเลน่ วิดีโอ และคา่ เฉลี่ยระยะเวลาในการอ่านเอกสารจำแนก ตามผู้ได้รับประกาศนียบัตรและผูไ้ ม่ได้รับประกาศนียบตั ร พบว่าสามารถแบ่งผู้ใช้บริการบน Thai MOOC ได้ 3 กลุ่มคอื 1) กลมุ่ ทเ่ี น้นการเรียนรผู้ า่ นการอา่ นเอกสาร 2) กลมุ่ ท่เี นน้ การเรยี นรผู้ ่านการดวู ิดีโอ และ 3) กลมุ่ ทเี่ น้น การเรียนรผู้ ่านสอื่ ทง้ั 2 ประเภท นอกจากนยี้ งั พบวา่ ผู้ไดร้ ับประกาศนยี บตั รใช้เวลาในการเล่นวิดีโอน้อยกว่าผู้ไม่ได้ รบั ประกาศนียบตั ร เมื่อศึกษาค่ามธั ยฐานของระยะเวลาในการทำแบบฝึกหดั จำแนกตามระดับการศึกษา พบว่า ผู้ใช้บริการ ระดับปริญญาโทใช้เวลาในการทำแบบฝึกหัดมากทีส่ ุด รองลงมาคือผู้ใช้บริการระดับปรญิ ญาตรี โดยผู้ใช้บริการ ระดับต่ำกว่าปริญญาตรีใช้เวลาน้อยที่สุด และเมื่อศึกษาค่ามัธยฐานของระยะเวลาในการเล่นวิดีโอจำแนกตาม ระดับการศึกษาพบวา่ ทุกระดับใช้เวลาเลน่ วดิ ีโอใกล้เคียงกัน โดยปริญญาตรีใชร้ ะยะเวลาในการเล่นวิดโี อสงู ท่ีสดุ นอกจากนี้เมื่อศึกษาค่ามัธยฐานของระยะเวลาในการอ่านเอกสารจำแนกตามระดับการศึกษาพบว่าผู้ใช้บริการ ระดับปริญญาเอกใช้เวลาในการอ่านเอกสารมากที่สุด และเมื่อศึกษาค่ามัธยมฐานของจำนวนการเข้าศึกษาใน หลักสตู รที่มีการ Active จำแนกตามระดบั การศึกษาพบว่า ผู้ใช้บริการระดับปริญญาตรีเขา้ เรยี นในหลกั สูตรท่มี ี การ Active มากทีส่ ดุ รองลงมาคอื ผูใ้ ช้บริการระดบั ปริญญาโท และผู้ใช้บรกิ ารระดบั ปรญิ ญาเอกตามลำดับ เมื่อศึกษาค่ามธั ยฐานของระยะเวลาในการทำแบบฝึกหดั จำแนกตามผู้เรียนที่ได้รบั ประกาศนียบตั รและ ไม่ไดร้ บั ประกาศนียบัตรพบวา่ ผู้เรียนท่ีได้รับประกาศนียบตั รใช้เวลาในการทำแบบฝึกหดั สงู กว่าผู้เรียนที่ไม่ได้รับ ประกาศนียบัตร และเมื่อศึกษาค่ามัธยฐานของระยะเวลาในการเล่นวิดีโอจำแนกตามผู้ใช้บริการที่ได้รับ ประกาศนียบัตรและไม่ไดร้ ับประกาศนยี บัตรพบวา่ กลมุ่ ท่ีได้รบั ประกาศนียบัตรใช้เวลาในการเลน่ วิดีโอต่ำกว่ากลุ่ม ที่ไม่ได้รับประกาศนียบัตร นอกจากนี้เมื่อศึกษาค่ามัธยฐานของจำนวนการเรียนในหลักสูตรที่มีการ Active จำแนกตามผู้ใช้บริการที่ได้รับประกาศนียบัตรและไม่ได้รับประกาศนียบัตร พบว่า ผู้ใช้บริการที่ได้รับ ประกาศนียบัตรมีการลงทะเบียนเรียนในหลักสตู รที่มีการ Active สูงกว่าผู้ที่ไม่ได้รับประกาศนียบัตร และเมอ่ื ศกึ ษาค่ามธั ยฐานของระยะเวลาในการอ่านเอกสาร PDF จำแนกตามผใู้ ช้บริการท่ไี ด้รับประกาศนียบัตรและไม่ได้
125 รับประกาศนียบัตร พบว่า ผู้ใช้บริการที่ได้รับประกาศนียบัตรใช้ระยะเวลาในการอ่านเอกสาร PDF สูงกว่า ผู้ใช้บรกิ ารทีไ่ ม่ได้รับประกาศนยี บัตร 2.3 ผลการวเิ คราะห์จำแนกกลุ่มผู้เรียนที่สำเรจ็ อยา่ งน้อย 1 หลักสูตรด้วยเทคนิคต้นไมต้ ดั สนิ ใจ (Decision Tree) ผวู้ จิ ัยไดว้ ิเคราะหจ์ ำแนกกลุม่ ผู้เรียนที่สำเร็จอย่างนอ้ ย 1 หลักสตู รด้วยเทคนคิ ตน้ ไม้ตัดสินใจ พบกฏการ จำแนก 2 เสน้ ทาง ท่ที ำให้ผเู้ รยี นศึกษาจบหลกั สตู รอยา่ งนอ้ ย 1 หลกั สูตร โดยมีประสทิ ธภิ าพโมเดลการจำแนก 91.87% เสน้ ทางที่ 1 ผู้เรียนประกอบอาชีพในกลุ่มเอกชนหรือมีธุรกิจส่วนตัว โดยลงทะเบียนในหลักสูตร 49.5 หลักสูตรโดยเฉลีย่ มรี ะดบั เจตคติ 2.583 หน่วยโดยเฉลย่ี และมรี ะยะเวลาเฉลยี่ ในการเล่นวิดีโอมากกว่า 140.11 วนิ าที (2.335 นาท)ี เส้นทางที่ 2 ผู้เรียนประกอบอาชีพครหู รือนกั การศกึ ษา มีรัดบเจตคตมิ ากกวา่ 2.750 หนว่ ยโดยเฉลย่ี มีการ ดำเนนิ กิจกรรมในแตล่ ะหลกั สูตรทล่ี งทะเบียนมากกวา่ 23.50 ครัง้ โดยเฉลย่ี และมีความถ่ีในการเขา้ ใชบ้ รกิ าร ต้งั แต่ 5 ครั้งต่อเดอื นข้นึ ไป ตอนที่ 3 แนวทางการสง่ เสริมให้ผู้เรยี นสำเรจ็ การศึกษาหลักสตู รใน Thai MOOC ผู้วิจยั ได้พฒั นาแนวทางการส่งเสรมิ ใหผ้ ูเ้ รยี นสำเรจ็ การศึกษาหลกั สูตรใน Thai MOOC จากสารสนเทศ 3 แหล่งได้แก่ การศกึ ษาผลงานวจิ ยั ที่เก่ียวข้อง การวิเคราะห์เหมอื งข้อมูลเพือ่ ศึกษาพฤติกรรมการใชง้ านบน Thai MOOC ตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2562 ถึง 20 เมษายน 2563 รวมทั้งสิ้น 131,406,968 รายการ และการ วิเคราะห์จากแบบสอบถามออนไลน์ที่ศึกษากับตัวอย่างที่เป็นผู้เรียนของ Thai MOOC จำนวน 2,230 คน สามารถนำเสนอแนวทางการสง่ เสริมให้ผู้เรียนสำเรจ็ การศกึ ษาหลกั สูตรใน Thai MOOC ได้ดังนี้
126 1. การประชาสัมพันธ์และจัดกิจกรรมเกี่ยวเนื่องของโครงการมหาวิทยาลัยไซเบอร์ไทย และมหาวิทยาลัย เครือขา่ ย 2. การเปดิ หลักสตู รเดิมในรอบการเรยี นใหม่ 3. การออกแบบหลักสูตรและสื่อการเรียนการสอนให้ตอบสนองต่อความต้องการ อาชีพ ความรู้พื้นฐาน ประสบการณ์ ระดบั การศึกษา และวัยของผู้เรยี น 4. การออกแบบบทเรียน สื่อวิดีโอให้มีความน่าสนใจ มีปฏิสัมพันธ์ สั้นและกระชับ ผู้สอนมีความเชี่ยวชาญใน เน้อื หา ส่งเสริมการมปี ฏสิ มั พนั ธ์ และกำหนดความยากของบทเรยี นให้มคี วามเหมาะสม 5. การออกแบบระบบการจัดการ Thai MOOC ใหง้ า่ ยต่อการใช้งานและมีความยืดหย่นุ รองรบั ตอ่ กลมุ่ เป้าหมายที่ มีความหลากหลาย 6. การออกแบบหลกั สตู รและระบบจัดการการเรียนรู้ Thai MOOC ใหส้ อดคลอ้ งกบั สภาพแวดลอ้ มเกมฟิ ิเคชนั และการสง่ เสริมการเรยี นรแู้ บบกำกับตนเอง การอภปิ รายผลการวจิ ยั แนวทางการสง่ เสริมใหผ้ เู้ รยี นสำเร็จการศกึ ษาหลกั สตู รใน Thai MOOC มี 6 ข้อ สามารถอภปิ ราย ผลการวจิ ยั ไดด้ ังน้ี 1. การประชาสัมพันธ์และจัดกิจกรรมเกี่ยวเนื่องของโครงการมหาวิทยาลัยไซเบอร์ไทย และมหาวิทยาลัย เครือข่าย จากการศึกษาพฤตกิ รรมผู้ใช้บรกิ าร Thai MOOC ตงั้ แต่วนั ท่ี 4 กมุ ภาพันธ์ 2562 ถึง 20 เมษายน 2563 รวมท้ังสิน้ 131,406,968 รายการ พบว่ามชี ่วงเวลาการเขา้ ใช้งานระบบเพิม่ ขึ้น 2 ชว่ งเวลา ซึ่งสอดคลอ้ งกับการ จัดกิจกรรมของโครงการมหาวิทยาลัยไซเบอรไ์ ทยได้ดำเนินการ ตลอดจนภาวะการแพร่ระบาดของไวรัสโควดิ – 19 ที่รัฐบาลไทยขอความร่วมมือให้ประชาชนปฏิบัติงานและเรียนหนังสือที่บ้าน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่โครงการ มหาวิทยาลัยไซเบอร์ไทยได้มีการประชาสัมพันธ์การเรียนรู้บนแพลตฟอร์ม Thai MOOC โดยมีรายละเอียด ดังน้ีคือ 1) ในช่วงเดือน กรกฎาคม ถึง กันยายน 2562 ซึ่งสอดคล้องกับกิจกรรมทีโ่ ครงการมหาวิทยาลัยไซเบอร์ ไทยได้ดำเนินการจัดงานประชุมวิชาการนานาชาติ The 10th TCU International e-Learning Conference 2019 ระหวา่ งวันท่ี 8 – 9 กรกฎาคม 2562 และช่วงเดอื น กมุ ภาพันธ์ ถึงเดอื นเมษายน 2563 ซึง่ เปน็ ช่วงเวลา ที่ประเทยไทยประสบปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งโครงการมหาวิทยาลัยไซเบอร์ไทยได้ ประชาสมั พนั ธ์การเรียนบน Thai MOOC อย่างตอ่ เน่อื ง ซ่งึ แสดงให้เหน็ ว่าการประชาสัมพันธ์ผ่านกิจกรรมต่างๆ
127 น้นั ได้ผลตอบรับเป็นอยา่ งดีโดยมีผู้เข้าใชง้ านในระบบสูงสุดในเดือน สิงหาคม 2562 คิดเป็นการ Login 2.781 พัน คร้งั และการ Logout 32.374 พันครั้ง 2. การเปดิ หลักสตู รเดมิ ในรอบการเรียนใหม่ ในเดือนกุมภาพันธ์ มีนาคม และเมษายน 2563 พบว่า เป็น 3 เดือนที่มีรายวิชา Active สูงที่สุดเป็น จำนวน 987 1,260 และ 1,417 หลักสูตร ตามลำดับ โดยมีจำนวนการเข้าสู่ระบบของผู้เรียน 1,631 3,410 และ 4,137 ครั้ง ดังนั้นแนวทางการเปิดหลักสูตรเดิมในรอบการเรียนใหมจ่ ึงเป็นแนวทางที่ส่งเสริมให้มีหลกั สูตร ใหบ้ ริการจำนวนมากตอบสนองความต้องการทห่ี ลากหลายของผใู้ ช้บริการ และมีจำนวนคร้งั การเขา้ ใชง้ านเพิ่มข้ึน ตามลำดับ นอกจากนี้ยังเป็นชว่ งเวลาที่สอดคล้องกับการแพร่ระบาดของไวรสั โควิด – 19 ที่รัฐบาลไทยขอความ ร่วมมือให้ประชาชนปฏิบัติงานและเรียนหนังสอื ที่บ้าน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่โครงการมหาวิทยาลัยไซเบอร์ไทยได้มี การประชาสัมพันธ์การเรียนรู้บนแพลตฟอร์ม Thai MOOC อย่างต่อเนื่องทำให้ในช่วงเวลาดังกล่าวมีรายวิชา Active จำนวนมาก และสอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียนที่ต้องการเรียนรู้องค์ความรู้ใหม่ๆ ในช่วงเวลา ดังกล่าว 3. การออกแบบหลักสูตรและสื่อการเรียนการสอนให้ตอบสนองต่อความต้องการ อาชีพ ความรู้พื้นฐาน ประสบการณ์ ระดับการศึกษา และวยั ของผเู้ รยี น การออกแบบหลักสูตรและสื่อการเรียนการสอนให้ตอบสนองต่อความต้องการ ความรู้พื้นฐาน ประสบการณ์ และวัยของผู้เรียน ตลอดจนการออกแบบหลักสูตรที่ส่งเสริมสถานะการมีงานทำของผู้เรียนท้งั ใน รปู แบบ Reskill อันเปน็ การส่งเสรมิ ทกั ษะใหมใ่ ห้แก่ผเู้ รยี น และในรูปแบบ Upskill อันเปน็ ตอ่ ยอดพฒั นาทักษะ เดิมให้มีความเช่ียวชาญมากยิง่ ข้ึน โดยควรมสี ื่อการเรียนรูท้ ้งั วิดโี อและเอกสารประกอบการเรยี นในรปู แบบ PDF โดยควรออกแบบให้เข้าถึงได้ง่าย นอกจากนี้การแก้ปัญหาความหลากหลายของผู้เรียนสามารถทำได้โดยการ ออกแบบเนื้อหาให้เหมาะสมกับผู้เรียนแต่ละคนโดยนำกลยุทธิ์ใช้เกณฑ์การแบ่งกลุ่มตามบุคลิกภาพ อายุ ประสบการณ์ และระดับการศึกษา ของผู้เรียนมาใช้ เป็นต้น ซึ่งสอดคล้องกับ Aldowah et al. (2019) ได้ ทำการศึกษาพบว่า ปัจจัยในการออกกลางคันใน MOOC มาจากปัจจัยภายในตนเอง ซึ่งมีผลมาจากความรู้ ความสามารถทางวิชาการ ความสามารถ ประสบการณ์เดิมและพื้นฐานครอบครัวของผู้เรียน ดังนั้นในการ ออกแบบบทเรียน ผู้สอนจึงต้องคำนึงถงึ ปจั จัยเหล่านี้ด้วย และสอดคล้องกับผลงานวิจัยของ Luik et al. (2019) และ Youssef et al. (2019) พบว่า ความร้พู นื้ ฐาน ประสบการณข์ องผเู้ รยี น ความตงั้ ใจในการลงทะเบียนเรยี น และสถานะการมงี านทำมีผลต่อการสำเร็จการศึกษาของผเู้ รียนดงั นัน้ การออกแบบหลกั สตู รให้ตอบสนองต่อความ
128 ตอ้ งการ ความร้พู ืน้ ฐาน และประสบการณ์ของผเู้ รียน ตลอดจนการออกแบบหลกั สตู รที่ส่งเสรมิ สถานะการมีงาน ทำของผู้เรยี นทัง้ ในรูปแบบ Reskill อนั เป็นการสง่ เสรมิ ทกั ษะใหม่ให้แกผ่ ูเ้ รียน และในรปู แบบ Upskill อันเป็น ตอ่ ยอดพัฒนาทักษะเดิมให้มีความเชีย่ วชาญมากยง่ิ ขนึ้ 4. การออกแบบบทเรียน สื่อวิดีโอใหม้ ีความน่าสนใจ มีปฏิสัมพันธ์ สนั้ และกระชบั ผู้สอนมีความเชี่ยวชาญใน เน้ือหา ส่งเสริมการมปี ฏสิ มั พันธ์ และกำหนดความยากของบทเรียนใหม้ คี วามเหมาะสม จากการศึกษาพฤติกรรมของผใู้ ช้บรกิ ารทไี่ ด้รับประกาศนียบัตร พบวา่ ใช้เวลาในการดูวดิ โี อ หยุดวดิ ีโอและ การทำแบบฝึกหัดสอดคลอ้ งกัน และใช้เวลานอ้ ยกว่าผูเ้ รียนที่ไมไ่ ด้รับประกาศนยี บตั ร รวมถึงจำนวนคร้งั ทีเ่ ลน่ และ หยดุ วดิ โี อก็ใช้เวลาน้อยกวา่ ผู้เรยี นท่ีไมไ่ ดร้ บั ประกาศนียบัตรเช่นกัน ดงั นน้ั จึงควรออกแบบวดิ โี อในรูปแบบวิดีโอท่ี มีปฏสิ มั พนั ธ์ สั้น และกระชับ และมีการตรวจสอบการมปี ฏสิ มั พนั ธ์กับวดิ โี อของผใู้ ชบ้ รกิ าร รวมถงึ การออกแบบ แบบฝกึ หัดและการประเมนิ ผลใหส้ ามารถสรา้ งแรงจงู ใจให้ผใู้ ช้บรกิ ารมคี วามสนใจ ตัง้ ใจ และมคี วามเพียรพยายาม ในการเรยี นมากยิง่ ขน้ึ ความสดใสของเนื้อหา ความรู้ในเนื้อหาของผู้สอน การมีปฏิสัมพันธ์ และความยากของเนื้อหา เป็น ปัจจัยที่ส่งผลต่อความคงทนในการเรียนบน MOOC รวมถึงการสร้างปฏิสัมพันธ์ทางสังคมและการส่งเสริมการ เรียนรู้ร่วมกนั ท่ีจะช่วยลดอัตราการออกกลางคันของผู้เรียนได้ นอกจากนี้ผู้สอนควรมีความเชี่ยวชาญในเนื้อหา สาระที่จะสอนอย่างลึกซึ้งเพื่อที่จะสามารถถ่ายทอดผ่านวีดิโอหรือรูปแบบสื่ออื่นๆ ได้ดี นอกจากนี้บุคคลิกก็มี ความสำคัญ เช่น เป็นผทู้ ี่มอี ารมณข์ ัน และมีการสนับสนนุ ผู้เรยี นใหเ้ กดิ การเรยี นรตู้ ลอดเวลา มกี ลยทุ ธก์ ารสอน มี ความตั้งใจท่ีจะสื่อสารกับผู้เรียน มีวิธีการสอนที่หลากหลาย นอกจากนี้การให้ผลป้อนกลับ ก็เป็นการสร้างการมี ปฏิสัมพันธร์ ะหวา่ งผสู้ อนและผ้เู รยี น อกี ทง้ั ผู้เรียนกบั ผู้เรียนดว้ ย โดยการให้ผลปอ้ นกลับและการสรา้ งแรงจูงใจใน การเรียนรู้ว่าจะชว่ ยลดอัตราการออกกลางคนั จากบทเรยี นกอ่ นทีจ่ ะจบหลกั สูตรด้วย ซง่ึ แนวทางทนี่ ำเสนอขา้ งต้นสอดคล้องกับผลงานวิจัยของ Huang et al. (2017) ซง่ึ พบวา่ ความสดใสของ เนอ้ื หา ความร้ใู นเน้อื หาของผสู้ อน การมีปฏสิ ัมพันธ์ และความยากของเน้ือหา เป็นปจั จยั ที่ส่งผลตอ่ ความคงทน ในการเรียนบน MOOC และเปน็ ไปในแนวทางเดยี วกบั Aldowah et al. (2019) ได้กล่าวถึงความสำคญั ของการ มีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมและการส่งเสริมการเรียนรู้ร่วมกันที่จะช่วยลดอัตราการ ออกกลางคันจากการเรียนบน MOOC ด้วย นอกจากน้ี Sun et al. (2020) ได้กล่าวถงึ การทำงานรว่ มกนั การมีปฏิสัมพันธเ์ ปน็ ปัจจยั สำคัญที่ทำ ให้ผเู้ รยี นอยกู่ บั บทเรียนในระดบั สงู
129 5. การออกแบบระบบการจัดการ Thai MOOC ให้ง่ายต่อการใช้งานและมีความยืดหยุ่นรองรับต่อ กล่มุ เป้าหมายทีม่ ีความหลากหลาย จากการศึกษาพฤติกรรมของผู้ใช้บริการในด้านอายุของผู้ใช้บริการ พบว่าผู้ใช้บริการที่มีอายุ 18-30 ปี และ อายุ 31-40 ปี จะใชเ้ วลาในการทำกจิ กรรมตา่ งๆ ไดด้ ีกวา่ อายอุ ื่นๆ นอกจากน้ยี ังพบความแตกตา่ งในการใช้ งานของระดบั การศกึ ษาด้วย เช่น ระดับปริญญาตรีใชร้ ะยะเวลาในการเล่นวิดโี อสูงท่ีสุด ขณะทร่ี ะดบั ปริญญาเอก ใช้เวลาในการอ่านเอกสารมากที่สุด และระดับปริญญาโทใช้เวลาในการทำแบบฝึกหัดมากที่สุด นอกจากนี้ใน การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างค่าเฉลี่ยระยะเวลาในการเล่นวิดีโอ และค่าเฉลี่ยระยะเวลาในการอ่านเอกสาร จำแนกตามผู้ได้รบั ประกาศนียบัตรและผไู้ ม่ได้รบั ประกาศนียบัตร พบว่าสามารถแบ่งผใู้ ช้บรกิ ารบน Thai MOOC ได้ 3 กลมุ่ คอื 1) กลุ่มที่เน้นการเรยี นรู้ผ่านการอา่ นเอกสาร 2) กล่มุ ท่เี นน้ การเรียนรู้ผา่ นการดูวิดีโอ และ 3) กลุ่ม ท่ีเนน้ การเรยี นรผู้ ่านส่ือท้ัง 2 ประเภท นอกจากนเ้ี มือ่ วิเคราะหจ์ ำแนกกลุ่มผเู้ รียนท่ีสำเรจ็ อย่างน้อย 1 หลักสูตร ด้วยเทคนคิ ต้นไมต้ ดั สนิ ใจ (Decision Tree) พบเสน้ ทางทผี่ ู้เรยี นสำเรจ็ การศกึ ษาอยา่ งนอ้ ย 1 หลักสูตร จำนวน 2 เส้นทาง โดยมีปัจจัยสำคัญใน 2 เส้นทางนั้นคือเจตคติของผู้เรียนโดยพบว่าเมื่อผู้เรียนทำงานเอกชนหรือธุรกจิ ส่วนตัว ต้องมีระดับเจตคตอิ ย่างน้อย 2.583 โดยเฉลี่ยจากคะแนนเต็ม 5 หรือเมื่อผู้เรียนทำงานอาชีพครหู รือนกั การศึกษาต้องมีระดับเจตคติมากกว่า 2.750 โดยเฉลี่ยจากคะแนนเต็ม 5 นอกจากนี้จากการศึกษาเจตคติของ ผู้ตอบแบบสอบถามพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามเห็นว่า Thai MOOC เป็นนวัตกรรมการเรียนรู้ท่ีทันสมัยในระดบั มากที่สดุ (Mean = 4.03, S.D. = 0.74) ดังนั้นจึงควรออกแบบระบบการจัดการ Thai MOOC ให้ง่ายต่อการใช้ งานและมคี วามยืดหยุ่นรองรับตอ่ กล่มุ เปา้ หมายท่ีมคี วามหลากหลาย มีโครงสรา้ งท่ใี ชง้ านง่าย มีคำอธบิ ายการใช้ งานอย่างชดั เจน มคี วามยดื หยนุ่ เพ่ือให้ผู้เรยี นสามารถเข้าถงึ ส่อื ต่างๆ ในบทเรยี นได้โดยไมม่ ีขอ้ จำกัดในการเข้าถึง เพอ่ื สง่ เสรมิ เจตคตทิ ่ีดีต้องการใชง้ านระบบการเรยี น Thai MOOC ซึ่งสอดคล้องกับ Lan et al (2020) ท่ีกลา่ วถึง การสร้างแพลตฟอรม์ ทีส่ นับสนุนใหผ้ เู้ รยี นมปี ฏสิ ัมพันธ์กบั บทเรียน เช่น การใชว้ ีดโิ อทีม่ แี บบฝกึ หัดสอดแทรกเข้า ไปในบทเรียนด้วย เพื่อให้ผู้เรียนได้มีปฏิสัมพันธ์ขณะเรียน และการส่งเสริมให้ผู้เรียนเรียนสำเร็จซึ่งควรมี องคป์ ระกอบทสี่ ำคัญ 3 ประการ ได้แก่ 1) โครงสรา้ งบทเรียนน้ันควรใชง้ านได้ง่าย มีคำอธบิ ายในการใชง้ านชดั เจน นอกจากน้ยี งั ควรมีความยืดหยุ่น ผเู้ รยี นสามารถเขา้ ถึงส่ือต่างๆ ในบทเรยี นได้โดยไมม่ ีขอ้ จำกัดในการเข้าถึง และ การจำกัดเวลา อกี ท้ังมีการออกแบบบทเรยี นท่นี ่าสนใจและมีการใช้สอื่ ภาพ เสียง ทีส่ อดคลอ้ งกบั บทเรยี น
130 6. การออกแบบหลักสตู รและระบบจัดการการเรยี นรู้ Thai MOOC ใหส้ อดคล้องกับสภาพแวดล้อมเกมฟิ ิเค ชนั และการสง่ เสริมการเรยี นรแู้ บบกำกบั ตนเอง สภาพแวดล้อมเกมิฟิเคชันเป็นการใช้องคป์ ระกอบของเกมเพื่อสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่ดีขึ้น ซ่ึง เป็นวิธีการที่สนุกสนานและท้าทาย สามารถเพิ่มความเพลิดเพลนิ ให้กับประสบการณ์การเรียนรู้ของผู้เรียน โดย สามารถใช้กลไกต่อไปนี้ในการออกแบบหลักสูตรและระบบจัดการการเรียนรู้ ได้แก่ ภารกิจที่ท้าทาย กระดาน ลำดับคะแนน ตราสัญลักษณ์ดิจิทัล และการเลื่อนอันดับ เช่น การกำหนดสถานการณ์ที่ท้าทายไดแ้ ก่ การทำ แบบทดสอบภายในเวลาที่กำหนด การแสดงความคิดเห็นต่อผลงานของเพื่อนและการโพสต์ความคิดเห็นบน กระดานสนทนาแล้วจะได้รับคะแนนโบนัสหรือตราสัญลักษณ์ดิจิทัลเพื่อทำให้ผู้เรียนมีความกระตือรือร้นที่จะ เรียนรู้ นอกจากน้ีควรสร้างส่วนแนะนำทีเ่ ปดิ โอกาสให้ผู้เรยี นได้สร้างแผนการเรียนรู้ส่วนตัวที่ให้ผู้เรียนสามารถ วางแผนและจัดการการเรียนรู้ของตนเอง และควรออกแบบให้ผู้เรียนได้ติดตามพัฒนาการของตนเองและ แลกเปลีย่ นหรอื ตดิ ตามพฒั นาการของเพ่อื นๆ เพ่ือเป็นการสรา้ งแรงจงู ใจในการพฒั นาตนเอง ทง้ั นใ้ี นการออกแบบ หลักสูตรหรือระบบจัดการเรียนรู้ให้สอดคล้องกบั รูปแบบการกำกบั ตนเองสามารถแบ่งกิจกรรมที่ดำเนินการได้ 3 ขั้นตอน ได้แก่ การวางแผนลว่ งหน้า การแสดงความสามารถ และการสะท้อนคิด โดยขั้นตอนดังกล่าวจะชว่ ยใน การส่งเสริมประสิทธิภาพในการเรียนรู้ของตัวผู้เรยี น การเรยี นรูอ้ ย่างมีเป้าหมาย การค้นหาข้อมูลเพือ่ ใหไ้ ด้ตาม เป้าหมายท่ีตั้งไว้ การคิดวเิ คาะห์ การสะท้อนคิดจากผลงานของตนเอง ทั้งนี้การออกแบบหลักสูตรและระบบจดั การการเรยี นรู้ Thai MOOC ให้สอดคล้องกับสภาพแวดลอ้ มเก มิฟิเคชนั และการส่งเสรมิ การเรยี นรแู้ บบกำกบั ตนเองจะช่วยส่งเสริมแรงจงู ใจใฝส่ มั ฤทธ์ิและเจตคติในการเรียนของ ผู้เรียนซึ่งสอดคล้องกับการวิเคราะหจ์ ำแนกกลุ่มผู้เรียนที่สำเรจ็ อย่างน้อย 1 หลักสูตรดว้ ยเทคนิคตน้ ไม้ตดั สินใจ (Decision Tree) พบเส้นทางที่ผู้เรียนสำเร็จการศึกษาอย่างน้อย 1 หลักสูตร จำนวน 2 เส้นทาง โดยมีปัจจัย สำคัญใน 2 เส้นทางนน้ั คือเจตคติของผูเ้ รียนโดยพบว่าเม่ือผเู้ รียนทำงานเอกชนหรือธุรกจิ ส่วนตัว ต้องมีระดับเจต คติอย่างนอ้ ย 2.583 โดยเฉลยี่ จากคะแนนเต็ม 5 หรือเมอ่ื ผ้เู รียนทำงานอาชีพครหู รอื นักการศึกษาต้องมีระดับเจต คติมากกว่า 2.750 โดยเฉลี่ยจากคะแนนเต็ม 5 นอกจากนี้จากการศึกษาเจตคติของผู้ตอบแบบสอบถามพบวา่ ผู้ตอบแบบสอบถามเห็นว่า Thai MOOC เป็นนวัตกรรมการเรียนรู้ที่ทันสมัยในระดับมากท่ีสุด (Mean = 4.03, S.D. = 0.74) และการเรยี นผ่าน Thai MOOC ทำให้ไดเ้ รียนรแู้ ละเปิดมมุ มองใหม่ๆ ในระดับมากทส่ี ดุ (Mean = 4.01, S.D. = 0.74) แนวทางการออกแบบหลักสูตรและระบบจดั การการเรยี นรู้ Thai MOOC ให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อม เกมิฟเิ คชัน และการสง่ เสริมการเรียนร้แู บบกำกับตนเองนั้นสอดคล้องกบั งานวจิ ัยของ Qaffas et al. (2020) ซึ่ง ได้อภิปรายถึงผลของการวจิ ยั ที่เกี่ยวข้องกับการจัดสภาพแวดลอ้ มการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับลักษณะของผู้เรยี น
131 พบว่า ผูเ้ รียนโดยส่วนมากชอบเรยี นรโู้ ดยการใช้แอปพลิเคชนั เกย่ี วกบั เกมการศกึ ษา ทำให้ผเู้ รียนไดท้ ำกิจกรรมและ เรียนรู้อย่างสนุกสนาน ได้มีประสบการณ์และมีแรงจูงใจในการเรียนรู้ อีกทั้งส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ โดย Aparicio (2019) ได้กล่าวถึงหลักการของเกมิฟิเคชันว่า Gamification คือสภาพแวดล้อมที่ไม่ใช่เกมที่มี องค์ประกอบของเกมโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่ดีข้ึนและเพิ่มขึ้น การมีส่วนร่วมเพ่อื บรรลุเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง เป็นวิธีการที่สนุกสนานและท้าทาย กลยุทธ์ Gamification สามารถเพิ่มความ เพลิดเพลินให้กบั ประสบการณ์การเรียนรู้ เกิดความเพลิดเพลินและอยู่ในสถานการณ์ที่ท้าทาย ซึ่งสอดคลอ้ งกบั ผลการวิจัยของ Vaibhav (2014) ทก่ี ลา่ ววา่ แพลตฟอร์มการเรียนรู้ทใี่ ช้หลักการของเกมฟิ ิเคชัน ไมเ่ พียงแต่จะมีผู้ ลงทะเบียนเข้าเรียนจำนวนมาก แต่ยังเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ตลอดหลักสูตรอีกด้วย ในขณะที่ Lan et al (2020) ได้กล่าวถึงการที่ผู้เรยี นจะสามารถกำกับตนเองให้อยูใ่ นบทเรยี นจนประสบความสำเร็จในหลักสูตรนั้นมี ปัจจัยมาจาก กิจกรรมในบทเรียนที่กระตุ้นให้ได้รับใบประกาศนียบัตร และนอกจากนี้เป็นความต้องการภายใน จิตใจ หรอื เนอื้ หามีความสอดคล้องกับสิง่ ท่ผี เู้ รียนมคี วามร้รู ว่ มและสามารถนำไปปฏบิ ัติในชีวิตจริงได้ ขอ้ เสนอแนะในการนำผลการวจิ ัยไปใช้ 1. ผใู้ ห้บริการ Thai MOOC สามารถนำผลการศึกษาพฤตกิ รรมการใช้งานของผู้เรยี นท่ลี งทะเบียนเรียน ในหลักสูตรต่าง ๆ เพื่อนำมาทำความเข้าใจปรากฏการณ์ต่าง ๆ และนำไปใช้ในการออกแบบแพ็คเกจหรือ คณุ ลักษณะใหม่ ๆ ของระบบใหส้ อดคลอ้ งกบั พฤติกรรมการใชง้ านของผู้เรยี นแต่ละกลมุ่ ได้ 2. ผู้ให้บริการ Thai MOOC สามารถนำโมเดลการวิเคราะห์เส้นทางที่ผู้เรียนเรียนสำเร็จหลักสูตรอยา่ ง น้อย 1 หลักสูตรไปใช้ทำนายพฤติกรรมและความสนใจของผูใ้ ช้หน้าใหม่ เพื่อจัดทำระบบให้คำแนะนำแกผ่ ู้เรยี น เพือ่ สรา้ งความประทับใจแรกเริ่ม และกระตนุ้ ใหเ้ กดิ ความผกู พนั กับการเรยี นผา่ น Thai MOOC 3. ผ้ใู ห้บรกิ าร Thai MOOC สามารถนำแนวทางการเพิม่ อัตราการเรียนสำเรจ็ หลกั สตู รสำหรบั ผู้ใช้บริการ การเรียนรผู้ ่านระบบการเรยี นออนไลน์แบบเปดิ เพื่อมวลชนในประเทศไทย (Thai MOOC) ไปใช้เปน็ สารสนเทศใน การพฒั นาการให้บรกิ ารเพือ่ เพิม่ จำนวนผเู้ รยี นทล่ี งทะเบยี นและเรียนสำเรจ็ หลักสูตรได้
132 ข้อเสนอแนะในการวิจยั ครงั้ ต่อไป 1. งานวจิ ยั นี้ทำการศึกษาวเิ คราะหข์ ้อมูลกจิ กรรมของผู้ใชง้ านในฐานขอ้ มูล Thai MOOC ต้ังแต่วันท่ี 4 กุมภาพันธ์ 2562 ถึง 20 เมษายน 2563 รวมทั้งสิ้น 131,406,968 รายการ เป็นช่วงเวลา 15 เดือน หากได้มี การศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลกิจกรรมเปน็ ช่วงเวลาที่ยาวนานขน้ึ เช่น เปน็ การศึกษาในช่วงเวลา 36 เดือน จะทำให้มี ข้อค้นพบถงึ พฤตกิ รรมผูเ้ รียนท่กี ว้างขวางมากย่งิ ข้ึน 2. ควรมีการศึกษาถงึ พฤตกิ รรมของผู้เรยี นและความสนใจของผเู้ รียนเพื่อนำมาออกแบบธนาคารหน่วย กติ และแพคเกจของหลักสูตรทส่ี อดคลอ้ งกับความสนใจของผเู้ รียน
Search
Read the Text Version
- 1 - 17
Pages: