Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงาน เรื่องวิธีการทำนา

รายงาน เรื่องวิธีการทำนา

Published by SKW Chanel, 2022-08-24 14:09:54

Description: รายงาน เรื่องวิธีการทำนา

Search

Read the Text Version

รายงาน เรื่อง วิธีการทำนา เสนอ ครูอมรรัตน์ อ่อนจันทร์สกุล จัดทำโดย เด็กชายธีรภาพ เอี่ยมล้าย เลขที่ 4 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรีนสาคลีวิทยา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาพระนครศรีอยุธยา

คำนำ ร า ย ง า น ฉ บั บ นี้ เ ป็น ส่ ว น ห นึ่ ง ข อ ง วิ ช า วิ ท ย า ก า ร คำนวน (รหัสวิชา ว232103) ชั้นมัธยมศึกษษปีที่ 3 โดย มี จุ ด ป ร ะ ส ง ค์ เ พื่ อ ศึ ก ษ า ค ว า ม รู้ ที่ ไ ด้ จ า ก เ รื่ อ ง ก า ร ค้ น ค ว้ า ป ร ะ วั ติ ค ว า ม เ ป็น ม า ข อ ง ข้ อ มู ล ซึ่ ง ร า ย ง า นี้ มี เ นื้ อ ห า เ กี่ ย ว กับความรู้เรื่องวิธีการทำนา ผู้จัดทำได้เลือกหัวข้อนี้ในการทำรายงานเนื่องมา จากเป็นเรื่องที่น่าสนใจและต้องขอขอบคุณผู้ให้ความรู้ แ ล ะ แ น ว ท า ง ก า ร ศึ ก ษ า เ พื่ อ น ๆ ทุ ก ค น ที่ ใ ห้ ค ว า ม ช่ ว ย เ ห ลื อ มาโดยตลอด ผู้จัดทำหวังว่ารายการฉบับนี้จะให้ความรู้และ เป็นประโยชน์กับผู้อ่านทุกท่าน ผู้จัดทำ เด็กชายธีรภาพ เอี่ยมล้าย

สารบัญ หน้า เรื่อง 1 8 การทำนาข้าวอินทรีย์ 9 แมลงดีในแปลงนาข้าว 13 ปั ญหาโรคแมลง ประโยชน์การทำนาข้าวอินทรีย์

การทำนาข้าวอินทรีย์ 1 การทำนาข้าวปลอดสารพิษ เป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรม การเกษตรทฤษฎีใหม่ โดยยึด ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให้ข้าวสำหรับการบริโภคอย่างปลอดภัย ไร้สารพิษ รักษาสุขภาพและ สิ่งแวดล้อม ปลอดภัย ถูกสุขลักษณะ อนามัย สมบูรณ์ แข็งแรง ปราศจากโรคหรือมีโรคน้อยที่สุด เมื่อคน มีความแข็งแรงทั้งกายและใจแล้ว จะได้ทำตนให้ เป็นประโยชน์ต่อสังคม เพื่อให้เกิดผลดี โดยภูมิภาคที่ ทำนา ข้าวอินทรีย์ ส่วนใหญ่จะเป็นภาคกลาง และภาคตะวันออก เฉียงเหนือ และภาคเหนือ ตามลำดับ

2 ขั้นตอนที่ 1 การเตรียมพันธุ์ข้าว การคัดเลือกพันธุ์ข้าว 1. คัดเลือกพันธุ์ข้าวให้เหมาะสมกับพื้นที่นา เช่น ข้าวพันธุ์ กข. 6 จะชอบพื้นที่ในที่ลุ่มมีน้ำ ขังตลอด ตั้งแต่ปั กดำจนถึงออก รวงและมีแป้ง จึงจะปล่อยน้ำออกจากคันนาได้และได้ผลผลิตดี แต่ถ้า เป็นข้าวหอมมะลิจะขึ้นได้ดีทุกพื้นที่ ขอแต่ให้มีน้ำขัง เนื่องจากการทำนาสิ่งสำคัญคือต้องมีน้ำ 2. การคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ข้าว คัดเลือกแปลง ข้าวที่มีต้น ข้าว รวงข้าว เมล็ดข้าวที่โตแข็งแรง เมล็ดข้าวแก่จัด เมล็ดข้าวมี ความสมบูรณ์ ถอนออกเป็นรวงๆ ที่สมบูรณ์ที่สุด เก็บไว้ต่าง หาก แล้วนำมาแยกเมล็ดข้าวและฟางข้าว ออกจากกัน จากนั้น นำเมล็ดมาฝั ด เพื่อคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ ที่ไม่สมบูรณ์ออก แล้วนำ เมล็ดข้าวที่คัดเลือกว่าดีแล้วตากแห้ง แล้วเก็บไว้ทำพันธุ์ใน ปีต่อไป

3 ขั้นตอนที่ 2 การเตรียมพื้นที่ทำนา 1. การเตรียมคูคันนาการทำนาจะต้องเตรียมคูคันนาให้ มีความสูงประมาณ 50 - 70 เซนติเมตร ความหนา 60 -80 เซนติเมตร เพื่อกักเก็บน้ำ เพราะข้าวจะขาดน้ำไม่ได้ ถ้าไม่มีน้ำ ขังจะเกิด พวกวัชพืชในข้าว ทำให้ข้าวเจริญเติบโตช้าเสียเวลาใน การกำจัดวัชพืช คันนาควรใส่ท่อระบายน้ำ เพราะถ้า ช่วงแรกใน การปั กดำไม่ควรให้ระดับน้ำสูงมากกว่า 10 เซนติเมตร เพราะ ต้นข้าวยังไม่แข็งแรงพอ ถ้ามีนา ในแปลงนามากจะทำให้ต้นข้าว เน่าได้ ควรมีท่อระบายน้ำออก 2. ปรับพื้นที่ในคันนาให้มีระดับเท่ากัน อย่าให้มีน้ำเอียง ด้านใดด้านหนึ่ง เพื่อจะได้ขังน้ำ อยู่ระดับเดียวกัน ถ้าหากพื้นที่ นามีความลุ่ม มีระดับพื้นที่ในระดับเดียวกันก็ไม่มีความจำเป็นใน การปรับพื้นที่

4 ขั้นตอนที่ 3 หลังจากฤดูกาลเก็บเกี่ยวเสร็จ พื้นที่นายังมีฟางข้าวมี หญ้า เราควรนำปุ๋ยหมักจุลินทรีย์ หว่านทั่วไป โดยคิดเฉลี่ย 200 กิโลกรัม ต่อ 1 ไร่ แล้วฉีดพ่นด้วยน้ำยาจุลินทรีย์ ให้ทั่ว แล้วไถกลบฟางข้าว จุลินทรีย์ จะช่วยย่อยสลายฟางข้าว ให้เน่า เปื่ อย ทำให้ดินร่วนซุยเป็นอาหารของข้าวต่อไป สำหรับขั้น ตอน นี้ควรทำในช่วงเดือนธันวาคม เพราะในช่วงนี้เป็นหน้าหนาว มี หมอกลงเหมาะในการขยายตัวของ เชื้อจุลินทรีย์ ขั้นตอนที่ 4 นำน้ำจุลินทรีย์มาหมักเมล็ดข้าว โดยให้น้ำจุลินทรีย์ ท่วมเมล็ดข้าว หากมีเมล็ดข้าวฟูน้ำ ให้เก็บออกให้หมด ควรแช่ เมล็ดข้าวประมาณ 2 - 3 วัน แล้วนำขึ้นจากน้ำมาพักไว้สัก 1 วัน แล้วนำมา หว่านในแปลงที่เตรียมไว้

5 ขั้นตอนที่ 5 การเตรียมพื้นที่สำหรับเพาะต้นข้าว พอถึงฤดูการทำนา ถ้าหากปีไหนฝนดีคือฝนตกในช่วง เดือนมิถุนายน ควรเตรียมพื้นที่ สำหรับกล้าพันธุ์ข้าว คือ เตรียมแปลงสำหรับเพาะพันธุ์ข้าว ซึ่งมีหลักพิจารณาดังนี้ 1. ที่ดินร่วนซุย 2. อยู่ใกล้แหล่งน้ำ เช่น สระน้ำ หนองน้ำ ถ้าหากฝนที่ ช่วงจะได้อาศัยน้ำจากแหล่งน้ำได้

6 วิธีเตรียมแปลงเพาะกล้าพันธุ์ข้าว 1. ที่มีน้ำขังพอที่จะหว่านกล้า เราก็ไถและคราดินให้ ร่วนซุย และระดับพื้นเสมอกัน ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง แล้วนำเมล็ดข้าวที่เตรียมไว้มาหว่าน อย่าให้หนาหรือ ห่างจนเกินไป 2. ประมาณ 10 – 15 วัน ต้นกล้าตั้งหน่อได้แข็ง นำน้ำ จุลินทรีย์ ผสมน้ำพ่นต้นกล้า โดย ผสมน้ำจุลินทรีย์ 3 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำ 20 ลิตร พ่นให้ทั่วแปลงกล้า 3. ขังน้ำใส่ต้นกล้า อย่าให้น้ำขาดจากแปลงกล้า 4. ก่อนจะถอนกล้า 5 วัน ให้น้ำจุลินทรีย์ พ่นอีกเพื่อจะ ได้ถอนง่าย เพราะรากจะฟู

7 ขั้นตอนที่ 6 การปั กดำ ในช่วงก่อนการปั กดำ เราควรขังน้ำ ไว้ในนา เพื่อจะ ทำให้ดินนิ่ม ดินไม่แข็ง ง่ายในการไถดำ เราควรจะกักน้ำเอาไว้ 1. พอถึงเวลาดำนา เราควรปล่อยน้ำที่ขังออก จาก คันนา ให้เหลือไว้ประมาณ 10 – 15 เซนติเมตร อย่าให้น้ำมาก หรือน้อยจนเกินไป ถ้าน้ำมากจะทำให้ข้าวเปื่ อย ถ้าน้ำน้อยหาก ฝนขาดช่วงจะทำให้ข้าวขาดน้ำ เพราะการ ทำนา ยังอาศัยน้ำ ฝน จากธรรมชาติจึงเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน 2. ไถนาและคราดที่นาให้ดินร่วนซุย และนำต้นกล้ามา ปั กดำ ซึ่งกะความห่าง ระหว่างต้นให้ห่างประมาณ 40 เซนติเมตร เพื่อให้แตกกอได้ดีและใส่ต้นกล้า กอละประมาณ 2-3 ต้นกล้า 3. เมื่อปั กดำประมาณ 15 วัน นำจุลินทรีย์ไปผสมน้ำพ่น ต้นข้าวในนา เพื่อกระตุ้น เชื้อจุลินทรีย์ที่หว่านตอนเตรียมที่ดิน และจะทำให้ต้นข้าวแข็งแรงเติบโต และทนต่อศัตรูข้าว 4. คอยหมั่นดูแลต้นข้าว และดูแลระดับน้ำอย่าให้ขาด ในนาข้าวหมั่นรักษาไม่ให้วัชพืช ขึ้นในนาข้าว และพ่นจุลินทรีย์ ในทุกๆ 20 วัน จนถึงข้าวตั้งท้องแล้วจึงงดการพ่นจุลินทรีย์ แต่ยังคงรักษา ระดับน้ำในคันนาอย่าให้ขาด 5. พอข้าวแก่พอสมควรก็ปล่อยน้ำออกจากคันนา และ เตรียมเก็บเกี่ยวต่อไป

8 แมลงดีในแปลงนาข้าว การรู้จักชนิดของศัตรูธรรมชาติและปล่อยให้ศัตรู ธรรมชาติช่วยกำจัดแมลงศัตรูข้าวเป็น วิธีหนึ่งที่ช่วยลดต้นทุน การผลิต ทำให้สภาพแวดล้อมคงสภาพเดิมมากที่สุดเป็นการ รักษาผลผลิตไม่ให้ เสียไป ผลผลิตข้าวที่ได้ก็ไม่มีสารพิษ ตกค้าง และสำคัญที่สุดคือ ช่วยอนุรักษ์สิ่งมีชีวิตที่มีประโยชน์ ในนา ข้าวตามธรรมชาติได้มากขึ้น ได้แก่ แมงมุมสุนัขป่า แมงมุมเขี้ยวยาว แมงมุมตาหกเหลี่ยม แมงมุมหลัง เงิน แมง ปอเข็ม ด้วงเต่า ด้วงดินด้วงก้นกระดก มวนเขียวดูดใบ มวน จิงโจ้มวนเพชฌฆาต แตนเบียนแซน โธพิมปล้า แตนเบียนโก นาโตเวอรัส แตนเบียนเทเมลูค่า แมลงวันตาโต ฯลฯ

9 ปั ญหาโรคแมลง ปกตินาข้าวไร้สารพิษแทบจะไม่มีโรคแมลงรบกวน ธรรมชาติจะจัดการกันเองอย่าง สมดุล ในนาจะมีปู ปลา กบ เขียด แมงมุม ตัวน้ำ ตัวเบียน แมลงปอ และเนื่องจากต้นข้าว แข็งแรงใบแข็ง พวกเพลี้ย รา ไร จะทำลายได้ยาก แต่หากมี โรคแมลงรบกวน ให้ใช้สมุนไพรที่มีฤทธิ์ไล่แมลงชนิดสกัด หรือหมักฉีดพ่นในอัตรา 3 - 5 ช้อนต่อน้ำ 20 ลิตรโดยอาจฉีด รวมกับการฉีดพ่นน้ำหมักชีวภาพ เพื่อเป็น การป้องกัน แต่เมื่อ มีแมลงศัตรูพืชเข้าทำลายมาก ควรฉีดพ่นติดต่อกันอย่างน้อย 3 วันการฉีดพ่นที่มี ประสิทธิภาพสูงสุด ควรฉีดพ่นในช่วงเย็น

ปั ญหาหอยเชอรี่ 10 หอยเชอรี่เป็นศัตรูข้าวที่พบมาก เป็นหอยที่นำมาจาก อเมริกาใต้ ชอบอาศัยในน้ำนิ่งหรือ ไหลช้า อายุ 3 เดือน สามารถผสมพันธุ์ ออกไข่ครั้งละ 300 - 3,000 ฟอง กลุ่ม ไข่จะมีสีชมพูแม่หอยจะออก ไข่ทุก 4 – 10 วัน จนอายุ ประมาณ 3 ปี ฤดูแล้งสามารถหลบฝั งตัว จำศีลได้นาน 3-4 เดือน

11 วิธีกำจัดหอยเชอรี่ อาจทำได้โดย จับหอยและไข่มาหมักเป็นน้ำหมักชีวภาพ ซึ่งมีธาตุอาหารสูง หรือนำเป็ด มาปล่อยในนา เป็นจะกินหอยเชอ รี่จนเกือบหมด หรือนาที่ไม่สารเคมีนกปากห่างจะลงมาจับหอย เชอรี่ กิน วิธีกำจัดหอยเชอรี่อีกอย่าง คือ ใช้ปูนขาว 5 กิโลกรัม ละลายน้ำ 100 ลิตร คนให้เข้ากัน ทิ้ง ไว้ 1 คืน นำน้ำปูนใส 2 ลิตร ผสมน้ำ 10 ลิตร สาดให้ทั่ว แปลงนาที่มีน้ำลึก ประมาณ 10 เซนติเมตร ความ เป็นด่างของ ปูนขาวจะทำให้หอยเชอรี่ตายหรือหนีไป แถมยังช่วยลดความ เป็นกรดของดินได้ดี หรือถ้า แปลงนาเป็นแอ่งน้ำขัง เวลาหว่าน ข้าวปลูก หอยเชอรี่จะมารวมอยู่บริเวณน้ำ ถ้านำกิ่งสะเดา มา วางให้ ใบเน่าอยู่ในแอ่งน้ำ หรือใช้มะละกอสุกบดแช่ในน้ำหมัก ชีวภาพ 2 - 6 ชั่วโมงนำไปหว่านในนาช่วงทำ เทือก ระดับน้ำ ประมาณ 10 เซนติเมตร หอยเชอรี่จะหนีไปหมด

วิธีในการกำจัดหอยเชอรี่ คือ 12 ใช้ผล ก้าน ใบ สะเดาบด 20 กิโลกรัม ใส่น้ำ 20 ลิตร เกี่ยว ไฟปานกลางให้เหลือ 10 ลิตร ผสมกับใบขี้เหล็ก เถาบอ ระเพ็ด ใบยูคาลิปตัส หัวข่าแก่ อย่างละ 1 กิโลกรัม ผสมน้ำ 20 ลิตร เคี่ยวไฟปานกลางให้เหลือ 10 ลิตร กรองเอาแต่น้ำ จากนั้น ใช้น้ำสมุนไพรนี้ 10 ส่วน ผสมกากน้ำตาล 1 ส่วนใส่ จุลินทรีย์เล็กน้อย หมักไว้ 2-3 วัน เป็นหัวเชื้อ วิธีใช้ ใช้หัวเชื้อ 100 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร สาดใส่พื้นนาบางๆ ช่วงที่ทำเทือก ระดับน้ำลึกประมาณ 10 เซนติเมตร

13 ประโยชน์การทำนาข้าวอินทรีย์ 1. ช่วยลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มผลผลิตมากขึ้น เพราะการใช้ ปุ๋ยจุลินทรีย์จะทำให้ ได้ผลผลิต 800 กิโลกรัมต่อไร่ โดยต้นทุน ในการใช้ปุ๋ยอินทรีย์เพียงแค่ ประมาณ 200 บาทต่อไร่โดย อาจจะต้องใช้ปุ๋ยอินทรีย์มากในตอนแรกแต่จะค่อยๆ ลดลงเมื่อ สภาพดินดีแล้ว ในขณะที่การใช้ปุ๋ยเคมี จะได้ผลผลิตประมาณ 400 กิโลกรัมต่อไร่ โดยต้นทุนการผลิตประมาณ 400 บาทต่อ ไร่และต้องเพิ่ม ปริมาณปุ๋ยให้มากขึ้นในทุกๆปี 2. ได้สภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์กลับคืนมา ดินร่วนซุย รากข้าว ชอนไชหาอาหารง่าย กบ กุ้ง ปลาชุกชุม มีสุขภาพชีวิตที่ดี มี อาหารปลอดสารพิษไว้บริโภค

บรรณานุกรม http://www.vigotech.in.th/

โรงเรียนสาคลีวิทยา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาพระนครศรีอยุธยา


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook