แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 25๖๓ หลักสตู รการศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐานพุทธศกั ราช 2551 จัดทาโดย นายสมพร จิตรีเหิม ครู กศน.ตาบลราชคราม ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอบางไทร สานักงานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยจังหวัดพระนครศรอี ยุธยา
แผนการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 25๖๓ หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษาขน้ั พื้นฐานพทุ ธศกั ราช 2551 ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอาเภอบางไทร สานักงานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จังหวัดพระนครศรอี ยุธยา
สถานศึกษาพิจารณาการจัดทาแผนการสอนแบบรายวิชาของ กศน.ตาบลราชคราม เห็นสมควร อนุมัติ เน่ืองจากแผนการสอนครอบคลุมเน้ือหาสาระของสถานศึกษา และยึด ผเู้ รยี นเปน็ ศูนย์กลางในการเรยี นการสอน สามารถพัฒนาผเู้ รียนใหค้ ดิ เปน็ ทาเป็นและแกป้ ัญหาได้ ไม่อนุมัติ เนื่องจากแผนการสอนยังไม่ครอบคลุมเนื้อหาสาระของสถานศึกษา ต้องปรับปรุงแกไ้ ขใหม่ (นายอนุสรณ์ โกษะ) ประธานกรรมการสถานศกึ ษา (นางสาวหทยั รัตน์ ศริ แิ ก้ว) หวั หน้างานการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน (นางสาววริศรา คานึงธรรม) ผ้อู านวยการ กศน.อาเภอบางซา้ ย รักษาการในตาแหน่งผู้อานวยการ กศน.อาเภอบางไทร
คานา แผนการจัดกจิ กรรมการเรียนรแู้ บบรายวิชา ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย ฉบับน้ี จัดทาขึ้นโดย ครูกับ ผ้เู รยี นรว่ มกันวเิ คราะหอ์ งคป์ ระกอบของหลกั สูตร สาระ มาตรฐานในทุกรายวิชาที่ลงทะเบียนเรียนในภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา ๒๕๖๓ โดยนาเน้ือหาที่วิเคราะห์แล้วเห็นเหมาะสมเพ่ือนามาจัดทาแผนการเรียนรู้แบบรายวิชา โดยให้ผู้เรียนเป็นผู้ดาเนินการวางแผนการเรียนรู้จากแหล่งเรียนรู้และส่ือการเรียนรู้ ที่หลากหลาย เพ่ือกิจกรรม และทาบันทึกผลการเรียนรู้ สง่ ครผู สู้ อนเพ่ือวัดผลและประเมินผลหลงั การทากิจกรรมการเรียนรู้ หากแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบรายวิชา ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ฉบับน้ีได้นาไปจัดการ เรียนการสอนแล้วพบข้อดี ข้อเสียประการใด ผู้สอนจะนาข้อเสนอแนะมาปรับปรุงแก้ไข พัฒนาแผนการจัด กจิ กรรมการเรยี นรู้ให้ดยี ิง่ ข้ึน เพ่อื ให้สามารถนาไปใช้ในการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอนใหเ้ กิดประสทิ ธิภาพ คณะผ้จู ัดทา
สารบญั หน้า เรอื่ ง คาอธิบายรายวชิ า ตารางวิเคราะหห์ ลักสตู ร แผนรายภาคเรยี น แผนพบกลมุ่ รายสปั ดาห์ แผนการสอนเสริม แผนการเรยี นร้ดู ว้ ยตนเอง แผนการทาโครงงาน แผนการจัดกจิ กรรมพัฒนาคุณภาพผ้เู รยี น ภาคผนวก - ใบงาน แบบฝึกหัด
คาอธบิ ายรายวชิ า ทร 31001 ทักษะการเรยี นรจู้ านวน 5 หนว่ ยกติ ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย มาตรฐานการเรียนรู้ระดับ 1. สามารถวิเคราะห์ เห็นความสาคญั และปฏบิ ัติการแสวงหาความรู้จากการอา่ น ฟงั และสรุปได้ ถูกต้องตามหลักวิชาการ 2. สามารถจาแนก จัดลาดบั ความสาคัญ และเลอื กใช้แหลง่ เรียนรู้ได้อย่างเหมาะสม 3. สามารถจาแนกผลท่เี กดิ ขึ้นจากขอบเขตความรู้ ตดั สนิ คุณค่า กาหนดแนวทางพัฒนา 4. ความสามารถในการศึกษา เลือกสรร จดั เกบ็ และการวิเคราะห์ สังเคราะหข์ ้อมลู ทั้งสามประการ และการใชเ้ ทคนคิ ในการฝึกทักษะ การคิดเปน็ เพื่อใช้ประกอบการตัดสนิ ใจแก้ปัญหา 5. สามารถวิเคราะหป์ ัญหา ความจาเป็น เหน็ ความสัมพันธ์ของกระบวนการวิจัยกบั การนาไปใชใ้ น ชีวิต และดาเนนิ การวจิ ัยทดลองตามขน้ั ตอน ศกึ ษาและฝึกทกั ษะเกย่ี วกับเรื่องดงั ต่อไปน้ี 1. การเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง ทบทวน ความหมาย ความสาคัญและกระบวนการของการเรยี นรูด้ ว้ ยตนเอง ทบทวนทักษะพื้นฐานทางการศึกษาหาความรู้ ทักษะการแก้ปญั หาและเทคนิคในการเรียนรดู้ ว้ ย ตนเองดา้ นการอ่าน การฟงั การสังเกต การจา และการจดบนั ทกึ ฝกึ ทักษะการวางแผนการเรียนรู้ และการประเมินผลการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง ทักษะพื้นฐานและเทคนิค ในการเรยี นรู้ด้วยตนเองในเรื่องการวางแผน การประเมินผลการเรียนรูด้ ว้ ยตนเองการวิเคราะหว์ จิ ารณ์ เจตคต/ิ ปจั จยั ทที่ าใหก้ ารเรยี นรูด้ ว้ ยตนเองประสบความสาเร็จ การเปิดรบั โอกาสการเรยี นรู้ การคดิ ริเร่ิมและ เรยี นรู้ดว้ ยตนเอง การสร้างแรงจูงใจ การสร้างวนิ ัยในตนเอง การใฝร่ ูใ้ ฝ่เรยี น และความรับผดิ ชอบ 2. การใชแ้ หล่งเรียนรู้ ทบทวนความหมาย ความสาคญั ของการใช้แหล่งเรยี นรปู้ ระเภทตา่ ง ๆศกึ ษาแหล่งเรียนรู้ หอสมุด แหง่ ชาติ หอสมดุ วิทยาลยั /มหาวิทยาลัย หอ้ งสมุดเฉพาะ ห้องสมุดโรงเรียน พิพิธภณั ฑ์ อุทยานแห่งชาติ แหลง่ เรียนรูส้ าคญั อื่น ๆ ในประเทศ ศกึ ษา เรยี นรู้ การใชอ้ ินเทอรเ์ น็ต การเขา้ ถึงข้อมูลสารสนเทศท่ีตอ้ งการและสนใจ 3. การจดั การความรู้ ศกึ ษาความหมาย ความสาคัญ หลักการของการจดั การความรู้ กระบวนการจดั การความรู้ การ รวมกลมุ่ เพื่อต่อยอดความรู้ การพฒั นาขอบขา่ ยความรู้ของกลมุ่ การจดั ทาสารสนเทศเผยแพร่ความรู้ ฝึกทกั ษะกระบวนการจดั การความรดู้ ้วยตนเองและดว้ ยการรวมกล่มุ ปฏบิ ัติการ โดยการกาหนด เป้าหมายการเรียนรู้ ระบคุ วามรู้ท่ีต้องใช้ การแสวงหาความรสู้ รปุ องค์ความรปู้ ระยุกตใ์ ชค้ วามรู้แลกเปลยี่ น ความรู้การรวมกลุ่มปฏบิ ัติการเพื่อต่อยอดความรู้ การพัฒนาขอบขา่ ยความรู้ของกลุม่ สรปุ องค์ความร้ขู องกลุ่ม จัดทาสารสนเทศองค์ความรใู้ นการพฒั นาตนเอง ครอบครวั ชุมชน 4. การคดิ เปน็ ทบทวนศกึ ษาความหมาย ความสาคัญของการคดิ เปน็ จนเกิดการตัดสินใจคดิ ได้ดที ี่สุดจากในอนั ท่จี ะ ส่งเสริมนาไปสู่ความสาเร็จในการแก้ การรวบรวมสภาพปัญหา ของตนเอง ครอบครัว ชุมชน และคิดวเิ คราะห์ โดยใช้ข้อมลู ด้านตนเอง ดา้ นวิชาการ และดา้ นสังคมสงิ่ แวดลอ้ ม มากาหนดแนวทางทางเลอื กทีห่ ลากหลายใน การแก้ปัญหาอย่างมเี หตุผล มคี ุณธรรม จรยิ ธรรม และมีความสุขในอันทจ่ี ะส่งเสริมนาไปสู่ความสาเรจ็ ในการ แก้ปัญหางานอาชีพหรือปญั หางานอืน่ ๆ
ศึกษาความหมาย ความสาคัญ ข้อมูลการประกอบอาชีพอิสระและอาชพี แรงงานในสถาน ประกอบการ ต้ังแต่ในอดีต ปัจจบุ ันและแนวโนม้ ในอนาคต ถงึ จุดแขง็ จดุ ออ่ น อุปสรรคและโอกาส ความ มัน่ คงของอาชพี แรงงานในสถานประกอบการ การขยายอาชพี ของตนเองและคู่แข่ง ด้านทุน ดา้ น ทาเล ดา้ นแรงงาน และดา้ นการจดั การตลาด 5. การวิจัยอย่างงา่ ย ทบทวนความหมาย ความสาคัญการวิจยั อย่างงา่ ยกระบวนการและขนั้ ตอนของการดาเนินงาน ศกึ ษา ฝึกทักษะ สถิติง่าย ๆ เพื่อการวจิ ัย เครอื่ งมอื การวจิ ัย และการเขยี นโครงการวจิ ัยอย่างงา่ ย ๆ การจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ 1. การเรียนรูด้ ว้ ยตนเอง ควรจัดในลักษณะของการบูรณาการทักษะต่างๆ ไปพร้อมกับการสร้างสถานการณ์ในการเรียนรู้ที่ หลากหลาย ซับซ้อน อย่างสร้างสรรค์ เพื่อ 1) ฝึกให้ผู้เรียนได้กาหนดเป้าหมาย และวางแผนการเรียนรู้ 2) เพิ่มพูนให้มที ักษะพ้ืนฐานในการการวางแผน การประเมินผลการเรียนรู้ด้วยตนเองการวิเคราะห์วิจารณ์ 3) มี เจตคติที่ดตี อ่ การเรียนรู้ด้วยตนเองท่ีทาให้การเรียนรู้ด้วยตนเองประสบผลสาเร็จและนาความรู้ไปใช้ในวิถีชีวิต ใหเ้ หมาะสมกับตนเอง และชมุ ชน/สงั คม 2. การใช้แหล่งเรยี นรู้ ใหผ้ เู้ รียนศึกษาสารสนเทศ จากระดับชุมชนสู่ระดับจังหวดั ประเทศ และโลก การเรยี นรู้การใช้ อินเตอรเ์ น็ต และแหล่งเรียนรู้ไดส้ อดคล้องกับความต้องการ ความจาเปน็ ในการนาไปใชใ้ นการแสวงหาข้อมลู เพือ่ การเรียนรู้ของตนเอง 1. การจัดการความรู้ ให้ผู้เรียนศึกษาค้นคว้าหลักการ และกระบวนการของการจัดการความรู้ การฝึกปฏิบัติจริงโดยการ รวมกลุ่มปฏิบัติการ/ชุมชนปฏิบัติการ (Community of practice = Cops) สรุปองค์ความรู้ของกลุ่ม แลกเปล่ียนเรียนรรู้ ะหว่างกล่มุ ยกระดบั ความรู้ และจดั ทาสารสนเทศเผยแพรค่ วามรู้ 4. การคิดเป็น ควรจัดให้ผู้เรยี นได้ฝึกการวิเคราะห์ สงั เคราะห์ และเกบ็ รวบรวมข้อมลู ในการแก้ปัญหาอย่างมเี หตุผล และหลักการที่ซบั ซ้อนจากสภาพจริง หรือเรื่องเก่ยี วกบั ชีวิตจริงของตนเอง หรือ สถานการณ์จริง หรอื กรณศี ึกษา ท่ีใชแ้ กป้ ญั หาและตัดสนิ ใจ อย่างมเี หตผุ ล มคี ณุ ธรรม จริยธรรม และมีความสุข 5. การวิจัยอยา่ งงา่ ย จัดให้ผเู้ รยี นได้ศึกษา คน้ คว้า เอกสารทีเ่ กี่ยวข้อง ฝกึ ทกั ษะการสงั เกตและค้นหาปัญหาทีพ่ บใน ชวี ติ ประจาวนั /ในสาระที่เรียน การตง้ั คาถาม การแลกเปล่ียนเรยี นรูก้ ับเพ่ือน/ผู้รู้ การคาดเดาคาตอบอย่างมี เหตผุ ล/การต้งั สมมตฐิ าน การฝึกปฏบิ ตั ิการเขียนโครงการวจิ ัยทม่ี ีความซับซอ้ นขึน้ การเก็บรวบรวมข้อมลู การสร้างเคร่ืองมือ การวิเคราะหข์ ้อมูลโดยใช้สถติ ิพืน้ ฐาน การนาเสนอขอ้ มูล การสรปุ ข้อมูลและเขียนรายงาน ผล การเผยแพร่ขอ้ คน้ พบ การวดั และประเมินผล 1.การเรยี นรูด้ ้วยตนเอง ใชก้ ารประเมนิ จากผลงานของผู้เรียนท่ีแสดงออกเกีย่ วกบั การกาหนดเปา้ หมาย และวางแผนการ เรยี นรู้รวมทกั ษะพ้ืนฐานและเทคนิคในการเรียนรตู้ า่ ง ๆ ตลอดจนปจั จยั ท่ีทาให้การเรยี นรปู้ ระสบความสาเร็จ 2. การใชแ้ หล่งเรยี นรู้ จากการสังเกต ความสนใจ การมีสว่ นร่วมและผลงานทไ่ี ด้ใช้ประโยชนจ์ ากแหล่งเรียนรู้
3. การจดั การความรู้ จากการสงั เกต ความสนใจ การแสดงความคิดเหน็ การมีส่วนร่วม การให้ความรว่ มมอื ในกลมุ่ ปฏบิ ตั กิ ารผลงาน/ชน้ิ งานจากการรวมกล่มุ ปฏบิ ตั ิการใชว้ ธิ กี ารประเมินแบบมสี ่วนรว่ มระหวา่ งครูผเู้ รยี นและ ผเู้ ก่ยี วขอ้ งร่วมกันประเมนิ ตคี ่าความสามารถความสาเรจ็ กับเป้าหมายทว่ี างไว้ และระบุข้อบกพร่องท่ตี ้องแกไ้ ข ส่วนท่ีทาได้ดแี ล้วก็พฒั นาให้ดีย่งิ ขึ้นต่อไป 4. การคิดเป็น วดั จากการเกบ็ รวบรวมข้อมูล การคิดวิเคราะห์ การตัดสนิ ใจแก้ปัญหาจากข้อมูลตามขอ้ เท็จจรงิ 5. การวจิ ยั อย่างง่าย จากการสังเกต ความสนใจ การมสี ว่ นรว่ ม ความร่วมมือ จากผลงาน / ชิ้นงานที่มอบหมายให้ ฝกึ ปฏิบัติ ในระหวา่ งเรยี น และการสอบปลายภาคเรยี น
รายละเอียดคาอธบิ ายรายวิชา ทร 31001 ทักษะการเรยี นรูจ้ านวน 5 หน่วยกติ ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย มาตรฐานการเรียนรู้ระดับ 1. สามารถวเิ คราะห์ เหน็ ความสาคัญ และปฏบิ ตั ิการแสวงหาความร้จู ากการอา่ น ฟงั และสรุปได้ ถกู ต้องตามหลักวิชาการ 2. สามารถจาแนก จัดลาดบั ความสาคญั และเลอื กใชแ้ หล่งเรียนรูไ้ ดอ้ ย่างเหมาะสม 3. สามารถจาแนกผลที่เกดิ ขึ้นจากขอบเขตความรู้ ตัดสนิ คุณคา่ กาหนดแนวทางพฒั นา 4. ความสามารถในการศกึ ษา เลอื กสรร จดั เกบ็ และการวิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูลท้ังสามประการ และการใช้เทคนคิ ในการฝกึ ทักษะ การคิดเปน็ เพื่อใชป้ ระกอบการตดั สนิ ใจแกป้ ัญหา 5. สามารถวเิ คราะห์ปัญหา ความจาเป็น เหน็ ความสัมพันธ์ของกระบวนการวิจยั กับการนาไปใช้ใน ชีวิต และดาเนนิ การวจิ ยั ทดลองตามขน้ั ตอน หวั เร่อื ง ตัวช้ีวัด เนื้อหา จานวน (ชวั่ โมง) 1. การ 1.1 บอกความหมาย ตระหนักและเหน็ 1. ความหมาย ความสาคัญของ เรยี นรู้ ความสาคัญของการเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง การเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง 3 ด้วยตนเอง 1.2 มีทักษะพื้นฐานทางการศกึ ษาหา 2. การกาหนดเปา้ หมายและการ 3 ความรู้ ทกั ษะการแก้ปัญหา และเทคนิค วางแผนการเรยี นรดู้ ้วยตนเอง 3 2. การใช้ ในการเรยี นรดู้ ้วยตนเอง 3. ทกั ษะพน้ื ฐานทางการศึกษาหา แหล่งเรียนรู้ 1.3 อธบิ ายปจั จยั ที่ทาใหก้ ารเรียนรดู้ ว้ ย ความรู้ ทักษะการแกป้ ัญหา และ 3 ตนเองประสบความสาเรจ็ เทคนิคในการเรยี นรูด้ ว้ ยตนเอง 8 1.4 สามารถวางแผนการเรียนรู้และการ 4. ปัจจยั ทีท่ าให้การเรยี นรู้ดว้ ย 20 ประเมินผลการเรียนรู้ด้วยตนเองได้ ตนเองประสบความสาเร็จ 5. การวางแผนการเรียนรู้ และ 3 2.1อธิบายความหมาย ความสาคัญ ของ การประเมินผลการเรียนรดู้ ว้ ย 3 การใชห้ ้องสมดุ อาเภอ ตนเอง 2.2 อธิบายการเข้าถงึ สารสนเทศของ 6. การฝึกทักษะวางแผนการ หอ้ งสมดุ ประชาชน เรยี นรูแ้ ละการประเมนิ ผลการ เรียนรดู้ ว้ ยตนเอง การวิจารณ์ 1. ความหมาย ความสาคญั ของ การใชห้ อ้ งสมดุ อาเภอ 2. การเขา้ ถงึ สารสนเทศของ ห้องสมุดประชาชน
หัวเรื่อง ตัวช้ีวดั เนื้อหา จานวน (ชว่ั โมง) 3. การ จัดการ 2.3 อธิบายแหลง่ เรยี นรู้ หอสมุด 3. แหลง่ เรียนรู้ หอสมดุ แห่งชาติ 14 ความรู้ แหง่ ชาติ หอสมดุ วทิ ยาลยั /มหาวิทยาลัย หอสมุดวิทยาลัย/มหาวทิ ยาลัย 4. การคิด เปน็ หอ้ งสมุดเฉพาะ ห้องสมุดโรงเรยี น ห้องสมดุ เฉพาะ หอ้ งสมุดโรงเรียน พิพธิ ภณั ฑ์ อุทยานแหง่ ชาติ แหล่งเรียนรู้ พพิ ธิ ภัณฑ์ อทุ ยานแหง่ ชาติ แหลง่ สาคญั อื่น ๆ ในประเทศ เรยี นรสู้ าคัญอน่ื ๆ ในประเทศ 2.4 อธิบายและปฏิบัตกิ ารใช้ 4. การใชอ้ นิ เทอรเ์ น็ต การเข้าถึง 20 อนิ เทอร์เนต็ และการเขา้ ถึงข้อมลู ขอ้ มูลสารสนเทศทตี่ ้องการและ สารสนเทศที่ต้องการและสนใจ สนใจ 3.1 อธบิ ายความหมาย ความสาคัญ 1. ความหมาย ความสาคัญ 8 หลักการ กระบวนการจัดการความรู้ การ หลักการ กระบวนการจดั การ รวมกลุ่มเพ่ือต่อยอดความรู้ การพฒั นา ความรู้ ขอบข่ายความรู้ของกลมุ่ และการจดั ทา การรวมกลมุ่ เพ่อื ต่อยอดความรู้ สารสนเทศเผยแพร่ความรู้ การพฒั นาขอบขา่ ยความรู้ของ 3.2 ปฏิบัติการจัดการความรู้ในเน้อื หาท่ี กลุ่ม และการจดั ทาสารสนเทศ สอดคล้องกบั ความต้องการของชมุ ชน เผยแพร่ความรู้ 20 3.3 จดั ทาสารสนเทศและเผยแพร่ 2. การฝึกทักษะกระบวนการ ความรู้ จัดการความรู้ด้วยตนเอง และ กระบวนการจัดการความรู้ดว้ ยการ รวมกลุม่ ปฏบิ ตั ิการ 12 3. สรุปองคค์ วามรู้ของกลุ่ม จดั ทา สารสนเทศองคค์ วามร้ใู นการ พฒั นาตนเอง ครอบครัว 1. อธบิ าย ความหมาย ความสาคัญของ 1. ความหมาย ความสาคญั ของ 10 การคดิ เป็น และปฏิบตั กิ ารรวบรวม การคดิ เป็น และการรวบรวมสภาพ สภาพปัญหา ของตนเอง ครอบครัว ปญั หา ของตนเอง ครอบครัว ชมุ ชน และการคดิ วเิ คราะห์ โดยใช้ ชุมชน และการคิดวิเคราะห์ โดย ขอ้ มูลดา้ นตนเอง ดา้ นวิชาการ ใชข้ อ้ มูลดา้ นตนเอง ด้านวิชาการ และด้านสังคมสิ่งแวดลอ้ มรวมทั้งการ และด้านสงั คมสง่ิ แวดล้อม รวมทง้ั กาหนดแนวทางทางเลอื กทห่ี ลากหลาย การกาหนดแนวทางทางเลอื กที่ ในการแกป้ ัญหา หลากหลายในการแก้ปัญหาอย่างมี 2. อธบิ ายความหมาย ความสาคญั ของ เหตุผล มีคุณธรรม จรยิ ธรรม และ ข้อมูลการประกอบอาชพี อิสระและอาชพี มคี วามสุข แรงงานในสถานประกอบการ
หัวเรื่อง ตัวช้วี ัด เนื้อหา จานวน 3. ปฏบิ ัติการวเิ คราะห์ SWOT และ (ชั่วโมง) 5. การวิจัย การขยายอาชีพ อย่างง่าย 2. ความหมาย ความสาคัญของ 10 5.1 อธบิ ายความหมาย ความสาคัญ การวิจยั อยา่ งงา่ ยกระบวนการและ ข้อมูลการประกอบอาชีพอิสระและ ขนั้ ตอนของการดาเนนิ งานได้ 5.2 มีทักษะในการใช้สถิติ งา่ ย ๆ อาชพี แรงงานในสถาน เพ่อื การวจิ ัยและจัดทาเครื่องมอื ในการ เก็บรวบรวมขอ้ มูล ประกอบการ ตั้งแต่ในอดีต 5.3 มที ักษะในการเขียนโครงการวิจยั อย่างงา่ ย ๆ ปัจจุบนั และแนวโนม้ ในอนาคต 3. การวิเคราะห์ SWOT (จดุ แข็ง 20 จดุ อ่อน อปุ สรรคและโอกาส ความ ม่นั คงของอาชพี แรงงานใน สถานประกอบการ การขยาย อาชีพของตนเองและคู่แข่ง 1. ความหมาย ความสาคญั การวจิ ยั 10 อยา่ งง่ายกระบวนการและข้ันตอน ของการดาเนนิ งาน 2. ฝกึ ทักษะ สถิตงิ ่าย ๆ เพ่ือการ 30 วจิ ยั เครือ่ งมือการวจิ ัย 3. ฝกึ ทกั ษะในการเขียน โครงการวจิ ัยอยา่ งง่าย ๆ
คาอธบิ ายรายวิชา พท 31001 ภาษาไทยจานวน 5 หน่วยกติ ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย มาตรฐานที่ 2.1 มคี วามรู้ ความเข้าใจ และทักษะพืน้ ฐานเกยี่ วกับภาษาและการส่ือสาร การฟัง การดู 1. สามารถสรปุ ความ จบั ประเด็นสาคัญของเร่ืองที่ฟังและดู 2. วิเคราะห์ แยกแยะขอ้ เท็จจริง ขอ้ คิดเหน็ และจุดประสงคข์ อง เร่ืองที่ฟงั และดู 3. สามารถแสดงทรรศนะและ ความคิดเหน็ ต่อผ้พู ดู อย่างมีเหตผุ ล 4. มีมารยาทในการฟัง และดู การพูด 1. สามารถพูดนาเสนอความรู้ แสดงความคดิ เห็น สรา้ งความเข้าใจ โน้มน้าวใจ ปฏิเสธ เจรจาตอ่ รองด้วยภาษากริ ยิ าทา่ ทางทีส่ ภุ าพ ในโอกาสตา่ งๆ ไดอ้ ย่างเหมาะสม 2. มมี ารยาทในการพูด การอา่ น 1. สามารถอา่ นได้อย่างมีประสทิ ธิภาพ 2. จับใจความสาคัญ แยกขอ้ เทจ็ จรงิ และข้อคิดเห็นจากเร่ือง ท่อี ่าน 3. สามารถอ่านหนงั สือและสื่อสารสนเทศได้อย่างกวา้ งขวางเพอ่ื พัฒนาตนเอง 4. มีมารยาทในการอา่ นและนสิ ยั รกั การอา่ น การเขยี น 1. สามารถเลือกใช้ภาษาในการนาเสนอตามรปู แบบของงานเขียนประเภทต่างๆ ได้อยา่ งสรา้ งสรรค์ 2. สามารถใชแ้ ผนภาพความคิด จัดลาดบั ความคิด เพ่ือพัฒนา งานเขยี น 3. สามารถแต่งบทร้อยกรองตามความสนใจไดถ้ ูกต้องตามหลกั ไวยากรณ์และลักษณะคาประพนั ธ์ 4. สามารถเขียนสอื่ สารเรอ่ื งราวต่างๆ ได้ 5. มมี ารยาทในการเขยี นและนสิ ยั รักการเขยี น หลักการใช้ภาษา 1. รแู้ ละเขา้ ใจชนิด และหน้าท่ีของคา พยางค์ วลี ประโยค และสามารถอา่ น เขียนได้ ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ของภาษา 2. สามารถใช้เครือ่ งหมายวรรคตอน อกั ษรย่อ คาราชาศัพท์ 3. สามารถวิเคราะห์ความแตกต่างระหวา่ งภาษาพูดและภาษาเขียน 4. ร้แู ละเข้าใจสานวน สุภาษิต คาพงั เพยในการพูดและเขียน วรรณคดี วรรณกรรม 1. ร้แู ละเข้าใจความแตกตา่ งของวรรณคดี วรรณกรรมปัจจุบันและวรรณกรรมท้องถนิ่ ตลอดจนเหน็ คณุ ค่า ศึกษาและฝึกทักษะเกี่ยวกับเร่อื งดังต่อไปนี้ การฟงั การดู การสรปุ ความ จบั ประเด็นสาคัญของเรอื่ งที่ฟงั ดู และมมี ารยาทในการฟังและดู การพูด การพดู นาเสนอความรู้ ความคิดเห็น โนม้ น้าวใจ ปฏเิ สธเจรจาตอ่ รอง และมารยาทในการพูด การอ่าน
การอ่านออกเสียงและอ่านในใจท้ังร้อยแก้ว และร้อยกรอง การแยกแยะข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น และ จดุ ม่งุ หมายของเร่ืองทอี่ า่ น ตลอดจนมารยาทในการอ่าน การเขยี น การใช้แผนภาพความคิด จัดลาดับความคิดก่อนการเขียน การแต่งบทร้อยกรองประเภทกลอนส่ี กลอนสุภาพ การเขียนส่ือสารเรื่องราวต่างๆ และการเขียนรายงาน การค้นคว้า อ้างอิง ตลอดจนมารยาท ในการเขียน หลกั การใช้ภาษา ชนิดและหนา้ ท่ีของคา พยางค์ วลี ประโยค การใชเ้ คร่อื งหมายวรรคตอน อักษรย่อ พจนานกุ รม คา ราชาศัพท์ ความแตกตา่ งและความหมายของสานวน สภุ าษิต คาพงั เพย วรรณคดแี ละวรรณกรรม ความแตกตา่ งและคณุ คา่ ของวรรณคดี วรรณกรรมปจั จบุ นั และวรรณกรรมทอ้ งถน่ิ การจดั ประสบการณก์ ารเรยี นรู้ จัดประสบการณ์หรือสถานการณ์ในชีวิตประจาวันให้ผู้เรียนได้ศึกษา ค้นคว้าโดยการฝึกปฏิบัติจริงเป็น รายบุคคลหรือกระบวนการกลมุ่ เกย่ี วกบั ทักษะการฟงั การดู การพดู การอา่ น การเขยี น และหลักการใช้ภาษา การวัดและประเมินผล การสังเกต การฝึกปฏิบตั ิ การทดสอบ (แบบทดสอบ) และการประเมินชน้ิ งานในแตล่ ะกจิ กรรม
รายละเอียดคาอธิบายรายวิชา พท31001 ภาษาไทยจานวน 5 หน่วยกติ ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย มาตรฐานที่ 2.1 มีความรู้ ความเขา้ ใจ และทักษะพนื้ ฐานเกี่ยวกับภาษาและการสื่อสาร ที่ หวั เร่อื ง ตวั ชวี้ ดั เน้อื หา จานวน (ชั่วโมง) 1. การฟัง การดู 1. สรปุ ความ จบั ประเด็นสาคัญของ 1. สรุปความ จบั ประเด็นสาคัญ 2 (10) เรือ่ งท่ีฟงั และดู ของเรอ่ื งที่ฟังและ ดู 2. วเิ คราะห์ความน่าเชื่อถือจากการ 2. หลกั การจบั ใจความสาคัญ 2 ฟัง และดูสื่อโฆษณาและข่าวสาร ของเร่ืองท่ีฟังและดู ประจาวนั อย่างมเี หตผุ ล 3. การวิเคราะห์ขอ้ เทจ็ จริง 4 3. วจิ ารณ์การใช้นา้ เสียง กิรยิ าท่าทาง ขอ้ คิดเห็นและสรุปความ ถ้อยคาของ ผู้พูดอยา่ งมีเหตุผล 4. การมีมารยาทในการฟัง 2 4. ปฏิบตั ติ นเปน็ ผ้มู ีมารยาท และดู ในการฟัง และดู 2. การพดู 1. พดู นาเสนอความรู้ ความ 1. สรปุ ความ จับประเด็นสาคัญ 2 (10) คิดเหน็ สรา้ งความเข้าใจ ของเรื่องท่ีพูดได้ โนม้ น้าวใจ ปฏเิ สธ เจรจา 2. การพูดนาเสนอความรู้ 6 ต่อรอง ด้วยภาษากิรยิ าทา่ ทาง ความคดิ เห็น และ การพดู ท่สี ุภาพ ในโอกาสต่างๆ เชน่ 2. ปฏบิ ัตติ นเปน็ ผูม้ ีมารยาท - พูดแนะนาตนเอง ในการพูด - พดู กล่าวตอ้ นรบั - พูดกล่าวขอบคุณ - พูดโน้มน้าวใจ - พดู ปฏิเสธ - พดู เจรจาต่อรอง - พดู แสดงความคิดเห็น 3. การมีมารยาทในการพดู 2 3. การอา่ น 1. อ่านในใจไดค้ ล่องและเรว็ 1. หลักการอ่านในใจจากสือ่ 5 (40) 2. อา่ นออกเสียงและอ่านทานอง ประเภทต่างๆ เสนาะได้อย่าง ถูกตอ้ งตาม 2. หลักอา่ นออกเสยี งที่เป็นท้ัง 5 ลกั ษณะคาประพันธ์ ร้อยแก้ว รอ้ ยกรองและคา 3. วเิ คราะห์ แยกแยะข้อเท็จจริง วนั เดือน ปี ไทย ข้อคิดเหน็ และจดุ มุ่งหมายของ 3. หลกั การเลือกอา่ นหนงั สอื 3 เรอ่ื งที่อา่ น และส่อื สารสนเทศ
ท่ี หัวเรอื่ ง ตวั ชวี้ ัด เนอื้ หา จานวน (ช่วั โมง) 4. เลือกอ่านหนงั สือและส่ือ 4. หลักการอ่านจับใจความ 10 สารสนเทศ เพื่อพฒั นาตนเอง สาคญั 5. ปฏิบตั ิตนเปน็ ผมู้ ีมารยาทใน 5. หลกั การวเิ คราะห์ วิจารณ์ 15 การอ่านและมีนิสัยรักการอา่ น 6. มารยาทในการอ่านและ 2 นิสัยรักการอ่าน 4. การเขียน 1. เลือกใชภ้ าษาในการนาเสนอ 1. หลักการเขยี น การใช้ 4 (40) ตามรูปแบบของงานเขียน ภาษาในการเขียน ประเภทร้อยแก้วและร้อยกรอง 2. หลกั การเขียนเพ่ือการ 20 ไดอ้ ยา่ งสร้างสรรค์ สอ่ื สารประเภทต่าง ๆ เชน่ 2. ใชแ้ ผนภาพความคดิ จัดลาดับ การเขยี นเรียงความ ยอ่ ความคิดกอ่ นการเขยี น ความ เขียนชแ้ี จง เขียน 3. แต่งบทร้อยกรอง ประเภท แสดงความคดิ เหน็ คาขวัญ กลอนส่ี กลอนสุภาพ คาคม คาโฆษณา เขยี น 4. เขียนบทร้อยแกว้ ประเภทประวัติ รายงานการค้นคว้า การ ตนเอง อธบิ ายความ ย่อความ ขา่ ว กรอกแบบพิมพ์และใบ 5. เขยี นรายงานการค้นควา้ สมคั รงานและเขยี นคา วัน สามารถอ้างองิ แหลง่ ความรู้ ได้ เดือน ปี ไทย ถูกตอ้ ง 3. หลักการเขยี นแผนภาพ 14 6. กรอกแบบรายการต่างๆ ความคิด 7. ปฏบิ ตั ิตนเปน็ ผูม้ ีมารยาทใน 4. การปฏิบตั ติ นเปน็ ผู้มี 2 การเขียนและมีการจดบันทึก มารยาทในการเขยี น อย่างสม่าเสมอ และมนี ิสัยรกั การเขยี น 5. หลกั การใช้ภาษา 1. อธบิ ายความแตกต่างของคา 1. คาราชาศพั ท์ 3 (40) พยางค์ วลี ประโยค ได้ถกู ตอ้ ง 2. หลักในการสะกดคา 3 2. ใช้เครื่องหมายวรรคตอน 3. การใช้เคร่ืองหมายวรรค 4 อักษรย่อ คาราชาศัพท์ได้ ตอน อักษรย่อและการใช้ ถกู ต้อง เลขไทย 3. อธิบายความแตกต่างระหวา่ ง 4. การใช้คาและการสร้างคา 9 ภาษาพูดและภาษาเขยี นได้ ในภาษาไทย 4. อธิบายความแตกต่าง - การสรา้ งคาไทย ความหมายของสานวน - คาประสม สภุ าษิต คาพังเพย และ - คาซ้อน นาไปใชใ้ นชวี ิตประจาวนั - คาซ้า ไดถ้ ูกต้อง - คาสมาส คาสนธิ - หลกั การสงั เกตคาภาษา อื่นๆ ทใี่ ช้ในภาษาไทย 5. ชนดิ ของประโยค 8 6. การใช้ระดบั ภาษาทีเ่ ป็น 4
ที่ หวั เรอ่ื ง ตัวช้ีวดั เนื้อหา จานวน (ชว่ั โมง) 6. วรรณคดี วรรณกรรม 1. อธิบายความแตกตา่ ง ทางการ และไมเ่ ปน็ (20) และคุณคา่ ของวรรณคดี ทางการ 5 วรรณกรรมปัจจบุ นั และ 7. การใชส้ านวน สภุ าษติ คา 4 วรรณกรรมท้องถน่ิ พังเพย 8. หลกั การแต่งคาประพนั ธ์ 5 ประเภทต่าง ๆ เช่น 5 - กาพยย์ านี 11 5 - กาพยฉ์ บัง 16 - กลอน 5 - ฯลฯ 1. หลักการพจิ ารณา วรรณคดี 2. หลักการพินจิ วรรณกรรม 3. ประวตั ิความเปน็ มา ลักษณะและคุณค่าของ เพลงพนื้ บา้ นเพลงกล่อม เด็ก 4. หลกั การพนิ ิจวรรณคดี ด้านวรรณศิลป์ และด้าน สงั คม - สามก๊ก - ราชาธริ าช - กลอนเสภาขุนช้าง ขนุ แผน - กลอนบทละครเรื่อง รามเกยี รติ์
คาอธิบายรายวชิ า ทช31001 เศรษฐกิจพอเพียง จานวน 1 หนว่ ยกิต ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย มาตรฐานการเรยี นรู้ระดบั การ รู้ เข้าใจ ยอมรับ เห็นคุณค่า ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และสามารถประยุกต์ใช้ใน ประกอบอาชพี และมีภูมิค้มุ กันในการดาเนนิ ชีวิตของตนเอง ครอบครัว และชุมชนอย่างมคี วามสุข ศึกษา ฝกึ ปฏบิ ตั ิ และประยกุ ต์ใช้เกย่ี วกบั เศรษฐกจิ พอเพยี งดงั นค้ี อื ความเป็นมา ความหมาย หลักการ แนวคิด ตามปรัชญาของเศรษฐกิจเพื่อการประกอบอาชีพ การ วางแผนการประกอบอาชีพ การสร้างเครือข่ายเพ่ือการดาเนินชีวิตอย่างพอเพียง เพ่ือให้เป็นคนมีเหตุผล พอประมาณ มีภูมิคุ้มกัน มีความรู้ และมีคุณธรรมจริยธรรมในการประกอบอาชีพ การดาเนินชีวิตของ ตนเอง ครอบครวั และชมุ ชนอยา่ งมคี วามสุข การจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ ศึกษาข้อมูลตนเอง ข้อมูลวิชาการ ข้อมูลสิง่ แวดลอ้ ม วเิ คราะห์ สงั เคราะห์ เช่ือมโยงเข้ากับความรู้และ ประสบการณ์ โดยศึกษาจากกรณีตัวอย่าง สภาพจริง ส่ือทุกประเภท การอภิปรายแลกเปล่ียนเรียนรู้ ภมู ิปัญญา การทดลอง ฝึกปฏิบัติ ประเมินผลและวางแผนประยุกต์ในชีวติ การวดั และประเมนิ ผล ประเมนิ ความรู้ ความเข้าใจ ความคิดเหน็ ชน้ิ งาน ผลงาน โดยวิธีการทดสอบ สงั เกต สัมภาษณ์ ตรวจสอบ ประเมนิ การปฏบิ ตั จิ ริง และประเมนิ สภาพจรงิ
คาอธิบายรายวชิ า ทช31001 เศรษฐกจิ พอเพียง จานวน 1 หน่วยกิต ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย มาตรฐานการเรียนรูร้ ะดับ รู้ เข้าใจ ยอมรับ เห็นคุณค่า ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และสามารถประยุกต์ใช้ใน การ ประกอบอาชพี และมีภูมคิ มุ้ กันในการดาเนินชวี ิตของตนเอง ครอบครวั และชุมชนอย่างมคี วามสขุ ที่ หัวเร่อื ง ตัวช้ีวดั เน้อื หา จานวน (ชว่ั โมง) 1 ความพอเพยี ง รู้เขา้ ใจแนวคดิ หลักการ ความหมาย 1.ความเป็นมา ความหมาย 4 ความสาคัญปรัชญาของเศรษฐกจิ หลกั แนวคิด พอเพยี ง 2.ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 3.การแสวงหาความรู้ 2 ประกอบอาชีพ 1.นาหลักปรชั ญาเศรษฐกิจ 1.หลักปรชั ญาเศรษฐกิจเพยี ง 16 อยา่ งพอเพียง พอเพียงไปใช้ในการจดั การทรัพยากรที่ กบั การจดั การทรัพยากรที่มอี ยู่ มีอย่ขู องตนเอง ครอบครัว ชมุ ชน ของตนเอง ครอบครัว ชุมชน 2.กาหนดแนวทางและปฏบิ ตั ิตนในการ 2.หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ นาหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งไป พอเพยี งกับการประกอบอาชีพ ประยกุ ตใ์ ชใ้ นการประกอบอาชพี 3 การวางแผน 1.ประยุกต์หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจ 1.การประยกุ ต์หลักปรชั ญาของ 10 ประกอบอาชีพ แบบพอเพยี ง พอเพยี งและข้อมลู จากการศึกษา เศรษฐกิจพอเพยี งท่ีใชใ้ นการ วิเคราะห์นามาวางแผนในการประกอบ ประกอบอาชีพ อาชพี ได้ 2.ความหมาย ความสาคญั 2.วางแผนในการเรยี นรู้ ประกอบอาชพี ประเภทกระบวนการวางแผน โดยการประยุกตห์ ลักปรัชญาของ 3. การวางแผนการเรียนรู้ /การ เศรษฐกิจพอเพยี งและจากการศกึ ษา ประกอบอาชีพ โดยใช้ วเิ คราะหข์ ้อมลู จัดทาโครงงานตาม กระบวนการ 3 หว่ ง 2เงือ่ นไข แผนงานท่ีวางไว้ไดอ้ ย่างเหมาะสม 4. การทาโครงงาน
ที่ หวั เร่อื ง ตัวชว้ี ดั เนื้อหา จานวน (ชว่ั โมง) 4 สร้างเครอื ข่าย ปฏิบัติตนเปน็ แบบอย่างของชมุ ชนใน 1.การสง่ เสรมิ เผยแพร่ ขยาย ดาเนนิ ชวี ิตแบบ การประกอบอาชพี และการดาเนนิ ชีวติ ผลงานการปฏบิ ัติตาม หลัก 10 พอเพยี ง ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ของบุคคล ชมุ ชน ที่ประสบ ผลสาเร็จ 2.การสร้างเครอื ข่ายการ ประกอบอาชีพและการดาเนิน ชีวติ ตามหลักปรชั ญาของ เศรษฐกจิ พอเพยี ง 3.กระบวนการขบั เคลื่อน เศรษฐกจิ พอเพยี ง
คาอธิบายรายวิชา พว23032 การใช้พลงั งานไฟฟ้าในชีวติ ประจาวัน3 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จานวน 3 หน่วยกติ (120 ชั่วโมง) มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐานท่ี 2.2มคี วามร้คู วามเขา้ ใจและทักษะพน้ื ฐานเก่ยี วกับคณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตรแ์ ละ เทคโนโลยี ผลการเรยี นรูท้ ีค่ าดหวงั 1. รู้และเข้าใจความหมาย ประเภทและแหลง่ กาเนดิ ของพลังงานไฟฟ้า 2. บอกประวัตคิ วามเปน็ มาของไฟฟา้ โลกและไฟฟา้ ไทยได้ 3. สามารถบอกประโยชน์และผลกระทบของพลังงานไฟฟ้าที่เกิดขึ้นในทอ้ งถิ่นได้ 4. สามารถอธิบายพลงั งานทดแทนและประยกุ ต์ใช้ในชีวิตประจาวนั ได้ 5. สามารถคดิ ต้นทนุ การผลติ พลังงานไฟฟา้ ตอ่ หน่วยได้ 6. รแู้ ละเข้าใจสามารถต่อวงจรไฟฟ้าอย่างง่ายและเดนิ สายดินได้ ศกึ ษาในเรอื่ ง 1. พลังงานไฟฟา้ 2. ประโยชนแ์ ละผลกระทบของพลังงานไฟฟา้ 3. พลังงานทดแทน 4. การใช้และการอนรุ ักษ์พลงั งานไฟฟา้ การจัดประสบการณก์ ารเรยี นรู้ 1. ศึกษาเนื้อหาจากหนังสอื เรียนและส่อื เอกสารตา่ ง ๆ 2. แลกเปลยี่ นเรยี นรู้ระหว่างผ้เู รียน 3. ฝกึ ปฏิบตั ิจากประสบการณ์โดยตรง ในสถานการณ์ในปัจจุบัน 4. ศกึ ษาดงู านหน่วยงานการไฟฟ้าไทย 5. จัดทารายงานเร่ืองท่เี กีย่ วข้อง 6. จัดทาโครงงาน 7. เชญิ ผ้รู ูห้ รอื การไฟฟ้าฝ่ายผลติ แหง่ ประเทศไทยให้ความรู้และคาแนะนา 8. ศกึ ษาเอกสารและสื่อทกุ ประเภททเ่ี ก่ียวข้อง เวบ็ ไซด์ การไฟฟา้ ฝา่ ยผลิตแห่งประเทศไทย การวดั และประเมินผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมระหว่างการเรียนรู้ 2. วัดความรจู้ ากการทากจิ กรรม ใบงาน ในกิจกรรมท้ายบท 3. การวดั ผลสัมฤทธปิ์ ลายภาค 4. ชนิ้ งาน
รายละเอยี ดคาอธบิ ายรายวิชา พว22032 การใช้พลงั งานไฟฟา้ ในชวี ติ ประจาวัน3 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย จานวน 3 หน่วยกติ (120 ชั่วโมง) มาตรฐานท่ี 2.2มีความรู้ความเขา้ ใจและทักษะพ้ืนฐานเก่ียวกับคณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ที่ หัวเรอ่ื ง ตัวชี้วัด เน้ือหา เวลา 1 พลงั งานไฟฟ้า (ช่วั โมง) 1.1 รู้และเขา้ ใจ 1.1 ไฟฟ้าคืออะไร 4 ชว่ั โมง ความหมาย ประเภทและ 1.1.1 ความหมายของไฟฟา้ แหลง่ กาเนิดของพลังงาน 1.1.2 ประเภทของไฟฟ้า ไฟฟ้า - ไฟฟา้ สถิต - ไฟฟา้ กระแส 1.1.3 แหลง่ กาเนดิ ไฟฟ้า 1.2 บอกหรืออธบิ าย 1.2 ประวัติความเป็นมาของไฟฟา้ 4 ชั่วโมง ประวตั คิ วามเปน็ มาของ 1.2.1 ประวตั ไิ ฟฟ้าโลก 4 ชั่วโมง ไฟฟา้ โลกและไฟฟ้าไทยได้ 1.2.2 ประวตั ิไฟฟา้ ประเทศไทย 1.3 อธบิ ายและจาแนก 1.3 พลังงานทใ่ี ช้ผลิตกระแสไฟฟา้ พลังงานที่ผลติ 1.3.1 พลังงานจากฟอสซิล กระแสไฟฟา้ ได้ - ถา่ นหนิ (ผลติ ,ผลกระทบ,การจัดการ) - ก๊าซธรรมชาติ(ผลิต ผลกระทบ การจดั การ) - นา้ มัน(ผลติ ผลกระทบ การจดั การ) 1.3.2 พลังงานจากพลังงานทดแทน - ลม - นา้ - แสงอาทิตย์ - ชวี มวล - ความร้อนใต้พภิ พ - นวิ เคลียร์ 1.4 อภปิ รายสถานการณ์ 1.4 สถานการณ์พลงั งานไฟฟ้าในปัจจบุ นั 4 ช่วั โมง
ท่ี หัวเร่ือง ตัวช้วี ดั เนอื้ หา เวลา (ชัว่ โมง) พลังงานไฟฟ้าของโลกและ 1.4.1 สถานการณ์พลังงานไฟฟา้ โลกปัจจุบัน พลังงานของไทยและ 1.4.2 สถานการณ์พลังงานไฟฟ้าประเทศไทย อาเซียนได้ ปัจจบุ นั 1.4.3 สถานการณ์พลังงานไฟฟ้าอาเซยี น ปัจจบุ ัน 1.5 อธิบายและเข้าใจ 1.5โรงไฟฟ้ากับสิ่งแวดล้อม 4 ชั่วโมง ความสาคญั ของ 1.5.1 ข้อกาหนดและกฎหมาย ขอ้ กาหนดและกฎหมายที่ 1.5.2 การจดั การและแนวทาง การ เกยี่ วขอ้ งในการจดั การ ป้องกัน และแนวทางการป้องกัน ของโรงไฟฟา้ กับ ส่ิงแวดลอ้ มได้ 2 ประโยชน์และ 2.1 สามารถบอก 2.1 ด้านการคมนาคม 4 2.1.1 ประโยชนจ์ ากพลังงานไฟฟา้ ผลกระทบของ ประโยชนแ์ ละผลกระทบ พลังงานไฟฟ้า ของพลังงานไฟฟา้ ในด้าน ด้านคมนาคม ตา่ ง ๆ ได้ 1) รถไฟความเร็วสูง 2) รถขบั เคลื่อนโดยใชร้ ะบบ ไฟฟ้า เชน่ รถยนต์ไฟฟ้า จักรยานไฟฟา้ จกั รยานยนตไ์ ฟฟา้ 3) กระเช้าไฟฟา้ 4) การจัดการจราจร 2.1.2 ผลกระทบจากพลังงานไฟฟ้า ด้านคมนาคม 2.2 สามารถบอก 2.2 ดา้ นเศรษฐกจิ 3 ประโยชน์และผลกระทบ 2.2.1 ประโยชน์จากพลงั งานไฟฟ้า ของพลังงานไฟฟ้าที่ ดา้ นเศรษฐกิจ เกิดขนึ้ ในท้องถ่นิ ได้ 1) ต้นทนุ 2) รายได้ 3) ผลผลิต 4) การเพ่มิ มลู คา่ ให้ทรัพยากรในทอ้ งถิน่ 2.2.2 ผลกระทบจากพลังงานไฟฟ้า ดา้ น
ที่ หัวเรื่อง ตวั ชี้วัด เน้ือหา เวลา 3 พลงั งานทดแทน 3.1ผู้เรียนสามารถอธบิ าย (ชั่วโมง) เศรษฐกิจ 2.3 ดา้ นอุตสาหกรรม 3 4 2.3.1 ประโยชนจ์ ากพลังงานไฟฟา้ ดา้ นอตุ สาหกรรม 3 1) สถานประกอบการ/โรงงาน 3 2) ผลกระทบจากพลงั งานไฟฟ้าด้าน 2 อุตสาหกรรม 2.4 ด้านคณุ ภาพชวี ติ 2.4.1 ประโยชนจ์ ากพลงั งานไฟฟ้าด้าน คุณภาพชวี ิต 1) เครอ่ื งอานวยความสะดวกใน ชีวติ ประจาวนั เชน่ เครอื่ งใช้ไฟฟา้ ระบบส่ือสาร การแพทย์ การบันเทงิ การศึกษา 2.4.2 ผลกระทบจากพลังงานไฟฟ้าด้าน คุณภาพชวี ติ 2.5 ดา้ นการเกษตรกรรม 2.5.1 ประโยชนจ์ ากพลงั งานไฟฟา้ ด้านการเกษตรกรรม 1) โรงสี / การแปรรปู การเกษตร 2) การเพาะปลกู 3) การประมง 4) การปศสุ ตั ว์ 2.5.2 ผลกระทบจากพลงั งานไฟฟ้า ดา้ นการเกษตร 2.6 ด้านบริการ 2.6.1 ประโยชน์จากพลงั งานไฟฟ้าด้านการ บรกิ าร 1) ภาคธนาคาร / สถาบันการเงิน 2) การท่องเทยี่ ว และการโรงแรม 2.6.2 ผลกระทบจากพลงั งานไฟฟา้ ด้าน การ บริการ 3.1 ความหมายและความสาคัญของพลังงาน
ท่ี หวั เร่อื ง ตัวชวี้ ดั เน้ือหา เวลา (ชว่ั โมง) หลกั การของพลงั งาน ทดแทน ทดแทนแต่ละประเภทได้ (K) 3.2 ผู้เรยี นสามารถ 3.2 ประเภทและหลักการของพลงั งานทดแทน 18 ประยุกตใ์ ช้ใน 3.2.1 พลงั งานลม ชีวิตประจาวันได้ (S) 1) รูปแบบพลงั งานลม 2) การใช้ประโยชน์พลงั งานลม 3) ศักยภาพในการผลติ ไฟฟ้า 4) ขอ้ จากัดของพลังงานลม 3.2..2 พลงั งานน้า 1) รปู แบบพลงั งานน้า 2) การใช้ประโยชนพ์ ลังงานน้า 3) ขอ้ จากดั ของพลังงานนา้ 3.2.3 พลงั งานแสงอาทิตย์ 1) รูปแบบพลงั งานแสงอาทิตย์ 2) การใชป้ ระโยชนพ์ ลงั งาน แสงอาทติ ย์ - รปู พลังงานความรอ้ น - รปู พลังงานไฟฟา้ 4) ขอ้ จากดั ของพลงั งานแสงอาทิตย์ 3.2.4 พลังงานชีวมวล 1) การใช้พลังงานชีวมวล - โดยตรง - รูปแบบอื่น ๆ 2) การนาพลังงานชีวมวล มาใชป้ ระโยชน์ 3.2.5 พลังงานใต้พิภพ 1) รปู แบบและความหมายของพลงั งาน ใต้พภิ พ 2) ประโยชนข์ องพลังงานใต้พภิ พ 3) ขอ้ จากัดของพลังงานใต้พภิ พ 3.2.6 พลังงานนวิ เคลยี ร์
ที่ หวั เรือ่ ง ตวั ช้วี ดั เนอ้ื หา เวลา (ชวั่ โมง) 4 การใช้และการ 1) รปู แบบพลงั งานนิวเคลียร์ อนุรกั ษ์พลังงาน 18 ไฟฟ้า 2) ประโยชน์ของพลังงานนิวเคลยี ร์ 1 3) การปฏิบัติตนให้ถูกตอ้ งในการใช้ 1 2 พลงั งานนิวเคลียร์ 10 3 3.3 สามารถบอกแหลง่ 3.3 พลงั งานทดแทนท่ีมีในชุมชน 10 พลงั งานทดแทนท่ีมีใน 6 ชุมชนได้ (K) 3.4 สามารถพฒั นา 3.4 การผลติ และการใช้พลงั งานในชมุ ชน พลังงานทดแทนท่ีมีใน ชมุ ชนไปใช้ใน ชวี ิตประจาวนั 3.5 สามารถแยกแยะและ 3.5 เปรยี บเทียบข้อจากัดของพลังงานทดแทน เลือกใช้พลงั งานทดแทน (A) แตล่ ะประเภท 3.6 สามารถทราบต้นทุน 3.6 ต้นทุนการผลิตพลงั งานทดแทนต่อหนว่ ย การผลิตพลงั งานต่อหน่วย 4.1 .มคี วามรแู้ ละความ 4.1 วงจรไฟฟ้าอย่างงา่ ยในครัวเรอื น เข้าใจเกีย่ วกับอปุ กรณ์ 4.2 อุปกรณ์ไฟฟ้าและเครอ่ื งใช้ไฟฟ้า ไฟฟา้ และเครอ่ื งใช้ไฟฟ้าได้ 4.2.1 อปุ กรณไ์ ฟฟ้าทีส่ าคัญ 4.2 มคี วามร้แู ละความ 4.2.2 การเลอื กชนดิ และขนาดของสายไฟ เข้าใจในการต่อวงจรไฟฟ้า 4.2.3 เครือ่ งใช้ไฟฟ้า อยา่ งงา่ ยและต่อสายดนิ ได้ 4.3 การต่อสายดนิ 4.3 สามารถอธิบายข้อ ควรระวังในการใช้ไฟฟา้ และนาไปปฏิบัติใน ชวี ิตประจาวันได้ 4.4 .มคี วามรแู้ ละสามารถ 4.4 กลยุทธ์การประหยดั พลังงาน 3อ. นากลยทุ ธ์ การประหยดั 4.4.1 อุปนสิ ยั การประหยดั พลงั งาน พลงั งาน 3อ. ไปใช้ใน 4.4.2 อาคารประหยัดพลงั งาน ชวี ติ ประจาวนั ได้ 4.4.3 อุปกรณ์ประหยดั พลงั งาน 4.5 มีความร้แู ละความ 4.5 .องค์ประกอบของค่าไฟฟา้ เขา้ ใจในองค์ประกอบค่า 4.5.1 คา่ ไฟฟา้ ฐาน ไฟฟ้า 4.5.2 คา่ ไฟฟา้ ผนั แปร
ท่ี หวั เร่อื ง ตัวชวี้ ดั เนื้อหา เวลา (ชวั่ โมง) 4.5.3 คา่ ภาษมี ลู ค่าเพมิ่ 4.6 สามารถคานวณค่า 4.6 การคานวณค่าไฟฟา้ ทใ่ี ชใ้ นครวั เรอื น 2 ไฟฟา้ ทใี่ ช้ในครวั เรอื นได้ 2 4.7 สามารถคานวณไฟฟา้ 4.7 การคานวณคา่ ไฟฟา้ จากเครอื่ งใช้ไฟฟา้ จากเคร่ืองใชไ้ ฟฟ้าแตล่ ะ ประเภทได้ 4.8 อธบิ ายบทบาทหนา้ ที่ 4.8 หนว่ ยงานที่รับผดิ ชอบ 5 ของหน่วยงานท่รี ับผิดชอบ 4.8.1 กระทรวงพลงั งาน เกีย่ วกบั ไฟฟ้าได้ 4.8.2คณะกรรมการประกอบกิจการพลังงาน 4.8.3 กฟผ. คืออะไร 1) ความเปน็ มา 2) บทบาทหนา้ ที่ 3) การดาเนนิ งาน 4.8.4 กฟน. คืออะไร 1) ความเปน็ มา 2) บทบาทหนา้ ท่ี 3) การดาเนนิ งาน 4.8.5 กฟภ. คืออะไร 1) ความเปน็ มา 2) บทบาทหนา้ ท่ี 3) การดาเนินงาน
คาอธิบายรายวิชา ทช03053 เศรษฐศาสตรช์ มุ ชน (วชิ าเลือก) สาระทักษะการดาเนนิ ชีวิตระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย จานวน 2 หน่วยกิต (80 ช่วั โมง) มาตรฐานท่ี 4.1 มีความรู้ ความเข้าใจและเจตคติที่ดีเก่ียวกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและสามารถประยุกต์ ใชใ้ นการดาเนินชีวิตได้อย่างเหมาะสม ศกึ ษาและฝึกทักษะเกย่ี วกบั เรอ่ื งเศรษฐศาสตร์ชมุ ชน ดังนี้ ความเป็นมา ความหมาย ความสาคญั ประโยชน์ หลักการ แนวคดิ หลักการตามปรชั ญาเพ่ือวิสาหกิจ ชุมชน การวางแผนทาวิสาหกิจชุมชน วิเคราะห์ ประยุกต์ กระบวนการวิสาหกิจชุมชน และวิธีการทาบัญชี ชาวบ้าน วิเคราะห์รายรับ-รายจ่าย ให้สอดคล้องกับปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง แนวทางการจัดทาบัญชี ครัวเรอื น การวางแผน การประยุกต์ เพอ่ื ใหเ้ กิดประโยชน์กบั ตนเอง และครอบครัว การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ ศึกษาข้อมูลตนเอง ข้อมูลวิชาการ ข้อมูลสิ่งแวดล้อมเชื่อมโยงกับประสบการณ์ เข้ากับความรู้และ ประสบการณ์ โดยศึกษาจากกรณีตัวอย่าง สภาพจริง ส่ือทุกประเภท การแลกเปล่ียนเรียนรู้ภูมิปัญญา และ วางแผนการนาไปประยุกต์ใช้ในชีวิต ทาแผนปฏิบัติการ โครงงานและประยุกต์ใช้ในกระบวนการเรียนรู้เพ่ือ นามาวิเคราะห์และตัดสินใจในการลดรายจ่าย เพ่ิมรายได้โดยศึกษาจากกรณีตัวอย่างที่สอดคล้องกับปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียง ส่ือทุกประเภท การแลกเปล่ียนเรียนรู้ ภูมิปัญญา และวางแผนการนาบัญชีชาวบ้านไป ประยุกต์ใชใ้ นชวี ติ การวัดและประเมนิ ผล ประเมินความรู้ ความเข้าใจ ประเมินแผนปฏิบัติการ โครงงาน โดยสังเกต สัมภาษณ์ ตรวจสอบ ประเมินการปฏบิ ตั จิ ริง และประเมินสภาพจรงิ
รายละเอยี ดคาอธบิ ายรายวิชา เศรษฐศาสตรช์ มุ ชน สาระทกั ษะการดาเนินชีวิตระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จานวน 2 หน่วยกิต (80 ชวั่ โมง) มาตรฐานท่ี 4.1 มคี วามรู้ ความเขา้ ใจและเจตคตทิ ีด่ ีเกย่ี วกบั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและสามารถ ประยุกตใ์ ชใ้ นการดาเนินชีวิตไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ที่ หวั เรือ่ ง ตวั ช้วี ัด เนอ้ื หา จานวน (ช่ัวโมง) 1 ห ลั ก ก า ร ข อ ง วิ ช า อ ธิ บ า ย ค ว า ม เ ป็ น ม า 1. ความเปน็ มา ความหมาย 6 วสิ าหกจิ ชมุ ชน ความหมาย ความสาคัญ ความสาคัญ แนวคดิ แนวคิด หลักการของวิสาหกิจ หลกั การ ชมุ ชนได้ 2. ลกั ษณะ องคป์ ระกอบ ของวิสาหกิจชมุ ชน 3. ประเภทของวิชา วิสาหกิจชุมชน 4. กระบวนการวิสาหกิจ ชุมชน 5. ลักษณะของธุรกจิ 6. การประกอบธรุ กิจ 2 การเปรียบเทียบความ วเิ คราะห์เปรยี บเทยี บ - ความเหมอื นและความ 4 เ ห มื อ น แ ล ะ ค ว า ม ค ว า ม เ ห มื อ น แ ล ะ ค ว า ม แตกตา่ งของวสิ าหกจิ แตกตา่ งของวสิ าหกิจ แตกต่างของวสิ าหกจิ ชุมชน ชมุ ชนกบั ธุรกิจ ชมุ ชนกับธุรกจิ กับธุรกิจได้
ท่ี หวั เร่อื ง ตวั ชีว้ ดั เนอื้ หา จานวน (ชั่วโมง) 3 การก้าวสู่วิสาหกิจ ประยกุ ต์ใชก้ ระบวนการ องค์ความรกู้ ารดาเนนิ งาน 18 ชมุ ชน วิสาหกจิ ชุมชนให้เกดิ วสิ าหกิจของชุมชนกับของตนเอง ประโยชนก์ บั ตนเองไดต้ าม - การศึกษากระบวนการ ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง วสิ าหกจิ ของชมุ ชน - การวิเคราะหอ์ งค์ความรู้ - แนวทางการประยกุ ตใ์ ช้ กระบวนการวสิ าหกิจชุมชน ให้เกิดประโยชน์กับตนเอง ตามปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง 4 การพัฒนาวิสาหกิจ มี ก า ร แ ส ว ง ห า ค ว า ม รู้ ที่ 1. การสร้าง การรกั ษาและการขยาย 12 ชมุ ชน เกี่ยวข้องกบั วิสาหกจิ ชมุ ชน เครือขา่ ย - เครือข่ายกบั วิสาหกจิ ชุมชน - การสร้างเครอื ขา่ ย - การรกั ษาและการขยายเครือขา่ ย 2. สถานการณด์ า้ นการตลาด 3. เทคโนโลยีเกี่ยวข้องกับวิสาหกิจ ชมุ ชน 4. ผลงานวิจัยองค์ความรู้ท่ีเกี่ยวข้อง ในการทาวิสาหกจิ ชมุ ชน 5 บัญชชี าวบ้านง่าย - อ ธิ บ า ย ค ว า ม ห ม า ย 1. ความหมาย ประโยชน์ของการทา นดิ เดยี ว ประโยชน์ และวิเคราะห์ บัญชีชาวบ้าน แนวคิด หลักการของบัญชี 2. หลักการ แนวคิด การทาบัญชี 10 ชาวบ้านได้ ชาวบา้ น 3 . รู ป แ บ บ แ ล ะ วิ ธี ก า ร ท า บั ญ ชี ชาวบ้าน (บญั ชใี นครวั เรอื น กบั การประกบอาชพี )
ที่ หัวเรื่อง ตวั ชีว้ ัด เน้อื หา จานวน (ชวั่ โมง) 6 บัญชีชาวบา้ นกับ 1. อธิบายแนวคิด หลักการ 1. แนวคิด หลักการของ 10 ปรชั ญาของเศรษฐกจิ ของปรัชญา ปรัชญา พอเพยี ง เศรษฐกจิ พอเพยี ง เศรษฐกิจพอเพยี ง 2. วิเคราะห์บัญชีชาวบ้านให้ ส อ ด ค ล้ อ ง กั บ ป รั ช ญ า 2. บัญชีชาวบ้านตามหลัก เศรษฐกจิ พอเพยี ง ของ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 7 บญั ชีชาวบ้านใน 1. วิเคราะห์รายรับ-รายจ่าย 1. วิธีการวิเคราะห์รายรับ- 10 10 ครัวเรอื น และทาบัญชีตนเอง บัญชี รายจ่าย ครัวเรือนได้ 2. วิธกี ารทาบัญชีรับ-จา่ ย 2. ตระหนักเห็นคุณค่าและนา ของตนเองและครอบครัว หลกั การและวธิ กี ารทาบัญชีไป 3. แนวทางการทาบัญชี ใชใ้ นชีวติ ครัวเรือนและการประกอบ ประจาวันไดอ้ ยา่ งตอ่ เนอ่ื ง อาชพี อย่างงา่ ย 4. การวางแผนการจัดทา บัญชีรายรบั -รายจ่าย เพ่ือการ ป ร ะ ยุ ก ต์ ใ ช้ ใ น ค รั ว เ รื อ น ทางการประกอบอาชีพ 8 การลดรายจ่ายเพ่ิม - กาหนดมาตรการควบคุม 1. แนวคิดการกาหนด รายได้ ค่าใช้จ่ายของตนเองและ มาตรการควบคุมค่าใชจ้ า่ ย ครัวเรือนให้สมดุลกับรายรับ 2. การลดรายจา่ ย สามารถลดรายจ่ายและเพิ่ม - การวิเคราะห์ รายรับ รายได้ รายจา่ ย - แนวทางการลดรายจา่ ย 3. การเพิ่มรายได้และ แนวทางการเพ่มิ รายได้ 4. การวางแผนการลด รายจ่าย และเพมิ่ รายได้ของตนเองและ ครอบครัว
Search
Read the Text Version
- 1 - 30
Pages: