การบัญชคี รัวเรือนกบั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งวทิ ยาลยั พณิชยการบางนานายสมโชค ราชบุรี
แนวคดิ และทฤษฎที เ่ี กย่ี วข้องกบั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง “เศรษฐกิจพอเพยี ง” เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ทรงมีพระราชดารัสช้ีแนะแนวทางในการดาเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดนานกวา่ 30 ปี ต้งั แต่ก่อนเกิดวกิ ฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ และเม่ือภายหลงั ไดท้ รงย้าแนวทางการแกไ้ ขเพื่อใหร้ อดพน้ และสามารถดารงอยไู่ ดอ้ ยา่ งมนั่ คงและยงั่ ยนื ภายใตก้ ระแสโลกาภิวตั น์ และความเปลี่ยนแปลงตา่ งๆ หลกั แนวคิดของเศรษฐกิจพอเพยี ง การพัฒนาตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง คือ การพัฒนาท่ีต้ังอยู่บนพ้ืนฐานของทางสายกลางและความไม่ประมาท โดยคานึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว ตลอดจนใช้ ความรู้ ความรอบคอบ และคุณธรรม ประกอบการวางแผนการตดั สินใจ และการกระทา (สานกั งานกองทุนสนบั สนุนการวจิ ยั , 2549) ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เศรษฐกิจพอเพียงเป็ นปรัชญาที่ช้ีถึงแนวทางการดารงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดบั ต้งั แต่ระดบั ครอบครัว ระดบั ชุมชน จนถึงระดบั รัฐท้งั ในการพฒั นาและบริหารประเทศให้ดาเนินไปในทางสายกลางโดยเฉพาะการพฒั นาเศรษฐกิจเพื่อให้ก้าวทนั ต่อโลกยคุ โลกาภิวตั น์ ความพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจาเป็ นที่จะตอ้ งมีระบบภูมิคุม้ กนั ในตวั ท่ีดีพอสมควรต่อการมีผลกระทบใดๆ อนั เกิดจากการเปล่ียนแปลงท้งั ภายนอกและภายใน ท้งั น้ี จะตอ้ งอาศยั ความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมดั ระวงั อยา่ งยิง่ในการนาวิชาการต่างๆ มาใชใ้ นการวางแผนและการดาเนินการทุกข้นั ตอน และขณะเดียวกนัจะตอ้ งเสริมสร้างพ้ืนฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจา้ หนา้ ที่ของรัฐ นกั ทฤษฎี และนกั ธุรกิจในทุกระดบั ใหม้ ีสานึกในคุณธรรมความซ่ือสตั ยส์ ุจริต และใหม้ ีความรอบรู้ที่เหมาะสม ดาเนินชีวติดว้ ยความอดทน ความเพยี ร มีสติ ปัญญา และความรอบคอบ เพื่อให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปล่ียนแปลงอยา่ งรวดเร็วและกวา้ งขวางท้งั ดา้ นวตั ถุ สังคม สิ่งแวดลอ้ ม และวฒั นธรรมจากโลกภายนอกไดเ้ ป็นอยา่ งดี ในอดีตเกษตรกรจะทาการผลิตเพื่อบริโภค แต่ต่อมาในปัจจุบนั ได้มีการพฒั นาการเกษตรเป็ นการเกษตรเพื่อการบริโภค และจาหน่ายเพ่ือมุ่งเพิ่มรายได้ จึงทาให้ตอ้ งใชท้ รัพยากร
จากภายนอกในการทาการเกษตรมากข้ึน ตน้ ทุนการผลิตสูงข้ึนกอปรกบั เกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจของประเทศทาให้ต้องหันกลบั มาทาการเกษตรเพ่ือบริโภคและจาหน่ายในลกั ษณะเศรษฐกิจพอเพียงอีกคร้ัง โดยไม่ตอ้ งพ่ึงพาปัจจยั ภายนอกที่เราไม่ไดเ้ ป็ นเจา้ ของ ส่ิงสาคญั คือ ตอ้ งรู้จกั การพ่ึงพาตนเองโดยไม่ทาให้ผอู้ ่ืนเดือดร้อน และรู้จกั การนาทรัพยากรที่เรามีอยมู่ าใชใ้ ห้เกิดประโยชน์ในการดาเนินชีวติ ประจาวนั (กรมส่งเสริมการเกษตร, 2547) ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมีหลกั พิจารณาอยู่ 5 ส่วน ดงั น้ี (สานักงานกองทุนสนบั สนุนการวจิ ยั , 2549) 1) กรอบแนวคิด ท่ีช้ีแนะแนวทางการดารงอยแู่ ละปฏิบตั ิตนในทางท่ีควรจะเป็ นโดยมีพ้ืนฐานมาจากวิถีชีวิตด้งั เดิมของสังคมไทย สามารถนามาประยกุ ตใ์ ชไ้ ดต้ ลอดเวลา และเป็ นการมองโลกเชิงระบบที่มีการเปล่ียนแปลงอยู่ตลอดเวลา ซ่ึงมุ่งเนน้ การรอดพน้ จากภยั และวิกฤติเพอ่ื ความมน่ั คงและความยง่ั ยนื ของการพฒั นา 2) คุณลกั ษณะ เศรษฐกิจพอเพียงสามารถนามาประยกุ ตใ์ ชก้ บั การปฏิบตั ิตนได้ในทุกระดบั โดยเนน้ การปฏิบตั ิบนทางสายกลางและการพฒั นาอยา่ งเป็ นข้นั ตอน 3) คานิยาม ความพอเพยี งตอ้ งประกอบดว้ ย 3 คุณลกั ษณะ พร้อมๆ กนั ดงั น้ี 3.1) ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดี ท่ีไม่นอ้ ยเกินไป และไม่มากเกินไปโดยไมเ่ บียดเบียนตนเองและผอู้ ่ืน 3.2) ความมีเหตุผล หมายถึง การตดั สินใจเกี่ยวกบั ระดบั ของความพอเพียงน้นัจะตอ้ งเป็ นไปอยา่ งมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจยั ท่ีเก่ียวขอ้ งตลอดจนคานึงถึงผลที่คาดวา่จะเกิดข้ึนจากการกระทาน้นั ๆ อยา่ งรอบคอบ 3.3) การมีภูมิคุม้ กนั ท่ีดีในตวั หมายถึง การเตรียมตวั ให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงในดา้ นต่างๆ ที่จะเกิดข้ึนโดยคานึงถึงความเป็ นไปไดข้ องสถานการณ์ต่างๆท่ีคาดวา่ จะเกิดข้ึนในอนาคตท้งั ใกลแ้ ละไกล 4) เงื่อนไข การตดั สินใจและการดาเนินกิจกรรมต่างๆ ให้อยใู่ นระดบั พอเพียงน้นัตอ้ งอาศยั ท้งั ความรู้และคุณธรรมเป็นพ้ืนฐาน กล่าวคือ
4.1) เง่ือนไขความรู้ ประกอบไปด้วย ความรอบรู้ที่เกี่ยวกบั วิชาการต่างๆท่ีเก่ียวขอ้ งอย่างรอบด้าน ความรอบคอบ ท่ีจะนาความรู้เหล่าน้ันมาพิจารณาให้เช่ือมโยงกันเพอื่ ประกอบการวางแผน และความระมดั ระวงั ในข้นั ปฏิบตั ิ 4.2) เงื่อนไขคุณธรรม ที่จะตอ้ งเสริมสร้าง ประกอบดว้ ย มีความตระหนกั ในคุณธรรม มีความซ่ือสัตยส์ ุจริต มีความอดทน มีความเพียร ใชส้ ติปัญญาในการดาเนินชีวิต ไม่โลภและไม่ตระหนี่ 5) แนวทางปฏิบตั ิ/ ผลที่คาดว่าจะได้รับ จากการนาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกตใ์ ช้ คือ การพฒั นาท่ีสมดุลและยงั่ ยนื พร้อมรับต่อการเปล่ียนแปลงในทุกดา้ น ท้งั ดา้ นเศรษฐกิจสังคม สิ่งแวดลอ้ ม ความรู้ และเทคโนโลยี ภาพ สรุปปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งท่ีมา: กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, 2551 หลกั ของความพอเพยี ง เศรษฐกิจพอเพยี ง หมายถึง ความพอเพยี งดงั น้ี (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, 2551) 1) พอเพยี งสาหรับทุกคน ทุกครอบครัว ไมใ่ ช่เศรษฐกิจแบบทอดทิ้งกนั 2) จิตใจพอเพียงทาใหร้ ักและเอ้ืออาทรคนอื่นได้ คนท่ีไมพ่ อจะรักคนอ่ืนไม่เป็น
3) สิ่งแวดลอ้ มพอเพียง การอนุรักษแ์ ละเพิ่มพนู สิ่งแวดลอ้ มทาใหย้ งั ชีพและทามาหากินได้ เช่น การทาเกษตรผสมผสาน ซ่ึงไดท้ ้งั อาหาร ไดท้ ้งั ส่ิงแวดลอ้ ม และไดท้ ้งั กิน 4) ชุมชนเขม้ แข็งพอเพียง การรวมตวั กันเป็ นชุมชนที่เข้มแข็งจะทาให้สามารถแกป้ ัญหาตา่ งๆได้ เช่น ปัญหาสังคม ปัญหาความยากจน หรือปัญหาส่ิงแวดลอ้ ม 5) ปัญญาพอเพียง มีการเรียนรู้ร่วมกันในการปฏิบัติ และการปรับตัวได้อย่างตอ่ เน่ือง 6) อยู่บนพ้ืนฐานวฒั นธรรมพอเพียง วฒั นธรรม หมายถึง วิถีชีวิตของกลุ่มชนที่สัมพนั ธ์อยู่กบั ส่ิงแวดลอ้ มท่ีหลากหลาย เศรษฐกิจควรสัมพนั ธ์และเติบโตข้ึนจากรากฐานทางวฒั นธรรม จึงจะมนั่ คง 7) มีความมน่ั คงพอเพยี ง ไม่ใช่วบู วาบ เด๋ียวจนเด๋ียวรวยแบบกะทนั หนั เด๋ียวตกงานไมม่ ีกิน ไมม่ ีใช้ ถา้ เป็นแบบน้ีประสาทมนุษยค์ งทนไม่ไหวต่อความผนั ผวนท่ีเร็วเกิน สุขภาพจิตเสียเครียด เพ้ยี น รุนแรง ฆา่ ตวั ตาย ติดยา เศรษฐกิจพอเพยี งท่ีมน่ั คงจึงทาใหส้ ุขภาพจิตดี การดาเนินชีวติ ในระบบเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดาริ สามารถแบ่งไดเ้ ป็ น2 ระดบั (กรมส่งเสริมการเกษตร, 2547) คือ 1) เศรษฐกิจพอเพียงระดบั บุคคลทว่ั ไป คือ สามารถดารงชีวิตอยา่ งไม่เดือดร้อนมีความเป็ นอยอู่ ยา่ งพอประมาณตนตามฐานะ ตามอตั ภาพและไม่หลงใหลไปตามกระแสวตั ถุนิยมมีอิสรภาพในการประกอบอาชีพ เดินทางสายกลางทากิจกรรมที่เหมาะสมกบั ตนเองและสามารถพ่ึงพาตนเองได้ 2) เศรษฐกิจพอเพียงระดบั เกษตรกร เป็ นเศรษฐกิจเพื่อการเกษตรท่ีเน้นการพ่ึงพาตนเอง เกษตรกรจะใช้ความรู้ความสามารถในการบริหารจดั การท่ีดินโดยเฉพาะแหล่งน้า และกิจกรรมการเกษตรไดอ้ ย่างเหมาะสม สอดคลอ้ งกบั สภาพพ้ืนที่ และความตอ้ งการของเกษตรกรดว้ ยการนาทฤษฎีใหม่ข้นั ท่ีหน่ึง มาใชใ้ นไร่นา และทรัพยากรธรรมชาติเป็ นส่วนใหญ่ ให้มีความหลากหลายของกิจกรรมการเกษตรในไร่นา มีกิจกรรมเก้ือกลู กนั มีกิจรรมเสริมรายได้ ใชแ้ รงงานในครอบครัวอย่างเต็มที่เพ่ือลดต้นทุนการผลิต ตลอดจนการผสมผสานกิจกรรมการปลูกพืชเล้ียงสัตว์ และประมง ในไร่นาใหเ้ กิดประโยชน์สูงสุด
เศรษฐกิจพอเพียงกบั ทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดาริ เศรษฐกิจพอเพียงและแนวทางปฏิบตั ิของทฤษฎีใหม่ เป็ นแนวทางในการพฒั นาที่นาไปสู่การพ่ึงพาตนเองในระดบั ต่างๆ อย่างเป็ นข้นั ตอน โดยลดความเสี่ยงเก่ียวกบั การผนั แปรของธรรมชาติ หรือการเปลี่ยนแปลงจากปัจจยั ต่างๆ โดยอาศยั ความพอประมาณ และความมีเหตุผลการสร้างภูมิคุม้ กนั ที่ดี มีความรู้ ความเพียรและความอดทน สติและปัญญา การช่วยเหลือซ่ึงกนัและกนั และความสามคั คี (สานกั งานกองทุนสนบั สนุนการวจิ ยั , 2549) ทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดาริ อาจเปรียบเทียบกบั หลกั เศรษฐกิจพอเพียง ซ่ึงมีอยู่2 แบบ คือ แบบพ้ืนฐาน กบั แบบกา้ วหนา้ ดงั น้ี ความพอเพียงในระดับบุคคลและครอบครัว โดยเฉพาะเกษตรกรเป็ นเศรษฐกิจพอเพียงแบบพ้ืนฐานเทียบไดก้ บั ทฤษฎีใหม่ข้นั ท่ี 1 ท่ีมุ่งแกป้ ัญหาของเกษตรกรท่ีอยหู่ ่างไกลแหล่งน้า ตอ้ งพ่ึงพาน้าฝนและประสบความเสี่ยงจากการที่น้าไม่เพียงพอ โดยมีขอ้ สมมติวา่ มีท่ีดินเพียงพอในการขุดบ่อเพ่ือแกป้ ัญหาความเสี่ยงเร่ืองน้า จะทาใหเ้ กษตรกรสามารถมีขา้ วเพื่อการบริโภคและยงั ชีพไดใ้ นระดบั หน่ึง และใชท้ ่ีดินส่วนอื่นๆ สนองความตอ้ งการข้นั พ้ืนฐานของครอบครัว รวมท้งัขยายในส่วนท่ีเหลือเพ่ือมีรายได้ใช้เป็ นค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ไม่สามารถผลิตเองได้ ท้งั หมดน้ีเป็ นการสร้างภูมิคุม้ กนั ในตวั ใหเ้ กิดข้ึนในระดบั ครอบครัว ความพอเพียงในระดบั ชุมชนและระดบั องคก์ ร เป็ นเศรษฐกิจพอเพียงแบบกา้ วหนา้ซ่ึงครอบคลุม ทฤษฎีใหม่ข้นั ท่ี 2 ท่ีสนบั สนุนให้เกษตรกรรวมพลงั กนั ในรูปกลุ่ม สหกรณ์ หรือเครือข่ายวิสาหกิจท่ีมีความพอเพียงข้นั พ้ืนฐานเป็ นเบ้ืองตน้ แลว้ ร่วมมือกนั สร้างประโยชน์ให้แก่กลุ่ม และส่วนรวมบนพ้ืนฐานของการไม่เบียดเบียน แบ่งปัน ช่วยเหลือซ่ึงกนั และกนั ตามกาลงัและความสามารถของตนทาให้ชุมชนโดยรวมหรือเครื อข่ายวิสาหกิจน้ันๆ เกิดความพอเพียงในวถิ ีปฏิบตั ิอยา่ งแทจ้ ริง ความพอเพียงในระดบั ประเทศ เป็ นเศรษฐกิจพอเพียงแบบก้าวหนา้ ซ่ึงครอบคลุมทฤษฎีใหม่ข้นั ที่ 3 ที่ส่งเสริมให้ชุมชนหรือเครือข่ายวิสาหกิจสร้างความร่วมมือกบั องค์กรอื่นๆในประเทศ เช่น บริษทั ขนาดใหญ่ ธนาคาร สถาบนั วิจยั เป็ นตน้ ซ่ึงความร่วมมือเช่นน้ีจะเป็ นประโยชนใ์ นการสืบทอด ภมู ิปัญญา แลกเปลี่ยนความรู้ เทคโนโลยี และบทเรียนจากการพฒั นาตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพยี งทาใหป้ ระเทศอนั เป็ นสังคมใหญ่ที่ประกอบดว้ ยชุมชน องคก์ ร และธุรกิจ
ต่างๆ ท่ีดาเนินชีวิตอย่างพอเพียงกลายเป็ นเครือข่ายชุมชนพอเพียงท่ีเช่ือมโยงกันด้วยหลักไมเ่ บียดเบียน แบ่งปัน และช่วยเหลือซ่ึงกนั และกนั ไดใ้ นที่สุด การประยกุ ตใ์ ชเ้ ศรษฐกิจพอเพียง เศรษฐกิ จพอเพียงเป็ นแนวคิดท่ีสามารถนาไปปรับใช้ให้เหมาะสมได้ในชีวติ ประจาวนั ดว้ ยการพิจารณา (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, 2551) ดงั น้ี 1) พิจารณาจากความสามารถในการพ่ึงตนเองเป็ นหลัก ท่ีเน้นความสมดุลท้งั 3 คุณลกั ษณะคือ พอประมาณ มีเหตุมีผล และมีภูมิคุม้ กนั มาประกอบการตดั สินใจในเร่ืองต่างๆเป็ นข้นั เป็ นตอน รอบคอบ ระมดั ระวงั พิจารณาถึงความพอดี พอเหมาะ พอควร และพร้อมรับการเปล่ียนแปลง ที่มีองคป์ ระกอบครอบคลุมท้งั 5 ประการ คือ 1.1) ความพอเพียงด้านจิตใจ มีจิตใจเข้มแข็ง ฝึ กตนเองได้ มีจิตสานึกท่ีดีเอ้ืออาทร ประนีประนอม นึกถึงประโยชน์ส่วนรวมเป็ นหลัก มีความซ่ือสัตย์ สุจริต อดทนและมีความเพยี ร 1.2) ความพอเพียงดา้ นสังคม มีความช่วยเหลือเก้ือกูลกนั รู้รักสามคั คี รู้จกั ผนึกกาลงั สร้างความเขม้ แข็งให้ครอบครัวและชุมชน มีกระบวนการเรียนรู้ท่ีเกิดจากรากฐานที่มนั่ คงแขง็ แรง 1.3) ความพอเพียงดา้ นทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม รู้จกั ใชแ้ ละจดั การอยา่ งฉลาดและรอบคอบ สามารถเลือกใชท้ รัพยากรท่ีมีอยใู่ ห้เกิดความยงั่ ยืนสูงสุด ใชท้ รัพยากรที่มีอยใู่ นประเทศเพ่ือพฒั นาประเทศใหม้ นั่ คง และระวงั ไมใ่ หก้ ิจกรรมกระทบสิ่งแวดลอ้ ม 1.4) ความพอเพยี งดา้ นเทคโนโลยี รู้จกั ใชเ้ ทคโนโลยที ่ีเหมาะสม สอดคลอ้ งกบัความต้องการและภูมินิเวศน์ พัฒนาเทคโนโลยีจากภูมิปัญญาท้องถิ่นมาใช้ให้เกิดประโยชน์ตอ่ ตนเองและสังคม 1.5) ความพอเพียงด้านเศรษฐกิจ ดารงชีวิตอยู่อย่างพอดี พอมี พอกิน พอใช้สมควรตามอตั ภาพและฐานะของตน ประกอบอาชีพสุจริต (สัมมาอาชีวะ) ดว้ ยความขยนั หมน่ั เพียรอดทน ใชช้ ีวติ เรียบง่าย โดยไม่เบียดเบียนตนเองและผอู้ ื่น มีรายไดส้ มดุลกบั รายจ่าย รู้จกั การใชจ้ ่ายของตนเองและครอบครัวอยา่ งมีเหตุผลเท่าท่ีจาเป็ น ประหยดั รู้จกั การเกบ็ ออมและแบง่ ปันผอู้ ื่น
2) พิจารณาความรู้คู่คุณธรรม มีการศึกษาเรียนรู้และพฒั นาตนเองอยา่ งต่อเน่ือง(ท้งั ภาคทฤษฎี และการปฏิบตั ิจริง) ในวิชาการต่างๆ ท่ีเก่ียวขอ้ งกับการดารงชีวิต ใช้สติปัญญาในการตดั สินใจต่างๆ อยา่ งรอบรู้ รอบคอบ และมีเหตุผลที่จะนาความรู้ต่างๆ เหล่าน้นั มาปรับใช้อย่างมีข้นั ตอนและระมดั ระวงั ในการปฏิบตั ิ มีความตระหนกั ในคุณธรรม มีความซื่อสัตยส์ ุจริตมีความเพียรความอดทน และสติปัญญาอยา่ งชาญฉลาดในการดาเนินชีวติ ในทางสายกลาง คุณธรรมที่ควรศึกษา และนอ้ มนามาปฏิบตั ิ มี 4 ประการ ประกอบดว้ ย ประการที่ 1 คือ การรักษาความซ่ือสัตย์ ความจริงใจที่มีต่อตวั เอง ที่ควรจะประพฤติปฏิบตั ิแต่ส่ิงท่ีเป็นประโยชน์และเป็ นธรรม ประการที่ 2 คือ การรู้จกั ขม่ ใจตนเอง ฝึ กใจตนเองให้ประพฤติปฏิบตั ิอยใู่ นสัจจะความดีน้นั ประการที่ 3 คือ ความอดทน อดกล้นั และอดออมท่ีจะไม่ประพฤติล่วงความสัตย์สุจริตไม่วา่ ดว้ ยเหตุประการใด ประการที่ 4 คือ การรู้จกั ละวางความชวั่ ความทุจริต และรู้จกั สละประโยชน์ของตนเพื่อประโยชน์ส่วนใหญ่ของบา้ นเมือง การพฒั นาชีวิตดว้ ยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงควรดาเนินการ (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, 2551) ดงั น้ี (1) ค้นหาความต้องการของตนเองให้พบว่า มีความต้องการอะไรมีเป้ าหมายในการดาเนินชีวิตอย่างไร เช่น ตอ้ งการมีชีวิตที่มีอนาคตก้าวหน้า มีความเป็ นอิสระมีเวลาเพื่อครอบครัวและสังคม มีทรัพยส์ ินเพียงพอ มีความสุข หลุดพน้ จากความยากลาบาก (2) วิเคราะห์ข้อมูลของตนเองและครอบครัว ซ่ึงจะทาให้รู้สถานภาพรู้สาเหตุของปัญหา รู้ปัจจยั ต่างๆท่ีเก่ียวขอ้ ง รู้ผลกระทบต่างๆท่ีเกิดข้ึน ท้งั ทางดา้ นเศรษฐกิจ สังคมเทคโนโลยแี ละทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม (2.1) ศกั ยภาพของตนเอง เช่น ความรู้ ความสามารถ ความชานาญ(ทกั ษะ) ชื่อเสียง ประสบการณ์ ความมน่ั คง ความก้าวหน้า สภาพทางการเงิน การสร้างรายได้การใชจ้ ่าย การออม คุณธรรมและศีลธรรม
(2.2) ศกั ยภาพของครอบครัว เช่น วิถีการดารงชีวิต ภาวะเศรษฐกิจของครอบครัว ความเชื่อ ทศั นคติ ค่านิยม วฒั นธรรม ประเพณี คุณภาพชีวิตของคนในครอบครัวฐานะทางสังคม ฐานะทางการเงิน ท่ีเป็ นทรัพย์สินและหน้ีสินของครัวเรือน รายได้ รายจ่ายของครัวเรือน 3) วางแผนการดาเนินชีวติ 3.1) พฒั นาตนเอง ใหม้ ีการเรียนรู้อยา่ งต่อเนื่อง (ใฝ่ เรียนรู้) สร้างวินยั กบั ตนเองโดยเฉพาะวนิ ยั ทางการเงิน 3.2) สร้างนิสัยท่ีมีความคิดก้าวหน้า มุ่งมน่ั ในเป้ าหมายชีวิต หมนั่ พิจารณาความคิด ตัดสินใจแก้ปัญหา เป็ นระบบโดยใช้ความรู้ (รอบรู้ รอบคอบ ระมัดระวงั ) มีความรับผดิ ชอบตอ่ ตนเอง สงั คมและครอบครัว 3.3) หม่ันบริหารจิตใจให้มีความซื่อสัตย์ สุจริต รักชาติ เสียสละ สามัคคีเที่ยงธรรม ศีลธรรม 3.4) ควบคุมจิตใจเพ่ือใหต้ นเอง ประพฤติปฏิบตั ิในสิ่งท่ีดีงาม สร้างสรรค์ ความเจริญรุ่งเรือง 3.5) พฒั นาจิตใจ ใหล้ ด ละ เลิก อบายมุข กิเลส ตณั หา ความโกรธ ความหลง 3.6) เสริมสร้างและฟ้ื นฟูความรู้และคุณธรรมของตนเองและครอบครัว เช่นเขา้ รับการฝึ กอบรม ฝึ กทกั ษะ ในวชิ าการต่างๆหรือวิชาชีพ หมนั่ ตรวจสอบและแกไ้ ขขอ้ บกพร่องอยา่ งสม่าเสมอ 3.7) ปรับทศั นคติในเชิงบวก และมีความเป็นไปได้ 4) จดบนั ทึกและทาบญั ชีรับ-จา่ ย 5) สรุปผลการพฒั นาตนเองและครอบครัว โดยพจิ ารณาจาก 5.1) ร่างกายมีสุขภาพ สมบูรณ์ แขง็ แรง
5.2) อารมณ์ตอ้ งไม่เครียด มีเหตุมีผล มีความเชื่อมน่ั มีระบบคิดเป็ นระบบเป็นข้นั เป็นตอน มีแรงจูงใจ กลา้ คิดกลา้ ทา ไมท่ อ้ ถอย หรือหมดกาลงั ใจ เมื่อประสบปัญหาในชีวติ 5.3) สิ่งเหล่าน้ีไดล้ ด ละ เลิก ได้แก่ รถป้ ายแดง เงินพลาสติก โทรศพั ทม์ ือถือสถานเริงรมย์ เหลา้ บุหรี่ การพนนั การบัญชีครัวเรือน การทาบญั ชีครัวเรือนถือว่ามีความสาคญั อย่างยิ่งต่อแนวทางสู่ความพอเพียง ผูป้ ฏิบตั ิจะตอ้ งรู้จกั ประมาณตนเองมีการวางแผนการใช้จ่ายอย่างรอบคอบและมีสติในการดารงชีวิตซ่ึงการวางแผนที่ดีน้นั จาเป็ นจะตอ้ งมีการจดบนั ทึกขอ้ มูลท่ีถูกตอ้ ง มีการเก็บขอ้ มูลเกี่ยวกบั รายรับและรายจา่ ยของครัวเรือน เพ่ือจดั ทาเป็ นบญั ชีครัวเรือน และนาขอ้ มูลท่ีไดม้ าพิจารณาหาวิธีการเพิ่มรายรับและลดรายจ่ายท่ีไม่จาเป็ นเพื่อให้เกิดความพอดี หากมีส่วนท่ีเหลือก็ให้เก็บไวอ้ อมเพ่ือใช้ในอนาคต (นภาพร ลิขิตวงศข์ จร, 2550) ความสาคญั ของการทาบญั ชีครัวเรือน 1) ทาให้ทราบรายรับ รายจ่ายและหน้ีสินของครัวเรือน รายรับ เป็ นเงินหรือของมีค่าที่ครัวเรือนไดร้ ับจากการประกอบอาชีพหรือผลตอบแทนท่ีไดร้ ับจากการแลกเปล่ียน เช่นเงินเดือน ดอกเบ้ียจากเงินฝากธนาคาร รายไดจ้ ากการขายสิ่งของเหลือใช้ เป็ นตน้ หน้ีสินเป็ นเงินหรือของมีค่าที่ครัวเรือนไดร้ ับจากแหล่งภายนอก โดยมีภาระที่ตอ้ งชดใช้คืนในอนาคต เช่นการกูย้ ืมเงินจากธนาคาร การกูย้ มื เงินจากเพ่ือนบา้ น การรับเงินช่วยเหลือต่างๆ ที่ตอ้ งใชค้ ืนภายในระยะเวลาท่ีกาหนด การซ้ือเงินผ่อน การเช่าซ้ือและการซ้ือสินทรัพยเ์ ป็ นเงินเช่ือ เป็ นตน้ รายจ่ายเป็ นเงินหรือของมีค่าท่ีจ่ายออกไปเพ่ือให้ไดส้ ่ิงของหรือบริการ เช่น ค่าเช่าบา้ น ค่าน้า ค่าไฟฟ้ าคา่ อาหาร เป็นตน้ 2) ทาใหท้ ราบวา่ ครัวเรือนมีเงินคงเหลือเท่าใด ในแตล่ ะวนั 3) นาขอ้ มูลมาใชใ้ นการบริหารจดั การเงิน จดั ลาดบั ความสาคญั ของรายจ่าย และวางแผนการใชจ้ ่าย วา่ รายจ่ายใดมีความจาเป็น รายจ่ายใดไม่มีความจาเป็นสามารถตดั ออกได้
การบันทกึ บัญชีครัวเรือน บญั ชีครัวเรือนสามารถจดั ทาได้หลายรูปแบบแต่อย่างน้อยตอ้ งมีการบนั ทึกขอ้ มูลรายรับและรายจ่าย ปกติเป็ นตาราง 5 ช่อง ประกอบดว้ ย ช่องแรก วนั เดือนปี เพ่ือบนั ทึกวนั ที่เกิดรายการน้นั ช่องท่ีสอง รายการเพอื่ บนั ทึกเหตุการณ์ ช่องที่สาม รายรับเพ่ือบนั ทึกจานวนเงินที่ไดร้ ับช่องท่ีสี่ รายจ่ายเพื่อบนั ทึกจานวนเงินท่ีจ่ายออกไป และช่องสุดทา้ ยยอดคงเหลือ เป็ นช่องสรุปยอดเงินคงเหลือในแตล่ ะวนั ดงั ตวั อยา่ ง วนั เดอื น ปี รายการ รายรับ รายจ่าย ยอดคงเหลอื *ปี ท่ีมาหรือเหตุของรายการน้นัเดือน วนั* ยอดคงเหลือ = ช่องยอดคงเหลือวนั ก่อน + ช่องรายรับ - ช่องรายจา่ ย
Search
Read the Text Version
- 1 - 11
Pages: