อาหารไทย นับว่าเป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ โดดเด่นทั้งรสชาติ สีสัน ความ ประณตี ในการปรงุ และการจัดวาง เป็นเสนห่ ์ทางศลิ ปะทเี่ ปน็ ความภูมิใจของคนไทยทั้ง ชาติ เมื่อพดู ถงึ อาหารไทยทั้งคาวหวาน ผลไม้รสเลิศในวรรณคดี ยอมนึกถึงพระราช นพิ นธ์ในรชั กาลท่ี ๒ พรรณนาอาหารคาวหวาน ผลไมห้ ลากชนิด ทัง้ รูปลกั ษณ์ สีสัน วิธีการตกแต่งอย่างวิจิตร และต้องใช้ฝีมือในการถ่ายทอดผ่านช้ันเชิงทางด้าน วรรณศิลป์ได้อย่างไพเราะคมคาย และยังสะท้อนให้เห็นสภาพความเป็นอยู่ของผู้คน ในสมยั รชั กาลท่ี ๒ อีกดว้ ย
คำนำ หนังสือเล่มนี้จัดทำขึ้นเพ่ือเป็นส่วนหนึ่งของวิชำ นวัตกรรมและ เทคโนโลยีสำรสนเทศในกำรศึกษำ (๑๐๓๕๗๐๑) หลักสูตรประกำศนียบัตร วิชำชีพครู มหำวิทยำลัยรำชภัฏลำปำง เพื่อเป็นกำรสร้ำงสื่อนวัตกรรม ใน กำรจัดกำรเรียนกำรสอน โดยมีเน้ือหำรสำระเกี่ยวกับกำพย์เห่ชมเคร่ือง คำวหวำน ซึ่งเป็นเนื้อหำกำรจัดกำรเรียนในรำยวิชำภำษำไทย ระดับชั้น มัธยมศกึ ษำปีที่ ๑ ผู้จัดทำหวังเป็นอย่ำงยิ่งว่ำ หนังสือเล่มนี้จะเป็น ประโยชน์แก่ ผู้อ่ำนหรอื ผู้ท่สี นใจต้องกำรศึกษำเก่ยี วกับกำพย์เห่ชม เครื่องคำวหวำน หำก มีข้อแนะนำหรือข้อผิดพลำดประกำรใด ผู้จัดทำขอน้อมรับไว้และขออภัยมำ ณ ที่นี้ นำงสำวเจมมกิ ำ หมำยดี ผู้จัดทำ
วัตถปุ ระสงค์ เพื่อใช้เป็นสื่อในกำรจัดกำรเรยี นกำรสอนรำยวิชำภำษำไทยพ้นื ฐำน ของนักเรียนในระดับชัน้ มัธยมศึกษำปีที่ ๑
ควำมเปน็ มำ สมเด็จพระเจ้ำบรมวงศ์เธอ กรมพระยำดำรงรำชำนภุ ำพ ได้ประทำน คำอธิบำยควำมเป็นมำของกำพย์เห่ชมเคร่ืองคำวหวำนไว้ว่ำ รัชกำลท่ี ๒ คงได้ทรง พระรำชนพิ นธ์ขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกำลท่ี ๑ เพ่ือชมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรำบรมรำชินี แต่ครั้งยังทรงเป็นสมเด็จพระเจ้ำหลำนเธอ เจ้ำฟ้ำหญิงบุญรอด ด้วยทรงมี ควำมสำมำรถเป็นเลศิ ในกำรปรงุ เคร่ืองเสวย และเพ่ือใช้เป็นบทเห่เรือเสด็จประพำส ส่วนพระองค์ กำพย์เห่บทน้ีมิได้ชมขบวนเรือ หรือชมธรรมชำติในกำรเดินทำงแต่ เป็นกำรเห่ชมเครื่องคำว ผลไม้ และเคร่ืองหวำนเป็นสำคัญ ซึ่งต่อมำในสมัยรัชกำลท่ี ๕ ได้ใช้กำพยเ์ ห่ชมเคร่ืองคำวหวำนในกำรเห่เรือของทำงรำชกำรคู่กับบทเห่เรือของ เจ้ำฟำ้ ธรรมธิเบศร
ประวัตผิ ู้แต่ง พระบำทสมเดจ็ พระพุทธเลศิ หล้ำนภำลัยเป็นพระมหำกษัตริย์พระองค์ ท่ี ๒ ในพระบรมรำชวงศ์จักรี มีพระนำมเดิมว่ำ ฉิม ทรงพระรำชสมภพเม่ือวันท่ี ๒๔ กุมภำพันธ์ พ.ศ. ๒๓๑๐ ท่ีตำบลอัมพวำ อำเภออัมพวำ เมืองสมุทรสงครำม เป็นพระรำชโอรสในพระบำทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้ำจุฬำโลกมหำรำชและสมเด็จ พระอมรินทรำบรมรำชินี ในรัชสมัยของพระองค์ วรรณคดีและศิลปกรรมเจริญรุ่งเรืองมำก พระองค์มีพระอัจฉริยภำพทำงด้ำนวรรณศิลป์ พระรำชนิพนธ์ของพระองค์หลำย เร่ืองมีควำมประณีตงดงำมในเชิงอักษรศำสตร์ และสำมำรถนำไปผสมผสำนกับ นำฏยศำสตร์และดุริยำงคศำสตร์ได้อย่ำงกลมกลืน พระองค์ทรงฟ้ืนฟูกำรแสดง ละคร โขน กำรขบั ร้อง และดนตรี ให้มีระเบียบแบบแผนถูกต้องจนเป็นที่นิยมสบื มำ ผลงำนด้ำนภำษำ ศิลปะ และวัฒนธรรมของพระองค์เป็นท่ีประจักษ์ เด่นชัดแก่สำยตำชำวโลก จึงทรงได้รับกำรเทิดพระเกียรติจำกองค์กำรกำรศึกษำ วิทยำศำสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชำชำติหรือยูเนสโก (UNESCO) เนื่องใน อภิลักขิตสมัยครบ ๒๐๐ ปีแห่งพระบรมรำชสมภพ วันท่ี ๒๔ กุมภำพันธ์ของทุกปี เปน็ วนั ศิลปนิ แหง่ ชำติ จนถึงทกุ วันน้ี
ลักษณะคำประพันธ์ กำพย์เห่ชมเคร่ืองคำวหวำนแต่งเป็นกำพย์เห่ ประกอบด้วยโคลงสี่ สุภำพและกำพย์ยำนี ๑๑ โดยมีโคลงสี่สุภำพ ๑ บท เป็นบทนำหรือบทข้ึนต้น แล้ว แต่งกำพยย์ ำนี ๑๑ อีกหลำยบท ใหม้ ีเน้อื ควำมสอดคล้องและสัมพันธก์ ับโคลงบทนำ เน้ือเร่ือง กำพย์เห่ชมเคร่ืองคำวหวำนพระรำชนพิ นธ์ในรัชกำลท่ี ๒ มีเนื้อควำม พรรณนำอำหำรคำวหวำนและผลไม้แต่ละชนดิ ดังต่อไปน้ี เห่ชมเครื่องคำว มัสมั่น ยำใหญ่ ตับเหล็กลวก หมูแนม ก้อยกุ้ง แกงเทโพ น้ำยำ แกงอ่อม ข้ำวหุงเคร่ืองเทศ แกงค่ัวส้มหมูป่ำใส่ระกำ พล่ำเน้ือ ล่ำเตียง หรุ่ม รังนก ไตปลำ แสร้งว่ำ เห่ชมผลไม้ ผลชดิ ลูกตำล ลูกจำก มะปรำง มะมว่ ง ลนิ้ จี่ ลูกพลับ น้อยหน่ำ ผลเกด ทับทมิ ทเุ รียน ลำงสำด เงำะ สละ เหช่ มเครอื่ งหวำน ข้ำวเหนียวสังขยำ ซ่ำหริ่ม ลำเจียก มัศกอด ลดุ ตี่ ขนมจบี ขนมเทยี น ทองหยบิ ขนมผงิ รังไร ทองหยอด ทองม้วน จำ่ มงกุฎ ช่อม่วง บวั ลอย ฝอยทอง
กำพยเ์ หช่ มเครอ่ื งคำวหวำน นพคุณ พี่เอย เฉียบร้อน โคลง พิศวำส หวังนำ อกให้หวนแสวง ฯ แกงไก่มัสมั่นเนอ้ื หอมยหี่ ร่ำรสฉนุ หอมยหี่ ร่ำรสร้อนแรง ชำยใดบริโภคภญุ ช์ แรงอยำกให้ใฝ่ฝันหำ แรงอยำกยอหัตถ์ช้อน วำงจำนจัดหลำยเหลอื ตรำ ญี่ปนุ่ ลำ้ ย้ำยวนใจ กำพย์ เจือนำ้ ส้มโรยพรกิ ไทย มสั มั่นแกงแก้วตำ ชำยใดได้กลนื แกง ไม่มีเทยี บเปรียบมือนำง พร้อมพริกสดใบทองหลำง ยำใหญ่ใส่สำรพัด ห่ำงห่อหวนป่วนใจโหย รสดีด้วยน้ำปลำ วำงถงึ ลิ้นด้ินแดโดย ฤำจะเทียบเปรียบทันขวญั ตับเหลก็ ลวกหล่อนต้ม เปน็ มันย่องล่องลอยมัน โอชำจะหำไหน ของสวรรคเ์ สวยรมย์ ทำนำ้ ยำอย่ำงแกงขม หมูแนมแหลมเลศิ รส ชมไม่วำยคลับคล้ำยเห็น พิศห่อเห็นรำงชำง ก้อยกุ้งปรงุ ประท่ิน รสทิพย์หยบิ มำโปรย เทโพพ้ืนเน้ือท้อง น่ำซดรสครำมครนั ควำมรักยักเปลยี่ นท่ำ กลอ่อมกล่อมเกล้ยี งกลม
ข้ำวหงุ ปรงุ อย่ำงเทศ รสพเิ ศษใส่ลูกเอน็ ใครหุงปรงุ ไมเ่ ปน็ เช่นเชิงมิตรประดิษฐ์ทำ แกงคั่วส้มใส่ระกำ เหลอื รู้หมูปำ่ ต้ม ซ้ำทรวงเศร้ำเจ้ำตรำกตรอม รอยแจ้งแห่งควำมขำ ฟ้งุ ปรำกฏรสห่ืนหอม สนิทเนื้อเจอื เสำวคนธ์ ชำ้ ช้ำพลำ่ เน้ือสด นอนเตียงทองทำเมืองบน คิดควำมยำมถนอม ยลอยำกนทิ รคดิ แนบนอน รุ่มรุ่มเร้ำคอื ไฟฟอน ล่ำเตยี งคิดเตยี งน้อง ร้อนรมุ รุ่มกลุ้มกลำงทรวง ลดหลั่นชั้นชอบกล โอชำรสกว่ำทั้งปวง เหมอื นเรียมร้ำงหำ่ งหอ้ งหวน เห็นหรุ่มรมุ ทรวงเศร้ำ ดุจวำจำกระบดิ กระบวน เจ็บไกลใจอำวรณ์ ให้พี่เคร่ำเจ้ำดวงใจ เป็นโฉมน้องฤำโฉมไหน รังนกนงึ่ น่ำซด ใครครวญรักผักหวำนนำง ฯ นกพรำกจำกรงั รวง เอมใจ ไตปลำเสแสร้งว่ำ อกชู้ ใบโศกบอกโศกครวญ ฤำดุจ นี้แม่ แต่เนื้อนงพำล ฯ ผกั โฉมช่ือเพรำะพร้อง ผกั หวำนซ่ำนทรวงใน โคลง ผลชดิ แช่อิ่มโอ้ หอมชื่นกลนื หวำนใน ร่ืนรน่ื รสรมย์ใด หวำนเลศิ เหลือรู้รู้
กำพย์ หอมตลบล้ำเหลอื หวำน ผลชดิ แช่อิ่มอบ หวำนเหลือแล้วแก้วกลอยใจ รสเย็นยิ่งยิ่งเยน็ ใจ รสไหนไมเ่ ปรียบปำน หมำยเหมือนจรงิ ยิ่งอยำกเห็น ตำลเฉำะเหมำะใจจริง บอกควำมแล้วจำกจำเปน็ เป็นทกุ ขท์ ่ำนำ่ นวลแตง คิดควำมยำมพิสมัย ใส่โถแก้วแพร้วพรำยแสง ผลจำกเจำ้ ลอยแก้ว ปรำงอม่ิ อำบนำบนำสำ อกี อกร่องรสโอชำ จำกชำ้ น้ำตำกระเด็น อรุ ำแนบแอบอกอร หมำกปรำงนำงปอกแล้ว เรียกส้มฉุนใชน้ ำมกร ชะออ้ นถ้อยร้อยกระบวน ยำมชน่ื รื่นโรยแรง ทำประณีตน้ำตำลกวน หวนห่วงม่วงหมอนทอง ยลยิ่งพลบั ยบั ยบั พลัน ปล้อนเปลอื กปอกเป็นอัศจรรย์ คิดควำมยำมนทิ รำ เทียบเทียมท่ฝี ีมือนำง ลน้ิ จมี่ คี รุ่นครุ่น โอชำรสล้ำเลิศปำง สำงเกศเส้นขนเม่นสอย หวนถวิลลิ้นลมงอน พลับจีนจักด้วยมีด คดิ โอษฐอ์ ่อนยม้ิ ยวน น้อยหน่ำนำเมล็ดออก มอื ใครไหนจักทัน ผลเกดพิเศษสด คำนึงถงึ เอวบำง
ทับทมิ พรมิ้ ตรำตรู ใส่จำนดูดุจเม็ดพลอย สกุ แสงแดงจักย้อย อย่ำงแหวนก้อยแก้วตำชำย เนอ้ื ดีดูเหลอื งเรอื งพรำย ทุเรียนเจียนตองปู สำยสวำทพที่ ี่คู่คดิ เหมอื นสีฉวีกำย ผลงอมงอมรสหวำนสนทิ คิดยำมสำรทยำตรำมำ ลำงสำดแสวงเนื้อหอม มล่อนเมล็ดและเหลอื ปัญญำ กลืนพลำงทำงเพ่งพิศ จ๋ำเจ้ำเงำะเพรำะเห็นงำม คดิ ลำต้นแนน่ หนำหนำม ผลเงำะไม่งำมแงะ นำมสละมละเมตตำ ฯ หวนเหน็ เชน่ รจนำ เคยมี สละสำแลงผล โศกย้อม ท่ำทม่ิ ปิ้มปืนกำม สมรแม่ มำแม่ โคลง เพียบแออ้ กอร ฯ สังขยำหน้ำไข่คุ้น ข้ำวเหนียวใส่สโี ศกแสดง แกมกบั ข้ำวเหนียวสี แจ้งว่ำเจ้ำเศร้ำโศกเหลอื เป็นนัยนำวำที แทรกใส่นำ้ กะทเิ จอื แถลงว่ำโศกเสมอพร้อม ได้เสพหร่ิมพมิ เสนโรย กำพย์ สังขยำหน้ำตัง้ ไข่ เป็นนัยไมเ่ คลือบแคลง ซ่ำหร่ิมล้ิมหวำนลำ้ วติ กอกแห้งเครือ
ลำเจียกชื่อขนม นกึ โฉมฉมหอมชวยโชย ไกลกลนิ่ ด้ินแดโดย โหยไหห้ ำบุหงำงำม น่ำสงสัยใครขอถำม มศั กอดกอดอย่ำงไร ขนมนำมนี้ยังแคลง กอดเคล้นจะเห็นควำม แผ่แผ่นกลมเพียงแผ่นแผง แคลงของแขกแปลกกลน่ิ อำย ลดุ ตี่นีน้ ่ำชม งำมสมส่อประพมิ พป์ ระพำย โอชำน่ำไก่แกง ชำยพกจีบกลีบแนบเนยี น ประดิษฐ์ทำขนมเทียน ขนมจีบเจ้ำจีบห่อ เทียนหล่อเหลำเกลำกลึงกลม นกึ น้องนุ่งจบี กรำย สำมหยิบชดั น่ำเชยชม ก้มหน้ำเมินเขินขวยใจ รสรักยักลำนำ เพียงไฟฟอนฟอกทรวงใน คำนงึ นิ้วนำงเจียน เม่ือไรเหน็ จะเยน็ ทรวง เหมอื นนกแกล้งทำรังรวง ทองหยบิ ทพิ ย์เทียมทดั ยังยนิ ดีด้วยมีรัง หลงหยิบว่ำยำดม ทองม้วนมดิ คดิ ควำมหลงั แต่ลำพังสองต่อสอง ขนมผงิ ผงิ ผ่ำวร้อน ใส่ช่ือดุจมงกฎุ ทอง ร้อนนักรักแรมไกล สะอ้งิ น้องนัน้ เคยยล รังไรโรยด้วยแปง้ โอ้อกนกทัง้ ปวง ทองหยอดทอดสนิท สองปีสองปิดบัง งำมจริงจ่ำมงกฎุ เรียมร่ำคำนงึ ปอง
บัวลอยเล่หบ์ ัวงำม คดิ บัวกำมแก้วกบั ตน ปลั่งเปลง่ เครง่ ยคุ ล สถนนชุ ดจุ ประทุม หอมปรำกฏกลโกสมุ ชอ่ ม่วงเหมำะมรี ส หุ้มห่อมว่ งดวงพดุ ตำน คิดสีสไบคลมุ เหมอื นเสน้ ไหมไขข่ องหวำน เย็นชุนใชไ้ หมทองจีน ฯ ฝอยทองเปน็ ยองใย คิดควำมยำมเยำวมำลย์
บทวเิ ครำะห์ กำพย์เห่ชมเครื่องคำวหวำนบรรยำยอำหำรคำวหวำนและผลไม้อย่ำง ละเอียดอ่อน นับเป็นวรรณคดีที่สำคัญอีกเรื่องหน่ึงที่แสดงพระปรีชำสำมำรถในเชิงกวีของ รัชกำลที่ ๒ แม้เนื้อเรื่องจะไมม่ ำกนัก ทว่ำให้คุณค่ำท่เี ป็นประโยชน์หลำยประกำร ดังนี้ คณุ ค่ำด้ำนเนอื้ หำ ๑) ให้ควำมรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมด้ำนอำหำรกำรกินของคนไทยสมัยโบรำณ กำพยเ์ ห่ชมเคร่ืองคำวหวำน สะท้อนให้เห็นถึงควำมละเอียดอ่อน พิถีพิถันในทุกขั้นตอนกำร ทำอำหำร ไม่ว่ำจะเป็นกำรจัดวำง สีสัน และรูปลักษณ์ของอำหำรคำวหวำน รวมทั้งผลไม้ ชนิดต่ำง ๆ โดยอำหำรบำงชนิดนั้นไม่ปรำกฏแพร่หลำยหรือไม่คุ้นช่ือในปัจจุบัน เช่น แสร้งว่ำ หรุ่ม ล่ำเตยี ง ยำใหญ่ มศั กอด ชอ่ ม่วง เปน็ ต้น ควำมประณีตพิถีพิถัน ช่ำงประดิดประดอยที่ปรำกฏในเรื่อง นับวันจะมีผู้รู้ กรรมวิธีเหล่ำนี้น้อยลง เช่น ศิลปะในกำรจัดแต่งอำหำรด้วยกำรแกะสลัก ซึ่งเป็นงำนที่ผู้ หญงิ ไทยสมัยก่อนต้องเรียนรู้และฝกึ หดั โดยเฉพำะผ้หู ญงิ ทอี่ ยใู่ นวัง กำรแกะสลักผลไม้เป็นงำนฝมี ือท่แี สดงถึงควำมพยำยำมและควำมประณีตของ ผู้ทำปรุงแต่งด้วยควำมวิจิตรสวยงำมทั้งรูปลักษณ์ภำยนอกและรสชำติของอำหำร ผลไม้ ต้องปอกเปลือกคว้ำนเมล็ดออก โดยยังคงรูปลักษณ์เดิม เช่น “น้อยหน่ำนำเมล็ดออก ปล้อนเปลือกปอกเป็นอัศจรรย์” หรือดัดแปลงให้งดงำมยิ่งขึ้นอย่ำงมะปรำงร้ิว “หมำกปรำง นำงปอกแล้ว ใส่โถแก้วแพร้วพรำยแสง” ส่วนขนมไทยนั้น บำงชนิดคนรุ่นหลังแทบไม่มีโอกำสได้เห็น เนื่องจำก กรรมวิธีกำรทำยุ่งยำก ต้องอำศัยฝีมือและควำมอุตสำหอย่ำงยิ่ง เช่น จ่ำมงกุฎ ช่อม่วง เป็นต้น ๒) สะท้อนสภำพบ้ำนเมืองในสมัยอดีต กำรติดต่อค้ำขำยกับชำวต่ำงชำติ เช่น ชำวจีน ชำวอินเดีย หรือชำวเปอร์เซีย ทำให้มีกำรแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมด้ำนอำหำร กำรกิน ในเรื่องกล่ำวถึงอำหำรคำวหวำนที่ไทยได้รับกรรมวิธีกำรทำมำจำกชำวต่ำงชำติ เช่น กำรหุงข้ำวโดยใช้เนยหรือน้ำมันเนยเป็นตัวรัดเมล็ดข้ำวให้เรียงตัวดูสวยงำมและใส่ เคร่ืองเทศชนิดหน่ึงมีช่ือว่ำ ลูกเฮลท์ ซึ่งเพี้ยนเสียงมำเป็น ลูกเอ็น ทำให้มีกล่ินเป็น เอกลักษณ์เฉพำะ
นอกจำกนี้ยังมีอำหำรที่เรียกว่ำ ลุดตี่ มีลักษณะเป็นแผ่น ทำจำกข้ำวจ้ำวที่ โม่ใหม่ ๆ เป็นวธิ ีแบบโบรำณโดยนำไข่ไก่มำตผี สมกับแป้งข้ำวจ้ำว แล้วผสมด้วยสีเหลืองที่ได้ จำกหญ้ำฝรั่นหรือขม้ินผง เสร็จแล้วตักแป้งหยอดลงกระทะ กลอกแป้งไปมำให้แป้งแผ่เป็น แผ่นกลม เมื่อแป้งสุกจะร่อนจำกกระทะ มีสีเหลืองนวล รับประทำนกับแกงไก่ ซ่ึงต่อมำกิน เป็นขนมหรือของว่ำง คุณค่ำด้ำนเนื้อหำ กวีสำมำรถพรรณนำอำหำรคำวหวำน ผลไม้แต่ละชนิดได้อย่ำงเห็นภำพ เขำ้ ใจชัดเจน มีกำรใช้ถ้อยคำเปรียบเทียบลึกซึ้งกนิ ใจและไพเรำะ เชน่ ๑) กำรเล่นเสียงพยัญชนะและกำรเล่นเสียงวรรณยุกต์ ช่วยให้เกิดควำม คล้องจองไพเรำะ เชน่ เห็นหรุ่มรมุ ทรวงเศร้ำ รุ่มรุ่มเร้ำคอื ไฟฟอน เจบ็ ไกลใจอำวรณ์ ร้อนรมุ รุ่มกลุ้มกลำงทรวง ๒) กำรใช้โวหำรเปรียบเทียบ ชว่ ยทำให้เกิดจินตภำพ เช่น ทับทิมพรมิ้ ตำตรู ใส่จำนดูดุจเม็ดพลอย สุกแสงแดงจักย้อย อย่ำงแหวนก้อยแก้วตำชำย ๓) กำรใช้โวหำรเกนิ จรงิ เพ่ือเน้นย้ำควำมหมำยใหผ้ ้อู ่ำนเหน็ ถึงฝมี ือกำรปรุง อำหำรที่เป็นเลศิ ยำกจะหำใครเทียบได้ เชน่ ก้อยกุ้งปรุงประท่ิน วำงถึงลิ้นดน้ิ แดโดย รสทพิ ย์หยิบมำโปรย ฤำจะเปรียบเทียบทันขวัญ ๔) กำรเล่นคำ เพ่ือสร้ำงอำรมณส์ ะเทอื นใจให้แกผ่ ้อู ่ำน เช่น ผลจำกเจ้ำลอยแก้ว บอกควำมแล้วจำกจำเป็น จำกชำ้ น้ำตำกระเดน็ เป็นทุกข์ท่ำหน้ำนวลแตง
สรุปเนอื้ หำ อำหำรคำว อำหำรหวำน และผลไม้ที่ปรำกฏในกำพย์เห่ชมเครื่องคำว หวำนสำมำรถเล่ำเรื่องรำวได้มำกมำย ทั้งวัฒนธรรม ประเพณี วถิ ีชีวิต และสภำพ บ้ำนเมืองทำให้ภูมิใจในเอกลักษณ์ของอำหำรไทยที่มีควำมงดงำมวิจิตร ละเอียดอ่อน และพิถีพิถัน ในทุกขั้นตอนกำรทำ เป็นแบบอย่ำงที่ดีที่ผู้หญิงไทยใน ปัจจุบันควรยึดถือและตระหนักถึงควำมสำคัญของเสน่ห์ปลำยจวัก ซึ่งผู้เรียน สำมำรถนำควำมรู้ที่ได้รับจำกกำรอ่ำนไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้ รวมทั้ง สำมำรถถ่ำยทอดควำมรู้ที่ได้รับให้กับบุคคลใกล้ชิดหรือคนในสังคมให้เห็นถึงควำม ประณีตในกำรปรุงอำหำรของคนไทย
ที่มำของเน้ือหำ หนังสือเรียนภำษำไทย วรรณคดีและวรรณกรรม ระดับชั้นมัธยมศกึ ษำปีที่ ๑ โดย สำนักพมิ พ์ อักษรเจรญิ ทัศน์ อจท. จำกัด ที่มำของภำพ อำหำรคำวหวำนและผลไม้ https:/ /sites.google.com/ site/foodpoem/ https://sites.google.com/site/ tertgyhujio/rachkal-thi2 https://fliphtml5.com/rxkr/sxuk/basic http://www.g4guys.com/ forum.php?mod= viewthread&action =printable&tid=55428
ที่มำของภำพ https://www.google.com/search?q=%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8% 9E%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B9%88% E0%B8%8A%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0% B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B2% E0%B8%A7%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%99&sxsrf =ALeKk01Lnk1mebysaBdSRzTWpGDAxvYYQ:1612451491537& source=lnms&tbm=isch&sa=X&ved=2ahUKEwiD7vrywdDuAhUTy zgGHWoEDngQ_AUoAXoECA4QAw&biw=1366&bih=657# imgrc=BUlriXRcBa4eMM
จดั ทำโดย นำงสำวเจมมกิ ำ หมำยดี รหัสนักศกึ ษำ 63941900425 กลุ่มที่ 4
Search
Read the Text Version
- 1 - 18
Pages: