Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 3 ภาษาไทย ม.ต้น บทที่ 2 การพูด

3 ภาษาไทย ม.ต้น บทที่ 2 การพูด

Published by nfe671514, 2020-05-31 02:28:55

Description: 3 ภาษาไทย ม.ต้น บทที่ 2 การพูด

Search

Read the Text Version

10 เรอื่ งที่ 1 สรปุ ความ จบั ประเดน็ สาํ คัญของเร่อื งทพี่ ดู การพูดเปน ทักษะหน่ึงของการส่อื สาร การพูดคือการเปลง เสยี งออกมาเปน ถอยคาํ หรือขอ ความ ตาง ๆ เพื่อติดตอสื่อสารใหผูพูดและผูฟงเขาใจเรื่องราวตาง ๆ การพูดเปนการสื่อความหมายโดยใช ภาษาเสียง กิริยาทาทางตาง ๆ เพื่อถายทอดความรูและความรูสึก รวมทั้งความคิดเห็นของผูพูดใหผูฟง ไดร ับรู และเขาใจตามความมงุ หมายของผูฟงเปนเกณฑ องคประกอบของการพดู ประกอบดว ย 1. ผพู ดู คือ ผทู ี่มจี ดุ มงุ หมายสําคัญท่ีจะเสนอความรูความคิดเห็นเพื่อใหผฟู ง ไดร ับรูและเขาใจ โดยใชศ ิลปะการพูดอยา งมหี ลักเกณฑ และฝก ปฏิบตั อิ ยเู ปน ประจาํ 2. เนื้อเรื่อง คือ เรื่องราวที่ผูพูดนําเสนอเปนความรูหรือความคิดเห็นใหผูฟงไดรับรู อยางเหมาะสม 3. ผูฟง คือ ผูรับฟงเรื่องราวตาง ๆ ท่ีผูพูดนาํ เสนอ ซ่ึงผูฟงตองมีหลักเกณฑและมารยาท ในการฟง นอกจากน้ีผูพูดยังควรมีการใชสื่อ หรืออุปกรณตาง ๆ ประกอบการพูดเพื่อใหผูฟงมีความรู ความเขาใจย่ิงข้ึน สื่อตาง ๆ อาจเปน แผนภาพ ปายนิเทศ เทปบันทึกเสียง หรือ วีดิทัศน เปนตน และส่ิงท่ีสําคัญคือผูพูดตองคํานึงถึงโอกาสในการพูด เวลาและสภาพแวดลอมท่ีเก่ียวของกับการพูด เพอื่ ใหก ารพูดนน้ั เกิดประสทิ ธภิ าพมากยง่ิ ข้นึ การพดู ทด่ี ี คือ การสื่อความหมายที่ดนี นั้ ยอมส่อื ความเขาใจกับใคร ๆ ไดตรงตามวัตถุประสงค ของผูพูด การท่ีผฟู ง ฟงแลวพึงพอใจ สนใจ เกดิ ความศรทั ธาเลอ่ื มใสผูพูด เรยี กวาผนู ้นั มีศลิ ปะในการพดู ลกั ษณะการพดู ท่ดี ี มดี งั นี้ 1. มีบุคลิกภาพท่ีดี การฟงคนอื่นพูดน้ันเราไมไดฟงแตเพียงเสียงพูด แตเราจะตองดูการพูด ดูบุคลิกภาพของเขาดวย บุคลิกภาพของผูพูดมีสวนที่จะทําใหผูฟงสนใจ ศรัทธาตัวผูพูด บุคลิกภาพ ไดแก รูปราง หนาตา ทา ทาง การยืน การน่งั การเดิน ใบหนาท่ียม้ิ แยม ตลอดจนอากัปกิริยาทแี่ สดงออก ในขณะท่พี ูดอยา งเหมาะสมดวย 2. มคี วามเชื่อม่นั ในตนเองดี ผูพูดจะตองเตรียมตัวลวงหนา ฝกซอมการพูดใหคลองสามารถ จดจาํ เร่อื งทีพ่ ูดได ควบคมุ อารมณไ ด ไมตนื่ เตน ประหมา หรือลุกลีล้ ุกลน รบี รอ นจนทําใหเสยี บุคลิก 3. พูดใหตรงประเด็น พูดในเร่ืองท่ีกําหนดไว ไมนอกเร่ือง พูดอยางมีจุดมุงหมายมุงใหผูฟง ฟงแลวเขา ใจ ตรงตามวตั ถุประสงคท่ีผูพ ดู ตอ งการ 4. ตอ งใชภาษาทเ่ี หมาะสมกบั ระดบั ผฟู ง ตามปกตนิ ยิ มใชภาษาธรรมดา สภุ าพ สัน้ ๆ กะทัดรัด สื่อความเขา ใจไดงา ย หลกี เลยี่ งสาํ นวนโลดโผน ศัพทเทคนิคหรือสาํ นวนที่ไมไ ดม าตรฐาน

11 5. ตองคํานึงถึงผฟู ง ผูพดู ตองทราบวา ผูฟงเปนใคร เพศ วยั อาชีพ ระดับการศึกษา ความสนใจ ความเช่ือถือเปนอยางไร เพ่ือจะไดพูดใหถูกกับสภาพของผูฟง หลีกเล่ียงการแสดงความคิดเห็นและ ความเชือ่ ทขี่ ดั แยง กับผูฟง 6. มีมารยาทในการพูด ผูพดู ตองพจิ ารณาเลือกใชถอยคําทีถ่ ูกตองเหมาะสมกับกาลเทศะและ บคุ คลเพอื่ แสดงถงึ ความมีมารยาทที่ดีและใหเกยี รติผูฟง การสรุปความ จบั ประเดน็ สําคญั ของเรอื่ งทพี่ ูด 1. ผพู ดู จะตองทราบรายละเอยี ดของผูฟง ดงั นี้ 1.1 เปนชายหรือหญงิ 1.2 อายุ 1.3 การศกึ ษา 1.4 อาชพี เปน เบื้องตน เพ่อื มากําหนดเนือ้ หาสาระท่ีจะพูดใหเ หมาะสมกบั ผูฟง 2. ผูพูดตองมีวตั ถุประสงคที่จะพดู จะเปน การพดู วิชาการ เพอ่ื ความบันเทงิ หรอื เพ่ือส่งั สอน เปน ตน 3. เนื้อหาสาระ ผูพูดอาจเพียงกาํ หนดหัวขอ แตเม่ือพูดจริงจะตองอธิบายเพิ่มเติม อาจเปนตัวอยา ง อาจเปน ประสบการณ ที่จะเลาใหผ ูฟง ไดฟง ผูฟง จะสรุปความเรอื่ งที่รบั ฟง ได หากผพู ดู พดู มสี าระสาํ คญั และมกี ารเตรยี มตัวทีจ่ ะพูดมาอยา งดี เรือ่ งท่ี 2 การพดู ในโอกาสตา ง ๆ การพูดเปน การส่ือสารท่ีทําใหผูฟงไดรับทราบเนื้อหารายละเอียดของสารไดโดยตรงหากเปน การส่ือสารในลักษณะการสนทนาโดยตรงก็ยอมทําใหเห็นอากัปกิริยาตอกันเปนการเสริมสราง ความเขาใจมากย่งิ ขนึ้ การพดู มหี ลายลักษณะ ไดแก การพดู อภิปราย พูดแนะนาํ ตนเอง พูดกลา วตอ นรบั พดู กลาวขอบคณุ พดู โนม นา วใจ เปนตน จะมีรูปแบบนําเสนอในหลายลักษณะ เชน การนําเสนอ เพ่ือต้ัง ขอ สังเกต การแสดงความคดิ เหน็ เพ่ือต้ังขอ เทจ็ จริง การโตแ ยง และการประเมินคา เปน ตน ความสาํ คัญของการพูด การพดู มีความสาํ คญั ดังนี้ 1. การพดู ทาํ ใหเกิดความเขาใจในประเด็นของการสื่อสารตาง ๆ ทั้งการสื่อสารเพื่อใหความรู ทางวิชาการ การสนทนาในชีวิตประจําวัน หรือการพูดในรูปแบบตาง ๆ ยอมทําใหผูฟงเขาใจประเด็น เกิดความคดิ สรา งสรรคนาํ ไปสูการปฏบิ ัตไิ ดถ กู ตอ ง

12 2. การพูดสามารถโนม นาวจติ ใจของผฟู ง ใหคลอยตามเพ่ือเปลย่ี นความเช่อื หรือทศั นคตติ า ง ๆ เพ่ือใหเกิดการปฏิบัติส่ิงตาง ๆ อยางมีหลักเกณฑมีความถูกตอง ซึ่งผูฟงตองใชวิจารณญาณ ในการพิจารณาเร่ืองราวท่ีผูพูดเสนอสารในลกั ษณะตาง ๆ อยางมเี หตผุ ล 3. การพูดทาํ ใหเกิดความเพลิดเพลิน โดยเฉพาะการพูดที่มุงเนนเรื่องการบันเทิงกอใหเกิด ความสนกุ สนาน ทาํ ใหผ ฟู ง ไดรบั ความรูดวยเชนกนั 4. การพดู มปี ระโยชนท ช่ี วยดาํ รงสังคม ใชภ าษาพูดจาทักทาย เปนการสรางมนุษยสัมพันธแก บุคคลในสังคม การพดู ยังเปนการสอ่ื สารเพื่อเผยแพรค วามรูค วามคิดใหผูฟงปฏิบัติ เพ่ือใหเกิดความสุข สงบในสังคม การพูดในโอกาสตา ง ๆ 1. การพูดแนะนาํ ตนเอง การพูดแนะนําตนเอง เปนการพูดท่ีแทรกอยูกับการพูดในลักษณะตาง ๆ เปนพื้นฐาน เบือ้ งตน ทจ่ี ะทาํ ใหผ ูฟงมีความรเู กย่ี วกับผพู ูด การแนะนําตนเองจะใหร ายละเอยี ดแตกตางกนั ไปตาม ลกั ษณะของการพดู 1. การพดู แนะนําตนเองในกลุมของผเู รียน ควรระบุรายละเอียด ชื่อ - นามสกุล การศึกษา สถานศกึ ษา ทีอ่ ยปู จ จบุ นั ภูมลิ าํ เนาเดมิ ความถนดั งานอดิเรก 2. การพูดแนะนาํ ตนเองเพ่อื เขาปฏบิ ตั งิ าน ควรระบุ ชอื่ - นามสกุล รายละเอียดเก่ียวกับ การศึกษาตําแหนง หนา ทท่ี ่จี ะเขามาปฏบิ ตั ิงาน ระยะเวลาทีจ่ ะเร่ิมปฏบิ ัตหิ นา ที่ 3. การแนะนําบุคคลอื่นในสังคมหรือท่ีประชุม ควรใหรายละเอียด ชื่อ – นามสกุล ผูทเ่ี ราแนะนําความสามารถของผทู ่ีเราแนะนาํ การแนะนาํ บุคคลใหผ อู ่นื รูจกั ตองใชคาํ พูด เพื่อสรา งไมตรี ที่ดีระหวา งบุคคลทง้ั สองฝา ย 2. การกลาวตอนรบั การกลา วตอ นรับเปน การกลาวเพอ่ื บอกความรูส ึกท่ีมตี อผทู ีม่ าโดย 1. กลา วถึงความยินดขี องการเปน เจา ของสถานที่ 2. กลาวยกยองผูมาเยือน เชน เปนใคร มีผลงานดีเดนอะไร มีความสัมพันธอยางไรกับ ผูตอ นรับ 3. แสดงความยนิ ดีทีใ่ หก ารตอนรับ 4. ขออภยั หากมสี ่งิ ใดบกพรอง และหวังวาจะกลับมาเยย่ี มอกี 3. การกลา วอวยพร โอกาสท่ีกลาวอวยพรมีหลายโอกาส เชน การกลาวอวยพรวันเกิด วันปใหม ข้ึนบานใหม การอวยพรคบู า วสาว หรือในโอกาสทีจ่ ะมีการโยกยายอําลาไปรับตําแหนง ใหม ฯลฯ หลกั การกลาวอวยพร มีขอ ปฏิบตั ิท่คี วรจํา ดงั นี้ 1. ควรกลา วถึงโอกาสและวันสําคญั นั้น ๆ ทไ่ี ดมาอวยพรวา เปนวันสําคญั อยางไร ในโอกาส ดีอยา งไร มีความหมายตอ เจา ภาพหรือการจดั งานนั้นอยา งไร

13 2. ควรใชค ําพูดท่ีสภุ าพ ไพเราะ ถูกตอง เหมาะสมกบั กลุม ผูฟง 3. ควรกลา วใหส น้ั ๆ ใชคําพูดงา ยๆ ฟงเขา ใจดี กะทัดรัด กระชับความ นา ประทบั ใจ 4. ควรกลา วถงึ ความสมั พันธร ะหวางผอู วยพรกบั เจาภาพ กลา วใหเกยี รติ ชมเชยในความดี ของเจา ภาพ และแสดงความปรารถนาดีที่มีตอ เจา ภาพ 5. ควรใชค ําพูดอวยพรใหถ กู ตอง หากเปนการอวยพรผูใหญ นิยมอางสิง่ ศักด์สิ ทิ ธ์ทิ ีเ่ คารพ นบั ถือมาประทานพร 4. การกลาวขอบคุณ การกลาวขอบคุณเปนการแสดงน้ําใจไมตรี หรือความดีที่ผูอ่ืนกระทําให เชน ขอบคุณ วิทยากรท่บี รรยาย ดังนี้ 1. ควรกลาวขอบคุณวิทยากรใหเกยี รติบรรยาย 2. มกี ารสรุปเรือ่ งท่ีวิทยากรบรรยายจบไปอยางส้นั ๆ ไดใ จความ 3. ควรกลา วถงึ คณุ คา ของเร่อื งทฟี่ งและประโยชนท ่ีไดร ับจากการบรรยาย 4. กลา วใหม ีความหวังจะไดรับเกยี รติจากวทิ ยากรอีกในโอกาสตอไป 5. กลา วขอบคุณวิทยากรอีกครง้ั ในตอนทา ย 5. การพดู ใหโอวาท การพูดใหโ อวาท จะมลี กั ษณะ ดงั นี้ 1. กลา วถงึ ความสําคญั และโอกาสทมี่ ากลา วใหโ อวาทวา มคี วามสําคัญอยางไร 2. พูดใหต รงประเดน็ เลือกประเดน็ สําคัญ ๆ ทมี่ คี วามหมายแกผูรับโอวาท 3. ควรมีขอแนะนํา ตกั เตอื น และเสนอแนะประสบการณทมี่ ปี ระโยชน 4. ควรพดู ช้แี จงและเกล้ยี กลอมใหผ ฟู งตระหนกั และนําโอวาทไปใชใหเกิดประโยชนไดอ ยา งแทจ ริง 5. กลา วส้นั ๆ ไดใจความดี ตอนทายของการใหโอวาทกค็ วรกลาวอวยพรท่ปี ระทับใจ การพูดแสดงความคิดเห็น การพดู เพื่อแสดงความรแู ละความคดิ เหน็ ไดแ ก การพดู อภปิ ราย การรายงาน การสอื่ ขาว และการสนทนาความรู เปนตน ซึ่งการพดู ตา ง ๆ เหลานี้มแี นวทาง ดงั นี้ 1. ศึกษารายละเอยี ดเนื้อหา โดยคํานึงถึงเน้ือหาตามจุดประสงคท่ีจะพูด เพื่อใหรายละเอียด ท่ถี ูกตอ งตรงประเดน็ ตามทีต่ องการเสนอความรู 2. วิเคราะหเ รื่องราวอยางมีหลักเกณฑ โดยพจิ ารณาแยกแยะออกเปนสวน ๆ เพ่ือทําความเขาใจ แตล ะสว นใหแ จมแจง และตองคาํ นึงถึงความสัมพนั ธเกี่ยวเนอ่ื งกันของแตละสว น 3. ประเมินคา เรอื่ งท่ีจะพูด 4. ใชภาษาอยางเหมาะสม มีการเรียงลําดับใจความท่ีดี แบงเนื้อหาเปนเรื่องเปนตอน ใชตวั อยา งประกอบการพดู มกี ารเปรียบเทยี บ เพอื่ ใหผ ูฟงเห็นภาพพจนไดอยา งชัดเจน มีการย้ําความ เพื่อเนน สาระสําคญั รวมทั้งยกโวหารคําคมมาประกอบเพ่อื สรา งความเขา ใจและเกดิ ความประทับใจ ย่ิงข้ึน

14 เรื่องที่ 3 มารยาทในการพดู การพูดท่ดี ไี มว าจะเปน การพูดในโอกาสใด ผูพูดจะตองคํานึงถึงมารยาทในการพูด ซ่ึงจะชวย สรา งความชน่ื ชมจากผฟู ง มผี ลใหการพดู แตล ะคร้ังประสบความสําเร็จตามวตั ถปุ ระสงคท ่ีตั้งไว มารยาท ในการพดู สรุปได ดังน้ี 1. เรอ่ื งที่พดู นั้นควรเปนเรือ่ งท่ที ัง้ สองฝายสนใจรว มกัน หรอื อยูใ นความสนใจของคนท่ัวไป 2. พูดใหต รงประเดน็ จะออกนอกเร่อื งบา งก็เพียงเลก็ นอย 3. ไมถามเร่ืองสวนตัว ซ่งึ จะทําใหอ ีกฝา ยหนึ่งรูส กึ อดึ อดั ใจ หรือลําบากใจในการตอบ 4. ตองคาํ นึงถึงสถานการณแ ละโอกาส เชน ไมพดู เรอ่ื งเศรา เรื่องทน่ี า รงั เกียจ ขณะรบั ประทาน อาหารหรอื งานมงคล 5. สรางบรรยากาศที่ดี ยิ้มแยมแจมใสและสนใจเรอื่ งทีก่ าํ ลงั พดู 6. ไมแ สดงกริ ยิ าอนั ไมส มควรในขณะท่ีพดู เชน ลว ง แคะ แกะ เกา สวนใดสว นหน่งึ ของรา งกาย 7. หลกี เลย่ี งการกลา วราย การนนิ ทาผูอื่น ไมย กตนขมทา น 8. พูดใหม ีเสยี งดงั พอไดยนิ กันทั่ว ไมพ ดู ตะโกน หรือเบาจนกลายเปน กระซบิ กระซาบ 9. พดู ดวยถอ ยคําวาจาท่สี ุภาพ 10.พยายามรักษาอารมณใ นขณะพูดใหเปนปกติ 11.หากนาํ คาํ กลาวหรือมีการอางอิงคาํ พูดของผูใดควรระบุนามหรือแหลงท่ีมา เพื่อใหเปน เกยี รติแกบ คุ คลทกี่ ลาวถึง 12.หากพูดในขณะที่ผอู ื่นกาํ ลงั พดู อยคู วรกลาวขอโทษ 13.ไมพูดคยุ กนั ขามศรี ษะผูอนื่ จากมารยาทในการพดู ท้ัง 13 ขอ ผูเรียนควรจะนาํ ไปปฏบิ ัตไิ ดในชวี ิตประจาํ วัน กจิ กรรมบทที่ 2 การพูด กจิ กรรมที่ 1 ใหผเู รยี นเลอื กคําตอบทถี่ ูกทสี่ ุดเพียงขอเดียว 1. ขอใดไมใ ชอ งคประกอบสําคญั ของการพูด ก. ผูพดู ข. ผฟู ง ค. สาระท่พี ูด ง. อปุ กรณป ระกอบการพดู 2. ขอใดเปน การพูดแบบเปน ทางการ ก. พูดกับพ่นี อง ข. พดู บรรยายใหความรู ค. พูดกับเพอื่ นรวมงาน ง. พดู ในงานสังสรรค

15 3. สิง่ ทส่ี ําคัญที่สดุ ท่ีผูพ ูดควรเตรยี มลว งหนา คือขอใด ก. การแตง กาย ข. การฝกซอม ค. การเตรยี มตน ฉบบั พดู ง. การใชเ สียงและทาทาง 4. การพูดแสดงความคดิ เหน็ คือการพดู ในลักษณะใด ก. พูดทกั ทาย ข. พดู แนะนาํ ตัว ค. พดู อภปิ ราย ง. พูดอวยพร 5. ขอ ใดเปนจุดมุงหมายในการพดู เพื่อหาเสยี งเลือกตั้ง ก. สรา งจินตนาการ ข. ใหขอ มูลความรู ค. โนมนา วชักจงู ง. ใหค วามเพลดิ เพลนิ กิจกรรมท่ี 2 ใหผ ูเรียนเขียนคาํ พดู ตามหวั ขอตอไปน้ี 1. เขยี นคาํ ขอบคุณสน้ั ๆ ทีเ่ พ่ือนคนหนงึ่ เก็บกระเปา สตางคท่หี ลน หายมาใหเ รา 2. เขียนคาํ พดู อวยพรวนั เกิดของเพ่อื น 3. เขียนคํากลาวแสดงความยนิ ดใี นโอกาสที่เพ่อื นสอบสัมภาษณเขาทาํ งานได 4. เขียนคําแนะนาํ ตนเองในกลมุ ผเู รียน กิจกรรมท่ี 3 ใหผเู รยี นยกตัวอยางการกระทาํ ทไี่ มม ีมารยาทในการพดู มา 5 ตัวอยา ง 1. .............................................................................................................................. 2. .............................................................................................................................. 3. .............................................................................................................................. 4. .............................................................................................................................. 5. .............................................................................................................................. กจิ กรรมที่ 4 ใหผ ูเรียนจัดทาํ ตน รา งเร่ืองทจ่ี ะพดู ในโอกาสดังตอไปน้ี 1. กลา วอวยพรคูบ า ว – สาว ในงานเลีย้ งฉลองมงคลสมรส ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...

16 2. กลาวตอ นรบั ผทู ม่ี าศกึ ษา – ดงู านในชุมชน ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………….……………... 3. กลา วขอบคณุ วทิ ยากรในงานฝก อบรม ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………….…………………………...


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook