ใบความรู้ เรอื่ ง ลกั ษณะของวงดนตรีไทย ผสู้ อน นายทราวฒุ ิ ป่ ุนประโคน โรงเรยี นตานีวทิ ยา อาเภอปราสาท จงั หวดั สรุ นิ ทร์ สาระนา วงดนตรีไทยจาแนกตามลกั ษณะการประสมวงได้ 3 ประเภท คอื วงปี่ พาทย์ วงเครอื่ งสาย และวงมโหรี วงดนตรีไทยแตล่ ะวงจะใชบ้ รรเลงในโอกาสทแี่ ตกตา่ งกนั ซง่ึ มีลกั ษณะดงั ตอ่ ไปนี้ 1.วงปี พาทย์ ทมี่ าภาพ http://wongdontrith.blogspot.com/ วงปี่ พาทย์ เป็ นวงทปี่ ระกอบไปดว้ ยเครอื่ งดนตรีประเภทตี เป่ า และเครอื่ งประกอบจงั หวะ ใชบ้ รรเลงในงานพระราชพธิ ีและพธิ ีตา่ ง ๆ แบง่ ได้ 3 ขนาด คอื วงปี่ พาทย์เครอื่ งหา้ แบง่ ออกเป็ น 2 ชนิดไดแ้ ก่ 1. ปี พาทย์เครอื่ งหา้ อยา่ งหนกั จะใชส้ าหรบั การบรรเลงในการแสดงมหรสพหรืองานในพธิ ีตา่ งๆ ซงึ่ จะประกอบไปดว้ ยเครอื่ งดนตรีตา่ ง ๆ ดงั น้ีคอื ฆอ้ งวงใหญ่ ปี่ ใน กลองทดั ตะโพน และฉิ่ง 2. ปี พาทย์เครอื่ งหา้ อยา่ งเบา ประกอบไปดว้ ยเครอื่ งดนตรีตา่ งๆ ดงั น้ี คอื กลองชาตรี ฆอ้ งคู่ ฉ่ิง ปี่ และทบั หรอื โทน วงปี่ พาทย์เครอื่ งคู่ เหมือนวงปี่ พาทย์เครือ่ งหา้ เพียงแตเ่ พม่ิ ระนาดทุม้ และฆอ้ งวงเล็กเขา้ ไป วงปี่ พาทย์เครอื่ งใหญ่ เหมือนวงปี่ พาทย์เครือ่ งคู่ เพยี งแตเ่ พม่ิ ระนาดเอกเหล็กและระนาดทมุ้ เหล็กเขา้ ไป
นอกจากนี้วงปี่ พาทย์ยงั มีอกี 3 ประเภทใหญ่ ๆ คอื วงปี่ พาทย์นางหงส์ วงปี่ พาทย์มอญ วงปี่ พาทย์ดกึ ดาบรรพ์ 2.วงเครอื่ งสาย วงเครอื่ งสาย ประกอบดว้ ยเครอื่ งดนตรีประเภทเครอื่ งสาย อนั ไดแ้ กเ่ ครอื่ งสี (ซอดว้ งและซออู)้ และเครอื่ งดดี (จะเข)้ เป็ นหลกั มเี ครอื่ งดนตรปี ระเภทเครอื่ ง ทมี่ าภาพ http://wongdontrith.blogspot.com/ เป่ า (ขลยุ่ ) เป็ นสว่ นประกอบ ใชโ้ ทนรามะนาบรรเลงจงั หวะหน้าทบั และใชฉ้ ิ่ง ฉาบ กรบั โหมง่ รว่ มบรรเลงประกอบจงั หวะ วงเครอื่ งสายเป็ นวงดนตรีประเภททใี่ ชบ้ รรเลงขบั กลอ่ มเพือ่ ความบนั เทงิ เรงิ รม ย์ เหมาะสาหรบั การบรรเลงในอาคาร นิยมใชบ้ รรเลงในงานมงคล เชน่ พธิ มี งคลสมรสและงานเล้ียงสงั สรรค์ เป็ นตน้ และมไิ ดใ้ ชบ้ รรเลงสาหรบั ประกอบการแสดงนาฏศลิ ป์ ไดแ้ ก่ ๑. วงเครอื่ งสายไทย ๑.๑ วงเครอื่ งสายวงเล็ก ๑.๒ วงเครอื่ งสายเครือ่ งคู่ ๒. วงเครอื่ งสายผสม ๓. วงเครอื่ งสายปี่ ชวา ๓.๑ วงเครอื่ งสายปี่ ชวาวงเล็ก ๓.๒ วงเครอื่ งสายปี่ ชวาวงใหญ่
3.วงมโหรี ทมี่ าภาพ http://wongdontrith.blogspot.com/ ว ง ม โ ห รี เกิ ด จ า ก ก า ร ป ร ะ ส ม กัน ร ะ ห ว่ า ง 1)ว ง บ ร ร เล ง พิ ณ (โบราณาจารย์เรียก การขบั รอ้ งเป็ นลานาพรอ้ มกบั การดีดพิณน้าเตา้ ในคนๆ เดียว แต่มึสองลานาขึ้นไปประสานเสียงกนั ว่า \"วง\") และ 2) วงขับไม้ ( ผู้ สี ซ อ ส า ม ส า ย เ ป็ น ล า น า ร่ ว ม กั บ ผู้ ไ ก ว บั ณ เ ฑ า ะ ว์ ) เ กิ ด ข้ึ น ค ร้ั ง แ ร ก ไ ม่ น้ อ ย ก ว่ า ส มั ย ก รุ ง สุ โ ข ทั ย ภายหลงั จึงประสมเครื่องดนตรีเพิ่มมากข้ึนโดยลาดบั เป็ นวงมโหรีเครื่องสี่. หก. และประสมเครื่องดนตรีวงปี่ พาทย์ตามวิวฒั นาของวงปี่ พาทย์เครื่องคู่. แ ล ะ เ ค รื่ อ ง ใ ห ญ่ แ ต่ มี ร ะ เ บี ย บ วิ ธี ที่ เ ป็ น ข้ อ ยึ ด ถื อ เ ส ม อ ม า คื อ ก า ห น ด ใ ห้ ซ อ ส า ม ส า ย แ ล ะ ก า ร ขั บ ร้ อ ง เ ป็ น ป ร ะ ธ า น และยึดบนั ไดเสียงกลุ่มเสียงระดบั เพียงออ ร่วมกบั เน้นลกั ษณะการขบั กล่อม เป็ นสาคญั แมน้ เมือ่ ประสมดว้ ยเครือ่ งปี่ พาทย์ตามยุคตา่ ง ๆ ก็ดี ดรุ ยิ างคศลิ ปิ น มกั จะสรา้ งสรรค์ให้เครือ่ งปี่ พาทย์ปรบั เขา้ หาเครือ่ งสาย และใช้โทน รามะนา ในการกากบั จงั หวะ เนื่องจากเป็ นวงประเภทการขบั กล่อมเพื่อสุนทรีย์ ดว้ ยการปรบั ขนาดเครือ่ งดนตรีใหเ้ ล็กลงเพือ่ ใหเ้ สียงกลมกลืนกนั กบั เครือ่ งสาย และกาหนดใหเ้ สยี งลกู ยอดของระนาดเอกจะพอดีกบั เสยี งนิ้วกอ้ ยสายเอกของซ อดว้ ง ตลอดจนเมือ่ ขนาดของเครือ่ งดนตรีปี่ พาทย์เล็กลงจะใช้ไม้นวมบรรเลง ไดแ้ ก่ มโหรีวงเล็ก วงมโหรเี ครอื่ งควู่ งมโหรีเครอื่ งใหญ่
Search
Read the Text Version
- 1 - 3
Pages: