Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ลักษณะการใช้ ภาษาไทยในวัฒนธรรมไทยเพื่อให้เกิดความสันติสุข

ลักษณะการใช้ ภาษาไทยในวัฒนธรรมไทยเพื่อให้เกิดความสันติสุข

Published by กนิษฐา ปานศรี, 2020-03-06 13:01:27

Description: ลักษณะการใช้ ภาษาไทยในวัฒนธรรมไทยเพื่อให้เกิดความสันติสุข

Search

Read the Text Version

ลักษณะการใช้ ภาษาไทยในวัฒนธรรมไทย เพื่อให้เกิดความสนั ติสุข

ภาษาไทยจัดเปน็ วฒั นธรรมทางภาษาที่มีความ หมากหลาย ประกอบกับ คนไทยที่ตอ้ งช่วยกันใช้ภาษา ใหถ้ ูกต้องและสอดคลอ้ งกบบริบททางวัฒนธรรมไทย เพือ่ ให้เกิดความสนั ติสุข เพื่อที่จะอาศัยอยู่ร่วมกันภายใน สังคมไดอ้ ย่างสงบสขุ แบ่งได้เป็น 5 ประการดังนี้

แบง่ ได้เปน็ 5 ประการดงั นี้ 1 การใชภ้ าษาใหส้ ุภาพ 2 การเลือกใชค้ าเรียกขานให้ เหมาะสมกับผู้ฟงั 3 หลีกเลี่ยงคาต้องห้าม 4 หลีกเลีย่ งการใช้คาทีซ่ อ้ นในเชิง กระทบกระเทือนจิตใจของผู้ฟัง 5 หลีกเลี่ยงการกระทาในลกั ษณะ แบบ Cyberbullying

1 การใช้ภาษาใหส้ ภุ าพ หมายถึง การใชภ้ าษาให้มคี วามเหมาะสม อ่อนโยน และเลือกใชภ้ าษาโดยคานงึ ถึง ความรู้สึกของผู้ฟงั เปน็ หลัก นอกจากผู้ใช้ภาษาต้องเข้าใจเรือ่ ง “ระดับ ภาษา” ดังทีก่ ลา่ วในบทท่ี 1 แล้วผู้พูดต้องเลือกใช้ ใชค้ าพูดให้สภุ าพ อ่อนโยน เพื่อให้เกดิ สัมพนั ธภาพ ทด่ี ีระหว่างผู้ฟงั และการเลือกใชค้ าสุภาพจัดเปน็ วิธีการทด่ี ีท่สี ุดอันจะนาไปสกู่ ารเกิดความสงบสขุ ของคนในสังคม แบง่ ออกเปน็ 3 ประเภท ดังนี้

1.1 การทกั ทาย/การไหว้ ➢ การไหว้ 5 ระดบั เช่น ไหว้พระสงฆ์,ไหว้ผู้ที่อาวโุ สกว่า,ไหว้ บุคคลทว่ั ไป,ไหว้บุคคลทม่ี ีอายุรนุ่ ราวคราวเดียวกนั และการรบั ไหว้ สิง่ เหล่าน้ี จัดเป็น “อวัจนภาษา” ➢ การไหว้+การสวัสดีครบั /คะ่ ➢ สวัสดีครบั /สวัสดีคะ่ +สบายดีหรือเป่าครับ/คะ ➢ หวัดดี ➢ กนิ ข้าวหรือยงั ➢ เป็นไงบา้ ง ➢ ยมิ้ (อวัจนภาษา) ➢ พยักหน้า(อวัจนภาษา)

2.1 การกล่าวคาขอบคุณ ▪ กราบขอบพระคณุ เปน็ อยา่ งสงู 3.1 การตอบรับ/การปฏิเสธและการขอโทษ ▪ ขอขอบพระคุณ ▪ ขอบพระคณุ ครบั /คะ่ ▪ ยินดเี ป็นอยา่ งยิง่ ครับ/คะ่ ▪ ขอบคณุ ครับ/คะ่ ▪ ขอบพระคุณมากๆนะครับ/คะ่ (ในสถานการณ์ที่ตอบรับ) ▪ ขอบใจมากๆ นะ ▪ ขอบพระคณุ ทา่ นมากๆนะครับ/คะ่ ที.่ ..แต่กระผม/ดิฉันไม่สามารถทีจ่ ะ... ▪ Thank you นะเธอ ▪ ขอบพระคุณมากๆนะครับ/คะ่ แต่กระผม/ดิฉนั ไมส่ ามารถไปได้ เพราะ (บอกกล่าวเหตผุ ลทีต่ นเองไม่สามารถไปได้) ▪ เสียใจจริง ๆ ครง้ั นี้ไปไม่ได้ ขอเอาเปน็ ครงั้ หน้าละกนั นะ ▪ กราบขอประทานโทษนะครับ/ค่ะ ▪ ขออภยั ทา่ นไว้ ณ ทน่ี ี้ ด้วยนะครบั /คะ่ ▪ เรื่องนี้มันเป็นเหตุสดุ วิสัยจรงิ ๆ ครบั /คะ่ ตอ้ งขอประทานอภัยมา ณ ทน่ี ี้ ด้วยนะครับ/ค่ะ

2 การเลือกใช้คาเรียกขานให้ เหมาะสมกับผู้ฟัง หมายถึง การเลือกใช้คาเรียกผู้ฟงั หรือคาสรรพนาม บุรุษที่ 2 เรียกขานผู้ฟังให้สุภาพ การเลือกใช้คาเรียกขาน ทีเ่ หมาะสม ถือเปน็ อีกแนวทางหนึง่ ทที่ าใหเ้ กิด สมั พนั ธภาพที่ดรี ะหวา่ งผฟู้ งั การเลอื กใช้คาดงั กล่าว การปฏเิ สธและการขอโทษก่อนทีจ่ ะเลือกใช้คาพดู ดงั กล่าวเพื่อให้ สอดคล้องกับสถานการณ์และความเหมาะสม อนั นาไปสู่ความสมั พันธ์ทีด่ รี ะหว่างบุคคลในสงั คม รูปแบบคาเรียกขานทีผ่ วู้ ิจัยพบว่าใช้มากที่สุดในภาษาไทย แบ่งออกเปน็ 3 รูปแบบ ได้แก่ 1.คานาหน้า+ชือ่ เช่น คณุ สมชาย,คณุ สุดา 2. ชื่อ (ตามลาพัง) เช่น สมชาย,สุดา,ติม๋ ,ตุ้ย 3. คานาหน้า เช่น คุณ,ท่าน

การเลือกใช้คาเรียกขานที่เหมาะสมตอ่ ผู้ฟงั หรือ ความสมั พันธ์ระหว่างคร+ู ลกู ศิษย์ ผู้ทีเ่ ราตอ้ งการจะพดู ด้วยน้ัน ยอ่ มกอ่ ให้เกิด ตัวอยา่ งสถานการณ์ที่ 1 สัมพันธภาพทีด่ ีระหว่างผฟู้ ัง ตวั อยา่ งเชน่ “คุณเพชรรัตน์ครับ....ผมรบกวนให้คุณมารับตัวเล่ม รายงานที่หอ้ งพักอาจารย์ สาขาวิชาภาษาไทยภายในวนั นี้ นะครบั ” ตวั อยา่ งสถานการณท์ ี่ 2 “เพชรรัตน์....ครูรบกวนให้หนูมารับตวั เลม่ รายงานที่หอ้ งพักอาจารย์ สาขาวิชาภาษาไทยภายในวนั นี้ นะ” ขอ้ สังเกต จากสถานการณ์ข้างต้น รูปแบบประโยคมคี วามหมายเดียวกัน แต่การเลือกใชค้ าเรียกขานแตกต่างกัน ในสถานการณท์ ่ี 1 การใชค้ า เรียกขานว่า “คณุ เพชรรัตน์ครบั ” (คานาหน้า + ชือ่ + คาลงทา้ ย)

3 หลีกเลี่ยงคาต้องหา้ ม หมายถึง คาที่ห้ามพดู ในสงั คม และคาต้องหา้ มมกั จะพฒั นาเป็น คาต่อว่าผู้อื่น ท้ังนี้ ภาษาทีป่ รากฏในคาต้องห้ามจึงมักเป็นลักษณะการ ใช้ภาษาที่กอ่ ให้เกิดความขัดแย้งระหว่างผอู้ ืน่ เนือ่ งจากเมื่อมนุษย์ ต้องการที่จะตาหนิหรือตอ่ ว่าใคร ก็มักจะเลือกใช้คาต้องห้ามเปน็ หลัก ซึ่งคาต้องห้ามจึงมกั กอ่ ให้เกิดความขัดแย้งระหว่างผู้ฟังโดยตรง คา ต้องห้ามแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 3.1 การงดใชค้ าภาษาตลาดและคาหยาบโลน โดยมากมกั ใช้เพียงเฉพาะกลุ่มหรือใช้เมือ่ ผู้พดู มอี ารมณฉ์ นุ เฉยี ว ไม่พอใจ 3.2 การงดใชค้ าที่มีความหมายแฝงไปใบเชิงลบ ซึง่ การใช้ภาษาของผู้พดู นั้น ในบางคร้ังคาพดู บางคาทมี่ คี วามหมายแฝง อาจทาให้ผู้ฟงั ฉกุ คดิ ได้ โดยเฉพาะคาทีม่ คี วามหมายแฝงไปในเชิงลบ กอ็ าจทาให้ผฟู้ ังเกิดความไมส่ บายใจได้ ตัวอยา่ งเช่น ในสถานการณ์ระหว่างครกู ับนกั เรียน เมื่อครูตรวจงานนกั เรียนแล้วแต่ก็ยังปรากฏว่าผิด ครูจึงเรียกนักเรียนมาตาหนิ “นีเ่ ธอ...โจทย์ขอ้ นีค้ รสู อนจนปากเปียกปากแฉะแล้วก็ยังทาผิดอีก....เธอนี่ควายจริง ๆ เลยนะ”

4. หลีกเลีย่ งการใชค้ าที่สอ่ ไปในเชิงกระทบกระเทือนจิตใจของผู้ฟงั หมายถงึ คาที่ส่อไปในเชงิ ในสังคมไทยในปัจจบุ ันยงั มคี าบางคา กระทบกระเทือนจิตใจผฟู้ งั น้ัน ทีจ่ ัดว่าเป็นคาทีส่ ่อไปในเขงิ นับว่าเปน็ คาทผ่ี ู้พดู ควรหลีกเลีย่ ง กระทบกระเทือนจิตใจของผูฟ้ งั หรือจัดเป็น คาแสลงใจ โดยเฉพาะคาที่เกีย่ วข้องกับชน โดยเฉพาะคาแสลงใจ กลุ่มน้อยในสงั คมไทย เช่น 1.มง๊ ซึ่งแตเ่ ดิมคนทัว่ ไปนิยมเรียกว่า “แมว้ ” ซึง่ คาวา่ “แม้ว” ถือเปน็ คาที่แสดงถึงการดูถกู เหยียดหยาม 2.เจ๊ก หรือ ไอ้เจ๊ก คานี้เป็นคาทีค่ นไทยนิยมเรียกขานชาวจีนที่อพยพเข้ามาตงั้ ถิน่ ฐานในประเทศไทย คานี้ เปน็ คาที่สร้างความกระทบกระเทอื นจิตใจหรือกอ่ ให้เกดิ ความแสลงใจตอ่ ชาวจีนเปน็ อย่างมาก

สว่ นคาอืน่ ๆ ท่จี ดั ว่าเป็นคาที่ส่อไปในเชงิ กระทบกระเทือน จิตใจของผู้ฟังหรือจดั เป็นคาแสลงใจ ผู้พูดจึงนิยมเลี่ยงไปใช้ คาอืน่ ทีค่ านึงถึงความรู้สึกทีด่ ีระหว่างผู้ฟัง ได้แก่ 1 “ผู้ต้องขัง” ให้ความรู้สึกดีกวา่ คาว่า “นักโทษ” หรือ “คนขีค้ กุ ” 2 “ชาวชมุ ชนแออัด” ให้ความรู้สึกดีกวา่ คาว่า “พวกสลัม” หรือ “เดก็ สลมั ” 3 “สตรีบาเรอ” ให้ความรู้สึกดีกวา่ คาว่า “โสเภณี” หรือ “อีตัว”

5 หลีกเลีย่ งการกระทาในลักษณะแบบ Cyberbullying Cyberbullying หรือเรียกอีกอย่างหนึง่ วา่ “การระรานทางไซเบอร์” คือการระรานหรือการ คกุ คามผอู้ ื่นผ่านช่องทางเทคโนโลยีสารสนเทศและ โซเชียลมีเดีย โดยการส่งขอ้ ความผา่ นทางอีเมล เฟซบุ๊ค ทวิสเตอร์ ไลน์ เป็นต้น วิธีการระรานทางไซเบอร์ เปน็ วิธีการรังควานผอู้ ืน่ ด้วยวิธีตา่ ง ๆ เช่น การสร้างเฟซบุ๊คปลอม การ เกาะติดชีวติ ของผู้อืน่ ซึง่ สาเหตขุ องการระรานทางไซเบอร์ สามารถสรุปไดด้ ังน้ี 1. เกิดจากความขัดแย้งและไมพ่ อใจผอู้ ืน่ เปน็ การสว่ นตวั ส่งผลใหม้ ีการ เกาะติดชวี ิตบุคคลผนู้ ้ันผา่ นช่องทางเฟซบ๊คุ และอาจดาเนินการโพสขอ้ ความตาหนบิ ุคคลนั้น 2.ความสนกุ และความคึกคะนอง 3.การล่อลวงเพอ่ื ผลประโยชน์

เยาวชนสว่ นมาก มกั เขา้ ใจวิธีการระรานทางไซเบอร์ และสว่ นมากกเ็ คยถูกระรานทางไซเบอร์เปน็ จานวนมาก ได้เสนอวิธีการแก้ไขปัญหาเมื่อได้รับผลกระทบจากการระรานทางไซเบอร์ออกเปน็ 7 วธิ ี ดงั น้ี 1. นิ่งสงบ หรือปรึกษาคนรอบขา้ ง 5. ใชว้ ิธีการอดทน เพื่อใหบ้ ุคคลผู้น้ัน ล้มเลิกการกระทาดงั กล่าวไปเอง 2. ลบหรือดาเนินการบล็อกบุคคลผู้น้ันออกไป 6. ยตุ ิหรือเลิกเลน่ เครือข่าย 3. ใชว้ ิธีการตอบโต้ทีเ่ หมาะสม สงั คมออนไลนน์ ั้น 4.ใช้วิธีการพดู คยุ ดี ๆ หรอื เขา้ พบเป็นการสว่ นตัว 7. ในกรณีที่เกดิ ปญั หามาก ต้องปรกึ ษาบิดา มารดา ครูบาอาจารยห์ รอื บุคคลทีม่ คี วาม เช่ยี วชาญเฉพาะด้าน เพอ่ื หาแนวทางและ วิธีการช่วยเหลือทีเ่ หมาะสมต่อไป

สมาชิกในกล่มุ ขอบคุณคะ / ครับ 1 นางสาวกนิษฐา ปานศรี เลขที่ 2 2 นางสาวเกศินี ทบั ทอง เลขที่ 3 3 นางสาวธันยช์ นก หมื่นระยา้ เลขที่ 12 4 นางสาวมริสา ทะวงศ์ เลขที่ 17 5 นางสาวรจนาถ ประภาส เลขที่ 18 6 นางสาวอรษา พรมเพญ็ 7 นางสาวสุภชั ตา หมาดดา 8 นางสาวชนิสรา ชูลกั ษณ์ เลขที่ 8 9 นางสาวอาตีนา พชั นี เลขที่ 29 10 นายรชุ ดี เเยง่ คุณเชาว์ เลขที่ 19