วชิ า อนิ เตอร์เน็ตและพาณชิ ย์อเิ ล็กทรอนิกส์พืน้ ฐาน บาท่ี 5 นางสาวฐิติยา บุบผา รหสั นกั ศึกษา 4631071141139 ออกแบบภายในปี 3 ภาคปกติ นายชนมป์ ระกรณ์ ศรีพงษ์ รหสั นกั ศึกษา 4631071143122 ออกแบบภายในปี 3 ภาคสมทบ 1. องคป์ ระกอบพ้ืนฐานของระบบเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์มีอะไรบา้ ง จงอธิบาย ตอบ ระบบเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์จะทางานไม่ได้ ถา้ ปราศจากอุปกรณ์ต่างๆ ที่ทาให้ คอมพวิ เตอร์ และ ระบบเครือข่ายทางานได้ ซ่ึงอุปกรณ์สาหรับระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ มีองคป์ ระกอบ พ้ืนฐานท่ีแตกต่างกนั ไปหลายชนิด แต่ละชนิดมีหนา้ ท่ีการท างานที่แตกต่าง กนั ออกไป เพอ่ื ให้ สามารถเลือกใชง้ านได้ ตามความเหมาะสมและสามารถเพมิ่ ประสิทธิภาพในการทางานไดอ้ ยา่ ง สูงสุด การท่ีคอมพวิ เตอร์จะสามารถเช่ือมต่อกนั เป็นเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ได้ ตอ้ งมี องคป์ ระกอบ พ้ืนฐาน ดงั ต่อไปน้ี - คอมพวิ เตอร์อยา่ งนอ้ ย 2 เครื่อง เชื่อมต่อกนั - เนต็ เวริ ์คการ์ด หรือ NIC (Network Interface Card) เป็นการ์ดที่ เสียบเขา้ กบั ช่องบนเมนบอร์ดของ คอมพวิ เตอร์ ซ่ึงเป็นชุดเช่ือมต่อระหวา่ งคอมพวิ เตอร์ และเครือข่าย - สื่อกลางและอุปกรณ์สาหรับการรับส่งขอ้ มูล เช่น สายสญั ญาณ สายสัญญาณที่นิยมใชใ้ นระบบ เครือขา่ ย เช่น สายโคแอก็ เชียล สายคู่บิดเกลียว และสายใย แกว้ นาแสง เป็นตน้ ส่วนอปุ กรณ์เครือขา่ ย เช่น ฮบั สวติ ช์ เราทเ์ ตอร์ เกตเวย์ เป็นตน้ - โปรโตคอล (Protocol) โปรโตคอลเป็นภาษาท่ีคอมพิวเตอร์ใช้ ส่ือสารกนั ผา่ นเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ ที่ สามารถส่ือสารกนั ไดน้ ้นั จาเป็นตอ้ งใชภ้ าษา หรือ โปรโตคอลเดียวกนั เช่น OSI TCP/IP IPX/SPX เป็น ตน้ - ระบบปฏิบตั ิการเครือขา่ ย หรือ NOS (Network Operating System) ระบบปฏิบตั ิการเครือขา่ ยจะเป็นตวั ท่ีคอยจดั การเก่ียวกบั การใชง้ านเครือขา่ ย ของผใู้ ชแ้ ต่ละคน หรือเป็นตวั จดั การและควบคุมการใช้
ทรัพยากรต่างๆ ของเครือข่าย ระบบปฏิบตั ิการเครือข่ายท่ีเป็นที่นิยม เช่น Windows Server 2007 Novell NetWare Sun Solaris และ Red Hat Linux เป็นตน้ 2. ลกั ษณะการทางานของคอมพวิ เตอร์ท่ีเช่ือมต่อในการท างานระบบเครือข่าย คอมพวิ เตอร์จะแบ่งเคร่ือง คอมพิวเตอร์เป็น 2 ประเภท คือประเภทใดบา้ ง ตอบ เเซิร์ฟเวอร์ของเครือขา่ ย (Server Computer) ประเภทท่ีใชเ้ ป็นเคร่ืองลูกข่าย (Client) 3. ใหน้ กั ศึกษาอธิบายหนา้ ที่ของอปุ กรณ์เหลา่ น้ี 3.1 แลนการ์ด ทาหนา้ ท่ีอะไร ตอบ เลนส์การ์ดอปุ กรณ์น้ีจะทาหนา้ ที่แปลงขอ้ มูลเป็นสัญญาณที่สามารถส่งไปตามสัญญาณหรือ ส่ือแบบอื่นไดป้ ัจจุบนั น้ีมีการ์ดหลายประเภทซ่ึงถูกออกแบบใหใ้ ชก้ บั เครือขา่ ยประเภทต่างๆเช่นอี เธอร์เนต็ การ์ด โทเคนริงการ์ด เป็นตน้ การ์ดแต่ละประเภทอาจใชไ้ ดก้ บั สญั ญาณบางชนิดเท่าน้นั หรืออาจจะใชไ้ ดก้ บั สญั ญาหลายชนิด 3.2 ฮบั (Hup) ทาหนา้ ที่อะไร ตอบ ฮบั (Hub) เป็นอปุ กรณ์พ้ืนฐานที่ใชใ้ นการเชื่อมต่อเคร่ืองจานวน มากเขา้ ดว้ ยกนั ในเครือขา่ ย คอมพวิ เตอร์ โดยท่ีฮบั จะมีพอร์ต (Port) หรือช่องสาหรับต่อ สาย RJ-45 เขา้ มาจากเคร่ือง คอมพิวเตอร์ และทาหนา้ ท่ีเป็นศูนยก์ ลางในการกระจาย ขอ้ มูล ไปยงั เคร่ืองอ่ืนๆ ในระบบเครือข่าย ความเร็วของฮบั มีหน่วยเป็น Megabit per second (Mbps) โดยเร่ิมตน้ ท่ี 10 Mbps จนถึงความเร็ว 100 Mbps การทางานของฮบั จะใชว้ ธิ ีแบง่ ช่องทางการส่งผา่ นขอ้ มูล หรือกล่าวไดว้ า่ ฮบั ความเร็ว 10 Mbps ที่มีพอร์ต สาหรับเชื่อมต่ออยู่ 24 พอร์ต มีเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ตอ่ อยทู่ ี่แต่ละพอร์ต และทา การส่ง ขอ้ มูลอยใู่ นขณะน้นั ความเร็วต่อพอร์ตที่จะสามารถส่งขอ้ มูลไดจ้ ะมีความเร็วเพยี ง 10/24 หรือ 0.416 Mbps เท่าน้นั นอกจากน้นั เคร่ืองคอมพิวเตอร์ทุกเคร่ืองท่ีต่อมายงั ฮบั ตวั เดียวกนั ท าให้ ขอ้ มูลท่ีส่งออกมามีโอกาสท่ีจะชนกนั สูงเนื่องจากอยใู่ นระดบั ของกลุม่ คอมพิวเตอร์ท่ีจะส่งขอ้ มูล ชนกนั ได้ (Collision Domain) การท่ีฮบั ส่งขอ้ มูลจากเครื่องตน้ ทางไปยงั เครื่องปลายทาง จะทาโดย การ แพร่กระจายสญั ญาณ หรือบอร์ดคาสต์ (Broadcast) ซ่ึงเป็นการส่งไปโดยที่เคร่ือง คอมพวิ เตอร์ ทุกเครื่องในเครือขา่ ยจะไดร้ ับ แต่จะมีเฉพาะเครื่องที่ระบุปลายทางเท่าน้นั ที่ จะนาขอ้ มูลน้นั ไป ใชไ้ ด้ การท่ีเคร่ืองใดจะทราบวา่ ขอ้ มูลท่ีส่งมาน้นั เป็นของตน คือในการส่ง เคร่ืองท่ีทาการส่งจะ
เลือกแลว้ วา่ เคร่ืองปลายทางคือเครื่องใด ดงั น้นั เครื่องที่ไม่ไดถ้ ูกระบุ จะไม่รับขอ้ มูลน้นั มา จาก ขา้ งตน้ สามารถสรุปรูปแบบการส่งขอ้ มูลของฮบั ไดค้ ือ การส่ง ขอ้ มูลของฮบั จะทาในลกั ษณะที่ เรียกวา่ “บอร์ดคาสต”์ คือขอ้ มูลจะถูกแพร่กระจายไปยงั ทุกพอร์ตของฮบั แต่ขอ้ มูลน้นั จะถูกรับไป ทางานเฉพาะในพอร์ตซ่ึงมีเครื่องท่ีเป็นเคร่ือง ปลายทางติดต่ออยเู่ ท่าน้นั การท างานในลกั ษณะน้ีจะ เป็นการสิ้นเปลืองแบนดว์ ดิ ธ์จานวน หน่ึงเนื่องจากขอ้ มูลจะถูกส่งไปยงั เคร่ืองท้งั หมดทาการติดต่อ อยู่ ฮบั มีอยู่ 2 ชนิดคือ Active HUB และ Passive HUB โดย Active HUB จะตอ้ งการไฟเล้ียงวงจร ปรับปรุง สญั ญาณขอ้ มูล เม่ือไดร้ ับสญั ญาณขอ้ มูลเขา้ มาวงจรน้ีจะท าการสร้างสญั ญาณขอ้ มูล เหมือนเดิมท่ีมีคุณภาพเพ่อื ส่งต่อออกไป ฮบั ชนิดน้ีจึงท าหนา้ ท่ีเหมือนรีพีตเตอร์ (Repeater) ท่ีช่วย ในการขยายระยะการเช่ือมต่อระบบเครือข่ายออกไปได้ ดงั น้นั ใน บางคร้ังจึงเรียก Active HUB วา่ Multi-Port Repeater ส่วน Passive HUB จะเป็นเพียง ศนู ยก์ ลางการเชื่อมต่อระบบเครือข่ายโดยไม่มี วงจรจดั การปรับปรุงสญั ญาณขอ้ มูล จึงไม่ ตอ้ งการไฟเล้ียง 3.3 รีพตี เตอร์ (Repeater) ทาหนา้ ท่ีอะไร ตอบ รีพีตเตอร์ (Repeater) เป็นอุปกรณ์ระบบเครือข่ายที่ใชใ้ นการเชื่อมต่อสาย เคเบิล 2 เสน้ เขา้ ดว้ ยกนั เพอื่ เพม่ิ ระยะทางการเช่ือมต่อระบบเครือข่าย สายสญั ญาณแต่ ละชนิดที่เลือกใช้ จะมี ความสามารถในการขนส่งขอ้ มูลไปในระยะทางที่จากดั ระยะหน่ึง ตามมาตรฐานของสายสญั ญาณ แต่ละชนิด จากน้นั สญั ญาณขอ้ มูลจะถูกดูดกลืนไปตาม สายทาใหส้ ญั ญาณขอ้ มูลอ่อนลง หาก ตอ้ งการเช่ือมโยงระบบเครือข่ายออกไปไกลเกินกวา่ สายสญั ญาณท่ีใชจ้ ะรองรับไดจ้ ะตอ้ งใชร้ ีพตี เตอร์ช่วยในการขยายสญั ญาณขอ้ มูล 3.4 บริดจ์ (Bridge) ทาหนา้ ที่อะไร ตอบ บริดจ์ (Bridge) เป็นอปุ กรณ์เช่ือมโยงเครือข่ายของเครือขา่ ยท่ีแยกจากกนั แต่เดิม บริดจไ์ ดร้ ับ การออกแบบมาใหใ้ ชก้ บั เครือขา่ ยประเภทเดียวกนั เช่น ใชเ้ ชื่อมโยง ระหวา่ งเครือข่ายอีเธอร์เน็ตกบั อีเธอร์เน็ต (Ethernet) บริดจม์ ีใชม้ านานแลว้ ต้งั แต่ปี ค.ศ. 1980 บริดจจ์ ึงเป็นเสมือนสะพานเชื่อม ระหวา่ งสองเครือขา่ ย การติดต่อภายในเครือขา่ ย เดียวกนั มีลกั ษณะการส่งขอ้ มูลแบบแพร่กระจาย ดงั น้นั จึงกระจายไดเ้ ฉพาะเครือข่าย เดียวกนั เท่าน้นั การรับส่งภายในเครือข่ายมีขอ้ กาหนดให้ แพก็ เกตท่ีส่งกระจายไปยงั ตวั รับ ไดท้ ุกตวั แต่ถา้ มีการส่งมาที่อยู่ (Address) ต่างเครือขา่ ยบริดจจ์ ะน าขอ้ มูลเฉพาะ แพก็ เกต น้นั ส่งใหบ้ ริดจจ์ ึงเป็นเสมือนตวั แบ่งแยกขอ้ มลู ระหวา่ งเครือขา่ ยใหม้ ีการ สื่อสารภายใน เครือขา่ ยของตน ไม่ปะปนไปยงั อีกเครือข่ายหน่ึง เพื่อลดปัญหาปริมาณขอ้ มูล
กระจายใน สายสื่อสารมากเกินไป ในระยะหลงั มีผพู้ ฒั นาบริดจใ์ หเ้ ช่ือมโยงเครือขา่ ยต่างชนิดกนั ได้ เช่น เครือข่ายอีเธอร์เน็ตกบั โทเกน้ ริง เป็นตน้ หากมีการเชื่อมต่อเครือขา่ ยมากกวา่ สอง เครือข่ายเขา้ ดว้ ยกนั และเครือข่ายท่ีเชื่อมต่อมีลกั ษณะ ที่หลากหลายจะเลือกเราตเ์ ตอร์ (Router) เป็นอปุ กรณ์ใน การเชื่อมโยงมากกวา่ การใชบ้ ริดจเ์ ป็นตวั เชื่อมโยงเครือขา่ ยเพอ่ื ประสิทธิภาพสูงสุดในการใชง้ าน และความเหมาะสมในบริบทการใชง้ านที่แตกต่างกนั 3.5 เราตเ์ ตอร์ (Router) ทาหนา้ ที่ อะไร ตอบ เราตเ์ ตอร์เป็นอุปกรณ์ระบบเครือขา่ ยซ่ึงทาหนา้ ที่เสมือนสะพานสาหรับ เช่ือมต่อเครือข่าย ทอ้ งถ่ิน หรือระบบเครือขา่ ยแลน (Local Area Network) เขา้ กบั ระบบ เครือขา่ ยแวน (Wide Area Network) ขนาดใหญ่ และเม่ือเครือขา่ ยแลนถูกเช่ือมต่อเขา้ ดว้ ยกนั โดยใชเ้ ราตเ์ ตอร์ เครือขา่ ยแลน แต่ละฝั่งจะยงั คงมีเครือข่ายที่เป็นของตนเอง ไม่ เกี่ยวขอ้ งกบั เครือขา่ ยของอีกฝ่ังหน่ึง ซ่ึงเป็น ประโยชน์ ในการบริหารจดั การเครือข่าย ภายใน ซ่ึงการทางานของเราตเ์ ตอร์จะมีตารางขอ้ มูลท่ี เรียกวา่ Route Table ช่วยอธิบาย วิธีการในการส่งขอ้ มูลที่ตอ้ งการใหไ้ ปถึงปลายทางไดอ้ ยา่ ง รวดเร็ว โดยตารางขอ้ มูลน้ี จะ ถูกเกบ็ ไวใ้ นหน่วยความจ าภายในเราตเ์ ตอร์ และจะถกู ปรับปรุง ขอ้ มูล (Update) เส้นทาง การขนส่งขอ้ มูลอยตู่ ลอดเวลาเมื่อมีการเปล่ียนแปลง และจะถูกเพม่ิ เติม เสน้ ทาง เม่ือมีการ ส่งขอ้ มูลไปยงั ปลายทางที่ใหม่ๆ กระบวนการท างานของเราตเ์ ตอร์น้นั จะทา การรับขอ้ มูลเป็นแพก็ เกตเขา้ มา ตรวจสอบแอดเดรสปลายทาง จากน้นั นามาเปรียบเทียบกบั ตาราง เส้นทางที่ไดร้ ับการ โปรแกรมไว้ เพือ่ หาเส้นทางท่ีส่งต่อ หากเส้นทางท่ีส่งมาจากอีเทอร์เน็ต และ ส่งต่อออกทาง ช่องทางของพอร์ตท่ีเป็นแบบ Point-to-Point กจ็ ะมีการปรับปรุงรูปแบบสญั ญาณให้ เขา้ กบั มาตรฐานใหม่ เพื่อใหส้ ามารถส่งต่อไปยงั เครือข่ายน้นั ๆ ได้ ปัจจุบนั อปุ กรณ์เราตเ์ ตอร์ ไดร้ ับการพฒั นาไปมากท าใหก้ ารใชง้ านเราตเ์ ตอร์มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะ เม่ือเชื่อม อุปกรณ์ เราตเ์ ตอร์หลายตวั เขา้ ดว้ ยกนั เป็นเครือขา่ ยขนาดใหญ่ เราตเ์ ตอร์มีการทางาน อยา่ ง มีประสิทธิภาพ โดยสามารถหาเสน้ ทางการขนส่งขอ้ มูลท่ีส้ันท่ีสุด เลือกตามความ เหมาะสมและแกป้ ัญหา ที่เกิดข้นึ เองได้ เมื่อเทคโนโลยที างดา้ นอิเลก็ ทรอนิกส์ไดร้ ับการพฒั นาใหม้ ีขีดความสามารถ ในการท างาน ไดเ้ ร็วข้ึน จึงมีผพู้ ฒั นาอปุ กรณ์ที่ทาหนา้ ท่ีคดั แยกแพก็ เกต หรือเรียกวา่ สวิตแพก็ เกตขอ้ มูล (Data Switched Packet) โดยลดระยะเวลาการตรวจสอบแอดเดรสลงไป การคดั แยกจะกระทาในระดบั วงจรอิเลก็ ทรอนิกส์ เพ่ือใหก้ ารท างานมีประสิทธิภาพเชิง ความเร็วและความแม่นย าสูงสุด
อุปกรณ์สวิตชข์ อ้ มูลจึงมีเวลาหน่วงภายในตวั สวติ ชต์ วั มากจึงสามารถนามาประยกุ ตก์ บั งานที่ ตอ้ งการเวลาจริง เช่น การส่งสญั ญาณเสียง วดิ ีโอ เป็นตน้ 3.6 เกตเวย์ (Gateway) ทาหนา้ ท่ีอะไร ตอบเ กตเวย์ (Gateway) เป็นอุปกรณ์ระบบเครือขา่ ยที่มีความซบั ซอ้ นมากกวา่ เราตเ์ ตอร์หรือบริดจ์ เพราะอุปกรณ์ชนิดน้ีสามารถเช่ือมต่อระบบเครือขา่ ยท่ีใชโ้ ปรโตคอล (Protocal) ในระดบั Data link และ Network Layer ท่ีแตกต่างกนั ไดม้ ากกวา่ 2 ระบบ ซ่ึงจะทาการอธิบายในบทที่เกี่ยวกบั สถาปัตยกรรมเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ ซ่ึงการทางาน ของเกตเวยท์ ุกระดบั ช้นั จะเป็นไปตามมาตรฐาน ISO/OSI Model เกตเวยส์ ามารถ เปลี่ยนแปลงโปรโตคอลจากเครือขา่ ยหน่ึงไปยงั อีกเครือข่ายหน่ึง หรือเปล่ียนรูปแบบของ ขอ้ มูลในโปรแกรมประยกุ ตไ์ ด้ 4. สายสญั ญาณที่ใชเ้ ป็นมาตรฐานในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์มีก่ีประเภท อะไรบา้ ง ตอบ 3 ประเภท - สายโคแอก็ เชียล (Coaxial Cable) สายโคแอก็ เชียล (Coaxial Cable) มีลกั ษณะคลา้ ยกบั สายเคเบิลทีวี คือ มีแกนเป็นทองแดงห่อหุม้ ดว้ ยฉนวน แลว้ หุม้ ดว้ ยตาขา่ ยโลหะ ช้นั นอกสุดเป็นวสั ดุป้องกนั สายสญั ญาณ สายประเภทน้ีนิยมใชม้ ากในเครือขา่ ยสมยั แรกๆ แต่ปัจจุบนั ไม่นิยมใชแ้ ลว้ เปล่ียนเป็น การใชส้ ายคูเ่ กลียวบิดแทน - สายคู่บิดเกลียว (Twisted Pairs) สายคู่บิดเกลียว (Twisted Pairs) เป็นสายสญั ญาณมาตรฐานท่ีนิยมใช้ มาก ที่สุดในระบบเครือข่ายปัจจุบนั สายสญั ญาณจะประกอบดว้ ยสายทองแดงท่ีห่อหุม้ ดว้ ย ฉนวน 2 เส้นแลว้ บิดเป็นเกลียว เหตุท่ีบิดเป็นเกลียวกเ็ พื่อลดสญั ญาณรบกวนนน่ั เอง สายสญั ญาณน้ียงั แบ่งยอ่ ย ออกเป็นหลายประเภท ซ่ึงแบ่งตามคุณภาพของสายสญั ญาณ ไดแ้ ก่ สายสญั ญาณโทรศพั ทท์ ่ีใชก้ นั ทวั่ ไป ซ่ึงจะมีสายทองแดงท้งั หมด 2 คู่ ส่วนหวั ที่ใชต้ ่อ สายน้ีจะเรียกวา่ หวั RJ-11 ส่วนสายคู่บดเกลียวท่ีนิยม ใชใ้ นระบบเครือข่ายแบบอีเธอร์เน็ต คือ สาย UTP (Unshielded Twisted Pair) ซ่ึงจะมีลกั ษณะคลา้ ยกบั สายโทรศพั ท์ แต่มี คุณภาพดีกวา่ โดยมีสายทองแดงท้งั หมด 4 คู่ ส่วนหวั เชื่อมต่อจะเรียกวา่ หวั RJ-45 - สายใยแกว้ นาแสง (Fiber Optic) สายใยแกว้ นาแสง (Fiber Optic) เป็นสายที่ใชแ้ สงเป็นสญั ญาณ และ แกว้ หรือพลาสติกใส เป็นสื่อนาสญั ญาณ ในขณะที่สายคูเ่ กลียวบิดและสายโคแอก็ เชียลใช้ สญั ญาณไฟฟ้าและโลหะ เป็นสื่อ ขอ้ เสียของสายสัญญาณประเภทโลหะ คือ จะถูกรบกวน จากแหล่ง คลื่นแม่เหลก็ ไฟฟ้าต่างๆ ไดง้ ่าย เช่น ฟ้าผา่ มอเตอร์ไฟฟ้า เป็นตน้ แต่สายใย แกว้ นาแสงใชส้ ญั ญาณ
แสง ดงั น้นั จึงไม่ถูกรบกวนโดยคลื่นแม่เหลก็ ไฟฟ้า จึงทาใหส้ ายใย แกว้ นาแสงสามารถส่งขอ้ มูลไดใ้ น อตั ราสูงและระยะไกลกวา่ แต่การผลิต การติดต้งั และ ดูแลรักษาจะยงุ่ ยาก และราคาแพงกวา่ สายที่เป็น โลหะ ดงั น้นั สายใยแกว้ นาแสงจึงเหมาะ สาหรับลิงคท์ ่ีตอ้ งการแบนดว์ ิธสูง และมีความเช่ือถือไดส้ ูง เหมาะสาหรับการส่งขอ้ มูล ระยะไกล เช่น ลิงคห์ ลกั (Backbone) ของระบบเครือข่าย 5. โปรโตคอล (Protocol) หมายถึงอะไร ปัจจุบนั โปรโตคอลใดที่นิยมใชท้ ่ีสุด ตอบ โปรโตคอล (Protocol) เป็นมาตรฐานในการส่ือสารขอ้ มูลของคอมพวิ เตอร์ หรือ อาจกลา่ วไดว้ า่ โปรโตคอลเป็น ภาษา ที่คอมพิวเตอร์ใชส้ ื่อสารกนั ดงั น้นั คอมพวิ เตอร์ที่ ตอ้ งการส่ือสารกนั จ าเป็นที่ตอ้ งใช้ ภาษา หรือโปรโตคอลเดียวกนั เพราะไม่เช่นน้นั คอมพวิ เตอร์กจ็ ะสื่อสารกนั ไม่ได้ ปัจจุบนั โปรโตคอลท่ีนิยมใช้ มากที่สุดคือโปรโตคอล TCP/IP (Transmission Control/ Internet Protocol) ซ่ึงเป็นโปรโตคอลท่ีใชใ้ นระบบ อินเทอร์เน็ตซ่ึงเป็นระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ท่ีใหญท่ ่ีสุดในโลก นอกจากโปรโตคอลน้ี แลว้ ยงั มีโปรโตคอล อ่ืนๆ ที่นิยมใชก้ นั อยู่ เช่น โปรโตคอล IPX/SPX (Internet Packet Exchange/ Sequenced Packet Exchange) ซ่ึง เป็นโปรโตคอลท่ีพฒั นาโดยบริษทั โน เวลล์ สาหรับใชก้ บั ระบบปฏิบตั ิการเน็ตแวร์ (Netware)
Search
Read the Text Version
- 1 - 6
Pages: