Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore งานนำเสนอ1

Description: งานนำเสนอ1

Search

Read the Text Version

วนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา ประจาเดอื นกรกฎาคม ๒๕๖๔ หอ้ งสมดุ ประชาชนอาเภอแมร่ ะมาด จังหวดั ตาก

วนั อาสาฬหบชู า ตรงกบั วนั ท่ี ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๔

สาหรับพุทธศาสนิกชนทุกคน คงทราบกันดีว่า ทุกวันข้ึน 15 ค่า เดือน 8 ของ ทุกปี จะตรงกับวันสาคัญทางพุทธศาสนาอีกหนึ่งวัน นั่นคือ \"วันอาสาฬหบูชา\" ซ่ึงในปี 2564 วันอาสาฬหบูชา ตรงกับวันเสาร์ที่ 24 กรกฎาคม (ขึ้น 15 ค่า เดือน 8) แต่หลาย ท่านอาจจะยังไม่ทราบความเป็นมาเกี่ยวกับวันอาสาฬหบูชาเท่าใดนัก ดังน้ัน วันน้ีเรามี ประวตั ิวันอาสาฬหบชู า มาฝากกันค่ะ ทั้งน้ี คาว่า \"อาสาฬหบูชา\" สามารถอ่านได้ 2 แบบ คือ อา-สาน-หะ-บู-ชา หรือ อา-สา-ละ-หะ-บู-ชา ซ่ึงจะประกอบด้วยคา 2 คา คือ อาสาฬห ท่ีแปลว่า เดือน 8 ทาง จันทรคติ กับคาว่า บูชา ที่แปลว่า การบูชา เมื่อนามารวมกันจึงแปลว่า การบูชาในเดือน 8 หรอื การบชู าเพือ่ ระลึกถงึ เหตุการณ์สาคัญในเดือน 8

วนั อาสาฬหบูชา คอื วันที่พระพทุ ธเจา้ ไดท้ รงประกาศพระพทุ ธศาสนาเป็นคร้ังแรก หลังจากตรัสรู้ ได้ 2 เดือน โดยแสดงปฐมเทศนาโปรดพระปัญจวัคคีย์ท้ัง 5 ได้แก่ พระโกณฑัญญะ พระวัปปะ พระภัททิยะ พระมหานามะ และพระอัสสชิ ทีป่ า่ อิสิปตนมฤคทายวัน เมอื งพาราณสี แคว้นมคธ จนพระอัญญาโกณฑัญญะ ได้บรรลธุ รรมและขอบวชเปน็ พระภกิ ษรุ ูปแรกในพระพุทธศาสนา จึงถือว่าวันนี้มีพระรัตนตรัยครบองค์สาม บริบูรณ์ครั้งแรกในโลก คือ มีท้ังพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก่อนพุทธศักราช 45 ปี ทั้งน้ี พระธรรมท่ีพระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 เรียกว่า \"ธัมมจักกัปปวัตนสูตร\" แปลวา่ พระสูตรแห่งการหมุนวงล้อธรรม ซึ่งหลังจากปฐมเทศนา หรือเทศนากัณฑ์แรกที่พระองค์ทรงแสดง จบลง พระอัญญาโกณฑัญญะก็ได้ดวงตาเห็นธรรม สาเร็จเป็นพระโสดาบัน จึงขออุปสมบทเป็นพระภิกษุใน พระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าก็ได้ประทานอุปสมบทให้ด้วยวิธีท่ีเรียกว่า \"เอหิภิกขุอุปสัมปทา\" พระโกณ ฑัญญะจึงได้เป็น พระอริยสงฆ์องค์แรกในพระพุทธศาสนา ต่อมา พระวัปปะ พระภัททิยะ พระมหานามะ และพระอสั สชิ กไ็ ดด้ วงตาเห็นธรรม และไดอ้ ปุ สมบทตามลาดบั

สาหรับใจความสาคญั ของการปฐมเทศนา มหี ลักธรรมสาคัญ 2 ประการ คอื 1. มัชฌิมาปฏิปทา หรือทางสายกลาง เป็นข้อปฏิบัติท่ีเป็นกลาง ๆ ถูกต้องและ เหมาะสมท่ีจะให้บรรลุถึงจุดหมายได้ มิใช่การดาเนินชีวิตที่เอียงสุด 2 อย่าง หรืออย่าง หนึ่งอย่างใด คอื 1.1 การหมกมุ่นในความสุขทางกาย มัวเมาในรูป รส กล่ิน เสียง รวมความ เรียกวา่ เปน็ การหลงเพลดิ เพลินหมกมนุ่ ในกามสุข หรือกามสขุ ลั ลิกานุโยค 1.2 การสร้างความลาบากแก่ตน ดาเนินชีวิตอย่างเล่ือนลอย เช่น บาเพ็ญตบะ การทรมานตน คอยพ่งึ อานาจสิ่งศักด์ิสิทธิ์ เป็นต้น ซ่ึงการดาเนินชีวิตแบบท่ีก่อความทุกข์ ใหต้ นเหนอื่ ยแรงกาย แรงสมอง แรงความคดิ รวมเรยี กวา่ อัตตกลิ มถานโุ ยค

ดงั น้ัน เพื่อละเว้นห่างจากการปฏิบัติทางสุดเหล่านี้ ต้องใช้ทางสายกลาง ซ่ึงเป็น การดาเนินชีวิตด้วยปัญญา โดยมีหลักปฏิบัติเป็นองค์ประกอบ 8 ประการ เรียกว่า อริย อฏั ฐังคิกมคั ค์ หรือ มรรคมอี งค์ 8 ไดแ้ ก่ 1. สัมมาทฏิ ฐิ เหน็ ชอบ คือ รเู้ ขา้ ใจถกู ตอ้ ง เหน็ ตามท่เี ป็นจรงิ 2. สมั มาสังกปั ปะ ดารชิ อบ คอื คดิ สจุ รติ ตงั้ ใจทาส่ิงทดี่ ีงาม 3. สมั มาวาจา เจรจาชอบ คอื กล่าวคาสจุ ริต 4. สมั มากัมมันตะ กระทาชอบ คือ ทาการท่ีสุจรติ 5. สมั มาอาชวี ะ อาชีพชอบ คอื ประกอบสัมมาชพี หรืออาชพี ท่สี จุ ริต 6. สมั มาวายามะ พยายามชอบ คือ เพยี รละชวั่ บาเพ็ญดี 7. สัมมาสติ ระลึกชอบ คือ ทาการด้วยจติ สานกึ เสมอ ไม่เผลอพลาด 8. สัมมาสมาธิ ตง้ั จิตมน่ั ชอบ คือ คมุ จิตให้แนว่ แน่มั่นคงไม่ฟงุ้ ซ่าน

2. อริยสัจ 4 แปลว่า ความจริงอันประเสริฐของอริยะ ซึ่งคือบุคคลที่ห่างไกล จากกเิ ลส ได้แก่ 1. ทกุ ข์ ไดแ้ ก่ ปัญหาท้ังหลายท่ีเกิดข้ึนกับมนุษย์ บุคคลต้องกาหนดรู้ให้เท่าทัน ตามความเปน็ จริงว่ามันคืออะไร ต้องยอมรับรู้ กล้าสู้หน้าปัญหา กล้าเผชิญความจริง ต้อง เข้าใจในสภาวะโลกว่าทุกสง่ิ ไม่เที่ยง มีการเปล่ียนแปลงไปเปน็ อย่างอื่น ไมย่ ดึ ติด 2. สมทุ ยั ไดแ้ ก่ เหตุเกิดแห่งทุกข์ หรอื สาเหตขุ องปญั หา ตวั การสาคญั ของทกุ ข์ คอื ตณั หาหรือเสน้ เชอื กแห่งความอยากซึ่งสัมพนั ธ์กับปัจจัยอนื่ ๆ 3. นิโรธ ได้แก่ ความดับทุกข์ เริ่มด้วยชีวิตที่อิสระ อยู่อย่างรู้เท่าทันโลกและ ชวี ิต ดาเนนิ ชีวติ ด้วยการใชป้ ญั ญา 4. มรรค ได้แก่ กระบวนวธิ ีแห่งการแกป้ ญั หา อันไดแ้ ก่ มรรคมีองค์ 8 ประการ ดงั กล่าวข้างต้น

กจิ กรรมวันอาสาฬหบชู า พิธีกรรมโดยทั่วไปท่ีนิยมกระทาในวันนี้ คือ การทาบุญ ตักบาตร รักษาศีล ฟังพระธรรมเทศนา และสวดมนต์ ในตอนค่าก็จะมีการเวียน เทียนท่ีเป็นก า รสื บ ท อด ปร ะเพณีอั นดีงา ม ของไ ทยเรา ดังน้ัน พุทธศาสนิกชนทั้งหลายควรเข้าวัด เพื่อน้อมระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย อกี ทั้งยังเป็นการชว่ ยชะลา้ งจติ ใจให้ปลอดโปร่งผ่องใส จะได้มีร่างกายและ จติ ใจที่พรอ้ ม สาหรับการดาเนนิ ชวี ติ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook