Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือการดูแลผู้ป่วย IMC

คู่มือการดูแลผู้ป่วย IMC

Published by โรงพยาบาลราชวิถี, 2022-11-03 06:10:59

Description: คู่มือการดูแลผู้ป่วยIMC

Search

Read the Text Version

. คมู่ ือ การดแู ลผปู้ ว่ ยระยะกลาง Intermediate Care คู่มอื การดแู ลผ้ปู ่วยระยะกลาง จากทีมสหสาขาวิชาชพี Intermediate Care หอผูป้ ่วยโรคหลอดเลือดสมอง โรงพยาบาลราชวิถี

. ประวัติสว่ นตัว 1.ช่อื …………………………………นามสกุล……………………………………………............................................ เลขประจาตัวประชาชน …………………………………………………………………………................................. 2.อาย…ุ …….....ปี วนั เดอื น ปี เกดิ …………………………………………………......................................... 3.น้าหนัก……............กก. สว่ นสงู ……………...........ซม. หมู่เลอื ด…………………………...................…..... 4 .อยบู่ ้านเลขท่ี ………………หมทู่ ่ี ………..ตรอก/ซอย………………… ถนน …………………..................... ตาบล………………......อาเภอ…………………….จงั หวัด…….............รหสั ไปรษณยี …์ ...........…………......... โทรศัพท์ ……………………………………………........................................................................................ 5.อาชีพ……………………………………………………………………………………………………............................. 6.การวนิ จิ ฉยั โรค............................................................................................................................... 7.โรคประจาตัว……………………………………………………………………………………....................…………... 8.ยาท่รี บั ประทานประจา………………………………………………………………………………..................…...... ………………………………………………………………………………………………………………….....................….... .......................................................................................................................................................... 9.ประวตั ิการแพ้ยาหรอื อาหาร…………………………………………………………………….....................…...... 10. การสูบบุหร/ี่ ยาเสน้ ไม่สูบ สบู ……………………………………………………….....................….... 11.การดม่ื เคร่อื งดม่ื ที่มสี ว่ นผสมของแอลกอฮอล์ (เชน่ สรุ า เบยี ร์ ยาดองเหล้า) ไม่ดม่ื ดมื่ …………………………………………………………………….......…………………………... 12.ชอ่ื ผ้ดู ูแลหลัก............................................................................โทรศัพท์.....................................

การดูแลผปู้ ว่ ยทบ่ี า้ น . บทบาทหนา้ ทข่ี องญาติ/ผดู้ แู ลและครอบครัว 1.กระตุ้นให้ผู้ปุวยทากิจวตั รประจาวนั ด้วยตนเองใหม้ ากที่สุด เทา่ ท่ีผู้ปุวยสามารถ ทาได้ เช่น แปรงฟัน อาบน้า แต่งตัว หวีผม รบั ประทานอาหารดว้ ยตนเอง การลุกนั่ง การขบั ถา่ ย โดยญาตอิ าจคอยชว่ ยเหลือเป็นกรณไี ป การกระตนุ้ ให้ผู้ปวุ ยทากจิ วัตร ประจาวันด้วยตนเองจะทาให้ผปู้ วุ ยฟนื้ ท่เี รว็ ข้นึ ญาติ/ผู้ดูแลควรใหก้ าลังใจ และส่งเสรมิ ผปู้ วุ ยใหเ้ กดิ ความเชื่อม่ันในตนเอง 2.กระตุน้ ผู้ปุวยไมใ่ ห้ลมื รา่ งกายขา้ งที่อ่อนแรง โดยจัดวางอุปกรณ์เคร่อื งใช้ไวข้ ้างที่ ออ่ นแรง การพดู กระตุน้ ให้ผูป้ ุวยไมล่ มื ย่ืนส่งิ ของให้ หรือการปูอนข้าวควรเข้าทอี่ อ่ นแรง 3.กระตนุ้ การรับรู้ บุคคล วันเวลา สถานท่ี และสงั คม โดยจดั ให้มนี าฬกิ า ปฏิทิน รปู ภาพ โทรทศั น์ ให้ผูป้ ุวยดู ให้ญาติ หรือผ้ดู ูแลชว่ ยบอกถามพูดคยุ หรือใหผ้ ปู้ ุวยพดู คยุ กบั ลกู หลาน ญาติพ่ีน้อง เพอื่ นๆ หรอื ผู้คนุ้ เคย 4.ครอบครัวใหค้ วามรัก ความใส่ใจเขา้ ใจปัญหาของผูป้ วุ ย กระตุ้นใหผ้ ูป้ ุวยร่วม กจิ กรรมต่าง ๆ ในครอบครัวเทา่ ทีท่ าได้อย่างสมา่ เสมอไมป่ ล่อยให้ผ้ปู ุวยนอนอยู่แต่บน เตยี ง เช่น พาผปู้ วุ ยไปเดินเลน่ ออกกาลงั กาย ออกนอกบ้านไปสถานท่ตี า่ ง ๆ บางราย อาจต้องให้มสี ว่ นร่วมรับรูใ้ นกจิ การงาน ตลอดจนสังคมสมาคม ที่เคยทามาก่อนบ้างตาม ความเหมาะสม

. บทบาทหน้าที่ของญาต/ิ ผูด้ แู ลและครอบครัว(ตอ่ ) 5.ผ้ปู ุวยอาจมคี วามต้องการทางเพศเปล่ยี นแปลงไป ซงึ่ ผดู้ แู ลโดยเฉพาะสามี หรอื ภรรยา ควรทาความเขา้ ใจและปลอบโยนเปน็ กาลงั ใจใหผ้ ู้ปวุ ย 6.ควรมกี ารหมุนเวียนผ้ดู แู ล กรณผี ปู้ วุ ยชว่ ยเหลอื ตนเองไมไ่ ด้ เนื่องจากต้องดูแล อย่างใกลช้ ดิ เป็นเวลานาน 7.มาพบแพทย์ตามนดั รับประทานยาตามแพทย์สง่ั ให้ถกู ต้องและครบถว้ น หากมี อาการผิดปกตใิ ห้มาพบแพทย์ก่อนวนั นดั เช่น แขน-ขาออ่ นแรงหรือขามากขนึ้ ง่วง ซมึ สบั สนมากขน้ึ พดู ไมไ่ ด้ ไม่เข้าใจคาพดู มไี ข้ตดิ ตอ่ กันเกิน 3 วนั ปสั สาวะบ่อย กลนั้ ไมไ่ ด้ ปสั สาวะขุ่น มกี ลิ่นเหม็น เปน็ ต้น 8.กรณที ต่ี อ้ งไดร้ บั ความดแู ลต่อเนื่องท่บี ้าน ให้ติดต่อสถานบริการใกลบ้ ้าน เช่น โรงพยาบาล สถานีอนามยั หรอื ศนู ยบ์ ริการสาธารณะสุขตามสทิ ธกิ ารรักษาของผปู้ ุวย 9.หากมีปญั หาในการดูแลผูป้ ุวยควรปรกึ ษาทมี สขุ ภาพ

. โรคหลอดเลือดสมอง หลอดเลอื ดสมองตีบหรืออุดตัน (ischemic stroke) เป็นสาเหตุสว่ นใหญท่ ที่ าให้ เกิดโรคหลอดเลือดสมอง พบไดป้ ระมาณ 80% หลอดเลอื ดสมองอุดตนั เกิดได้จากลิม่ เลือดท่เี กิดขน้ึ ในบรเิ วณอนื่ ไหลไปตามกระแสเลือดจนไปอดุ ตันทหี่ ลอดเลือดสมอง หรอื อาจเกดิ จากมลี มิ่ เลือดกอ่ ตัวในหลอดเลือดสมอง และขยายขนาดใหญ่ขนึ้ จนอุดตนั หลอดเลือดสมอง ส่วนสาเหตขุ องหลอดเลอื ดสมองตีบอาจเกดิ จากการสะสมของไขมนั ในหลอดเลอื ด ทาใหห้ ลอดเลอื ดตีบแคบ มีความยืดหยุ่นและมปี ระสทิ ธภิ าพในการ ลาเลียงเลือดลดลง เมื่อสมองขาดเลอื ดจะทาให้สมองไม่สามารถทางานได้ตามปกติ ซึ่ง อาการแสดงตา่ ง ๆ จะมากหรอื น้อยขึ้นกับระดับความรนุ แรงและตาแหนง่ ของสมองที่ ถกู ทาลาย เชน่ • ชาหรอื อ่อนแรงทีใ่ บหนา้ และ/หรือบริเวณแขนขาครง่ึ ซกี ของร่างกาย • พูดไม่ชดั ปากเบี้ยว มมุ ปากตก น้าลายไหล กลนื ลาบาก • ปวดศีรษะ เวียนศีรษะทันทที นั ใด • ตามัว มองเหน็ ภาพซ้อนหรือเห็นคร่ึงซีก หรอื ตาบอดข้างเดยี วทันทีทันใด • เดนิ เซ ทรงตัวลาบาก

. สาเหตุ หลอดเลอื ดสมองตีบ : เกดิ จาก การสะสมของไขมนั เกาะตามผนงั หลอดเลือด ซึ่งจะทา ให้เลือดไหลผ่านได้น้อยลง หากเปน็ มากก็จะทาให้เลือดไปเลย้ี งสมองไมเ่ พยี งพอและเกิด หลอดเลอื ดสมองอุดตนั เกิดจากการท่ีลิ่มเลือดจากสว่ นอน่ื หลุดไหลไปรวมกัน จนเกดิ การติดกนั ซึ่งทาให้เลอื ดไมส่ ามารถไหลผ่านไปเล้ียงสมองได้เสยี หายตอ่ เซลล์สมอง หลอดเลือดสมองแตก : เกิดจากการเปราะบางรว่ มกบั ความดนั โลหติ สงู ทาให้บริเวณที่ เปราะบางน้นั โปุงพองและแตกออก หรืออาจเกิดจากหลอดเลอื ดเสียความยืดหย่นุ จาก การสะสมของไขมันในหลอดอด หลอดเลอื ดจึงปรแิ ตกไดง้ ่าย ทาใหม้ เี ลือดออกในสมอง อยา่ งเฉียบพลนั ส่งผลให้ผปู้ วุ ยเสยี ชวี ติ เฉียบพลัน การปฏบิ ตั ติ วั • ควบคุมปจั จัยเสยี่ งตา่ ง ๆ เชน่ ควบคมุ ความดันโลหติ ควบคุมระดับนา้ ตาล ไขมันในเลือด ควบคุมน้าหนกั หยุดสูบบหุ รี่ งดด่มื แอลกอฮอล์ ออกกาลังกาย สมา่ เสมอ • ควบคุมภาวะแทรกซอ้ นในรายท่กี ลืนไมไ่ ด้ อาจได้รบั การใสส่ ายยางให้อาหาร เพื่อปอู งกนั การสาลักเกดิ โรคปอดอกั เสบ • รบั ประทานยาต้านเกลด็ เลอื ดตามแผนการรักษาอย่างสม่าเสมอ เพ่ือปอู งกันการ กลับเปน็ ซ้า ในภาวะหลอดเลือดสมองตีบหา้ มหยุดหรือปรับยาเอง สงั เกต ผลขา้ งเคยี งของยา เช่น มีจุดจ้าเลือดเลือดออก ให้แจง้ แพทย์ผู้รักษาทราบ • กายภาพบาบดั ตามคาแนะนา • หากมีความจาเป็นตอ้ งได้รับการทาฟัน การทาผ่าตัด ตอ้ งแจง้ ให้แพทย์ผู้รกั ษา ทราบ

. • สงั เกตพบอาการผิดปกตทิ างสมอง เช่น ซึมลง แขนขาออ่ นแรงมากข้นึ พดู ไมช่ ดั ให้รีบพบแพทยโ์ ดยด่วน • ตรวจตามแพทย์นัดอยา่ งสมา่ เสมอ

. อาหารสาหรบั ผู้ป่วยที่มีภาวะกลืนลาบาก (Dysphagia Diet) อาหารสาหรบั ผ้ปู วุ ยท่ีมีภาวะกลืนลาบาก (Dysphagia Diet) เป็นอาหารเหมาะ สาหรบั ผู้ปุวยอมั พาตจากโรคหลอดเลอื ดสมองที่มีปัญหาการกลนื ซ่งึ มีคณุ ค่าทาง โภชนาการครบถ้วนและมคี วามปลอดภยั มากขึ้น ในการฝกึ กลนื ควรเรม่ิ ปอู นอาหาร ตามลาดบั ของอาหารฝึกกลนื ท่เี หมาะสมตาม IDDSI ซ่ึงในท่ีนีจ้ ะแนะนาอาหารทใี่ ช้ สาหรับคนไขท้ อี่ ยใู่ นชว่ งฝกึ กลนื ดังน้ี อาหารฝกึ กลนื ลาดับขน้ั ท่ี ๑ PUREED ลกั ษณะอาหารบดละเอียด เนียนเป็นเนอื้ เดยี วกนั ไม่มีการแยกช้ันระหวา่ ง ของเหลวและเนอื้ อาหาร ไม่เหลวเปน็ น้า ไมจ่ าเปน็ ตอ้ งเคย้ี ว ไมม่ กี อ้ น ไม่เหนียว เชน่ เตา้ ฮวย สังขยา ไข่ตนุ๋ ข้าวบดละเอียด ฟักทองบดละเอียด

. อาหารฝึกกลนื ลาดบั ขน้ั ท่ี ๒ MINCED & MOIST คือ อาหารสบั ละเอียดและชมุ่ นา้ มลี กั ษณะน่ิม อ่อน และชมุ่ ชนื้ ไมม่ ีของเหลวใส แยกสว่ นออกมา สามารถตกั เป็นก้อน หรอื ทาเปน็ รปู ตา่ ง ๆ วางในจานได้ ลักษณะ อาหารเป็นช้ินเลก็ ๆ ใช้ลิ้นบดกอ้ นอาหาร ไดง้ า่ ย อาหารฝึกกลนื ลาดบั ขน้ั ท่ี ๓ SOFT & BITE-SIZED อาหารอ่อนและสบั ละเอียดเป็นช้ินเลก็ มีลักษณะออ่ นนุ่ม ชุม่ ชื้น แต่ไมม่ ขี องเหลว ใส ๆ แยกส่วนออกมา ขนาดช้นิ พอดคี าในการรบั ประทาน (ขนาดไมเ่ กนิ 6 มม.สาหรับ เดก็ และขนาดไมเ่ กิน 15 มม.สาหรับผู้ใหญ่) จาเป็นต้องเคี้ยวก่อนกลืน เชน่ เนือ้ สตั วต์ นุ๋ เป่ือย ๆ ผักต้มเปื่อย ผลไม้เนื้อนม่ิ ท่ไี ม่มีเมด็

. อาหารฝกึ กลืนลาดบั ขน้ั ท่ี ๔ REGULAR อาหารปกตโิ ดยทวั่ ไปทุกชนดิ ท่ีเหมาะสมแต่ละช่วงวัย สามารถรับประทานได้ด้วย อุปกรณ์ทุกชนดิ อาหารอาจมีลักษณะแข็ง กรอบ หรือนมุ่ ได้ ไม่จากัดขนาด ไม่มี ขอ้ จากัดของเนื้อสัมผัสอาหารในระดับนี้ Oro-motor exercises เหมาะสาหรับผ้ปู วุ ยท่มี ปี ัญหากลา้ มเนอ้ื ออ่ นแรงควบคมุ ริมฝีปาก ลนิ้ และ ขากรรไกรไมด่ ี เพื่อเพ่มิ ความแข็งแรงและเพ่ิมชว่ งการเคลื่อนไหวของกลา้ มเน้ือ โดยต้อง เป็นผูป้ ุวยท่ีสามารถทาตามโปรแกรมการออกกาลังที่ผบู้ าบดั ให้ได้ มที ้ังการออกกาลงั กายแบบ active movement และแบบ passive movement การบรหิ ารริมฝีปากและแกม้ อา้ ปากกว้าง กิจกรรมการดดู เช่น ดูดน้า ดูดหลอด กิจกรรมการเปาุ เช่น เปุากระดาษ เปาุ เทียน เปุานกหวีด เปุานา้ เป็นต้น เมม้ รมิ ฝีปากแน่น ๆ แลว้ คลายออก

. ทาปากจู๋สลบั กบั ฉีกยมิ้ หรอื ออกเสียง อู สลบั เสียง อี กักลมในปากใหแ้ ก้ม ปอุ งและปลอ่ ยลมออกช้า ๆ การบรหิ ารลน้ิ แลบลนิ้ ออกมาขา้ งหน้า หรือให้เลยี ไอศกรีม หรอื อมยิ้ม โดยให้อยู่ห่าง ออกมาทางด้านหน้าเล็กน้อย ใช้ลิน้ แตะมมุ ปากท้ัง 2 ขา้ งสลบั กัน ใช้ลิ้นแตะกระพ้งุ แก้มทง้ั 2 ขา้ งสลบั กัน เดาะลิน้ พดู ลาลาลา คาคาคา ซ้าหลาย ๆ รอบ พดู คาลา คาลา คาลา ใหเ้ ร็วที่สุดเทา่ ที่จะทาได้ ใช้ขนมหวาน นา้ หวานแตะบริเวณรมิ ฝีปากบนและล่าง มมุ ปาก และใหเ้ อา ล้ินออกมาเลยี

. การบริหารขากรรไกร อา้ ปากคา้ งไว้ 5 วนิ าทีและออกเสียง อา แลว้ ปิดปากให้ฟันกระทบกัน ปดิ ริมฝีปากแลว้ เคล่ือนขากรรไกรล่างไปด้านขา้ งค้างไว้ 5 วนิ าที (ทาสลับ ข้างซ้าย-ขวา) เคลือ่ นไหวขากรรไกรในลกั ษณะการเคี้ยวข้าวหรอื เค้ยี วหมาปฝรงั่ ทาซา้ 5-10 รอบ เทคนคิ การจัดท่าเพื่อปอ้ งกนั การสาลัก 1. การกม้ หน้าลงใหค้ างชดิ อก จะช่วยให้กล่องเสียงขน้ึ ไปอยูช่ ดิ โคนลิน้ มากขึน้ ซ่งึ จะ ปูองกันไมใ่ หก้ ้อนอาหารตกไปในช่องทางเดนิ หายใจ 2. เอียงศรี ษะไปดา้ นออ่ นแรง เป็นการเปลี่ยนเส้นทางการเคลอ่ื นท่ขี องอาหารไม่ให้ ไปตกคา้ งท่ีรอ่ งข้างกลอ่ งเสยี ง

. การดูแลสขุ ภาพช่องปาก สุขภาพชอ่ งปากสาคัญอย่างไร ในผปู้ วุ ยโรคหลอดเลือดสมองท่ตี ิดเตยี ง ซ่ึงมภี มู ิคุ้มกนั ร่างกายต่าอยู่แล้ว หากทา ความสะอาดช่องปากไมด่ ี อาจเป็นเหตใุ ห้มีเชื้อแบคทเี รยี และเช้ือราสะสมในชอ่ งปาก ดงั นนั้ การดูแลช่องปากในผ้ปู ุวยตดิ เตยี งจึงมคี วามสาคัญไมต่ ่างกบั การดูแลสุขภาพ ทว่ั ไป อุปกรณ์ท่ใี ชท้ าความสะอาดช่องปาก • แกว้ นา้ • ขนั นา้ หรอื กะละมังใบเลก็ • ผา้ ก๊อซ • ผา้ ขนหนู • แปรงสฟี ันและยาสีฟัน • น้าสะอาด ข้ันตอนการทาความสะอาดชอ่ งปาก 1. ปรับให้ผู้ปุวยนง่ั 30-45 องศา กรณีนงั่ ไมไ่ ดใ้ ห้ผปู้ วุ ยนอนตะแคงเพื่อปอู งกันการสาลัก และควรแจง้ ผปู้ ุวยใหท้ ราบวา่ กาลงั จะแปรงฟนั 2. เชด็ ริมฝปี ากใหช้ ุ่มชื้น ใช้ผา้ สะอาดชุบนา้ พนั น้ิวกวาดเศษอาหารที่กระพงุ้ แก้มออก 3. เอาแปรงสีฟันจุ่มนา้ ให้เปยี ก แลว้ บบี ยาสฟี นั ท่มี ีฟลูออไรดใ์ ส่แปรงสีฟัน 4. เรม่ิ แปรง โดยขยับแปรงสฟี ันสน้ั ๆแปรงให้ท่วั ทุกด้านทุกซ่ี เรม่ิ แปรงจากด้านในกอ่ น แล้วแปรงไลม่ าด้านนอก

. 5. ล้างแปรงให้สะอาดแล้วแปรงล้นิ โดยแปรงจากดา้ นในออกดา้ นนอก 6. ใชผ้ า้ สะอาดชบุ น้า พนั น้ิวเชด็ ฟองยาสฟี นั ออกให้หมด การจดั ท่าในผู้ปว่ ยอัมพาต การจัดท่านอนในผู้ปว่ ยอัมพาตต้องคานงึ ถึง 1. เตยี งนอน ควรเปน็ เตียงที่แข็งแรงความสงู พจิ ารณาโดยสังเกตจากเมอ่ื ผู้ปวุ ยลุกนั่ง หอ้ ยขาบนเตียงแลว้ เทา้ ผปู้ ุวยสัมผัสพ้นื ได้พอดี 2. ทน่ี อน ต้องเป็นทีน่ อนเนือ้ แนน่ ไม่นมุ่ หรอื แข็งจนเกนิ ไป ผ้าปูท่ีนอนขึงตงึ ไม่มีรอย ยน่ รอยพับเพือ่ กันไมใ่ ห้ เกิดการถไู ถผวิ หนัง อนั จะนาส่กู ารเกิดแผลกดทับได้ 3. ทา่ นอนในผปู้ ุวยอัมพาต เปน็ เรอ่ื งสาคัญอย่างย่งิ โดยเฉพาะผูป้ วุ ยอมั พาตคร่งึ ซีก เพราะการนอนทับแขน หรอื ขาข้างทเี่ ป็นอัมพาตนานๆ จะทาให้เกดิ การบวมเกดิ ขอ้ ตอ่ ยึดติดได้ง่าย หรือการปลอ่ ยใหผ้ ู้ปุวยนอนอย่ทู ่าใดท่าหน่ึงนานๆ เป็นสาเหตุ ใหเ้ กดิ แผลกดทับขน้ึ ดังนัน้ ญาติ หรือผดู้ ูแลต้องเปลย่ี นท่านอนให้บ่อยๆ อย่าง นอ้ ยทุก 2 ชวั่ โมง

. การจัดท่าทีถ่ ูกตอ้ งของผู้ป่วยอมั พาตครง่ึ ซีก ท่านอนหงาย 1. ศีรษะหนนุ หมอนใบเล็กๆ ไมใ่ หส้ งู เกินไปให้หนา้ หนั ไปดา้ นทีเ่ ปน็ อัมพาต 2. จดั ลาตวั ใหต้ รงใชห้ มอนใบเล็กหนนุ ท่ีไหลแ่ ละแขนข้างทอ่ี ัมพาต 3. การจดั ท่าวางแขนทาได้ 3 แบบ (ดงั รปู ) สว่ นมือและข้อมอื วางอยู่ในทา่ ปกติ 4. ข้อสะโพกใชห้ มอนบางๆ หรือผา้ มว้ น วางใต้สะโพกข้างอัมพาตเพ่อื กันไม่ให้ขา แบะออก 5. เขา่ เหยยี ดตรง หรืองอเล็กน้อยโดยใชห้ มอนใบเลก็ รองใตเ้ ขา่ ใต้เท้าใช้แผ่นไมก้ ้ัน ไมใ่ หป้ ลายเท้าตก ทา่ นอนตะแคงข้างอัมพาตขน้ึ 1. นอนตะแคงเต็มตัว 2. ศีรษะโน้มไปทางด้านหนา้ เลก็ น้อย 3. ลาตวั ตรง 4. แขนขา้ มอมั พาตจัดให้ไหลง่ ้มุ ไปทางดา้ นหนา้ ใช้หมอนรองแขน มือวางบนหมอน 5. ขาขา้ งอมั พาตจดั ให้สะโพกงอ เขา่ งอ อยู่บนหมอนเทา้ รองรบั ไวบ้ นหมอน เชน่ เดียวกนั เพือ่ กนั ไม่ใหข้ อ้ เท้าบิด

. ทา่ นอนตะแคงทบั ขา้ งที่เป็นอมั พาต 1. จดั ศรี ษะโน้มไปทางด้านหน้า 2. ลาตวั ตรง 3. แขน ไหล่ ขา้ งท่เี ป็นอัมพาตห่อมาทางด้านหน้าชว่ งปลายแขนอย่ใู นท่าหงายมอื 4. ขาด้านหลงั ข้างอัมพาตจับเหยียดขอ้ สะโพกตรงเข่างอเล็กนอ้ ย 5. ขาขา้ งดอี ยู่อยูด่ ้านบนงอไปทางด้านหนา้ ใช้หมอนรองรบั ไว้

. การใหอ้ าหารทางสายยาง การใหอ้ าหารทางสายยาง เปน็ วธิ ีการให้อาหารเม่อื มปี ญั หาในการให้อาหารทางปาก แต่ระบบทางเดนิ อาหารยังทาหน้าที่อยใู่ นเกณฑด์ ี คือ การย่อยและการดูดซมึ เขา้ สู่ รา่ งกายดี แตผ่ ปู้ ุวยมปี ัญหา เชน่ กลืนลาบาก กลนื แล้วสาลัก ร่างกายออ่ นเพลียมาก รบั ประทานอาหารไมไ่ ด้ หรอื รับประทานอาหารได้ไม่เพียงพอ ขาดอาหาร ผ้ปู ุวยท่ีไม่ รสู้ กึ ตัว เช่น โรคทางสมอง หรอื ได้รับการผา่ ตดั เก่ยี วกบั ปาก ในผูป้ ุวยทย่ี งั คงตอ้ งอาหารผา่ นทางสายยางท่บี ้าน ญาติจะต้องเรยี นรวู้ ธิ กี ารเตรยี ม อาหารเหลว ท่จี ะใหท้ างสายยาง และวธิ ีการใหอ้ าหารทางสายยางแกผ่ ปู้ ุวย ตลอดจน การสงั เกตอาการของผู้ปุวย ขณะปูอนอาหารด้วย วธิ ีการใหอ้ าหารทางสายยาง 1. เตรยี มของเคร่ืองใช้ในการให้อาหารทางสายยาง อาหารเหลวทเ่ี ตรยี มใหผ้ ปู้ ุวย รวมทง้ั ยาของผู้ปุวยที่มีให้หลงั อาหารใหพ้ ร้อม (ตามวิธกี ารเตรียมของเคร่ืองใช้ ผปู้ วุ ยที่ใหอ้ าหารทางสายยาง)

. 2. จัดท่านอนใหผ้ ปู้ ุวยศรี ษะอยสู่ ูงอย่างน้อย 45 องศา ในรายท่ีผปู้ ุวยไมร่ ู้สึกตัวควร ให้หนนุ หมอน ตั้งแต่หลังจนถงึ ศีรษะโดยใชห้ มอน 2 ใบใหญ่หรอื จดั ให้ผปู้ วุ ยนั่งพงิ พนกั เตียงหรือใหน้ งั่ เกา้ อี้ 3. ผทู้ ี่จะให้อาหารตอ้ งล้างมือให้สะอาดตามวธิ กี ารล้างมือที่ถกู วิธี 4. ในผู้ปวุ ยที่เจาะคอมีท่อหายใจ ใหด้ ูดเสมหะในหลอดลมคอก่อนเพ่ือปอู งกนั ผปู้ ุวย ไอ จากการมีเสมหะมาก ขณะใหอ้ าหารทางสายยาง ปูองกันภาวะแทรกซ้อน ปอด อักเสบจากการสาลักอาหาร 5. ล้างมืออยา่ งถูกวธิ ีภายหลังดูดเสมหะให้ผู้ปวุ ย 6. ดงึ จุกทปี่ ิดหัวตอ่ ปลายสายให้อาหารออก ขณะเดียวกนั ใชน้ วิ้ พบั สายคีบเอาไว้ เพ่อื ปูองกันลมเข้ากระเพาะอาหารผปู้ วุ ย เพราะจะทาให้ผู้ปวุ ยท้องอดื ได้ 7. ใชส้ าลชี บุ นา้ ตม้ สกุ เช็ดบรเิ วณจุกใหอ้ าหารทางสายยาง 8. เอากระบอกให้อาหาร พรอ้ มลูกสูบตอ่ กบั หวั ต่อและปลอ่ ยน้ิวทค่ี ีบสายออก ทา การทดสอบดูว่า ปลายสายยางให้อาหาร ยังอย่ใู นกระเพาะอาหารหรือไม่โดย  ใชก้ ระบอกใหอ้ าหารดูดอาหารหรือน้าออกจากกระเพาะถ้ามีมากเกิน 50ซีซี ใหด้ ันอาหาร นา้ กลับคืนไปอย่างช้าๆ และเลือ่ นเวลาออกไปครัง้ ละ 1ชั่วโมง แลว้ มาทดสอบดูใหม่ ถา้ มไี ม่เกิน 50 ซีซี ให้ดนั อาหารนา้ กลบั คืนไปอย่างชา้ ๆ และให้ อาหารได้  ถา้ ดูดออกมาแล้ว ไมม่ ีอาหารตามขนึ้ มาเลย ใหด้ ูดลมเข้ามาในกระบอกอาหาร ประมาณ 20 ซซี ี แลว้ ตอ่ เขา้ กบั สายให้อาหาร พรอ้ มกับเอาฝาุ มอื อีกด้านหน่ึง หรือหูแนบเข้ากบั ใตช้ ายโครงด้านซ้าย ดนั ลมในกระบอกใหเ้ ข้าไปในกระเพาะ อาหารอย่างช้า ถ้าสายอยใู่ นกระเพาะอาหาร จะรสู้ กึ หรือได้ยนิ เสยี งลมเขา้ ไปใน กระเพาะอาหาร จากน้ันใหด้ ูดลมออกดว้ ย อาจจะประมาณ 20 ซซี ี ก็ไม่เปน็ ไร

.  ถา้ ดูดออกมาแลว้ ได้ของเหลวสนี า้ ตาลเขม้ ๆ ควรปรึกษาพยาบาลเยี่ยมบ้าน เพราะผปู้ วุ ยอาจมปี ัญหาแผลในกระเพาะอาหารได้ 9. พบั สายยาง ปลดกระบอกให้อาหารออก เอาลกู สบู ออกจากกระบอกแลว้ ต่อ กระบอกเข้ากบั สายให้อาหารใหม่ 10.เทอาหารใสก่ ระบอกคร้ังละประมาณ 50 ซซี ี ยกกระบอกให้สูงกวา่ ผปู้ ุวย ประมาณ 1 ฟตุ ปล่อยให้อาหารไหลตามสายช้าๆ อย่าใหอ้ าหารไหลเรว็ ถา้ เร็วมากต้องลดกระบอกใหต้ า่ ลง เพราะการให้อาหารเรว็ มากเกนิ ไป จะทา ให้ผู้ปวุ ยคลนื่ ไส้ อาเจยี น ปวดท้อง หรือทอ้ งเดิน 11.เตมิ อาหารใสก่ ระบอกเพิม่ อย่าใหอ้ าหารในกระบอกลดระดบั ลงจนมีอากาศใน สาย เพราะอากาศจะทาใหผ้ ปู้ ุวยท้องอืดได้ 12.เมอื่ อาหารกระบอกสุดทา้ ยเกือบหมดให้เตมิ น้าและยาหลงั อาหารทเ่ี ตรียมไว้ เตมิ นา้ ตามอีกคร้งั จนยาไมต่ ิดอยใู่ นสายยาง และไม่ควรมีน้าเหลอื ค้างอยู่ในสาย 13.พับสาย ปลดกระบอกใหอ้ าหารออก เช็ดหัวต่อดว้ ยสาลชี บุ นา้ ต้มสกุ ปิดจุกหวั ตอ่ ใหเ้ รียบร้อย 14.ให้ผูป้ ุวยนอนในท่าศรี ษะสงู หรือน่ังพักหลังใหอ้ าหารต่อไปอีกประมาณ 1 ชัว่ โมง

. สทิ ธิประโยชน์ทค่ี นพิการจะได้รับ 1. ได้รบั เบี้ยคนพิการ 2. บริการฟ้นื ฟูสมรรถภาพทางการแพทย์ 3. ได้รบั การศกึ ษาฟรี 4. คนพิการสามารถสมคั รงานได้ 5. บริการส่ิงอานวยความสะดวก และเทคโนโลยีทางการสอ่ื สาร 6. คนพกิ ารมีสิทธขิ อกู้เงิน 7. แจง้ รบั บรกิ ารสวสั ดกิ ารสังคม 8. บรกิ ารล่ามภาษามอื 9. ลดหย่อนภาษเี งนิ ได้ เอกสารสาหรบั การย่ืนขอมีบตั รประจาตวั คนพิการ 1.สาเนาบตั รประชาชน หรอื บตั รข้าราชการ หรอื สตู ิบตั ร 2.สาเนาทะเบยี นบ้าน 3.รูปถา่ ยขนาดหนึ่งนิ้วจานวน 2 รปู 4.เอกสารรับรองความพิการ สถานที่ยนื่ คาขอมบี ัตรประจาตวั คนพกิ าร กรงุ เทพ : ศูนยค์ มุ้ ครองสวัสดิภาพชมุ ชนเขต 1-12 / กระทรวงการพฒั นาสังคม และ ความมนั่ คงของมนษุ ยตา่ งจังหวดั : สานักงานพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนษุ ย์ จังหวัด หรือหนว่ ยงานทว่ี ่าฯประกาศกาหนด


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook