Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore seminar64_ver3

seminar64_ver3

Published by pongrawee2, 2020-12-04 06:08:31

Description: seminar64_ver3

Search

Read the Text Version

E-POSTER : ห้องนิทรรศการผลงานเด่น P_G2_No2 โรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม /โรคไมต่ ิดตอ่ ประสทิ ธผิ ลของรปู แบบส่ีบวกสาม ชะลอภาวะไตเสอื่ มของผูป้ ่วยโรคเบาหวานชนดิ ที่ 2 กรณีศกึ ษา ตาบลหนองหมี อาเภอกดุ ชุม จงั หวัดยโสธร จิรำวรรณ สุวรรณศรี, พย.ม. (กำรพยำบำลเวชปฏบิ ตั ชิ ุมชน) และคณะ โรงพยำบำลส่งเสรมิ สขุ ภำพตำบลหนองหมี อำเภอกุดชุม จงั หวดั ยโสธร ความเป็นมา : ภำวะไตเส่ือมของผู้ป่วยโรคเบำหวำนเป็นปัญหำสำธำรณสุขทีส่ ำคัญ กำรพัฒนำพฤติกรรม ดูแลตนเองและกำรสนับสนุน จำกครอบครัวและชมุ ชน จะส่งผลให้ผ้ปู ่วยควบคุมระดับํน้ำตำลในเลอื ดไดด้ ี ช่วย ชะลอภำวะไตเสอ่ื ม จึงประยกุ ต์ใช้รูปแบบสี่บวกสำม มำแก้ไขปญั หำโดยมวี ัตถุประสงค์เพอื่ ศกึ ษำผลของรปู แบบ สบ่ี วกสำม ชะลอภำวะไตเส่อื มของผปู้ ่วยเบำหวำนชนดิ ที่ 2 วิธีการศึกษา : ศึกษำเชิงปฏิบัติกำรในเดือน กันยำยน 2561 -มีนำคม 2562 มี 4 ระยะ คือ ระยะที่ 1 วิเครำะห์ ปัญหำและกำหนด แนวทำง ระยะที่ 2 ดำเนินกำรด้วยรูปแบบส่ีบวกสำม ชะลอภำวะไตเสื่อม โดยสี่ตัวแรกมำจำก อ.1 พัฒนำพฤติกรรมผู้ป่วยด้ำนกำร รบั ประทำนอำหำร อ.2 กำรออกกำลังกำยด้วยผ้ำขำวม้ำพำเพลิน อ.3 กำร รับประทำนยำ อ.4 อำสำสู้รู้ภัยโรคเบำหวำนและภำวะไต เส่ือม ใช้ภำษำมือส่ือกำรเจ็บป่วยทำงไต (มือสื่อไตไอเลิฟ ยู) และบวกสำม มำจำก 1) อำสำสมัครสำธำรณสุข (อสม.) 2) อำสำสมัคร ประจำครอบครวั (อสค.) 3) องคก์ ำร บริหำรส่วนตำบล (อบต.) โดยพัฒนำควำมรู้แก่ อสม., อสค., อบต. นกั บริบำลชุมชน (Care Giver: CG) เยี่ยมบ้ำน และใช้ทะเบียนปิงปองจรำจร 7 สี ติดตำมผู้ป่วยในชุมชน ระยะที่ 3 ประเมินผล ระยะที่ 4 สะท้อนข้อมูลและถอด บทเรียน เลือกกลุ่มตัวอย่ำงแบบเจำะจงเป็นผู้ป่วยโรคเบำหวำนท่ีมีภำวะแทรกซ้อนทำงไตระดับ 3-4 จำนวน 38 รำย เคร่ืองมือที่ใช้ สำหรับรวบรวมข้อมูลและดำเนินกำรวิจัย เก็บข้อมูลจำกแบบบันทึกข้อมูลท่ัวไป แบบสอบถำม กำร สังเกตแบบมีส่วนร่วม วิเครำะห์ ขอ้ มูลทัว่ ไปใชส้ ถติ ิพรรณนำ สถติ ิอนุมำนวัดกอ่ นและหลังดว้ ยสถติ ิ t-test ผลการศึกษา : กลุ่มตัวอย่ำง จำนวน 38 รำย เพศชำย ร้อยละ 28.94 อำยุเฉล่ีย 64 ปี (SD. 7.94) ภำยหลังใช้ รูปแบบ พบว่ำ ด้ำน พฤติกรรมดูแลตนเอง ก่อนเข้ำร่วมกิจกรรมมีค่ำคะแนนเฉล่ีย 3.76 (SD. 0.47) หลังเข้ำร่วม กิจกรรมมีค่ำเฉล่ีย 4.31 (SD, 0.42)) ซ่ึง เพ่ิมขึนอยำ่ งมีนยั สำคญั ทำงสถิติ (p < 0.005) ค่ำเฉลย่ี นำตำลในเลือด ก่อนเข้ำรว่ มกิจกรรมมคี ำ่ เฉล่ยี 151.18 (SD. 21.15) ภำยหลงั เข้ำ ร่วมกิจกรรมมีค่ำเฉลี่ย 134.37 (SD. 16.88) ลดลงอย่ำงมีนัยสำคัญทำงสถิติ (Mean diff 16.81, 95 % CI 7.64 to 25.98, p 0.001) ส่วนค่ำ eGFR ก่อนเข้ำร่วมกิจกรรมมีค่ำเฉลี่ย 40.10 (SD. 13.58) ภำยหลังเข้ำร่วมกิจกรรมมีค่ำเฉลี่ย 45.46 (SD. 15.50) ซ่ึงเพิ่มขึน อย่ำงมนี ยั สำคญั ทำงสถิติ (Mean diff 4.28 95 % CI 2.84 to 7.88, p < 0.001) อภปิ ราย สรุปและขอ้ เสนอแนะ : รปู แบบสี่บวกสำม ชะลอภำวะไตเสื่อมของผ้ปู ว่ ยเบำหวำนชนิดที่ 2 ใช้เป็น แนวทำงและทำงเลอื กให้ ผู้ปว่ ยเกิดกำลังใจพัฒนำพฤตกิ รรมดมี ำกขนึ สำมำรถทำใหช้ ะลอกำรเกดิ ภำวะไตเส่อื มให้ชำ้ ลง ลดภำระกำรรกั ษำโดยกำรบำบดั ทดแทน ไตในอนำคต ควรใช้กำรตรวจหำระดับนำตำลท่ีเม็ดเลือดแดงหรือระดับ ฮีโมโกลบินเอวันซีเป็นเกณฑ์ในกำรประเมินว่ำผู้ป่วย โรคเบำหวำนสำมำรถควบคมุ ระดับนำตำลได้อยำ่ งมีประสทิ ธภิ ำพ คาสาคญั : โรคเบำหวำนชนิดที่ 2, ภำวะไตเสื่อม 8 ธนั วำคม 2563 ณ โรงแรมสุนยี แ์ กรนด์ฯ จ.อุบลรำชธำนี

E-POSTER : ห้องนทิ รรศการผลงานเดน่ P_G2_No3 โรคจากการประกอบอาชพี และสงิ่ แวดล้อม /โรคไม่ตดิ ตอ่ ประสิทธิผลการพอกเข่าดว้ ยสมนุ ไพรต่อการลดอาการปวดของผู้ป่วยเบาหวาน ท่มี ภี าวะขอ้ เขา่ เส่ือมตาบลด่านอาเภอราษไี ศล จังหวดั ศรีสะเกษ โสรยำ สำนิสี พท.บ./ร.บ. สำธติ สุทธสิ นธิ์ ส.บ. ปรยิ ำ วำปถี ำ พย.บ. บทนา : ผปู้ ว่ ยเบำหวำน ทมี่ ำรบั บรกิ ำรใน รพ.สต.ด่ำน จำนวน 50 รำย สว่ นใหญ่รอ้ ยละ ๕๐ มีปญั หำสุขภำพ คอื ขอ้ เข่ำเสอ่ื ม และมัก ขอยำแก้ปวดเพม่ิ ภำยหลังมำรับบรกิ ำร ส่งผลทำให้หนว่ ยงำนมปี ริมำณกำรใช้ยำกลมุ่ แกป้ วดเพม่ิ ขึน เพื่อลดปญั หำกำรปวดขอ้ เขำ่ ของ ผปู้ ว่ ย และสง่ เสริมภูมิปัญญำด้ำนกำรแพทยแ์ ผนไทย จึงได้นำกำรพอกเขำ่ สมนุ ไพรทีม่ ีฤทธิ์เย็นมำใช้กบั ผปู้ ว่ ยเบำหวำน วัตถปุ ระสงค์ : เพอื่ ศึกษำประสิทธผิ ลกำรพอกเขำ่ ดว้ ยสมุนไพรทม่ี ีฤทธิ์เย็นตอ่ กำรลดอำกำรปวดของผู้ป่วย เบำหวำนทม่ี ภี ำวะขอ้ เข่ำ เสื่อมและเพอื่ ลดกำรใชย้ ำแกป้ วดในผู้ปว่ ยเบำหวำนทมี่ ภี ำวะขอ้ เข่ำเสื่อม วิธกี ารศึกษา : เปน็ กำรศึกษำแบบกึ่งทดลองโดยคดั เลือกผ้ปู ่วยเบำหวำนท่ีไดร้ บั กำรคดั กรองตำมแบบประเมนิ ระดบั ควำมรนุ แรงของข้อ เข่ำเสอ่ื ม(Oxford knee scale) ที่มขี ้อบง่ ชีและเรมิ่ มีอำกำรขอ้ เขำ่ เสอื่ ม(คะแนน ๓๐-๓๙ คะแนน) และมีกำรใชย้ ำแกป้ วดที่ไดจ้ ำก รพ. สต. ไดแ้ ก่ พำรำเซตำมอล ไอบูโพรเฟน ไดโคลฟีแนค จำนวน ๒๐ คน วิธีดาเนนิ การ : พอกเขำ่ ด้วยสมนุ ไพร (พญำยอ มะกดู ยำ่ นำง รำงจืด อย่ำงละกำมือ) ดองดึง เหล้ำขำว โหล แก้ว ดนิ สอพอง โดยนำ สมุนไพรทไี่ ด้มำน่ันหยำบๆ ใส่โหลแกว้ เทเหล้ำขำวพอทว่ มยำ หมัก 7 วนั นำมำพอก บรเิ วณทีป่ วดเขำ่ พรอ้ มนดั ให้มำพอกซำสปั ดำหล์ ะ ๑ ครงั ๒๐ นำที จำนวน ๑ ครงั /วัน ให้สมุนไพร เพื่อนำไป พอกเองทบี่ ้ำน เชำ้ -เยน็ เป็นเวลำ 90นำท/ี ครัง และคอ่ ยๆลดขนำดกำรใชย้ ำ แก้ปวดในชว่ งทศี่ กึ ษำ ทำกำรเกบ็ ขอ้ มลู ตงั แตเ่ ดือนกุมภำพันธ์ ๒๕๖๓- พฤษภำคม ๒๕๖๓ ประเมินผลอำกำรปวดโดยใช้ Pain Visual Analog Scale และเปรยี บเทียบอัตรำกำรใชย้ ำแกป้ วด ของผปู้ ว่ ยภำยในกลมุ่ หลังกำรพอกสมนุ ไพรในเดือนท่ี ๑,๒,๓ และเดอื นที่ ๔ วิเครำะหผ์ ลของกำรพอกเขำ่ ก่อนและหลัง โดยใชส้ ถิติ Pair sample t-test ผลการดาเนนิ การ : กลมุ่ เป้ำหมำยส่วนใหญเ่ ปน็ เพศหญิงรอ้ ยละ ๗๐อำยรุ ะหวำ่ ง ๕๑-๖๐ปี ร้อยละ ๗๕ อำชพี เกษตรกรรมมำกถงึ ร้อย ละ ๙๐ กำรศกึ ษำอยู่ท่รี ะดบั ประถมศึกษำรอ้ ยละ ๘๕ เม่อื เกดิ อำกำรปวดขอ้ เขำ่ ใช้ วธิ กี ำรรบั ประทำนยำ ร้อยละ 900 มีระดบั คะแนน เฉลีย่ อำกำรปวดขอ้ เข่ำกอ่ นรบั กำรพอกสมนุ ไพร ในเดอื นท่ี 9 มีระดบั คะแนนอำกำรปวดเฉลย่ี เท่ำกบั ๗.do(SD. =0.๗๖)และพบวำ่ ระดับ คะแนนเฉลีย่ อำกำรปวดหลังรบั กำรพอกสมุนไพรในเดอื นที่ ๔ มีระดบั คะแนนอำกำรปวดเฉลย่ี เท่ำกับ ต.o(SD. =0.๗๑) โดยคะแนน ควำมเจบ็ ปวด ลดลงเฉลี่ย ๓.๙๐คะแนน (๙๕%Cl:๓.๖๔ - ๔.๑๕; P-value<0.000) และพบวำ่ อตั รำกำรใช้ยำแกป้ วดของ ผ้ปู ่วยหลงั กำร ประคบสมนุ ไพรในเดือนที่ ๑ จำนวน ๒๐ รำย คิดเป็นรอ้ ยละ ๑๐๐ และเดอื นที่ ๔ อัตรำกำรใช้ยำ แก้ปวด ของผปู้ ว่ ยลดลงเหลือเพยี ง ๗ รำย คดิ เปน็ ร้อยละ ๓๕ จำกผปู้ ่วยทังหมด ๒๐ รำย ข้อสรุป : กำรพอกสมนุ ไพร เป็นอกี ทำงเลอื กหนึง่ ในกำรชว่ ยลดอำกำรปวดขอ้ เข่ำของผู้ป่วยโรคเบำหวำน สำมำรถลดอตั รำกำรใชย้ ำเพอ่ื บรรเทำอำกำรปวดเข่ำของผู้ป่วยเบำหวำนได้ 8 ธันวำคม 2563 ณ โรงแรมสุนยี แ์ กรนด์ฯ จ.อุบลรำชธำนี

E-POSTER : ห้องนทิ รรศการผลงานเด่น P_G2_No4 โรคจากการประกอบอาชพี และส่งิ แวดล้อม /โรคไม่ติดตอ่ การเฝ้าระวงั และการจัดการความเส่ยี งอุบัตเิ หตทุ างถนน(Sensor Model) อาเภอเมือง จงั หวัดสกลนคร ช่วงเทศกาลปใี หม่และเทศกาลสงกรานต์ ปี พ.ศ.๒๕๖๒ สมปอง ฤทธิ์ศรีบญุ */พลนำภำ นนสุรำช*/ภูวนำถ โพธิชัย** สสอ.เมืองสกลนคร*/ รพ.สกลนคร สำนักงำนสำธำรณสุขอำเภอเมอื งสกลนคร จ.สกลนคร** หลักการและเหตุผล : กำรเฝ้ำระวังควำมเสี่ยงและกำรป้องกันอุบัติเหตุทำงถนน Sensor Model RTI อำเภอ เมืองสกลนคร จังหวัด สกลนคร ชว่ งเทศกำลปีใหม่และเทศกำลสงกรำนต์ โดย ศปถ.อ.เมืองสกลนคร จังหวัด สกลนคร ระหว่ำงวันที่ ๒๘ ธนั วำคม ๒๕๖๐-๓ มกรำคม ๒๕๖๑ และระหว่ำงวันที่ ๑๑-๑๓ เมษำยน ๒๕๖๒ โดย ควำมร่วมมือจำกภำคเี ครอื ข่ำยทุกภำคส่วนทังหน่วยภำครัฐ องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น ภำคเอกชน ๕ เสำหลักและ อำสำสมัครสำธำรณสุขประจำหมู่บ้ำนและจิตอำสำอำเภอเมืองสกลนคร ซ่ึงได้ ออกแบบ แปลงนโยบำย ด่ำน ครอบครัวรัวชุมชนสู่กำรปฏิบัติอย่ำงง่ำย เพ่ือเฝ้ำระวังปัจจัยเส่ียง ค้นหำ ควำมเสี่ยง เ พื่อสกัดคนเสี่ยง (Extract)และไล่ล่ำคนเมำ (Chase) ทังอำเภอเมืองสกลนคร ในชว่ งเทศกำลสำคัญๆ ๒ เทศกำล ได้แกเ่ ทศกำลปใี หม่ และสงกรำนต์ วธิ ีการศึกษา : รวบรวมขอ้ มูล ใช้สถติ ิ ร้อยละ (percentage)และใช้สถติ ิ Chi-square ทดสอบควำมแตกต่ำงและหำควำมควำมสัมพนั ธ์ ของข้อมูล ๑) จำนวนครังกำร เกดิ อุบัติเหตทุ ำงถนน จำนวนคนเจ็บ, จำนวนคนตำยจำกอุบัติเหตทุ ำงถนน เปรียบเทียบ ปีใหม่๒๕๖๒& ๒๕๖๑ ๒) จำนวนครังอุบัติเหตุทำงถนน จำนวนคนเจ็บ,จำนวนคนตำยจำกอุบัติเหตุทำงถนนเปรียบเทียบช่วงสงกรำนต์ปี ๒๕๖๒๕๒๕๖๑ ใชก้ ระบวนกำร PDCA ออกแบบเครอื่ งมือเฝำ้ ระวงั รำยงำนควำมเสี่ยง 6 ขอ้ แบง่ ออกเปน็ ๓ ระดับๆละ ๓ ขอ้ ระดบั ข้อ ๑-๓ เส่ียงระดับํต่ำสเี ขียว ให้ประชำสัมพันธ์ เฝ้ำระวัง ระดบั ข้อ ๔-๖ เสี่ยงระดับปำน กลำงสเี หลือง ใหค้ ำแนะนำ แจ้งด่ำนสกดั ระดับ ข้อ ๓-๕ เสียงระดบั สงู สแี ดง แจ้งหนว่ ยเคลอ่ื นท่ีเรว็ สกัด ใช้ มำตรกำรเขม้ ขน้ โดยใชก้ ำร Sensor ของ อสม.เพ่ือจบั สัญญำณควำมเสี่ยง อุบัติเหตุทำงถนนในชุมชน คุ้มบ้ำน และรำยงำนส่งต่อข้อมูลให้หน่วยเคล่ือนท่ีเร็ว โดยกำรบริหำร จัดกำรของนำยอำเภอ (ผอ.ศปถ.อ) ควบคุม กำกับ อำนวยกำร สัง่ กำร ผู้นำชุมชน อปท.และ ตำรวจ เจ้ำหน้ำที่ สำธำรณสขุ และอำสำสมัคร ผลการศึกษา : พบว่ำ ปี ๒๕๖๒ มีสถิติและแนวโน้มลดลงจำกปีกอ่ น ทัง ๒ ช่วงในเทศกำลสำคัญ โดยพบว่ำช่วงเทศกำลปีใหม่ มีสถิติ จำนวนครังลดลง รอ้ ยละ ๓.๕๗ ผู้บำดเจ็บลดลง ร้อยละ ๑๓.๒๔ เสียชวี ิตลดลงร้อยละ ๑๐๐ (จำก 9 รำย เหลือ 0 รำย) ช่วงเทศกำล สงกรำนต์ จำนวนครัง ลดลง ร้อยละ ๑๓.๘๒ ผบู้ ำดเจบ็ ลดลง ร้อยละ ๓.๒๑ และเสียชีวิตลดลงร้อยละ ๒๕ (จำก 4รำย เหลือ ๑ รำย) โดย ภำพรวมจำนวนครงั กำรเกดิ อุบตั เิ หตุและกำรเสียชีวติ ทัง ๒ เทศกำลเทยี บปกี ่อน มีสถติ ิลดลง อย่ำงชัดเจน รอ้ ยละ ๑๑.๒๕ อภิปราย สรุป ข้อเสนอแนะ : ได้ใช้องค์ประกอบคน รถ ถนนและสิ่งแวดล้อมเช่นกัน และให้ควำมสำคัญกำรบริหำรจัดกำรในกำร ป้องกันอุบัติเหตุทำงถนนภำคีเครือข่ำยอำเภอเมืองสกลนครขับเคลื่อนเชิงบูรณำกำร เพ่ือตัดวงจร ปัจจัยที่เก่ียวข้อง อย่ำงเข้มข้นเพื่ อ ควำมปลอดภัยในชีวติ และสรำ้ งวนิ ัยจรำจร ด้วยควำมใส่ใจร่วมกนั ที่จะดแู ลคนอำเภอเมืองมี คณุ ภำพชีวิตที่ดี ปัจจยั แห่งควำมสำเรจ็ คือ ควำมร่วมมือท่ีจริงจังและต่อเนื่องของภำคีเครือข่ำยจำกภำครัฐ องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น เอกชน อสม.และจิตอำสำทุกระดับ เป็น กำรทำงำนเชิงระบบภำพอำเภอ มีฝ่ำยปกครอง ตำรวจ สำธำรณสุขและองค์กร ปกครองส่วนท้องถ่ิน(เทศบำลนคร/เทศบำลตำบล/ องค์กำรบริหำรสว่ นตำบล) ในกำรเข้ำมำมีส่วนร่วมจำกภำคส่วน ต่ำงๆยง่ิ มีมำกขึน โดยมีเป้ำหมำยกำรรว่ มกันในกำรขบั เคลื่อนลดอัตรำ กำรตำยในช่วง 7 วันอันตรำยใน ๒ เทศกำล สำคัญ มีกำรใช้ขอ้ มูลมำบูรณกำรกันจริงจัง มกี ำรลงพืนท่ีเพื่อแก้ไขปัญหำตอบสนองพืนที่ เส่ียงสีแดงทันต่อสถำนกำรณ์ มีกำรลงพืนที่เปิด War Room ณ จุดเสี่ยงสี แดง เพื่อบัญชำกำรแก้ไขปัญหำอุบตั ิเหตุร่วมกับผู้นำชุมชน และองค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถิ่น เพอ่ื ตอบโตค้ วำมเสี่ยง ณ ห้วงเวลำนันๆ ทันที ให้ควำมสำคัญเรื่องกำรประสำนงำนกับ อบต./เทศบำล กำนัน ผู้ใหญ่บ้ำนในพืนท่ี มีกำรสง่ั กำรดว่ น จำกฝำ่ ยปกครอง อำทิ ไม่มกี รวยไฟ สอ่ งสว่ำงในจุดตงั ดำ่ นชมุ ชน กไ็ ด้มีกำรจดั หำกรวย ไฟ ส่องสว่ำงใช้ในพืนที่จำกหนว่ ยงำนในพนื ทนี่ ันๆ ตำรวจออกตรวจตระเวนในหมู่บำ้ นท่มี คี วำมเสย่ี งสงู เพ่ือเปน็ กำรปอ้ งกัน ปรำม ไมใ่ หเ้ ขำ้ สู่สถำนกำรณ์ควำม รุนแรงสู่วิกฤติอุบัติเหตุ ส่งผลให้จำนวนสถิติภำพรวมจำนวน ๒ เทศกำลสำคัญที่ผ่ำนมำ จำนวนครังและกำร เสยี ชวี ิตลดลง ควำมพงึ พอใจหน่วยบรกิ ำรตังรบั ระดับพงึ พอใจมำก ควำมพงึ พอใจประชำชน ระดับพงึ พอใจมำก คาสาคญั : กำรเฝ้ำระวังควำมเส่ยี งอบุ ัตเิ หตุทำงถนน เครือข่ำย Sensor Model RTI 8 ธันวำคม 2563 ณ โรงแรมสุนีย์แกรนด์ฯ จ.อุบลรำชธำนี

E-POSTER : หอ้ งนิทรรศการผลงานเดน่ P_G2_No5 โรคจากการประกอบอาชพี และสิง่ แวดล้อม /โรคไมต่ ดิ ต่อ ผลของโปรแกรมส่งเสริมสุขภาพ“เมนบู า้ นเฮากินข้าวเล่าเร่อื งหวาน”ตอ่ พฤตกิ รรมการควบคุม ระดับน้าตาลในเลอื ดของผูป้ ่วยโรคเบาหวาน อาเภอนาตาล จงั หวดั อุบลราชธานี จกั รพงศ์ ปิตโิ ชคโภคนิ ท์ นันทน์ ภัส ปติ โิ ชคโภคนิ ท์ นลินี พวงยอด กำญจนำวลิ ำมำศ โรงพยำบำลนำตำล จงั หวัดอบุ ลรำชธำนี บทนาและวตั ถปุ ระสงค์ : โรคเบำหวำนมแี นวโน้มเพ่ิมขึนทงั ประเทศไทยและทัว่ โลก องคก์ ำรอนำมัยโลกแนะนำให้ ควบคมุ อำหำร ออก กำลังกำยและใชย้ ำเบำหวำนตำมแผนกำรรกั ษำเพ่ือปอ้ งกนั ภำวะแทรกซ้อนและลดควำมรุนแรง ของโรค ในปงี บประมำณ 2561 อำเภอ นำตำล จังหวดั อุบลรำชธำนี ประชำกร 37,705 คน พบผู้ปว่ ยโรคเบำหวำน 1,792 คน ผู้ปว่ ยเบำหวำนทีค่ วบคุมํนำ้ ตำลในเลือดได้ 533 คน (ร้อยละ 29.74) จึงมีกำรศึกษำนำร่องในผู้ป่วยท่ีมี ระดับํนำ้ ตำลสูง(HbAlc 79%)พบว่ำมผี ู้ป่วยเบำหวำน 355 คน มีพฤติกรรมกำร รับประทำนอำหำรเกินปริมำณ ชอบ ทำนหวำนและด่ืมเครื่องด่ืมที่มีํน้ำตำลส่งผลต่อระดับํน้ำตำลในเลือดท่ีสูงขึน ผู้วิจัยจึงได้จัดทำ โปรแกรมกำรส่งเสริม สุขภำพเพ่ือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมกำรรับประทำนอำหำรขึน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษำผลของโปรแกรม ส่งเสริม สุขภำพ“เมนูบ้ำนเฮำกินข้ำวเล่ำเร่ืองหวำน”ด้ำนกำรรับประทำนอำหำรต่อกำรควบคุมระดับนำตำลในเลือดของ ผู้ป่วย โรคเบำหวำน อำเภอนำตำล จังหวัดอบุ ลรำชธำนี วิธีการศึกษา : กำรวิจัยก่ึงทดลองแบบสองกลุ่ม วัดผลก่อนและหลังกำรทดลอง กลุ่มตัวอย่ำงได้จำกกำรสุ่มแบบแบ่ง ชันได้แก่ผู้ป่วย โรคเบำหวำน จำนวน 60 คน แบ่งเป็นกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม กลุ่มละ 30 คน เครอื่ งมือ ประกอบด้วยโปรแกรมส่งเสรมิ สุขภำพ “เมนูบ้ำนเฮำกินข้ำวเล่ำเร่ืองหวำน”และแบบสอบถำมพฤติกรรมกำรควบคุม ระดับนำตำลในเลือด วิเครำะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิง พรรณนำและสถติ ิเชงิ อนมุ ำนได้แก่ Paired t-test และ Independent t-test ศึกษำระหว่ำง ตุลำคม 2561-กนั ยำยน 2562 โปรแกรม ประกอบด้วยกิจกรรม 1.สร้ำงกลมุ่ สัมพันธ์ 2.กำรรับรู้ กำรดูแลตนเองและควำมรู้โรคเบำหวำน 3.อำหำรกับปริมำณนำตำล 4. อำหำร เบำหวำนกับกำรเลอื กทำนเมนูอำหำร บ้ำนเฮำกินอยำ่ งไรนำตำลดี 5.สำธติ และปรับเปล่ียนพฤติกรรมกำรทำน 6.ติดตำมเยี่ยมบำ้ นเสริม พลงั 7.เวที แลกเปลีย่ นประสบกำรณเ์ ล่ำเร่อื งหวำน 8.สรุปและร่วมจดั ทำเลม่ เมนอู ำหำรบำ้ นเฮำ ผลการศึกษา : หลังนำโปรแกรมมำใช้พบว่ำโปรแกรมส่งเสริมสุขภำพ“เมนูบ้ำนเฮำกินข้ำวเล่ำเร่ืองหวำน สำมำรถ ปรับเปลี่ยน พฤตกิ รรมผู้ปว่ ยเบำหวำนส่งผลต่อกำรควบคุมระดบั นำตำลในเลอื ดของผู้ปว่ ยเบำหวำนใหด้ ีขนึ เปรียบเทยี บระหว่ำงกลมุ่ ทดลองกบั กลุ่ม ควบคุมหลังกำรได้รับโปรแกรมส่งเสริมสุขภำพแตกต่ำงกันอย่ำงมี นัยสำคัญทำงสถิติท่ี p-value <.001 โดยพบว่ำค่ำเฉล่ียคะแนน พฤตกิ รรมกำรควบคมุ ระดับนำตำลในเลือดของกลุ่ม ทดลอง ก่อนกำรทดลองมีคำ่ เฉล่ีย 47.53 คะแนน สว่ นเบี่ยงเบนมำตรฐำน 4.439 เมอ่ื ไดร้ บั โปรแกรมส่งเสรมิ สุขภำพ หลังกำรทดลองมคี ่ำเฉล่ีย 51.17 คะแนน ส่วนเบย่ี งเบนมำตรฐำน 4.646 กลมุ่ ทดลองมีระดับนำตำล เฉลย่ี สะสม (HbA1c)อยใู่ นเกณฑ์น้อยกว่ำ 7 จำนวน 28 คน (ร้อยละ 93.33) สรปุ และขอ้ เสนอแนะ : โปรแกรมส่งเสริมสขุ ภำพดำ้ นโภชนำกำรของผปู้ ่วยเบำหวำนต่อพฤตกิ รรมกำรควบคุมระดบั นำตำลในเลือดนีมี ผลต่อกำรลดและควบคุมนำตำลในเลือดผู้ป่วยเบำหวำนได้อย่ำงดี มีกำรนำไปใช้จริงในคลินิก เบำหวำนและในโรงพยำบำลส่งเสริม สขุ ภำพ ควรศึกษำเปรียบเทียบในกลมุ่ ตัวอยำ่ งเพ่มิ ขนึ และควรศกึ ษำแบบ ทดลอง คาสาคัญ : โปรแกรมส่งเสริมสุขภำพ, โรคเบำหวำน พฤตกิ รรม ระดบั นำตำลในเลือด 8 ธันวำคม 2563 ณ โรงแรมสนุ ียแ์ กรนด์ฯ จ.อุบลรำชธำนี

E-POSTER : ห้องนทิ รรศการผลงานเดน่ P_G2_No6 โรคจากการประกอบอาชพี และส่งิ แวดลอ้ ม /โรคไม่ติดตอ่ การพฒั นาระบบเฝา้ ระวังโรคเบาหวาน 5 มติ ิ เขตสุขภาพท่ี 8 เนอื ทพิ ย์ หมู่มำก, พย.บ., ส.บ., รป.ม. พย.ม. กนกกำญจน์ บญุ ประคม, ส.บ., ส.ม. ณฐั ิยำ ไกยนำรถ, ส.บ. กล่มุ โรคไม่ติดต่อ สำนกั งำนปอ้ งกันควบคมุ โรคท่ี 3 จงั หวัดอดุ รธำนี หลักการและวัตถุประสงค์ : โรคเบำหวำนเป็นปญั หำสำธำรณสขุ ทีส่ ำคญั ของเขตสขุ ภำพที่ 8 พบแนวโน้มอัตรำป่วย รำยใหม่เพ่ิมขนึ ทุก ปี และยังไม่เคยมกี ำรวิเครำะห์สถำนกำรณ์เชิงลึกโดยใชก้ รอบ 5 มิติ เพ่ือจัดกำรปญั หำสขุ ภำพ ของประชำชนที่ครอบคลมุ กำรเฝำ้ ระวัง ป้องกันและควบคุมโรค จงึ จำเป็นอยำ่ งย่ิงท่ีจะตอ้ งพฒั นำระบบเฝำ้ ระวัง โรคเบำหวำนในรปู แบบ 5 มติ ิ วิธีการศึกษา : รูปแบบกำรศึกษำเชิงปฏิบัติกำร เกบ็ รวบรวมขอ้ มูลจำกฐำนข้อมลู รำยงำนกำรสำรวจสขุ ภำพ ประชำชนไทย กำรสำรวจ พฤติกรรมสุขภำพประชำชนของศนู ย์อนำมัยที่ 3 ปี 2562 กำรสำรวจพฤติกรรมสขุ ภำพ ของกลุ่มเส่ียงโรคไม่ตดิ ต่อเรือรัง เขตสขุ ภำพท่ี 3 ปี 2563 HDC วเิ ครำะหต์ ำมแนวทำง 5 มติ ิ ระยะเวลำศกึ ษำระหวำ่ ง เดอื นตลุ ำคม พฤศจกิ ำยน 2563 ผลการศึกษา : มิติท่ี 1 ปัจจัยต้นเหตุโรคเบำหวำนเกิดจำกสภำพสังคมที่มีควำมเป็นเมืองมำกขึน กำรเพิ่มขึนของ ประชำกรผู้สูงอำยุ ควำมสะดวกในกำรเข้ำถึงสินคำ้ /บริกำรที่เสี่ยงต่อกำรเกิดโรค กำร ไม่เข้ำถึงระบบบรกิ ำรสุขภำพ มิติท่ี 2 พฤตกิ รรมสุขภำพและปัจจัย เส่ียงทำงพฤติกรรมที่ไม่เหมำะสม พบว่ำ ประชำชนมีพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ ด้ำนกำรบริโภคอำหำรรสหวำนมำกที่สุด ร้อยละ 83.56 รสเคม็ ร้อยละ 74.10 และกจิ กรรมทำงกำยไม่เพียงพอ ร้อยละ 75.93 กลุ่มเสย่ี งส่วนใหญม่ ีระดบั นำตำลในเลอื ดอยใู่ นเกณฑ์เส่ยี ง รอ้ ย ละ 47.2 และ BMI เกินเกณฑ์มำตรฐำน ร้อยละ 34.9 มิติท่ี 3 อัตรำป่วยด้วยโรคเบำหวำนต่อประชำกรแสนคน ข้อมูลจำก HDC ย้อนหลัง 3 ปี (ปี 2561-2563) เท่ำกับ 511.53, 525.28 และ 573.70 ตำมลำดับ ส่วนอัตรำตำยด้วยโรคเบำหวำน ปี 2559-2561 มี แนวโน้มลดลง คือ 31.85, 30.99 และ 29.36 ตำมลำดับ มิติท่ี 4 เหตุกำรณ์ผิดปกติ ผู้ป่วยโรคเบำหวำนเป็นผู้ท่ีมีควำมเส่ียงสูงต่อกำร เกิด ภำวะแทรกซ้อน เช่น โรคไตเรือรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด หรือเกิดควำมพิกำร มิติที่ 5 กำรตอบสนองของ แผนงำนป้องกัน ควบคมุ โรค เขตสุขภำพที่ 8 ไดพ้ ฒั นำระบบเฝำ้ ระวงั ป้องกนั ควบคุมโรคไมต่ ิดตอ่ เรอื รังผำ่ นงำน NCD Clinic Plus โรงพยำบำลเค็มนอ้ ย อรอ่ ย (3) ดี กำรปอ้ งกันควบคุมโรคไตเรือรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด กำรใช้ชมุ ชนเปน็ ฐำนลดเสี่ยง ลดโรค อภิปราย สรปุ และข้อเสนอแนะ : จำกกำรวเิ ครำะห์ พบวำ่ มีสว่ นขำดเรื่องกำรจดั กำรขอ้ มูล รำยใหม่เพิ่มขนึ กำรควบคมุ ระดับนำตำล ในเลือดไม่เป็นไปตำมเป้ำหมำย ผู้ปว่ ยโรคไตเรือรงั โรคหัวใจและหลอดเลอื ดเพ่ิมขึน และ เกิดควำมพิกำรจำกโรคเบำหวำน สำนักงำน ปอ้ งกันควบคุมโรคที่ 3 จังหวัดอุดรธำนี จึงมุ่งเน้นพัฒนำระบบเฝำ้ ระวัง ปอ้ งกัน ควบคมุ โรค สนับสนนุ พนื ที่ขบั เคลื่อนมำตรกำรส่งเสริม สขุ ภำพระดบั ชุมชน รว่ มจัดกำรปัญหำ ลดปจั จยั เส่ียงต่อกำรเกิดโรคใหย้ งั่ ยืน คาสาคัญ : โรคเบำหวำน 5 มิติ เขตสขุ ภำพที่ 8 8 ธนั วำคม 2563 ณ โรงแรมสุนียแ์ กรนด์ฯ จ.อุบลรำชธำนี

E-POSTER : หอ้ งนิทรรศการผลงานเด่น P_G2_No7 โรคจากการประกอบอาชพี และสงิ่ แวดล้อม /โรคไม่ตดิ ต่อ รปู แบบการส่งเสริมการขับข่ีรถจกั รยานยนตอ์ ยา่ งปลอดภยั ของเยาวชนในชุมชน ตาบลโพธ์ิ อาเภอเมืองศรีสะเกษ จงั หวัดศรสี ะเกษ จุรีภรณ์ อำจสำลี โรงพยำบำลส่งเสริมสุขภำพประจำตำบลโพธ์ิ อำเภอเมอื ง จงั หวัดศรีสะเกษ ความเป็นมา : กำรบำดเจ็บและสูญเสียชีวิตจำกอุบัติเหตุทำงถนนของประเทศไทยติดอันดับ 2 ของโลก อัตรำ ผู้เสียชีวิตบนท้องถนน เพม่ิ ขึนเป็น 1.35 ล้ำนคนต่อปี กลุ่มทเี่ ส่ียงตอ่ กำรเสียชีวิตมำกท่สี ุดยงั อยู่ในชว่ งอำยุระหว่ำง 5-14 ปี กำรศึกษำครังนีมีวัตถุประสงค์เพื่อ ศกึ ษำรปู แบบกำรสง่ เสริมกำรขบั ขีร่ ถจักรยำนยนตอ์ ย่ำงปลอดภัยของ เยำวชนในชมุ ชน วิธกี ารศกึ ษา : เป็นกำรวิจัยเชิงปฏิบัตกิ ำรแบบมีส่วนรว่ ม (Participatory Action Research : PAR โดยใช้วงจร PAOR ผมู้ สี ่วนร่วมใน กำรวิเครำะห์ปัญหำ วำงแผนกำรแก้ไขปัญหำกำรขับข่ีรถจักรยำนยนตใ์ นเยำวชน ใช้ ระยะเวลำในกำรวจิ ัยทงั สนิ 11 เดือน กลุม่ ตัวอยำ่ ง ประกอบด้วย 1) กลุ่มขับเคล่ือนเพื่อค้นหำปัญหำ ควำมต้องกำร ของประชำชน และสร้ำงรูปแบบในกำรขับข่ีรถจักรยำนยนต์อย่ำง ปลอดภัยของเยำวชนในชุมชน จำนวน 30 คน คือ ผู้นำชุมชน แกนนำครอบครัว อำสำสมัครสำธำรณสุขประจำหมู่บ้ำน ผู้ปกครอง โรงเรียน และกลุ่มเยำวชน 2) กลุ่มประเมินผลลัพธ์ คือ กลุ่มเยำวชน ในพืนท่ีตำบลโพธิ์ท่ีขับขรี่ ถจักรยำนยนต์แต่ยังไม่ใบอนุญำตขับข่ี จำนวน 30 คน โดยคัดเลือกกลุ่มตัวอย่ำง โดยวิธกี ำรสุ่มแบบเจำะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือทีใ่ ช้ในกำรเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล เชิงปริมำณ เป็นแบบสอบถำมเกี่ยวกับกำรปฏิบัติในเร่ืองกำรขับข่ีรถจักรยำนยนต์ของเยำวชนใน ชุมชน และเก็บรวบรวมข้อมูลเชิง คุณภำพ เป็นลักษณะกำรมีส่วนร่วม กำรปรึกษำกลุ่มในขณะประชุม วิเครำะห์ ประเด็นปัญหำ และ ร่วมหำแนวทำงกำรแก้ไขปัญหำ และศึกษำกระบวนกำรส่งเสริมกำรขับขี่รถจักรยำนยนต์ อย่ำงปลอดภัยของเยำวชนในชุมชน สถิติเชิงพรรณนำใช้จำนวน ร้อยละ คำ่ เฉลยี่ และส่วนเบี่ยงเบนมำตรฐำน เพอื่ บรรยำยขอ้ มลู ทว่ั ไป และสถติ ิเชิงอนมุ ำน ใช้ Paired t-test เพื่อเปรยี บเทียบควำมแตกต่ำง ผลการศึกษา : พบว่ำ ส่วนใหญ่เป็นเพศชำย ร้อยละ 60.00 อำยุระหวำ่ ง 14 – 17 ปี ร้อยละ 63.33 รองลงมำคอื อำยุน้อยกวำ่ 14 ปี ร้อยละ 23.33 กำรปฏิบัติในเร่ืองกำรขับข่ีรถจักรยำนยนต์ของเยำวชนในชุมชน ส่วนใหญ่ ไม่มีหมวกนิรภัย ร้อยละ 66.64 กำรเกิด อบุ ตั ิเหตุ รอ้ ยละ 80.00 ไมเ่ คยเกดิ อบุ ัติเหตเุ ลย และ รอ้ ยละ 20.00 เคยเกิดอบุ ัตเิ หตุ โดยมสี ำเหตุ จำก รอ้ ยละ 33.33 เกดิ จำกโดนคน รถ สตั ว์ ตัดหนำ้ รถกระชันชิด และ ร้อยละ 33.33 เกิดจำก ส่งิ แวดล้อมไม่ดี เช่น ถนนขรขุ ระ เป็นหลมุ มีด กำรมใี บอนญุ ำตขับขี่ รอ้ ยละ 80.00 ไม่มีใบอนุญำตขับข่ี กำรกระทำผิดกฎจรำจร คือขบั รถ ย้อนศร ร้อยละ 80.00 เม่ือเปรียบเทยี บหลังกำรจัดกิจกรรมกำรส่งเสริม กำรขบั ข่ี ปลอดภยั เยำวชนในชมุ ชนมกี ำรกำรปฏิบัตทิ ดี่ ขี ึนมำกกว่ำกอ่ นกำรจดั กิจกรรม นัยสำคญั ทำงสถิติ (p < 0.05) สรุปผลการศึกษา : กระบวนกำรส่งเสรมิ กำรขับข่รี ถจักรยำนยนต์อย่ำงปลอดภัยของเยำวชนในชุมชน มี ดังนี 1) รูปแบบกิจกรรมกำร จัดเวทสี นทนำปญั หำจรำจรเพื่อกำรขับขป่ี ลอดภัย 2) โครงกำรใชร้ ถใช้ถนนขับขี่ ปลอดภัย 3) โครงกำรอบรมให้ควำมรดู้ ้ำนกำรใช้รถใช้ ถนนปลอดภัย 1 นำงสำวจรุ ีภรณ์ อำจสำลี นักวชิ ำกำรสำธำรณสุขชำนำญกำร โรงพยำบำลสง่ เสรมิ สขุ ภำพตำบลโพธิ์ อำเภอเมือง ศรีสะ เกษ จังหวัดศรสี ะเกษ 8 ธันวำคม 2563 ณ โรงแรมสุนียแ์ กรนด์ฯ จ.อุบลรำชธำนี

ประเภทนาเสนอแบบ โปสเตอร์อเิ ล็กทรอนิคส์(E-Poster) บทคัดย่อ ผลงำนวชิ ำกำร ด้ำนนวตั กรรม (สถำนที่ : ห้องจดั นทิ รรศกำรบูทกลำง) 8 ธันวำคม 2563 ณ โรงแรมสนุ ียแ์ กรนด์ฯ จ.อุบลรำชธำนี

E-POSTER : หอ้ งนิทรรศการบูทกลาง P_G3_No1 ผลงานวิชาการด้านนวัตกรรม การพฒั นาและประเมนิ การเขา้ ถงึ การได้ประโยชน์ ระบบประเมนิ ตนเอง NCD Clinic Plus ออนไลน์ สานกั งานป้องกนั ควบคุมโรคที่ 10 จังหวัดอุบลราชธานี มนสภรณ์ สมหมำย, สม.(วทิ ยำกำรระบำด) สฤษดิ์ กคุ ำอ,ู วศ.บ.(วิศวกรรคอมพิวเตอร์) หลักการและวัตถปุ ระสงค์ : เทคโนโลยีในปัจจุบันมีววิ ัฒนำกำรเปลี่ยนแปลงไปอย่ำงรวดเร็ว ทำให้มวี ัสดุ อุปกรณ์ และเทคนิควิธีกำร ใหม่ๆ มำใช้ประโยชน์อย่ำงไม่มีขีดจำกัดในทุกวงกำร ช่วยในกำรทำงำนหรือแก้ปัญหำต่ำง ๆ เพื่อให้กำรดำรงชีวิตของมนุษย์ง่ำยและ สะดวกย่ิงขึน กำรดำเนินงำนประเมินรับรองคุณภำพ NCD Clinic Plus ตังแต่ปีงบประมำณ 2560 เป็นต้นมำ ซ่ึงหน่วยบริกำรทุกแห่ง จะต้องประเมนิ ตนเองตำมแบบประเมิน NCD Clinic Plus ตำมแบบฟอรม์ ที่กำหนด ขันตอนกำรรวบรวมข้อมลู จำนวนมำกนี ทำให้ เกิด ควำมคลำดเคลื่อนของข้อมูล หรือ Human Error และควำมล่ำช้ำ สคร.10 จึงมีกำรทบทวนรูปแบบ หลักเกณฑ์กำรประเมิน NCD Clinic Plus และกำรวิเครำะห์ผลกำรประเมิน เพื่อพัฒนำ “ระบบประเมินตนเอง NCD Clinic Plus ออนไลน์” ขึนสำหรับใช้ในเขต สุขภำพที่ 10 และเพอื่ ให้สำมำรถนำข้อมูลมำใช้ประโยชนไ์ ดอ้ ยำ่ งถูกต้อง ครบถว้ น ทันเวลำ ลดขนั ตอน ลดระยะเวลำในกำร ดำเนินงำน และสำมำรถเขำ้ ถงึ ได้ตำมลำดับชันของผใู้ ช้งำน การดาเนินงาน : ทีมพัฒนำระบบได้วิเครำะหค์ วำมตอ้ งกำร รวมทงั อปุ สรรคในกำรดำเนนิ งำนทีผ่ ำ่ น และวำงแผนกำรพัฒนำตำม กรอบ แนวคิดกำรพัฒนำนวตั กรรม (Thinking Design) ตำมขันตอนดังนี ขันตอนที่ 1 Empathize สอบถำมควำมต้องกำรและวเิ ครำะห์ ภำระ กำรรวบรวมเอกสำรทท่ี ำให้เกิดข้อผิดพลำด ล่ำช้ำ ขันตอนที่ 2 Define เม่อื ทรำบอปุ สรรคแลว้ จึงทบทวนกระบวนกำรและ ขันตอนกำร ดำเนินงำนท่ผี ่ำนมำ ขันตอนท่ี 3 Ideate วำงแผนกำรพัฒนำระบบร่วมกบั เจ้ำหนำ้ ที่เทคโนโลยีสำรสนเทศ (IT) สร้ำง แผนผงั โครงสร้ำง ระบบตำมควำมต้องกำรของผู้ใช้งำนแตล่ ะระดบั ขนั ตอนที่ 4 Prototype พัฒนำระบบโดยใช้ภำษำ PHP และ ฐำนข้อมูล MySQL ใน กำรจดั ทำระบบประเมินตนเองฯ รวบรวมข้อมูลผลลัพธ์กำรดำเนินงำนจำกฐำนขอ้ มลู HDC นำเขำ้ ระบบ โดย มกี ำรกำหนดขอบเขตกำร เขำ้ ถงึ ขอ้ มลู ตำมลำดบั ชนั ระบุตัวตนผใู้ ช้งำนด้วย Username , password ระบบมกี ำรแสดงผลลพั ธ์เป็น Dashboard โดยแตล่ ะ User ทม่ี ีกำร log in เข้ำระบบจะต้องประเมนิ ควำมพึงพอใจ ขันตอนท่ี 5 Test แจ้งประชำสัมพันธแ์ ก่เครือข่ำย เพื่อทดลองใช้งำน พร้อมทัง ปรับปรุงตำมข้อเสนอแนะ ก่อนกำหนดให้ใช้เป็นช่องทำงหลักอย่ำงต่อเนื่อง โดยผู้ใช้งำนประกอบด้วย ผู้รับผดิ ชอบงำนในระดับ สสจ . จำนวน 5 แหง่ ระดบั รพ. จำนวน 71 แห่ง และมี จนท.ระดับ สคร. เปน็ admin ผลการศึกษา : ผลกำรพัฒนำทำให้ได้ระบบประเมินตนเอง NCD Clinic Plus ออนไลน์ ทส่ี ำมำรถแสดงผลกำรประเมนิ ตนเองได้อย่ำง ถูกต้อง แสดงผลทันที (Real time) ลดขันตอน ลดระยะเวลำในกำรดำเนินงำนของเขตสุขภำพท่ี 10 อีกทังยังทำให้ สคร. 10 ได้รับ รำงวัลกำรรวบรวมผลกำรประเมินตนเองถูกต้อง ครบถ้วน ทันเวลำ ผลกำรประเมินกำรเข้ำถึงและกำรใช้ประโยชน์ของระบบ ด้วย แบบสอบถำม พบว่ำ หน่วยบรกิ ำรกลุ่มเป้ำหมำยเขำ้ ถึงกำรใช้งำนร้อยละ 100 ผู้ใชง้ ำนสว่ นใหญไ่ ด้รบั ประโยชนใ์ นดำ้ นผลกำร ประเมิน ตนเองทนั ที (real time) จำก Dash board ร้อยละ 74.30 ใชป้ รบั ปรุงแผนกำรดำเนนิ งำนใหบ้ รรลเุ ปำ้ หมำย รอ้ ยละ 56.8 และ รอ้ ยละ 50 ตอบวำ่ สำมำรถลดขันตอนกำรประเมินได้ รวมทังผใู้ ช้งำนมคี วำมพึงพอใจและได้ประโยชน์ตอ่ ระบบในระดับมำกถงึ มำก ทส่ี ดุ รอ้ ยละ 83.4 สรุป : ระบบประเมินตนเอง NCD Clinic Plus ออนไลน์ สำมำรถลดขนั ตอนและระยะเวลำกำรดำเนินงำน และใหป้ ระโยชน์ในดำ้ น กำร ใช้ข้อมูลอย่ำงถูกต้อง ครบถ้วน ทันเวลำ ผู้ใช้งำนมีควำมพึงพอใจต่อระบบท่ีพัฒนำขึน และเป็นนวัตกรรมท่ีเป็นตน้ แบบให้กอง โรคไม่ ตดิ ตอ่ กรมควบคมุ โรค ใชต้ ่อยอดพฒั นำระบบประเมนิ ตนเอง NCD Clinic Plus ออนไลน์ ครอบคลุมกำรใช้งำนใน ระดบั ประเทศตอ่ ไป คาสาคญั : กำรประเมนิ ตนเอง NCD Clinic Plus ออนไลน์ 8 ธนั วำคม 2563 ณ โรงแรมสุนียแ์ กรนด์ฯ จ.อุบลรำชธำนี

E-POSTER : ห้องนทิ รรศการบูทกลาง P_G3_No2 ผลงานวิชาการด้านนวตั กรรม ประสทิ ธิผลของโปรแกรมการตดิ ตามการสง่ ผลงานวชิ าการ E-Tracking ODPC9 ของสานกั งานป้องกันควบคุมโรคท่ี 9 จงั หวดั นครราชสีมา ปำรชิ ำติ จติ กลำง พย.บ., ประวทิ ย์ ลำยจนั ทกึ วท.บ.และพูนทรพั ย์ วรวิสทุ ธิวงศ์ ศป.บ. สำนกั งำนป้องกันควบคมุ โรคที่ 9 จ.นครรำชสีมำ บทนา : สำนักงำนป้องกันควบคุมโรคท่ี 9 จ.นครรำชสีมำ มีบทบำทหน้ำที่สนับสนุนและพัฒนำผลิตภัณฑ์ทำง วิชำกำรต่ำง ๆ อย่ำง ต่อเนื่อง ได้แก่ วจิ ัย นวัตกรรม โดยมีกระบวนกำรผลติ ท่ีไดม้ ำตรฐำนตังแต่กระบวนกำรคดิ กำรผลิตและพัฒนำผลติ ภัณฑ์ทำงวชิ ำกำร ตำมองค์ประกอบที่จะนำไปสูค่ วำมเปน็ มำตรฐำนสำกล เปน็ ท่ียอมรับและ น่ำเชื่อถือ กำรจัดทำผลงำนวิชำกำรที่มีประสทิ ธภิ ำพและเป็น มำตรฐำน ต้องมกี ำรติดตำมกำรดำเนินงำนทีเ่ ปน็ ระบบ ซึง่ เปน็ สิง่ สำคัญ กำรวิจัยนมี วี ัตถุประสงค์ เพ่ือพัฒนำระบบกำรตดิ ตำมกำรจัดทำ ผลงำนวิชำกำรของสำนักงำน ปอ้ งกนั ควบคุมโรคท่ี 9 นครรำชสีมำ วิธีการศึกษา : ใช้รูปแบบกำรวิจยั และพฒั นำ ประชำกรและกลุ่มตัวอย่ำงท่ีใช้ในกำรวิจัยครังนี ได้แก่ ผู้จัดทำผลงำน วิชำกำรในสคร.9 และใช้งำนโปรแกรมจำนวน 52 คน วิธีดำเนินกำร ประยุกต์ใช้ Design Thinking (Stanford d. school กับ IDEO) ในกำรพัฒนำ โปรแกรมกำรติดตำมกำรส่งผลงำนวิชำกำร มี 5 ขันตอน ได้แก่ 1) กำรเข้ำใจ กลุ่มเป้ำหมำย 2) กำรระบุปัญหำ หรือประเด็น 3) กำร ระดมควำมคดิ 4) กำรสร้ำงต้นแบบ และ 5) กำรทดสอบ ต้นแบบ และประเมินกำรใชป้ ระโยชน์และประเมนิ ควำมพงึ พอใจ นำไปสู่กำร ปรับปรงุ วเิ ครำะห์ขอ้ มลู ดว้ ยสถิติ เชิงพรรณนำ ได้แก่ จำนวน ร้อยละ คำ่ เฉลี่ย สว่ นเบีย่ งเบนมำตรฐำน ผลการศึกษา : พบว่ำโปรแกรมกำรติดตำมกำรส่งผลงำนวิชำกำร E-Tracking ODPC9 เป็นโปรแกรมสำเร็จรูปที่ผู้วิจัย ออกแบบไว้ สำหรบั สง่ ผลงำนวิชำกำรทุกประเภท แบ่งเปน็ กลุ่ม/งำน/ศนู ย์ ในหน่วยงำน สำหรับรำยงำนผลกำร ดำเนนิ งำน ตำมรำยละเอยี ดตัวชีวัด เพือ่ ให้เปน็ ระบบและมำตรฐำนเพม่ิ มำกขึน ยกเลิกกำรสง่ รำยงำนทำงอเี มลล์ สำมำรถลดปรมิ ำณกำรใชก้ ระดำษ ลดระยะเวลำ สำมำรถ ตรวจสอบหลักฐำนกำรส่งผลงำนวิชำกำร วันเวลำได้ทังผู้ ส่งและผู้รับเอกสำร ผลกำรประเมินควำมพึงพอใจโปรแกรมพบว่ำ กลุ่ม ตวั อย่ำง ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง (ร้อยละ 76.9) สว่ นใหญ่เป็นนักวชิ ำกำรสำธำรณสุข (ร้อยละ 65.4) ข้อมูลกำรใช้ประโยชน์ พบว่ำส่วน ใหญ่ เคยเหน็ และใช้ งำนโปรแกรม (ร้อยละ 100) ไดร้ ับโปรแกรม เน่อื งจำกเปน็ นโยบำย (รอ้ ยละ 73.1) มีกำรใช้ประโยชนจ์ ำกโปรแกรม โดยใช้เพ่ือสง่ ผลงำนวิชำกำร (ร้อยละ 82.69) กำรประเมินควำมพึงพอใจต่อโปรแกรม พบว่ำมีควำมพึงพอใจใน ระดับพึงพอใจมำก มี ควำมพึงพอใจดำ้ นควำมถูกต้องตำมหลกั วิชำกำรมำกท่สี ุด (X = 3.21, SD =0.72 ) ด้ำน กำรใช้ประโยชนแ์ ละประสทิ ธผิ ลของนวตั กรรม ด้ำนกระบวนกำร พบว่ำ เหมำะสมต่อกำรขยำยในวงกว้ำงมำก ขึน (X = 3.73, SD =0.63) กำรใช้ประโยชน์และประสิทธิภำพ ประสิทธิผลของโปรแกรม โดยภำพรวม พบว่ำ กลุ่มตัวอย่ำงมีควำมพึงพอใจโดยรวมระดับมำกที่สุด (X = 3.19, SD = 0.68) ขอ้ เสนอแนะ : พัฒนำต่อยอดโปรแกรมใชก้ ับงำนอน่ื ๆ ท่มี ลี ักษณะงำนคล้ำยกันเพือ่ เพ่มิ ประสทิ ธภิ ำพในกำรทำงำน คาสาคญั : โปรแกรมกำรติดตำม, ผลงำนวิชำกำร 8 ธนั วำคม 2563 ณ โรงแรมสุนยี ์แกรนด์ฯ จ.อุบลรำชธำนี

E-POSTER : หอ้ งนทิ รรศการบูทกลาง P_G3_No3 ผลงานวิชาการด้านนวัตกรรม การพัฒนารปู แบบการควบคุมและป้องกันโรคไข้หวดั ใหญ่ในเรอื นจาแห่งหนงึ่ อาเภอเมอื ง จังหวดั ยโสธร สมพร จนั ทรแ์ กว้ , วท.บ. (สำธำรณสขุ ศำสตร์), ศศม. (พัฒนำสังคม) กัลยพัทธ์ เตโช, ส.บ., ศศม. มะลิณี บุตรโท วท.บ. (อนำมัยสง่ิ แวดลอ้ ม), สม. สำวิตรี ประทุมภำพ, วท.บ. (อำชีวอนำมยั และควำมปลอดภยั ) กลุม่ งำนเวชกรรมสงั คม โรงพยำบำลยโสธร หลักการและวตั ถปุ ระสงค์ : โรคไขห้ วัดใหญ่ยังเป็นปัญหำสำธำรณสขุ ท่ีสำคญั ผูป้ ่วยอำจมอี ำกำรรุนแรงถึงแกช่ ีวิต กำรระบำดมกั เกิดใน สถำนท่ีทมี่ ีคนแออัดโดยเฉพำะในเรือนจำ สืบเน่ืองจำกสถำนกำรณ์ระบำดของโรคไขห้ วัด ใหญ่ในเรือนจำ ปี 2561 พบผู้ป่วย 194 รำย อตั รำป่วย ร้อยละ 13.4 สำเหตขุ องกำรระบำดเกิดจำกผู้ปว่ ยอำกำรไม่ รนุ แรงและไมม่ ีกำรป้องกนั ตนเองหรือคัดแยกและในปี 2562 ได้ เกิดกำรระบำดของโรคไขห้ วดั ใหญํ่ซำ้ อกี ครังทีม ผู้ศึกษำวิจยั จึงได้หำรือกับเจ้ำหน้ำทีเ่ รอื นจำในกำรจัดทำมำตรกำรควบคุมและป้องกัน โรคไข้หวัดใหญ่ โดยมี วตั ถปุ ระสงค์เพ่ือพัฒนำรปู แบบกำรเฝำ้ ระวังโรคไขห้ วัดใหญแ่ ละเพ่ือลดกำรระบำดของโรคไข้หวดั ใหญใ่ นเรือนจำ วิธีการศึกษา : ใช้รูปแบบกำรวิจัยเชิงปฏิบัติกำร (Action research) 3 ขันตอน ได้แก่ 1) วิเครำะห์สถำนกำรณ์กำร ระบำดของโรค ไข้หวัดใหญ่ในเรือนจำ วำงแผนดำเนินงำนและจัดตังทีม อสรจ. 2) กำรนำรูปแบบไปปฏิบัติในพืนท่ี 3) สรปุ และประเมินผล เคร่ืองมือท่ี ใช้ ได้แก่ แบบสอบสวนโรคไข้หวัดใหญ่ แบบสอบถำมข้อมูลผู้ป่วย แบบคัด กรองเฝ้ำระวังอำกำร และทะเบียนรับแจ้งรำยงำนโรค วิเครำะหข์ อ้ มูลโดยใชส้ ถิตเิ ชงิ พรรณนำ หำค่ำควำมถร่ี อ้ ยละ ค่ำเฉลยี่ ผลการศึกษา : จำกเหตุกำรณ์กำรระบำดของโรคไข้หวัดใหญ่ในเรือนจำ วันท่ี 3 – 23 สิงหำคม 2562 พบผู้ป่วย 105 รำย อัตรำป่วย รอ้ ยละ 6.8 ทมี ผู้ศกึ ษำวิจัยจึงประชมุ หำรอื กับผเู้ กีย่ วข้อง และได้ดำเนินกำรตำมรปู แบบกำรเฝำ้ ระวัง 3 มำตรกำร คอื 1) มำตรกำรดำ้ น กำรคัดกรอง ได้แก่ คัดกรองญำติทม่ี ำเย่ยี ม ผู้ต้องขังรำยใหมแ่ ละผูต้ อ้ งรำยเกำ่ ทกุ เชำ้ กลำงวนั และกอ่ นเขำ้ เรือนนอน หำกพบผู้ปว่ ยให้ คัดแยก และแจง้ ทีม SRRT โรงพยำบำลยโสธรเปน็ ระยะเวลำ 14 วนั 2) มำตรกำรดำ้ นกำรป้องกัน ได้แก่ งดกำรทำกิจกรรมร่วมกัน แยก ของใช้ส่วนตัว และทำ Big cleaning day 3) มำตรกำรด้ำนกำรส่ือสำร ได้แก่ กำรอบรมในเรื่องโรคไข้หวัดใหญ่แกเ่ จ้ำหน้ำท่ี ผู้ต้องขัง และ อสรจ. จำกกำร ดำเนินกำร พบผู้ป่วย 72 รำย อัตรำปว่ ย ร้อยละ 4.5 ซ่ึงอตั รำปว่ ยลดลงรอ้ ยละ 33.8 โดยพบผ้ปู ่วยรำยสุดทำ้ ยใน วนั ท่ี 13 กันยำยน 2562 สรุป : โรคไข้หวัดใหญเ่ กิดจำกเชอื ไวรัสสำยพันธ์ุที่พบไดท้ ่ัวไปในท้องถน่ิ โดยมีปัจจัยเสีย่ ง คอื ผูต้ ้องขังอำศยั อยู่ ร่วมกันอย่ำงแออดั และ ทำกิจวัตรประจำวนั ร่วมกัน ทำให้เชือโรคแพร่ระบำดไปอย่ำงรวดเร็ว จำกกำรพฒั นำ รูปแบบกำรเฝ้ำระวงั กำรระบำด สำมำรถลดกำร แพร่ระบำดของเชือไข้หวัดใหญ่ได้ เม่ือดำเนนิ กำรอย่ำงต่อเน่ือง ไม่ พบรำยงำนผู้ปว่ ยด้วยโรคไขห้ วัดใหญ่ในเรือนจำในเดือนมกรำคม – พฤศจิกำยน 2563 คาสาคญั : ไขห้ วดั ใหญ่, เรือนจำ มำตรกำรป้องกันกำรระบำด, กำรเฝำ้ ระวงั เหตกุ ำรณ์ 8 ธันวำคม 2563 ณ โรงแรมสนุ ยี แ์ กรนด์ฯ จ.อุบลรำชธำนี

E-POSTER : ห้องนิทรรศการบูทกลาง P_G3_No4 ผลงานวชิ าการด้านนวัตกรรม ผลของกระบวนการห้าเครอื ข่ายหกร่วมเจด็ ขั้นตอนตอ่ การป้องกันควบคุมวณั โรคในชุมชนตาบล นาสะไมย์ อาเภอเมอื งยโสธร จงั หวัดยโสธร ดวงกมล สมี ันตะ (ส.ม.), นิรมล กบุ แกว้ (พย.ม.) นุจเนตร นยั กุล (ส.บ.), ถนอม นำมวงษ”์ (ส.ม.),สุนทร วริ ิยะพนั ธ์ (ส.ม.) รพ.สต.นำสะไมย์ รพ.สต.ขมุ เงิน สสอ.เมืองยโสธร หลักการและวตั ถุประสงค์ : วัณโรคเปน็ ปัญหำดำ้ นสำธำรณสุข เนื่องจำกเชือมีกำรแพร่กระจำยท่รี วดเรว็ โดยตำบล นำสะไมยม์ ีปัญหำ กำรแพรร่ ะบำดของวัณโรค กำรศึกษำนีมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษำ 1) ผลของกระบวนกำรหำ้ เครอื ข่ำยหกรว่ มเจ็ดขนั ตอนต่อกำรปอ้ งกัน ควบคุมวณั โรคในชมุ ชน 2) ปัจจัยแหง่ ควำมสำเรจ็ ของกำรปอ้ งกนั ควบคุมวณั โรค วิธีการศึกษา : เป็นกำรวิจัยเชิงปฏิบัติกำร ดำเนินกำรระหว่ำงเดือนตุลำคม 2561 – กันยำยน 2562 แบ่งเป็น 4 ระยะ คือ ระยะที่ 1 วเิ ครำะหส์ ภำพปญั หำและหำแนวทำงแกไ้ ข ระยะท่ี 2 ดำเนินกำรป้องกนั ควบคุมวณั โรค ด้วยกระบวนกำร หำ้ เครอื ข่ำย (ผู้นำชมุ ชน อส ม. ท้องถ่ิน ญำติผู้ป่วย เจ้ำหน้ำที่สำธำรณสุข) หกร่วม (ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมรับผิดชอบ ร่วมประเมินผล ร่วมพัฒนำ ร่วมสื่อสำรสร้ำง กระแส) เจ็ดขันตอน (1.จัดตังภำคีเครือข่ำยป้องกันควบคุมวัณโรค 2. พัฒนำศักยภำพเครือข่ำย 3.ค้นหำผู้ป่วยวัณโรคในกลุ่มเสี่ยง 4. ควบคุมกำกับกำรกนิ ยำวณั โรคแบบมพี เ่ี ลยี ง (SMART DOTS) โดยใชส้ ติกเกอร์กำกับกำรกินยำ 5.ติดตำมเย่ียมบ้ำนผู้ปว่ ย 6.กำรประสำน ส่งต่อขอ้ มูลผ่ำนกลมุ่ ไลน์ 7. สรุปผล) ระยะที่ 3 ประเมนิ ผลกำรดำเนนิ งำน ระยะท่ี 4 สะท้อนข้อมลู กลมุ่ ตวั อยำ่ งไดแ้ ก่ ผู้นำชุมชน อสม. ทอ้ งถิ่น ญำติผู้ป่วย และเจ้ำหน้ำทสี่ ำธำรณสุข ในเขตตำบลนำสะไมย์ อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร จำนวน 40 คน เก็บรวบรวม ข้อมูล ด้วย แนวทำงกำรสนทนำกลุ่ม แบบบันทกึ กำรสังเกตแบบมีส่วนร่วม แบบคัดกรองโรค แบบสอบถำม วิเครำะห์ข้อมูลเชิงปริมำณด้วย สถติ ิเชงิ พรรณนำและสถติ เิ ชิงอนมุ ำน วเิ ครำะหข์ อ้ มูลเชิงคุณภำพใชว้ ิธีกำรวเิ ครำะห์ เชิงเนอื หำ ผลการศึกษา : พบว่ำ 1) ภำคีเครือข่ำยมีควำมรู้ในกำรป้องกันควบคุมโรคเพิ่มขึน (mean diff=7.45, 95%CI =6.00 to 7.12, p- value<0.001) 2) กำรมีส่วนร่วมของชุมชนเพิ่มขึน (mean diff. = 12.83, 95% CI=21.06 to 24. 19, pvalue<0.001) 3) ควำม ครอบคลุมกำรคัดกรองวัณโรคในกลุ่มเสี่ยงร้อยละ 100 และ 4) อัตรำควำมสำเร็จกำรรักษำหำย รำยใหม่ทุกรำย ซึ่งมีปัจจัยแห่ง ควำมสำเร็จในกำรดำเนนิ งำน ได้แก่ 1) กำรมสี ว่ นร่วมของทุกภำคสว่ นรว่ มแก้ไข ปัญหำอยำ่ งจริงจงั และตอ่ เนอื่ ง 2) กระบวนกำรทำงำน ที่สร้ำงควำมรู้สกึ ถึงคุณค่ำของตนเอง ทำใหเ้ ครือขำ่ ยมีควำม ภำคภูมิใจในกำรทำงำน สรุป : กำรศึกษำนีส่งผลให้ภำคีเครือข่ำยมีควำมรู้มีส่วนร่วมในกำรป้องกันควบคุมวัณโรคเพ่ิมขึน กำรคัดกรองวัณ โรคในกลุ่มเส่ียง ครอบคลมุ ทกุ รำย อัตรำควำมสำเร็จกำรรักษำหำยรำยใหม่ทุกรำย ลดกำรแพร่เชือวณั โรคในชุมชน สำมำรถนำไปประยุกต์ใชข้ ยำยผลใน พืนทอ่ี ่ืนๆ เพ่อื ช่วยลดกำรแพรร่ ะบำดของวัณโรคได้อยำ่ งมปี ระสทิ ธภิ ำพ คาสาคัญ : วณั โรค,กระบวนกำรหำ้ เครือขำ่ ยหกร่วมเจด็ ขนั ตอน 8 ธันวำคม 2563 ณ โรงแรมสนุ ยี แ์ กรนด์ฯ จ.อุบลรำชธำนี

E-POSTER : ห้องนทิ รรศการบทู กลาง P_G3_No5 ผลงานวชิ าการด้านนวัตกรรม โปรแกรมอตั โนมัติตอบสนองขอ้ มูลที่จาเป็นสาหรบั ทีม Situation Awareness Team (SAT) & Joint Investigation Team (JIT) สคร.9 นครราชสมี า (Easy Response) ลักขณำ สีนวลแล สม.สำธำรณสขุ ศำสตร์, สำยชล เพชรลำ สม.วทิ ยำกำรระบำด ประวทิ ย์ ลำยจันทกึ วทบ.วิทยำกำรคอมพวิ เตอร์, นนั ทน์ ภัส สุขใจ สมกำรพัฒนำสุขภำพชมุ ชน สำนักงำนปอ้ งกนั ควบคมุ โรคที่ 9 นครรำชสมี ำ บทนา : กำรปฏบิ ัติงำนของสมำชิกทีมตระหนักรูส้ ถำนกำรณ์ (SAT) และทีมปฏบิ ัตกิ ำรสอบสวนโรค (JIT) สำนักงำน ปอ้ งกนั ควบคมุ โรค ท่ี 9 นครรำชสีมำ จำเปน็ ต้องมีกำรค้นหำข้อมลู สำคัญจำกหลำยแหล่ง ซ่ึงทำได้ล่ำช้ำ จึงมีแนวคดิ สร้ำงโปรแกรม Easy Response ให้ เป็นแหล่งสืบค้นข้อมูลท่ีใช้งำนได้ง่ำย สะดวก รวดเร็ว ไม่จำกัดสถำนท่ีและ เคร่ืองมือในกำรทำงำน เพื่อให้ทีมตระหนักรู้สถำนกำรณ์ (SAT) และทมี ปฏบิ ัติกำรสอบสวนโรค (JIT) สคร.9 ปฏิบัตงิ ำนไดอ้ ย่ำงมปี ระสทิ ธิภำพ รวดเร็วและทนั เวลำ วธิ ีการศกึ ษา : ประยกุ ต์ใชก้ ระบวนกำรคิดเชิงออกแบบ มี 5 ขันตอน 1) ทำควำมเข้ำใจกลุ่มเปำ้ หมำย 2) ระบุ ประเดน็ ปญั หำ 3) ระดม ควำมคิด 4) สร้ำงต้นแบบ 5) ทดสอบกำรใช้งำน ทีมผู้วิจัยออกแบบและพัฒนำโปรแกรม Easy Response โดยใช้เคร่ืองมือ LINE Official Account Managerซ่ึงเปน็ โปรแกรมฟรี ทดลองใชก้ ับ ทีม SAT & JIT สคร.9 จำนวน 30 คน ระยะเวลำ 1 เดือน และประเมิน ควำมพึงพอใจกำรใช้งำน โดยใชแ้ บบสอบถำม ผำ่ น google form วิเครำะห์ขอ้ มลู โดยใชส้ ถติ ิ คือ จำนวน และรอ้ ยละ ผลการศึกษา : โปรแกรม Easy Response เป็น Line application ท่ีสำมำรถใช้งำนผ่ำน Smart Phone ได้ตลอดเวลำ ใช้งำนง่ำย ใช้ได้ทุกสถำนที่โดยไม่มีข้อจำกัด สำมำรถใช้คีย์เวิร์ดที่กำหนด ค้นหำข้อมูลที่ต้องกำรคือ เกณฑ์ DCIRs เขตสุขภำพท่ี 9 เง่ือนไขกำร ตรวจสอบข่ำวของกรมควบคุมโรค เกณฑ์กำรประเมินควำมเส่ีย เงื่อนไขกำรออก สอบสวนโรค ตัวอย่ำง Spot report กำรส่งตัวอย่ำง ทำงห้องปฏบิ ัตกิ ำร ควำมรู้เรื่องโรค แบบสอบสวนโรค ตำรำงกำรปฏิบัตงิ ำน ตำรำง Outbreak Verification และโรคติดต่ออนั ตรำย มี ผ้ใู ชง้ ำนโปรแกรมทังหมด 39 คน จำกกำรประเมินควำมพึงพอใจผู้ใช้งำน (n=25) พบวำ่ มคี วำมพึงพอใจในภำพรวมระดับมำกทส่ี ุด(รอ้ ย ละ 68) พงึ พอใจมำก (ร้อยละ 32) เน่อื งจำกเป็นโปรแกรมทีใ่ ช้ผำ่ น Line application ต้องมีอนิ เตอรเ์ นต็ จึงสำมำรถใชง้ ำนได้ สรปุ และข้อเสนอแนะ : ทีม SAT & JIT สคร.9 มีโปรแกรม Easy Response ใช้เป็นแหล่งสบื ค้นขอ้ มูลในกำร ปฏิบัติงำน ควรเผยแพร่ ให้ทีม SAT และ JIT ใชง้ ำนให้มำกขึน และเพมิ่ คยี ์เวิร์ดในกำรคน้ หำให้งำ่ ยขึน กำรพัฒนำตอ่ ยอดในอนำคตควรมกี ำรขยำยผลโปรแกรม ให้ทมี SAT ระดบั จังหวดั ร่วมใชง้ ำน คาสาคัญ : โปรแกรมอตั โนมตั ิ, SAT, JIT 8 ธันวำคม 2563 ณ โรงแรมสนุ ีย์แกรนด์ฯ จ.อุบลรำชธำนี

E-POSTER : ห้องนทิ รรศการบูทกลาง P_G3_No6 ผลงานวชิ าการด้านนวัตกรรม กระบวนการบนั ทึกขอ้ มูล Google form และติดตามกลุ่มเสีย่ ง COVID-๑๙ ด้วยบัตรประจาตัว QR CODE พนื้ ทอี่ าเภอภักดีชุมพล จงั หวัดชัยภมู ิ นำยกฤศ แกมคำ สบ. (สำธำรณสขุ ศำสตรบณั ฑติ ) งำนควบคมุ โรคตดิ ต่อ สำนักงำนสำธำรณสขุ อำเภอภกั ดชี ุมพล หลักการและวัตถุประสงค์ : หลงั จำกมีนโยบำยในกำรปิดเมือง (Lockdown) และประกำศให้ กรุงเทพฯ และ ปริมณฑล เป็นพืนท่ีท่ีมี กำรระบำดของ COVID-๑๙ ศูนย์ระบำดวิทยำอำเภอภักดีชุมพล มีหน้ำที่ในกำรจัดทำข้อมูลผู้ เดินทำงกลับภูมิลำเนำ และดำเนินกำร ตดิ ตำมกำรกักตัวกลุ่มเส่ียง ๑๔ วัน ซึ่งจำกกำรดำเนินงำนในขันต้น พบว่ำ กลุ่มเส่ียง ทยอยกลับจำกต่ำงจังหวัดเข้ำพืนท่ีพร้อมกันเป็น จำนวนมำก ทำใหข้ ้อมูลไมเ่ ป็นปัจจบุ นั และยังไม่มรี ะบบกำรติดตำมกำร กักตัวของกลุม่ เสีย่ งทีช่ ัดเจน จึงได้จัดทำนวตั กรรมดังกล่ำวขึน เพอื่ สนบั สนนุ กำรเกบ็ ข้อมลู และสร้ำงระบบกำรติดตำมกำร กักตัวของกลมุ่ เส่ยี งทีเ่ ปน็ รปู ธรรม วธิ ีการศึกษา : ด้ำนกำรบันทึกข้อมูล ออกแบบระบบใหม่ โดยส่ง google forms ให้ผู้ใหญ่บ้ำนเป็นผู้บันทึกข้อมูล แรกรับ เมื่อได้ Big Data มำแล้วศนู ยร์ ะบำดวิทยำเคลยี ขอ้ มลู นำเข้ำฐำน TQM ของกระทรวงมหำไทยได้ทันที และ link กำรบันทึกกบั line notification แจ้งเตอื นทกุ ครังท่ีมีกำรบนั ทกึ ขอ้ มลู เขำ้ มำใหผ้ ูบ้ ริหำรได้รับทรำบ รวมถึงสร้ำง Data studio เพอื่ ใหส้ ำมำรถเข้ำมำใช้ข้อมลู รว่ มกนั เช่น วันท่ีจำนวน จังหวัดที่เดินทำงกลับ โดยสำมำรถสร้ำงข้อมูลเป็น แผนภำพหลังจำกบันทึกได้ทันที ด้ำนกระบวนกำรติดตำมกลุ่มเส่ียง Export ขอ้ มูลจำก TQM ออกมำทำบัตรประจำตวั กลุ่มเสีย่ ง โดยใช้ QR CODE ระบุตัวตน เลข ID และให้ผ้ใู หญบ่ ำ้ น แจกบัตร ให้กลุ่ม เส่ียง บัตรออกแบบมีหน้ำเป็น QR CODE ด้ำนหลัง เป็นช่อง ๑๔ ช่อง คล้ำยเก็บแต้มสะสมชำไข่มุก จำกนันออกติดตำมโดย คณะกรรมกำรหมู่บำ้ น อสม. ตำรวจ และปลัดอำเภอ ใชโ้ ทรศพั ทม์ ือถือยิง QR CODE ซงึ่ ขอ้ มูลกำรเยยี่ ม แจ้งเตือน line notification ในกลุ่มผู้บริหำร ทุกครังท่ีมีกำรบันทึก และมี Data studio สำมำรถตรวจเช็ดได้ว่ำ ได้รับกำรเย่ียมก่ีครัง โดยผู้ใด ครบหรือไม่ เมื่อ ตดิ ตำม ครบ ๑๔ วนั มีตรำประทับปลดกกั โดย ปลัดอำเภอ เพือ่ ยนื ยันกับประชำชนในหมูบ่ ้ำน ผลการดาเนินการ : สำมำรถบันทึกข้อมูลผู้เข้ำสู่พืนท่ีได้อย่ำงรวดเร็วเป็น Realtime และมีระบบ Data studio คืนข้อมูลให้กับ เครือข่ำย กลุ่มเสยี่ งที่เดินทำงเข้ำพืนท่ี ๑,๔๗๐ รำย ได้รับกำรบันทกึ เข้ำระบบทังหมด คิดเป็น ร้อยละ 900 กลมุ่ เสี่ยงได้รบั กำรติดตำม กำรกักกัน โดยเจ้ำหน้ำที่ จำนวน ๗๓๕ รำย จำนวน ๓,๑๓๕ ครัง สรุป : กำรบันทึกข้อมูลและติดตำมกลุ่มเส่ียงด้วยบัตร QR CODE สำมำรถลดระยะเวลำในกำรเยี่ยม และลดกำร สัมผสั กลุ่มเส่ียงของ เจ้ำหน้ำที่ผู้ติดตำมเย่ียม กำรสร้ำงบัตรประจำตัวรวมไปถึงกำรเยี่ยมในรูปแบบคณะกรรมกำรสำมำรถ สร้ำงผลทำงจิตวิทยำในกำรทำ ตำมคำแนะนำของเจ้ำหน้ำที่ได้เปน็ อย่ำงดี คาสาคญั : กำรตดิ ตำมกลุม่ เสี่ยง, Covid-19, google form, QR CODE 8 ธันวำคม 2563 ณ โรงแรมสนุ ีย์แกรนด์ฯ จ.อุบลรำชธำนี

E-POSTER : ห้องนิทรรศการบทู กลาง P_G3_No7 ผลงานวชิ าการดา้ นนวัตกรรม เครอื่ งถอดเข็มทางทนั ตกรรมแบบมอื เดียว ธนพนธ์ วระโพธ,์ิ ทบ. (ทนั ตแพทยศำสตรบณั ฑติ ) กลุ่มงำนทันตกรรม โรงพยำบำลปทุมรำชวงศำ จ.อำนำจเจรญิ หลกั การและวตั ถปุ ระสงค์ : อบุ ตั กิ ำรณ์กำรเกิดเข็มทิม่ ตำมือในทันตบุคลำกรขณะปฏบิ ตั งิ ำนมักเกิดขึนอยู่ บ่อยครัง สำเหตุหน่งึ เกดิ จำก เทคนิคกำรถอดเข็มทีไ่ ม่เหมำะสม จำกข้อมลู แนวปฏิบัติของสถำนพยำบำลในกำร ดำเนนิ กำรปอ้ งกันกำรติดเชือจำกเขม็ ทม่ิ ตำของมีคม และกำรสัมผัสเลือดหรือสำรคัดหลง่ั จำกกำรปฏิบัติงำนของบุคลำกร ปี 2557 พบวำ่ โอกำสเส่ียงจำกกำรตดิ เชือเอชไอวโี ดยกำรถูกเข็ม ทม่ิ ตำผวิ หนงั มีโอกำสตดิ เชือ 30 ครงั ตอ่ กำรสมั ผสั ผู้ติด เชอื 10,000 ครัง กรณเี มื่อถกู เข็มที่มตำทังผปู้ ่วยและเจ้ำหน้ำที่จะต้องไดร้ ับกำร ตรวจเลือดและติดตำมผลเป็นระยะ ซึ่ง อำจส่งผลกระทบต่อสุขภำพทำงกำย จิตใจและเส่ียงต่อกำรติดเชือได้ จำกข้อมูล(พ.ศ.2556- 2563) กลุ่มงำนทันตกรรม โรงพยำบำลชำนุมำน จ.อำนำจเจริญ พบว่ำมีอุบัติกำรณ์กำรเกิดเข็มท่ิมตำมือในผู้ช่วยทันตแพทย์จำนวน ทังหมด 3 ครัง โดยสำเหตุเกิดจำกกำรถอดเข็มโดยใช้ 2 มือ ดังนันหำกสร้ำงเคร่ืองถอดเข็มแบบมือเดียวจะสำมำรถป้องกันกำรเกิด อุบัติกำรณ์เขม็ ทมิ่ ตำมือได้ ผู้วิจยั จงึ ได้คิดค้นนวัตกรรมนขี ึนโดยมีจุดประสงค์เพ่ือป้องกันกำรเกดิ อุบัติกำรณเ์ ขม็ ทิ่มตำ มือและออกแบบ ให้สำมำรถใช้งำนได้ 2 ระบบคอื Hand switch และ foot Switch วธิ ีการศึกษา : รูปแบบกำรศึกษำเป็นกำรวิจัยเชิงนวัตกรรม กลุ่มตัวอย่ำงท่ีใช้ในกำรศึกษำครังนี คือ ผู้ป่วยที่มำรับบริกำร ทำงทันตก รรมที่มกี ำรใช้เข็มฉดี ยำชำในกำรทำหัตถกำรร่วมด้วย จำนวน 941 รำย ระหวำ่ งวันที่ 20 พฤษภำคม พ.ศ.256331 สงิ หำคม พ.ศ.2563 ใหผ้ ้ชู ่วยทนั ตแพทย์เป็นผูใ้ ชง้ ำนนวตั กรรม ผลการศึกษา : ไม่พบอุบัติกำรณ์กำรเกิดเข็มท่ิมตำมือหลังใช้นวัตกรรมท่ีถอดเข็มแบบมือเดียว เวลำเฉล่ียในกำรถอดเข็ม โดยใช้ นวัตกรรมใช้เวลำเฉล่ีย 4 วินำที/หลอด เม่ือเทียบกับกลุ่มท่ีไม่ใช้นวัตกรรมหรือถอดเข็มแบบสองมือ ใช้เวลำเฉลี่ย 7 วินำที/หลอด ผ้ใู ชง้ ำนมคี วำมพึงพอใจอยูใ่ นระดบั รอ้ ยละ 95 สรุปผล : กำรคิดค้นนวัตกรรมเครื่องถอดเข็มแบบมือเดียวสำมำรถช่วยป้องกันกำรเกิดเข็มท่ิมตำมือได้จริง ใช้เวลำถอดเข็ม น้อยกว่ำ และมีควำมปลอดภัยมำกกว่ำกำรถอดเข็มแบบใช้สองมือ นวัตกรรมนีถูกพัฒนำอย่ำงต่อเนื่องเพื่อให้สำมำรถใช้ งำนได้สะดวกในพื นที่ บริกำรจริง สำมำรถเปล่ยี นถังใส่เข็มได้งำ่ ย และยังสำมำรถพัฒนำต่อในรูปแบบกำรทำงำนระบบ sensor เพื่อให้ง่ำยต่อกำรใช้งำนมำก ยง่ิ ขึน คาสาคัญ : เคร่ืองถอดเข็ม, ทันตกรรม 8 ธนั วำคม 2563 ณ โรงแรมสนุ ยี แ์ กรนด์ฯ จ.อุบลรำชธำนี

ประเภทนาเสนอแบบ โปสเตอร์อเิ ลก็ ทรอนคิ ส์(E-Poster) บทคัดยอ่ ผลงำนวชิ ำกำร ด้ำนระบำดวทิ ยำ (สถำนท่ี : หอ้ งจดั นทิ รรศกำรภำพถ่ำย) 8 ธันวำคม 2563 ณ โรงแรมสุนยี แ์ กรนด์ฯ จ.อุบลรำชธำนี

E-POSTER : หอ้ งนทิ รรศการภาพถา่ ย P_G4_No1 ผลงานวิชาการด้านระบาดวิทยา การสอบสวนโรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) กรณนี กั ฟตุ บอลไทยลกี ชาว อุซเบกสี ถาน ในจังหวัดบรุ รี ัมย์ ระหว่างวันที่ 8 - 22 กนั ยายน 2563 พิมพอ์ ัมพร คำพรมมำ*/จุฬำลกั ษณ์ สำยสดุ * /พิเชษฐ พดื ขุนทด* /ภุชงค์ ไชยชิน*/ ศันสนยี ์ ภัทรศรวี งษ์ชัย*/อธพิ ันธ์ ศิริธรรมำภรณ์* /กิตตศิ ักด์ิ ประครองใจ* / พฒุ ิธร มำลำ ทอง*/ละออง เลียวประโคน* /พีระพงษ์ เดยี งสำ*/ ภวู ดล กิตตวิ ฒั นำสำร**/ สมจิตร์ จำปำแดง** รชั นี ศรโี สภณ** สำนกั งำนสำธำรณสุขจังหวัดบรุ รี มั ย์*/โรงพยำบำลบรุ ีรมั ย*์ * ความเป็นมา : สถำนกำรณ์โรคติดเชือไวรัสโคโรนำ 2019 (COVID-19) จังหวัดบุรีรัมย์มีแนวโน้มลดลงและต้อง มีกำรเฝ้ำระวังอย่ำง ต่อเน่ือง วันท่ี 8 กันยำยน 2563 ทีมตระหนักรู้สถำนกำรณ์บุรีรัมย์ได้รับแจ้งจำก โรงพยำบำลบุรีรัมย์ ว่ำพบผู้ติดเชือโควิด 1 รำย เป็น เพศชำย สัญชำติอุซเบกิสถำน อำยุ 29 ปี อำชีพ นักฟุตบอล คณะผู้สอบสวนโรคออกสอบสวน ศึกษำลักษณะทำงระบำดวิทยำตำม บุคคล เวลำ สถำนที่ และค้นหำผ้สู มั ผัสเพมิ่ เตมิ เพือ่ กำหนดมำตรกำรป้องกัน ควบคมุ โรคในครังนแี ละครังต่อไป วิธีการศกึ ษา : รูปแบบกำรศึกษำเปน็ ระบำดเชิงพรรณนำ ประชำกรกลุม่ ตัวอย่ำง คือผู้ทีส่ ัมผสั กับผู้ปว่ ยใน บุรีรมั ย์ ระหวำ่ งวนั ที่ 8 - 22 กันยำยน 2563 จำนวน 413 รำย เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบสวนผู้ป่วยโรค โควิด 19 กองระบำดวิทยำ เก็บตัวอย่ำงส่งตรวจทำง หอ้ งปฏบิ ตั ิกำร วเิ ครำะหผ์ ลด้วยสถิติเชงิ พรรณนำ ได้แก่ ควำมถี่ รอ้ ยละ มธั ยฐำน ตำ่ สดุ และสูงสดุ ผลการสอบสวน : พบผู้ป่วย 1 รำย ไมแ่ สดงอำกำรปว่ ย ไมม่ ีประวัตเิ สย่ี งในกำรสัมผัสผู้สงสัยตดิ เชือ ก่อนมำ ไดร้ ับกำรตรวจหำเชือผล เป็นลบ ถึงไทยในวันท่ี 13 สงิ หำคม 2563 เขำ้ รับกำรกักตวั ท่ี ASQ จงึ ไดม้ ำฝึกซ้อมที่ บุรีรัมย์ เมื่อมกี ำรตรวจพบเชือ คณะสอบสวนโรค ได้สอบสวน โดยมผี ู้เก่ียวข้องในเหตกุ ำรณท์ ังสิน 413 รำย เพศหญงิ 215 รำย (รอ้ ยละ 52.06) เพศชำย 198 รำย (รอ้ ยละ 47.94) อำยุ ตำ่ สดุ 10 ปี สูงสุด 67 ปี มัธยฐำน 36.5 ปี แบง่ เป็นกลุ่มเสี่ยงสูง 74 รำย (ร้อยละ 17.92) กลุ่มเสยี่ งต่ำ 114 รำย (ร้อยละ 27.60) และ กลุ่มค้นหำ เชิงรุก 225 รำย (ร้อยละ 54.48) ตำมลำดับ ซ่งึ กลมุ่ เสี่ยงสูงและกลุ่มค้นหำเชิงรุกไดร้ ับกำรตรวจผลไม่พบเชอื ทุกรำย และ ทกุ กลุ่มกกั ตัวเพอ่ื เฝ้ำระวังอำกำรจนครบ 14 วนั หำกมีอำกำรผิดปกติให้แจ้งเจ้ำหน้ำท่ีทันที จำกเหตุกำรณ์นีพบกลุ่มเสีย่ งจำนวนมำก ทำใหต้ ้องบรหิ ำรจัดกำรคน สถำนท่ี งบประมำณ และทรัพยำกร อยำ่ งเป็นระบบ จึงสำมำรถควบคุมโรคใหส้ งบลงได้ สรุป วิจารณ์และข้อเสนอแนะ : กำรสอบสวนผู้ป่วยติดเชือท่ีไม่แสดงอำกำรครังนี ชีให้ว่ำระยะฟักตัวส่วนใหญ่ จะอยู่ท่ี 2 - 7 วัน ยำวนำนถึง 14 วัน (ร้อยละ 95 ) แต่โอกำสจะมำกกว่ำ 21 วัน เป็นไปได้น้อยกว่ำ 1 % แต่เม่ือเกิดกำรติดเชือแล้ว ต้องอำศัยควำม ร่วมมือจำกเครือขำ่ ยในบุรรี ัมย์ และต่ำงจงั หวัด เพื่อนำข้อมลู มำ วำงแผนในกำรป้องกัน ควบคุมโรคให้เป็นไปตำมมำตรกำรที่กระทรวง สำธำรณสขุ กำหนดไวอ้ ยำ่ งเคร่งครัด คาสาคญั : โรคตดิ เชอื ไวรัสโคโรนำ 2019 (COVID-19) นกั ฟตุ บอล,บรุ รี ัมย์ 8 ธนั วำคม 2563 ณ โรงแรมสนุ ีย์แกรนด์ฯ จ.อุบลรำชธำนี

E-POSTER : หอ้ งนิทรรศการภาพถ่าย P_G4_No2 ผลงานวชิ าการดา้ นระบาดวิทยา รายงานการสอบสวนผูต้ ิดเช้ือไวรสั โคโรนา 2019 รายแรกของอาเภอตระการพชื ผล ตาบลหว้ ยฝ่ายพฒั นา อาเภอตระการพชื ผล จังหวดั อุบลราชธานี วันท่ี 25 มีนาคม - 7 เมษายน 2563 The first case report on the investigation of the coronavirus infection Huai Fai Phatthana tumbol Trakanphuetphon District Ubonratchathani Province พรสดุ ำ โสวรรณี* จนั ทร์จิรำ พรมโพธ์ิ*, ปิยวรรณ วิลำมำศ** ,อนงนำถ ศุภรกั ษ์ *** โรงพยำบำลตระกำรพชื ผล* สำนักงำนสำธำรณสุขอำเภอตระกำรพชื ผล** โรงพยำบำลส่งเสรมิ สขุ ภำพตำบลหว้ ยฝ้ำย*** ความเป็นมา : โรคติดเชือไวรัสโคโรนำ(COVID-19) 2019 เป็นโรคติดต่ออันตรำยที่มีรำยงำนผู้ป่วยรำยแรกเม่ือ เดือนธันวำคม 2562 และแพร่ระบำดไปท่ัวโลกผ่ำนกำรไอ จำม สัมผัสโดยตรงกับสำรคัดหล่ังของคนและสัตว์ที่ เป็นแหล่งโรค ยังไม่มีวัคซีนป้องกันและยำ รักษำทีไ่ ดผ้ ล จงึ ทำใหป้ ระชำชนเกิดควำมกลวั และรงั เกียจผู้ป่วย ซ่งึ โรงพยำบำลตระกำรพชื ผลไดร้ ับรักษำผ้ตู ิดเชอื รำยแรกเมือ่ วันท่ี 25 มนี ำคม 2563 จงึ ไดอ้ อกสอบสวนโรคเพอื่ ยืนยันกำรวินจิ ฉยั และกำรระบำดของโรค ศึกษำลักษณะกำรเกิดโรคในแงบ่ คุ คล เวลำ สถำนที่ และดำเนิน มำตรกำรควบคมุ ปอ้ งกนั กำรระบำดของโรค วธิ ีการศึกษา : ใช้วิธีศึกษำเชิงพรรณนำ โดยกำรทบทวนเวชระเบียนผู้ป่วย กำรนิยำมและค้นหำผู้ป่วยเพ่ิมเติม กำรศึกษำสิ่งแวดล้อม และกำรศึกษำทำงหอ้ งปฏิบตั ิกำร ระหวำ่ งวันท่ี 25 มนี ำคม - 7 เมษำยน 2563 เก็บข้อมูล โดยใช้แบบสอบสวนผปู้ ่วยโรคตดิ เชือไวรสั โค โรนำ 2019 ของสำนักระบำดวทิ ยำ กระทรวงสำธำรณสุข ผลการสอบสวน : ผู้ติดเชือไวรัสโคโรนำ 2019 รำยแรก เป็นชำยไทย อำยุ 49 ปี ภูมิลำเนำเลขที่ 19 หมู่ 1 ตำบล ห้วยฝ่ำยพัฒนำ อำเภอตระกำรพืชผล จงั หวดั อุบลรำชธำนี อำชพี รับจ้ำงทกี่ รุงเทพมหำนคร อัตรำป่วย (Attack rate) ร้อยละ 0.30 มีประวัติเดนิ ทำงไป พนื ทีเ่ ส่ยี งคือสนำมมวยรำชดำเนนิ ตรวจพบกำรติดเชอื ไวรัส SARSCoV-2 ดว้ ยวธิ ี Real time-PCR โดยไมม่ อี ำกำรหรอื อำกำรแสดงใดๆ (Asymptomatic infection) ทงั นีส่วน ใหญ่ผู้ติดเชอื ทำงำนอยทู่ ่ีกรุงเทพมหำนคร และกลับภูมิลำเนำในช่วงที่มีกำรระบำดของโรค ทำ ให้ชุมชนรังเกียจ ไม่ยอมให้ผู้ป่วยและภรรยำพักในชุมชน จำกกำรค้นหำผู้ป่วยเพิ่มเติมในกลุ่มผู้สัมผัสโดยกำรเก็บส่ิงส่งตรวจทำง ห้องปฏิบัติกำร และในกลุ่มผู้เดินทำงจำกพืนท่ีเส่ียงโดย อสม. ไม่พบผู้ป่วยรำยใหม่ ดังนันกำรควบคุมกำร ระบำดจึงเน้นกำรแยกกักผู้ สมั ผัส กำรทำลำยเชอื ในทีพ่ ัก/ยำนพำหนะ และใหค้ วำมรูป้ ระชำชนเพื่อลดควำม กลวั และกำรตตี รำจำกสงั คม สรปุ วิจารณ์และขอ้ เสนอแนะ : พบผู้ติดเชือไวรัสโคโรนำ 2019 ที่ไม่มีอำกำรหรอื อำกำรแสดงใดๆ รำยแรกของ อำเภอตระกำรพืชผล จังหวดั อุบลรำชธำนี โดยมีสถำนท่ีเสี่ยงต่อกำรตดิ เชือคือสนำมมวย และเน่ืองจำกเป็นโรค อุบัติใหม่ชุมชนยงั ไมม่ ีควำมพร้อมทังควำมรู้ และกำรจัดกำรกับผู้ป่วยที่อยู่ในชุมชนทำให้เกิดควำมต่ืนกลัว ไม่ ยอมรับ รังเกียจและมีกำรตีตรำทำงสังคม ทังนีกำรเผยแพร่ควำมรู้ ข้อมูลข่ำวสำรท่ีถูกต้อง และกำรใช้มำตรกำร ทำงกฎหมำย จะชว่ ยลดกำรรงั เกยี จและกำรตีตรำทำงสงั คมได้ คาสาคัญ : กำรสอบสวนโรค, เชอื ไวรัสโคโรนำ 2019,กำรตีตรำทำงสังคม 8 ธันวำคม 2563 ณ โรงแรมสนุ ียแ์ กรนด์ฯ จ.อุบลรำชธำนี

E-POSTER : ห้องนทิ รรศการภาพถ่าย P_G4_No3 ผลงานวชิ าการดา้ นระบาดวิทยา การสอบสวนวณั โรคในบคุ ลากรสาธารณสขุ อาเภอพบิ ูลมังสาหาร จังหวดั อบุ ลราชธานี มถิ นุ ายน - ตลุ าคม 2563 มณรี ัตน์ อบมำ*/วรรณษิ ำ สมเมอื ง* /ภทั รำพร กำเผอื ก*/วรณุ รตั น์ เจรญิ ดี** ลักขณำ พลู ด*ี ** รพ.พบิ ลู มงั สำหำร* /รพ.สต.หนองบวั ฮ*ี */สำนกั งำนสำธำรณสุขอำเภอพบิ ลู มังสำหำร*** ความเปน็ มา : ประเทศไทยถกู จดั ใหอ้ ยใู่ นกลุม่ 14 ประเทศทม่ี ีปัญหำวัณโรคสูง มอี ัตรำวัณโรครำยใหม่สงู กว่ำคำ่ เฉล่ยี ของโลก 1.3 เท่ำ แต่มีผู้ป่วยที่ตรวจพบร้อยละ 59 ผู้ป่วยส่วนหนึ่งอยู่ในชุมชนและแพร่กระจำยเชือ บุคลำกรที่ ปฏิบัติงำนในหน่วยบริกำรสำธำรณสุข เสีย่ งตอ่ กำรติดเชือเนือ่ งจำกสมั ผัสโรคบ่อยๆจำกผู้ป่วยวัณโรค ในทำง กลับกนั ถ้ำบุคลำกรดงั กล่ำวเป็นวณั โรคกม็ โี อกำสแพร่เชือให้กับผู้ มำรับบริกำรและเพื่อนร่วมงำนได้ ดังนันทีม ควบคุมโรคจึงร่วมกันสอบสวนวัณโรคในบุคลำกรสำธำรณสุขขึน เพื่อยืนยันกำรวินิจฉัย ศึกษำลกั ษณะทำง ระบำดวิทยำ และหำแหล่งแพร่โรค นำไปสู่มำตรกำรในกำรป้องกันและควบคุมโรคต่อไป วธิ ีการศึกษา : รูปแบบกำรศึกษำเป็นระบำดวิทยำเชิงพรรณนำ โดยทบทวนสถำนกำรณ์วัณโรคอำเภอพิบูลฯ และ พืนที่รพ.สต.ท่ีพบ ผู้ป่วย ย้อนหลัง 6 ปี (พ.ศ.2558 – 2563) จำกศูนย์เฝ้ำระวังทำงระบำดวิทยำอำเภอ ทบทวน บันทึกกำรรักษำและผลตรวจทำง หอ้ งปฏิบัติกำรจำกทะเบียนผู้ป่วยวัณโรค (รบ 1 ก 04), โปรแกรมฐำนข้อมูล โรงพยำบำล (HI for MySQLv.6), บันทึกกำรรักษำ (TB card) และสอบถำมผู้ป่วย, ญำติ และเพื่อนร่วมงำน ค้นหำผู้ป่วยเพิ่มในผู้สัมผัสโรคร่วมบ้ำน/ผู้สัมผัสโรคใกล้ชิด/เพ่ือนร่วมงำน โดยใช้ แบบคัดกรองทด่ี ัดแปลงจำก สสจ.อบุ ลฯ ร่วมกับกำรถ่ำยภำพรงั สที รวงอก ผลผิดปกตสิ ่งตรวจทำงห้องปฏบิ ัติกำรเพมิ่ (AFB, Gene X- Pert) ผลการศึกษา : ผู้ป่วยเพศหญิง อำยุ 43 ปี ผลตรวจทำงห้องปฏิบตั ิกำรพบเชือวัณโรค และผลกำรถ่ำยภำพรงั สีทรวงอก พบรอยโรคที่ ปอด ขึนทะเบียนรักษำแล้ว อำกำรป่วยดังนี ไข้ ไอ มีเสมหะ ปวดตำมตัว บำงวันมีไข้ต่ำๆ นำหนกั ลด 1 กิโลกรัม ก่อนหน้ำนี 3 เดือน ได้รับกำรคดั กรองด้วยกำรถำ่ ยภำพรังสที รวงอกผลปกติ กำรทำงำนของ ผู้ป่วย มกี ำรพดู คยุ กับผู้มำรับบรกิ ำร วันละ 10-30 คน ในกำร ซกั ประวตั ิ ชัง่ นำหนกั วัดควำมดัน กำรนวด และ กำรออกเยี่ยมบำ้ น ทำมำนำน 12 ปี ขณะให้บรกิ ำรสวมหน้ำกำกอนำมยั ทำงกำรแพทย์ (Surgical mask) แต่ ไม่ได้สวมตลอดเวลำ ผู้ป่วยมีอัธยำศัยดี พูดเก่ง หมู่บ้ำนท่ีผูป้ ่วยอำศยั อยู่ มผี ู้ปว่ ยวัณโรคในปี 2558, 2559, 2561 และ 2563 ประวัติบุคคลในครอบครัว, เครือญำติ และเพื่อนบ้ำน ไม่มีผู้ป่วยวัณโรค พบผู้สัมผัส 12 คน มีเด็กอำยุ 11 เดอื น 1 คน ผล กำรถ่ำยภำพรังสีทรวงอกปกติ แพทย์ให้กินยำป้องกัน (Prophylaxis) ส่วนใน ผู้ใหญ่ผิดปกติ 6 คน 1 ใน 6 คนนีผล Gene X-Pert : MTB Detected 1 คน แพทยว์ ินิจฉยั วณั โรคปอด เสมหะไม่พบเชือ ขนึ ทะเบียนรกั ษำแล้ว สรุป วิจารณแ์ ละขอ้ เสนอแนะ : จำกกำรสอบสวนผู้ป่วยรำยนีเปน็ ผู้ป่วยวัณโรคปอดเสมหะพบเชือรำยใหม่ อำจจะไดร้ ับเชือจำกผปู้ ว่ ย ในท่ีทำงำนหรือในชุมชน ขณะให้บริกำรท่ีสถำนบริกำร, กำรเย่ียมบ้ำน, กิจกรรมทำงสังคมอื่น ๆ ผู้ป่วยสวม หน้ำกำกอนำมัยทำง กำรแพทย์ ซึ่งหน้ำกำกดังกลำ่ วไมส่ ำมำรถป้องกันวณั โรคได้ ดังนนั สถำนบริกำรจึงควรเน้น กำรคัดกรองผู้มำรับบริกำรที่มอี ำกำรไอเพื่อ แยกตรวจในพนื ทโ่ี ลง่ ให้ผู้รบั บริกำรสวมหนำ้ กำกอนำมัย ผู้ ให้บรกิ ำรมกี ำรปอ้ งกนั ตัวเองเพม่ิ ขึน เช่น สวมหน้ำกำกอนำมยั ทป่ี อ้ งกนั วัณ โรคได้ หรือใช้อุปกรณ์อื่นๆช่วย เพื่อลดกำรสัมผัส ควบคู่กับกำรปรับปรุงสถำนท่ีทำงำนให้อำกำศถ่ำยเทได้สะดวก ห้องทำงำนที่มี เคร่ืองปรับอำกำศควรเปิดให้อำกำศไดถ้ ่ำยเทและทำควำมสะอำดอย่ำงสมำ่ เสมอ ไมค่ วรนำเดก็ เลก็ มำเลียงท่ี สถำนพยำบำล และควรมี กจิ กรรมค้นหำผปู้ ว่ ยทงั ในชุมชนและสถำนพยำบำล เมือ่ พบนำมำรกั ษำโดยเรว็ 8 ธันวำคม 2563 ณ โรงแรมสนุ ีย์แกรนด์ฯ จ.อุบลรำชธำนี

E-POSTER : ห้องนิทรรศการภาพถา่ ย P_G4_No4 ผลงานวิชาการดา้ นระบาดวิทยา การสอบสวนโรคกรณีผูป้ ว่ ยอหิวาตกโรคเสยี ชีวิต Vibrio Cholerae 0139 บ้านหนองกุง หม่ทู ี่ 11 ตาบลคาละแมะ อาเภอศขี รภูมิ จังหวัดสุรนิ ทร์, กันยายน 2563 พชิ ญำณี กทิศำสตร์1 พยำบำลศำสตรบณั ฑิต ลำดวน โสรเนตร1 สำธำรณสขุ ศำสตรบณั ฑติ “ฉณะชญิ ธ์ิ ลบั โกษำพพิ ัฒน์1 สำธำรณสุขศำสตรบัณฑิต โรงพยำบำลส่งเสริมสขุ ภำพตำบลคำละแมะ1 สำนกั งำนสำธำรณสุขอำเภอศรีขรภูมิ2 บทนา : เม่ือวันที่ 19 กันยำยน 2563 งำนระบำดวิทยำ โรงพยำบำลส่งเสริมสุขภำพตำบลคำละแมะ อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ ได้รับแจ้งจำกกลุ่มงำนระบำดวิทยำ สำนักงำนสำธำรณสุขอำเภอศีขรภูมิ ว่ำพบผู้ป่วยเสียชีวิตด้วย โรคอหิวำตกโรคจำกเชือ Vibrio Cholerae 0139 จำนวน 1 รำย จงึ ได้ลงพนื ทด่ี ำเนินกำรสอบสวนโรค วตั ถุประสงค์ : เพ่อื ยืนยันกำรวนิ จิ ฉัย ยืนยันกำรระบำด อธิบำยลักษณะกำรเกิดโรคตำมเวลำ สถำนท่ี และบุคคล ค้นหำแหล่งโรค และ กำหนดมำตรกำรกำรป้องกนั ควบคุมโรค วิธีการศึกษา : เปน็ กำรสอบสวนผู้ปว่ ยเฉพำะรำย โดยใชว้ ธิ กี ำรศกึ ษำระบำดวทิ ยำเชิงพรรณนำ ด้วยกำรทบทวน ขอ้ มลู ผ้ปู ว่ ย สัมภำษณ์ ผู้สัมผัสใกล้ชิด ประวัติเส่ียงจำกกำรรับประทำนอำหำร ศึกษำทำงส่ิงแวดล้อม โดยสำรวจท่ี พักอำศัย ลักษณะส้วม แหล่งนำด่ืมนำใช้ และทดสอบปรมิ ำณคลอรีนอิสระคงเหลือในนำต้นทำงและปลำยทำงบ้ำน ผปู้ ว่ ย และศึกษำทำงหอ้ งปฏิบตั กิ ำร โดยเกบ็ ตัวอย่ำงอุจจำระ ในผู้สัมผัสใกล้ชิด 3 รำย และนำดื่มนำใช้ในบ้ำนผู้ป่วย 2 ตัวอย่ำง เพ่ือหำเชือแบคทีเรียก่อโรคในระบบทำงเดินอำหำร และวิเครำะห์ ขอ้ มูลโดยใชส้ ถิตเิ ชิงพรรณนำ ผลการศึกษา : พบผปู้ ่วย 1 รำย เพศหญิง อำยุ 70 ปี โรคประจำตวั คือ ไตวำยเรือรงั ระยะที่ 5 เริ่มป่วยวันท่ี 15 กนั ยำยน 2563 ด้วย อำกำรไข้ ปวดทอ้ ง ถ่ำยเป็นํนำ้ สีเขยี ว 5 ครัง อำเจยี นเปน็ นำ 5 ครัง และอ่อนเพลีย ซ่งึ ในวนั เดียวกันนันผูป้ ว่ ยอยู่ระหวำ่ งนอนรักษำโรค ประจำตัวอยู่ในโรงพยำบำลแห่งหนึ่ง ในจังหวัดสรุ ินทร์ แพทยว์ ินิจฉัย อจุ จำระรว่ งอยำ่ งแรง และเสียชวี ิตในวนั ท่ี 16 กันยำยน 2553 ผล กำรตรวจเลือดและอจุ จำระพบเชอื Vibrio Cholerae 0139 ประวัติกำรรบั ประทำนอำหำร พบว่ำในขณะอยู่ท่ีบำ้ นลกู สำวจะทำอำหำร ให้รบั ประทำนเอง ส่วนในวันท่ีไป โรงพยำบำลได้รบั ประทำนอำหำรที่ขำยในโรงพยำบำล ผลกำรตรวจทำงห้องปฏิบัตกิ ำรในผูส้ ัมผสั 3 รำย พบเชอื Staphylococcus aureus และ Aeromonas spp. และผลกำรตรวจนำดม่ื พบ Bacillus cereus และ Escherichia coli ใน นำใชพ้ บ Salmonella spp. และไมพ่ บปริมำณคลอรีนอิสระคงเหลอื (0 ppm.) ในแหลง่ นำใช้ สรปุ ผลและขอ้ เสนอแนะ : สำเหตุกำรเสียชีวิตเกดิ จำกกำรติดเชือ Vibrio Cholerae 0139 ประกอบกับผู้ปว่ ยมโี รค ประจำตัวรำ้ ยแรง โดยมีควำมเป็นไปได้ว่ำผู้ป่วยรับประทำนอำหำรและํน้ำที่ปนเป้ือนเชือดังกล่ำว แต่อย่ำงไรก็ตำม ไม่สำมำรถระบุแหล่งโรคได้ และได้ ดำเนินกำรป้องกันควบคุมโรคทังในชุมชนและโรงพยำบำลทันที โดยเพ่ิม ควำมเคร่งครัดในกำรปรุงอำหำรให้กับผู้ป่วยท่ีมีโรคเรือรัง ร้ำยแรง กำรเพมิ่ ปริมำณคลอรนี อสิ ระในแหลง่ นำใช้ และ เฝำ้ ระวงั โรคต่อเน่ืองจนไม่พบผูป้ ่วยรำยใหม่ คาสาคญั : อหิวำตกโรค, Vibrio Cholerae 0139 8 ธันวำคม 2563 ณ โรงแรมสนุ ีย์แกรนด์ฯ จ.อุบลรำชธำนี

E-POSTER : หอ้ งนทิ รรศการภาพถา่ ย P_G4_No5 ผลงานวิชาการด้านระบาดวิทยา รายงานการสอบสวนโรคผู้ปว่ ยเสยี ชวี ิตจากการรบั ประทานเหด็ พษิ หมูท่ ี่ 5 ตาบลกระเดียน อาเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี ระหว่างวนั ที่ 11-16 มิถุนายน พ.ศ.2563 จันทรจ์ ริ ำ พรมโพธ*ิ์ /บุษบำ กำรกลำ้ */ปิยวรรณ วลิ ำบุตร** /วระชำติ ทองไทย*** รพ.ตระกำรพืชผล*/สสอ.ตระกำรพชื ผล**/รพ.สต.เวยี ง*** ความเป็นมา : วันท่ี 11 มิถุนำยน 2563 เวลำ 10.00 น. งำนควบคุมโรค โรงพยำบำลตระกำรพืชผลได้รับแจ้งทำง โทรศัพท์จำก พยำบำลตึกผู้ป่วยใน 4 ว่ำพบผู้ป่วยหญิง อำยุ 67 ปี มีอำกำรวิงเวียนศีรษะ ปวดมวนท้อง ถ่ำย เป็นนำ คลื่นไส้อำเจียนและเหน่ือย อ่อนเพลีย แพทยว์ นิ ิจฉยั Mushroom poisoning รบั รักษำเปน็ ผปู้ ่วยใน จึงประสำนทีม CDCU โรงพยำบำลส่งเสริมสขุ ภำพตำบลเวยี ง ออกสอบสวนโรคในเวลำ 11.00 น. วันดังกล่ำว โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อยืนยันกำรวินิจฉัยและกำรระบำดของโรค หำสำเหตุของกำร เสยี ชีวิต ศกึ ษำลกั ษณะ กำรเกิดโรค ในแง่บคุ คล เวลำ สถำนท่ี และควบคุมกำรระบำดของโรค วธิ กี ารศึกษา : รูปแบบกำรศึกษำเปน็ ระบำดวิทยำเชงิ พรรณนำ กำรศกึ ษำสิ่งแวดลอ้ ม และกำรศึกษำทำง ห้องปฏิบตั ิกำร โดยศึกษำใน พืนที่หมู่ 5 ตำบลกระเดียน อำเภอตระกำรพืชผล จังหวัดอุบลรำชธำนี ระหว่ำง วันท่ี 11 - 16 มิถุนำยน 2563 เก็บข้อมูลโดยใช้แบบ สอบสวนโรคอำหำรเปน็ พษิ ของกรมควบคมุ โรค ผลการสอบสวน : ผ้ปู ่วยรำยนีเป็นรำยแรกของหมบู่ ้ำนและเสียชีวติ เปน็ รำยแรกของอำเภอ อัตรำตำยตอ่ ประชำกรแสน คนเท่ำกับ 1.00 อัตรำป่วยตำยร้อยละ 100 เริ่มป่วยวันที่ 11 มถิ นุ ำยน 2563 ด้วยอำกำร วิงเวียนศีรษะ ปวด มวนท้อง ถ่ำยเป็นนำ คลืน่ ไสอ้ ำเจยี นและ เหนื่อยอ่อนเพลีย หลังรับประทำนแกงเห็ดระโงกหิน เข้ำรับกำรตรวจ รักษำ เป็นผู้ป่วยในที่ รพ .ตระกำรพืชผล แพทย์วินิจฉัย Mushroom Poisoning และเนื่องจำกตรวจพบภำวะ Hepatic Failure จงึ ส่งไปรกั ษำต่อที่ รพ.สรรพสิทธปิ ระสงค์ และเสียชีวิตในวันที่ 15 มิถุนำยน 2563 ผลกำร ตรวจตัวอย่ำงอำหำร ทำงห้องปฏิบัติกำรพบ d-amanitin toxin และจำกกำรเก็บเลือดส่งตรวจ พบกำร ทำงำนของตบั สูงกว่ำคำ่ มำตรฐำน SGOT 25.87 เท่ำ และ SGPT 29.41 เทำ่ และค่ำกำรทำงำนของไตสงู กวำ่ ค่ำมำตรฐำน BUN 1.53 เท่ำ แสดงถึงเห็ดทรี่ ับประทำนมบี ำงชนิดที่อยู่ใน ตระกูล Amanita ท่ีสร้ำงสำรพิษ กลมุ่ amatoxins ทท่ี ำให้เกิดอำกำรคล่ืนไส้ อำเจยี น ถ่ำยเหลว เอนไซมต์ ับสูงขึน และนำไปสูภ่ ำวะตับอกั เสบ ไตวำย และเสียชีวิตได้ สรปุ วิจารณ์และขอ้ เสนอแนะ : จำกกำรสอบสวนพบผู้ป่วยหนึ่งรำย ได้รับประทำนเห็ดระโงกหิน ซ่งึ ตรวจพบสำร d-amanitin toxin ในแกงเห็ดที่รับประทำน โดยทัว่ ไปหลังจำกรับประทำนเห็ดท่ีมีสำรนีจะมอี ำกำรภำยใน 6-12 ช่ัวโมง โดยมี อำกำรอำเจยี นอย่ำงรุนแรง ท้องเสีย ปวดท้อง ควำมดันตก ชีพจรเต้นเร็ว และเกิดอำกำรขำดนำ ตับและไตถูก ทำลำยและเสียชีวิต ซึ่งสำรนีจะไม่ถูกทำลำยด้วย ควำมร้อน ดังนันกำรปรุงใหส้ กุ ไม่สำมำรถกำจดั สำรพิษนไี ด้ คาสาคัญ : กำรสอบสวนเห็ดพิษ 8 ธันวำคม 2563 ณ โรงแรมสุนยี แ์ กรนด์ฯ จ.อุบลรำชธำนี

E-POSTER : ห้องนิทรรศการภาพถ่าย P_G4_No6 ผลงานวิชาการด้านระบาดวิทยา การสอบสวนโรคติดเชอ้ื ไวรัสซิกา (Zika) หมูท่ ่ี 4 บ้านหนิ ลว่ิ ตาบลชานมุ าน อาเภอชานมุ าน จงั หวดั อานาจเจรญิ ระหวา่ งวนั ท่ี 14 พฤษภาคม 2563-11 มถิ นุ ายน 2563 ณฐั นี ภมู พิ นั ธ*์ , สรุ ยิ ะเดช ศรีชำเชษฐ์, ณฐั วรำ พนั ธห์ มดุ , ณภัทร ปฏวิ งศ์** โรงพยำบำลสง่ เสริมสุขภำพตำบลโนนกุง* โรงพยำบำลชำนุมำน สำนกั งำนสำธำรณสุขจงั หวัดอำนำจเจริญ** บทคดั ย่อ : สถำนกำรณข์ องโรคติดเชอื ซกิ ้ำของอำเภอชำนุมำนไมเ่ คยพบผูป้ ว่ ยโรคติดเชือซิกำ้ ในวนั ท่ี 14 พฤษภำคม 2563 ทีม SRRT รพ.สต.โนนกงุ ได้รับแจง้ จำกทีมตระหนักรโู้ รงพยำบำลชำนมุ ำน วำ่ พบหญิงหลังคลอด 1 รำย ตรวจพบสำร พันธกุ รรมของเชอื ไวรสั ซิก้ำ ใน EDTA Blood จำกโครงกำรวิจัยซิกำ้ ในหญิงตังครรภจ์ ังหวัดมกุ ดำหำร จำนวน 1 รำย ผปู้ ว่ ยหญงิ ไทย อำยุ 36 ปี ภูมลิ ำเนำบำ้ นเลขท่ี 227 หมู่ 8 ตำบลโคกสำร อำเภอชำนุมำน จังหวัดอำนำจเจรญิ ท่ีอยขู่ ณะปว่ ย บำ้ นเลขที่ 102 หมู่ 4 บ้ำนหนิ สว่ิ ตำบลชำนุมำน อำเภอ ชำนุมำน จังหวัดอำนำจเจริญ ทีมสอบสวนโรค รพ.สต.โนนกุงและโรงพยำบำลชำนุมำน ออก สอบสวนโรคท่ีบ้ำนผู้ป่วย โดยมี วัตถุประสงค์ เพอ่ื ศกึ ษำลักษณะทำงระบำดวิทยำเชิงพรรณนำโดยศึกษำข้อมูลใช้เคร่อื งมือแบบ สอบสวนโรค ดำ้ นบุคคล เวลำ สถำนที่ ค้นหำแหล่งโรคและวิธกี ำรถำ่ ยทอดโรคและหำแนวทำงในกำรควบคุมโรคและปอ้ งกนั กำร แพร่ระบำดของโรค กำรเก็บรวบรวมข้อมูล หำควำมสัมพนั ธ์กับกำรปว่ ยของจำนวนผูป้ ่วย วิเครำะหข์ ้อมูล ตรวจสอบควำมถูกต้อง ประมวลผลค่ำสถิติเชิงพรรณนำ โดยใช้สถติ ิขัน พืนฐำน ได้แก่ จำนวน รอ้ ยละ และอตั รำปว่ ย ผลการศึกษา : กำรศึกษำของโรคติดเชือไวรัสซิกำ (Zika) หมู่ที่ 4 บ้ำนหินส่ิว ตำบลชำนุมำน อำเภอชำนุมำน จังหวัด อำนำจเจริญ ระหว่ำงวันที่ 14 พฤษภำคม 2553 - 11 มิถุนำยน 2563 พบผู้ป่วยยืนยันโรคติดเชือไวรัสซิกำ (Zika) จำนวน 1 คน ส่ง ตรวจทำง ห้องปฏิบัติกำร โดยวิธี PCR Zika พบสำรอนุพันธ์ Zika ผู้ป่วยเป็นหญิงไทย จำนวน 1 รำย อำกำรแสดงท่ีพบ คือ ผื่นแดง ไข้ ตำแดง ปวดศรี ษะ และปวดข้อ ตนเองเคยมีกำรอำกำรปว่ ยดว้ ยอำกำรแบบนี แตย่ ังไมม่ ีกำรยนื ยันกำรวินจิ ฉัยและตรวจทำง หอ้ งปฏบิ ัตกิ ำร กำร ค้นหำผ้ปู ว่ ยในชมุ ชนไมพ่ บผูป้ ว่ ยท่ีมีอำกำรเข้ำข่ำยตำมคำนยิ ำมโรค มีเพียงผู้ปว่ ย 3 รำยท่ีมีผ่ืนแดง ไมเ่ ขำ้ ขำ่ ย นยิ ำมของโรค กำรค้นหำ กลมุ่ เสี่ยงตอ่ กำรเกดิ โรค 1) กลุ่มหญงิ ตังครรภ์ตำบล ชำนมุ ำน ทังหมด 28 คน ไม่มีอำกำรท่เี ข้ำข่ำยตำม นยิ ำม ผลกำรตรวจหำเชือไวรัส ซิกำ ไม่พบทัง 28 รำย 2) ประชำชนทั่วไป ประชำกรทังหมด 10,580 คน ไม่พบผู้ที่มีอำกำรที่เข้ำข่ำย ตำมนิยำมโรค 3) กำรเฝ้ำระวัง ทำรกแรกเกิดในช่วง 28 วัน ก่อนและหลังผู้ปว่ ย พบทำรกแรกคลอด จำนวน 1 คนตรวจหำสำร อนพุ ันธ์ Zika ปัสสำวะพบผลเป็นลบ ไม่มีอำกำรศีรษะเล็ก 4) ผู้ป่วยกลุ่มอำกำรกิลแลง-บำร์เร (Guillain-Barre syndrome) และ ผู้ป่วยโรคทำงระบบประสำทอ่ืน ๆ ภำยหลังกำรตดิ เชือ ไม่พบผู้ที่มีอำกำรดังกล่ำว มำตรกำรในกำรดำเนินกำร 1) เปดิ ศนู ย์ ปฏิบตั ิกำรตอบโต้ภำวะฉุกเฉนิ ทำงสำธำรณสุข (Emergency Operation Center : EOC) ตำบลชำนุมำน อำเภอชำนุมำน จังหวัด อำนำจเจริญ 2) มำตรกำร 3-3-5,7,14,21,28 3) คน้ หำผ้ปู ่วยเชงิ รุก เชิงรับ และเฝ้ำระวังโรค 4) สำรวจและกำจัดลูกนำยุงลำยใน บ้ำนทุกหลังคำเรอื น หมู่ 4 ตำบลชำนุมำน อำเภอชำนุ มำน เน้นมำตรกำร 3 เกบ็ 5) ผลกำรประเมินและทำลำยแหล่งเพำะพันธ์ ลูกนำยุงลำยในวันท่ี 7 ค่ำ HI CI ทังหมู่บ้ำน =0 และปล่อย ปลำกระดคี่ รอบคลุมในหมู่4 ทกุ หลังคำเรือน มีกองทุนปลำกระดี่ประจำ หมู่บ้ำน 6) ให้ควำมรู้ประชำชนในพนื ท่ีเกี่ยวกับโรค ไวรัสซิกำ 7) ทำ Big cleaning day ทงั ตำบลชำนมุ ำน 8) ประสำนและ สนับสนนุ วัสดุ เคมภี ณั ฑใ์ ห้กบั พืนท่ี เช่น ทรำยเทมฟี อส ํนำ้ ยำเคมี กระปกุ ใส่ปัสสำวะTube EDTA 9) เฝ้ำระวังผู้ป่วยรำยใหม่ โดย ทีม SRRT, SAT ระดับอำเภอ ตำบล หมู่บ้ำน จนครบระยะเฝ้ำระวังวันที่ 11 มิถนุ ำยน 2563 และไมพ่ บผู้ป่วยรำยใหม่ สรปุ และวิจารณ์ผล : จำกกำรสอบสวนจึงทำใหส้ นั นิษฐำนวำ่ กำรระบำดครังนีเกดิ จำกกำรรบั เชือไวรัส ซกิ ำจำกไข่ยุงลำยทม่ี ำพรอ้ มกับ ํน้ำด่ืมํน้ำใช้หรือเกิดจำกยุงที่แอบแฝงท่ีมำอยู่เป็นระยะเวลำนำนในพืนท่ีอำเภอข้ำงเคียงเคยพบผู้ป่วย โรคซิก้ำคือ อำ เภอดอนตำล จังหวัดมุกดำหำร รวมทังประชำชนส่วนใหญ่ไม่รู้จักโรคติดเชือซิก้ำ ดังนันเพ่ือเกิดกำรตื่นตัว รู้จัก วิธีกำรป้องกัน กำรดูแลตนเอง กำร ดูแลสิ่งแวดล้อมในพืนที่ โดยเน้นกำรใช้นวัตกรรมกองทุนปลำกระด่ีของหมู่บ้ำนในทุกหมู่ของ ตำบลชำนุมำน นำไปสู่กำรดำรงชีวิ ตที่ ปลอดโรค ปลอดภยั ดว้ ยวถิ ชี มุ ชนพ่ึงชุมชนอย่ำงย่ังยืนต่อไป คาสาคัญ : กำรสอบสวนโรคติดเชือซกิ ้ำ 8 ธนั วำคม 2563 ณ โรงแรมสนุ ยี ์แกรนด์ฯ จ.อุบลรำชธำนี

E-POSTER : ห้องนทิ รรศการภาพถ่าย P_G4_No7 ผลงานวชิ าการดา้ นระบาดวิทยา การสอบสวนการระบาดของโรคไข้ปวดขอ้ ยุงลาย บ้านหนองยาง หมู่ที่ 6 และบ้านหนองจิก หมู่ท่ี 11 ตาบลขะยูง อาเภออทุ ุมพรพสิ ัย จงั หวดั ศรีสะเกษ ระหว่างวันท่ี 8 - 15 กรกฎาคม 2563 วีระพล วิเศษสังข์ โรงพยำบำลส่งเสริมสุขภำพตำบลขะยงู อำเภออุทมุ พรพิสยั จังหวดั ศรสี ะเกษ บทนา : เม่ือวันท่ี 8 ก.ค. 2553 เวลำ 15.30 น. รพ.สต.ขะยูง ได้รับแจ้งจำก รพ.อุทุมพรพิสัย ว่ำพบผู้ป่วย สงสัยโรคไข้ปวดข้อยุงลำย จำนวน 1 รำย เป็นเพศหญงิ อำยุ 5 ปี ที่อยบู่ ้ำนเลขที่ 201 หมู่ท่ี 6 ต.ขะยงู เขำ้ รับ กำรรักษำที่ รพ.ศรีสะเกษ ด้วยอำกำรไข้ มีผื่น และ ปวดตำมข้อ เริ่มปว่ ย 4 ก.ค. 2563 เขำ้ รบั กำรรักษำ 6 ก.ค. 2563 ทีม SRRT ตำบลขะยูง จึงไดด้ ำเนินกำรสอบสวนโรค ในวันท่ี 8 ก.ค. 2553 เวลำ 16.30 น. เพ่ือศึกษำ ยืนยันกำรวินิจฉัยและกำรระบำดของโรค ศึกษำลักษณะกำรเกิดโรค กำรกระจำยของโรค และหำ แนวทำงใน กำรควบคุมโรค โดยวิธีกำรศึกษำระบำดวิทยำเชิงพรรณนำ ศึกษำสภำพแวดล้อม และศึกษำผลตรวจทำง ห้องปฏิบัติกำร โดยใช้แบบสอบสวนโรคเฉพำะรำยและแบบคัดกรองผู้ป่วยเป็นเครื่องมือในกำรเก็บขอ้ มูล วิเครำะห์ขอ้ มูลด้วยสถิติเชิงพรรณนำโดยใช้ จำนวน ร้อยละ และค่ำเฉลีย่ ผลการสอบสวนโรค : พบว่ำ ผ้ปู ่วยรำยแรกใหป้ ระวตั วิ ำ่ 2 สัปดำห์กอ่ นปว่ ย ไดไ้ ปอำศัยอยทู่ ่ี ต. หนองไผ่ อ.เมืองศรสี ะเกษ ซึ่งเปน็ พืนที่ ท่ีมีกำรระบำดของโรคไข้ปวดข้อยุงลำย โดยเร่ิมมีอำกำรป่วย วันที่ 30 ม.ิ ย. 2563 จึงไดก้ ลับมำอยูท่ ี่บ้ำนหนองยำง ม.6 ต.ขะยูง และมี กลมุ่ เพ่ือนท่ีสนิทกนั ในหมู่บำ้ นและหมู่บ้ำน ใกล้เคียงมำกนิ อยู่ด้วยกนั และเร่มิ มอี ำกำรป่วย จำกนันเพอื่ นบ้ำนท่ีอย่ลู ะแวกบ้ำนของผู้ป่วย และกลุ่มเพื่อนก็ เริ่มมีอำกำรป่วยคล้ำย ๆ กับผู้ปว่ ยรำยแรก จำกวันที่ 2-13 ก.ค. 2563 พบผู้ป่วยทังหมด 21 รำย ส่วนใหญ่เป็น เพศ หญิง อยู่ในกลุ่มอำยุ 15 – 24 ปี มีอำยุเฉลี่ย 20.24 ปี ซ่ึงเป็นกลุ่มอำยุท่ีเป็นนักเรียน/นักศึกษำ ผู้ป่วยมี อำกำรและอำกำรแสดงมำก ที่สุด คือ มีไข้ มีผื่น และปวดกระดูกหรือข้อต่อ ร้อยละ 100, 90.48 และ 85.74 ตำมลำดับ ส่วนใหญ่เข้ำรับกำรรักษำที่คลินิกเอกชน ขณะป่วยส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้โลชั่นทำกันยุง และไม่พบ ประวัติเดินทำงไปต่ำงจังหวัด ด้ำนส่ิงแวดล้อมบรเิ วณท่ีมกี ำรระบำดพบว่ำ มีขยะ เปน็ จำนวนมำกและสว่ นใหญ่ เป็นภำชนะทพี่ บลกู นำยุงลำย ทำใหใ้ นช่วงแรกของกำรระบำดพบคำ่ ดัชนีควำมชุกลกู นำยุงลำยสูงเกินค่ำ มำตรฐำน ส่วนผลตรวจทำงห้องปฏิบัตกิ ำรด้วยวิธี RT-PCR จำนวน 3 ตวั อย่ำง ให้ผลบวก จำนวน 2 ตัวอย่ำง สรปุ ผลและข้อเสนอแนะ : กำรระบำดของโรคติดต่อครังนี เป็นกำรระบำดของโรคไข้ปวดข้อยุงลำย แบบแหลง่ โรคแพร่กระจำย สำเหตุ ของกำรระบำดเนื่องจำกเป็นโรคใหม่หรือกลุ่มอำกำรที่ไมเ่ คยพบมำกอ่ นในพนื ท่ี ผ้ปู ่วยสว่ นใหญไ่ ม่ได้เขำ้ รบั กำรรักษำท่ี รพ. ของรัฐ ทำ ให้ไม่มีกำรรำยงำนผู้ปว่ ยเข้ำระบบเฝ้ำระวังโรค ส่งผลให้กำรควบคุมโรคล่ำช้ำ โดยมีปจั จัยเสีย่ งต่อกำรเกิดโรคคือ กำรไม่ป้องกันตนเอง จำกกำรถูกยุงกัด และมีภำชนะท่ีพบลูกนำจำนวนมำก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นขยะ ดังนัน ควรให้สุขศึกษำแก่ประชำชนในกำรป้องกันตนเอง ไม่ให้ยุงกัด และร่วมกันกำจัด ขยะในบริเวณบ้ำนและชุมชน ส่วนปัจจัยแห่งควำมสำเร็จคือ กำรมีส่วนร่วมของทุกภำคส่วนในกำร ดำเนนิ งำน ตำมมำตรกำรควบคุมปอ้ งกนั โรค และกำรใช้มำตรกำร “อสม. เคำะประตบู ้ำน” ในกำรเฝ้ำระวงั และคน้ หำ ผู้ป่วยเพมิ่ เติมใน ชุมชน ทำให้สำมำรถจำกดั วงกำรระบำดของโรคในครงั นีได้ คาสาคัญ : โรคไขป้ วดข้อยงุ ลำย กำรระบำด 8 ธันวำคม 2563 ณ โรงแรมสนุ ยี แ์ กรนด์ฯ จ.อุบลรำชธำนี

8 ธนั วำคม 2563 ณ โรงแรมสนุ ียแ์ กรนด์ฯ จ.อุบลรำชธำนี

E-POSTER : ห้องนทิ รรศการภาพถ่าย P_G4_No3 ผลงานวชิ าการดา้ นระบาดวิทยา การสอบสวนวณั โรคในบคุ ลากรสาธารณสขุ อาเภอพบิ ูลมังสาหาร จังหวดั อบุ ลราชธานี มถิ นุ ายน - ตลุ าคม 2563 มณรี ัตน์ อบมำ*/วรรณษิ ำ สมเมอื ง* /ภทั รำพร กำเผอื ก*/วรณุ รตั น์ เจรญิ ดี** ลักขณำ พลู ด*ี ** รพ.พบิ ลู มงั สำหำร* /รพ.สต.หนองบวั ฮ*ี */สำนกั งำนสำธำรณสุขอำเภอพบิ ลู มังสำหำร*** ความเปน็ มา : ประเทศไทยถกู จดั ใหอ้ ยใู่ นกลุม่ 14 ประเทศทม่ี ีปัญหำวัณโรคสูง มอี ัตรำวัณโรครำยใหม่สงู กว่ำคำ่ เฉล่ยี ของโลก 1.3 เท่ำ แต่มีผู้ป่วยที่ตรวจพบร้อยละ 59 ผู้ป่วยส่วนหนึ่งอยู่ในชุมชนและแพร่กระจำยเชือ บุคลำกรที่ ปฏิบัติงำนในหน่วยบริกำรสำธำรณสุข เสีย่ งตอ่ กำรติดเชือเนือ่ งจำกสมั ผัสโรคบ่อยๆจำกผู้ป่วยวัณโรค ในทำง กลับกนั ถ้ำบุคลำกรดงั กล่ำวเป็นวณั โรคกม็ โี อกำสแพร่เชือให้กับผู้ มำรับบริกำรและเพื่อนร่วมงำนได้ ดังนันทีม ควบคุมโรคจึงร่วมกันสอบสวนวัณโรคในบุคลำกรสำธำรณสุขขึน เพื่อยืนยันกำรวินิจฉัย ศึกษำลกั ษณะทำง ระบำดวิทยำ และหำแหล่งแพร่โรค นำไปสู่มำตรกำรในกำรป้องกันและควบคุมโรคต่อไป วธิ ีการศึกษา : รูปแบบกำรศึกษำเป็นระบำดวิทยำเชิงพรรณนำ โดยทบทวนสถำนกำรณ์วัณโรคอำเภอพิบูลฯ และ พืนที่รพ.สต.ท่ีพบ ผู้ป่วย ย้อนหลัง 6 ปี (พ.ศ.2558 – 2563) จำกศูนย์เฝ้ำระวังทำงระบำดวิทยำอำเภอ ทบทวน บันทึกกำรรักษำและผลตรวจทำง หอ้ งปฏิบัติกำรจำกทะเบียนผู้ป่วยวัณโรค (รบ 1 ก 04), โปรแกรมฐำนข้อมูล โรงพยำบำล (HI for MySQLv.6), บันทึกกำรรักษำ (TB card) และสอบถำมผู้ป่วย, ญำติ และเพื่อนร่วมงำน ค้นหำผู้ป่วยเพิ่มในผู้สัมผัสโรคร่วมบ้ำน/ผู้สัมผัสโรคใกล้ชิด/เพ่ือนร่วมงำน โดยใช้ แบบคัดกรองทด่ี ัดแปลงจำก สสจ.อบุ ลฯ ร่วมกับกำรถ่ำยภำพรงั สที รวงอก ผลผิดปกตสิ ่งตรวจทำงห้องปฏบิ ัติกำรเพมิ่ (AFB, Gene X- Pert) ผลการศึกษา : ผู้ป่วยเพศหญิง อำยุ 43 ปี ผลตรวจทำงห้องปฏิบตั ิกำรพบเชือวัณโรค และผลกำรถ่ำยภำพรงั สีทรวงอก พบรอยโรคที่ ปอด ขึนทะเบียนรักษำแล้ว อำกำรป่วยดังนี ไข้ ไอ มีเสมหะ ปวดตำมตัว บำงวันมีไข้ต่ำๆ นำหนกั ลด 1 กิโลกรัม ก่อนหน้ำนี 3 เดือน ได้รับกำรคดั กรองด้วยกำรถำ่ ยภำพรังสที รวงอกผลปกติ กำรทำงำนของ ผู้ป่วย มกี ำรพดู คยุ กับผู้มำรับบรกิ ำร วันละ 10-30 คน ในกำร ซกั ประวตั ิ ชัง่ นำหนกั วัดควำมดัน กำรนวด และ กำรออกเยี่ยมบำ้ น ทำมำนำน 12 ปี ขณะให้บรกิ ำรสวมหน้ำกำกอนำมยั ทำงกำรแพทย์ (Surgical mask) แต่ ไม่ได้สวมตลอดเวลำ ผู้ป่วยมีอัธยำศัยดี พูดเก่ง หมู่บ้ำนท่ีผูป้ ่วยอำศยั อยู่ มผี ู้ปว่ ยวัณโรคในปี 2558, 2559, 2561 และ 2563 ประวัติบุคคลในครอบครัว, เครือญำติ และเพื่อนบ้ำน ไม่มีผู้ป่วยวัณโรค พบผู้สัมผัส 12 คน มีเด็กอำยุ 11 เดอื น 1 คน ผล กำรถ่ำยภำพรังสีทรวงอกปกติ แพทย์ให้กินยำป้องกัน (Prophylaxis) ส่วนใน ผู้ใหญ่ผิดปกติ 6 คน 1 ใน 6 คนนีผล Gene X-Pert : MTB Detected 1 คน แพทยว์ ินิจฉยั วณั โรคปอด เสมหะไม่พบเชือ ขนึ ทะเบียนรกั ษำแล้ว สรุป วิจารณแ์ ละขอ้ เสนอแนะ : จำกกำรสอบสวนผู้ป่วยรำยนีเปน็ ผู้ป่วยวัณโรคปอดเสมหะพบเชือรำยใหม่ อำจจะไดร้ ับเชือจำกผปู้ ว่ ย ในท่ีทำงำนหรือในชุมชน ขณะให้บริกำรท่ีสถำนบริกำร, กำรเย่ียมบ้ำน, กิจกรรมทำงสังคมอื่น ๆ ผู้ป่วยสวม หน้ำกำกอนำมัยทำง กำรแพทย์ ซึ่งหน้ำกำกดังกลำ่ วไมส่ ำมำรถป้องกันวณั โรคได้ ดังนนั สถำนบริกำรจึงควรเน้น กำรคัดกรองผู้มำรับบริกำรที่มอี ำกำรไอเพื่อ แยกตรวจในพนื ทโ่ี ลง่ ให้ผู้รบั บริกำรสวมหนำ้ กำกอนำมัย ผู้ ให้บรกิ ำรมกี ำรปอ้ งกนั ตัวเองเพม่ิ ขึน เช่น สวมหน้ำกำกอนำมยั ทป่ี อ้ งกนั วัณ โรคได้ หรือใช้อุปกรณ์อื่นๆช่วย เพื่อลดกำรสัมผัส ควบคู่กับกำรปรับปรุงสถำนท่ีทำงำนให้อำกำศถ่ำยเทได้สะดวก ห้องทำงำนที่มี เคร่ืองปรับอำกำศควรเปิดให้อำกำศไดถ้ ่ำยเทและทำควำมสะอำดอย่ำงสมำ่ เสมอ ไมค่ วรนำเดก็ เลก็ มำเลียงท่ี สถำนพยำบำล และควรมี กจิ กรรมค้นหำผปู้ ว่ ยทงั ในชุมชนและสถำนพยำบำล เมือ่ พบนำมำรกั ษำโดยเรว็ 8 ธันวำคม 2563 ณ โรงแรมสนุ ีย์แกรนด์ฯ จ.อุบลรำชธำนี

E-POSTER : ห้องนิทรรศการภาพถา่ ย P_G4_No4 ผลงานวิชาการดา้ นระบาดวิทยา การสอบสวนโรคกรณีผูป้ ว่ ยอหิวาตกโรคเสยี ชีวิต Vibrio Cholerae 0139 บ้านหนองกุง หม่ทู ี่ 11 ตาบลคาละแมะ อาเภอศขี รภูมิ จังหวัดสุรนิ ทร์, กันยายน 2563 พชิ ญำณี กทิศำสตร์1 พยำบำลศำสตรบณั ฑิต ลำดวน โสรเนตร1 สำธำรณสขุ ศำสตรบณั ฑติ “ฉณะชญิ ธ์ิ ลบั โกษำพพิ ัฒน์1 สำธำรณสุขศำสตรบัณฑิต โรงพยำบำลส่งเสริมสขุ ภำพตำบลคำละแมะ1 สำนกั งำนสำธำรณสุขอำเภอศรีขรภูมิ2 บทนา : เม่ือวันที่ 19 กันยำยน 2563 งำนระบำดวิทยำ โรงพยำบำลส่งเสริมสุขภำพตำบลคำละแมะ อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ ได้รับแจ้งจำกกลุ่มงำนระบำดวิทยำ สำนักงำนสำธำรณสุขอำเภอศีขรภูมิ ว่ำพบผู้ป่วยเสียชีวิตด้วย โรคอหิวำตกโรคจำกเชือ Vibrio Cholerae 0139 จำนวน 1 รำย จงึ ได้ลงพนื ทด่ี ำเนินกำรสอบสวนโรค วตั ถุประสงค์ : เพ่อื ยืนยันกำรวนิ จิ ฉัย ยืนยันกำรระบำด อธิบำยลักษณะกำรเกิดโรคตำมเวลำ สถำนท่ี และบุคคล ค้นหำแหล่งโรค และ กำหนดมำตรกำรกำรป้องกนั ควบคุมโรค วิธีการศึกษา : เปน็ กำรสอบสวนผู้ปว่ ยเฉพำะรำย โดยใชว้ ธิ กี ำรศกึ ษำระบำดวทิ ยำเชิงพรรณนำ ด้วยกำรทบทวน ขอ้ มลู ผ้ปู ว่ ย สัมภำษณ์ ผู้สัมผัสใกล้ชิด ประวัติเส่ียงจำกกำรรับประทำนอำหำร ศึกษำทำงส่ิงแวดล้อม โดยสำรวจท่ี พักอำศัย ลักษณะส้วม แหล่งนำด่ืมนำใช้ และทดสอบปรมิ ำณคลอรีนอิสระคงเหลือในนำต้นทำงและปลำยทำงบ้ำน ผปู้ ว่ ย และศึกษำทำงหอ้ งปฏิบตั กิ ำร โดยเกบ็ ตัวอย่ำงอุจจำระ ในผู้สัมผัสใกล้ชิด 3 รำย และนำดื่มนำใช้ในบ้ำนผู้ป่วย 2 ตัวอย่ำง เพ่ือหำเชือแบคทีเรียก่อโรคในระบบทำงเดินอำหำร และวิเครำะห์ ขอ้ มูลโดยใชส้ ถิตเิ ชิงพรรณนำ ผลการศึกษา : พบผปู้ ่วย 1 รำย เพศหญิง อำยุ 70 ปี โรคประจำตวั คือ ไตวำยเรือรงั ระยะที่ 5 เริ่มป่วยวันท่ี 15 กนั ยำยน 2563 ด้วย อำกำรไข้ ปวดทอ้ ง ถ่ำยเป็นํนำ้ สีเขยี ว 5 ครัง อำเจยี นเปน็ นำ 5 ครัง และอ่อนเพลีย ซ่งึ ในวนั เดียวกันนันผูป้ ว่ ยอยู่ระหวำ่ งนอนรักษำโรค ประจำตัวอยู่ในโรงพยำบำลแห่งหนึ่ง ในจังหวัดสรุ ินทร์ แพทยว์ ินิจฉัย อจุ จำระรว่ งอยำ่ งแรง และเสียชวี ิตในวนั ท่ี 16 กันยำยน 2553 ผล กำรตรวจเลือดและอจุ จำระพบเชอื Vibrio Cholerae 0139 ประวัติกำรรบั ประทำนอำหำร พบว่ำในขณะอยู่ท่ีบำ้ นลกู สำวจะทำอำหำร ให้รบั ประทำนเอง ส่วนในวันท่ีไป โรงพยำบำลได้รบั ประทำนอำหำรที่ขำยในโรงพยำบำล ผลกำรตรวจทำงห้องปฏิบัตกิ ำรในผูส้ ัมผสั 3 รำย พบเชอื Staphylococcus aureus และ Aeromonas spp. และผลกำรตรวจนำดม่ื พบ Bacillus cereus และ Escherichia coli ใน นำใชพ้ บ Salmonella spp. และไมพ่ บปริมำณคลอรีนอิสระคงเหลอื (0 ppm.) ในแหลง่ นำใช้ สรปุ ผลและขอ้ เสนอแนะ : สำเหตุกำรเสียชีวิตเกดิ จำกกำรติดเชือ Vibrio Cholerae 0139 ประกอบกับผู้ปว่ ยมโี รค ประจำตัวรำ้ ยแรง โดยมีควำมเป็นไปได้ว่ำผู้ป่วยรับประทำนอำหำรและํน้ำที่ปนเป้ือนเชือดังกล่ำว แต่อย่ำงไรก็ตำม ไม่สำมำรถระบุแหล่งโรคได้ และได้ ดำเนินกำรป้องกันควบคุมโรคทังในชุมชนและโรงพยำบำลทันที โดยเพ่ิม ควำมเคร่งครัดในกำรปรุงอำหำรให้กับผู้ป่วยท่ีมีโรคเรือรัง ร้ำยแรง กำรเพมิ่ ปริมำณคลอรนี อสิ ระในแหลง่ นำใช้ และ เฝำ้ ระวงั โรคต่อเน่ืองจนไม่พบผูป้ ่วยรำยใหม่ คาสาคญั : อหิวำตกโรค, Vibrio Cholerae 0139 8 ธันวำคม 2563 ณ โรงแรมสนุ ีย์แกรนด์ฯ จ.อุบลรำชธำนี

E-POSTER : หอ้ งนทิ รรศการภาพถา่ ย P_G4_No5 ผลงานวิชาการด้านระบาดวิทยา รายงานการสอบสวนโรคผู้ปว่ ยเสยี ชวี ิตจากการรบั ประทานเหด็ พษิ หมูท่ ี่ 5 ตาบลกระเดียน อาเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี ระหว่างวนั ที่ 11-16 มิถุนายน พ.ศ.2563 จันทรจ์ ริ ำ พรมโพธ*ิ์ /บุษบำ กำรกลำ้ */ปิยวรรณ วลิ ำบุตร** /วระชำติ ทองไทย*** รพ.ตระกำรพืชผล*/สสอ.ตระกำรพชื ผล**/รพ.สต.เวยี ง*** ความเป็นมา : วันท่ี 11 มิถุนำยน 2563 เวลำ 10.00 น. งำนควบคุมโรค โรงพยำบำลตระกำรพืชผลได้รับแจ้งทำง โทรศัพท์จำก พยำบำลตึกผู้ป่วยใน 4 ว่ำพบผู้ป่วยหญิง อำยุ 67 ปี มีอำกำรวิงเวียนศีรษะ ปวดมวนท้อง ถ่ำย เป็นนำ คลื่นไส้อำเจียนและเหน่ือย อ่อนเพลีย แพทยว์ นิ ิจฉยั Mushroom poisoning รบั รักษำเปน็ ผปู้ ่วยใน จึงประสำนทีม CDCU โรงพยำบำลส่งเสริมสขุ ภำพตำบลเวยี ง ออกสอบสวนโรคในเวลำ 11.00 น. วันดังกล่ำว โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อยืนยันกำรวินิจฉัยและกำรระบำดของโรค หำสำเหตุของกำร เสยี ชีวิต ศกึ ษำลกั ษณะ กำรเกิดโรค ในแง่บคุ คล เวลำ สถำนท่ี และควบคุมกำรระบำดของโรค วธิ กี ารศึกษา : รูปแบบกำรศึกษำเปน็ ระบำดวิทยำเชงิ พรรณนำ กำรศกึ ษำสิ่งแวดลอ้ ม และกำรศึกษำทำง ห้องปฏิบตั ิกำร โดยศึกษำใน พืนที่หมู่ 5 ตำบลกระเดียน อำเภอตระกำรพืชผล จังหวัดอุบลรำชธำนี ระหว่ำง วันท่ี 11 - 16 มิถุนำยน 2563 เก็บข้อมูลโดยใช้แบบ สอบสวนโรคอำหำรเปน็ พษิ ของกรมควบคมุ โรค ผลการสอบสวน : ผ้ปู ่วยรำยนีเป็นรำยแรกของหมบู่ ้ำนและเสียชีวติ เปน็ รำยแรกของอำเภอ อัตรำตำยตอ่ ประชำกรแสน คนเท่ำกับ 1.00 อัตรำป่วยตำยร้อยละ 100 เริ่มป่วยวันที่ 11 มถิ นุ ำยน 2563 ด้วยอำกำร วิงเวียนศีรษะ ปวด มวนท้อง ถ่ำยเป็นนำ คลืน่ ไสอ้ ำเจยี นและ เหนื่อยอ่อนเพลีย หลังรับประทำนแกงเห็ดระโงกหิน เข้ำรับกำรตรวจ รักษำ เป็นผู้ป่วยในที่ รพ .ตระกำรพืชผล แพทย์วินิจฉัย Mushroom Poisoning และเนื่องจำกตรวจพบภำวะ Hepatic Failure จงึ ส่งไปรกั ษำต่อที่ รพ.สรรพสิทธปิ ระสงค์ และเสียชีวิตในวันที่ 15 มิถุนำยน 2563 ผลกำร ตรวจตัวอย่ำงอำหำร ทำงห้องปฏิบัติกำรพบ d-amanitin toxin และจำกกำรเก็บเลือดส่งตรวจ พบกำร ทำงำนของตบั สูงกว่ำคำ่ มำตรฐำน SGOT 25.87 เท่ำ และ SGPT 29.41 เทำ่ และค่ำกำรทำงำนของไตสงู กวำ่ ค่ำมำตรฐำน BUN 1.53 เท่ำ แสดงถึงเห็ดทรี่ ับประทำนมบี ำงชนิดที่อยู่ใน ตระกูล Amanita ท่ีสร้ำงสำรพิษ กลมุ่ amatoxins ทท่ี ำให้เกิดอำกำรคล่ืนไส้ อำเจยี น ถ่ำยเหลว เอนไซมต์ ับสูงขึน และนำไปสูภ่ ำวะตับอกั เสบ ไตวำย และเสียชีวิตได้ สรปุ วิจารณ์และขอ้ เสนอแนะ : จำกกำรสอบสวนพบผู้ป่วยหนึ่งรำย ได้รับประทำนเห็ดระโงกหิน ซ่งึ ตรวจพบสำร d-amanitin toxin ในแกงเห็ดที่รับประทำน โดยทัว่ ไปหลังจำกรับประทำนเห็ดท่ีมีสำรนีจะมอี ำกำรภำยใน 6-12 ช่ัวโมง โดยมี อำกำรอำเจยี นอย่ำงรุนแรง ท้องเสีย ปวดท้อง ควำมดันตก ชีพจรเต้นเร็ว และเกิดอำกำรขำดนำ ตับและไตถูก ทำลำยและเสียชีวิต ซึ่งสำรนีจะไม่ถูกทำลำยด้วย ควำมร้อน ดังนันกำรปรุงใหส้ กุ ไม่สำมำรถกำจดั สำรพิษนไี ด้ คาสาคัญ : กำรสอบสวนเห็ดพิษ 8 ธันวำคม 2563 ณ โรงแรมสุนยี แ์ กรนด์ฯ จ.อุบลรำชธำนี

E-POSTER : ห้องนิทรรศการภาพถ่าย P_G4_No6 ผลงานวิชาการด้านระบาดวิทยา การสอบสวนโรคติดเชอ้ื ไวรัสซิกา (Zika) หมูท่ ่ี 4 บ้านหนิ ลว่ิ ตาบลชานมุ าน อาเภอชานมุ าน จงั หวดั อานาจเจรญิ ระหวา่ งวนั ท่ี 14 พฤษภาคม 2563-11 มถิ นุ ายน 2563 ณฐั นี ภมู พิ นั ธ*์ , สรุ ยิ ะเดช ศรีชำเชษฐ์, ณฐั วรำ พนั ธห์ มดุ , ณภัทร ปฏวิ งศ์** โรงพยำบำลสง่ เสริมสุขภำพตำบลโนนกุง* โรงพยำบำลชำนุมำน สำนกั งำนสำธำรณสุขจงั หวัดอำนำจเจริญ** บทคดั ย่อ : สถำนกำรณข์ องโรคติดเชอื ซกิ ้ำของอำเภอชำนุมำนไมเ่ คยพบผูป้ ว่ ยโรคติดเชือซิกำ้ ในวนั ท่ี 14 พฤษภำคม 2563 ทีม SRRT รพ.สต.โนนกงุ ได้รับแจง้ จำกทีมตระหนักรโู้ รงพยำบำลชำนมุ ำน วำ่ พบหญิงหลังคลอด 1 รำย ตรวจพบสำร พันธกุ รรมของเชอื ไวรสั ซิก้ำ ใน EDTA Blood จำกโครงกำรวิจัยซิกำ้ ในหญิงตังครรภจ์ ังหวัดมกุ ดำหำร จำนวน 1 รำย ผปู้ ว่ ยหญงิ ไทย อำยุ 36 ปี ภูมลิ ำเนำบำ้ นเลขท่ี 227 หมู่ 8 ตำบลโคกสำร อำเภอชำนุมำน จังหวัดอำนำจเจรญิ ท่ีอยขู่ ณะปว่ ย บำ้ นเลขที่ 102 หมู่ 4 บ้ำนหนิ สว่ิ ตำบลชำนุมำน อำเภอ ชำนุมำน จังหวัดอำนำจเจริญ ทีมสอบสวนโรค รพ.สต.โนนกุงและโรงพยำบำลชำนุมำน ออก สอบสวนโรคท่ีบ้ำนผู้ป่วย โดยมี วัตถุประสงค์ เพอ่ื ศกึ ษำลักษณะทำงระบำดวิทยำเชิงพรรณนำโดยศึกษำข้อมูลใช้เคร่อื งมือแบบ สอบสวนโรค ดำ้ นบุคคล เวลำ สถำนที่ ค้นหำแหล่งโรคและวิธกี ำรถำ่ ยทอดโรคและหำแนวทำงในกำรควบคุมโรคและปอ้ งกนั กำร แพร่ระบำดของโรค กำรเก็บรวบรวมข้อมูล หำควำมสัมพนั ธ์กับกำรปว่ ยของจำนวนผูป้ ่วย วิเครำะหข์ ้อมูล ตรวจสอบควำมถูกต้อง ประมวลผลค่ำสถิติเชิงพรรณนำ โดยใช้สถติ ิขัน พืนฐำน ได้แก่ จำนวน รอ้ ยละ และอตั รำปว่ ย ผลการศึกษา : กำรศึกษำของโรคติดเชือไวรัสซิกำ (Zika) หมู่ที่ 4 บ้ำนหินส่ิว ตำบลชำนุมำน อำเภอชำนุมำน จังหวัด อำนำจเจริญ ระหว่ำงวันที่ 14 พฤษภำคม 2553 - 11 มิถุนำยน 2563 พบผู้ป่วยยืนยันโรคติดเชือไวรัสซิกำ (Zika) จำนวน 1 คน ส่ง ตรวจทำง ห้องปฏิบัติกำร โดยวิธี PCR Zika พบสำรอนุพันธ์ Zika ผู้ป่วยเป็นหญิงไทย จำนวน 1 รำย อำกำรแสดงท่ีพบ คือ ผื่นแดง ไข้ ตำแดง ปวดศรี ษะ และปวดข้อ ตนเองเคยมีกำรอำกำรปว่ ยดว้ ยอำกำรแบบนี แตย่ ังไมม่ ีกำรยนื ยันกำรวินจิ ฉัยและตรวจทำง หอ้ งปฏบิ ัตกิ ำร กำร ค้นหำผ้ปู ว่ ยในชมุ ชนไมพ่ บผูป้ ว่ ยท่ีมีอำกำรเข้ำข่ำยตำมคำนยิ ำมโรค มีเพียงผู้ปว่ ย 3 รำยท่ีมีผ่ืนแดง ไมเ่ ขำ้ ขำ่ ย นยิ ำมของโรค กำรค้นหำ กลมุ่ เสี่ยงตอ่ กำรเกดิ โรค 1) กลุ่มหญงิ ตังครรภ์ตำบล ชำนมุ ำน ทังหมด 28 คน ไม่มีอำกำรท่เี ข้ำข่ำยตำม นยิ ำม ผลกำรตรวจหำเชือไวรัส ซิกำ ไม่พบทัง 28 รำย 2) ประชำชนทั่วไป ประชำกรทังหมด 10,580 คน ไม่พบผู้ที่มีอำกำรที่เข้ำข่ำย ตำมนิยำมโรค 3) กำรเฝ้ำระวัง ทำรกแรกเกิดในช่วง 28 วัน ก่อนและหลังผู้ปว่ ย พบทำรกแรกคลอด จำนวน 1 คนตรวจหำสำร อนพุ ันธ์ Zika ปัสสำวะพบผลเป็นลบ ไม่มีอำกำรศีรษะเล็ก 4) ผู้ป่วยกลุ่มอำกำรกิลแลง-บำร์เร (Guillain-Barre syndrome) และ ผู้ป่วยโรคทำงระบบประสำทอ่ืน ๆ ภำยหลังกำรตดิ เชือ ไม่พบผู้ที่มีอำกำรดังกล่ำว มำตรกำรในกำรดำเนินกำร 1) เปดิ ศนู ย์ ปฏิบตั ิกำรตอบโต้ภำวะฉุกเฉนิ ทำงสำธำรณสุข (Emergency Operation Center : EOC) ตำบลชำนุมำน อำเภอชำนุมำน จังหวัด อำนำจเจริญ 2) มำตรกำร 3-3-5,7,14,21,28 3) คน้ หำผ้ปู ่วยเชงิ รุก เชิงรับ และเฝ้ำระวังโรค 4) สำรวจและกำจัดลูกนำยุงลำยใน บ้ำนทุกหลังคำเรอื น หมู่ 4 ตำบลชำนุมำน อำเภอชำนุ มำน เน้นมำตรกำร 3 เกบ็ 5) ผลกำรประเมินและทำลำยแหล่งเพำะพันธ์ ลูกนำยุงลำยในวันท่ี 7 ค่ำ HI CI ทังหมู่บ้ำน =0 และปล่อย ปลำกระดคี่ รอบคลุมในหมู่4 ทกุ หลังคำเรือน มีกองทุนปลำกระดี่ประจำ หมู่บ้ำน 6) ให้ควำมรู้ประชำชนในพนื ท่ีเกี่ยวกับโรค ไวรัสซิกำ 7) ทำ Big cleaning day ทงั ตำบลชำนมุ ำน 8) ประสำนและ สนับสนนุ วัสดุ เคมภี ณั ฑใ์ ห้กบั พืนท่ี เช่น ทรำยเทมฟี อส ํนำ้ ยำเคมี กระปกุ ใส่ปัสสำวะTube EDTA 9) เฝ้ำระวังผู้ป่วยรำยใหม่ โดย ทีม SRRT, SAT ระดับอำเภอ ตำบล หมู่บ้ำน จนครบระยะเฝ้ำระวังวันที่ 11 มิถนุ ำยน 2563 และไมพ่ บผู้ป่วยรำยใหม่ สรปุ และวิจารณ์ผล : จำกกำรสอบสวนจึงทำใหส้ นั นิษฐำนวำ่ กำรระบำดครังนีเกดิ จำกกำรรบั เชือไวรัส ซกิ ำจำกไข่ยุงลำยทม่ี ำพรอ้ มกับ ํน้ำด่ืมํน้ำใช้หรือเกิดจำกยุงที่แอบแฝงท่ีมำอยู่เป็นระยะเวลำนำนในพืนท่ีอำเภอข้ำงเคียงเคยพบผู้ป่วย โรคซิก้ำคือ อำ เภอดอนตำล จังหวัดมุกดำหำร รวมทังประชำชนส่วนใหญ่ไม่รู้จักโรคติดเชือซิก้ำ ดังนันเพ่ือเกิดกำรตื่นตัว รู้จัก วิธีกำรป้องกัน กำรดูแลตนเอง กำร ดูแลสิ่งแวดล้อมในพืนที่ โดยเน้นกำรใช้นวัตกรรมกองทุนปลำกระด่ีของหมู่บ้ำนในทุกหมู่ของ ตำบลชำนุมำน นำไปสู่กำรดำรงชีวิ ตที่ ปลอดโรค ปลอดภยั ดว้ ยวถิ ชี มุ ชนพ่ึงชุมชนอย่ำงย่ังยืนต่อไป คาสาคัญ : กำรสอบสวนโรคติดเชือซกิ ้ำ 8 ธนั วำคม 2563 ณ โรงแรมสนุ ยี ์แกรนด์ฯ จ.อุบลรำชธำนี

E-POSTER : ห้องนทิ รรศการภาพถ่าย P_G4_No7 ผลงานวชิ าการดา้ นระบาดวิทยา การสอบสวนการระบาดของโรคไข้ปวดขอ้ ยุงลาย บ้านหนองยาง หมู่ที่ 6 และบ้านหนองจิก หมู่ท่ี 11 ตาบลขะยูง อาเภออทุ ุมพรพสิ ัย จงั หวดั ศรีสะเกษ ระหว่างวันท่ี 8 - 15 กรกฎาคม 2563 วีระพล วิเศษสังข์ โรงพยำบำลส่งเสริมสุขภำพตำบลขะยงู อำเภออุทมุ พรพิสยั จังหวดั ศรสี ะเกษ บทนา : เม่ือวันท่ี 8 ก.ค. 2553 เวลำ 15.30 น. รพ.สต.ขะยูง ได้รับแจ้งจำก รพ.อุทุมพรพิสัย ว่ำพบผู้ป่วย สงสัยโรคไข้ปวดข้อยุงลำย จำนวน 1 รำย เป็นเพศหญงิ อำยุ 5 ปี ที่อยบู่ ้ำนเลขที่ 201 หมู่ท่ี 6 ต.ขะยงู เขำ้ รับ กำรรักษำที่ รพ.ศรีสะเกษ ด้วยอำกำรไข้ มีผื่น และ ปวดตำมข้อ เริ่มปว่ ย 4 ก.ค. 2563 เขำ้ รบั กำรรักษำ 6 ก.ค. 2563 ทีม SRRT ตำบลขะยูง จึงไดด้ ำเนินกำรสอบสวนโรค ในวันท่ี 8 ก.ค. 2553 เวลำ 16.30 น. เพ่ือศึกษำ ยืนยันกำรวินิจฉัยและกำรระบำดของโรค ศึกษำลักษณะกำรเกิดโรค กำรกระจำยของโรค และหำ แนวทำงใน กำรควบคุมโรค โดยวิธีกำรศึกษำระบำดวิทยำเชิงพรรณนำ ศึกษำสภำพแวดล้อม และศึกษำผลตรวจทำง ห้องปฏิบัติกำร โดยใช้แบบสอบสวนโรคเฉพำะรำยและแบบคัดกรองผู้ป่วยเป็นเครื่องมือในกำรเก็บขอ้ มูล วิเครำะห์ขอ้ มูลด้วยสถิติเชิงพรรณนำโดยใช้ จำนวน ร้อยละ และค่ำเฉลีย่ ผลการสอบสวนโรค : พบว่ำ ผ้ปู ่วยรำยแรกใหป้ ระวตั วิ ำ่ 2 สัปดำห์กอ่ นปว่ ย ไดไ้ ปอำศัยอยทู่ ่ี ต. หนองไผ่ อ.เมืองศรสี ะเกษ ซึ่งเปน็ พืนที่ ท่ีมีกำรระบำดของโรคไข้ปวดข้อยุงลำย โดยเร่ิมมีอำกำรป่วย วันที่ 30 ม.ิ ย. 2563 จึงไดก้ ลับมำอยูท่ ี่บ้ำนหนองยำง ม.6 ต.ขะยูง และมี กลมุ่ เพ่ือนท่ีสนิทกนั ในหมู่บำ้ นและหมู่บ้ำน ใกล้เคียงมำกนิ อยู่ด้วยกนั และเร่มิ มอี ำกำรป่วย จำกนันเพอื่ นบ้ำนท่ีอย่ลู ะแวกบ้ำนของผู้ป่วย และกลุ่มเพื่อนก็ เริ่มมีอำกำรป่วยคล้ำย ๆ กับผู้ปว่ ยรำยแรก จำกวันที่ 2-13 ก.ค. 2563 พบผู้ป่วยทังหมด 21 รำย ส่วนใหญ่เป็น เพศ หญิง อยู่ในกลุ่มอำยุ 15 – 24 ปี มีอำยุเฉลี่ย 20.24 ปี ซ่ึงเป็นกลุ่มอำยุท่ีเป็นนักเรียน/นักศึกษำ ผู้ป่วยมี อำกำรและอำกำรแสดงมำก ที่สุด คือ มีไข้ มีผื่น และปวดกระดูกหรือข้อต่อ ร้อยละ 100, 90.48 และ 85.74 ตำมลำดับ ส่วนใหญ่เข้ำรับกำรรักษำที่คลินิกเอกชน ขณะป่วยส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้โลชั่นทำกันยุง และไม่พบ ประวัติเดินทำงไปต่ำงจังหวัด ด้ำนส่ิงแวดล้อมบรเิ วณท่ีมกี ำรระบำดพบว่ำ มีขยะ เปน็ จำนวนมำกและสว่ นใหญ่ เป็นภำชนะทพี่ บลกู นำยุงลำย ทำใหใ้ นช่วงแรกของกำรระบำดพบคำ่ ดัชนีควำมชุกลกู นำยุงลำยสูงเกินค่ำ มำตรฐำน ส่วนผลตรวจทำงห้องปฏิบัตกิ ำรด้วยวิธี RT-PCR จำนวน 3 ตวั อย่ำง ให้ผลบวก จำนวน 2 ตัวอย่ำง สรปุ ผลและข้อเสนอแนะ : กำรระบำดของโรคติดต่อครังนี เป็นกำรระบำดของโรคไข้ปวดข้อยุงลำย แบบแหลง่ โรคแพร่กระจำย สำเหตุ ของกำรระบำดเนื่องจำกเป็นโรคใหม่หรือกลุ่มอำกำรที่ไมเ่ คยพบมำกอ่ นในพนื ท่ี ผ้ปู ่วยสว่ นใหญไ่ ม่ได้เขำ้ รบั กำรรักษำท่ี รพ. ของรัฐ ทำ ให้ไม่มีกำรรำยงำนผู้ปว่ ยเข้ำระบบเฝ้ำระวังโรค ส่งผลให้กำรควบคุมโรคล่ำช้ำ โดยมีปจั จัยเสีย่ งต่อกำรเกิดโรคคือ กำรไม่ป้องกันตนเอง จำกกำรถูกยุงกัด และมีภำชนะท่ีพบลูกนำจำนวนมำก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นขยะ ดังนัน ควรให้สุขศึกษำแก่ประชำชนในกำรป้องกันตนเอง ไม่ให้ยุงกัด และร่วมกันกำจัด ขยะในบริเวณบ้ำนและชุมชน ส่วนปัจจัยแห่งควำมสำเร็จคือ กำรมีส่วนร่วมของทุกภำคส่วนในกำร ดำเนนิ งำน ตำมมำตรกำรควบคุมปอ้ งกนั โรค และกำรใช้มำตรกำร “อสม. เคำะประตบู ้ำน” ในกำรเฝ้ำระวงั และคน้ หำ ผู้ป่วยเพมิ่ เติมใน ชุมชน ทำให้สำมำรถจำกดั วงกำรระบำดของโรคในครงั นีได้ คาสาคัญ : โรคไขป้ วดข้อยงุ ลำย กำรระบำด 8 ธันวำคม 2563 ณ โรงแรมสนุ ยี แ์ กรนด์ฯ จ.อุบลรำชธำนี

8 ธนั วำคม 2563 ณ โรงแรมสนุ ียแ์ กรนด์ฯ จ.อุบลรำชธำนี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook