Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หนังสือเดินทาง ตามรอยพระราชา เส้นทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน" The King's Journey" Learning Passport

หนังสือเดินทาง ตามรอยพระราชา เส้นทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน" The King's Journey" Learning Passport

Published by nongbualumphulibrary, 2018-11-27 22:42:59

Description: หนังสือเดินทาง ตามรอยพระราชา เส้นทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน" The King's Journey" Learning Passport

Search

Read the Text Version

พระราชาไมไ ดมีแตในนิทานในเดตนิ รแียขดอมนงตพแัวรหเดะง รินกาทาชราาเงรไียปนรู สนุกรูสนุกคดิ HeartHead สนกุ ทำ Handเตรยี มตวั ไปเรยี นรู ใหเตม็ อ่มิเตรยี มใจไปสนกุ ใหเต็มท่ีเตรยี มถามไดทกุ คำถามที่สงสัยเตรียมบันทึกทุกความประทับใจไวกันลืม ณ แหลงเรยี นรู พิพิธภณั ฑท มี่ ีชวี ติจากโครงการอนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำริ พระราชา รชั กาลที่ ๙

หนงั สือเดนิ ทางของฉันrt ชื่อจรงิ ช่อื เลน โรงเรยี น ชน้ั คตปิ ระจำใจ โทรศัพทเตรียมตัวออกเดินทางไปเรียนรูสมุดบนั ทกึ กลอ งถา ยรปู ดินสอ หมวก กระเปาเปยางลบ กระบอกนำ้ 1

คมู อื พอ แม (Parent’s Guide) การเดนิ ทาง ‘ตามรอยพระราชา’ ของเดก็ ๆ ครงั้ น้ี พอ แมครู หรือผู ใหญส ามารถมสี วนรวมในการเรียนรแู ละสนกุไปกบั เด็กๆ ดวยการ…• กระตนุ ใหเดก็ ๆ เกดิ การเรียนรูอยางสรางสรรคสบื เสาะ จินตนาการ และลงมอื ทํา• สงั เกต พฤตกิ รรมการเรียนรขู องเดก็ ๆ สง เสริมใหเ กดิการตอ ยอด และเช่ือมโยงกบั ประสบการณจ ริง• ประเมิน การเรียนรูและทักษะสําคัญท่ีเกิดจากการเรียนรูของเดก็ ๆ ๔ ทกั ษะ คอื แรงบันดาลใจ คิดสรา งสรรคเอาใจใส จดจอ อยากเรียนรู สาํ รวจ เสาะแสวงหาคําตอบ อยากทาํ ตอ สงั เกต อธบิ ายขอ มลู สรา งแนวคิดใหม เกดิ แรงบันดาลใจ เชื่อมโยง บูรณาการ คิดวิเคราะห ลงมอื ทาํ เขาใจปญ หา เปรียบเทียบมมุ มอง ปฏบิ ตั ิจริง กลา ลอง ตา งๆ ตรวจสอบความถูกตอ ง กลา เรียนรู ลองลงมอื ทํา วิเคราะหขอมลู แสดงเหตุผล๒

รวมเรยี นรไู ปกับเด็กๆ• กระตุนใหเ ด็กๆ สนใจ ชี้ชวนใหสงั เกตสง่ิ ตางๆ รอบตวั• ชวนเด็กๆ ตั้งคําถาม คิด และหาคาํ ตอบ• ลองใหเด็กๆ ไดเลน ลองทํา สัมผัส และเรียนรูสง่ิ ตางๆ• ชวนเดก็ ๆ ใหค ดิ เช่ือมโยงสง่ิ ตา งๆ กบั ตวั เอง ท่ีบา น ท่ีโรงเรียนและสังคมรอบตัว• ตัง้ คาํ ถามใหเ ดก็ ๆ ทําความเขา ใจเรื่องราว ปญ หา และสาเหตุของการเกดิ ปญ หาตางๆ• ต้งั ขอสงั เกตใหเ ดก็ ๆ คิดถึงขอ ดี-ขอเสยี ของสิ่งตางๆ ทไ่ี ดเ หน็• ตงั้ ขอสงสยั และคนควา ขอ มลู เพ่ิมเติมตอจากแหลงอ่ืนๆ• ทาทายเดก็ ๆ ใหค ิดหาแนวทางแกป ญหาตามวิธขี องตัวเอง ๓

❝ศาสตรของพระราชาไม‹มีวันลŒาสมัย วิชาท่ีพระองคทรงสอน ใชไŒ ดทŒ ุกมมุ โลก เปนš ศาสตรถ นอมโลก ถนอมมนษุ ย ตลอด 7๐ ปแ‚ หง‹ ศาสตรพ ระมหากษตั รยิ  ในหลวงรชั กาลที่ ๙ ท‹านทรงสอนพวกเราไวŒ ครบเครื่อง วันน้ีพระองคท‹านไม‹ประทับอยู‹กับเราแลŒว แต‹มีแสงสว‹าง ที่สอ‹ งทางเราตลอดเวลา ขอใหŒเดนิ ตาม หนงั สอื เดนิ ทางตามรอยพระราชา คอื โรดแมปใหไŒ ปศกึ ษาตาม เสŒนทางของศาสตรกษัตริย เปšนเคร่ืองมือเหมือนมีไกดคอยอธิบาย พ‹อแม‹ลูกไดเŒ รยี นรูŒพรŒอมกัน เขŒาใจพรŒอมกัน ตรวจสอบ ลงมอื ปฏบิ ัติ บนฐานความสามคั คี๔

ขอใหเŒ ปนš การเทย่ี วอยา‹ งสราŒ งสรรค เทยี่ วไปสอ‹ู งคค วามรทŒู พี่ ระองคประสิทธิ์ประสาทใหŒ เที่ยวดูศาสตรกษัตริย ศาสตรพระราชาจะเที่ยวไดŒเปšนรŒอยโครงการ เหนือสิ่งอ่ืนใด จะเกิดความภาคภูมิใจว‹าพ‹อของเราเก‹งเหลือเกิน พ‹อเราสอนเราทุกอย‹าง เราเสียอีกอาจไม‹ค‹อยเปšนลูกท่ดี ีนัก ไม‹ค‹อยใส‹ใจคาํ สอนของพ‹อนกั แตไ‹ ม‹สาย เวลานห้ี นงั สือเดินทางจะนําทางพวกท‹านท้ังหลายไป จะเปšนเครื่องช‹วยอย‹างดีรับรองว‹าจะบรรลุธรรม ธรรมชาติและธรรมดา และจบลงดŒวยคําว‹าประโยชนส ขุ ❞ ดร.สุเมธ ตนั ติเวชกุล เลขาธกิ ารมูลนิธชิ ยั พัฒนา และท่ปี รกึ ษาโครงการหนังสือเดนิ ทางตามรอยพระราชา ๕

โครงการพัฒนาพืน้ ท่ีเกษตรน้ำฝน ๔๑๐ อนั เนอื่ งมาจากพระราชดำริ เขาวง ๔๒ จ.กาฬสินธุ โครงการศูนยพัฒนา๒๐ โครงการพัฒนาลุม นำ้ ตามพระราชดำ ลำพะยงั ตอนบน จ.เลย จ.กาฬสินธุ ๓๒ โครงการพฒั นาพ้ืนท่ี ศูนยศ กึ ษ แกม ลงิ หนองเลงิ เปอย อันเนื่องม อนั เนือ่ งมาจากพระราชดำริ จ จ.กาฬสินธุ ๒๖๖

๔๖ โครงการพัฒนาลมุ นำ้ กำ่ อันเน่อื งมาจากพระราชดำริ จ.นครพนม-จ.สกลนคร ๖๔าปศสุ ัตว ๕๐ โครงการพฒั นาและจดั หาน้ำำริ ในตำบลทุงโปง โครงการบรหิ าร จ.ขอนแกน จดั การนำ้ อยา งยั่งยืน อา งเกบ็ น้ำหว ยคลา ย ๕๔ จ.อุดรธานี เขื่อนอบุ ลรตั น จ.ลพบรุ ีษาการพัฒนาภูพาน 7มาจากพระราชดำริจ.สกลนคร

❝เรียนรเู กษตรครบวงจรพักฒารนจาัดชกุามรชนนาํ้ แเลกะษหลตักรกทารฤแษกมฎลีงิใ❞หม ภาคตะวันออก เฉียงเหนือตอนบน ● อดุ รธานี ● หนองบัวลำภู ● หนองคาย ● เลย ● มุกดาหาร ● สกลนคร ● นครพนม ● กาฬสินธุ ● ขอนแกน ● มหาสารคาม ● รอยเอ็ด ● บึงกาฬ๘



µÃÒ»ÃзѺ เรียนรแู ปลงสาธติ เกษตรทฤษฎี ใหม โครงการพัฒนาพ้ืนท่ีเกษตรนา้ํ ฝน อันเนอ่ื งมาจากพระราชดาํ ริ เขาวง จ.กาฬสินธุ เดมิ พน้ื ทน่ี ชี้ าวบาŒ นทาํ นาแบบอาศยั นาํ้ ฝนเปนš หลกั ไมม‹ แี หลง‹ กกั เกบ็ นา้ํ ดนิ มีความเปนš กรดเลก็ นอŒ ย มีคุณภาพตา่ํ เมอ่ื ฝนทง้ิ ช‹วง ขาŒ วท่ีปลกู จึงใหŒผลผลิต นอŒ ย เมล็ดลบี คุณภาพไมด‹ ี ความเปšนอยขู‹ องชาวบŒานยากจน หมดฤดทู าํ นาก็ จากบŒานไปหางานทําในเมือง พระราชาเดินทางมายังพื้นท่ีแห‹งนี้พรŒอมแนวคิด เกษตรทฤษฎใี หมเ‹ พอื่ ใหคŒ วามรŒู ชว‹ ยใหชŒ าวบาŒ นทาํ การเกษตรไดผŒ ล มนี า้ํ ใชเŒ พยี ง พอตลอดป‚ มีความเปšนอย‹ดู ีขึน้ โดยการพึ่งพาตนเอง1๐

เกษตรทฤษฎี ใหม 11 คือเกษตรแบบไหนกันนะ ?

เลา เร่ืองของพระราชา เกษตรทฤษฎี ใหม คอื ศาสตรส าํ คญั จากพระราชา ท่ีนํามาพัฒนาพนื้ ที่ สมยั กอ‹ นนั้นหนทางมายังพืน้ ทแ่ี ห‹งน้ีขรขุ ระทุรกนั ดาร คา่ํ วนั หนึง่ พระราชาออก เดินทางบนเสŒนทางเกวียนพรŒอมถือแผนท่ีในมือ ลอดรั้วลวดหนามเขŒาไปพบ และ ถามไถป‹ ญ˜ หาของชาวบาŒ นทีน่ ง่ั ผงิ ไฟอยก‹ู ลางลานนวดขาŒ ว ภายใตแŒ สงจากหลอดไฟ ที่ส‹องสว‹างดวงนŒอยเพื่อคิดและลงมือแกŒไขป˜ญหา ตามศาสตรการทํางานของพระ ราชาทวี่ า‹ ดวŒ ยการศึกษาขŒอมูลอยา‹ งเปšนระบบและการทําตามลําดับข้นั1๒

แผนผงั เกษตรทฤษฎี ใหม “ ท่อี ยอู าศยั ๓ ไร แกป ญหาดิน พน้ื ท่ีแบบนาดอน มภี เู ขาลอมรอบ มีความลาดเอียงเล็กนอย ปรับปรุงดินดวยปยุ อินทรียและวสั ดุอินทรีย 1๓

“เขาวง” ไมผ ล พืชไร พืชสวน ๖ ไรเลี้ยงสตั ว สระน้ำ แกป ญหานา้ํ ๓ ไร ปท ี่ฝนตกนอ ย นาํ้ ในสระ จะมีปริมาณนอย แกไขโดย ลดการใชน า้ํ ปลูกพืชคลมุ ดิน ใชเศษพืชเศษฟางเปนวัสดุ คลุมดิน เพ่ือรักษาความชุม ช้ืนของดิน ใชน้ําที่มีอยาง ประหยัดใหเกิดประโยชน สูงสุดแปลง๓นไารส าธติ เมื่อดนิ ดี น้ําดี ทาํ การเกษตรใดๆ ก็ไดผ ล 1๔

พระราชานกั คิดคํานวณ พระราชาบอกวา ๑ ครอบครัว ทาํ นา ๕ ไร จงึ จะมขี าวพอกนิ ไดทั้งป สูตรการจัดพนื้ ทีเ่ กษตรทฤษฎีใหม‹ ๓๐-๓๐-๓๐-1๐ นั้น คดิ คํานวณจากพ้ืนท่ี 1๕ ไร‹ สําหรบั ที่น่ีแบง‹ พ้ืนที่ออกเปนš นา ๕ ไร‹ พืชสวนพชื ไร‹ ๕ ไร‹ สระน้าํ ๓ ไร‹ ท่ีอยอ‹ู าศัย ๒ ไร‹ ในการแบ‹งสดั ส‹วนพ้นื ทนี่ ั้น ไม‹มีกฎตายตวั ใหŒปรับตามความเหมาะสมกับป˜ญหาของแต‹ละพืน้ ที่ นาํ้ ในสระทข่ี ุด จะมกี ารระเหยวันละ ๑ เซนติเมตร ในวันท่ี ฝนไมต‹ ก หากฝนแลŒง ๓๐๐ วัน เทา‹ กบั นํ้าในสระจะลดลงไป ถึง ๓ เมตร ดงั นน้ั หากตอŒ งการใชนŒ า้ํ มากก็จําเปนš ตŒอง ขดุ สระใหลŒ ึกยิ่งขึน้ เพ่อื เก็บกักน้ําไดมŒ ากข้ึน และเพียงพอในการใชงŒ าน1๕

เแกนษวตทราทงกฤาษรฎลีงใหมมือท ในําโ…ครงการพระราชาบอกวา เมอ่ื ลงมือทํา เดตต็กัววัๆผเเจูอดสงึ ็กงมกๆสสีินยั สีขลไานัหอวสงมปควทล ยิดําะงสไามิวมนากกวหา รตือัวไเกมฟ ียา เกษตรทฤษฎี ใหมแ ลว กีก่ โิ ลกรัม การทําบัญชีครัวเรือน จะชวยทําใหม องเหน็ ความเปล่ียนแปลง ปลดหนส้ี นิ ได มีรายได พออยูพอกิน มเี งนิ ออม ขนั้ ท่ี ๑ พัฒนาผลผลิตใหŒมีคุณภาพและมี ปริมาณเพียงพอสําหรับการกินในครัว เรือน ช‹วยลดคา‹ ใชจŒ า‹ ยข้นั ที่ ๒ มกี ารรวมกลุม‹ และเครอื ขา‹ ย เพอ่ืจัดการขายผลผลิตที่มีเหลือมากพอจากการกินในครัวเรือน หาตลาดรองรับผลผลิต เพิ่มรายไดŒ ข้ันที่ ๓ รว‹ มมอื กบั แหลง‹ เงนิ ทนุ เพอ่ื จดั ใหมŒ กี ารศกึ ษา อบรมดาŒ นสหกรณเ พอ่ื ใหชŒ าวบาŒ นมคี วามรŒู ความ เขŒาใจอย‹างเปšนระบบในการพัฒนาคุณภาพชีวิต1๖ และอาชพี

บใรหิกค าวราเมกรษู ตฝรก กอรบตรลมอแดลทะใ้ังหป โรงสขี ŒาวไวใŒ หŒบริการและช‹วยเหลอื เม่ือสีขา วเสรจ็ ชาวบŒาน บริการรับ-ส‹งขาŒ ว ราํ ขา วกเ็ อาไป จากชาวนาเพ่อื นาํ มาสีใหŒฟรี เลยี้ งนองหมู ดูสิ อดู อดู เด็กๆ คดิ วา สวนรํา แกลบ และปลายขา วหมกู ินอะไรเปน อาหารไดบา ง ที่นเ่ี ก็บเอาไว ใชเปนอาหารสตั ว ท้ังไก หมปู า และปลา ถอื เปน หมูหลุมเปนอยางไร ผลพลอยไดท ี่ชวยประหยัดคา ใชจาย รูไหมนะสวนขา วเปลอื กและแกลบ ขา วเหนยี วเขาวง ไกเ ขาจองแลว คอื ขŒาวเหนียวพันธุดขี ึ้นชอื่ เพราะพน้ื ที่มีอากาศเย็น และแหงŒ นํ้านŒอย เหมาะกบั การปลกู ขŒาวเหนียว นอกจากนยี้ งั เล้ียงหา นเปดเทศ และไกงวงดว ยนะ ขาŒ วเหนยี วเขาวงเมอ่ื หงุ สุกจะหอมและน‹ุมมาก 17

เขดอ ็กดๆีขอนงเับกไษดตก ขี่รอทกฤนั ษนฎะี ใหมน ับไดมากมาย… “พระราชาบอกวา ถามงี านทําทั้งป ชาวบา นก็ไมตอ งละถิ่นฐานบานเกิดชวงหลัง ฤดทู ํานา ไปทํางานที่อื่น”การปลูกพชื หลังนา ชว‹ ยฟœ„นฟูดิน ผลผลติ กนิ ไดŒ หากมมี ากก็เอาไปขายเปšนรายไดŒเสริม ที่น่ีเนŒนการ ทาํ ไมพชื ตระกูลถัว่ปลกู พืชไร‹ อยา‹ งขาŒ วโพกฝก˜ สด ถวั่ ลสิ ง จงึ ชวยบํารุงดนิ ไดล ะ นอกจากปลานลิ ขุดสระมีนาํ้ ไว ใชท ้ังปปลาย่สี ก ปลาอะไรกนิ พืช แถมยงั มปี ลามากมาย เปนอาหารอีกบาง เนŒนการเลี้ยงปลากินพืช เช‹น ปลาย่ีสก ปลานิล เพราะสามารถนาํ เศษพืชผักในครัวเรือนมาเปšนอาหาร ปลาไดŒโดยไมต‹ Œองซอื้ หาการปลูกพชื ผสมผสาน ทาํ ใหใŒ นครวั เรอื นมพี ชื ผกั ไวกŒ นิ ตลอดทง้ั ป‚ ทง้ัพืชไร‹และพืชผักสวนครัว กลŒวยน้ําวŒา แกŒวมังกรมะพรŒาวน้ําหอม บวบ มะนาว มะเขอื พรกิ ขนุนมะลิ ดาวเรือง การปลูกดอกดาวเรืองตามแนวสวนนน้ั เพ่ือหลอกลอแมลงตางๆ ให มาสนใจดอกไม ลดการทําลายพชื ผักสวนครัวและพชื ไรท ี่ปลูกไว1๘

มทาลฤอษงฎอีอใหกมแขบอบงพตนื้ นทเ่ีอเกงษกตนั ร หัวใจสาํ คัญของการทํา เกษตรทฤษฎี ใหม มาลองออกแบบ พืน้ ท่ีเกษตรทฤษฎี ใหมของตนเองกัน คอื อะไร ใครตอบไดบา งการปลูกพชื แบบผสม อยาลืมขดุ สระน้ําดว ยนะ เพราะนํา้ผสานมขี อดีอยางไร มีความสําคญั มากในการทาํ การเกษตร โครงการพัฒนาพืน้ ทเี่ กษตรนา้ํ ฝน การเดินทาง อันเนอ่ื งมาจากพระราชดาํ ริ 1๙ ต.คุมŒ เก‹า อ.เขาวง จ.กาฬสินธุ https://projects.rdpb.go.th/ projects/5017422167801856/single

µÃÒ»ÃзºÑ เดินเลทอี่ยดวออุโามงงเกค็บ ในตํ้าภ เู ขา โครงการพัฒนจา.กลาุม ฬนส้ําินลําธพุ ะยังตอนบน แต‹เดิมพื้นท่ีแห‹งน้ีเปšนพื้นท่ีขาดแคลนนํ้า ดินแตกระแหง ยามฝน ทง้ิ ชว‹ งชาวนาทาํ นาดวŒ ยความลาํ บาก พระราชาอยากใหชŒ าวบาŒ นอยด‹ู กี นิ ดี มีนํ้าใชŒเพียงพอ ไดŒหาแหล‹งนํ้าบนเสŒนทางทุรกันดารท่ีมองลงจาก เฮลิคอปเตอร เพ่ือสรŒางอ‹างเก็บนํ้าและขยายระบบส‹งนํ้า ส‹งเสริมการ ขุดสระนํ้าประจําไร‹นาตามเกษตรทฤษฎีใหม‹ พรŒอมปลูกป†าทดแทนพื้นท่ี ทีเ่ สียไป ไม‹ใหรŒ ะบบนเิ วศเสยี หาย๒๐

พระราชาบอกวา น้าํ คือชีวิตพระราชาเช่ียวชาญการบริหารจัดการน้าํ เพราะศกึ ษาอยา งละเอยี ด ๒1

อา งเกบ็ น้าํ ลาํ พะยังแหลง กกั เกบ็ นา้ํ แหลง ใหญข องชุมชน แตเ ดมิ พื้นที่อา งเกบ็ นํา้ ลําพะยงั มีช่ือวา หวยวังคาํ ปจ จุบันสามารถจุน้าํ ได ๔ ลา นลูกบาศกเ มตรนา้ํ ๔ ลา นลกู บาศกเ มตร ดว ยหลกั การจัดการนา้ํ เทา กบั น้าํ ก่ลี ติ ร บอกหนอย อางใหญเตมิ อางเล็ก อางเลก็ เตมิ สระนาํ้ ไรนา วิธนี แี้ มฝนจะตกนอ ย กย็ ังมีปริมาณนํ้ามากพอ สําหรับใชไดตลอดท้ังป๒๒

ความเปน อยขู องชาวบา นหลังจากมีอางเกบ็ นา้ํ ลําพะยังตอนบน “เปล่ียนพืน้ ท่ีแลงซา้ํ ซากใหอดุ มสมบรู ณ” ชาวบา นและเกษตรกร มนี ํา้ กินนา้ํ ใช ในการเกษตร เพียงพอตลอดปสามารถปลูกขา วนาป ไดผ ลผลติดีกวา เดิมเปน เทาตวั เมล็ดขาวไมล บี แบน มคี ุณภาพมากขนึ้ สามารถปรับจากการปลกู ขา วเพียง อยางเดียวมาเปนเกษตรผสมผสาน ตามหลกั เกษตรทฤษฎี ใหม นอกจากนี้ โครงการสง เสริมใหชาวนาปลกู ขา ว เหนยี วกอเดียวและขาวหอมมะลิชุมชน สง เสริมการผลิตปยุ อินทรีย การปลูก ผักอินทรีย สงเสริมการปลกู พืชในเขตชาวบานสามารถพ่งึ พาตนเอง ชลประทาน ไดอยา งย่ังยืนถนนดิสโก...ชื่อนม้ี ที ี่มา ๒๓ ตอนที่พระราชามาพ้ืนท่ีแห‹งน้ี มีชาวบŒานคอยบอกนําทางใหŒเลี้ยวซŒายทีขวาทีเสนŒ ทางไมด‹ ี รถยนตก แ็ กวง‹ ไปมา พระราชาจึงเปรยี บถนนเสŒนน้วี ‹าเปนš “ถนนดิสโกŒ”

อุโมงคผ นั น้าํ ในโครงการอนั เน่ืองมาจากพระราชดําริ วา ว ! อุโมงค ใตภูเขา เม่ือเดินจากปากทางลกึ เขŒาไป จะรสŒู ึกเหนื่อย เพราะเปนš การเดนิ ขน้ึ เนนิ เขาไปเรอ่ื ยๆ แถมอากาศขŒางใน กจ็ ะเย็นขึ้นดŒวย พระราชาคดิ และใหสรางอุโมงคผนั น้าํ ขามจังหวดั จากอา งเก็บนา้ํ หว ยไผ จ.มกุ ดาหาร ซึ่งอยูคนละฟากภูเขา มาสพู ้นื ที่การเกษตรใน อ.เขาวง จ.กาฬสนิ ธุ โดยสรางทอ สง นาํ้๒๔ ความยาว ๗๑๐ เมตร ผา นใตเขาภูภักดี

ลําพะยงั ภูมพิ ัฒน คือ ชื่อที่พระราชาตง้ั อโุ มงคผ นั นํา้ แหงนี้ลําพะยัง คือ ลมุ น้าํ ลําพะยงั ทอ สง นํ้าทํามาจากวสั ดุใด ใครรบู าง ภมู ิ คือ แผน ดนิพัฒน คอื ความเจริญกา วหนา พัฒนา เมื่อรวมกันจงึ หมายถงึ อุโมงคผ นั นา้ํ น่ีนี่ เด็กๆ สามารถที่นาํ ความเจริญมาสูแผนดนิ ลุม นาํ้ ลําพะยัง เดินขามจังหวัด ผา นทางอุโมงคนี้ ไดดวยนะในการผนั น้าํ จะเนนการสง นํ้าในชวง หไโนปดมเทาทยพยที ฝองัจอ่ือั้งนสพะสปฝงผ้ืนงรงสนันนทับซว้าํ ไํา้าี่เรนสปกสยะหายษาดแยนยงัตับลใบซาหะครแออขญทวยลพวาี่ขไางมัปกา๔เดดนนรสันแวนูไสา้ํ รมกคนาสนถยอล้ําง างึนนนํ้าโครงการพัฒนาล‹มุ นํ้าลาํ พะยังตอนบน การเดินทางต.สงเปลือย อ.เขาวง จ.กาฬสนิ ธุ ๒๕ ฝ†ายส‹งนํ้าและบํารุงรักษาท่ี ๔ โครงการชลประทานกาฬสินธุ

รจู ักแกมลิง โครงการพัฒนาพนื้ ท่ี แกมลงิ หนองเลิงเปอย อนั เน่ืองมาจากพระราชดาํ ริ จ.กาฬสนิ ธุ ‘เลงิ เปอย’ เปšนหนองน้ําท่เี กิดข้นึ ตามธรรมชาติ รองรับนํา้ จากหŒวยและธารนํา้ ธรรมชาตทิ ่ไี หลมารวมกัน ๓ ทิศทางในฤดูฝน น้ําจะขงั เต็มหนองน้าํ ถาŒ ระบายออกไมท‹ นั นํ้ามักจะท‹วมพ้นื ท่รี อบๆส‹วนหนŒาแลงŒ มนี ้าํ ไม‹เพียงพอใหชŒ าวบาŒ นใชแŒ ละทาํ การเกษตร เม่อื พระราชาทราบถึงความเดอื ดรŒอนของชาวบŒานจึงใหหŒ นว‹ ยงานราชการเขŒามาช‹วยเหลอื แกไŒ ขป˜ญหา µÃÒ»ÃзѺ พระราชาสอนใหร จู ัก ‘แกม ลิง’ พน้ื ท่แี กมŒ ลงิ คอื การสรŒางพ้นื ทีช่ ะลอนํ้าและ รอรับน้ําหลาก ชว‹ ยผอ‹ นความแรงของ กระแสน้าํ ไมใ‹ หทŒ าํ ลายพืชผล บŒานเรือน เม่ือนํ้าเต็มอ‹าง จนลนŒ ก็จะค‹อยๆ ไหลต‹อไป เมอ่ื ผ‹านฤดนู า้ํ หลาก แกŒมลงิ กก็ ลายเปนš ที่กักเก็บนา้ํ ไวใŒ ชปŒ ระโยชน๒๖

‘แกมลิง’ ชว ยแกป ญ หา นาํ้ ทวมไดย งั ไงนะชว ยรับนํ้าหลากไวไ มใหทว มลนโดยเก็บกกั น้าํ ไวช ั่วคราวกอ น และคอ ยๆ ระบายออก ๒7

ศาสตรพระราชา “ระเบิดจากขา งใน” เปนจุดเร่ิมตนของการพัฒนาหนองเลงิ เปอ ย เม่ือทุกคนรวมมอืรวมใจตามแนวคดิ ของพระราชา “เขาใจ เขา ถึง พัฒนา” กส็ ามารถแกไ ขปญหา ไดอ ยางเห็นผลผนู ําชุมชน พระสงฆ ชาวบา น หนว ยงานราชการทอ งที่ ทอ งถิ่น ชว ยกนั ออกแบบ หนองเลิงเปอ ย กรมการ ชาวบาน สละแรงงาน ชว ยกนั ปกครอง สรา งทางระบายนา้ํ บริเวณ ปลายสว นทองถิ่น คลอง 13Rเขามาชวย ผนู าํ ชาวบานทอ งที่ ทอ งถ่ิน อ.รองคาํ อ.กมลาไสย สละแรงงาน รว มกันซอมแซมปรับปรุงขอบ๒๘ หนองเลงิ เปอ ย

หลงั จากนชี้ าวบา นรว มกนั ทาํ ประชาคม ถวายฎกี า ฎกี า หมายถึงอะไรตอ พระราชา เพอื่ ขอความชว ยเหลอื จากหนว ยงานราชการ ใครรูบ างเพอื่ ขดุ ลอกเลงิ เปอ ย ซงึ่ มพี นื้ ท่ีขนาดใหญก วา ๘๐๐ ไร พรอ มสรา งประตรู ะบายนา้ํ และระบบชลประทาน ดนิ ท่ี ไดจ ากการขดุ ลอกหนองเลงิ เปอ ยจะนาํ ไปถม ท่ีดินของชาวบานโดยรอบใหมรี ะดบั สงู ขน้ึ ปอ งกนั นา้ํ ทว ม แตในชว งแรกชาวบานตอ งเรียนรู การปรับปรุงดนิ ใหเหมาะในหนองเลงิ เปอย การปลกู พชื เสยี กอ น โดยมีคือ พ้นื ที่แกมลงิ เจาหนาที่ ใหคาํ แนะนาํแหง เดียวในภาคอสี าน กรมชลประทานซอ มแซมฝายท่ีชาํ รุด แผนท่ี คอื ตนเปอย หรือ ตน ตะแบกนา อาวุธสําคัญ ขนึ้ อยรู อบหนองเลิงเปอ ย ในการพัฒนา มีดอกเปนชอสีชมพอู อ น พน้ื ที่ และสมี ว งออน ๒๙

ปหนระอโงยเชลนิงจเปาอกยการพัฒนา ชาวบานเกิด คนหนมุ สาวมีงานทํา ความสามัคคี ไมตอ งทิ้งบา นไปหางาน ชวยเหลอื กันและกนั ในชุมชน ในเมืองในหนาแลง ผลผลิตการเกษตรดีข้นึ ชาวบานเจอ มกี ารรวมกลุม การผลติ ปญ หานํ้าทว มนอยลง แบบเปนรูปธรรม มีน้าํ สาํ หรับใช ใน ผลผลิตจากหนองเลงิ เปอย การเกษตรที่เพียงพอมากข้นึ นากนิ จังเลย ดสู ิ มแี หลง ประมงนํา้ จืดขนาดใหญ๓๐

นอกจากการพัฒนาแหล‹งน้ํา โครงการ มสกี วาทนราํแทนบ่ีอางยปพูอ ลนื้ากู ศทพยั ่ีเืชปแไรนลพสะปชืวสนศวตุสนัตา งวๆยังสง‹ เสริมการทําอาชีพเล้ียงตนเองของชาวบŒาน ในดาŒ นเกษตรกรรมต‹างๆ มีการเฟ‡นหา “เกษตรกรหัวไว ใจสŒู” เพ่ือเปนš ตŒนแบบในการทาํ เกษตรกรรมแบบทฤษฎีใหมแ‹ ละปลูกพชื ผสมผสานท่ีไดŒผลดีกว‹าการปลกู พชื เชงิ เดี่ยวกแาลระปพลืชกู ผพลชื กผินสใมนผคสราัวนเรือชนว ยตใลหอมดผี ปัก เล้ยี ทงําวปวั ศเุสลัตีย้ งวห มู มมี ากพอก็นําไปขาย เล้ียงไก และเปด เทศ โรงเรือนท่ีดดั แปลงจากวัสดงุ า ยๆ ชว ยประหยดั เงินไดด วย สกัดสารไลแ มลง ทกาํ าแใรหมสผ  ใรักนาไหงมโนรเสงาเฝียรหนือานยจากสมุนไพรในครัวเรือนศูนยประสานงานโครงการพฒั นาพืน้ ที่แกŒมลงิ หนองเลิงเป„อย ต.สามัคคี อ.รอ‹ งคํา จ.กาฬสินธุ ๐๘๐ 1๒๒ ๐๖๐๘, ๐๘7 ๕๔๓ ๕๒1๕ โครงการพัฒนาพ้ืนทแี่ กŒมลงิ หนองเลิงเปอ„ ย อันเนื่องมาจาก การเดนิ ทาง พระราชดําริ ศนู ยประสานงานโครงการพฒั นาพืน้ ทแ่ี กŒมลิงหนองเลงิ เปอ„ ย ๓1

µÃÒ»ÃзѺ สนกุ เรียนรพู พิ ิธภัณฑ ธรรมชาติที่มีชีวิต ศูนยศ ึกษาการพัฒนาภูพาน อันเน่ืองมาจากพระราชดาํ ริ จ.สกลนคร เดิมพื้นท่ีน้ีเปšนป†าโปร‹ง ดินขาดความอุดมสมบูรณ ขาดแคลนน้ํา ปลูกพชื ไมไ‹ ดผŒ ล ชาวบาŒ นยากจน มีการบกุ รุก ทาํ ลายปา† จนเกดิ ความแหงŒ แลงŒ พระราชาเลอื กพน้ื ทแี่ หง‹ นเ้ี พอื่ จัดตั้งเปšนสถานที่ศึกษา ทดลองและสาธิต การพัฒนาท่ีดิน แหล‹งนํ้า ฟ„œนฟูป†า วางแผนการปลูกพืชและเล้ียงสัตวใหŒ เกษตรกรและคนที่สนใจเขŒามาศึกษาคŒนควŒา นําไปพัฒนา อาชีพเลย้ี งตนเองและครอบครัวไดŒแบบยั่งยนื๓๒

‘ฝายพอ’ หรือฝายตน นาํ้ แหง น้ีพระราชาเคยเดนิ บนสนั เขื่อนแคบๆ กางแผนที่ เรามาเดินตามรอย พระราชาทีละกาŒ วกนั ดกี วา‹ 1…๒…๓ ๓๓

บเดนินเเสลน น ทสาดุ งสศนกึ กุษ…าธรรมชาติ บนเสนทางยาว ๓ กิโลเมตร ใชเ วลาเดิน ประมาณ ๑ ชัว่ โมงมอี ะไรใหสนกุ เรียนรูมากมายมีพันธุไม และเห็ดปา๓๔๕ ชนดิ ๑๘๕ ชนดิ สมนุ ไพรปา ๓๐๒ ชนดิ เด็กๆ รูไหม ? เนอื้ ทรายและกวางท่ีนย่ี ังเปน ท่ีดแู ลและเพาะพันธสุ ัตวปา ตา งกนั อยางไร เพ่ือการอนรุ ักษด ว ย กรงสัตวแ บบเปด บนสะพานทางเดินท่ีทอดยาว จะเจอหา‹ น หมปู †า และเน้อื ทราย รูไหม ? ๓๔ หมูปา ชอบกนิ เม็ด ยางพาราดว ยนะ

ศตนูะลยยุ ศ พกึ น้ืษทากี่ ารพัฒนาภูพาน ปราคไู เหปอื มอยะก?ไรนะจัดเหปาน นต้ํานฟแบนบฟขปู อางภพาัฒคอนีสาอานาชีพ การสรา งปา เปย ก เปน วิธที ี่ชว ยปอ งกนั ไฟปา ไดด ี ตามท่ีพระราชาบอก น่งั รถรางเท่ียวชมศนู ย ดานปาไม พรอมฟงบรรยายเจา หนาท่ี ปลกู ปา† ๓ อยา‹ ง ไดŒประโยชน ๔ อยา‹ งมาดูการทาํ งานพัฒนาของศูนย ๙ ดานแหงนต้ี ามแนวคดิ • ไมเŒ ศรษฐกจิ หรือไมสŒ ราŒ งบŒาน • ไมใŒ ชสŒ อยหรอื ไมŒโตเร็ว ของพระราชากนั เถอะ • ไมŒกินไดŒ พืชผลตา‹ งๆ • ชว‹ ยอนุรกั ษดนิ และนํ้าดา นแหลง นา้ํ สราŒ งฝายชะลอนาํ้ ใน นา้ํ ซา ง คืออะไรนะลํานํ้า ช‹วยสรŒางความชุ‹มชื้นใหŒแก‹ป†า ใชŒเรียกบ‹อขุดเพือ่ นําน้าํสรŒางอ‹างเก็บนํ้า เช‹น อ‹างเก็บนํ้าหŒวยตาดไฮใหญแ‹ ละอา‹ งอน่ื ๆ รวม 1๕ แหง‹ มาใชŒในสมัยก‹อนเอาน้ํามาใชŒประโยชนในครัวเรือนและการเกษตร ตนŒ ยางนา ราชาแห‹งป†า เพราะเปนš ไมทŒ ่ีใหปŒ ระโยชนมาก ท้งั ใหŒรม‹ เงา๓๕ รักษาสิง่ แวดลอŒ ม มีราคาทางเศรษฐกิจ เตบิ โตไดŒดีในสภาพดินทุกชนิด

“ปลูกปา† ในใจคน” หาอาสาสมคั รพิทกั ษป †าอย‹าง “ราษฎรรักษาป†า” เพอ่ื สรŒางภมู ิคŒุมกันไมบ‹ กุ รกุ ทําลายป†าและฟ„œนฟปู า† ใหŒกลบั มาสมบูรณ ๓ ดํามหัศจรรย หมดู าํ ภพู าน มขี นาดกะทดั รดั ของภูพาน ลูกดก มันนŒอยและเนื้อแดงมาก มอี ะไรบา งนะ นิยมนําไปทําหมหู ัน ไกด‹ าํ ภพู าน หนาŒ ตา คลาŒ ยไกพ‹ นื้ เมอื ง มขี นดาํ กระดกู ดาํดา นปศสุ ตั ว เนนŒ การเลย้ี งสตั วท ม่ี ี โคเนอ้ื ภพู าน เปนš โคสายพนั ธทุ ด่ี ที สี่ ดุ ในการสายพนั ธุเ หมาะสม เล้ยี งง‹าย ขายไดŒ ผลิตโคขุน เนอ้ื น‹มุ กว‹าโคสายพนั ธอุ น่ื เพราะมีราคา ทนทานต‹อโรค ไขมนั แทรก เหมาะนําไปทาํ สเตก็ ดา นการเกษตร ฝกƒ อบรมเกษตรกรทาํ เกษตรผสมผสาน ประยุกตจากเกษตรทฤษฎีใหม‹ของพระราชา ทั้งปลูกขŒาว พืชไร‹ พืชสวน ยางพารา หมอ‹ นไหม และเพาะเหด็๓๖

สง เสริมการเกษตร สนิ คาŒ ศกึ ษาและพัฒนาสาธารณสขุแปรรปู ขน้ึ ชอ่ื ของทนี่ ่ี มที งั้ ใหบŒ รกิ ารนวดตวั นวดฝ†าเทาŒ เพอื่วนŒุ เสนŒ จากถวั่ เขยี วและถว่ั พม‹ุ ดาํ สนิ คาŒ จากออŒ ย สขุ ภาพ สอนทาํ ผลติ ภณั ฑจ ากสมนุ ไพรและธญั พชื มไี อศกรมี เชน‹ ยาหมอ‹ ง เทียนตะไครหŒ อมขาŒ วฮางดวŒ ยนะ ลองใหอาหารไอศกรมี ขาŒ วฮาง จากงานศึกษา ปลาคารฟ ดว ยขวดนมและพฒั นาดาŒ นขาŒ วศนู ยศึกษาการ ไดนะพัฒนาภพู านอันเนอื่ งมาจากพระราชดาํ ริศกึ ษา พัฒนา ปรับปรุงดนิ การใชปŒ ยุ‰ พืชสดและการใชŒหญŒาแฝก เพือ่ แกปŒ ญ˜ หาดินเค็ม ๓7

นอ งกบอยูในนี้ มี ใครใจกลา ลองจับนองกบ บา งนะดา นประมง เพาะพนั ธุสัตวนํา้ ดŒวยการใชŒน้ําอย‹างจํากัด เช‹น เลี้ยงปลาดุกในบ‹อซเี มนต เลี้ยงกบในคอนโดท่ีทาํ จากยางรถยนตเลี้ยงสัตวผสมผสานในบ‹อเดียวกัน การแปลงเพศปลานลิ สง เสริมและ พัฒนาอาชีพ อตุ สาหกรรม ในครัวเรือน การทําผŒายŒอมคราม คือ ของดีของที่น่ี ทําเปšนสินคŒา ต‹างๆ ทั้ง เส้ือผŒา กระเป‰า ผาŒ ขาวมŒา ผŒาห‹ม ๓๘

กรงสัตวปด มไี กฟ‹ ‡าพญาลอ ไกป‹ า† ภเู ขา นกยงู ไก‹ฟ‡าหลงั ขาว ไก‹ฟา‡ สที อง ไกฟ‹ ‡าเลด้ี ไกฟ‹ ‡าหลงั เทาแขŒงแดง ฯลฯ สวยๆ ทั้งน้ันเลย เสยี งรองของนก ท่ี ใชส่อื สารกันมี ๒ แบบ • รอŒ งเพลง โดยตัวผจŒู ะรอŒ งในฤดผู สมพนั ธุ เปนš เสียงสงู ๆ ตาํ่ ๆ เพ่ือดงึ ดดู ตวั เมยี • รอŒ งดงั ตดิ ต‹อกนั เปšนการรŒองเตือนภยั หรือ เรียกเพอื่ นมาชว‹ ยไล‹ศตั รู ทาํ ไมหา น ชอบรอ ง สง เสยี งดงั นะ เด็กๆ สงสยั ไหมทําไมนกหรือไกฟา๓๙ ตัวผูจงึ มสี ีสันสวยงามกวาตวั เมยี

ในศนู ยฯ ภูพาน มสี ัตวม ากมายหลายชนดิ มาตามหาบรรดาสตั วก ันเถอะ เด็กๆ ชอบสตั วต วั ไหนบาง๔๐ เพราะอะไรนะ

เด็กๆ ไดเจอสัตวอ ะไรบา งนะศนู ยศกึ ษาการพฒั นาภูพานอันเนอื่ งมาจากพระราชดําริ การเดินทาง บาŒ นนานกเคาŒ ต.หวŒ ยยาง อ.เมอื ง จ.สกลนคร เปดวันจนั ทร- ศกุ ร ๘.๓๐-1๖.๓๐ น. ๔1 (๐๔๒) 7๔7๔๕๘-๙ www.roral.rid.go.th/phuphan

µÃÒ»ÃзºÑ โครงการเกเศรษียูนตนรรยผูเลพส้ียมัฒงผสสตันาวนา ปศุสัตว ตามพระราชดําริ อ.ดา นซา ย จ.เลย จากพนื้ ทสี่ าธารณะในอาํ เภอดา‹ นซาŒ ย จงั หวดั เลย สงวนไวสŒ าํ หรบั เลย้ี งสตั ว จํานวน 1,๒๐๐ ไร‹ พระราชามองเห็นประโยชนข องที่ดนิ และการเลี้ยงสัตว จงึ ใหพŒ ัฒนาเปšนศนู ยสาธิตดาŒ นปศุสัตว เพอ่ื สง‹ เสริมอาชพี การเล้ยี งสตั ว เปšนการ เพม่ิ รายไดใŒ หแŒ กช‹ าวบาŒ น รวมถงึ สาธติ และอบรมการทาํ เกษตรผสมผสานควบค‹ู ไปกบั การเล้ียงสตั ว ตอ‹ มาเจาŒ หญงิ นกั พฒั นาสานตอ‹ ดŒวยแนวคิดใหเŒ ลีย้ งสัตวท ่ี จาํ เปนš และเหมาะสมกบั สภาพพน้ื ท่ี รวมถงึ ขยายพนั ธเุ พอื่ สง‹ ไปยงั โครงการอนื่ ๆ ของพระราชาทย่ี งั ขาดแคลน๔๒

ปศุ หมายถงึ สตั วท ่ีคนนาํมาเลีย้ งไว ใชง าน เชน ววั ควาย มา รวมถงึ สตั วท่ีเลย้ี งเอาไวก ิน เชน หมู ไก เปด ๔๓

พในรฟอ ามรสมาํ ขรอวงจพกรนั ะหรารชือายมังีอะไรบา งนะโรงเรือนพอ ไกแ มไก เลี้ยงไกไ ขเ ล็ก ฮอรนขาวหงอนจักร เพ่อื เอาไขไ ก พอ‹ ไกพ‹ นั ธุ แม‹ไกพ‹ ันธุไทย ลูกไก‹ไข‹ แปลงพืชอาหารสตั วโรดไอแลนดเ รด บารพลมี ัธรอ็ ค กรมปศสุ ตั ว ขอŒ ดขี อง ๒ พนั ธุน้คี ือ เลีย้ งง‹าย ตŒานทานโรคดี เหด็ เปน พชื ปลกู หญาŒ กนิ นี หญาŒ เนเป‚ยร หญาŒ รซู ี่ เศรษฐกิจ ถั่วลิสงเถา ถั่วฮามาตŒา ถว่ั ทา‹ พระสไตโล ท่ีขายไดร าคาดี และขยายพันธุออŒ ยอาหารสตั วศโนูรงยเกราือรนเรเพียานะรเหูเรด็ ื่อแงเลหะ็ด คอกวัวและสัตวอ ่ืนๆ เชน แพะ หมูแจกจา‹ ยเชอ้ื เหด็ ใหแŒ กท‹ เี่ ขาŒ รว‹ มโครงการ ศนู ยเ รียนรู และเพาะเลยี้ งสตั วน าํ้ จดั ตง้ั กลม‹ุ เกษตรกรเพาะเหด็ สง‹ เสริมอาชพี ประมงเลย้ี งปลานลิ แปลงเพศ ผลติ เหด็ ทมี่ คี ณุ ภาพสง‹ ตลาด ปลอ‹ ยพันธุป ลาน้ําจืดในอ‹างเกบ็ นํ้า เชน‹ แปลงสาธิตการผลติ และ ปลาสรŒอยขาว ตะเพียนขาว กระแห การใชแปลงหญา ตะเพยี นทอง ปลาแกง นาํ มาเปšนอาหารสตั วตา‹ งๆ๔๔

สง เสริมการปลูกพืชตา งๆ ลกู หมอ นหรือมลั เบอรร ี่ อรอ ยและมปี ระโยชน ผลติ และขยายพนั ธพุ ืช แปลงไมŒผลเมอื งหนาวและไมผŒ ลอโวคาโด ผักชลี าว ผักหวานบาŒ น พนื้ เมือง พลับ สาลมี่ ‹อนไข‹ มะปรางหวาน และสตารแอปเปล ผลติ และขยายพันธุไมŒผล อบปรมลหูกใลกนักาสแสภฟตู าพรพกันราธม‹รอุ ปเรงลาาูกบกิกาาแฟเศรษฐกจิ ไดแŒ ก‹ แมคคาเดเมียนัท กระทŒอน พลบั ทŒอ และบว ยกิจกรรมนาสนกุ ท่ีเด็กๆ ลงมือทําไดดลู ูกเจ๊ยี บสิ แพะนารักจังเลย ชอบกินอะไรนะ ใครรูบาง ลองเลย้ี งนองแพะ มลู ของสัตวนํามา ทําปยุ ได ชว ยประหยัด เลย้ี งไกและเกบ็ ไกไข ไมต องซอ้ื ปุยสําเร็จ โครงการศูนยพัฒนาปศสุ ตั วต ามพระราชดําริ การเดินทาง อ.ด‹านซาŒ ย จ.เลย ๔๕ ๐ ๔๒๘1 ๐๔๙7 ศนู ยพ ฒั นาปศสุ ตั วต ามพระราชดาํ ริ อ.ดา‹ นซาŒ ย จ.เลย

µÃÒ»ÃзѺ เรียนโครกู รางรแกกาป รญพหัฒาเรนื่อางนล้ํามุ จานกาํ้พกระา่ํ ราชา อนั เนือ่ งมาจากพระราชดําริ จ.นครพนม-จ.สกลนคร ในอดีต ประชาชนสองขŒางลํานํ้ากํ่าประสบป˜ญหาน้ําท‹วมพ้ืนที่ การเกษตรในช‹วงหนŒาฝน และขาดแคลนนํ้าใชŒในช‹วงหนŒาแลŒง ซํ้าซาก แบบน้ีทุกป‚ พระราชาทรงช‹วยชาวบŒานดŒวยการคิดพัฒนาลุ‹มน้ําก่ําและ ระบบชลประทาน ทรงวาดโครงรา‹ งโครงการพฒั นาล‹ุมนํ้าก่าํ ขณะนั่งอย‹ู บนเคร่ืองบินแลวŒ มองลงมา ใหสŒ รŒางประตรู ะบายนํ้าเลก็ ๆ โดยลดขนาด ความสงู ลงมา เจรจากบั ชาวบาŒ นทพ่ี นื้ ทถี่ กู นาํ้ ทว‹ มใหมŒ กี ารเกบ็ กกั นาํ้ เอา ไวใŒ นร‹องนา้ํ แลวŒ ใหŒประชาชนสบู เอาไปใชเŒ อง๔๖

ประตูระบายน้ํา ๔7 มปี ระโยชน อยา งไรนะ

พระราชาใชการคิดอยางมีระบบ ศึกษาเกี่ยวกับนา้ํอยางลึกซง้ึ สกู ารแกไขอยา งเปนขั้นตอน สรา งประตูระบายน้ำ แหง พัฒนาหนองบงึ ขนาดใหญ แหง แหง สรา งระบบสง นำ้ ชลประทาน ดวยสถานสี ูบนำ้ ไฟฟา สว นหัว คือ หนองหาน ตนกําเนดิ ลาํ นา้ํ กา่ํ สว นกระดกู สนั หลัง คอื ลํานํ้ากา่ํ ขอท่ีเปน ปลอง คือ อาคารบงั คับนา้ํขอบลาํ ตวั คอื คลองระบายนา้ํ ที่คขู นานไปกบั ลาํ นาํ้ กา่ํมกี ารบริหารจัดการนํา้ ท่ีดี ประตูระบายนํ้า บริหารจัดการน้ําในลมุ นาํ้ เพ่อื เกบ็ กักนาํ้ และ ใหมŒ นี า้ํ กนิ นาํ้ ใชเŒ พยี งพอ นาํ ไปผลติ นาํ้ ประปาดบิ ใชใŒ นการเกษตร อตุ สาหกรรม และรกั ษาระบบนเิ วศ๔๘ บรรเทาภัยน้าํ ทว ม ระบบสง นํ้า เพ่อื สงนาํ้ สูพ้นื ท่ีทาํ เกษตร อนั แหง แลง บริหารจัดการนํา้ ในแตละสถานสี บู นํา้ เพือ่ ลดความขดั แยŒง แย‹งนํา้ จดั ต้งั คณะกรรมการ การใชŒนํา้ ทกุ คนจะไดใŒ ชนŒ ํ้าอยา‹ งทวั่ ถึง