Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เอการประกอบการเรียนหน้าที่พลเมือง ม.3

เอการประกอบการเรียนหน้าที่พลเมือง ม.3

Published by ผุสดี ทองชมภู, 2021-01-15 07:08:38

Description: เอการประกอบการเรียนหน้าที่พลเมือง ม.3

Search

Read the Text Version

เอกสารประกอบการเรยี น ม.3 วัฒนธรรม และการดาํ เนนิ ชวี ิตในสังคม ครูผู้สอน นางสาวผสุ ดี ทองชมภู ตาแหนง่ ครู คศ.2 โรงเรียนไทยนยิ มสงเคราะห์ สานักงานเขตบางเขน กรุงเทพมหานคร

ก คาํ นาํ เอกสารประกอบกรเรยี น รายวิชา หน้าทพี่ ลเมือง วฒั นธรรม และการดาเนินชวี ิตในสังคม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 ระบอบการเมืองการปกครองในโลกปัจจุบัน หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 วิเคราะห์ระบอบประชาธิปไตย ของประเทศไทย หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 กฎหมายกับชีวิต และหน่วยการเรียนรู้ที่ 4 วัฒนธรรมไทย ภูมิปัญญาไทย และ วัฒนธรรม จดั ทาข้นึ เพื่อให้ผู้เรียนมคี วามร้คู วามเข้าใจเกี่ยวกับหน้าที่พลเมอื ง วฒั นธรรม และการดาเนินชวี ติ ในสังคม โดยเอกสารประกอบการเรียนเล่มนี้ประกอบด้วยสาระการเรียนรู้ เนื้อหาวิชา โดยเน้นให้ผู้เรียนได้ศึกษาด้วย ตนเอง ผู้จัดทาหวังว่า เอกสารประกอบการเรียนล่มน้ีจะเป็นประโยชน์ต่อตัวผู้เรียนเป็นอย่างดี ถ้าหากมีข้อผิดพลาด ประการด ก็บออภยั มา ณ ที่นดี้ ว้ ย นางสาวผุสดี ทองชมภู

ข สารบัญ หน้า 1 คาํ ชีแ้ จ้งในการใช้เอกสารประกอบการเรียน 2 มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั 2 สาระการเรยี นรู้แกนกลาง 3 หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 1 ระบอบการเมืองการปกครองในโลกปัจจบุ ัน 3 6 การปกครองระบอบประชาธิปไตย 8 รูปแบบการปกครองในระบอบประชาธปิ ไตย 9 ขอ้ ดขี องการปกครองระบอบประชาธิปไตย 10 ข้อเสยี ของการปกครองระบอบประชาธิปไตย 11 การปกครองแบบเผด็จการ 12 รูปแบบการปกครองแบบเผดจ็ การ 13 ขอ้ ดีของการปกครองแบบเผด็จการ 13 มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชีว้ ัด 14 สาระการเรยี นรู้แกนกลาง 14 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 2 วเิ คราะหร์ ะบอบประชาธิปไตย 17 การเมอื งการปกครอง ความแตกตา่ งของระบอบการปกครองแบบประชาธปิ ไตย 18 กบั ระบอบ การปกครองแบบเผด็จการ 19 การพัฒนาประชาธปิ ไตยของไทย การปกครองของประเทศทคี่ ล้ายคลงึ และแตกต่างกบั ไทย ประเทศทม่ี กี ารปกครองคลา้ ยคลึงกับไทย

ค สารบญั (ต่อ) หนา้ 23 มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวัด 23 สาระการเรยี นรู้แกนกลาง 24 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 3 กฎหมายกบั ชีวิต 25 28 กฎหมายเกี่ยวกับบคุ คล 29 กฎหมายเกีย่ วกับครอบครวั 31 กฎหมายอน่ื ๆ ท่ีเกย่ี วข้องกับชีวติ ประจาวนั 33 สทิ ธิมนษุ ยชน (Human Right) 33 มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้ีวดั 34 สาระการเรียนรู้แกนกลาง หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 วัฒนธรรมไทย ภูมิปญั ญาไทยและวฒั นธรรม 35 ประเภทของวฒั นธรรม 36 ความหมายของภมู ิปญั ญาไทย 37 ทีม่ าของวฒั นธรรมและภมู ปิ ัญญาไทย 38 ปัจจัยพืน้ ฐานทีม่ ผี ลตอ่ ภมู ิปัญญาไทย การอนุรกั ษ์ภมู ิปญั ญาไทย 39 วฒั นธรรมสากล 40 แนวทางการเลือกรบั วัฒนธรรมสากลอยา่ งเหมาะสม 43 บรรณานุกรม 44 ผ้จู ัดทาํ 46

1 คาํ ช้แี จง้ ในการใช้เอกสารประกอบการเรียน 1. ศกึ ษาผลการเรยี นรู้ 2. ศกึ ษาเอกสารประกอบการเรยี น

2 มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ช้ีวดั มาตรฐาน ส ๒.๒ เข้าใจระบบการเมืองการปกครองในสงั คมปัจจุบนั ยึดมั่น ศรทั ธา และธารงรกั ษาไว้ซง่ึ การปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมพี ระมหากษัตรยิ ท์ รงเปน็ ประมุข สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง ระบอบการปกครองตา่ ง ๆ ทใ่ี ชใ้ นยุคปจั จบุ ัน เช่น การปกครองระบอบเผด็จการ การปกครองระบอบประชาธิปไตย

3 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1 ระบอบการเมืองการปกครองในโลกปจั จุบัน ระบอบการปกครองในโลกปจั จุบัน ระบบการเมืองการปกครอง เปน็ แบบแผนทก่ี อ่ ให้เกดิ ข้อตกลงเพื่อให้มีผลบังคับใช้กับ สมาชิกในสังคม เพื่อความสงบและเป็นระเบียบเรียบร้อย ท่ัวโลกมีรูปแบบการปกครองอยู่ 2 แบบ คือ การปกครองระบอบประชาธิปไตย และระบอบเผด็จการ ท้ังสองระบอบนี้จะมี ความแตกต่างกันอย่างชัดเจน สาหรับประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทรงใช้อานาจผ่าน 3 องค์กร อันได้แก่ นิติบัญญัติผ่าน รัฐสภา บริหารผ่านรัฐบาล และตุลาการผ่านศาล ซ่ึงประชาชนทุกคนมีสิทธิเสรีภาพ และ ความเสมอภาคเท่าเทียมกนั แต่ต้องอย่ภู ายใตข้ อบเขตของกฎหมาย รปู แบบการเมอื งการปกครอง ระบบการเมืองการปกครอง หมายถึง แบบแผนเก่ียวกับความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ท่ี ก่อให้เกิดข้อตกลงใจ รวมท้ังมีอานาจบังคับสมาชิกในสังคมให้ต้องปฏิบัติ ในปัจจุบันรูปแบบ ของระบบการเมืองการปกครองที่รัฐหรือประเทศต่างๆ ในโลกท่ีเด่นชัดมี 2 ระบอบ คือ ระบอบการเมืองการปกครองแบบประชาธิปไตย และระบอบการเมอื งการปกครองแบบเผด็จ การ

4 การปกครองระบอบประชาธปิ ไตย การปกครองระบอบประชาธิปไตย หมายถึง การปกครองท่ีอานาจมาจากประชาชนเป็นการ ปกครองท่ีประชาชนสามารถมีสว่ นรว่ มในการปกครองตนเอง เป็นการปกครองของประชาชน โดยประชาชน และเพอ่ื ประชาชน หลักการสาํ คญั ของการปกครองระบอบประชาธิปไตย หลักการสาคัญของการปกครองระบอบประชาธิปไตยยดึ หลกั การต่อไปน้ี คือ 1. หลกั อานาจอธปิ ไตยเป็นของปวงชน กลา่ วคอื ประชาชนทกุ คนเปน็ เจ้าของอานาจสูงสดุ ใน การตัดสนิ ใจในกิจการตา่ งๆ รว่ มกนั 2. หลักอานาจอธปิ ไตยโดยปวงชน กล่าวคอื ประชาชนทุกคนมีส่วนร่วมทางการเมือง โดย การเลอื กตัวแทนของตนเข้าไปทาหนา้ ทีใ่ นรัฐสภา 3. หลกั อานาจอธิปไตยเพอื่ ปวงชน กล่าวคือ ผ้ปู กครองหรือผ้มู อี านาจในการบรหิ ารประเทศ ตอ้ งปกครอง เพอื่ ประโยชนส์ ุขของประชาชนสว่ นใหญม่ ิใช่เพื่อหมู่คณะของตนเอง 4. หลักเหตผุ ล ระบอบประชาธปิ ไตยจะตอ้ งมีการอภิปรายแสดงความคดิ เห็นอยา่ งมีเหตผุ ล รวมทัง้ รบั ฟังความคดิ เหน็ จากทุกฝา่ ยอย่างกว้างขวาง 5. หลกั เสยี งขา้ งมาก เมอ่ื มีการอภปิ รายแสดงข้อคดิ เห็นกนั แลว้ การหาข้อยุติตอ้ งเกดิ จาก การออกเสยี งลงคะแนนเสียง มติของที่ประชุมเปน็ สิ่งท่ที กุ ฝา่ ยต้องยอมรับ

5 6. หลักความยนิ ยอม เปน็ การไดร้ ับฉันทานุมัติจากปวงชนเจา้ ของอานาอธิปไตยให้เขา้ มาเป็น ตวั แทนใชอ้ านาจของประชาชนภายในระยะเวลาทกี่ าหนด 7. หลักประนีประนอม เมือ่ เกิดขอ้ ขัดแยง้ ไมม่ ากนกั ก็อาจมีการประนปี ระนอมโดยยึด ผลประโยชนส์ ่วนรวมเป็นเกณฑ์ โดยไมต่ อ้ งมกี ารลงคะแนนเพอ่ื หาข้อยุติ 8. หลกั ความเสมอภาค ประชาธิปไตยใหค้ วามสาคัญของศกั ดศ์ิ รคี วามเป็นมนุษยถ์ ือวา่ มนษุ ย์ท่ี เกดิ มามศี ักดศ์ิ รเี ท่าเทียมกนั ทกุ คนตอ้ งไดร้ บั การปฏบิ ัตติ ามกฎหมายอย่างเสมอภาค 9. หลักเสรภี าพ ประเทศทมี่ ีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยจะต้องให้เสรภี าพแกป่ วงชน ภายใต้ขอ้ บังคบั ของกฎหมาย เช่น เสรีภาพในการพูด การเขยี น การชุมนมุ การศึกษาอบรม การรวมตวั กันเป็นสมาคม 10. หลกั การปกครองตนเอง เปน็ การเปิดโอกาสใหบ้ ุคคลในชุมชนหรอื ท้องถน่ิ ไดม้ ีโอกาส ปกครองตนเอง เพราะประชาชนในท้องถนิ่ ยอ่ มสามารถรู้ถงึ ปัญหาและวิธกี ารแกไ้ ขปัญหาของ ตนเองไดด้ กี ว่าบุคคลอน่ื

6 รูปแบบการปกครองในระบอบประชาธิปไตย การกาหนดหลกั เกณฑ์เพ่ือใชแ้ บง่ รูปแบบการปกครองของประเทศในระบอบประชาธิปไตย แบง่ ออกไดเ้ ปน็ 2 หลกั เกณฑ์ ดงั น้ี 1. หลักประมุขของประเทศ แบง่ ไดเ้ ป็น 2 รปู แบบ คือ – มีพระมหากษัตรยิ ์เป็นประมุข จะทรงใชอ้ านาจอธปิ ไตยผ่าน 3 องคก์ ร คอื ทรงใช้อานาจ นติ ิบัญญตั ิโดยผา่ นรฐั สภา อานาจบรหิ ารผา่ นทางคณะรัฐมนตรี และอานาจตุลาการผา่ นทาง ศาล – มีประธานาธิบดีเป็นประมขุ โดยประธานาธบิ ดีจะตอ้ งเปน็ บคุ คลทม่ี าจากการเลือกต้ังโดย ประชาชน เพ่อื ทาหน้าที่เป็นประมขุ ของรัฐ ในบางประเทศประธานาธบิ ดีจะทาหนา้ ท่เี ปน็ ประมุขของฝา่ ยบรหิ ารด้วย 2. หลกั การรวมและการแยกอานาจ แบ่งออกเป็น 3 แบบ คอื 1) แบบรัฐสภา โดยรฐั สภามีอานาจสงู สดุ ในการออกกฎหมาย ซ่งึ อาจมสี ภาเดยี วหรือสองสภา สภาเดียว คือ สภาผแู้ ทนราษฎร มาจากการเลือกต้ัง สองสภา คือ สภาผแู้ ทนราษฎร (สภาลา่ ง) มาจากการเลอื กต้ัง วุฒิสภา (สภาสงู ) มาจากการ เลอื กตัง้ หรอื แต่งต้งั โดยฝ่ายบริหาร รัฐสภามีหนา้ ท่เี ลอื กบคุ คลเข้าเป็นคณะรัฐมนตรี ควบคุมการบรหิ ารงานของรฐั บาล กล่าวคอื รัฐบาลต้องบริหารงานภายใตค้ วามไว้วางใจของรัฐสภา ดังน้นั รัฐบาลจะมีความมัน่ คงและมี เสถยี รภาพ จงึ ต้องไดร้ ับเสยี งสนับสนุนพอควรจากรฐั สภา

7 2) แบบประธานาธิบดี ซงึ่ มกี ารแบง่ แยกอานาจนติ ิบัญญัติ บรหิ าร และตลุ าการอย่างชัดเจน และมีอิสระในการทางาน โดยผู้นาประเทศที่ใช้การปกครองรูปแบบนี้จะทาหนา้ ทีเ่ ปน็ ทง้ั ประธานาธิบดีและ นายกรฐั มนตรี ดังนั้น ประธานาธบิ ดจี งึ เป็นทงั้ ประมุขของประเทศและของฝ่ายบรหิ ารในคน เดียวกนั ซึง่ ท้งั สามสถาบันจะคอยยบั ยงั้ ถ่วงดุลอานาจกันและกัน เพื่อมิให้ฝา่ ยใดใช้อานาจ เกนิ ขอบเขต แต่ประธานาธบิ ดีไม่สามารถยบุ สภาได้ รวมท้ัง 3 สถาบันไมส่ ามารถลงมติไม่ ไวว้ างใจประธานาธิบดีได้ ประเทศที่ยงั ใช้การปกครองรูปแบบนี้ เชน่ สหรัฐอเมริกา อุรกุ วัย บราซลิ 3) แบบกึ่งประธานาธบิ ดี เป็นระบบทเ่ี ปน็ การผสมผสานระหวา่ งรฐั บาลและรัฐสภา และแบบ ประธานาธบิ ดี คอื จะมีประธานาธิบดเี ปน็ ทั้งประมุขของประเทศและฝา่ ยบรหิ ารโดยจะมา จากการเลือกตัง้ แต่มีอานาจมากกวา่ ประธานาธิบดีระบบรฐั สภา สามารถแต่งตั้ง นายกรฐั มนตรี คณะรฐั มนตรี และสามารถยบุ สภาเพือ่ เลอื กตง้ั ใหม่ได้ ประเทศที่ใชก้ าร ปกครองแบบน้ี ได้แก่ สงิ คโปร์ ศรีลังกา เปน็ ต้น

8 ข้อดีของการปกครองระบอบประชาธิปไตย 1. เป็นระบอบที่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการปกครองประเทศ ประชาชนเกิด ความรักในชาตบิ า้ นเมอื ง และคดิ วา่ ตนเองเปน็ ส่วนหน่ึงในการเป็นเจ้าของประเทศ 2. ได้มีการกลั่นกรองความคิดเห็น แต่ละฝ่าย แต่ละคนสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่าง เสรี แนวคิดที่ตรงข้ามกัน จะได้รับการตัดสินโดยใช้มติเสียงข้างมากเป็นหลัก ซึ่งทุกฝ่าย จะต้องยอมรบั มตดิ ังกล่าว 3. เป็นระบอบที่มีการแยกอานาจออกจากกันอย่างชัดเจน ทั้งอานาจนิติบัญญัติ บริหารและ ตุลาการ แตก่ ม็ กี ารควบคุมตรวจสอบการใชอ้ านาจของแตล่ ะฝา่ ย รวมท้ังมีการคานอานาจซ่ึง กันและกันอย่างเป็นระบบ 4. เป็นระบอบป้องการผูกขาด หรือสืบทอดอานาจ คือ การกาหนดระยะเวลาในการอยู่ใน ตาแหน่งหรือการบรหิ ารตามทีร่ ัฐธรรมนญู กาหนดไว้ 5. ให้มีระบอบการประกันสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาคแก่ประชาชน โดยรัฐธรรมนูญเป็น กฎหมายสูงสุดของประเทศ ช่วยป้องกันมิให้ฝ่ายบริหารหรือผู้ปกครองประเทศ ออก กฎหมายมาขัดตอ่ รฐั ธรรมนญู ท่กี าหนดสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาคขัน้ พืน้ ฐานเอาไว้

9 ข้อจาํ กดั ของการปกครองระบอบประชาธิปไตย 1. ประชาชนท่ีขาดความรูค้ วามเขา้ ใจในระบอบประชาธปิ ไตย จะตกเปน็ เคร่อื งมอื ของนายทนุ ไดง้ ่าย เช่น การซอ้ื สิทธิขายเสยี ง 2. นกั การเมอื งและพรรคการเมอื งอาจใช้วธิ ีการหาเสียงโดยไมส่ จุ รติ เชน่ เมอื่ ตอนเปน็ รฐั บาล หรอื มีอานาจ อาจใชเ้ งินงบประมาณไปในทางมิชอบ อย่างเช่น การโฆษณา การสร้างภาพพจน์ เพ่อื สร้างคะแนนให้แก่พรรคหรอื พวกพ้องของตน 3. สูญเสยี งบประมาณของรัฐอย่างมากในการจดั การเลอื กตง้ั ในทกุ ระดบั 4. มีการใช้อบุ ายกลโกงทกุ รูปแบบในการหาเสยี ง และโจมตนี กั การเมอื งฝ่ายตรงขา้ ม ตอ่ ตา้ น ฝ่ายตรงข้ามโดยการใชพ้ ลังมหาชน

10 การปกครองแบบเผดจ็ การ ระบอบเผด็จการ เปน็ ระบบการปกครองที่ตรงข้ามกบั ระบอบประชาธิปไตย ผู้ปกครองจะมี อานาจสงู สดุ ในการปกครอง โดยไมส่ นใจสิทธแิ ละเสรีภาพของประชาชน การไดม้ าของการ เปน็ ผู้นาในระบอบเผด็จการ มกั จะเกดิ จากการปฏิวตั ิหรอื รัฐประหาร หลกั การสาคญั ของการปกครองแบบเผด็จการ หลักการสาํ คญั ของระบอบเผด็จการ หลักการสาคัญของระบอบเผด็จการเป็นไปในลกั ษณะต่าง ๆ ดงั นี้ 1. อานาจรัฐอยเู่ หนือประชาชน ไมย่ นิ ยอมใหป้ ระชาชนมสี ่วนร่วมในการปกครองประเทศ แต่ ต้องปฏบิ ัติตามท่ีรัฐกาหนด ไมม่ สี ทิ ธิคดั ค้านหรือโต้แยง้ 2. เป็นการแกป้ ัญหาโดยการใชอ้ านาจ แกป้ ญั หาโดยใช้ความรนุ แรง เด็ดขาด ใชอ้ านาจทาลาย ลา้ งฝา่ ยตรงขา้ ม หรือผู้ทมี่ ีความคิดเห็นขัดแย้งต่อรัฐ 3. ปกครองประเทศโดยม่งุ เนน้ ประโยชน์ของภาครัฐมากกว่าสิทธิ เสรีภาพของประชาชน 4. เน้นการเชอื่ ผนู้ าพาชาตกิ า้ วหนา้ เพอื่ สรา้ งศรัทธาและบารมีของผนู้ า 5. มกี ารรวมอานาจปกครองไวใ้ นทแ่ี ห่งเดยี ว ศูนย์กลางในการส่ังการ คอื ตวั ผนู้ าซ่งึ จะรวมทงั้ 3 สถาบันอยู่ในการปกครองของตนเพียงคนเดยี วหรือกลมุ่ เดยี ว

11 รปู แบบการปกครองแบบเผดจ็ การ ระบอบเผดจ็ การแบง่ ออกเปน็ 2 รปู แบบ ดงั นี้ 1. เผดจ็ การแบบอานาจนิยม ผูน้ าของรฐั มอี านาจเดด็ ขาดในการปกครอง มกี ารควบคุมสิทธิ เสรภี าพทางการเมอื งของประชาชน โดยมกั อา้ งลทั ธิชาตินยิ มในการสรา้ งความชอบธรรม สว่ น ทางดา้ นเศรษฐกิจ ประชาชนยังมีสทิ ธิ เสรีภาพอยู่บา้ ง การปกครองระบอบน้ใี นปัจจบุ นั เชน่ ประเทศนิการากวั คิวบา กานา ไนจีเรยี ลิเบีย ซเี รีย จอร์แดน เกาหลเี หนือ อหิ รา่ น สหภาพ พมา่ 2. เผดจ็ การแบบเบด็ เสรจ็ ผนู้ าของรัฐมอี านาจเด็ดขาดในดา้ นการปกครอง เศรษฐกิจ สงั คม ควบคมุ สิทธิเสรภี าพของประชาชน สื่อมวลชน ไดแ้ ก่ 1) เผด็จการฟาสซสิ ต์ เกิดข้ึนครง้ั แรกในประเทศอติ าลี โดยเบนโิ ต มุสโสลนิ ี ในช่วงประเทศ เปลย่ี นแปลงทางสังคมสู่ระบบอตุ สาหกรรม มุสโสลินนี านโยบายการโฆษณา ชวนเช่ือ และสร้าง ภาพพจนใ์ หย้ ดึ มัน่ ในตัวผู้นาที่จะนาประเทศไปรอดได้ โดยถอื วา่ “ถ้าเช่ือผนู้ าชาติไม่แตกสลาย” เน้นรักชาตหิ รอื ชาตินยิ มทรี่ ุนแรง สง่ เสริมกลุม่ นายทุน มีความเชือ่ วา่ สงครามเปน็ ส่งิ ทีช่ อบธรรม 2) เผด็จการนาซี เป็นเผด็จการแบบเบ็ดเสรจ็ เกดิ ขน้ึ ในประเทศเยอรมนี โดย อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ เปน็ ผู้นา ไดร้ บั อทิ ธิพลมาจากเผด็จการฟาสซสิ ต์ ทเ่ี น้นความเปน็ ชาตนิ ิยมและเช้อื ชาตินิยม และเนน้ ใหป้ ระชาชนมคี วามศรัทธา เคารพ เชือ่ ฟงั ผู้นา และปลูกฝงั ในเร่ืองความภูมใิ จในชาติ 3) เผด็จการคอมมวิ นิสต์ เปน็ แนวความคิดของ คาร์ล มากซ์ (Karl Marx) มุ่งประเดน็ การ ขัดแยง้ ระหว่างชนชั้น โดยถอื วา่ ชนชน้ั กรรมาชพี เป็นพลังสาคญั ที่จะสร้างสังคมใหม้ ีความชอบ ธรรม ผู้คนอย่ดู กี ินดี มงุ่ ทาลายล้างระบบทุนนยิ ม ผ่านทางพรรคคอมมวิ นิสต์ ซึง่ ถือวา่ เปน็ พรรค การเมอื งพรรคเดยี วท่เี ป็นตัวแทนของชนชน้ั กรรมาชีพ ให้ทาหนา้ ที่ปกครองบรหิ ารประเทศ และขจดั ปญั หาความเหลื่อมล้าในสังคมใหห้ มดสน้ิ ไป

12 ขอ้ ดขี องการปกครองแบบเผด็จการ 1. รฐั บาลสามารถดาเนินการแก้ปัญหาทเี่ กดิ ขึน้ ภายใน หรอื ภายนอกประเทศได้อย่างรวดเรว็ ทันเหตุการณ์ โดยผนู้ ามีอานาจ ไม่ตอ้ งฟังเสียงสนับสนุน หรอื คดั คา้ นจากประชาชน 2. รฐั บาลสามารถแก้ปัญหาความเดอื ดร้อนของประชาชน รวมทง้ั ภัยในด้านตา่ งๆ ท่ีเกดิ ขึ้นกบั ประชาชนจานวนมากไดด้ ี เพราะรฐั เป็นผดู้ าเนินการ 3. ทาให้ประชากรในประเทศเกิดวนิ ยั ในสังคมมากข้นึ ข้อจาํ กัดของการปกครองแบบเผด็จการ 1. อาจเกดิ ความผิดพลาดจากการบรหิ ารประเทศชาติ เพราะประชาชนไม่มีโอกาสแสดง ความคดิ เหน็ โต้แยง้ หรือคดั ค้าน ดงั นัน้ หากผู้นาบรหิ ารผิดพลาดยอ่ มส่งผลเสียหายต่อ ประเทศและประชาชนอยา่ งรา้ ยแรง 2. ประชาชนไม่มีสิทธิ เสรภี าพ ในการดาเนินกิจกรรมต่างๆ ท่ีเปน็ ประโยชนต์ อ่ ตนเองและ ครอบครวั เพราะหากฝ่าฝนื จะต้องมคี วามผดิ และรับโทษ 3. การดาเนินกิจกรรมต่างๆ จะเปน็ ไปตามนโยบายของพรรคการเมอื งทค่ี มุ อานาจการบรหิ าร ประเทศเพยี งพรรคเดยี ว ประชาชนส่วนรวมไมม่ อี านาจโต้แย้ง คดั ค้าน หรือได้ร่วมกาหนด นโยบาย รฐั จึงต้องคอยสอดส่องติดตามความเคลอ่ื นไหวของผคู้ ัดคา้ น ไมเ่ ห็นดว้ ยรวมทงั้ ลงโทษบุคคลทเี่ ปน็ ปฏปิ ักษ์อย่างรนุ แรงอยตู่ ลอดเวลา

13 มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชีว้ ดั มาตรฐาน ส ๒.๒ เข้าใจระบบการเมืองการปกครองในสงั คมปจั จุบัน ยึดมั่น ศรทั ธา และธารงรกั ษาไวซ้ ง่ึ การปกครองระบอบประชาธปิ ไตย อนั มีพระมหากษตั ริยท์ รงเปน็ ประมขุ สาระการเรยี นรู้แกนกลาง 1. ระบอบการปกครองต่าง ๆ ที่ใชใ้ นยคุ ปจั จุบนั เช่น การปกครองระบอบเผด็จการ การปกครองระบอบประชาธปิ ไตย 2. ความแตกต่าง ความคลา้ ยคลงึ ของการปกครองของไทย กับประเทศอื่น ๆ ท่ีมีการ ปกครองระบอบประชาธปิ ไตย 3. ประเดน็ ปัญหา และผลกระทบทเี่ ป็นอปุ สรรคต่อการพฒั นาประชาธิปไตยของ ประเทศไทย

14 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 วิเคราะห์ระบอบประชาธิปไตย การเมอื งการปกครอง 1. ระบอบการปกครอง ระบอบการปกครอง หมายถงึ รูปแบบในการดาเนนิ การปกครองประเทศ แบ่งเป็น 2 แบบ คือ - ระบอบการปกครองแบบประชาธปิ ไตย - ระบอบการปกครองแบบเผดจ็ การ การปกครองแบบประชาธปิ ไตย เปน็ ระบอบการปกครองที่ประชาชนมอี านาจสูงสดุ หลกั การของระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย มดี งั นี้ 1. หลักอาํ นาจอธปิ ไตยเป็นของปวงชน ซึง่ รัฐธรรมนูญฉบับปจั จบุ ันของไทย บัญญตั วิ า่ “ อํานาจอธิปไตยเปน็ ของปวงชนชาวไทยพระมหากษตั ริยผ์ ูท้ รงเป็นประมขุ ทรงใช้ อาํ นาจนนั้ ทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบญั ญตั แิ หง่ รัฐธรรมนูญน้ี ”

15 2. หลักสิทธิเสรีภาพของประชาชน สทิ ธิเสรภี าพของมนษุ ยท์ ่ีเกิดขนึ้ จรงิ เป็นสิทธิเสรภี าพท่ี กฎหมายกาหนด โดยผทู้ ่ีจะกาหนดกฎหมายดงั กลา่ วคือประชาชน ซง่ึ รฐั ธรรมนญู ฉบบั ปัจจบุ นั ของ ไทยบญั ญตั วิ า่ “การใชอ้ านาจโดยองคก์ รของรฐั ทกุ องคก์ รตอ้ งคานงึ ถึงศกั ดศิ์ รคี วามเป็นมนษุ ย์ สิทธิและเสรภี าพ ตามบทบญั ญตั ิแห่งรฐั ธรรมนญู นี”้ 3. หลกั นิตธิ รรม มีหลกั 4 ประการ ไดแ้ ก่ อานาจตามกฎหมาย ทุกคนเสมอภาคกนั ตามกฎหมาย ทุก คนทถี่ กู กล่าวโทษจะต้องไดร้ ับการพิจารณาไตส่ วนตามกฎหมาย และตลุ าการและศาลตอ้ งมีฐานะเป็น อสิ ระจากอานาจของฝา่ ยบริหาร

16 รปู แบบของระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย จาแนกได้ตามหลกั การจดั ศูนย์กลางแห่งอานาจและ การมีสว่ นรว่ มของประชาชน ซงึ่ รปู แบบของการมีสว่ นร่วมของประชาชนมี 2 แบบ คือ 1. ระบอบประชาธิปไตยแบบทางตรง คือ ระบบที่ประชาชนมสี ว่ นร่วมโดยตรง 2. ระบอบประชาธิปไตยแบบตวั แทน คอื ระบบทเี่ ลอื กตัวแทนของประชาชน เข้าสูร่ ฐั สภาเพ่ือทาหนา้ ท่แี ทนมี 3 รูปแบบ ดงั น้ี รูปแบบรฐั สภา อาจมีเฉพาะสภาผ้แู ทนราษฎรเพียงสภาเดยี วหรือ 2 สภา มที ง้ั ที่มาจากการเลือกต้งั และจากการแต่งต้ัง ซ่ึงระบบรฐั สภาจะมกี ารตรวจสอบควบคุมอานาจกัน และกนั เพ่อื ความโปรง่ ใส รปู แบบประธานาธบิ ดี ผใู้ ช้อานาจบริหารคอื ประธานาธิบดี โดย ประธานาธบิ ดีจะแตง่ ตั้งคณะรฐั มนตรี ซึ่งอานาจนติ ิบัญญัติ อานาจบริหาร และอานาจตลุ าการต่างเป็น อิสระและถ่วงดุลกนั รูปแบบผสมผสานกงึ่ รฐั สภากึง่ ประธานาธิบดี ประธานาธิบดีจะทา หนา้ ทเ่ี ปน็ ทง้ั ประมุขของรัฐและผบู้ ริหารราชการแผ่นดินรว่ มกบั นายกรัฐมนตรี

17 ความแตกต่างของระบอบการปกครองแบบประชาธปิ ไตยกับระบอบการปกครอง แบบเผด็จการ 1. อํานาจสงู สุดในการปกครอง การปกครองระบอบประชาธิปไตย อานาจสูงสุดจะเป็นของประชาชน แต่ การปกครองแบบเผด็จการอานาจจะอยทู่ ี่คนกล่มุ เดยี ว หรอื ผูน้ า 2. สิทธิเสรภี าพและความเสมอภาค ระบอบประชาธิปไตย ประชาชนจะมสี ทิ ธิเสรีภาพเทา่ เทียมกัน แต่ระบอบการปกครองแบบเผด็จการใหค้ วามสาคัญกับคนกล่มุ เดยี ว หรอื ผูน้ า 3. นโยบายและการดําเนินการของรัฐบาล รฐั บาลในระบอบการปกครองแบบประชาธปิ ไตยจะเป็นผู้ กาหนดนโยบายและการดาเนนิ การเพือ่ ประชาชน แตร่ ะบอบการปกครองเผด็จการจะคานงึ ถงึ ความ มน่ั คงและประโยชนข์ องประเทศ 4. การบริหารประเทศ ในระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยประชาชนเปลีย่ นคณะรัฐบาลได้ด้วย การเลือกต้ัง แต่ประชาชนในระบอบการปกครองแบบเผดจ็ การมีสทิ ธเิ ลือกต้ังพรรคหรือกลุ่มรัฐ กาหนดให้

18 การพัฒนาประชาธิปไตยของไทย ปัญหาและอุปสรรคตอ่ การพัฒนาประชาธิปไตยของไทย ไทยมีรฐั ธรรมนญู มากถึง 19 ฉบับ (ฉบบั ที่ 19 เปน็ รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชว่ั คราว) พทุ ธศักราช 2557) เพราะพัฒนาการทาง การเมืองของประเทศไทยมีการเปลยี่ นแปลงตลอดเวลา ซงึ่ ประเดน็ ปญั หาและอุปสรรคทส่ี าคัญไดแ้ ก่ 1. ปญั หาวัฒนธรรมการเมอื งแบบประชาธปิ ไตย การตัดสนิ ใจทางการเมอื งของไทยจะขนึ้ อยกู่ ับ ภาครฐั ทาใหก้ ารพฒั นาประชาธปิ ไตยทผี่ า่ นมาไมก่ ้าวหนา้ 2. ปญั หาการมีสว่ นรว่ มทางการเมอื งของประชาชน เพราะ ประชาชนขาดความร้คู วามเข้าใจในสิทธิ และบทบาทหนา้ ท่ี ขาดจติ สานึก และมองว่าการเขา้ ไปมีสว่ นรว่ มไมท่ าใหต้ นเองไดผ้ ลประโยชน์ แนวทางการแกไ้ ขปัญหาและอุปสรรคตอ่ การพฒั นาประชาธิปไตยของไทย มดี งั น้ี 1. ด้านวฒั นธรรมการเมอื งแบบประชาธปิ ไตย - ควรสนับสนุนให้มโี ครงการพัฒนาการเรียนรู้ทางการเมอื งภายในโรงเรยี น - สนบั สนนุ ใหม้ ีการสรา้ งกระบวนการเรยี นรวู้ ิธีปฏิบตั ิประชาธิปไตย - สภาพฒั นาการเมอื งควรผลกั ดันใหห้ ลักสูตรการเรยี นรวู้ ัฒนธรรมการเมือง แบบประชาธปิ ไตย - พรรคการเมืองควรจัดกจิ กรรมทางการเมอื งเสมอ - การใหก้ องทนุ พัฒนาการเมืองจดั สรรเงนิ เพ่อื สนับสนุนกจิ กรรมการเรียนรทู้ ่ี ส่งเสริมวัฒนธรรมการเมืองแบบประชาธิปไตย - จดั ทาหลกั สตู รการเรยี นรวู้ ัฒนธรรมการเมอื งแบบประชาธิปไตย 2. ดา้ นการมีสว่ นร่วมทางการเมอื งของประชาชน - ควรให้ประชาชนในพืน้ ท่ีทราบถงึ รายละเอียดของโครงการ - ปรึกษาหารือระหว่างผ้ดู าเนนิ โครงการกบั ประชาชนที่มสี ่วนไดส้ ว่ นเสีย - การประชุมรบั ฟงั ความคิดเหน็ ได้แก่ การประชุมในระดบั ชมุ ชน และ การ ประชุมรับฟังความคดิ เหน็ ทางวิชาการ - การรว่ มตัดสนิ ใจ - การใชก้ ลไกทางกฎหมาย ประชาชนเรียกร้องสิทธิหรือการใช้สิทธิได้เม่ือ เหน็ วา่ เกิดความไมเ่ ป็นธรรม - การกดดนั รัฐบาล

19 การปกครองของประเทศทค่ี ลา้ ยคลงึ และแตกตา่ งกบั ไทย ประเทศท่ีมีการปกครองคล้ายคลึงกบั ไทย ประเทศสหราชอาณาจักร 1. รูปแบบของรัฐ สหราชอาณาจกั รเป็นรฐั เด่ยี ว 2. รปู แบบการปกครอง ปกครองด้วยระบอบประชาธปิ ไตยแบบรัฐสภา โดยมพี ระมหากษัตรยิ เ์ ป็น ประมุข 3. อาํ นาจอธิปไตย รฐั สภาของอังกฤษมอี านาจในการตราหรือยกเลิกพระราชบญั ญัติ พระราชบัญญัติที่รัฐสภาตราข้นึ ถือเปน็ กฎหมายสงู สุด ศาลไม่มอี านาจพพิ ากษาว่าเปน็ โมฆะ ทาได้ เพียงตีความกฎหมายทเี่ ป็นพระราชบญั ญัติ และอานาจอธปิ ไตยของสหราชอาณาจักรแบ่งเปน็ 3 สว่ น ได้แก่ อานาจนติ ิบญั ญัติ อานาจบริหาร และ อานาจตลุ าการ

20 ประเทศญี่ปุ่น 1. รูปแบบของรัฐ ญีป่ ุน่ มีสถานะเป็นรัฐเดยี่ ว 2. รูปแบบการปกครอง ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยโดยมสี มเด็จพระจักรพรรดิเป็นประมขุ 3. อํานาจอธปิ ไตย แบ่งเป็น อานาจนิตบิ ญั ญตั ิ อานาจบริหาร และ อานาจตุลาการ

21 ประเทศสหรัฐอเมริกา 1. รปู แบบของรัฐ สหรัฐอเมรกิ ามกี ารปกครองแบบรัฐรวมท่ีเป็นสหพันธรฐั 2. รปู แบบการปกครอง ปกครองในระบอบประชาธปิ ไตยแบบประธานาธบิ ดี 3. อาํ นาจอธปิ ไตย แบง่ เป็น อานาจนติ ิบัญญตั ิ อานาจบริหาร และ อานาจตุลาการ

22 ประเทศสาธารณรัฐเกาหลี 1. รูปแบบของรัฐ สาธารณรฐั เกาหลหี รอื เกาหลีใต้มีการปกครองแบบรัฐเดย่ี ว 2. รูปแบบการปกครอง ปกครองด้วยระบอบประชาธปิ ไตยโดยมปี ระธานาธบิ ดที ่มี าจากการ เลือกตัง้ โดยตรงจากประชาชนเป็นประมุข 3. อาํ นาจอธิปไตย แบง่ เป็น อานาจนิติบญั ญตั ิ อานาจบรหิ าร และ อานาจตลุ าการ The National Assembly

23 มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชี้วดั มาตรฐาน ส ๒.๑ เข้าใจและปฏบิ ัตติ นตามหนา้ ทขี่ องการเป็นพลเมอื งดี มคี า่ นยิ มทด่ี ี งามและธารงรกั ษาประเพณแี ละวัฒนธรรมไทย ดารงชีวิตอยู่ในสังคมไทย และสงั คม โลกอย่างสนั ตสิ ขุ สาระการเรียนรแู้ กนกลาง 1. ความหมายและความสาคัญของสิทธมิ นษุ ยชน 2. การมีสว่ นรว่ มคมุ้ ครองสิทธิมนษุ ยชนตามรฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย ตามวาระและโอกาสท่ีเหมาะสม

24 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 กฎหมายกบั ชวี ติ กฎหมายท่ีควรรเู้ ก่ียวกบั ชวี ติ ประจาํ วนั กฎหมาย คอื ขอ้ บงั คับ กตกิ าของรฐั หรือของชาติ กาหนดขน้ึ มาเพือ่ ใช้บังคับ ควบคมุ ความ ประพฤตขิ องบุคคลในสังคม ให้ปฏิบัติตาม หากมีการฝา่ ฝืน ไมป่ ฏบิ ัตติ ามจะมีความผดิ และไดร้ บั โทษตามท่กี าหนดไว้ กฎหมายแพ่ง เปน็ กฎหมายเกีย่ วกับเร่อื งบุคคล ทรัพย์สนิ นติ ิกรรม สัญญา ละเมดิ ครอบครวั และมรดก ทมี่ คี วามสาคัญต่อการดาเนนิ ชวี ิตตั้งแตเ่ กิดจนตาย กฎหมายอาญา เป็นกฎหมายท่เี กี่ยวกับความผิดและโทษ โดยกาหนดผู้กระทาผดิ จะไดร้ บั โทษตามที่ กฎหมายกาหนด กฎหมายอาญา จงึ มคี วามสาคญั ชว่ ยให้ประชาชนอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสขุ และปลอดภัย

25 กฎหมายเกี่ยวกับบุคคล บุคคล หมายถึง สิ่งท่กี ฎหมายกาหนดใหม้ ีสทิ ธิหน้าท่ไี ด้ตามกฎหมาย สภาพบุคคลเรม่ิ ต้นตัง้ แต่แรกคลอดเป็นทารกและสิน้ สุดสภาพบคุ คลเมอ่ื ตายหรอื สาบสญู ตาม คาสง่ั ของศาล การสาบสญู คอื การหายจากภมู ลิ าเนาในภาวะปกตเิ กนิ 7 ปี หรือหายจากภาวะทเ่ี ป็น อนั ตรายตอ่ ชีวติ เชน่ เรืออับปาง ภัยพิบัติทางธรรมชาติ 3 ปี ถือว่าเปน็ คนสาบสูญได้ ในกรณที ่ีผู้ สาบสญู กลบั มา สามารถขอร้องต่อศาลใหถ้ อนคาสั่งสาบสูญได้ บคุ คลแบง่ ออกเปน็ 2 ประเภท คอื 1. บุคคลธรรมดา หมายถึง บุคคลท่มี ีความสามารถ สามารถทานติ ิกรรมได้ตามท่ีกฎหมาย กาหนด ส่วนประกอบของสภาพบุคคล 1. ชื่อตวั – ชือ่ สกุล 2. สญั ชาติ ไดม้ าโดยการเกิด การสมรส การแปลงชาติ 3. ภมู ิลาเนา คอื ถน่ิ ทอี่ ย่ปู ระจาและแน่นอนของบุคคล 4. สถานะ คือ ฐานะของบคุ คลตามกฎหมายซ่ึงทาให้เกดิ สทิ ธิ เช่น โสด สมรส หยา่ 2. นิติบุคคล หมายถงึ หม่คู นหรือสงิ่ ท่ีกฎหมายรับรองสภาพอย่างบคุ คลธรรมดา และมี สทิ ธิ หน้าที่ ความรับผิดชอบในนามของกจิ การ เชน่ กระทรวง ทบวง กรม บรษิ ทั สมาคม มลู นิธิ และวัด เปน็ ต้น

26 ทรัพย์และทรัพยส์ ิน ทรพั ย์ หมายถงึ วัตถุ หรือส่งิ ท่ีมรี ูปร่าง ทรัพยส์ นิ หมายถงึ ทรัพยแ์ ละวัตถุทไ่ี มม่ รี ูปร่าง เชน่ ลขิ สิทธิ์ (ทรพั ย์สนิ ทางปัญญา) ประเภทของทรพั ย์สนิ 1. อสังหาริมทรพั ย์ หมายถงึ ทรพั ย์สินทไ่ี มส่ ามารถเคล่ือนทไ่ี ด้ 2. สงั หารมิ ทรพั ย์ หมายถงึ ทรพั ยท์ ี่สามารถเคลอื่ นทไ่ี ด้ นติ ิกรรม นิตกิ รรม คือการแสดงเจตนาผกู นิตสิ มั พนั ธ์ระหว่างบคุ คลโดยชอบดว้ ยกฎหมาย เพ่อื จะกอ่ เปลย่ี นแปลง โอน สงวนหรือระงับสิทธ์ิ หลกั การทานติ กิ รรม 1. มีการแสดงเจตนาของบุคคล โดยการพดู เขยี น หรือการกระทาทีช่ อบดว้ ยกฎหมาย 2. การกระทานน้ั ตอ้ งทาดว้ ยความสมัครใจ 3. มีเจตนาทจ่ี ะให้เกดิ ผลตามกฎหมาย นิตกิ รรมที่เปน็ โมฆะและโมฆยี ะ 1. นิติกรรมท่ีเปน็ โมฆะ คือ นติ กิ รรมที่ไม่ไดจ้ ดทะเบียนตอ่ เจา้ พนักงานเจ้าหนา้ ทตี่ ง้ั แตแ่ รก ซงึ่ ไมเ่ กดิ ผลทางกฎหมาย 2. นิตกิ รรมท่ีเป็น โมฆียะ คือ นติ กิ รรมที่มผี ลสมบรู ณ์จนกวา่ จะถกู บอกลา้ ง เชน่ นิตกิ รรมท่ี ผเู้ ยาว์กระทาโดยไมไ่ ดร้ ับความยินยอมจากผูแ้ ทนโดยชอบธรรม เม่ือมีการบอกล้างแลว้ โมฆียกรรมจะกลายเปน็ โมฆะ สัญญาตา่ งๆ และประเภทของสัญญา สัญญาซอื้ ขายธรรมดา แบ่งเป็น 3 ประเภท คือ 1. คาม่นั ว่าจะซอื้ หรอื จะขาย คือ มีการใหค้ าม่นั เสนอวา่ จะซอื้ หรอื จะขาย 2. สญั ญาจะซอื้ จะขาย คือ สญั ญาตกลงกนั ในสาระสาคญั ของสญั ญาจะซอื้ จะขาย 3. สญั ญาซอื้ ขายเสรจ็ เดด็ ขาด คือ เป็นสญั ญาท่ีตกลงกนั ตามสาระสาคญั ของสญั ญากนั เรยี บรอ้ ยแลว้

27 สัญญาซอ้ื ขายเฉพาะอยา่ ง แบง่ เป็น 4 ประเภท คอื 1. สญั ญาซ้ือขายเงินสด คอื สัญญาทผี่ ซู้ ื้อตกลงชาระราคาสินค้าเป็นเงินสดทันที เมอ่ื มกี ารซอ้ื ขายกัน 2. สัญญาซ้อื ขายผ่อนส่ง คอื สญั ญาการซือ้ ขายที่มีการส่งมอบทรพั ย์สนิ ให้กับผู้ซอ้ื แลว้ แต่ผู้ ซอื้ ยังไมไ่ ด้ชาระราคา อาจตกลงผ่อนชาระเป็นงวด ๆ 3. สัญญาขายฝาก คอื สญั ญาซื้อขายท่ีผู้ขายฝากตอ้ งการเงนิ จานวนหนึง่ จากผ้ซู ้ือ จึงนา ทรัพย์สินมาโอนใหก้ ับผูซ้ ้อื ฝาก และผขู้ ายฝากมีสิทธิไถ่ทรพั ย์สนิ กบั คนื ได้ภายในเวลาทต่ี กลงกันไว้ หากครบกาหนดไถ่คืนแลว้ ผูข้ ายฝากไมม่ าไถค่ ืน ทรัพยส์ ินน้ันจะตกเปน็ ของผู้ซือ้ ฝากโดยเด็ดขาด 4. การขายทอดตลาด คอื การซอื้ ขายที่ประกาศให้ประชาชนมาประมลู ซ้ือสรู้ าคากันโดย เปดิ เผย ประกอบด้วยบุคคล 4 ฝา่ ย คอื – ผูข้ ายซึ่งเปน็ เจ้าของทรัพย์สิน หรอื ผมู้ อี านาจขายทรัพย์สนิ ได้ – ผูท้ อดตลาด – ผสู้ ูร้ าคา – ผู้ซื้อ สัญญาเช่าทรพั ย์ เช่าซื้อ แบง่ ออกเปน็ 1. สญั ญาเช่าทรัพย์ – ถ้าเป็นสงั หารมิ ทรัพย์ไมต่ อ้ งมหี ลักฐานเป็นตวั หนงั สือ – ถา้ เปน็ อสงั หาริมทรพั ย์ต้องมีหลักฐานเป็นหนงั สือลงลายมือช่อื 2. สัญญาเชา่ ซ้ือ คือ สญั ญาซึ่งเจา้ ของเอาทรพั ย์นั้นให้เชา่ และใหค้ ามั่นวา่ จะขายทรพั ยส์ ิน หรอื จะให้ทรัพยน์ ้ันตกเป็นสิทธิแก่ผูเ้ ช่าซื้อ โดยมีเงอื่ นไขที่ผเู้ ช่าไดใ้ ช้เงินเปน็ จานวนเทา่ นัน้ เทา่ นี้ คราว การทาสญั ญาเช่าซ้ือต้องทาหนังสือลงลายมือชอ่ื ในสญั ญาทงั้ สองฝ่าย สญั ญากู้ยืมเงิน เปน็ สัญญาท่ผี ูก้ แู้ ละผู้ใหก้ ู้ได้ตกลงกันในการยมื เงินและจะคนื เงินให้ตามเวลาท่กี าหนดไวโ้ ดยมี การเสียดอกเบ้ยี การก้ยู ืมเงนิ ตั้งแต่ 2,000 บาทขน้ึ ไป ต้องมีหลกั ฐานลงลายมือชื่อผู้กู้ไวเ้ ป็นสาคัญ

28 กฎหมายเกี่ยวกบั ครอบครวั การหม้นั คือ การทาสญั ญาระหว่างชายหญงิ ว่าจะสมรสกัน จะทาไดเ้ มอ่ื ชายและหญิงอายุ 17 ปบี ริบูรณ์ ถ้าชายและหญงิ เปน็ ผ้เู ยาว์ต้องไดร้ บั ความยนิ ยอมจากบิดามารดาหรอื ผู้ปกครอง การสมรส การสมรสจะทาได้ต่อเมื่อชายและหญิงอายคุ รบ 17 ปีบริบรู ณห์ ากมีอายุต่ากว่านี้ ตอ้ งศาลอนุญาต ทรัพย์สินของสามีและภรรยา แบง่ เปน็ 1. สินส่วนตัว คือ ทรพั ย์สินทีส่ ามีหรอื ภรรยามกี ่อนสมรส 2. สนิ สมรส คือ ทรัพยส์ ินทไี่ ด้มาระหวา่ งการสมรส การสนิ้ สุดการสมรส 1. ศาลพิพากษาว่าการสมรสเป็นโมฆะ 2. คู่สมรสฝา่ ยใดฝา่ ยหนง่ึ ถึงแก่กรรม 3. การหยา่ – สทิ ธิและหนา้ ทข่ี องบิดาและมารดา บิดามารดามีหนา้ ท่ีอุปการะเล้ียงดูและใหก้ ารศกึ ษา ตามสมควรแก่บุตร – สทิ ธแิ ละหน้าท่ขี องบตุ ร บตุ รมหี นา้ ทตี่ อ้ งอปุ การะเลีย้ งดบู ิดามารดาของตนเปน็ การตอบ แทน กฎหมายเร่ืองมรดก มรดก คอื ทรพั ย์สิน สทิ ธิ หน้าที่ และความรบั ผิดชอบต่าง ๆ ของผู้ตายหรือเจา้ ของมรดก ซ่ึง เมอ่ื เจา้ ของมรดกถงึ แกค่ วามตาย มรดกย่อมตกทอดแกท่ ายาททนั ทที ตี่ าย ทายาท คอื ผูม้ สี ิทธไิ ดร้ ับมรดก 2 ประเภท 1. ทายาทโดยธรรม คูส่ มรสและญาติสนทิ 2. ทายาทตามพนิ ยั กรรม ผมู้ ีสิทธ์ไิ ดร้ ับมรดกตามพนิ ัยกรรมระบุไว้ พนิ ยั กรรม คือ เอกสารที่เจ้าของมรดกแสดงเจตนากาหนดการเผอื่ ตายในเรอ่ื งทรัพย์

29 กฎหมายอนื่ ๆ ที่เกย่ี วขอ้ งกับชีวิตประจาํ วัน กฎหมายรฐั ธรรมนญู เปน็ กฎหมายสูงสดุ ในการปกครองประเทศ เป็นการกาหนดสิทธิ เสรีภาพ หน้าที่ของบุคคล สิทธิ หมายถงึ ประโยชนซ์ งึ่ กฎหมายรบั รอง คมุ้ ครองให้กบั บุคคล เช่น สทิ ธิทาง การเมือง สทิ ธใิ นทรพั ยส์ ิน เสรภี าพ หมายถึง การกระทาของบุคคลที่ไมข่ ัดต่อกฎหมาย เชน่ เสรีภาพในร่างกาย เสรภี าพในการพูด การพมิ พ์ การเขียน การนบั ถือศาสนา หนา้ ท่ี คือ สิ่งทบี่ ุคคลจะต้องกระทาหรอื งดเว้นกระทา ในฐานะสมาชิกของรัฐ เชน่ การ เสยี ภาษีอากร การป้องกนั ประเทศ 2. กฎหมายเลอื กตง้ั เป็นกฎหมายทีบ่ ัญญัตขิ น้ึ เพื่อควบคมุ การจดั และดาเนินการเลอื กตัง้ ให้ เปน็ ไปโดยเรียบร้อยและยตุ ธิ รรม 3. กฎหมายเกีย่ วกับทะเบียนราษฎร์ – เมอื่ มคี นเกดิ ตอ้ งแจง้ ตอ่ นายทะเบียนภายใน 15 วัน – เมื่อมีคนตายต้องแจ้งตอ่ นายทะเบียนภายใน 24 ชม. – เม่อื ย้ายทอี่ ย่อู าศัยตอ้ งแจง้ ภายใน 15 วนั 4. กฎหมายเกีย่ วกับบตั รประชาชน – บคุ คลท่มี สี ัญชาตไิ ทยอายุ ตั้งแต่ 7 ปี จนถงึ อายุ 70 ปี และนาเข้าท่ีประชมุ สภา ผูแ้ ทนราษฎรเพอ่ื พจิ ารณาอีกครั้งในวันน้ี (7 เมษายน) นน้ั ล่าสดุ ท่ีประชุมสภาผแู้ ทนราษฎร มมี ติให้ ความเหน็ ชอบรา่ ง พ.ร.บ.บตั รประจาตวั ประชาชน ตามท่วี ุฒิสภาแกไ้ ขดว้ ยคะแนนเสยี ง 304 ตอ่ 2 – การเปล่ยี นช่อื ตวั – ชือ่ สกุล ตอ้ งขอทาบตั รใหม่ภายใน 60 วัน – บตั รสญู หายต้องขอเปลย่ี นใหม่ ภายใน 60 วัน – บคุ คลทีไ่ มต่ ้องมีบัตรประชาชน ได้แก่ พระภกิ ษุ ข้าราชการ นักโทษ และบคุ คลท่มี ี อายุเกนิ 70 ปี ข้นึ ไป

30 5. กฎหมายเก่ียวกับการรบั ราชการทหาร – ชายไทยทีม่ สี ญั ชาตไิ ทย อายยุ ่างเขา้ 18 ปีบริบรู ณ์ ใหไ้ ปแสดงตวั เพือ่ ลงบัญชพี ล ทหารกองเกินภายในเขตภมู ลิ าเนาของตน – เมื่ออายยุ ่างเขา้ 21 ปี ตอ้ งไปแสดงตนเพอ่ื รับหมายเรยี กและต้องทาการตรวจเลอื ก เพ่ือเข้าเป็นทหารกองประจาการตามกาหนดนดั *บคุ คลท่ไี ม่ต้องเปน็ ทหารประจาการ ไดแ้ ก่ พระภกิ ษุทม่ี สี มณศักดิ์ คนพิการทพุ พลภาพ บคุ คลท่ีขาดความสามารถบางประการท่ีไม่อาจเป็นทหารได้ 6. กฎหมายเก่ยี วกบั การรกั ษาความสะอาดของชมุ ชน และสิง่ แวดลอ้ ม – พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 เช่น การสรา้ ง ดัดแปลง ตอ่ เติม ร้อื ถอน ตอ้ งขอ อนุญาตตอ่ เจ้าพนกั งานทอ้ งถิ่น – พ.ร.บ. สง่ เสรมิ และรักษาส่ิงแวดลอ้ ม พ.ศ. 2518 – พ.ร.บ. โรคติดตอ่ พ.ศ. 2522

31 สทิ ธิมนษุ ยชน (Human Right) สิทธิมนุษยชน (Human Right) หมายถึง สิทธิท่ีมนุษย์ทุกคนมีความเท่าเทียมกัน มีศักด์ิศรีของ ความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรภี าพ และความเสมอภาคของบุคคลทไ่ี ดร้ บั การรับรอง ท้ังความคิดและการ กระทาที่ไม่มีการล่วงละเมิดได้ โดยได้รับการ คุ้มครองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และ สนธสิ ัญญาระหวา่ งประเทศ 1. ศักดิศ์ รีความเปน็ มนษุ ย์ (Human Dignity) หมายถงึ คณุ สมบตั ิ จติ ใจ สิทธิ เฉพาะตวั ที่พงึ สงวนของมนุษยท์ ุกคน และรักษาไวม้ ิให้บุคคลอ่ืนมาลว่ งละเมิดได้ การถกู ละเมิด ศกั ดิ์ศรคี วามเปน็ มนุษย์จงึ เปน็ สิ่งท่ีต้องไดร้ ับการคุม้ ครองและได้รบั ความยตุ ิธรรมจากรฐั 2. สาเหตทุ ่มี นุษยต์ อ้ งได้รับความคุ้มครองสิทธมิ นุษยชน เกดิ จาก 1. มนษุ ยท์ กุ คนเกิดมาแล้วยอ่ มมีสทิ ธใิ นตัวเอง 2. มนษุ ย์เป็นสัตวส์ งั คม 3. มนุษย์มีเกยี รตภิ มู ทิ ่เี กิดมาเป็นมนุษย์ 4. มนุษยท์ กุ คนเกิดมามฐี านะไม่เทา่ เทยี มกัน 3. หลักการสําคัญที่สุดของสิทธิมนุษยชน คือ มนุษย์ทุกคนมีศักดิ์ศรีของความเป็น มนษุ ยเ์ ท่าเทยี มกัน รฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศักราช 2550 ได้รับรองศักด์ิศรีความเป็น มนุษย์ไว้ และกาหนดให้รัฐบาล ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐดาเนินการปฏิบัติงานตามอานาจ หนา้ ท่โี ดยคานงึ ถงึ ศักด์ิศรคี วามเป็นมนษุ ย์ของประชาชนทกุ คน 4. การคมุ้ ครองสทิ ธิมนุษยชนในประเทศไทย สังคมไทยเป็นสังคมท่ีต่างเช้ือชาติ ศาสนา เผ่าพันธ์ุ สามารถดารงชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างสันติ จนกลมกลืนเป็นหน่ึงเดียวในความเป็นไทยโดยไม่มี การแตกแยก ยอมรับความหลากหลาย มีจิตใจเอื้อเฟ้ือเกื้อกูลกัน จึงไม่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนใน เรื่องการแบ่งชนช้ัน หรือเผ่าพันธุ์ แต่การละเมิดสิทธิมนุษยชนก็ยังปรากฏอย่างต่อเน่ือง เช่น การ ละเมิดสิทธิเด็ก เช่น การละเมิดทางเพศ แรงงาน ยาเสพติด อบายมุข ความรุนแรงในการ ลงโทษ การละเมิดสิทธิสตรี ในสังคมไทยยังปรากฏการใช้ความรุนแรงต่อผู้หญิงในครองครัว ความ รุนแรงทางเพศในที่สาธารณะ ที่บ้าน ที่ทางาน สถานกักกัน การล่อลวงทางอินเตอร์เน็ต โรง ภาพยนตร์ บนรถเมล์

32 9 องค์กรท่เี กี่ยวขอ้ งกบั สทิ ธิมนษุ ยชนในประเทศไทย 1. คณะกรรมการสทิ ธมิ นุษยชนแห่งชาติ 2. ศาลต่าง ๆ ได้แก่ ศาลรฐั ธรรมนญู ศาลยตุ ิธรรรม ศาลปกครอง และศาลทหาร 3. มูลนิธิเพอ่ื พัฒนาเดก็ 4. มลู นิธิสงเคราะหเ์ ด็กยากจน ซี.ซ.ี เอฟ 5. มูลนธิ ิศนู ย์พิทกั ษส์ ิทธิเดก็ 6. มลู นธิ ิปวีณาหงสกุลเพ่อื เดก็ และสต องคก์ รสทิ ธิมนุษยชน ระดับโลก 1. คณะกรรมการสิทธมิ นษุ ยชนแหง่ สหประชาชาติ 2. กองทุนสงเคราะห์เดก็ แห่งสหประชาชาติ หรือ ยนู เิ ซฟ (UNICEF)

33 มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวช้วี ัด มาตรฐาน ส ๒.๑ เขา้ ใจและปฏิบตั ติ นตามหน้าทีข่ องการเปน็ พลเมอื งดี มคี า่ นยิ มทด่ี ี งามและธารงรักษาประเพณแี ละวัฒนธรรมไทย ดารงชวี ิตอยใู่ นสงั คมไทย และสังคม โลกอย่างสันตสิ ุข สาระการเรียนรู้แกนกลาง 1. ความสาคญั ของวัฒนธรรมไทย ภูมิปญั ญาไทยและวฒั นธรรมสากล 2. การอนุรกั ษว์ ัฒนธรรมไทย และภูมิปัญญาไทยทีเ่ หมาะสม การเลือกวฒั นธรรมท่ี เหมาะสม

34 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 วฒั นธรรมไทย ภูมปิ ัญญาไทยและวัฒนธรรม วฒั นธรรมและภมู ิปัญญาไทยวัฒนธรรมไทยนอกจากจะเปน็ อนั หนง่ึ อันเดียวกับสงั คมไทย หรือ กลมุ่ คนไทยแล้ววัฒนธรรมยังมคี วามสัมพนั ธก์ ับเรอ่ื งของเวลา หรอื อกี นยั หนง่ึ วัฒนธรรมไทยเป็นสง่ิ ท่ี จะตอ้ งมีการวิวฒั นาการ ซึง่ เป็น ผลรวมของการเปลี่ยนแปลงทางสังคมวัฒนธรรม เศรษฐกิจ และ การเมืองทางสงั คมความหมายของวัฒนธรรม วัฒนธรรม หมายถึง วิถีการดาเนินชีวิต (The way of life) ของคนในสังคม นับต้ังแต่วิธีกิน วิธีอยู่ วิธี แต่งกาย วิธีทางาน วิธีพักผ่อน วิธีแสดงอารมณ์ วิธีส่ือความ วิธีจราจรและขนส่ง วิธีอยู่ ร่วมกนั เป็นหมู่คณะ วธิ ี แสดงความสขุ ทางใจ และหลกั เกณฑก์ ารดาเนินชวี ติ โดยแนวทางการแสดงออกถึงวิถีชีวิตนั้นอาจเริ่มมาจาก เอกชนหรือคณะบุคคลทาเป็นตัว แบบ แล้วต่อมาคนส่วนใหญ่ก็ปฏิบัติสืบต่อกันมาวัฒนธรรมย่อมเปลี่ยนแปลง ไปตามเงื่อนไขและ กาลเวลาเม่ือมีการประดิษฐ์หรือค้นพบส่ิงใหม่ วิธีใหม่ท่ีใช้แก้ปัญหาและตอบสนองความ ต้องการของ สังคมได้ดกี ว่า ซ่ึงอาจทาใหส้ มาชิกของสงั คมเกดิ ความนยิ ม และในทส่ี ดุ อาจเลิกใชว้ ัฒนธรรมเดิม ดังน้ันการรักษาหรือธารงไว้ซึ่งวัฒนธรรมเดิมจึงต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนา วัฒนธรรมให้ เหมาะสมมปี ระสิทธภิ าพตามยุคสมัย

35 ประเภทของวฒั นธรรม – วฒั นธรรมทางภาษา ซ่งึ กห็ มายถึงสาเนียงการพูด ภาษาพดู รวมถึงการ เขยี นด้วย – วัฒนธรรมทางวัตถุ ซง่ึ กค็ ือยวดยานพาหนะ ทอี่ ย่อู าศยั ทมี่ นุษย์สร้างขนึ้ เพอ่ื ใชเ้ ปน็ สิ่งอานวย ความสะดวกสบายใหก้ ับชีวติ ประจาวันนัน่ เอง – วฒั นธรรมทางจิตใจ เชน่ ศาสนา ความเช่ือ ศีลธรรม จริยธรรม ท่ีมนษุ ย์ใชเ้ ปน็ เครอ่ื งยดึ เหนีย่ วจิตใจ – วฒั นธรรมทางจารีตและขนบธรรมเนียมประเพณี เชน่ การทักทายด้วยการไหว้ มารยาทการ กนิ การเดิน การแต่งกาย ประเพณีแตง่ งานเป็นต้น – วัฒนธรรมทางสุนทรยี ะ ซ่ึงก็ไดแ้ กศ่ ลิ ปะสาขาต่างๆ ท่มี ีความไพเราะ ความสวยงาม เช่น นาฏศลิ ป์ จติ รกรรม ดนตรี การแสดงตา่ งๆ เป็นตน้ วัฒนธรรมทางสุนทรยี ะได้แก่ศิลปะสาขาตา่ งๆที่มี ความไพเราะความสวยงาม เช่น นาฏศลิ ป์ จติ รกรรม ดนตรี การแสดงต่างๆ เปน็ ต้น

36 ความหมายของภูมปิ ญั ญาไทย ภมู ิปัญญาไทย หมายถึง ความรู้ ทกั ษะ ความเช่ือ และพฤติกรรมของคนไทย โดยแสดง ถงึ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งคนกบั คน คนกบั ธรรมชาติกบั ส่ิงแวดลอ้ มและคนกบั ส่ิงเหนือธรรมชาติ ถือเป็นกิจกรรมทกุ อยา่ งในวิถีชีวิตของคนในการแกป้ ัญหา การจดั การ การปรบั ตวั และการเรยี นรู้ เพ่อื ความอย่รู อดของบคุ คล ชมุ ชนและสงั คม ตลอดจนเป็นพืน้ ฐานความรูใ้ นเรอ่ื งตา่ งๆ ท่ีมีลกั ษณะเฉพาะหรอื เอกลกั ษณใ์ นตวั เองดว้ ย เหตนุ ี้ ถมู ปิ ัญญาไทยจงึ เป็นผลงานท่ีคนไทยไดท้ าการศกึ ษาคน้ ควา้ รวบรวมและจดั เป็นความรู้ มี การถ่ายทอดและปรบั ปรุงจากคนรุน่ หน่งึ มาสคู่ นคนอีกรุน่ หน่งึ จนเกิดเป็นผลผลิตท่ีดี งดงาม มีคณุ ค่าเเละประโยชน์ รวมทง้ั สามารถนามาแกไ้ ขปัญหา และพฒั นาชีวติ ได้ เช่นชาวนารูจ้ กั ขดุ บอ่ นา้ หรอื ทาเหมืองฝายสาหรบั เก็บนา้ และแจกจา่ ยไปสไู่ ร่ นา หรอื ชาวบา้ นมีความรูเ้ ก่ียวกบั พืชพนั ธธุ์ ญั ญาหาร ผกั พนื้ บา้ น เครอ่ื งเทศและสมนุ ไพร โดย สามารถ แยกแยะสรรพคณุ ในการรกั ษาโรค ดว้ ยเหตนู ี้ เม่ือพจิ ารณาถึงความสมั พนั ธร์ ะหว่างวฒั นธรรมกบั ภมู ิปัญญาไทย ก็จะเห็นได้ วา่ ภมู ิปัญญาไทยไดร้ บั การส่งั สมสืบตอ่ กนั มาน่นั ถือเป็นวฒั นธรรมไทยอย่างหนง่ึ

37 ทีม่ าของวัฒนธรรมและภูมปิ ัญญาไทย วัฒนธรรมเกิดขนึ้ มาได้ดว้ ยอาศยั การสรา้ งสรรคข์ องมนุษย์ ดังน้ัน วัฒนธรรมจึงเกิดมาจากคน ไทย โดยคนไทยมถี ิ่นฐานในดนิ แดนประเทศ ไทย มายาวนานได้ปฏิสัมพันธ์ต่อกันกับเช้ือชาติอ่ืน ๆ ท่ี อยใู่ นบรเิ วณน้ี ซึ่งต่างก็รู้จักคิดและสร้างสรรค์ส่ิงใหม่ๆ เพื่อดารงชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคม มีการไปมาหาสู่ ระหว่างชนชาติทั้งในเรอ่ื งการซ้อื ขายกนั การทาสงคราม การอพยพโยกย้ายที่ทามาหากิน ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ได้เกิดสิ่งที่เรียกว่า วัฒนธรรม ข้ึนหรือกล่าวอีกนัยหน่ึงก็คือ คนไทยไม่ว่า จะย้ายไปอยู่แห่งใด ก็ได้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆเพ่ือให้ตนเองดารงชีวิตอยู่ได้ในสังคม ส่ิงเหล่าน้ีจึงเป็น ท่ีมาของวฒั นธรรมนน่ั เอง สาหรับภมู ิปัญญาไทย ก็มีความคล้ายกับวัฒนธรรมไทย ภูมิปัญญาไทยมีท่ีมาจากคนและส่ิง ทคี่ นไทยประดิษฐ์คดิ คน้ ขนึ้ มาหรอื สร้างสรรค์ข้นึ เพ่อื ความสะดวกในการดารงชีวิต รวมท้ังอาจได้จาก บรรพบุรุษ ผู้ที่มีความรู้ด้านภูมิปัญญาไทย หรือได้มาจากชาวต่างชาติ แล้วนามาผสมผสานกับ วฒั นธรรมทาเดิมของไทยจนเกิดเป็นภูมิปญั ญาไทย

38 ปัจจัยพื้นฐานทมี่ ผี ลตอ่ ภมู ิปญั ญาไทย ลักษณะทางภมู ศิ าสตร์และสง่ิ แวดลอ้ ม ประเทศไทยมสี ภาพดนิ ฟ้าอากาศท่หี ลากหลาย เช่น ภาคเหนือ พน้ื ทเ่ี กือบทั้งหมดเปน็ เทือกเขามีท่ีราบน้อยใหญ่ระหวา่ งหบุ เขาและสายนา้ ไหล ผา่ นทาใหร้ ู้จกั เขอ่ื นเก็บนา้ ท่ไี หล จากท่สี งู มาทรี่ าบ ภาคกลาง เป็นท่ีราบลุ่มแม่น้าหลายสายไหลออกทะเล จากการท่ีมีสายน้าหล่อเล้ียงพื้นที่จด ฝงั่ ทะเล ทาให้เกิดภมู ิปัญญาต่อเรอื เปน็ พาหนะสาหรับการเดนิ ทางและค้าขาย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปน็ ทรี่ าบสงู และมีแมน่ ้าโขงไหลผา่ นโดยมสี าขาคือแมน่ า้ ชมี ลู ทาให้ บรเิ วณบางเเหง้ แล้งน้าแต่บางแห่งมีนา้ ชุ่มชืน่ ทาให้เกิดภูมิปญั ญาเลือกหลักแหล่งทาไรท่ านาในบรเิ วณ ทีล่ มุ่ และมบี ึง หรอื หนองนา้ ขนาดใหญ่ ภาคใต้ มที ะเลลอ้ มขนาบอยู่ทั้งทางตะวันออกและทางตะวนั ตก มีพื้นทแี่ หลมยาวไปจรด แหลมมลายแู ละมฝี นตกชุกมากภาคอ่ืนๆทาให้น้าในนามีระดับสูง ขณะทฤี่ ดูเกบ็ เก่ยี ว ข้าวสุกเตม็ ท้องที่ ชาวใต้จึงคดิ ประดิษฐเ์ ครื่องมอื เก่ียวข้าวทเ่ี ก็บเอาเฉพาะรวงข้าวเท่านนั้ จากสภาวะแวดล้อมทางธรรมชาติและส่งิ แวดล้อมทแ่ี ตกตา่ งกนั ดงั กลา่ ว ทาให้ความสามารถ ในการปรับตัวของคนไทยแตกตา่ งกัน รวมท้ังการส่งั สมประสบการณก์ ารสร้างสรรคภ์ มู ิปัญญาไทย สาหรับสืบทอดใหก้ ับคนรนุ่ หลัง ลกั ษณะรว่ มและลกั ษณะแตกต่างทางสังคมและวฒั นธรรม สามารถแบ่งออกได้ 2 ลักษณะ ดงั น้ี 1. ลักษณะร่วมทางสังคมและวัฒนธรรม คนไทยมีลักษณะร่วมทางสังคมและวัฒนธรรมที่ เหมือนๆกัน เช่น มีข้าวเป็นพื้นฐานของชีวิต หรือมีความเช่ือและพิธีกรรมด้ังเดิมเหมือนกัน คือ ความ เชื่อเร่ืองผีสางนางไม้ประเภทต่างๆ เช่น ผีฟ้า ผีบรรพบุรุษ หรือมีความเช่ือในอานาจและอิทธิ ปาฏิหารย์ของเทวดาต่างๆ เช่น พระแม่คงคา พระแม่ธรณี หรือมีความศรัทธาและได้รับอิทธิพลจาก การสง่ั สอนของพระพุทธศาสนาในการดารงั ชีวิต 2. ลักษณะที่แตกต่างทางสังคมและวัฒนธรรม เนื่องจากภูมิประเทศของเมืองไทยนั้นมี ความแตกต่างกันทัง้ 4 ภาค ดงั นน้ั ลักษณะทางสังคมและวัฒนธรรมจึงแตกตา่ งกนั ไปดว้ ย เชน่ - ภาคเหนอื และภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือชอบรับประทานข้าวเหนยี ว - ภาคกลางและภาคใต้ ชอบรับประทานขา้ วเจ้า เป็นตน้

39 การอนุรกั ษ์ภูมปิ ญั ญาไทย 1.การคน้ ควา้ วิจยั ควรศึกษาและเกบ็ รวบรวมข้อมูลภูมปิ ัญญาของไทยในด้านตา่ งๆ ของทอ้ งถนิ่ จงั หวัด ภูมภิ าค และประเทศโดยเฉพาะอย่างย่งิ ภมู ิปัญญาท่ีเปน็ ภมู ปิ ญั ญาของทอ้ งถิ่น มุ่งศกึ ษาใหร้ ู้ ความเป็นมาในอดตี และสภาพการณใ์ นปจั จบุ ัน 2.การอนรุ ักษ์ โดยการปลุกจติ สานกึ ให้คนในท้องถน่ิ ตระหนักถงึ คุณคา่ แกน่ สาระและความสาคญั ของ ภมู ิปัญญาท้องถนิ่ สง่ เสรมิ สนับสนุนการจัดกิจกรรมตามประเพณแี ละวัฒนธรรมตา่ งๆ สร้างจติ สานึก ของความเป็นคนทอ้ งถ่ินนน้ั ๆ ท่จี ะตอ้ งรว่ มกันอนรุ กั ษภ์ มู ิปญั ญาท่ีเปน็ เอกลักษณ์ของทอ้ งถิน่ รวมทง้ั สนับสนนุ ใหม้ พี ิพิธภัณฑท์ อ้ งถิน่ หรอื พพิ ิธภัณฑ์ชมุ ชนขน้ึ เพอ่ื แสดงสภาพชวี ติ และความเป็นมาของ ชมุ ชน อันจะสร้างความรแู้ ละความภูมใิ จในชมุ ชนท้องถ่นิ ด้วย 3. การฟ้ืนฟู โดยการเลอื กสรรภมู ปิ ญั ญาที่กาลังสูญหาย หรอื ท่ีสูญหายไปแลว้ มาทาให้มีคณุ ค่าและมี ความสาคัญต่อการดาเนนิ ชวี ติ ในทอ้ งถ่นิ โดยเฉพาะพ้นื ฐานทางจริยธรรม คณุ ธรรม และค่านิยม 4.การพัฒนาควรรเิ รมิ่ สร้างสรรค์และปรับปรุงภูมิปัญญาใหเ้ หมาะสมกับยคุ สมยั และเกดิ ประโยชนใ์ น การดาเนนิ ชีวติ ประจาวนั โดยใช้ภมู ปิ ัญญาเป็นพน้ื ฐานในการรวมกลมุ่ การพฒั นาอาชพี ควรนาความรู้ ด้านวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยีมาชว่ ยเพ่ือต่อยอดใช้ในการผลติ การตลาด และการบรหิ าร ตลอดจนการป้องกนั และอนุรักษส์ ิง่ แวดล้อม 5.การถา่ ยทอด โดยการนาภูมปิ ัญญาทีผ่ ่านมาเลือกสรรกลัน่ กรองดว้ ยเหตแุ ละผลอย่างรอบคอบและ รอบดา้ นแลว้ ไปถ่ายทอดใหค้ นในสังคมได้รบั รเู้ กดิ ความเข้าใจ ตระหนกั ในคณุ ค่า คุณประโยชนแ์ ละ ปฎิบัติได้อยา่ งเหมาะสม โดยผา่ นสถาบนั ครอบครวั สถาบันการศึกษา และการจดั กิจกรรมทาง วัฒนธรรมต่างๆ 6.สง่ เสรมิ กิจกรรม โดยการส่งเสริมและสนับสนนุ ใหเ้ กดิ เครอื ขา่ ยการสืบสานและพฒั นาภมู ิปญั ญา ของชุมชนตา่ งๆ เพือ่ จดั กิจกรรมทางวัฒนธรรมและภูมปิ ัญญาท้องถ่นิ อย่างต่อเน่อื ง 7.การเผยแพร่แลกเปลย่ี น โดยการส่งเสรมิ และสนบั สนุนใหเ้ กดิ การเผยแพรแ่ ละแลกเปลยี่ นภูมิ ปญั ญาและวฒั นธรรมอยา่ งกวา้ งขวางโดยให้มีการเผยแพรภ่ มู ิปัญญาท้องถน่ิ ตา่ งๆ ด้วยส่อื และวธิ ีการ ตา่ งๆ อยา่ งกว้างขวาง รวมทง้ั กับประเทศอื่นๆ ท่วั โลก 8.การเสริมสร้างปราชญท์ ้องถิ่น โดยการส่งเสรมิ และสนบั สนุนการพฒั นาศักยภาพของชาวบา้ น ผ้ดู าเนินงานให้มีโอกาสแสดงศกั ยภาพด้านภูมิปัญญา ความรูค้ วามสามารถอย่างเตม็ ที่ มีการยกย่อง ประกาศเกยี รตคิ ุณในลักษณะต่างๆ แนวทางในการนาภมู ิปญั ญาไทยไปใช้ในการดาเนนิ ชวี ิต

40 วัฒนธรรมสากล วฒั นธรรมสากลหรือวฒั นธรรมนานาชาติ หมายถึง วฒั นธรรมที่เป็นท่ียอมรับกนั ทวั่ ไปอยา่ ง กวา้ งขวางหรือเป็นอารยธรรมที่ไดร้ ับปฏิบตั ิตามกนั ทว่ั โลก เช่น การแต่งกายชุดสากล การใช้ ภาษาองั กฤษเป็นภาษากลางในการติดต่อส่ือสาร การปกครองในระบอบประชาธิปไตย การคา้ เสรี การใชเ้ คร่ืองจกั รกล ระบบการสื่อสารท่ีทนั สมยั ความรู้ทางวทิ ยาศาสตร์ และมารยาทในการ สมาคม เป็นตน้ ความสาคญั ของวฒั นธรรมสากล ในยคุ ปัจจุบนั โลกของเรามีความเจริญกา้ วหนา้ ทางดา้ นเทคโนโลยอี ยา่ งสูง เป็นยคุ แห่ง โลกาภิวฒั น์ ที่มีการเช่ือมโยงถึงกนั ไดอ้ ยา่ งง่ายดาย มีการติดต่อซ่ึงกนั และกนั เม่ือมีการ ติดต่อสื่อสารกนั มากข้ึน กย็ อ่ มส่งผลใหว้ ฒั นธรรมมีการผสมผสานกนั มากข้ึน จนในท่ีสุดมนุษย์ จึงตอ้ งมีการคน้ หาหรือสรา้ งวฒั นธรรมสากลในดา้ นต่างๆ ข้ึนมาเพอื่ เป็นแนวทางในการปฏิบตั ิ ร่วมกนั เช่น มีการกาหนดภาษาสากล ระบอบการเมืองการปกครอง มาตรฐานดา้ นความปลอดภยั เป็ นตน้ การที่หลายประเทศในโลกรวมถึงประเทศไทยมีความตอ้ งการจะพฒั นาตนเองเพ่ือกา้ วสู่ ความเป็นสากล วฒั นธรรมสากลจึงมคี วามสาคญั ซ่ึงคนในสงั คมจาเป็นท่ีจะตอ้ งศึกษาและรับมา เป็นแนวทางหน่ึงในการดาเนินชีวติ เพื่อท่ีจะพฒั นาศกั ยภาพของตนเองและกา้ วทนั ความ เปล่ียนแปลงที่เกิดข้ึนอยา่ งรวดเร็ว แต่ในขณะเดียวกนั หากมีการรับวฒั นธรรมสากลมากเกินไป ก็ อาจส่งผลเสียทาใหว้ ฒั นธรรมด้งั เดิมของชาติสูญหายไป

41 วฒั นธรรมสากลท่สี ําคญั ในยุคปัจจบุ ัน ในปจั จุบันมวี ฒั นธรรมสากลมากมายท่ีเขา้ มาเกีย่ วขอ้ งกับการดาเนนิ ชวี ติ ของเรา การท่ีเราจะ เรียนรูห้ รอื รับเอาวฒั นธรรมสากลมาใชน้ ้ันจาเป็นจะตอ้ งพิจารณาถงึ ประโยชนแ์ ละความจาเปน็ ของ วัฒนธรรมสากลเหล่าน้ันซง่ึ วฒั นธรรมสากลท่ีมีความสาคัญต่อการดาเนินชวี ติ ของคนในสังคมยุคปัจจุบนั มดี งั น้ี ภาษาองั กฤษ เนอื่ งจากภาษาองั กฤษ เป็นภาษาทม่ี ีผใู้ ช้มากท่ีสดุ ในโลก โดยในปจั จบุ ัน มหี ลาย ประเทศทัว่ โลกทใ่ี ชภ้ าษาอังกฤษเปน็ ภาษาราชการ เชน่ สหราชอาณาจักร สหรฐั อเมรกิ า แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สงิ คโปร์ อนิ เดยี เปน็ ต้น นอกจากนหี้ น่วยงานสากลท่ีสาคญั ของโลกในหลายแห่ง ก็ยงั ใชภ้ าอังกฤษในการตดิ ต่อสือ่ สาร เช่น ธนาคารโลก องคก์ ารสหประชาชาติ สหภาพยโุ รป เปน็ ต้น ดว้ ยเหตนุ ี้จงึ ส่งผลให้คนในสงั คมทวั่ ทกุ มุมโลกให้ความสนใจที่จะเรียนภาษาอังกฤษมากขึน้ คอมพวิ เตอร์และเครอื ขา่ ยอินเทอรเ์ น็ตถอื เปน็ วฒั นธรรมสากลทเี่ ขา้ มามบี ทบาทในชวี ติ ประจาวนั ของเราอย่างมาก เนือ่ งจากเคร่ืองคอมพิวเตอรส์ ามารถใชง้ านไดห้ ลากหลาย เปน็ สง่ิ ทชี่ ่วยให้เราสามารถ ทางานได้อย่างสะดวกรวดเร็วยง่ิ ข้ึน นอกจากนีก้ ย็ ังมีระบบอินเทอรเ์ น็ตที่มีเครือข่ายเชื่อมโยงไปท่ัวโลก เป็นท้ังแหล่งรวบรวมข้อมลู ตา่ งๆ สาหรบั การสบื คน้ และยังเปน็ เครอื่ งมือในการติดต่อสื่อสารได้ทวั่ โลก เช่น อเี มล การประชุมทางไกล เป็นตน้ การแต่งกาย แมว้ ่าในหลายประเทศจะมเี คร่ืองแตง่ กายท่ีเป็นชุดประจาชาติ ซ่ึงมีเอกลกั ษณ์ที่ แตกต่างกนั ไป แตก่ ย็ งั มกี ารแตง่ กายที่คนในสังคมส่วนใหญใ่ ห้การยอมรบั ว่าเป็นการแตง่ กายสากล อกี ทั้ง ยังรับเอาวฒั นธรรมการแต่งกายสากลน้มี าใชใ้ นชวี ิตประจาวันอยา่ งแพร่หลายซง่ึ สามารถพบเหน็ ได้ โดยทัว่ ไปเครือ่ งแต่งกายสากล เชน่ เส้ือสทู เนคไท เสอ้ื เชิต้ รองเทา้ หมุ้ สน้ เป็นต้น

42 ระบบเศรษฐกจิ แบบทนุ นยิ ม เป็นระบบเศรษฐกิจกระแสหลักของโลกปจั จุบนั เป็นระบบที่ เนน้ อสิ รภาพในการทาธุรกิจการค้าของบคุ คล ผู้ประกอบธรุ กิจสามารถลงทนุ และใชศ้ กั ยภาพตา่ งๆ เพอื่ การผลิตสินค้าหรือบริการไดอ้ ยา่ งเตม็ ความสามารถ รวมถงึ สามารถแขง่ ขนั ในตลาดการค้าได้ อยา่ งเสรี สง่ ผลใหเ้ กิดการสร้างอาชีพท่ีหลากหลาย และเปน็ ระบบเศรษฐกจิ ที่เปดิ โอกาสใหค้ นท่วั ไป สร้างฐานะทางการเงินไดต้ ามความสมารถของตนเอง หลายประเทศในโลกจึงยอมรับละนาระบบ เศรษฐกจิ ทุนนิยมมาใช้อย่างแพรห่ ลายดังจะเหน็ ได้จากการรวมตัวทางด้านเศรษฐกิจในแต่ละภูมิภาค ของโลก เชน่ องค์การการค้าโลก (WTO) กลุ่มอาเซยี น (ASEAN) กลุม่ เอเปค (APEC) สหภาพยุโรป (EU) เขตการค้าเสรีอเมริกาเหนอื (NAFTA) เปน็ ต้น ซ่งึ ประเทศสมาชกิ กลมุ่ เหลา่ นี้ ลว้ นแล้วแตใ่ ห้ การยอมรบั ในระบบเศรษฐกจิ แบบทุนนิยมทัง้ สนิ้ การปกครองในระบอบประชาธิปไตย ประเทศสว่ นใหญ่ในโลกให้การยอมรับและปกครอง ประเทศปกครองประเทศในระบอบประชาธิปไตย เนื่องจากเปน็ ระบอบท่เี น้นสิทธิเสรีภาพของบุคคล อกี ทงั้ ยังเป็นระบอบที่เปดิ โอกาสให้มกี ารแสดงความคดิ เหน็ ร่วมกัน ใชเ้ หตผุ ลในการแกป้ ัญหา และ หลกี เลี่ยงการใชค้ วามรุนแรงเพ่อื การอยรู่ ว่ มกนั อย่างสนั ติสขุ เราจะเห็นได้วา่ ในหลายประเทศที่มี ความตอ้ งการจะพัฒนาไปสู่ความเปน็ สากลน้นั มคี วามพยายามทจี่ ะเปลยี่ นแปลงหรอื พฒั นาให้ การเมืองการปกครองเปน็ ประชาธิปไตยใหม้ ากที่สุด เพือ่ จะไดเ้ ป็นท่ียอมรบั จากท่ัวโลก แนวคดิ เรื่องสิทธิมนษุ ยชน ประเทศในหลายภูมิภาคทั่วโลกกาลงั ให้ความสนใจเรื่องสทิ ธิ มนุษยชนสืบเนือ่ งจากการที่ประเทศสว่ นใหญ่ใหก้ ารยอมรบั การปกครองในระบอบประชาธิปไตยซง้ึ เนน้ ในเรอื่ งสิทธิเสรีภาพของประชาชน จึงทาใหแ้ นวคิดเรื่องสทิ ธมิ นษุ ยชนมีการแพรห่ ลายไปท่วั โลก มคี วามพยายามจากหน่วยงาน หรอื ทัง้ ของภาครฐั และเอกชนทด่ี าเนินงานเก่ยี วกับการสง่ เสริมสิทธิ มนุษยชน ซง่ึ เป้าหมายสาคญั ของหลักสิทธมิ นุษยชน เชน่ ทาให้มนษุ ยท์ ุกคนมศี กั ด์ศิ รีความเป็น มนุษยอ์ ย่างเท่าเทียมกัน ได้รบั การปฏบิ ัติต่อกนั อยา่ งเหมาะสม ปราศจากการใชค้ วามรนุ แรงตอ่ กนั และได้รับสวสั ดกิ ารตา่ งๆ ทีจ่ ะช่วยใหม้ ีคุณภาพชวี ิตท่ดี ี เป็นตน้

43 แนวทางการเลอื กรับวฒั นธรรมสากลอย่างเหมาะสม 1) เลือกรับวัฒนธรรมสากลท่ีจําเป็นต่อการดําเนินชีวิตประจําวัน วัฒนธรรมสากล เช่น ภาษาอังกฤษ คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ตลอดจนระบบ ระเบียบการค้าขายระหว่างประเทศ มีความสาคัญในการติดต่อสัมพันธ์ระหว่างคนไทยและคน ต่างชาติอย่างมาก จึงจาเป็นต้องศึกษาหาความรู้ให้ถ่องแท้ เลือกรับเฉพาะวัฒนธรรมที่ดี เหมาะกับ สังคมไทยเพอ่ื เป็นประโยชน์ต่อการดาเนินชีวติ ขอแงคนไทยในยุคปจั จุบนั 2) พิจารณาถึงข้อดีและข้อเสียควบคู่กันไป เน่ืองจากสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมจาก วัฒนธรรมภายนอกมีทั้งข้อดีและข้อเสีย หรือกล่าวอีนัยหนึ่ง คือ ก่อให้เกิดคุณอนันต์และโทษมหันต์ ซึ่งถ้าหากเราศึกษาให้ดีใช้ให้เป็นประโยชน์ก็จะก่อให้เกิดความสะดวกสบาย ช่วยแก้ไขปัญหาได้ ทันท่วงที และตอบสนองความต้องการในด้านต่างๆ ได้ดังใจ แต่ผลเสียก็มีอยู่มาก เช่น ทาให้มนุษย์ เกิดความฟุ้งเฟ้อ ให้ความสาคัญทางด้านวัตถุมากกว่าจิตใจ เกิดการแก่งแย่งแข่งขันกัน อีกทั้งส่งผล เสยี ตอ่ สภาพแวดล้อม เนื่องจากต้องใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมากและมีการปล่อยของเสียออกมา เปน็ จานวนมาก 3) มีการร่วมมือ ค้นนคว้า เผยแพร่ รวมถึงการประยุกต์ใช้ภูมิปัญญาไทย โดยสืบค้นจาก คาบอกกล่าวของผู้เฒ่า ผู้อวุโส และผู้รู้ จากนิยาย นิทานชาวบ้าน คัมภีย์ทางศาสนา วรรณคดี ประเภทต่างๆ คาคม สุภาษิต คาพังเพย รวมถึงการสังเกตและเปรียบเทียบการดาเนินชีวิต ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในสังคม และความสัมพันธ์กับส่ิงแวดล้อม โดยได้จัดระบบความรู้ เพื่อ สร้างเป็นองค์ความรู้ขึ้น พร้อมท้ังเผยแพร่ให้ทุกภาคส่วนได้ตระหนักถึงความสาคัญของภูมิปัญญา ไทย 4) มีการพัฒนาและผสมผสานวัฒนธรรมไทยให้เหมาะสมกับสมัยปัจจุบัน เราจะเห็นได้ ว่า ภูมิปัญญาไทยหลายเรื่องได้กลายเป็นภูมิปัญญาสากล เช่น อาหารไทยได้รับความนิยมทั่วโลก มี การผสมผสานภมู ปิ ัญญาไทยกบั ภมู ปิ ญั ญาตะวันตก โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ดา้ นสถาปัตยกรรม เช่น โบสถ์ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม พระที่นั่งจักรีมหาปราสาทในพระบรมมหาราชวัง พระท่ีน่ังอนันต สมาคม และสถาปัตยกรรมแบบชิโน-โปรตุกีสในจังหวัดภูเก็ต เป็นต้น การผสมผสานอย่างลงตัวของ ภูมิปญั ญาไทยกับภมู ปิ ญั ญาตะวนั ตก ไดก้ ลายเปน็ มรดกสาคญั ของวฒั นธรรมร่วมสมยั ของไทย

44 บรรณานกุ รม กฎหมายกับชวี ติ . [ออนไลน์]. เข้าถงึ ไดจ้ าก https://dla.wu.ac.th/th/archives/3522 (วนั ทค่ี ้นหาขอ้ มูล : 06 มกราคม พ.ศ.2564) ระบอบการปกครองในโลกปจั จุบนั . [ออนไลน์]. เข้าถงึ ไดจ้ าก https://www.gotoknow.org/posts/629587 (วนั ท่ีคน้ หาข้อมลู : 06 มกราคม พ.ศ.2564) วฒั นธรรมและภูมปิ ัญญาไทย. [ออนไลน์]. เข้าถึงไดจ้ าก https://sites.google.com/site/atittayatippanong207/bth-reiyn- 2/25-wathnthrrm-laea-phumipayya-thiy (วนั ทค่ี น้ หาข้อมลู : 07 มกราคม พ.ศ.2564) วัฒนธรรมสากล. [ออนไลน]์ . เข้าถึงได้จาก https://sites.google.com/site/por31bangli/ (วนั ทค่ี น้ หาขอ้ มลู : 08 มกราคม พ.ศ.2564)

45 บรรณานกุ รม (ต่อ) วิเคราะหร์ ะบอบประชาธิปไตย . [ออนไลน์]. เข้าถงึ ไดจ้ าก https://sites.google.com/site/khrupiasangkhmsuksa/hnathi- phlmeuxng-m-3/karmeuxng-kar-pkkhrxng-m-3 (วนั ท่คี ้นหาข้อมลู : 08 มกราคม พ.ศ.2564) วเิ คราะห์ หลักสทิ ธมิ นุษยชน. [ออนไลน]์ . เข้าถงึ ไดจ้ าก https://sites.google.com/site/krukarn17825/hlak-siththi-mnusy- chn (วันทีค่ น้ หาข้อมูล : 09 มกราคม พ.ศ.2564)

46 ประวตั ผิ ู้จดั ทํา นางสาวผุสดี ทองชมภู ตําแหนง่ ครู คศ.2 เกดิ วันที่ 06 เดอื น สิงหาคม พ.ศ. 2517 สงั กัด โรงเรียนไทยนิยมสงเคราะห์ สํานักงานเขตบางเขน กรุงเทพมหานคร


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook