การทาผ้ามัดยอ้ มจากสสี ังเคราะห์ (tie-dye fabric project) จัดทาโดย นางสาวกญั ญาณัฐ คาพิทักษ์ ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่5/8 เลขท่ี5 นางสาวณชั ชา พิจารณ์ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี5/8 เลขที่13 นางสาวธญั ญรตั น์ คนฉลาด ชั้นมัธยมศึกษาปีที่5/8 เลขที่17 นางสาวธญิ าดา จนั ดา ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี5/8 เลขที่18 นางสาวประภาภรณ์ ภกั ดสี มยั ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี5/8 เลขท่ี22 เสนอ นางวนิดา บุญพิเชฐวงศ์ คณุ ครูทีป่ รึกษาการศึกษาค้นควา้ การศึกษาน้เี ป็นสว่ นหน่งึ ของรายวิชา การสอื่ สารและการนาเสนอ (IS2) รหสั วิชา I30202 โรงเรียนสตรีราชนิ ทู ิศ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 สานกั งานเขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษาอุดรธานี
สารบญั บทคดั ยอ่ ..............................................................................................................................ก กิตติกรรมประกาศ .................................................................................................................ข บทท่ี 1 บทนา........................................................................................................................1 จดุ มุ่งหมายของการศกึ ษา ........................................................................................................2 บทที่ 2 เอกสารท่เี กีย่ วข้อง.......................................................................................................3 บทท่ี 3 วิธีการดาเนนิ งาน ........................................................................................................7 ขั้นตอนการดาเนนิ งาน .......................................................................................................8 บทที่ 4 ผลการดาเนินงาน........................................................................................................9 สรุปผลการศกึ ษา ........................................................................................................... 10 บทที่ 5 สรุปผล อภิปรายและขอ้ เสนอแนะ............................................................................... 11 สรุปผลดาเนนิ งาน ........................................................................................................ 12 ปัญหาและอปุ สรรค ...................................................................................................... 12 บรรณานุกรม ...................................................................................................................... 13
ก ช่ือเรื่อง การทาผา้ มดั ยอ้ ม (tie-dye fabric project) ผศู้ ึกษาค้นควา้ 1.นางสาวกัญญาณฐั คาพิทกั ษ์ เลขท่ี5 2.นางสาวณัชชา พิจารณ์ เลขที่13 3.นางสาวธญั ญรตั น์ คนฉลาด เลขท่ี17 4.นางสาวธิญาดา จนั ดา เลขท่ี18 5.นางสาวประภาภรณ์ ภกั ดสี มยั เลขที่22 ระดับการศกึ ษา ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 5/8 ครูทป่ี รึกษา 1. นางวนดิ า บุญพิเชฐวงศ์ รายวิชา สอื่ สารและการนาเสนอ ( Independent Study : IS2 ) ชอื่ โรงเรียน โรงเรียนสตรีราชินูทศิ ปีการศกึ ษาท่คี ้นควา้ 2564 บทคดั ยอ่ รายงานการศกึ ษาคน้ คว้า เรื่องการทาผา้ มดั ยอม มีวตั ถปุ ระสงค์เพ่อื ใช้เวลาวา่ งให้เกดิ ประโยชน์ กล่มุ ตัวอย่างเป็นนกั เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี5 จานวน 5คนได้มาโดยเลอื กแบบ เจาะจง เครื่องมือทใ่ี ช้ประกอบดว้ ย ถุงพลาสตกิ เส้ือหรือผา้ สขี าว น้าอุน่ ถงุ มือ ขวดบบี กะละมัง เกลอื ผลการศกึ ษาพบวา่ หลกั การสาคัญในการทาผา้ มัดยอ้ ม คอื ส่วนท่ถี ูกมดั คือส่วนทไ่ี ม่ต้องการ ใหต้ ิดสี ส่วนทีเ่ หลือหรือส่วนทไ่ี มไ่ ดม้ ัดคือส่อนทตี่ ้องการใหส้ ีติด การมัดเป็นการกนั สสีนัน่ เอง ลกั ษณะของการมดั มดี ังน้ี 1. ความแนน่ หนาของการมัด กรณีแรกมัดมากจนเกินไปจนไมเ่ หลือพืน้ ท่ีสีแทรกซมึ เขา้ ไปไดเ้ ลยผล ทไี่ ดก้ ็คอื ไดส้ ีขาวของเนอ้ื ผา้ เดิม อาจมีสียอ้ มแทรกซมึ เข้ามาได้เล็กน้อยอย่างน้เี กดิ ลายนอ้ ย กรณีทีส่ องมัดน้อยเกนิ ไปเหลอื พนื้ ท่ีให้สียอ้ มติดเกอื บเตม็ ผนื อย่างน้เี กดิ ลายน้อยเชน่ กนั ทงั้ ผนื มสี ี ยอ้ มแตแ่ ทบไมม่ ลี าย กรณีทส่ี ามมัดเหมอื นกนั แต่มดั ไมแ่ น่นอย่างน้เี ท่ากับไมไ่ ดม้ ดั เพราะหากมัดไม่ แนน่ สกี ็จะแทรกซึมผ่านเขา้ ไปได้ทั้งผนื 2.การใชอ้ ุปกรณช์ ว่ ยในการหนบี ผา้ แล้วมัดเพ่ือให้เกิดความแนน่ และเกดิ ลวดลายตามแมแ่ บบท่ีใช้ หนีบ ดงั น้นั ลายสวยเพยงใดข้ึนอย่กู บั การออกแบบที่จะใช้หนีบด้วย
ข กิตตกิ รรมประกาศ รายงานฉบับน้สี าเร็จและสมบูรณเ์ ป็นรูปเลม่ ด้วยความกรุณาและเอาใจใส่เป็นอยา่ งดีจาก คณุ ครูวนดิ า บุญพเิ ชฐวงศ์คุณครูประจาวชิ า ที่ได้ กรุณาใหค้ าปรึกษาและแนะแนวทางการดาเนินการ ทางรายงานในคร้งั น้โี ดยไมม่ ขี ้อบกพร่อง รวมท้งั ขอ้ เสนอแนะและข้อคดิ เห็นตา่ งๆ ตลอดท้ังการ ตรวจแกไ้ ขรายงานฉบบั น้ใี ห้สาเร็จสมบูรณ์ยิง่ ข้นึ ทางคณะผจู้ ัดทาจึงขอขอบพระคุณ เป็นอย่างสูงไว้ ณ โอกาสน้ี ขอขอบพระคุณคุณครูทุกท่านที่ได้ประสทิ ธ์ิประสาทวิชาความรู้และประสบการณต์ ลอดจน อานวยความสาเรจ็ ใหบ้ งั เกดิ สุดท้ายน้ขี อขอบพระคณุ คณุ พอ่ คุณแม่ ที่เป็นกาลังใจ และให้ความช่วยเหลือในการเก็บ รวบรวมข้อมูล และให้คาแนะนาในการทารายงานคร้งั น้ใี หส้ าเรจ็ ลุลว่ งด้วยดตี ลอดมา นกั เรียนชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 5/ 8 มกราคม พ.ศ. 2564
บทท1ี่ บทนา ความเป็นมาของปัญหา ในปจั จุบนั ศลิ ปะ เป็นส่ิงท่เี กี่ยวขอ้ งกบั การสร้าง และการแสดงออกทางอารมณ์ความร้สู กึ ภายในใจของ ผ้เู ขา้ ร่วมโครงการทเ่ี ก่ยี วข้องกบั ความงาม และความพงึ พอใจของแตล่ ะบคุ คล ไมม่ ีคาว่าผิดถกู ในเรื่องของศลิ ปะ ตอ้ ง ใช้ในเร่ืองของความคิดสรา้ งสรรคเ์ ข้ามาประกอบด้วย ความคิดสรา้ งสรรค์กค็ อื การกระทาในลักษณะตา่ งๆ เพ่ือให้ เกิดสงิ่ แปลกใหมท่ ไี่ ม่เคยปรากฏมากอ่ น สามารถปรบั เปลยี่ นไปตามสภาพแวดลอ้ มได้ การรบั รกู้ ็เป็นสว่ นหน่งึ เพราะจะมคี วามคิดสร้างสรรค์ไดจ้ ะตอ้ งพบเห็นสงิ่ ตา่ งๆ มากๆ จงึ จะมีการเกดิ การจนิ ตนาการซ่งึ เกดิ จากการรบั รดู้ ว้ ย ประสาทสมั ผสั เมื่อร้มู มาก จงึ ทาให้เกิดความคดิ และมีจนิ ตนาการตอ่ สิง่ ต่างๆ จนิ ตนาการจงึ เกดิ จากการรับรู้ของ ตวั เองต่อสิ่งตา่ งๆ รอบตัว เสริมสร้างความคดิ การจนิ ตนาการแบบอดุ มคตคิ ือการสรา้ งสรรคข์ ึน้ มาใหมด่ ้วยรปู แบบท่ี ไมเ่ หมือนใครศลิ ปะเป็นสิง่ ท่เี ปิดโอกาสใหเ้ ดก็ ไดแ้ สดงความคิดจนิ ตนาการไดเ้ ต็มท่ตี ามทไ่ี ดเ้ หน็ เดก็ สามารถสร้าง จนิ ตนาการไดก้ วา้ งกว่าที่เราจะคาดเดาได้บางทีกอ็ าจจะสะทอ้ นจติ ใจความรู้สึกของ เดก็ ทีบ่ างท่ีไมส่ ามารถถา่ ยทอด เป็นคาพูดได้แตส่ ามารถถา่ ยทอดมาทางงานศลิ ปะไดศ้ ิลปะเป็น ฐานทางการศึกษาพัฒนาการเดก็ ซ่งึ ควรเร่ิมตงั้ แตเ่ดก็ ยงั เลก็ อย่กู ารเรียนการสอนศลิ ปะสาหรบั เดก็ จะมุง่ เนน้ ถงึ พฒั นาการดา้ นตา่ งๆของ เด็กมากกว่าผลงาน ดงั น้นั จะเหน็ วา่ กิจกรรมตา่ งๆ ทางศลิ ปะจะเป็นการฝึกกล้ามเนอ้ื มอื ให้แขง็ แรง และสัมพนั ธ์กับการใชต้ า เช่นการป้นั แปง้ ดนิ น้ามัน วาดรปู และระบายสเี ดก็ ไดใ้ ชส้ ว่ นตา่ งๆของนิ้วมือแขน ไหล่ และส่วนอ่ืนๆของรา่ งกาย เป็นการเตรียมความ พรอ้ มในด้านการใชก้ ล้ามเนื้อใหญ่-เลก็ เป็นอยา่ งดี ทาใหเ้ ด็กสามารถหยบิ จบั ส่ิงตา่ งๆได้ อันจะนาไปสู่การเรียนของ เด็กต่อไปกิจกรรมผ้ามดั ยอ้ มจึงเปน็ อีกหน่งึ กจิ กรรมท่ีม่สี ่วนชว่ ยให้เดก็ ๆไดม้ ีพฒั นาการทางสมองและกลา้ มเน้ือ เพราะว่าการทาผ้ามดั ย้อมเป็นการนาผ้าขาวจากท่ไี มม่ คี ุณคา่ มาเติมเต็มใหม้ ีคา่ จากที่ไม่นา่ สนใจและมาทาใหมใ่ ห้ดู นา่ สนใจให้ดดู ีและให้เห็นคณุ คา่ ของผ้าขาวที่เรานามาดดั แปลงจากผา้ ท่ไี มม่ ีลวดลาย สไี มส่ วยก็นามา ทาใหเ้ กดิ ลวดลายต่างๆ ยอ้ มสสี ันใหส้ วยงามให้เข้ากบั แฟชนั่ แต่ในปัจจุบันกจิ กรมผา้ มัดยอ้ มเปน็ อีกหน่งึ กจิ กรรมทกี่ าลงั ลด หายไปจากสงั คมและถกู มองว่าเป็นผ้าทไ่ี ร้คณุ คา่ เพราะวา่ ในปัจจบุ ันแฟชน่ั สมยั ใหม่มาแรงแซงตลอดเวลา หาซื้อได้ ง่ายและในสมยั น้จี ะตามแฟชนั่ กนั มาก เพราะตอบสนองความต้องการได้อยา่ งรวดเรว็ ทันใจในทุกรูปแบบ ซ่งึ การ เรียนรูแ้ ละการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมดังกล่าวเหมือนกบั การไดเ้ รียนรู้ เช่น การได้ใชส้ มาธิจากการดงึ ปมชายผ้า การมัด ลวดลายลงบนผา้ การออกแบบลวดลายต่างๆ การทีเ่ ราทาผา้ มัดยอ้ มใชเ้ องเป็นความภาคภมู ใิ จของคนทาและคนท่ี สวมใส่ดว้ ย เพราะผลงานชนิ้ ดงั กล่าวเปน็ ศลิ ปะหน่งึ เดียวในโลกทไี่ ม่เหมอื นใครและไมม่ ใี คร เหมอื นโดยมีเราเป็น ศิลปิ นแต่ในปจั จบุ ันศลิ ปะดงั กลา่ วกาลังลดหายไปจากสงั คมและถกู มองขา้ มอยา่ งไร้คณุ ค่า เพราะฉะน้นั กิจกรรม ดงั กลา่ วจงึ เป็นการอนรุ ักษว์ ฒั นธรรมด้งั เดมิ ใหค้ งอยูต่ อ่ ไปในอนาคตอกี ดว้ ย เทคนคิ และกระบวนการออกแบบ ลวดลายดว้ ยการมดั ย้อมผา้ จากสีสงั เคราะห์ ยงั เป็นการเสริมสร้างอาชพี เพิม่ ความเขม้ แขง็ ใหก้ บั ชุมชนและเด็กๆ ใน ด้านของการใช้เวลาว่างใหเ้ ป็นประโยชน
-2- จดุ มุ่งหมายของการศึกษา 2.1.เพอื่ สืบสานภมู ปิ ญั ญาชาวบ้าน 2.2.เพื่อลดค่าใช้จา่ ย 2..3.เพ่อื ใหไ้ ด้ใช้ความคดิ สรา้ งสรรค์ 2.4.เพอื่ ให้คนไทยหันกลับมาสวมใส่ผา้ มดั ยอ้ มมากข้นึ ขอบเขตและขอ้ จากดั ของโครงงาน ศึกษาความเป็นมาของผา้ มดั ยอ้ มอุปกรณ์ทีใชใ้ นการทา และข้ันตอนการทาผา้ มัดยอ้ ม ระยะเวลา1 ภาค เรียน
บทที2่ เอกสารทเี่ กีย่ วข้อง ในการศึกษาโครงงานเร่ืองการทาผ้ามดั ยอ้ มจากสสี งั เคราะห์ผู้จดั ทาได้รวบรวมแนวคดิ ต่างๆจาก เอกสารทเี่ กีย่ วขอ้ งดงั ต่อไปน้ี 1 1.1.เทคนิคและกระบวนการย้อมผ้า 1.2.สสี งั เคราะห์ 1.1.เทคนคิ และกระบวนการย้อมผ้า เทคนิคการมดั ยอ้ ม เสาวนติ ย์ กาญจนรตั น์ ( 2543) ได้เขยี นวจิ ัยถึงหลกั การสาคัญในการมัดยอ้ มผา้ ในงานวิจัยเร่ือง การ ออกแบบลวดลายหัตถกรรมผ้ามัดยอ้ มด้วยสเี คมี หลกั การสาคัญในการทาผ้ามัดยอ้ มคอื สว่ นทถ่ี กู มดั คือส่วนทไี่ มต่ ้องการให้สีตดิ ส่วนทเี่ หลือหรือสว่ นทไ่ี มไ่ ด้มดั คือส่วนที่ ต้องการให้สตี ดิ การมดั เป็น การกนสีไม้ให้สตี ิดน่ันเอง ลักษณะทส่ี าคัญของการมัดมีดงั น้ี 1. ความแนน่ ของการมดั กรณีแรก มัดมากเกนิ ไปจนไม่เหลอื พนื้ ทใ่ี ห้สแี ทรกซึมเขา้ ไปได้เลย ผลที่ได้ ก็คอื ได้สี ขาวของเนื้อผ้าเดิม อาจมีสียอ้ มแทรกซมึ เขา้ มาไดเ้ ล็กน้อย อยา่ งน้เี กดิ ลายน้อย กรณีท่ีสอง มดั นอ้ ยเกนิ ไป เหลอื พ้นื ทีใ่ ห้สียอ้ มตดิ เกือบเตม็ ผืน อยา่ งน้เี กิดลายน้อย เช่นกันท้งั ผนื มีสยี อ้ มแตแ่ ทบ ไมม่ ีลายเลย กรณีทีส่ าม มัดเหมอื นกนแตม่ ัดไม่แน่น อย่างน้เี ทา่ กับไมไ่ ด้มัดเพราะหากมัดไมแ่ น่นสี ก็ จะแทรกซึมผา่ นเขา้ ไปไดท้ ั่วทง้ั ผืน 2. การใช้อปุ กรณ์ช่วยในการหนีบผา้ แล้วมดั เพื่อให้เกิดความแนน่ และเกดิ ลวดลายตาม แมแ่ บบทใี่ ช้ หนีบ ดงั น้นั ลายสวยเพียงใดข้นึ อยกู่ บั การออกแบบแม่แบบท่ีจะใช้หนบี ด้วยลวดลายของผา้ มัดยอ้ ม
-4- 1.ลายก้นหอย อนั ดับแรกใหก้ างเส้อื ออก แลว้ ม้วนจากจดุ ก่งึ กลาง มว้ นไปเรื่อย ๆ จนทุกด้านของเส้อื เข้าหากันเป็นวงกลม แล้วนายางมารดั ไว้ 2.เส้อื มดั ยอ้ มลายริ้วแนวต้งั วธิ ที าเส้ือมัดยอ้ มลายร้ิวแนวนอน เริ่มจากพับชายเส้อื ดา้ นลา่ งข้นึ ไปจนสดุ ใชห้ นงั ยางรัดใหเ้ ป็นปลอ้ ง ๆ 3.ลายหวั ใจ วาดภาพหวั ใจลงบนตัวเส้อื แบบคร่าว ๆ พับเส้อื ตามรอยเส้นที่ขดี ไว้ จากน้นั พบั เส้อื เป็น กลีบเล็ก ๆ และรัดหนงั ยางตามภาพตวั อยา่ ง
-5- กระบวนการในกรทาผา้ มดั ยอ้ มจากสีสังเคราะห์ 1.ช่ังน้าหนักผา้ แหง้ ก่อนยอ้ มทกุ คร้งั สี 1 ตลบั ใชย้ อ้ มแหง้ หนัก 250 กรัม ถ้ายอ้ มน้าหนักผ้านอ้ ย กวา่ 250 กรัมจะได้สีเข้ม และจะยอ้ มได้สีอ่อนถ้ายอ้ มผ้าน้าหนักมากกว่า 250 กรัม 2.ซกั ผา้ ให้สะอาดทุกคร้งั ก่อนยอ้ ม (ไม่ตอ้ งใส่น้ายาปรับผา้ นมุ่ ) โดยเฉพาะผา้ ใหม่ เพอื่ ขจดั ส่งิ สกปรก ต่างๆ แป้งหรือสารตกแต่งผ้า 3.ใช้ภาชนะที่ใหญ่พอทจ่ี ะใส่น้าให้ท่วมผา้ เพือ่ พลิกผ้าหรือคนผ้าได้สะดวก และชว่ ยให้ ยอ้ มไดส้ ีที่สม่าเสมอ 4.นาผา้ ไปจ่มุ น้าใหท้ ว่ั แลว้ บิดหมาดๆ กอ่ นนาไปยอ้ ม เพราะผา้ เปียกจะดูดซึมสีได้สม่าเสมอกวา่ ผา้ แหง้ ยอ้ มให้ครบตามเวลาท่กี าหนด ถา้ ใช้เวลานอ้ ยกวา่ ที่กาหนด จะทาให้ได้สอี ่อน 5.ซักลา้ งผา้ ที่ยอ้ มเสรจ็ แล้วด้วยน้าเปล่าให้สะอาด จนน้าล้างใส สาหรบั ผา้ ทย่ี อ้ มดว้ ยสียอ้ ม เยน็ ใหซ้ กั อีกคร้ังดว้ ยน้าร้อน ผสมผงซักฟอก เพื่อขจดั สสี ่วนเกนิ ให้หลดุ ออก 6.ใช้ปริมาณ เคมีช่วยยอ้ ม และเกลอื ใหถ้ ูกตอ้ ง ถ้าใชน้ อ้ ย จะทาใหไ้ ดส้ อี อ่ นกว่าท่ตี ัง้ ใจไว้ สสี ังเคราะห์ สสี ังเคราะห์หรือทเี่ รียกกันวา่ สเี คมี เป็นสที ่มี นษุ ยส์ ังเคราะห์ข้นึ จากสารเคมเี พื่อใหไ้ ดส้ ีท่มี ี คุณสมบตั ิตามต้องการ ดังน้นั สีสังเคราะห์จึงเป็นสที ่มี คี ณุ สมบตั ิเหมาะสาหรับการใช้ยอ้ มเส้นใยแตล่ ะ ประเภท
-6- และมีคุณสมบัตแิ ตกต่างกัน อยา่ งไรกต็ ามสที ช่ี าวบ้านสว่ นใหญน่ ยิ มใช้กันเป็นสีสาเรจ็ รูป เชน่ สตี รา แมววง่ิ รอบโลก ตราสิงโตเหยยี บโลก เป็นต้น สเี คมียอ้ มผา้ เป็นสียอ้ มท่ีสามารถเกาะติดกบั เส้นใยได้โดยตรง สว่ นมากจะใช้ยอ้ มเส้นใย เซลลูโลส ซ่งึ จะมคี ณุ สมบตั ทิ ี่ดใี นเรื่องการเคลื่อนตัวของสยี ้อม มคี วามสมา่ เสอในการยอ้ ม และยงั เป็นสียอ้ มทยี่ อ้ มงา่ ยตอ่ การใชง้ าน สยี อ้ มผ้าน้มี ีสารประกอบเคมีเป็นหมกู่ รดซัลโฟนคิ ทาให้ตัวสสี ามารถละลายน้าได้ดี มี ประจลุ บ สีจะตดิ เสน้ ใยได้โดยโมเลกุลของสีจะจัดเรียงตัวแทรกอยู่ในระหวา่ งโมเลกุลเส้นใย และยดึ จบั กันด้วนพนั ธะไฮโดรเจน คณุ สมบตั ิของการใช้งานของสยี ้อมผ้า สียอ้ มมีความคงทนของแสงดี ไม่ซีดจางง่าย มีความ คงทนตอ่ การซักล้างดี สีไมต่ กง่าย มีเฉดสใี ห้เลือกใชม้ ากมาย จึงเป็นสีสาหรบั ใชง้ านหัตถกรรม ทว่ั ไป เชน่ ยอ้ มผา้ ฝา้ ย เรยอน ลนิ ิน ป่าน ปอ กระดาษสา เป็นต้น
บทท3่ี วิธกี ารดาเนนิ งาน ในการศกึ ษาคร้งั น้ผี ้ศู ึกษาได้ทาการศึกษาการทาผ้ามัดยอ้ มซ่งึ มีวธิ ีการดงั น้ี ระเบียบวิธที ใ่ี ช้ในการศกึ ษา ในการศกึ ษาใชร้ ูปแบบการสืบคน้ ข้อมูลอนิ เตอร์เนต็ และปรึกษาครูผู้สอน 3.1.วสั ดุ อปุ กรณ์ และวิธีการทา 3.1.1.สสี งั เคราะห์ 3.1.2.ถงุ พลาสตกิ 3.1.3.เส้อื หรือผา้ สีขาว 3.1.4.น้าอนุ่ 3.1.5.ถงุ มือ 3.1.6.ขวดบีบ 3.1.7.กะละมงั 3.1.8.เกลอื กระบวนการในกรทาผา้ มัดยอ้ มจากสสี งั เคราะห์ 1.ชั่งน้าหนกั ผ้าแหง้ กอ่ นยอ้ มทุกคร้งั สี 1 ตลับใช้ยอ้ มแห้งหนัก 250 กรมั ถ้ายอ้ มน้าหนกั ผา้ น้อยกวา่ 250 กรมั จะได้สีเข้ม และจะยอ้ มไดส้ ีอ่อนถา้ ยอ้ มผา้ น้าหนกั มากกว่า 250 กรัม
-8- 2.ซกั ผ้าให้สะอาดทุกคร้งั กอ่ นย้อม (ไม่ตอ้ งใสน่ ้ายาปรบั ผา้ นุม่ ) โดยเฉพาะผ้าใหม่ เพอื่ ขจดั สง่ิ สกปรกตา่ งๆ แป้งหรือสารตกแต่งผ้า 3.ใช้ภาชนะท่ีใหญ่พอท่จี ะใสน่ ้าใหท้ ว่ มผา้ เพอื่ พลิกผ้าหรือคนผ้าได้สะดวก และช่วยให้ ยอ้ มได้สที ่สี ม่าเสมอ 4.นาผา้ ไปจมุ่ น้าให้ทั่ว แลว้ บดิ หมาดๆ กอ่ นนาไปยอ้ ม เพราะผ้าเปียกจะดดู ซมึ สไี ด้ สม่าเสมอกว่าผา้ แห้ง ยอ้ มให้ครบตามเวลาทกี่ าหนด ถา้ ใชเ้ วลาน้อยกว่าท่ีกาหนด จะทาใหไ้ ดส้ อี ่อน 5.ซักลา้ งผ้าทยี่ อ้ มเสรจ็ แล้วด้วยน้าเปล่าให้สะอาด จนน้าล้างใส สาหรับผ้าทยี่ อ้ มดว้ ยสียอ้ ม เย็น ให้ซกั อีกคร้งั ด้วยน้ารอ้ น ผสมผงซกั ฟอก เพือ่ ขจัดสสี ่วนเกนิ ให้หลดุ ออก 6.ใช้ปริมาณ เคมีชว่ ยยอ้ ม และเกลอื ใหถ้ ูกต้อง ถา้ ใชน้ อ้ ย จะทาให้ไดส้ อี อ่ นกว่าทต่ี ั้งใจไว้ 3.2.ขนั้ ตอนการดาเนนิ งาน 3.2.1.คิดหัวขอ้ เพอ่ื นาเสนอครูทีป่ รึกษา 3.2.1.ศกึ ษาค้นควา้ เกีย่ วกับเรื่องที่จะศกึ ษาคือ การทาผา้ มดั ยอ้ ม วา่ มีเนือ้ หามากนอ้ ยเพียงใด ศึกษา ค้นควา้ จากเว็บไซตต์ ่างๆและเก็บข้อมูลไว้จดั ทาต่อไป 3.2.3.จดั ทาโครงร่างโครงงานผ้ามัดย้อมและนาเสนอครูที่ปรึกษา 3.2.4.ทดลองการทาผา้ มัดยอ้ ม 3.2.5.นาเสนอรายงานความก้าวหนา้ เป็นระยะๆ นาคาแนะนาของครูท่ีปรึกษามาปรับปรุงแกไ้ ข
บทท่4ี ผลการดาเนนิ งาน 4.1.ผลการดาเนนิ งาน สรุปการศกึ ษาเร่ืองการทาผา้ มัดยอ้ มจากสสี งั เคราะห์ ศึกษาเฉพาะ เทคนคิ และกระบวนการทาผ้ามดั ยอ้ ม และสีสังเคราะห์ โดยเป็นการสรุปผลที่ได้จากบทท่ี 1-3 ซ่งึ ผ้ศู ึกษานาข้อมูลต่างๆมาเป็นแนวทาง ในการออกแบบลวดลายเส้อื 3 ตวั โดยมรี ายละเอียดดังต่อไปน้ี 4.1.1.ลายก้นหอย 4.1.2.ลายร้ิวแนวต้ัง 4.1.3.ลายหวั ใจ
- 10 - สรุปผลการศกึ ษา การศกึ ษาเร่ืองการทาผ้ามัดยอ้ มจากสีสังเคราะห์ ศึกษาเฉพาะ เทคนคิ และกระบวนการทาผ้ามดั ยอ้ ม และสสี งั เคราะห์ ทนี่ ามาส่ลู วดลายผ้ามดั ยอ้ มทัง้ 3 แบบ โดยทง้ั 3 ลวดลาย ผูศ้ กึ ษา ไดน้ าเทคนิคการมดั แบบตา่ งๆมาใช้ ทั้งแบบ ก้นหอย แบบริ้วแนวต้งั และ แบบหวั ใจ และยอ้ มผา้ ด้วยสีสังเคราะห์ ผสมผสานกันจนเกดิ ลวดลายใหมแ่ ละยอ้ มสี จะได้เส้อื ตวั ใหม่ ที่มสี สี ันลวดลายสวยงามและไมเ่ หมือนใคร
บทที่5 สรุป อภปิ รายและข้อเสนอแนะ จากการศกึ ษาคร้งั น้ีเพ่ือเสริมสรา้ งจินตนาการ สรา้ งลวดลายให้กบั ผ้าขาว 1. วตั ถปุ ระสงคข์ องการศกึ ษา 2. ขอบเขตของการศกึ ษา 3. เครื่องมือทีใ่ ชใ้ นการศกึ ษา 4.สรุปผลการศกึ ษา 5.ปญั หาและอุปสรรค 6.ขอ้ เสนอแนะและแนวทางในการพัฒนา วัตถุประสงคข์ องการศกึ ษา 1. เพ่ือสบื สานภมู ิปญั ญาชาวบา้ น 3.เพือ่ ลดคา่ ใช้จ่าย 4 เพื่อใหไ้ ด้ใชค้ วามคดิ สร้างสรรค์ 5เพอื่ ใหค้ นไทยหนั กลบั มาสวมใส่ผา้ มัดยอ้ มมากข้นึ ขอบเขตของการศึกษา ศึกษาความเป็นมาของผา้ มัดยอ้ มอุปกรณท์ ีใช้ในการทา และขนั้ ตอนการทาผ้ามดั ยอ้ ม ระยะเวลา1 ภาค เรียน
- 12 - เคร่ืองมือทีใ่ ช้ในการศึกษา เครื่องมอื ทใ่ี ชใ้ นการศกึ ษาคร้งั น้ี ประกอบดว้ ย 1ถุงพลาสตกิ 2เส้อื หรือผ้าสีขาว 3น้าอุ่น 4ถงุ มอื 5ขวดบบี 6กะละมัง 7เกลอื 8สสี ังเคราะห์ สรุปผลการศึกษา ผลการศกึ ษาที่มีตอ่ การศกึ ษาเรื่อง การทาผ้ามัดยอ้ มจากสสี ังเคาระห์ การศกึ ษาเร่ืองการทาผา้ มดั ยอ้ มจากสีสงั เคราะห์ ศึกษาเฉพาะ เทคนิคและกระบวนการทาผา้ มัดยอ้ ม และสีสังเคราะห์ ท่ีนามาสู่ลวดลายผ้ามัดยอ้ มท้งั 3 แบบ โดยทั้ง 3 ลวดลาย ผู้ศกึ ษา ไดน้ าเทคนิคการมัดแบบตา่ งๆมาใช้ ทั้งแบบ ก้นหอย แบบร้ิวแนวตัง้ และ แบบหวั ใจ และยอ้ มผ้าด้วยสีสังเคราะห์ ผสมผสานกนั จนเกิดลวดลายใหมแ่ ละยอ้ มสี จะไดเ้ ส้อื ตัวใหม่ ท่มี สี สี นั ลวดลายสวยงามและไมเ่ หมือนใคร ปญั หาและอุปสรรค เมอ่ื ล้างน้าออกสจี ะซดี ลง จึงต้องแช่น้าเกลือก่อนเพอื่ กนั สีตก และสซี ึมไม่ถึงดา้ นในของผ้า ขอ้ เสนอแนะและแนวทางในการพฒั นา เมื่อทาผา้ มัดยอ้ มเสรจ็ ควรลา้ งด้วยน้าเกลือเพื่อกันไม่ใหส้ ีตก และขณะทที่ าควรใสส่ ีให้ทั่วเพือ่ ใหส้ ี ทว่ั ถึงไม่มีสว่ นใดส่วนหน่งึ เป็นสขี าว
- 13 - บรรณานุกรม กระปุก (2559) วธิ ีทาเส้อื มดั ยอ้ มเองแบบงา่ ย ๆ ทห่ี นมุ่ รกั แฟช่ันตอ้ งลองทาดู https://sites.google.com/a/wangwiset.ac.th/pha-mad-yxm/home กฤติกา เพง็ พอรู้ ,กัญญรตั น์ ฉุน้ ยอ่ ง (2559) ผ้ามดั ยอ้ ม https://sites.google.com/site/phamadyxm/work-0/bth-thi-1-bthna ลดั ดา บุตรเลยี ง (2559) โครงการสง่ เสริมความคดิ สร้างสรรค์ \"บีบ รัด มดั ยอ้ ม https://sites.google.com/site/phamadyxm/work-0/bth-thi-1-bthna
Search
Read the Text Version
- 1 - 18
Pages: