บันทึกข้อความ สว่ นราชการ ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอบางไทร ที่ ศธ ๐๒๑๐.๔๘๐๕/๑๐๒๖ วันท่ี ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๔ เร่อื ง รายงานสรุปผลการดาเนินงานการจัดกิจกรรมพฒั นาทกั ษะชีวิต โครงการสง่ เสริมดูแลสุขภาวะและสขุ อนามัยของประชาชนในชมุ ชน จานวน ๖ ชั่วโมง ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ เรยี น ผอู้ านวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอบางไทร ตามที่ ผู้อานวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาอาเภอบางไทร ได้ อนุมตั โิ ครงการส่งเสรมิ ดูแลสุขภาวะและสุขอนามัยของประชาชนในชุมชน จานวน ๖ ช่ัวโมง ข้าพเจ้านายสมพร จิตรีเหิม ตาแหน่ง ครู กศน.ตาบล ผู้รับผิดชอบโครงการส่งเสริมดูแล สุขภาวะและสุขอนามัยของประชาชนในชุมชน จานวน ๖ ช่ัวโมง ในวันที่ ๑๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ณ กศน. ตาบลราชคราม อาเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีเป้าหมาย ประชาชนในตาบลราช คราม จานวน ๒๒ คน จัดได้ ๒๒ คน บัดนี้กิจกรรม/โครงการ ดังกล่าวได้ดาเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว จงึ ขอรายงานผลการจัดกิจกรรม/โครงการ ดังเอกสารรูปเลม่ แนบทา้ ยน้ี จึงเรียนมาเพ่ือโปรดทราบ (นายสมพร จติ รีเหมิ ) ครู กศน.ตาบล (นางสาวฐติ ิพร พาสี) หวั หนา้ งานการศกึ ษาต่อเนือ่ ง ทราบ อื่น ๆ ………………………….. (นางสาวมกุ ดา แข็งแรง) ผู้อานวยการ กศน.อาเภอภาชี รักษาการในตาแหน่งผู้อานวยการ กศน.อาเภอบางไทร
คานา กศน.ตาบลราชคราม ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอบางไทร ได้ ดาเนินการจัดกิจกรรมพัฒนาทักษะชีวิต โครงการส่งเสริมดูแลสุขภาวะและสุขอนามัยของประชาชนในชุมชน จานวน ๖ ชั่วโมง โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือส่งเสริมให้ผู้เข้ารับการอบรมมีความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับเร่ืองของ สุขภาวะอนามัย เพ่ือให้ผู้เข้ารับการอบรมมีสุขภาวะอนามัยและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และเพื่อให้ผู้เข้ารับการ อบรมนาความรมู้ าประยกุ ต์ใช้ในชวี ิตประจาวนั ได้ ทาง กศน.ตาบลราชคราม ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอบางไทร หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการจัดกิจกรรม โครงการส่งเสริมดูแลสุขภาวะและสุขอนามัยของประชาชนในชุมชน จานวน ๖ ชว่ั โมง จะเป็นประโยชน์กบั ผู้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ไม่มากก็น้อย และหากการจัดโครงการในคร้ัง น้ีมีข้อบกพร่องประการใด ทาง กศน.ตาบลราชคราม ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย อาเภอบางไทร ต้องขออภยั ไว้ ณ ท่นี ้ดี ้วย รายงานสรุปฉบับนี้เป็นการรวบรวมข้อมูลในการจัดทาโครงการ ภาพกิจกรรม ตลอดจน ประเมินผลโครงการเพื่อเป็นการเพิม่ พนู ความรูแ้ ละเป็นแนวทางในการจัดทาโครงการในครงั้ ต่อไป สมพร จติ รเี หมิ ๒๙ มนี าคม ๒๕๖๔
สารบญั หน้า เร่อื ง ๑ บนั ทึกข้อความ ๑๐ คานา ๓๘ สารบญั ๔๑ บทท่ี ๑ บทนา ๔๓ บทที่ ๒ เอกสารที่เกยี่ วข้อง ๕๓ บทท่ี ๓ สรปุ ผลการดาเนินงาน ๕๔ บทท่ี ๔ แบบสอบถามความพงึ พอใจ บทที่ ๕ สรปุ แบบสอบถามความพงึ พอใจ ภาคผนวก รปู ภาพประกอบโครงการฯ บรรณานกุ รม คณะผ้จู ดั ทา
สรุปผลการดาเนินงานการจัดกจิ กรรมโครงการส่งเสริมดแู ลสขุ ภาวะและสุขอนามัยของประชาชนในชุมชน จานวน ๖ ช่วั โมง | ๑ บทที่ ๑ บทนา ๑. ชอื่ โครงการส่งเสรมิ ดแู ลสขุ ภาวะและสุขอนามยั ของประชาชนในชุมชน จานวน ๖ ชั่วโมง นโยบายและจุดเนน้ การดาเนนิ งาน สานักงาน กศน. ประจาปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๔ นโยบายเรง่ ดว่ นเพ่ือร่วมขบั เคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ 2. ความสอดคลอ้ งกับยุทธศาสตร์ของ กศน. ยทุ ธศาสตร์ที่ 3 การพัฒนาศกั ยภาพคนทุกช่วงวยั และการสรา้ งสังคมแหง่ การเรยี นรู้ 1) สง่ เสริม สนบั สนนุ ให้คนทกุ ช่วงวยั มที ักษะ ความรู้ ความสามารถ และการพัฒนาคุณภาพ ชวี ิตอย่างเหมาะสม เตม็ ตามศกั ยภาพในแต่ละช่วงวัย ๔. ยุทธศาสตรด์ า้ นการสรา้ งโอกาสและความเสมอภาคทางการศกึ ษา ๔.๕ พลิกโฉม กศน.ตาบล สู่ “กศน.ตาบล ๔G” ข้อ ๑) – ข้อ ๔) ๕. ยทุ ธศาสตร์ดา้ นสง่ เสรมิ และจดั การศกึ ษาเพื่อเสริมสร้างคณุ ภาพชวี ติ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ๕.๓ ส่งเสริมให้หน่วยงานและสถานศึกษาใช้พลังงานท่ีเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมท้ังลด การใชท้ รพั ยากรที่สง่ ผลกระทบตอ่ สงิ่ แวดล้อม จุดเนนการดาเนนิ งานประจาปงบประมาณ พ.ศ. 2564 2. สงสรมิ การจดั การศกึ ษาและการเรียนรูตลอดชวี ิตสาหรับประชาชนทเี่ หมาะสมกับทุกชวงวัย 2.3 สงเสริมการเรียนการสอนท่ีเหมาะสมสาหรับผูที่เขาสูสังคมสูงวัย อาทิ การฝกอบรมอาชีพท่ี เหมาะสมรองรับสังคมสูงวัย หลักสูตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสงเสริมสมรรถนะผูสูงวัย และหลักสูตรการ ดแู ลผูสงู วยั โดยเนนการมีสวนรวมกบั ภาคีเครอื ขายทกุ ภาคสวนในการเตรียมความพรอมเขาสูสงั คมสงู วัย 3. พฒั นาหลกั สูตร สือ่ เทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการศึกษา แหลงเรียนรู และรูปแบบการจัดการศึกษา และการเรียนรู ในทกุ ระดับ ทกุ ประเภท เพ่ือประโยชนตอการจัดการศึกษาที่เหมาะสมกับทุกกลุมเปาหมาย มี ความทนั สมยั สอดคลองและพรอมรองรับกบั บริบทสภาวะสังคมปจจุบัน ความตองการของผูเรียน และสภาวะ การเรยี นรูในสถานการณตาง ๆ ทจี่ ะเกิดข้ึนในอนาคต 3.2 พฒั นาแหลงเรียนรูประเภทตาง ๆ อาทิ Digital Science Museum/ Digital Science Center/ Digital Library ศูนยการเรียนรูทุกชวงวัย และศูนยการเรียนรูตนแบบ กศน. (Co-Learning Space) เพื่อให สามารถ “เรยี นรูไดอยางท่วั ถงึ ทุกท่ี ทกุ เวลา”
สรุปผลการดาเนินงานการจดั กจิ กรรมโครงการส่งเสริมดแู ลสขุ ภาวะและสขุ อนามยั ของประชาชนในชมุ ชน จานวน ๖ ชว่ั โมง | ๒ การจัดการศึกษาและการเรียนรูในสถานการณการแพรระบาดของเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) ของสานกั งาน กศน. จากสถานการณการแพรระบาดของเชอ้ื ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID -19) เมื่อเดือนธันวาคม 2562 สงผลกระทบตอระบบการจัดการเรยี นการสอนของไทยในทุกระดับชั้น ซ่ึงรัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการ ได ออกประกาศและมมี าตรการเฝาระวังเพือ่ ปองกันการแพรกระจายของเชื้อไวรสั ดังกลาว อาทิ กาหนดใหมีการเว นระยะหางทางสังคม (Social Distancing) หามการใชอาคารสถานท่ีของโรงเรียนและสถาบันการศึกษาทุก ประเภท เพ่อื จดั การเรียนการสอน การสอบ ฝกอบรม หรอื การทากิจกรรมใด ๆ ทม่ี ีผูเขารวมเปนจานวนมาก การปดสถานศึกษาดวยเหตุพิเศษ การกาหนดใหใชวิธีการจัดการเรียนการสอนรูปแบบใหม อาทิ การจัดการ เรียนรูแบบออนไลน การจัดการเรียนรูผานระบบการออกอากาศทางโทรทัศน วิทยุ และโซเซียลมีเดีย ตาง ๆ รวมถึงการส่ือสารแบบทางไกลหรือดวยวิธีอิเล็กทรอนิกส ในสวนของสานักงาน กศน. ไดมีการพัฒนา ปรับ รูปแบบ กระบวนการ และวธิ ีการดาเนินงานในภารกิจตอเนื่องตาง ๆ ในสถานการณการใชชีวิตประจาวัน และ การจัดการเรียนรูเพื่อรองรับการชีวิตแบบปกติวิถีใหม (New Normal) ซ่ึงกิจกรรมการเรียนรูตาง ๆ ไดให ความสาคญั กบั การดาเนนิ งานตามมาตรการการปองกันการแพรระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) อาทิ การจัดกิจกรรมการเรียนรูทุกประเภทหากมีความจาเปนตองมาพบกลุม หรืออบรมสัมมนา ทาง สถานศึกษาตองมีมาตรการปองกันที่เขมงวด มีเจลแอลกอฮอลลางมือ ผูรับบริการตองใสหนากากอนามัยหรือ หนากากผา ตองมีการเวนระยะหางระหวางบุคคลเนนการใชส่ือดิจิทัลและเทคโนโลยีออนไลนในการจัดการ เรยี นการสอน ภารกิจตอเน่ือง 1. ดานการจดั การศึกษาและการเรียนรู 1.3 การศึกษาตอเน่ือง 2) จดั การศกึ ษาเพอื่ พัฒนาทกั ษะชีวิตใหกับทุกกลุมเปาหมาย โดยเฉพาะคนพิการ ผูสูงอายุ ท่ีสอด คลองกับความตองการจาเปนของแตละบุคคล และมุงเนนใหทุกกลุมเปาหมายมีทักษะการดารงชีวิตตลอดจน สามารถประกอบอาชีพพง่ึ พาตนเองไดมคี วามรูความสามารถในการบริหารจัดการชีวิตของตนเองใหอยูในสังคม ไดอยางมีความสุขสามารถเผชิญสถานการณตาง ๆ ท่ีเกิดขึ้นในชีวิตประจาวันไดอยางมีประสิทธิภาพ และ เตรียมพรอมสาหรับการปรับตัวใหทันตอการเปลี่ยนแปลงของขาวสารขอมูลและเทคโนโลยีสมัยใหมในอนาคต โดยจัดกิจกรรมที่มีเน้ือหาสาคัญตาง ๆ เชน การอบรมจิตอาสา การใหความรูเพื่อการปองการการแพรระบาด ของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) การอบรมพัฒนาสุขภาพกายและสุขภาพจิต การอบรมคุณธรรม และจริยธรรม การปองกันภยั ยาเสพตดิ เพศศึกษา การปลูกฝงและการสรางคานิยมท่ีพึงประสงคความปลอดภัย ในชีวิตและทรัพยสิน ผานการอบรมเรียนรูในรูปแบบตาง ๆ อาทิ คายพัฒนาทักษะชีวิต การจัดต้ังชมรม/ชุมนุม การอบรมสงเสริมความสามารถพเิ ศษตางๆ เปนตน
สรุปผลการดาเนนิ งานการจดั กิจกรรมโครงการส่งเสริมดูแลสุขภาวะและสขุ อนามยั ของประชาชนในชมุ ชน จานวน ๖ ชั่วโมง | ๓ 2. ดานหลกั สูตร สอ่ื รูปแบบการจดั กระบวนการเรยี นรู การวัดและประเมนิ ผลงานบริการทางวิชาการ และ การประกนั คุณภาพการศกึ ษา 2.1 สงเสริมการพฒั นาหลกั สูตร รูปแบบการจัดกระบวนการเรียนรูและกิจกรรมเพอื่ สงเสริมการศึกษา นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยที่หลากหลาย ทันสมัย รวมถึงการพัฒนาหลักสูตรฐานสมรรถนะ และ หลกั สูตรทองถ่นิ ที่สอดคลองกบั สภาพบริบทของพ้ืนทแี่ ละความตองการของกลุมเปาหมายและชุมชน 2.2 สงเสริมการพัฒนาสื่อแบบเรียน สื่ออิเล็กทรอนิกสและส่ืออ่ืน ๆ ท่ีเอ้ือตอการเรียนรูของผูเรียน กลมุ่ เปาหมายท่ัวไปและกลุมเปาหมายพเิ ศษ เพือ่ ใหผูเรียนสามารถเรยี นรูไดทุกที ทกุ เวลา 2.7 พัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาใหไดมาตรฐาน มีการพัฒนาระบบการประกัน คณุ ภาพภายในทีส่ อดคลองกับบริบทและภารกจิ ของ กศน. มากขนึ้ เพ่อื พรอมรับการประเมินคุณภาพภายนอก โดยพฒั นาบคุ ลากรใหมคี วามรู ความเขาใจ ตระหนักถึงความสาคญั ของระบบการประกันคุณภาพ และสามารถ ดาเนินการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษาไดอยางตอเน่ืองโดยใชการประเมินภายในดวยตนเอง และ จัดใหมีระบบสถานศึกษาพ่ีเลี้ยงเขาไปสนับสนุนอยางใกลชิด สาหรับสถานศึกษาท่ียังไมไดเขารับการประเมิน คุณภาพภายนอก ใหพัฒนาคุณภาพการจดั การศกึ ษาใหไดคณุ ภาพตามมาตรฐานท่กี าหนด 6. ดานบุคลากรระบบการบรหิ ารจัดการ และการมีสวนรวมของทุกภาคสวน 6.1 การพฒั นาบคุ ลากร 1) พัฒนาบคุ ลากรทกุ ระดบั ทกุ ประเภทใหมีสมรรถนะสูงขึน้ อยางตอเน่ือง ท้งั กอนและระหวางการ ดารงตาแหนงเพือ่ ใหมีเจตคติท่ีดใี นการปฏิบัติงานใหมีความรูและทักษะตามมาตรฐานตาแหนง ใหตรงกับสาย งาน ความชานาญ และความตองการของบคุ ลากรสามารถปฏิบตั งิ านและบรหิ ารจัดการการดาเนนิ งานของ หนวยงานและสถานศึกษาไดอยางมปี ระสิทธภิ าพรวมท้ังสงเสรมิ ใหขาราชการในสังกัดพัฒนาตนเองเพอื่ เล่ือน ตาแหนงหรอื เล่ือนวิทยฐานะโดยเนนการประเมนิ วิทยฐานะเชิงประจักษ 3) พัฒนาหัวหนา กศน.ตาบล/แขวงใหมีสมรรถนะสูงขึ้น เพ่ือการบริหารจัดการ กศน.ตาบล/แขวง และการปฏิบัติงานตามบทบาทภารกิจอยางมีประสิทธิภาพ โดยเนนการเปนนักจัดการความรูและผูอานวย ความสะดวกในการเรยี นรูเพ่อื ใหผูเรียนเกดิ การเรยี นรูท่มี ปี ระสิทธิภาพอยางแทจรงิ 4) พัฒนาครู กศน. และบุคลากรท่ีเกี่ยวของกับการจัดการศึกษาใหสามารถจัดรูปแบบการเรียนรูได อยางมคี ณุ ภาพโดยสงเสริมใหมคี วามรูความสามารถในการจัดทาแผนการสอน การจัดกระบวนการเรียนรู การ วัดและประเมินผล และการวิจยั เบอื้ งตน 5) พัฒนาศักยภาพบุคลากร ท่ีรับผิดชอบการบริการการศึกษาและการเรียนรู ให มีความรู ความสามารถและมคี วามเปนมอื อาชีพในการจดั บรกิ ารสงเสรมิ การเรยี นรูตลอดชีวิตของประชาชน 6) สงเสรมิ ใหคณะกรรมการ กศน. ทุกระดับ และคณะกรรมการสถานศึกษา มีสวนรวมในการบริหาร การดาเนินงานตามบทบาทภารกจิ ของ กศน.อยางมปี ระสทิ ธภิ าพ 7) พัฒนาอาสาสมัคร กศน. ใหสามารถทาหนาที่สนับสนุนการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอธั ยาศยั ไดอยางมีประสิทธภิ าพ
สรุปผลการดาเนินงานการจัดกจิ กรรมโครงการส่งเสรมิ ดูแลสุขภาวะและสขุ อนามยั ของประชาชนในชมุ ชน จานวน ๖ ช่วั โมง | ๔ 6.3 การพัฒนาระบบบรหิ ารจดั การ 1) พฒั นาระบบฐานขอมลู ใหมีความครบถวน ถูกตอง ทันสมัยและเชื่อมโยงกันท่ัวประเทศอยางเปน ระบบเพือ่ ใหหนวยงานและสถานศึกษาในสังกัดสามารถนาไปใชเปนเคร่ืองมือสาคัญในการบริหารการวางแผน การปฏบิ ัติงาน การติดตามประเมนิ ผล รวมทั้งจดั บริการการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอยางมี ประสิทธภิ าพ 2) เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการงบประมาณ โดยพัฒนาระบบการกากับ ควบคุม และเรงรัด การเบกิ จายงบประมาณใหเปนตามเปาหมายทีก่ าหนดไว 3) พัฒนาระบบฐานขอมูลรวมของนักศึกษา กศน. ใหมีความครบถวน ถูกตอง ทันสมัย และเชื่อมโยง กันทั่วประเทศ สามารถสืบคนและสอบทานไดทันความตองการเพ่ือประโยชนในการจัดการศึกษาใหกับผูเรียน และการบรหิ ารจดั การอยางมปี ระสทิ ธภิ าพ 5) สรางความรวมมือของภาคีเครือขายทุกภาคสวน ท้ังภาครัฐ เอกชน ประชาสังคมท้ังในประเทศ และตางประเทศ รวมท้ังสงเสริมและสนับสนุนการมีสวนรวมของชุมชนเพ่ือสรางความเขาใจ และใหเกิด ความรวมมือในการสงเสริม สนบั สนนุ และจดั การศึกษาและการเรียนรูใหกับประชาชนอยางมีคุณภาพ 7) พัฒนาและปรับระบบวิธีการปฏิบัติราชการใหทันสมัย มีความโปรงใส ปลอดการทุจริตและ ประพฤตมิ ิชอบ บริหารจดั การบนขอมลู และหลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ มงุ ผลสัมฤทธมิ์ ีความโปรงใส 6.4 การกากับ นิเทศตดิ ตามประเมิน และรายงานผล 1) สรางกลไกการกากับ นิเทศ ติดตาม ประเมิน และรายงานผลการดาเนินงานการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอธั ยาศัยใหเชื่อมโยงกบั หนวยงาน สถานศกึ ษา และภาคเี ครือขายทง้ั ระบบ 2) ใหหนวยงานและสถานศึกษาท่ีเกย่ี วของทุกระดับ พัฒนาระบบกลไกการกากับ ติดตามและรายงาน ผลการนานโยบายสูการปฏิบัติ ใหสามารถตอบสนองการดาเนินงานตามนโยบายในแตละเรื่องไดอยางมี ประสทิ ธิภาพ 3) สงเสรมิ การใชเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และสื่ออ่ืน ๆ ที่เหมาะสม เพื่อการกากับนิเทศ ติดตาม ประเมินผล และรายงานผลอยางมปี ระสทิ ธิภาพ 4) พัฒนากลไกการตดิ ตามประเมินผลการปฏิบตั ิราชการตามคารับรองการปฏิบัติราชการประจาปของ หนวยงาน สถานศึกษา เพ่ือการรายงานผลตามตัวชี้วัดในคารับรองการปฏิบัติราชการประจาป ของสานักงาน กศน.ใหดาเนินไปอยางมีประสิทธภิ าพ เปนไปตามเกณฑ วธิ ีการ และระยะเวลาท่กี าหนด 5) ใหมีการเชื่อมโยงระบบการนิเทศในทุกระดับ ทั้งหนวยงานภายในและภายนอกองคกร ต้ังแตสวน กลาง ภูมิภาค กลุมจังหวัด จังหวัด อาเภอ/เขต และตาบล/แขวง เพื่อความเป นเอกภาพในการใชขอมู ลและการพัฒนางานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั
สรุปผลการดาเนนิ งานการจดั กิจกรรมโครงการสง่ เสรมิ ดูแลสขุ ภาวะและสขุ อนามยั ของประชาชนในชุมชน จานวน ๖ ชว่ั โมง | ๕ ๒. หลักการและเหตุผล ปจั จุบันสังคมของคนไทยเริ่มเปล่ียนไปจากอดีต ดังจะเห็นได้จากบริบทการทางาน เศรษฐกิจ และวิถี ชีวิตท่ีเปล่ียนไป มีการแข่งขันทั้งทางด้านข่าวสารสารสนเทศและเทคโนโลยี ทาให้วิถีชีวิตของคนในสังคมต้อง เร่งรบี และแข่งขันตามกลไกเศรษฐกจิ แตใ่ นความเจรญิ น้นั ก่อใหเ้ กิดปญั หาตา่ งๆเกิดข้ึนดว้ ย ไม่ว่าจะเป็นปัญหา อาชญากรรม สุขภาพทั้งร่างกายจิตใจ ปัญหาหมอเถ่ือน แต่ระบบเศรษฐกิจนั้นยังคงดาเนินไปเรื่อยๆ โดยที่ ทรัพยากรท่ีสาคัญท่ีสุดคือทรัพยากรมนุษย์น้ันไม่ย่ังยืนและพัฒนาขึ้น เพราะร่างกายมนุษย์เส่ือมลงตาม กาลเวลา ประกอบกับมลภาวะทางส่งิ แวดลอ้ มท่ีเพ่ิมขึ้น แตเ่ วลาในการดแู ลสขุ ภาพของตนเองกลับน้อยลง เกิด ปัญหาด้านสุขภาพเพิ่มข้ึน ทาให้ประชาชนหันไปพ่ึงพาสินค้าท่ีจะทาให้สุขภาพดีจากส่ือต่างๆ เช่นยาลดความ อ้วน น้าสมุนไพรต่างๆ ซ่ึงไม่จาเป็นและมีราคาแพง ดังน้ันการสร้างเสริมสุขภาพด้วยวิธีง่ายๆและได้ผลจึงเป็น สง่ิ ที่เหมาะสมกับช่วงเวลาทีเ่ ศรษฐกจิ ไมด่ นี กั ตามนโยบายและจุดเน้นของกระทรวงศึกษาธิการ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 การพัฒนาและ เสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ ด้านการเรียนรู้ตลอดชีวิต กระทรวงศึกษาธิการได้กาหนดให้มีการ ส่งเสริมการเรียนการสอนท่ีเหมาะสมสาหรับผู้ที่เข้าสู่สังคมสูงวัย อาทิ อาชีพที่เหมาะสมรองรับสังคมผู้สูงวัย หลักสตู รการพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ และหลกั สูตรการดูแลผูส้ ูงวัย เป็นตน้ ดังนั้น ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอบางไทร ผู้รับผิดชอบจึงได้ ตระหนักและเห็นถึงความสาคัญของสุขภาวะและสุขอนามัยของผู้สูงอายุในชุมชน ตามนโยบายและจุดเน้น ของกระทรวงศึกษาธิการ ด้านการส่งเสริมการเรียนการสอนท่ีเหมาะสมสาหรับผู้ท่ีเข้าสู่สังคมสูงวัย จึงได้ จัดทาโครงการนขี้ ้นึ เพื่อให้ผ้สู ูงอายุและประชาชนในพื้นท่มี ีความรู้ ความเข้าใจเรือ่ งของสขุ ภาวะอนามัย และ นาไปประยุกต์ใชใ้ นชวี ติ ประจาวันไดอ้ ย่างมปี ระสิทธภิ าพและเกิดประสทิ ธิผลสูงสุดท้ังตอ่ ตนเอง และผอู้ ่ืน ๓. วตั ถุประสงค์ ๓.1 เพ่ือส่งเสริมใหผ้ ูเ้ ข้ารบั การอบรมมีความรู้ ความเข้าใจเกีย่ วกับเร่ืองของสขุ ภาวะอนามัย ๓.๒ เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมนาความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวันและถ่ายทอดความรู้ให้คนใน ครอบครวั ได้ ๔. กลมุ่ เปา้ หมาย จานวน ๑๗ คน ๔.๑ เชงิ ปรมิ าณ ๔.๑.๑ ประชาชน และผู้สนใจ ตาบลราชคราม ๔.๒ เชิงคุณภาพ ๔.๒.๑ รอ้ ยละ 100 ของประชาชนกลุ่มเปาู หมายเข้าร่วมโครงการ ๔.๒.๒ ร้อยละ 80 ของประชาชนกลุ่มเปูาหมายเข้าร่วมนาความรู้เร่ืองสุขภาวะอนามัยไปใช้ ในชีวติ ประจาวันและถ่ายทอดความรู้ใหผ้ ้อู ่ืน อยู่ในระดบั ดี ๔.๒.๓ ร้อยละ 80 ของประชาชนกลุ่มเปูาหมายเข้าร่วม มีความพึงพอใจต่อโครงการอยู่ใน ระดบั มาก
สรุปผลการดาเนินงานการจดั กิจกรรมโครงการส่งเสรมิ ดแู ลสขุ ภาวะและสุขอนามัยของประชาชนในชมุ ชน จานวน ๖ ช่วั โมง | ๖ ๕. วธิ ีดาเนินการ กจิ กรรมหลัก วัตถุประสงค์ กล่มุ เปา้ หมาย เป้าหมาย พื้นที่ดาเนนิ การ ระยะเวลา งบประมาณ ๑ คน กศน. ๑๕ – ๑๘ ๒,๒๐๐ บาท 1.ข้นั วางแผน (Plan) ๑๗ คน ตาบลราชคราม กุมภาพันธ์ ๑ คน ๒๕๖๔ 1.1 เตรียมคน - เพอื่ ให้ -ครู กศน.ตาบล กศน.ตาบล ๑๗ คน ราชคราม ๒๒ – ๒๓ 1.1.1 ประชุมช้ีแจง กลุ่มเป้าหมายรู้ อาเภอบางไทร ๑ คน กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ ประชาชน และรว่ มกันจัด -ประชาชน ๘ มนี าคม 1.1.2 แตง่ ตัง้ กิจกรรม -วทิ ยากร ๒๕๖๔ คณะกรรมการ - เพอื่ ให้สามารถใช้ ๑๓ มนี าคม ๒๕๖๔ ดาเนินงาน งบประมาณได้ 1.1.3 ประสาน อย่างเหมาะสม วทิ ยากร - เพื่อให้ 1.2 เตรียมงบประมาณ กลมุ่ เปา้ หมายได้ใช้ 1.2.1 เขียน วัสดุตามที่ โครงการเพื่อเสนอ - เพือ่ ให้จดั 1.3 เตรียมวสั ดุ กจิ กรรมไดบ้ รรลุ 1.3.1 สอ่ื การสอน วตั ถุประสงค์ 1.4 เตรยี มสถานท่ี 1.4.1 จดั สถานที่ เพอ่ื ใชอ้ บรม 2. ขน้ั ดาเนนิ การ (Do) 2.1 อบรมให้ความรู้เรื่อง - เพ่อื ให้ ประชาชนตาบล การสง่ เสรมิ ดแู ล กลุ่มเปา้ หมายมี ราชคราม สขุ ภาวะและสขุ อนามัย ความรใู้ นเรือ่ งการ -วทิ ยากร ของประชาชนในชมุ ชน ส่งเสรมิ ดแู ล สขุ ภาวะและ สุขอนามยั ของ ประชาชนในชุมชน
สรุปผลการดาเนนิ งานการจดั กจิ กรรมโครงการสง่ เสริมดูแลสขุ ภาวะและสุขอนามยั ของประชาชนในชุมชน จานวน ๖ ชัว่ โมง | ๗ กิจกรรมหลกั วตั ถุประสงค์ กลุ่มเปา้ หมาย เปา้ หมาย พ้ืนท่ดี าเนินการ ระยะเวลา งบประมาณ ๑๓ มนี าคม 2.2 จดั กระบวนการ - เพ่อื ให้ กศน.ตาบล ราชคราม ๒๕๖๔ เรยี นรู้เร่อื ง กลุ่มเป้าหมายเกดิ ประชาชนตาบล ๑๗ คน - การดูแลสุขภาวะ ความรู้ ความเขา้ ใจ ราชคราม ๑ คน อนามยั ของแม่และเดก็ ในการดูแลสุข -วทิ ยากร - การดูแลสขุ ภาวะ ภาวะอนามยั ของ อนามยั สาหรบั ผสู้ ูงอายุ แมแ่ ละเด็ก - การดแู ลและปอ้ งกนั ผสู้ งู อายุ และการ โรคตดิ เชื้อไวรัสโคโรนา ป้องกนั โรคโรคติด 2019 (COVID-19) เช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) รวมทง้ั แลกเปล่ียนเรียนรู้ ข้อมูลรว่ มกนั 3 ขนั้ ประเมิน (Check) 3.1 ประเมินระหวา่ ง กศน.ตาบล ๑๓ มีนาคม ราชคราม ๒๕๖๔ โครงการ โดยวิธีสงั เกต - เพื่อดูผลสัมฤทธ์ิ ครู กศน.อาเภอ ๑ คน บางไทร และซกั ถาม ในการนาความรูไ้ ป 3.2 ประเมินหลังการ ใช้ จัดโครงการ - เพื่อให้รบั รูผ้ ล 3.2.1 แบบสอบถาม การดาเนนิ ความพึงพอใจ โครงการ 4. ขั้นปรับปรงุ พฒั นา - เพอ่ื ใหไ้ ดข้ ้อสรุป - ครู กศน.อาเภอ ๑๗ คน กศน.อาเภอ ๑๓ – ๒๒ (Action) ในการปรับปรงุ การ บางไทร บางไทร มีนาคม ๒๕๖๔ 4.1 รายงานผลเพอ่ื รบั ทาโครงการ การประเมนิ โครงการท่ี - เพ่อื เขยี นรายงาน -คณะทางาน ประชุมประจาเดือน สรปุ ผลการ กศน.อาเภอ 4.2 สรุปผลการ ปรบั ปรงุ เปน็ ปรบั ปรุงผลการประเมนิ หลักฐานในการ บางไทร ปฏบิ ัติงาน รวบรวมข้อมูลนา 4.3 เขียนรายงาน - เพือ่ ให้ไดข้ อ้ สรปุ ผลการนเิ ทศและ สรุปผลการปรบั ปรงุ เพ่อื การทากจิ กรรม ประเมินผลมา เปน็ หลักฐานในการ เพ่อื เป็นหลักฐาน พฒั นาปรับปรงุ ปฏิบัติงาน ในการดาเนิน โครงการ แก้ไข
สรุปผลการดาเนินงานการจัดกิจกรรมโครงการส่งเสรมิ ดูแลสุขภาวะและสุขอนามยั ของประชาชนในชุมชน จานวน ๖ ชั่วโมง | ๘ ๖. งบประมาณ งบประมาณประจาปี ๒๕๖๔ แผนงาน : พ้ืนฐานด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากร มนุษย์ ผลผลิตที่ 4 ผู้รับบริการการศึกษานอกระบบ กิจกรรมจัดการศึกษานอกระบบ งบดาเนินงาน รหัสงบประมาณ 200023๖004000000 รหัสกิจกรรมหลัก 200021400P๒๗๓๐ แหล่งของเงิน 6๔11200 ศูนย์ต้นทุน 2000200214 จานวน ๒,๒๐๐ บาท (สองพันสองร้อยบาทถ้วน) ซ่ึงมี รายละเอียดค่าใช้จา่ ย ดังน้ี ๖.๑ คา่ อาหารกลางวนั จานวน ๒๒ คน x ๕0 บาท x ๑ มื้อ เป็นเงิน ๑,๑๐0 บาท ๖.๒ คา่ อาหารว่างและเคร่ืองดืม่ จานวน ๒๒ คน x ๕0 บาท x ๑ มือ้ เปน็ เงนิ ๑,๑๐0 บาท รวมเปน็ เงิน ๒,๒๐๐ บาท (-สองพนั สองร้อยบาทถ้วน-) หมายเหตุ ขอถัวจา่ ยทุกรายการตามทีจ่ ่ายจรงิ ๗. ระยะเวลา วันที่ ๑๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ๘. สถานท่ี ณ กศน.ตาบลราชคราม อาเภอบางไทร จงั หวัดพระนครศรีอยุธยา ๙. ผ้รู บั ผดิ ชอบโครงการ ๙.๑ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอบางไทร ๙.๒ กศน.ตาบลราชคราม ๑๐. โครงการทีเ่ กย่ี วข้อง ๑๐.๑ โครงการจัดการศกึ ษาเพ่อื พฒั นาทักษะชวี ติ ประจาปีงบประมาณ ๒๕๖๔ ๑๐.๒ โครงการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาสงั คมและชุมชน ประจาปงี บประมาณ ๒๕๖๔ ๑๐.๓ โครงการจัดกระบวนการเรียนรู้ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ประจาปีงบประมาณ ๒๕๖๔ ๑๐.๔ โครงการศูนยฝ์ ึกอาชพี ชุมชน ประจาปีงบประมาณ ๒๕๖๔ ๑๑. หนว่ ยงานเครือข่าย ๑๑.๑ เทศบาลตาบลราชคราม ๑๑.๒ วัด ๑๑.๓ ผนู้ าชุมชน ๑๑.๔ ภูมปิ ญั ญาทอ้ งถิ่น
สรปุ ผลการดาเนินงานการจัดกจิ กรรมโครงการส่งเสริมดูแลสุขภาวะและสขุ อนามัยของประชาชนในชุมชน จานวน ๖ ช่ัวโมง | ๙ ๑๒. ผลลัพธ์ (OUT COME) ผู้เข้าร่วมโครงการมีความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับการส่งเสริมดูแลสุขภาวะและสุขอนามัยของ ประชาชนในชุมชน ตลอดจนนาความรู้ที่ได้มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวันและถ่ายทอดความรู้ให้คนใน ครอบครวั ได้ ๑๓. ดชั นีช้ีวดั ผลสาเร็จของโครงการ ๑๓.๑ ตัวช้ีวัดผลผลิต (OUTPUT) 13.1.1 จานวนผเู้ ขา้ ร่วมโครงการ 13.1.2 จานวนผู้เข้าร่วมโครงการท่ีมีความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับการส่งเสริมดูแลสุขภาวะ และสุขอนามัยของประชาชนในชมุ ชน อยู่ในระดบั ดี 13.1.3 จานวนผู้เข้าร่วมโครงการที่นาความรู้มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวันอยู่ในระดับ มาก 13.1.4 จานวนผเู้ ข้ารว่ มโครงการท่มี ีความพงึ พอใจต่อโครงการ อยใู่ นระดับมาก ๑๓.๒ ตวั ช้ีวดั ผลลัพธ์ (OUTCOME) 13.2.1 ผู้เขา้ ร่วมโครงการ ไมน่ อ้ ยกวา่ ร้อยละ ๘0 คน นาความรู้ในในด้านการการส่งเสริม ดูแลสขุ ภาวะและสุขอนามัยของประชาชนในชมุ ชนไปปฏบิ ตั ใิ ช้ในการดาเนินชีวิตอยู่ในระดับ มาก ๑๔. การตดิ ตามและประเมนิ ผล 14.1 ประเมินระหว่างจัดโครงการ 14.1.1 สงั เกต ซักถาม การตอบคาถาม 14.2 ประเมินหลงั เสรจ็ ส้ินโครงการ 14.2.1 ตอบแบบสอบถามความพงึ พอใจ
สรปุ ผลการดาเนนิ งานการจัดกจิ กรรมโครงการสง่ เสริมดูแลสุขภาวะและสขุ อนามัยของประชาชนในชุมชน จานวน ๖ ช่วั โมง | ๑๐ บทท่ี ๒ เอกสารทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง 1. ความหมายของสขุ ภาพ สุขภาพ หมายถงึ “ความสขุ ปราศจากโรค ความสบาย” (พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525) สุขภาพ หมายถึง “สภาวะแห่งความสมบูรณ์ของร่างกายและจิตใจ รวมถึงการดารงชีวิตอยู่ในสังคม ได้อย่างเป็นปกติสุข และมิได้หมายความเฉพาะเพียงแต่การปราศจากโรคและทุพพลภาพเท่านั้น” Health is a state of complete physical mental and social well– being and not merely the absence of disease or infirmity)” (องค์การอนามัยโลก (WHO : World Health Organization 1946) “สุขภาพ” หมายถึง สุขภาวะ (state of well being) หรือภาวะที่เป็นสุขทั้งทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สงั คมและจิตวญิ ญาณ(spiritual/หรอื ปัญญา) คือ ความสขุ และคณุ ค่าชวี ิต (ตามนิยามของ WHO) “สุขภาพ”หมายถึง ภาวะของมนุษย์ที่สมบูรณ์ ทั้งทางกาย ทางจิต ทางปัญญา และทางสังคม เชื่อมโยงกันเปน็ องคร์ วมอย่างสมดลุ (พระราชบญั ญตั ิสขุ ภาพ) สุขภาพ หมายถงึ ภาวะทีป่ ราศจากโรคภยั ไข้เจ็บ ภาวะความสามารถท่ีพอเหมาะของแต่ละบุคคล ท่ี จะสามารถแสดงบทบาท และทางานได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ ในสังคมท่ีเขาอาศยั อยู่ สุขภาพ เปน็ สภาพแห่งความสขุ อันเกิดจากความสมดลุ ระหว่างร่างกายกบั จิตใจและความสามารถท่ี จะปรบั ตวั ใหเ้ ข้ากบั สง่ิ แวดล้อม ทัง้ ภายในและภายนอกร่างกายของตน สุขภาพในด้านสิทธิมนุษยชน การมีสุขภาพดี ถือว่าเป็นสิทธิข้ันพื้นฐาน ที่มนุษย์ทุกคนพึงมีพึง ได้ “สขุ ภาพ”เปน็ สทิ ธขิ องมนุษยชน มนุษย์ทุกคนไม่ว่าจะมีความแตกต่างกันทางด้าน เช้ือชาติ ศาสนา ความ เชื่อม่ันทางการเมือง ฐานะทางเศรษฐกิจและสังคม ย่อมมีสิทธิท่ีจะได้รับการส่งเสริมคุ้มครองเพื่อให้มีสุขภาพ ใน ระดับอันสมควร\" (รฐั ธรรมนูญขององค์การอนามัยโลก) นอกจากนี้ในรัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทยฉบับล่าสดุ ปี พ.ศ.2540 ได้กาหนดหน้าท่ีของรัฐใน การคุ้มครองสิทธิของราษฎรในด้านสุขภาพไว้ในหลายมาตราด้วยกัน เช่น มาตรา 52 ระบุถึงสิทธิในการรับ บริการทางสาธารณสขุ ทีไ่ ดม้ าตรฐาน มาตรา 53 ระบุความคุ้มครองเด็กและเยาวชน และมาตรา 86 ระบุถึง การคมุ้ ครองแรงงาน เปน็ ต้น ในสังคมไทยมีคากล่าวที่ว่า \"อโรคยา ปรมาลาภา\" \"ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ\" ซึ่งแสดงให้ เห็นว่า สังคมไทยก็มีมุมมองเรื่องสุขภาพในเชิงโรคภัยไข้เจ็บเป็นหลัก การดูแลสุขภาพของสังคมไทยจึงให้ คุณค่าและความสาคัญต่อการรักษาโรค มีการสร้างโรงพยาบาล และทุ่มเททรัพยากรส่วนใหญ่ท้ังของภาครัฐ และเอกชนไปในการรักษาพยาบาลในทางวทิ ยาศาสตร์การแพทย์ มองสุขภาพเป็นเร่ืองของการเปล่ียนแปลงใน ระดบั ต่างๆ ในมนษุ ย์วา่ แตกต่างไปจากคนทวั่ ๆ ไป มากนอ้ ยเพยี งใด เช่น - การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ ความคดิ และพฤตกิ รรม - การเปลีย่ นแปลงทางสรีรวทิ ยา การทาหน้าท่ขี องอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย - การเปลีย่ นแปลงทางเคมีภายในร่างกาย - การเปลี่ยนแปลงทางเนื้อเย่ือ รปู ร่างของสว่ นตา่ งๆ ในรา่ งกาย เปน็ ตน้
สรุปผลการดาเนนิ งานการจดั กจิ กรรมโครงการสง่ เสริมดูแลสุขภาวะและสขุ อนามยั ของประชาชนในชุมชน จานวน ๖ ช่ัวโมง | ๑๑ การเปล่ียนแปลงต่างๆ ที่กล่าว ต้องใช้ความรู้ความชานาญ และเครื่องมือช่วยวัด จึงเป็นเรื่องยากที่ คนนอกวงการวทิ ยาศาสตร์ และการแพทยจ์ ะเขา้ ใจได้โดยงา่ ย การมองสขุ ภาพแบบองค์รวมท่ีประกอบด้วยมิติท้ังสาม คือ ร่างกาย สังคม และจิตใจ ผสมผสานกับ การมองสขุ ภาพในเชิงบวก ธรรมนูญแห่งองค์การอนามัยโลก ในปี ค.ศ.1946 จึงได้บัญญัติความหมายของคา วา่ \"สุขภาพ\" ไว้ว่า \"สขุ ภาวะที่สมบูรณ์ ทั้งทางร่างกาย สังคม และจิตใจ ประกอบกัน ไม่ใช่เพียงการปราศจาก โรคภัยไข้เจ็บ หรือความพิการเท่าน้ัน\" แต่เนื่องด้วยความหมายของคาว่า สุขภาพ ที่องค์การอนามัยโลก ได้ บัญญตั ิข้นึ อย่างสมบูรณ์ และเป็นอุดมคติ คงจะบรรลุถึงได้ยากสาหรับคนทุกคน ดังน้ันในการตั้งเปูาหมายการ บรรลุสุขภาพดีถ้วนหน้าของพลโลกทุกคนในปี ค.ศ.2000 โดยองค์การอนามัยโลก เม่ือปี ค.ศ.1983 (4) จึง ระบรุ ะดบั สขุ ภาพ ทต่ี ้องการบรรลุถงึ ไว้เพียงระดับหนึง่ ว่า \"พลโลกทุกคนบรรลถุ ึงสถานะสขุ ภาพ ในระดับที่เอ้ือ ใหใ้ ชช้ วี ิตทมี่ ปี ระโยชน์ ท้งั ทางสงั คม และเศรษฐกจิ \" สุขภาพจึงมีความหมายท่ีเน้นความเป็นอยู่ที่สมบูรณ์ท้ังทางร่างกาย จิตใจ และสังคม น่ันคือ ต้องมี สุขภาพกาย สุขภาพจิต และสุขภาพทางสังคมครบทุกด้าน และในท่ีประชุมสมัชชาองค์การอนามัยโลก เม่ือ เดอื นพฤษภาคม พ.ศ. 2541 ได้ตกลงเติมคาว่า “Spiritual Well-being” หรือสุขภาวะทางจิตวิญญาณเข้า ไป ในคาจากัดความของสุขภาพเพ่ิมเติม จึงอาจกล่าวได้ว่า สุขภาพ หมายถึง ภาวะของการดารงชีวิตท่ีมี ความสมบูรณ์ท้งั ร่างกาย จติ ใจ รวมท้ังการอยู่ร่วมกันในสังคมได้ด้วยดี อยู่บนพ้ืนฐานของคุณธรรม และการใช้ สติปัญญา จะเห็นได้ว่าสุขภาพคือวิถีแห่งชีวิต โดยสุขภาพจะเป็นเสมือนหนึ่งวิถีทางหรือหนทางซึ่งจะนาบุคคล ไปสู่ความสุขและความสาเร็จต่างๆ นานาได้ หรืออาจกล่าวได้ว่า “สุขภาพชีวิต” ลักษณะของสุขภาพดี โดย ภาพรวม คือ รา่ งกายมีการพฒั นาสมวัย ร่างกายสามารถปฏิบัติภารกิจได้อย่างปกติ ตอบสนองต่อ ส่ิงแวดล้อม ได้เหมาะสม สามารถปรบั ตวั ใหส้ มดลุ ได้ มีกลไกปูองกนั อันตรายอย่างเหมาะสมจากมุมมองต่างๆ ทีน่ าเสนอ สรุปได้ว่าสุขภาพ คือ ความสุขกายสบายใจ มีชีวิตชีวา และมีคุณค่า จะต้องครอบคลุมสิ่งที่สาคัญ 4 ประการคือภาวะท่ัวไปของร่างกายและจิตใจจะต้องแข็งแรงสมบูรณ์ มีสุขภาวะทางจิตวิญญาณ จะต้อง ปราศจากโรคหรือความทุพพลภาพ จะต้องเป็นผู้ท่ีสามารถดารงตนและปฏิบัติภารกิจต่างๆ ในสังคมได้เป็น ปกติสุข 2. ความสาคัญของสขุ ภาพ สุขภาพเป็นส่ิงสาคัญและจาเป็นยิ่งต่อความเจริญงอกงามและพัฒนาการทุก ๆ ด้านในตัวบุคคล สขุ ภาพเปน็ รากฐานท่ีสาคัญของชีวิต โดยเร่ิมมาตั้งแต่มีการปฏิสนธิในครรภ์มารดาวัยทารก วัยผู้ใหญ่จนถึงวัย ชรา สมเดจ็ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไดต้ รัสไว้เป็นพระพทุ ธสุภาษิตวา่ “อโรคยา ปรมาลาภา” ซ่ึงแปลว่า “ความ ไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ” พระพุทธภาษิตข้อน้ี แม้แต่ชาวอารยประเทศทางตะวันตกก็ยังยอมรับนับถือ กัน และเห็นพ้องต้องกันว่า “สุขภาพคือพรอันประเสริฐสุด (Health is the greatest blessing of all)” นอกจากนย้ี ังมสี ุภาษิตของชาวอาหรบั โบราณกลา่ วไวว้ ่า “คนทมี่ ีสุขภาพดีคือคนท่ีมีความหวัง และคนท่ีมี ความหวังคือคนท่ีมีทุกส่ิงทุกอย่าง (He who has health has hope and he who has hope has everything)” ซง่ึ น่นั ก็หมายความวา่ สุขภาพจะเป็นเสมอื นหนง่ึ วถิ ีทางหรือหนทางซ่ึงจะนาบุคคลไปสู่ความสุข และความสาเรจ็ ต่างๆ นานาได้
สรปุ ผลการดาเนนิ งานการจดั กจิ กรรมโครงการสง่ เสรมิ ดูแลสขุ ภาวะและสุขอนามยั ของประชาชนในชมุ ชน จานวน ๖ ชั่วโมง | ๑๒ ชีวิตเป็นสิ่งมีค่าย่ิงกว่าทรัพย์สินใด ๆ ทุกคนย่อมรักษาและหวงแหนชีวิตของตนเอง ปรารถนาให้ ตนเองมีชีวิตท่ีอยู่เย็นเป็นสุข จึงจาเป็นต้องรักษาสุขภาพอนามัยให้แข็งแรงสมบูรณ์อยู่เสมอ การมีสุขภาพดี ปราศจากโรคภยั ไข้เจบ็ หรอื การบาดเจบ็ จากอุบัตเิ หตุต่าง ๆ มีกล้ามเน้ือที่ทางานได้ดี สามารถทางานได้อย่างมี ประสิทธิภาพ ร่างกายสามารถปรับตัวเข้ากับส่ิงแวดล้อมได้ดี ไม่มีความวิตกกังวล ไม่ถูกความเครียดมา รบกวน สามารถดารงชวี ติ อยใู่ นสังคมได้อย่างมคี วามสุข ย่อมเป็นสิ่งที่ปรารถนาของมนุษย์ทุกคน สุขภาพจึง เปรยี บเสมือนวิถีแห่งชีวติ ท่จี ะนาไปสคู่ วามสุขและความสาเรจ็ ต่างๆ ในชีวิตได้ ประสิทธิภาพในการทางานของประชาชนในทุกสาขาอาชีพจะต้องอาศัยสุขภาพที่ดี แข็งแรงสมบูรณ์ เป็นปัจจัยสาคัญ การพัฒนาประเทศจะดีหรือไม่ข้ึนอยู่กับสุขภาพที่ดีของคนในชาติเป็นสาคัญ ประเทศที่ ประชาชนมีสุขภาพดี มีสติปัญญา มีคุณธรรมและจริยธรรม มีความสามารถในการประกอบอาชีพเพ่ือเล้ียง ตนเองและครอบครวั ได้ ไม่เบยี ดเบยี นและทาร้ายซึง่ กันและกนั ยอ่ มเกิดความสงบสุข และเม่ือบุคคลในชาติมี สขุ ภาพกายและจติ ดี มมี นั สมองท่มี ีศกั ยภาพ ยอ่ มเป็นผู้ทมี่ ีความสามารถเรียนรู้ และสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ได้ดี ซ่งึ จะสง่ ผลต่อการพัฒนาทงั้ ด้านเศรษฐกิจและสังคมของประเทศโดยรวม กรอบความคิดเรื่องสุขภาพในปัจจุบันวางอยู่บนฐานท่ีว่าด้วยเรื่อง สุขภาวะ (well-being) ท้ังมิติทาง กาย ทางใจ ทางสังคม และทางปัญญา (จิตวิญญาณ)และท้ังมิติของคน ครอบครัว ชุมชน และสังคม ดังนั้น สุขภาพมีผลกระทบมาจากหลายปัจจัย จึงต้องให้ความสาคัญกับองค์ความรู้ ทั้งเรื่องของการดาเนินงานทาง สาธารณสุข การจัดบริการสาธารณสุข และเรื่องต่างๆ ที่ปรากฏในสังคม เพราะส่ิงเหล่าน้ีมีผลกระทบต่อ สขุ ภาพท้งั ทางตรง และทางออ้ ม ทง้ั ด้านบวก และด้านลบ องค์ความร้เู พื่อการพัฒนาสุขภาพและระบบสุขภาพ จึงไม่ใช่เร่ืองของระบบการแพทย์เพียงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องความร่วมมือกันของสังคม ท่ีจะมาร่วมสร้าง ค่านิยมที่ถูกต้องเก่ียวกับสุขภาพ สร้างส่ิงแวดล้อมที่ปลอดภัย และเอ้ือต่อการมีสุขภาพดี ร่วมสร้างวัฒนธรรม ของการดาเนินชวี ติ ทีไ่ ม่เบยี ดเบยี นตนเองและผู้อนื่ และรว่ มกันสร้างสงั คม ทอี่ ยู่รว่ มกนั อยา่ งมีสนั ติสุข 3. ปัจจัยที่มีผลตอ่ สขุ ภาพ มนุษย์เมื่อเกิดเป็นตัวอ่อนหลังการปฏิสนธิก็ได้รับอิทธิพลทางพันธุกรรมมาจากพ่อและแม่ที่เป็น ตัวกาหนดสุขภาพ บางคนจึงอาจได้รับโรคหรือความบกพร่องที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมติดตัวมาด้วย และ ระหว่างอยู่ในครรภ์มารดาสุขภาพของทารกก็ขึ้นอยู่กับสุขภาพของมารดาในขณะนั้น จนเมื่อคลอดออกมาสู่ โลกภายนอกกม็ ีปัจจยั มากมายทีม่ อี ทิ ธพิ ลต่อสขุ ภาพของมนุษย์ เช่น - ความยากจน การขาดรายได้นาไปสู่ความขาดแคลน อาหาร น้า ที่อยู่อาศัย เคร่ืองนุ่งห่มท่ีถูก สขุ ลกั ษณะ ขาดการศกึ ษา และด้อยฐานะในสงั คม - สงคราม ทาให้เกิดการบาดเจ็บ ความอดอยาก ขาดสาธารณปู โภค โรคระบาด - ดอ้ ยการศกึ ษา ขาดความรู้ ทาให้ไม่อาจดแู ล ปกปอู งสุขภาพของตัวเองได้ - การคมนาคม มีท้ังข้อดีข้อเสีย ข้อดี คือ ทาให้มีความสะดวกสบายในการเดินทาง ข้อเสีย อุบัติเหตุ เพ่มิ ขึน้ / การแพร่กระจายของโรคติดตอ่ จากพื้นทหี่ นึ่งไปยังอกี พนื้ ที่หน่ึง เป็นไปไดอ้ ย่างรวดเร็ว - มลภาวะ ฝุน เสียงดัง สารเคมี ล้วนมีผลเสียต่อสุขภาพ ผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ หรือทางานอยู่ใน โรงงานอตุ สาหกรรม ลว้ นไดร้ ับผลเสียจากมลภาวะ ถ้าไม่มีการควบคมุ
สรปุ ผลการดาเนินงานการจดั กิจกรรมโครงการส่งเสรมิ ดูแลสขุ ภาวะและสุขอนามยั ของประชาชนในชมุ ชน จานวน ๖ ชว่ั โมง | ๑๓ - อาหาร การบริโภคอาหารท่ีมีไขมันสูง มีความสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งลาไส้ เต้านม และต่อม ลูกหมาก ส่วนมะเร็งกระเพาะอาหาร และลาไส้ สัมพันธ์กับการกินอาหารรมควัน อาหารไหม้เกรียม และ อาหารหมักดอง - สว่ นคนท่ีกนิ จนอว้ นจะมโี อกาสเป็นโรคเบาหวาน และนวิ่ ในถุงน้าดี มากกว่าคนน้าหนักปกติ สาหรับ โรคหลอดเลือดหัวใจและสมองอุดตันซ่ึงเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตสูงสุดก็สัมพั นธ์กับการกินอาหารที่มี โคเลสเตอรอลสูง - บหุ ร่ี และสารเสพยต์ ดิ ลว้ นเปน็ ที่ทราบกนั ดี ถงึ พิษรา้ ยที่มีต่อสขุ ภาพ - การออกกาลงั กาย การขาดการออกกาลงั กายจะทาใหอ้ ่อนเพลีย วิงเวียนศีรษะ ปวดเม่ือยร่างกายได้ ง่าย นอกจากนี้ยงั ทาให้เส้นเอ็น กระดูก กล้ามเนื้อ และหวั ใจเสื่อมเร็วกวา่ ปกติ เปน็ ตน้ จากตวั อย่างที่ยกมาสามารถแบง่ ไดเ้ ปน็ 3 กลุ่มปัจจยั หลัก ๆ คือ 1) พนั ธุกรรม 2) สิง่ แวดลอ้ ม ทัง้ ในเชงิ กายภาพ ชีวภาพ และสังคม 3) พฤติกรรม และครรลองชีวิต เม่อื วิเคราะหส์ ขุ ภาพในองค์รวม จะเห็นว่ามปี ัจจยั ต่างๆ ทมี่ ผี ลกระทบตอ่ สุขภาพดังนี้ 3.1 ปจั จัยดา้ นตัวบุคคล คือ ปจั จัยของแต่ละบคุ คลไดแ้ ก่ 3.1.1 พนั ธุกรรม สิ่งมีชวี ิตทุกชีวติ ถูกกาหนดโดยพันธกุ รรม ซ่ึงถ่ายทอดมาจากบิดามารดา ความบกพรอ่ งทางพนั ธุกรรมเป็นสาเหตขุ องสภาพด้อยทางสุขภาพและการเกิดโรคภยั ต่างๆ ในปจั จุบัน ความก้าวหน้าทางการแพทย์ ทาให้สามารถค้นคว้าและเข้าใจถึงลักษณะสายพันธุกรรมต่างๆ ซ่ึงเป็นปัจจัย กาหนดลักษณะของมนุษย์ และเป็นต้นเหตุของโรคต่างๆ ได้เพ่ิมขึ้นเร่ือยๆ ทาให้เราสามารถนาไปใช้หาวิธี ปอู งกนั และแกไ้ ขขอ้ บกพรอ่ งตา่ งๆ ทจ่ี ะมีผลกระทบตอ่ สุขภาพของมนษุ ย์ไดเ้ พ่มิ ขนึ้ 3.1.2 พฤติกรรมดารงชีวิต เป็นทปี่ ระจักษ์ว่าพฤติกรรมการดารงชีวิตเป็นปัจจัยสาคัญในการเกิดโรค เช่น พฤติกรรมการกินอาหาร การใช้สารกระตุ้นต่างๆ เช่น เหล้า บุหร่ี ยาเสพติด เป็นสาเหตุของความเสื่อม ของระบบต่างๆ ของร่างกาย และยังสามารถก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อ เกิดเป็นโรคมะเร็งได้ มี การประมาณกนั ว่าประชากรโลกประมาณ 500 ลา้ นคน ท่ยี งั มีชวี ิตอยใู่ นขณะนี้ จะเสียชีวิตจากโรคท่ีมีต้นเหตุ จากบหุ ร่ี หากแนวโน้มแบบแผนการสูบบุหรีข่ องประชากรโลกยงั เปน็ เชน่ ปจั จบุ นั นอกจากน้ี ความเครียดในการดารงชีวิตประจาวัน การใช้ชีวิตประจาวันที่ไม่เหมาะสม การมีกิเลส ตัณหาความอยาก การเบียดเบียนทาร้ายมนุษย์ด้วยกัน การขาดการพักผ่อน ขาดการออกกาลังกายท่ีสมดุล พอเพยี ง รวมท้ังการมีพฤติกรรมทีเ่ สยี่ ง ประมาท ไม่คานึงถึงความปลอดภัยท้ังในการทางาน การปัจเจกบุคคล และบุคคลอ่นื ๆ ในสังคมดว้ ย
สรุปผลการดาเนินงานการจัดกจิ กรรมโครงการส่งเสรมิ ดแู ลสุขภาวะและสขุ อนามัยของประชาชนในชมุ ชน จานวน ๖ ช่วั โมง | ๑๔ 3.2 ปจั จยั ดา้ นสภาพแวดล้อมภายนอก สุขภาพของมนุษย์เก่ียวพันอย่างแน่นแฟูนกับระบบอ่ืนๆ ใน สังคมรอบๆ ตัว ไม่ว่าจะเป็นส่ิงแวดล้อมกายภาพ สภาพท่ีอยู่อาศัย สภาพอากาศที่เป็นพิษ ท่ีอยู่อาศัยที่ไม่ สะอาด ก่อให้เกิดพาหะนาโรคต่างๆย่อมเป็นปัจจัยที่บ่ันทอนสุขภาพ เช่นเดียวกับสภาพสงครามหรือความ วุ่นวาย ความไม่สงบทางการเมือง ก็เป็นต้นเหตุของการทาร้ายชีวิตมนุษย์ ก่อเกิดความพิการทางกาย ทาง จิตใจ ซึ่งเป็นท่ีตระหนักและพบเห็นโดยท่ัวไปด้านสิ่งแวดล้อมทางเศรษฐกิจและสังคมนั้น ความยากจนเป็น สาเหตุของความเจบ็ ปวุ ยและทุกขท์ รมานทส่ี าคญั ท่ีสุด ในขณะท่ีประชากรโลกมากกว่า 1,000 ล้านคน อยู่ใน สภาพทยี่ ากจนสดุ ขดี ความยากจนเป็นสาเหตทุ ีเ่ ด็กจานวนมากไมไ่ ด้รับวัคซีนปอู งกันโรคท่ีจาเป็น ประชาชนไม่ มีน้าสะอาดดื่ม ขาดสภาพสุขาภิบาลที่เหมาะสมตลอดจนมารดาต้องเสียชีวิตจากการคลอดบุตร ความยากจน เป็นต้นเหตุของอายุขัยที่ส้ัน ความพิการ ความทุกข์ทรมาน ความเครียด ภาวะจิตผิดปกติ การติดยาเสพติด ตลอดจนการฆ่าตัวตาย องค์การอนามัยโลกได้ประมาณการไว้ว่า ในแต่ละปี เด็กอายุต่ากว่า 5 ปี ท่ัวโลก ประมาณ 12.2 ล้านคน ตายจากสาเหตุซึ่งสามารถปูองกันได้ด้วยค่าใช้จ่ายไม่กี่เหรียญสหรัฐต่อหัว ในปี พ.ศ. 2543 ประชาชนของประเทศที่ร่ารวยที่มีอายุขัยเฉล่ีย 79 ปี ในขณะท่ีประชาชนในประเทศกลุ่มยากจนท่ีสุด บางประเทศมีอายุขัยเฉลี่ยเพียง 42 ปี ซ่ึงแตกตา่ งกนั เกอื บเทา่ ตวั 3.3 ปัจจัยด้านระบบบริการสุขภาพ ปัจจุบันได้มีการนาคาว่าระบบบริการสุขภาพไปใช้ใน ความหมายท่ีแตกต่างกันซ่ึงผู้ศึกษาจาเป็นจะต้องทาความเข้าใจให้ชัดเจนในเบื้องต้นในบางแห่งการกล่าวถึง ระบบบริการสุขภาพอาจจะกาหนดเพียงโครงสร้างองค์กร การให้บริการโดยระบบการแพทย์ตะวันตกที่มี แพทย์และบุคลากรวิชาชีพต่างๆ เป็นผู้ให้บริการ ในขณะท่ีนักมานุษยวิทยาทางการแพทย์ให้ความหมาย โดยรวมถงึ กจิ กรรมต่างๆ ในการใหก้ ารรกั ษาพยาบาลผ้ปู วุ ย ซ่ึงรวมความเชอื่ ทางศาสนา และความเช่ือพ้ืนบ้าน ตา่ งๆ ด้วย หากพิจารณาความหมายอย่างกว้างของระบบบริการสุขภาพ อาจมีความหมายรวมถึงการสร้าง สง่ิ แวดล้อมทส่ี ่งเสรมิ สขุ ภาพ การเสริมสร้างศักยภาพต่างๆ ที่ทาให้ประชาชนสามารถรักษาสุขภาพของตนเอง ให้ดี การปูองกันโรค การรักษาพยาบาลผู้ปุวย การฟื้นฟูสภาพผู้พิการ ซึ่งเป็นการพิจารณาองค์รวมของระบบ บริการเพ่ือสุขภาพ บนพ้ืนฐานของความม่ันคงทางสังคม (Social solidarity) จะเห็นได้ว่า ระบบบริการ สขุ ภาพเปน็ ระบบทีเ่ ชอ่ื มโยงกับระบบตา่ งๆ ของสงั คม และกอ่ เกิดบนพนื้ ฐานความเชื่อ คุณค่า วัฒนธรรม และ ประวตั ศิ าสตร์ของแตล่ ะชาติ ซง่ึ สามารถแสดงความเช่อื มโยงปจั จัยท่ีมีผลต่อสุขภาพและพลวัตรทเ่ี ก่ียวกับสขุ ภาพได้ดงั น้ี ภาพที่ 1 แสดงปจั จัยและความเชอื่ มโยงพลวตั ทีเ่ กย่ี วกับสุขภาพ ลกั ษณะทพี่ ึงประสงค์ของสขุ ภาพ 1. เกดิ และเตบิ โตข้ึนในครอบครวั ที่มคี วามพร้อมและอบอุ่น 2. ได้รับการพัฒนาทั้งทางกาย ทางใจ และสติปัญญาดีพอที่จะปรับตัว และอยู่ในโลกท่ี เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สามารถตัดสินใจในการบริโภคและมีพฤติกรรมท่ีเอ้ือต่อการมีสุขภาพดี มีจิตใจ สบาย สงบ 3. มีหลักประกันและสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพที่สมเหตุสมผล สะดวก คุณภาพดี โดยมี ค่าใช้จ่ายท่ีเหมาะสมและเปน็ ธรรม
สรุปผลการดาเนนิ งานการจดั กิจกรรมโครงการสง่ เสริมดูแลสุขภาวะและสขุ อนามัยของประชาชนในชุมชน จานวน ๖ ชั่วโมง | ๑๕ 4. อยู่ในชมุ ชนท่เี ข้มแข็ง มกี ารรวมพลงั และมีความรับผดิ ชอบร่วมกันในการดูแลสขุ ภาพของ ตนเอง ครอบครวั และชมุ ชน โดยเฉพาะเด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส และผู้พกิ าร 5. ดารงชีวิตแิ ละประกอบอาชีพ อยู่ในสภาพแวดล้อมทด่ี แี ละปลอดภยั 6. มีอายุยืนยาวอย่างมีคุณภาพ ไม่เจ็บปุวยอย่างไม่สมเหตุสมผล และตายอย่างสมศักดิ์ศรี ของความเปน็ มนุษย์ 4. องค์ประกอบของสขุ ภาพ ในอดตี คาวา่ สุขภาพ หมายถึง สขุ ภาพกายเป็นหลัก ตอ่ มาจงึ ได้รวมสุขภาพจิตเข้าไปด้วย เพราะเห็นว่า คนที่มีสขุ ภาพกายสมบรู ณ์แข็งแรง แต่สขุ ภาพจิตเสอ่ื มโทรมหรอื เปน็ โรคจติ ก็ไมส่ ามารถดาเนินชีวิตเป็นปกติสุข ได้ ซ้าร้ายอาจจะทาร้ายผู้อื่นได้อีกด้วย ปัจจุบัน คาว่า สุขภาพ มิได้หมายความเฉพาะสุขภาพกายและ สุขภาพจิตเท่านั้น แต่ยังได้รวมถึงสุขภาพสังคม และสุขภาพจิตวิญญาณอีกด้วย จึงสามารถสรุปได้ว่าใน ความหมายของ \"สุขภาพ\" ในปัจจบุ นั มอี งคป์ ระกอบ 4 สว่ น ด้วยกนั คอื 4.1 สุขภาพกาย (Physical Health) หมายถึง สภาพท่ีดีของร่างกาย กล่าวคือ อวัยวะต่างๆอยู่ใน สภาพที่ดี มีความแข็งแรงสมบูรณ์ ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ร่างกายสามารถทางานได้ตามปกติ และมี ความสมั พันธ์กบั ทุกสว่ นเปน็ อย่างดี และก่อให้เกิดประสทิ ธภิ าพทด่ี ีในการทางาน 4.2 สุขภาพจิต (Mental Health) หมายถึง สภาพของจิตใจท่ีสามารถควบคุมอารมณ์ได้ มีจิตใจเบิก บานแจ่มใส มิให้เกดิ ความคบั ข้องใจหรือขดั แย้งในจติ ใจ สามารถปรับตัวเข้ากับสังคมและส่ิงแวดล้อมได้อย่างมี ความสุข สามารถควบคุมอารมณ์ได้เหมาะสมกับสถานการณ์ต่าง ๆ ซึ่งผู้มีสุขภาพจิตดี ย่อมมีผลมาจาก สุขภาพกายดีด้วย ดังที่ John Lock ได้กล่าวไว้ว่า “A Sound mind is in a sound body” คือ “จิตใจท่ี แจ่มใส ย่อมอยูใ่ นร่างกายที่สมบรู ณ์” 4.3 สุขภาพสังคม (Social Health) หมายถึง บุคคลท่ีมีสภาวะทางกายและจิตใจท่ีสุขสมบูรณ์ มี สภาพของความเป็นอยู่หรือการดาเนินชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุข ไม่ทาให้ผู้อ่ืน หรือสังคม เดือดรอ้ น สามารถปฏสิ มั พนั ธ์และปรบั ตัวให้อยูใ่ นสงั คมไดเ้ ปน็ อย่างดีและมีความสุข 4.4 สุขภาพจิตวิญญาณ (Spiritual Health) หมายถึง สภาวะที่ดีของปัญญาท่ีมีความรู้ท่ัว รู้เท่าทัน และความเข้าใจอยา่ งแยกไดใ้ นเหตผุ ลแห่งความดีความชั่ว ความมีประโยชน์และความมีโทษ ซ่ึงนาไปสู่ความมี จติ อันดงี ามและเอื้อเฟ้อื เผ่อื แผ่ 5. มิตทิ างดา้ นสขุ ภาพ ในองค์ประกอบสุขภาพทง้ั 4 ดา้ นนัน้ แต่ละดา้ นยงั มี 4 มติ ิ ดังนี้ 5.1 การส่งเสริมสุขภาพ เป็นกลไกการสร้างความเข้มแข็งให้แก่สุขภาพกาย สุขภาพจิต สุขภาพสังคม และสุขภาพจติ วญิ ญาณ 5.2 การปอ้ งกันโรค ไดแ้ ก่ มาตรการลดความเส่ียงในการเกิดโรค รวมทั้งการสร้างภูมิคุ้มกันเฉพาะโรค ด้วยวิธกี ารต่างๆ นานา เพื่อมใิ ห้เกดิ โรคกาย โรคจิต โรคสงั คม และโรคจติ วญิ ญาณ 5.3 การรักษาโรค เม่ือเกิดโรคขึ้นแล้ว เราต้องเร่งวินิจฉัยโรคว่าเป็นโรคอะไร แล้วรีบให้การรักษาด้วย วธิ ที ไ่ี ด้ผลดที ่สี ดุ และปลอดภยั ทส่ี ดุ เท่าท่ีมนษุ ย์จะรู้และสามารถให้การบริการรักษาได้ เพื่อลดความเสียหายแก่ สุขภาพ หรอื แม้แต่เพือ่ ปูองกนั มิให้เสยี ชวี ติ
สรปุ ผลการดาเนินงานการจัดกิจกรรมโครงการสง่ เสริมดูแลสขุ ภาวะและสขุ อนามัยของประชาชนในชมุ ชน จานวน ๖ ชัว่ โมง | ๑๖ 5.4 การฟ้ืนฟสู ภาพ หลายโรคเม่ือเป็นแลว้ ก็อาจเกิดความเสียหายต่อการทางานของระบบอวัยวะหรือ ทาใหพ้ ิการ จงึ ต้องเร่มิ มาตรการฟื้นฟูใหก้ ลบั มามสี ภาพใกลเ้ คยี งปกตทิ ส่ี ดุ เทา่ ทจี่ ะทาได้ ทงั้ การสง่ เสริมสขุ ภาพ และการปอู งกันโรคน้ี เราเรียกรวมกันวา่ \"การสรา้ งสุขภาพ\" เป็นการทาก่อน เกดิ โรค สว่ นการรักษาโรค และการฟ้นื ฟูสภาพนี้ เราเรียกรวมกนั ว่า \"การซ่อมสุขภาพ\" เป็นการทาหลังจาก เกิดโรคแล้ว และเป็นท่ีเชื่อกันว่า \"การสร้างสุขภาพ\" มีประสิทธิผลดีกว่า และเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่า \"การซ่อม สุขภาพ\" เน่ืองจาก \"การสร้างสุขภาพ\" เป็นสิ่งที่ประชาชนสามารถทาได้ด้วยตัวเอง ส่วน \"การซ่อม สุขภาพ\" ต้องอาศัยหนว่ ยงานด้านการแพทยเ์ ปน็ หลัก แม้ว่าสุขภาพโดยองค์รวมแล้วจะเป็นภาวะของมนุษย์ท่ีเช่ือมโยงกันท้ัง ทางกาย ทางจิต ทางปัญญา และทางสังคม แต่ในเรื่องของสถิติสาขาสุขภาพนั้น มีข้อจากัดในการศึกษาทาให้ในขั้นต้นจะกล่าวถึงเฉพาะ สุขภาพทางกาย และสขุ ภาพทางจิต เทา่ นนั้ 6. สขุ ภาพองค์รวม สุขภาพของมนุษย์ประกอบด้วยร่างกาย จิตใจ สังคม และสติปัญญาขณะเดียวกันการดารงชีวิตก็มิอาจ แยกตวั อยโู่ ดดเด่ยี วได้หากยังต้องมีความสัมพันธ์กับคนอ่ืน เร่ิมจากพ่อ แม่ ญาติพ่ีน้องไปจนถึงผู้คนในสังคมด้วย เหตุนบี้ ุคคลตอ้ งมีสุขภาพทางกายและจิตใจจะต้องสัมพนั ธก์ ันด้วยดีควบคู่ไปกับความสัมพันธ์ทางสังคมถึงจะทาให้ เกิดภาวะสุขภาพท่ีดีได้ แม้จะปลอดโรคหรือปัจจัยทางกายภาพท่ีเป็นตัวก่อโรคก็ใช่ว่าบุคคลจะมีสุขภาพหรือสุข ภาวะท่ีดีได้ การเสริมสรา้ งสุขภาพในลกั ษณะตา่ ง ๆ จึงเปน็ การปรับตวั ให้เข้ากับสง่ิ แวดลอ้ มอย่างสมดุล ครอบคลุม ร่างกายทั่วทุกระบบ การปรับตัวลักษณะน้ีนอกจากการปรับตัวทางด้านร่างกายแล้วต้องมีการปรับตัวด้าน พฤติกรรมและการปรับตัวระดับจิตสานึก หากเกิดข้ึนอย่างต่อเนื่องย่อมก่อให้เกิดแบบแผนในระดับบุคคล เรยี กวา่ วิถชี วี ิต บคุ ลิกภาพ และอุปนิสัย หากเกิดขึ้นอย่างสอดคล้องท้ังชุมชนหรือสังคมย่อมกลายเป็นวัฒนธรรม สขุ ภาพซ่งึ เป็นเร่ืองของดุลยภาพในท่ามกลางปฏิสัมพันธ์กับส่ิงแวดล้อมรวมท้ังแนวทางในการรักษาสุขภาพที่เน้น การดารงชีวิตให้มีความประสานสอดคล้องกับกฎเกณฑ์ธรรมชาติ การส่งเสริมให้บุคคลมีชีวิตท่ีสมดุลบุคคลแต่ละ คนจะมีบทบาทมากท่สี ดุ ในการดูแลสุขภาพของตนเอง บุคคลภายนอกหรือเทคโนโลยีมีส่วนช่วยหนุนเสริมเท่านั้น การมีสุขภาพดีไม่ใช่ข้ึนอยู่กับความก้าวหน้าทางการแพทย์เพียงอย่างเดียวแต่ขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อมท่ีดีรวมทั้งมี ครอบครวั ทอี่ บอุ่นและชุมชนทีเ่ อื้ออาทรตอ่ กัน 6.1 นิยาม แนวคิดแบบสุขภาพองค์รวมมองวา่ โรคมิได้เกิดจากสาเหตุใดสาเหตุหนึ่งเพียงอย่างเดียวแม้กระทั่งโรค ติดเช้ือก็มีสาเหตุมาจากปัจจัยอื่นนอกจากตัวเชื้อโรคเอง กล่าวอีกนัยหน่ึงสุขภาพองค์รวมมีทัศนะว่าโรคแต่ละ โรคนั้นเกิดจากหลายสาเหตุ มีหลายองค์ประกอบเข้ามาเก่ียวข้อง และองค์ประกอบเหล่านั้นมิได้มีแค่ องคป์ ระกอบทางกายภาพเท่านน้ั หากมักมีองคป์ ระกอบทางด้านจิตใจและความสัมพันธ์ทางสังคมเข้าเกี่ยวข้อง ด้วยเสมอ สุขภาพเป็นตัวตัดสินท่ีสะท้อนถึงการที่เราเข้าไปเก่ียวข้องสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมทางกายภาพและ ทางสังคมรอบตัวเราอย่างไร เรามีทัศนคติอย่างไร และเรามีปฏิสัมพันธ์กับคนอ่ืนอย่างไร ด้วยการ มอง “สุขภาพ”ในฐานะทเ่ี ปน็ ท้ังหมด (Totality) ของการมีชีวิตอยู่ของบุคคลจึงเป็นทรรศนะแบบองค์รวมของ เร่ืองสุขภาพ (Holistic view of health) ซึ่งมาจากการมีปฏิสัมพันธ์กันของปัจจัยทางกายภาพ ทางจิตใจ อารมณ์ สังคม จิตวิญญาณ และสิ่งแวดล้อมท่ีทาให้บุคคลมีคุณภาพชีวิตโดยไม่สามารถแยกแยะ
สรปุ ผลการดาเนนิ งานการจดั กจิ กรรมโครงการส่งเสรมิ ดูแลสุขภาวะและสุขอนามัยของประชาชนในชุมชน จานวน ๖ ช่วั โมง | ๑๗ จิตใจ ร่างกาย หรือส่ิงแวดล้อมออกจากกันอย่างอิสระแต่ต้องมองอย่างเชื่อมโยงมีอิทธิพลซึ่งกันและกัน ซ่ึง ผลลพั ธ์ขององค์รวมต้องมาจากแนวคิดทีห่ ลากหลาย (Mcevor and Duffy , 2008, p.418) พระไพศาล วิสาโล (2550) ให้คาจากัดความของสุขภาพแบบองค์รวมว่า “การคิดแบบองค์ รวม” เป็นการเช่อื มโยงชวี ิตของผู้คนกับสงั คม สง่ิ แวดลอ้ ม การเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม ศาสนา จึงควรปรับ ทรรศนะเร่ืองสุขภาพทั้งหมดของประชาชนและสาธารณะรวมถึงศึกษาวิจัยการแพทย์พหุลักษณ์ทุกด้านโดย เน้นความเข้าใจวิธีคิดของประชาชน จึงเป็นการศึกษาระบบคิดหรือศึกษาวัฒนธรรมในทรรศนะคุณค่าของ วัฒนธรรมท้องถ่ินกับการพัฒนาที่มีเปูาหมายให้เกิดความหลากหลายท่ีบูรณาการขึ้น เป็นการเปิดคุณค่าให้ สังคมมีทางออก ดังน้ันสุขภาพองค์รวมจึงเกี่ยวข้องกับเร่ืองวัฒนธรรม ความหลากหลายของท้องถิ่น การ ส่งเสริมให้มีองค์กรชุมชนเพื่อให้ชุมชนเป็นตัวของตัวเอง สามารถพัฒนาเศรษฐกิจ จิตใจ วัฒนธรรม การเมือง สิ่งแวดล้อม ที่สามารถพ่ึงตนเองได้ เป็นประชาธิปไตย มีการกระจายอานาจมีความชอบธรรม ส่งเสริมการ จัดตั้งสถานบาบัดธรรมชาติ เช่น เกษตรผสมผสาน เกษตรไร้สารเคมี ทาให้ได้สัมผัสธรรมชาติ สัมผัสกับเพื่อน บ้านรวมถงึ ชุมชนรอบขา้ งไดร้ ับประทานอาหารปลอดสารพิษได้อยู่กบั ธรรมชาติ โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์ (2549) ให้นิยามสุขภาพแบบองค์รวมว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับท้ังชีวิต มากกวา่ การเน้นแคค่ วามเจบ็ ปุวยหรือการจัดการกับส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย โดยพิจารณา “คนทั้งคน” ที่ เก่ียวเน่ืองกันของร่างกายจิตใจ และจิตวิญญาณ รวมทั้งปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ ท่ีมีปฏิสัมพันธ์กับคนคน น้ัน สุขภาพแบบองค์รวมเน้นความสัมพันธ์ที่มีดุลยภาพของระบบสุขภาพที่ไม่มีการแยกขาดระหว่างร่างกาย จิต สังคม และนิเวศวิทยา กระบวนการทางสุขภาพจึงไม่แยกขาดตัดตอนออกจากกระบวนการทางสังคม วัฒนธรรม และส่ิงแวดล้อม สุขภาพแบบองค์รวมจึงมิได้หมายถึงเฉพาะเทคนิคการดูแลสุขภาพแต่รวมถึงการ ปรับวถิ ีชวี ติ พฤติกรรมสขุ ภาพ การกนิ อาหาร ตลอดจนการเข้าไปเก่ียวข้องกับสังคมของบุคคลด้วยภารกิจของ การสร้างระบบสุขภาพที่เป็นองค์รวมจึงเป็นเร่ืองของการสร้างองค์ความรู้หากเห็นความสาคัญของการท่ีจะทา ให้จินตนาการใหม่ของระบบสุขภาพที่ต้องการให้เกิดบริการสุขภาพท่ีมีหัวใจของความเป็นมนุษย์เป็นจริงและ เขา้ ใจลกั ษณะองค์รวมของความเป็นมนุษย์จะต้องมีความเข้มแข็งทางวิชาการอย่างมากและมีการสร้างความรู้ และทกั ษะต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ในการสร้างกลไกเพื่อพัฒนาความรู้ในการเข้าใจสุขภาพในมิติองค์รวมมากข้ึน และทาอย่างไรให้คนทางานบริการระดับต้นมีความละเอียดอ่อนลึกซึ้งสามารถผสมผสานศาสตร์และศิลป์ท่ีจะ ทาให้บริการสขุ ภาพมีมติ ิของความเป็นมนุษย์ ในขณะที่ชมุ ชนเปน็ ผ้ถู กู กระทาตามความรูแ้ ละทักษะที่นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญสร้างข้ึนแต่น่ันกลับ ไมไ่ ดท้ าใหผ้ ูค้ นในชมุ ชนมสี ขุ ภาพท่ีดไี ดต้ ามความคาดหวงั และยังซา้ เตมิ ใหค้ นในชุมชนขาดการพ่ึงตนเอง ดังน้ัน ปรัชญาสุขภาพแบบองค์รวม (Holistic health philosophy) จึงเป็นการทาให้แต่ละบุคคลสามารถสร้าง คุณภาพชวี ิตของตนเองได้ นาไปสกู่ ารดูแลตนเองและสร้างเง่ือนไขท่ีบุคคลสามารถส่งเสริมและปูองกันสุขภาพ ของตนเองให้ปราศจากโรคและมีความเป็นอยู่อย่างมีคุณภาพ แต่เน่ืองจากมีความแตกต่างของกระบวนทัศน์ พื้นฐานเก่ียวกับมนุษย์และธรรมชาติทาให้เกิดความขัดแย้งในระดับปรัชญาพื้นฐานท่ีทาความเข้าใจในเร่ือง สขุ ภาพ
สรุปผลการดาเนนิ งานการจดั กิจกรรมโครงการสง่ เสรมิ ดูแลสุขภาวะและสขุ อนามยั ของประชาชนในชมุ ชน จานวน ๖ ชว่ั โมง | ๑๘ 6.2 ปรัชญาและแนวคิดสุขภาพแบบองค์รวม ชีวติ ในโลกยคุ ปัจจบุ ันมแี ตค่ วามรีบรอ้ นและขาดการดูแลสุขภาพท่ดี ี ทงั้ นี้ เพราะทุกคนม่งุ สนใจ แต่การทางาน และทาหนักข้ึนเร่ือยๆ ซึ่งบางครั้งก็ไม่รู้ว่าสุขภาพเป็นอย่างไร จะมารู้ตัวอีกทีก็ต่อเมื่อมีอาการ ผิดปกติ เช่น อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ มีไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูงเป็นต้น ซ่ึงเท่ากับว่าเราละเลยไม่ได้ ดูแลและปูองกนั ตัวเราเองจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ด้วยเหตุน้ี คนจานวนมากจึงหันกลับมาคิดและดูแลตนเอง แบบองค์รวมทงั้ ร่างกาย จติ ใจ และจติ วิญญาณ ทร่ี ูจ้ ักในชือ่ สุขภาพองค์รวมหรือ holistic health นน่ั เอง สุขภาพองค์รวม หมายถึงความสมดุลของทั้งทางร่างกาย จิตใจ สังคมและจิตวิญญาณไม่เพียงแต่ไม่ เจ็บปวุ ยหรอื ไม่มโี รคหากยงั ครอบคลุมถึงการดาเนนิ ชีวติ ท่ียืนยาวและมีความสุขของทกุ คนดว้ ย ปรชั ญาสุขภาพแบบองคร์ วมท่เี ป็นขอ้ โต้แยง้ ระหว่างปรัชญาตะวันตกและตะวันออก เนื่องจากปัญหา ด้านสุขภาพในปัจจุบันมีความสลับซับซ้อนมากขึ้นได้มีปัญหาใหม่ท่ีรุนแรงเกิดขึ้น ยากที่จะแก้ไขจนกระท่ัง การแพทย์สมัยใหม่ และเทคโนโลยีทางการแพทย์ไม่สามารถสนองตอบต่อปัญหาสุขภาพท่ีหลากหลายของ ปัจเจกได้ วิกฤตการณ์ท่ีมนุษย์เผชิญอยู่ในปัจจุบันท้ังในวิถีชีวิตทางสังคม ทางธรรมชาติ และระบบนิเวศเป็น ผลมาจากกระบวนทศั นใ์ นการเข้าใจ “ความจรงิ ” ท่ีผิดพลาดของวิธีวิทยาแบบตะวันตกทาให้การขยายผลไปสู่ การปฏิบัติมีปัญหาและทาให้การสร้างความรู้มีข้อบกพร่องโดยนัยยะน้ีวิกฤตการณ์ด้านสุขภาพในปัจจุบันจึง เป็นภาพสะท้อนของปัญหากระบวนทัศน์ด้านสุขภาพและวิธีวิทยาในการแสวงหาความรู้ที่มีข้อบกพร่องด้วย เช่นกัน ซ่ึงปัญหาดังกล่าวเกิดจากความแตกต่างของกระบวนทัศน์ที่ตอบคาถามพ้ืนฐานเก่ียวกับมนุษย์และ ธรรมชาตดิ ้วยโลกทศั น์ทแ่ี ตกต่างกนั อย่างส้ินเชิง นกั วิชาการท่โี ต้แยง้ กระบวนทศั นล์ ดสว่ น กลไกและวิธีวทิ ยาแบบตะวนั ตกไดอ้ ธบิ าpปรากฏการณ์ของ ข้อขดั แยง้ ในกระบวนทศั นส์ ขุ ภาพจานวนมากที่เสนอให้หันมาศึกษาการคดิ แบบองคร์ วมหรือการคิดถึงสรรพส่ิง ในจักรวาลแบบไม่แยกส่วนเพราะทุกสิ่งล้วนเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันการหันกลับมาทบทวนแนวคิดต่าง ๆ ที่ เกี่ยวข้องกับเรื่องสุขภาพและการเจ็บปุวยโดยเฉพาะในมุมมองของนักสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา จึงเป็น ทางออกทางหนึ่งของปัญหาสุขภาพของคนในสังคม โดยการมุ่งหากระบวนทัศน์ใหม่ที่ใช้ปัญหาเป็นตัว ตั้ง (Problem Orientation) พิจารณาอย่างรอบด้านโดยไม่แยกส่วน ทาให้ทรรศนะแบบองค์รวมเข้ามามี อิทธิพลต่อเร่ืองสุขภาพ จึงต้องพิจารณาครอบคลุมท้ัง 4 มิติ อย่างเชื่อมโยงเป็นองค์รวมและมอง มนุษย์ 2 ระดับ คือ มนุษย์เป็นระบบชีวิตที่ประกอบด้วยระบบย่อยท่ีเก่ียวเนื่องและพึ่งพิงกันไม่อาจแยกจาก กันได้ และมนุษย์อยู่ในฐานะระบบย่อยของระบบที่ใหญ่กว่า เช่น ระบบสังคมและธรรมชาติแวดล้อมดังน้ัน มนุษย์จึงได้รับผลกระทบจากการเปล่ียนแปลงของส่ิงแวดล้อมและขณะเดียวกันก็ส่งผลกระทบและพยายาม เปล่ียนแปลงส่ิงแวดล้อมอยู่เสมอสุขภาพที่ดีจึงมิได้อยู่ท่ีการคิดค้นยาหรือสารใหม่ และสุขภาพทางสังคมก็มิได้ อยทู่ ก่ี ารคดิ ค้นเทคโนโลยีเพ่อื ให้มนุษย์ใช้ทรัพยากรได้อย่างไม่จากัดโดยไม่คานึงถึงมลพิษและความเสื่อมโทรม ของทรัพยากรแตส่ ุขภาพทง้ั ระดับบุคคล สังคม และสิ่งแวดล้อมจะยัง่ ยนื ได้ต่อเมื่อมีการเปล่ียนแปลงพฤติกรรม ทั้งตอ่ ตนเอง สังคม และส่ิงแวดล้อมโดยทรรศนะการประสานกลมกลืนอย่างมดี ลุ ยภาพทกุ ระดับ
สรปุ ผลการดาเนนิ งานการจดั กจิ กรรมโครงการสง่ เสริมดแู ลสุขภาวะและสขุ อนามยั ของประชาชนในชุมชน จานวน ๖ ชัว่ โมง | ๑๙ แนวคิดเร่อื งสขุ ภาพองคร์ วมไดจ้ างหายไปช่ัวคราวจากสังคมตะวันตกในช่วงศตวรรษท่ี 20 เน่ืองจาก ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ท่ีหักเหค่านิยมความเชื่อของคนเก่ียวกับสุขภาพว่าตัวเช้ือโรค คือ สาเหตุของความเจ็บปุวยและต้องใช้ยาสังเคราะห์เพ่ือฆ่าเชื้อโรคและแก้ปัญหาที่เก่ียวกับสุขภาพ โดยไม่ต้อง สนใจต่อวิถีชีวิตและสุขภาพที่ไม่เหมาะสมอย่างไรก็ตามในบางสภาวะของสุขภาพการใช้วิธีรักษาแบบแผน ปัจจุบันเป็นอันตรายต่อสุขภาพมากกว่าตัวเช้ือโรคเสียอีก นอกจากน้ีโรคเร้ือรังอีกหลายโรคไม่ตอบสนองต่อ การบาบัดทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ ประชาชนจึงเร่ิมแสวงหาทางเลือกอ่ืนและหันกลับไปสู่วิถีการดูแล สุขภาพแบบองค์รวม (Holistic lifestyle) และการบาบัดแบบองค์รวม (Holistic healing) ซ่ึงมีเทคนิค ทางเลอื กให้เลือกมากข้นึ 6.3 หลกั การพนื้ ฐานของสุขภาพองค์รวม สุขภาพแบบองค์รวมมีพ้ืนฐานอยู่บนกฎเกณฑ์ที่ว่า “ส่วนรวมท้ังหมดถูกสร้างข้ึนมาจากส่วนย่อยที่ สัมพันธ์เกี่ยวเนื่องและพ่ึงพาต่อกัน” โลกประกอบด้วย อากาศ พ้ืนดิน น้า พืช และสัตว์ท่ีต้องอาศัยและพึ่งพา ซึ่งกันและกัน ไม่สามารถแยกจากกันได้เพราะถ้าส่วนใดส่วนหนึ่งสูญเสียหรือถูกทาลายไปจะทาให้ดุลย์ ความสัมพันธร์ ะหวา่ งส่วนต่าง ๆ เสียไป ซ่ึงจะทาให้ส่วนอ่ืนถูกทาลายไปด้วยเช่นเดียวกับชีวิตมนุษย์แต่ละคน จะประกอบขึ้นด้วยร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และจิตวิญญาณ ถ้าองค์ประกอบใดองค์ประกอบหน่ึงของชีวิต สญู เสียการทางานไปก็จะส่งผลตอ่ องค์ประกอบอน่ื ทเี่ หลือ มีการใช้แนวคดิ ดงั กลา่ วเพอ่ื เสริมสร้างการออกกาลัง กาย การส่งเสริมสุขภาพจิต และการส่งเสริมสุขภาพทางจิตวิญาณในกลุ่มผู้หญิง พบว่า กิจกรรมที่ใช้ต้อง อาศัยแรงสนับสนุนทางสังคมเพื่อให้กลุ่มตัวอย่างเกิดการรับรู้ในความสามารถของตนเอง (Jorna, Ball and Salmon, 2006, p.398) ในขณะเดียวกันชีวิตและองค์ประกอบของชีวิตแต่ละด้านก็จะเกี่ยวเนื่องและ สมั พันธ์กับส่ิงแวดลอ้ มรอบตัวเช่นกนั แตแ่ ม้ว่าองค์รวมมสี ว่ นย่อยหลายอยา่ งมาประกอบกันแต่ทว่าองค์รวมก็มี คุณสมบัตใิ หม่ท่สี ว่ นประกอบย่อยไมม่ ี หลกั การพนื้ ฐานของสขุ ภาพองค์รวม ดงั น้ี 6.3.1 ทัศนะแบบองค์รวมให้คุณค่าของคาว่า “สุขภาพ” ว่ามีความหมายมากกว่าแค่การไม่เจ็บปุวย แต่หมายถึงการปรับ แก้ไข และพัฒนาให้เกิดสุขภาวะท่ีดีอย่างต่อเน่ือง สุขภาพองค์รวมจึงเป็น กระบวนการพัฒนาอย่างต่อเน่ืองตลอดวิถีของชีวิต ถือเป็นพันธะสัญญาและความรับผิดชอบส่วนบุคคลที่ต้อง พยายามเดนิ หนา้ ปรบั แกไ้ ข พัฒนา และดารงตนให้มีสุขภาวะที่ดีไม่ว่ากาลังอยู่ในสภาวะสุขภาพระดับใด จาก ระดบั ขนั้ ความเจ็บปวุ ย การมสี ขุ ภาพถดถอยชัว่ คราว ภาวะท่ยี งั ไม่แสดงออกถึงเจ็บปุวย จนถึงการมีสุขภาพท่ีดี เยี่ยม ซึ่งช่วงระหว่างสภาวะ 2 ประการหลังควรได้รับการพัฒนาด้านสุขภาพ และดารงสถานะสุขภาพที่ดีไว้ เสมอเชน่ กัน ไมใ่ ช่ให้ความสนใจเฉพาะการรักษาพยาบาลในยามเจบ็ ปุวยเท่าน้ัน 6.3.2 สุขภาพของเราจะเปน็ แบบเดยี วกับที่วถิ ีชวี ติ ของเราเปน็ หลกั การนไี้ ด้รบั การสนับสนุนปัจจัยท่ีมี ผลกระทบต่อสภาวะสุขภาพของบุคคลเป็นผลกระทบจากคุณภาพของการบริการ พันธุกรรม ส่ิงแวดล้อม และวิถีการดาเนินชีวิตและพฤติกรรมสุขภาพ เม่ือมีภาวะความเจ็บปุวยด้วยการติดเช้ือหรือโรคเรื้อรังเกิดขึ้น หลักการของสุขภาพองค์รวมก็สามารถนามาประยุกต์ได้ กนกวรรณ ศรีสุภรกรกุล(2552) พบว่า การ ปรับเปลี่ยนจากการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม (Holistic health) มาเป็นการแพทย์แบบองค์รวม (Holistic medicine) บุคคลากรทางการแพทย์จะใช้หลักการสุขภาพองค์รวมแลกเปล่ียนเรื่องการรักษา และการดูแล สุขภาพกับคนไข้โดยจะให้คาแนะนาระบบการเยียวยาแบบธรรมชาติ (Natural healing system) และให้ พิจารณาสภาวะเงือ่ นไขปัจจัยทว่ั ทั้งตัวคน และสถานการณ์ท่เี กี่ยวข้อง การปรับเปล่ียนพฤติกรรมให้เหมาะสม
สรปุ ผลการดาเนนิ งานการจัดกิจกรรมโครงการส่งเสริมดแู ลสขุ ภาวะและสุขอนามยั ของประชาชนในชุมชน จานวน ๖ ชั่วโมง | ๒๐ โดยการให้ผู้ปุวยเข้าใจธรรมชาติและความไม่สมดุลของร่างกายและร่วมกันพิจารณาปัญหาการเจ็บปุวย การ วางแผนการรักษาร่วมกับผรู้ กั ษา ส่งผลให้ผู้ปุวยความดันโลหิตสูงที่ควบคุมได้คลายความวิตกกังวลและมีความ ม่นั ใจในการรกั ษา 6.4 ปัจจัยทน่ี าไปสู่การดแู ลสุขภาพองค์รวมในสงั คมไทย ในปจั จุบนั กระแสความสนใจด้านศาสตร์สุขภาพองค์รวมมีการขยายตัวอย่างกว้างขวางในสังคมไทย ความตืน่ ตวั ในการแสวงหาการดูแลสุขภาพองคร์ วมเหล่านีม้ รี ากฐานมาจากปัจจยั หลายประการ คือ 6.4.1 สถานะสุขภาพและแบบแผนความเจ็บปุวยของประชาชนเปลี่ยนแปลงไป ในปัจจุบันปัญหา สุขภาพอนามัยของคนในประเทศได้เปล่ียนแปลงรูปแบบไปตามสภาพเศรษฐกิจและสังคมท่ีท่ีมีความ สลบั ซบั ซอ้ นมากขนึ้ การเปล่ียนแปลงท่เี ห็นได้ชัดเจนในด้านสภาวะสุขภาพ ประชาชนเสียชีวิตเน่ืองจากโรค ไม่ติดต่อท่ีมีแนวโน้มที่สูงขึ้น ตลอดจนภาวะความเครียด ปัญหาสุขภาพจิต และโรคจากปัญหาอาชีวอนามัย และอนามัยสิ่งแวดล้อม โรคเหล่าน้ีมีส่วนทาให้ประชาชนแสวงหาทางเลือกอื่นนอกเหนือจากการแพทย์แผน ปจั จบุ ันท้ังน้ีส่วนหนึง่ เปน็ เพราะการแพทย์แผนปจั จบุ นั เองกไ็ ม่สามารถรักษาโรคเหล่าน้ีให้หายขาดได้ และยังมี ข้อจากัดในการสนองความพึงพอใจของผู้ปุวยที่มีปัญหาจากโรคเหล่านี้ ในขณะเดียวกันประชาชนมีทัศนะว่า การแพทย์แผนปัจจุบันจะมีประสิทธิภาพสูงเฉพาะในกลุ่มโรคปั จจุบันและโรคติดเช้ือทาให้การแพทย์และ ศาสตร์สุขภาพองค์รวมที่เสนอแนวคิดและทางออกที่แตกต่างต่อปัญหาสุขภาพเหล่านี้ได้กลายเป็นทางเลือก ใหมข่ องประชาชนไทยมากขึ้น 6.4.2 ข้อจากัดของการแพทย์แผนปัจจุบัน การแพทย์แผนปัจจุบันหรือการแพทย์แบบ ชีวภาพ (Biomedicine) ถือว่าร่างกายมนุษย์ประกอบขึ้นจากเซลล์ท่ีรวมกันเป็นเน้ือเยื่อและอวัยวะ อวัยวะ ย่อยแต่ละชนิดนั้นมีหน้าที่ต่างกัน สุขภาพดีเกิดจากการที่อวัยวะต่าง ๆ สามารถทาหน้าท่ีตามปกติของตนเอง และประสานกับอวัยวะอ่ืนอันเป็นผลให้กระบวนการทางชีววิทยาดาเนินไปได้ตามปกติ วิทยาการการแพทย์ ตะวันตกจึงอธิบายปรากฏการณ์ความเจ็บปุวยโดยอาศัยข้อเท็จจริงทางชีววิทยาเป็นสาคัญโดยความเจ็บปุวย จะต้องถูกสืบค้นให้พบว่ามีสาเหตุมาจากการผิดปกติของอวัยวะใด และการเยียวยารักษาก็จะมุ่งไปแก้ปัญหา เฉพาะส่วนที่อวัยวะที่ผิดปกติน้ัน การที่แนวคิดชีวเวชศาสตร์ยึดถือข้อเท็จจริงทางชีววิทยาเป็นสาคัญในการ อธบิ ายภาวะความเจ็บปุวย การรกั ษาจึงมงุ่ ไปท่ีการจัดการให้อวัยวะที่ผิดปกติน้ันสามารถทาหน้าท่ีได้ตามเดิม การบาบัดรักษาจึงเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะท่ี แนวทางการแก้ไขปัญหาความเจ็บปุวยจึงจากัดตัวอยู่ใน ขอบเขตของการแก้ไขปัญหาความเจ็บปุวยทางกายเป็นสาคัญ และไม่สามารถเชื่อมโยงไปสู่มิติทางสังคม จิตวทิ ยาของการเจบ็ ปวุ ยได้ ซึ่งเป็นผลใหข้ าดการใช้มาตรการทางสังคมและมาตรการทางจิตวิทยาในการเยี่ยว ยารักษาผู้ปุวยด้วยปรัชญาทางการแพทย์ดังกล่าว การแพทย์แผนปัจจุบันจึงมีแบบแผนการปฏิบัติท่ีมีลักษณะ เฉพาะตัว คอื 1) กระบวนการดูแลรักษาสุขภาพและความเจ็บปุวย การแพทย์แผนปัจจุบันมองหาสาเหตุที่ เฉพาะและเนน้ ดา้ นกายภาพ ทาใหก้ ารวินิจฉยั และประเมินผลการรักษามุ่งเน้นท่ีการเปล่ียนแปลงท่ีสามารถวัด ไดเ้ ปน็ หลัก ทาให้จากดั อยเู่ ฉพาะในด้านกายภาพ และการแก้ปญั หาเฉพาะส่วน เฉพาะโรคแยกขาดจากกันโดย ขาดการพิจารณาทั้งระบบ
สรุปผลการดาเนนิ งานการจัดกิจกรรมโครงการสง่ เสริมดูแลสขุ ภาวะและสขุ อนามัยของประชาชนในชมุ ชน จานวน ๖ ชั่วโมง | ๒๑ 2) ระบบการจดั บริการในระบบการแพทย์แบบตะวันตก แพทยแ์ ละโรงพยาบาลขนาดใหญ่เป็นท่ี รวมศนู ย์ความรู้และเทคโนโลยีทางการแพทย์ซึ่งเน้นการซ่อมสุขภาพมากกว่าการ ส่งเสริมสุขภาพ กิจกรรมใน สถาบันทางการแพทย์มีศูนย์กลางอยู่ท่ีความเจ็บปุวยมากกว่าที่จะเน้นการมีสุขภาพดี จึงมีลักษณะบริการที่ต้ัง รับ คือ ปล่อยให้เจ็บปุวยแล้วรักษา นอกจากนั้นบริการทางการแพทย์แบบตะวันตกยังจะมีลักษณะเหมือน ผลิตภัณฑ์สาเร็จรูปกล่าว คือ มีการจัดระบบบริการท่ีเหมือนกัน เป็นรูปแบบเดียวกัน โดยมิได้สนใจความ แตกต่าง หลากหลายด้านสังคมวัฒนธรรมของชุมชน ท้ังน้ีเป็นเพราะวัฒนธรรมการแพทย์ตะวันตกถือเอา องค์ประกอบทางกายภาพเป็นสาคัญและถือว่ามนุษย์มีกายภาพที่ดาเนินไปตามกฏเกณฑ์ทางสรีรวิทยาท่ี เหมือนกนั 3) ระบบความสัมพันธ์ของผู้ปุวยและแพทย์ การแพทย์แผนตะวันตกเป็นศาสตร์ที่เน้นบทบาท ของผู้เช่ียวชาญ กล่าวคือ เร่ืองสุขภาพในระบบการแพทย์ตะวันตกเป็นเร่ืองของแพทย์ผู้ซ่ึงมีความรู้ความ ชานาญ และเปน็ ผจู้ ดั การกบั ความเจ็บปวุ ยโดยเทคนิคและวิทยาการทางการแพทย์ บทบาทของผู้ปุวย คือ การ ให้ความร่วมมือ และพ่ึงพาแพทย์ ผู้ปุวยจึงมีอานาจต่อรองต่า เมื่อเกิดความไม่พึงพอใจต่อการรักษาพยาบาล ของแพทย์ก็จะไม่สามารถต่อรองได้แต่จะเก็บความรู้สึกไม่พอใจไว้ ซ่ึงหากเปรียบเทียบกับการแพทย์ทางเลือก อื่น เช่น การแพทย์พื้นบ้านแล้วจะเห็นว่าผู้ปุวยและญาติมีส่วนที่จะสามารถพูดจาปรึกษาหารือ และ แลกเปลย่ี นความรู้สกึ นกึ คดิ กับผใู้ หก้ ารรกั ษาได้มากกวา่ แมว้ า่ การแพทย์แผนปัจจุบันจะมีจุดแข็งหลายประการแต่ก็มีข้อจากัดท่ีทาให้ไม่สามารถตอบสนองต่อ ความพึงพอใจ และสนองต่อปัญหาที่มีอยู่อย่างหลากหลายได้ ระบบการแพทย์และการบาบัดทางเลือกอื่น ๆ ซ่ึงก็มีจุดแข็งจุดอ่อนเฉพาะตัวจึงมีส่วนในการตอบสนองปัญหาบางด้านที่การแพทย์แผนปัจจุบันไม่สามารถ สนองตอบได้ 6.5 องคป์ ระกอบของสขุ ภาพองค์รวม องค์ประกอบของสขุ ภาพองค์รวมมี 5 มิติ ได้แก่ 6.5.1 มติ ิทางกาย (Physical dimension) เป็นมติ ิทางรา่ งกายทส่ี มบรู ณ์ แข็งแรงปราศจากโรค หรือความเจบ็ ปุวย มีปจั จัยองค์ประกอบท้ังด้านอาหาร สิ่งแวดล้อม ที่อยู่อาศัย ปัจจัยเก้ือหนุนทางเศรษฐกิจท่ี เพียงพอและสง่ เสรมิ ภาวะสุขภาพ 6.5.2 มิติทางจิตใจ (Psychological dimension) เป็นมิติที่บุคคลมีสภาวะทางจิตใจที่แจ่มใส ปลอดโปร่ง ไม่มีความกังวล มคี วามสขุ มเี มตตาและลดความเห็นแกต่ วั 6,5,3 มิติทางสังคม (Social dimension) เป็นความผาสุกของครอบครัว สังคม และชุมชน โดยชุมชนสามารถให้การดูแลช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สังคมมีความเป็นอยู่ท่ีเอื้ออาทร เสมอภาค มีความ ยุตธิ รรม และมีระบบบรกิ ารท่ีดีและทวั่ ถึง 6.5.4 มติ ิทางจิตวญิ ญาณ (Spiritual dimension) เป็นความผาสุกท่ีเกิดจากจิตสัมผัสกับส่ิงที่มี บคุ คลยึดมนั่ และเคารพสูงสุดทาใหเ้ กิดความหวงั ความเชอื่ ม่ันศรัทธา มีการปฏิบัติในสิ่งท่ีดีงามด้วยความมี เมตตา กรุณา ไม่เหน็ แกต่ ัว มีความเสียสละ และยินดีในการที่ได้มองเห็นความสุขหรือความสาเร็จของบุคคล อ่นื ทงั้ นีส้ ขุ ภาวะทางจิตวญิ ญาณจะเกิดขึน้ เมือ่ บุคคลมีความหลดุ พ้นจากตัวเอง (Self transcending) 6.5.5 มิติทางอารมณ์ (Emotional dimension) คนเราจะตอบสนองต่ออารมณ์ท้ังทางด้าน บวกและลบผลทีจ่ ะเกดิ ขึน้ เป็นสิ่งท่ดี หี รอื ไม่ดที ัง้ นอี้ ยู่ทก่ี ารควบคมุ ของแต่ละบุคคล
สรุปผลการดาเนินงานการจดั กิจกรรมโครงการส่งเสรมิ ดูแลสขุ ภาวะและสขุ อนามยั ของประชาชนในชุมชน จานวน ๖ ช่วั โมง | ๒๒ มิตสิ ขุ ภาพองค์รวมทัง้ 5 มิตซิ ่งึ ถือเป็นสุขภาวะจะมคี วามสัมพนั ธ์เช่อื มโยงกันโดยสุข ภาวะทางจิตวิญญาณจะเป็นมิติท่ีสาคัญท่ีบูรณาการความเป็นองค์รวมของ กาย จิต อารมณ์ และสังคมของ บุคคลและชุมชนให้สอดประสานเข้าเป็นอันหน่ึงอันเดียวกัน จิตวิญญาณเป็นส่ิงสาคัญของสุขภาพท่ีจะกุมสุข ภาวะในมิติอื่นให้ปรับตัวประสานกันอย่างครอบคลุมและครบถ้วนท้ังในระดับปัจเจกบุคคล และชุมชน หาก ขาดสุขภาวะทางจติ วญิ ญาณ บุคคลจะขาดความสมบูรณ์ในตนเอง มีความรู้สึกบกพร่องหาก 6.6 ระดับของสขุ ภาพองค์รวม แยกอออกเป็น 3 ระดับ คือ 6.6.1 องค์รวมระดับบุคคล คือ การทาให้เกิดความสมดุลภายในตัวเราแต่ละคนท้ังในด้าน ร่างกายและจิตใจ เกิดเป็นเอกภาพท่ีกลมกลืนระหว่างร่างกาย จิตใจ และวิญญาณโดยท่ีหนทางไปสู่ความเป็น เอกภาพในการดาเนินชีวิตให้เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการบริโภคอาหารท่ีเหมาะสม มีพฤติกรรมที่โน้มนาไปสู่ คุณภาพท่ดี ีและทาจติ ใจใหผ้ อ่ นคลาย 6.6.2 องค์รวมระดับครอบครวั และชมุ ชน 1) ครอบครวั บคุ คลจะมีสขุ ภาพดีหรือไมค่ รอบครัวมีความสาคัญมาก ครอบครัวท่ีอบอุ่น สมาชิก ในครอบครัวมีความรักให้กันและกัน ช่วยกันดูแลให้ทุกคนมีสุขภาพท่ีดีท้ังร่างกายและจิตใจ ทุกคนมีหน้าท่ี รบั ผิดชอบและบทบาทแตกตา่ งกนั ไป เม่ือมาประกอบกนั เขา้ ก็ทาใหเ้ กดิ ความเป็นเอกภาพองคร์ วม 2) ชุมชน ชมุ ชนท่ีมคี วามเกอ้ื กูล เอ้ืออาทรซึ่งกันและกัน สุขภาพและชีวิตของคนในชุมชนก็ย่อ มดไี ปดว้ ย ชุมชนชนบทไทยในอดตี น่าจะเปน็ แบบอย่างของความเป็นองคร์ วมในระดับครอบครวั และชุมชนได้ดี 6.6.3 องค์รวมระดบั สังคม สังคมในทน่ี ร้ี วมถึงส่งิ แวดลอ้ มหรอื ธรรมชาติด้วย แบ่งเป็น 2 ดา้ น 1) ความสัมพันธ์ระหว่างคนต่อคน หมายถึงคนในสังคมมีความเป็นเอกภาพกันถึงแม้ว่าคนใน สงั คมนน้ั จะมคี วามแตกต่างและหลากหลาย แต่คนจานวนมากมีเจตจานงอย่างเดยี วกัน ท่จี ะสรา้ งสงั คมทด่ี งี าม 2) ความสัมพันธ์ระหว่างคนกับธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ ต้นไม้ ปุาไม้ ภูเขา แม่น้า ลาธาร อากาศ ถ้าเราทุกคนตระหนักว่ามนุษย์นั้นเป็นส่วนหน่ึงของธรรมชาติและเรียนรู้ท่ีจะอยู่ร่วมกับสรรพชีวิต อ่นื เคารพในแม่น้า ลาธาร ต้นไม้ ปุาไม้ สัตว์นานาพันธุ์ ตระหนักและจริงจังที่จะใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่าง ยัง่ ยนื กจ็ กั เกิดความสมั พันธ์ทีก่ ลมกลืนระหว่างคนกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะเห็นได้ว่าการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมเป็นทางเลือกหน่ึงในการดูแลสุขภาพมิให้เจ็บปุวย เพยี งแตม่ นษุ ยต์ อ้ งเรียนรูก้ ฎแห่งธรรมชาติเพื่อให้รู้จักตัวเอง และท่ีสาคัญต้องมีแนวทางในการปฏิบัติตนเองให้ สอดคล้องกับธรรมชาติและลดความต้องการเทคโนโลยีท่ีตอบสนองภาวะสุขภาพทางกายที่ไม่จาเป็น การดูแล สุขภาพแบบองค์รวม คือ ความสมดุล กลมกลืนระหว่างร่างกาย จิตใจ และสังคมสิ่งแวดล้อม จึงเป็นวิถี ของการมีสุขภาพทด่ี ีและงดงาม 6,7 เทคนิควิธกี ารพื้นฐานในการสร้างสุขภาพชุมชนแบบองคร์ วม วิธกี ารในการสง่ เสริมสุขภาพทีค่ รอบคลมุ ทงั้ ทางร่างกาย จติ ใจ อารมณ์ สังคมและจิตวญิ ญาณ ในระดบั บุคคล ครอบครวั และชุมชน ดงั น้ี 1) อาหารและโภชนาการ 2) การผ่อนคลายความเครียด 3) การดแู ลจิตใจและการทาสมาธิ
สรปุ ผลการดาเนินงานการจัดกิจกรรมโครงการสง่ เสริมดูแลสุขภาวะและสุขอนามัยของประชาชนในชุมชน จานวน ๖ ชั่วโมง | ๒๓ 4) การหลีกเลย่ี งสิง่ แวดล้อมท่ีไมเ่ อ้ือต่อสขุ ภาพ 5) การพักผ่อนท่ีเพียงพอ 6) การออกกาลังกายทเี่ หมาะสมกบั วยั เพศ และสภาพรา่ งกาย 7) การปอู งกนั โรค การคดั กรองโรค และการค้นหาโอกาสเสยี่ ง อาทิ การคัดกรองเบาหวาน ความ ดนั โลหติ สงู มะเร็งเตา้ นมและมะเรง็ ปากมดลกู 8) การแบ่งปนั ความรัก และสรา้ งสมั พันธภาพระหวา่ งคนรอบข้าง รวมทง้ั ตนเอง 9) การแสดงออกอยา่ งสรา้ งสรรค์ 10) การสร้างสัมพันธภาพทางจิตวญิ ญาณและการเยยี วยา 11) การพฒั นาปญั ญา 6.8 ดัชนีสุขภาพระดับบุคคล ครอบครัว และชุมชน ดัชนีชี้วัดสุขภาพยึดตามประเด็น หลกั 14 ประเด็น โดยแบ่งดชั นวี ัดเป็น 3 ระดบั และอาจจัดกลมุ่ ได้ 5 หมวด ดงั น้ี หมวดท่ี 1 : สุขภาพร่างกาย จิตใจพฤติกรรมสขุ ภาพ ประเด็นหลกั ระดบั บคุ คล ครอบครัว ระดับ ชมุ ชน ระดับ จังหวดั ภาค ประเทศ 1. คนไทยมีสุขภาพ - ค น ใ น ค ร อ บ ค รั ว มี - ชมุ ชนมีการปูองกนั - มี ก า ร เ ฝู า ร ะ วั ง แ ล ะ ร่างกายแข็งแรง ไม่ ร่างกายแข็งแรง ไม่ปุวย และเฝูาระวังโรคระบาดใน ค ว บ คุ ม โ ร ค ร ะ บ า ด ท่ี มี ปุวยและไม่ตายจาก ด้ ว ย โ ร ค เ ร้ื อ รั ง แ ล ะ ชุมชน ประสทิ ธภิ าพ โรคทปี่ ูองกนั ได้ สามารถช่วยเหลือตัวเอง - ชุมชนมีการจัดระบบการ - มี ก า ร ปู อ ง กั น โ ร ค ท่ี ได้ ดูแลรักษาเบ้ืองต้นและการ ปอู งกนั ได้อยา่ งครอบคลุม ดูแลผ้ปู วุ ยเรอื้ รงั - มีระบบฟ้ืนฟูสภาพและ ชุมชนมีการดูแลผู้สูงอายุและ ดูแลผู้พิการอย่างท่ัวถึงและ ผู้พิการท่ีช่วยเหลือตนเอง เหมาะสม ไมไ่ ด้ 2 . ค น ไ ท ย มี - ค น ใ น ค ร อ บ ค รั ว มี - ชุมชนมีกิจกรรมส่งเสริม - มี แ ผ น ง า น แ ล ะ สุขภาพจิตดี มีความ ความสุขและพอใจใน สุขภาพจิตท่ีดีและส่งเสริม ง บ ป ร ะ ม า ณ ส่ ง เ ส ริ ม พึงพอใจในชีวิต และ ชีวติ และสามารถจัดการ ศักยภาพในการจัดการกับ สุขภาพจิตที่ดีและพัฒนา มีภูมคิ ้มุ กนั ทางจิตใจ กบั ปญั หาทเี่ กดิ ขึ้น ปัญหาชีวติ ศักยภาพในการจัดการกับ - ค น ใ น ค ร อ บ ค รั ว มี - ชุมชนมีระบบส่งเสริม ปญั หาชีวติ ความภาคภูมิใจในชีวิต ความภาคภูมิใจในชีวิตของ - มีระบบให้คาปรึกษาด้าน และมีอิสรภาพในการ คนในชุมชน สุขภาพจิตที่ครอบคลุมและ ดาเนินชวี ติ - ชุมชนมีศูนย์รวมจิตใจใน มีประสทิ ธิภาพ การแกไ้ ขปญั หาชวี ติ - มีระบบบริการรักษา - ชุมชนมีการดูแลผู้ปุวยโรค ผู้ปวุ ยทางจติ ทท่ี ัว่ ถงึ จติ ในชมุ ชน
สรุปผลการดาเนินงานการจัดกิจกรรมโครงการส่งเสรมิ ดูแลสขุ ภาวะและสุขอนามัยของประชาชนในชุมชน จานวน ๖ ชัว่ โมง | ๒๔ หมวดที่ 1 : สขุ ภาพร่างกาย จติ ใจพฤติกรรมสุขภาพ (ตอ่ ) ประเด็นหลัก ระดับ บคุ คล ครอบครวั ระดบั ชุมชน ระดับ จงั หวัด ภาค ประเทศ 3. คนไทยปราศจาก - คนในครอบครัวไม่ด่ืมสุรา - ชุมชนมีกติกาของชุมชน - มีกฎหมายควบคุมการ ความเส่ียงต่อปัญหา ไม่สูบบุหร่ี ไม่เสพสิ่งเสพติด ในการควบคุมการดื่มสุรา ด่ืมสุรา การสูบบุหร่ี การ สุขภาพ ไ ม่ อ้ ว น ขั บ ร ถ อ ย่ า ง การสูบบุหรี่ การเสพส่ิงเสพ เสพส่ิงเสพติด การขับขี่ไม่ และมีพฤติกรรม ปลอดภัย มีเพศสัมพันธ์ท่ี ตดิ ปลอดภัยและมีการปฏิบัติ สร้างเสริมสุขภาพที่ ปลอดภัย ออกกาลังกาย - ชุมชนมีการส่งเสริมการ ต า ม ก ฎ ห ม า ย อ ย่ า ง มี เพยี งพอ อย่างสม่าเสมอ กินผักผลไม้ ขั บ ร ถ ท่ี ป ล อ ด ภั ย ประสิทธิภาพ เพียงพอ พักผ่อนเพยี งพอ เพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย การ - มี ก า ร ส่ ง เ ส ริ ม กินผักผลไม้และพักผ่อน เพศสัมพันธ์ท่ีปลอดภัย อยา่ งเพียงพอ การออกกาลังกาย การ - ชุมชนมีกิจกรรมการออก บริโภคผักผลไม้ อย่าง กาลงั กายที่เหมาะสมกบั วัย ต่อเน่อื ง หมวดที่ 2 : สขุ ภาพปัญญา คุณธรรม การเรยี นรู้ ปจั จัยดารงชวี ิต ประเดน็ หลัก ระดับ บุคคล ครอบครัว ระดบั ชุมชน ระดับ จงั หวดั ภาค ประเทศ 4. คนไทยเข้าใจ - คนในครอบครัวปฏบิ ัติตาม - ชุมชนปีกิจกรรมส่งเสริม - มีแผนงานกิจกรรม และ และใช้หลกั คุณธรรม หลั ก คุ ณ ธ ร ร ม ห รื อ ห ลั ก ก า ร ป ฏิ บั ติ ต า ม ห ลั ก ง บ ป ร ะ ม า ณ ส่ ง เ ส ริ ม หรือหลักศาสนาใน ศาสนา เปน็ ประจา คุณธรรมหรือหลักศาสนา คุณธรรมและการปฏิบัติ การดารงชีวิต - คนในครอบครัวรู้จักการ เป็นประจา ตา มห ลั กศ า สน า อย่ า ง ให้ทาน ให้อภัย และมีสานึก - ชุมชนมีการส่งเสริมให้ ชั ด เ จ น โ ด ย เ ฉ พ า ะ ใ น ในการกระทาของตน คนในชุมชนรู้จักการให้ทาน ส ถ า น ศึ ก ษ า แ ล ะ ผ่ า น ให้อภัยและมีสานึกในการ ส่ือสารสาธารณะ กระทาของตน 5 . ค น ไ ท ย มี ก า ร คนในครอบครัวมีโอกาสใน - ชุมชนมีกิจกรรมส่งเสริม - มี แ ผ น ง า น แ ล ะ เ รี ย น รู้ ท่ี น า ไ ป สู่ การศึกษาและการเรียนรู้ การเรียนรู้ ด้านทักษะใน งบประมาณส่งเสริมการ ทั ก ษ ะ ชี วิ ต ที่ ร ว ม ท้ั ง ก า ร เ ข้ า ถึ ง ก า ร ด า เ นิ น ชี วิ ต ก า ร เรียนรู้นอกระบบโรงเรียน เ พี ย ง พ อ แ ล ะ แหลง่ ข้อมูล จนเกดิ ทกั ษะใน ประกอบอาชพี ที่เหมาะสม เพ่อื สรา้ งทักษะชีวติ เหมาะสมตลอดช่วง การดาเนินชวี ิตทีเ่ หมาะสม - ชุมชนมีศูนย์กลางการ - มีหลักสูตรการพัฒนา ชีวิต เรียนร้ขู องชุมชน ทักษะชีวิตในสถานศึกษา - ชุมชนมีการถ่ายทอดภูมิ ระดบั ตา่ งๆ ปญั ญาทอ้ งถิ่น
สรปุ ผลการดาเนนิ งานการจัดกิจกรรมโครงการสง่ เสริมดแู ลสุขภาวะและสขุ อนามัยของประชาชนในชุมชน จานวน ๖ ช่วั โมง | ๒๕ หมวดที่ 2 : สุขภาพปัญญา คณุ ธรรม การเรยี นรู้ ปัจจัยดารงชีวิต (ตอ่ ) ประเด็นหลกั ระดับ บคุ คล ครอบครวั ระดบั ชมุ ชน ระดับ จังหวัด ภาค ประเทศ 6. คนไทยมีปัจจัย - คนในครอบครัวมีปัจจัยสี่ - ชุมชนมีการจัดการแหล่ง - มีการส่งเสริมอาชีพใน ดารงชีวิตท่ีเพียงพอ ในการดาเนินชีวิตท่ีเพียงพอ อาหารท่ีเพียงพอ และ ท้ อ ง ถิ่ น อ ย่ า ง มี และมีหลักประกัน ไม่ขัดสน มีรายได้เพียงพอ ป ล อ ด ภั ย ส า ห รั บ ก า ร ประสทิ ธภิ าพ ชี วิ ต ท่ี มั่ น ค ง ด้ ว ย ต่อรายจา่ ย บรโิ ภคของคนในชุมชน - มีระบบสวัสดิการสังคม สัมมาชีพ - คนในครอบครัวมีอาชีพ - ชุ ม ช น มี ก า ร ส่ ง เ ส ริ ม ท่ีเก้ือกูลผู้ด้อยโอกาสอย่าง สุจริตที่สามารถเลี้ยงตนเอง อาชีพในท้องถิน่ เพียงพอและตอ่ เนอื่ ง และครอบครัวได้ - ชุมชนมีการส่งเสริมการ - มีการส่งเสริมการใช้ชีวิต ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง การ อย่างพอเพียง การทา ทาการเกษตรธรรมชาติ เกษตรธรรมชาติ การทา การทาบัญชคี รวั เรอื น บัญชีครัวเรอื นอยา่ งท่วั ถงึ หมวดท่ี 3 : ครอบครัว ชุมชน สังคม ประเดน็ หลัก ระดบั บคุ คล ครอบครัว ระดับ ชุมชน ระดับ จงั หวัด ภาค ประเทศ 7 . ค น ไ ท ย มี - คนในครอบครัวมีความ - ชุมชนมีกิจกรรมส่งเสริม - มีระบบสวัสดิการ เพ่ือ ค ร อ บ ค รั ว ที่ มี รักและการดูแลกันและกัน ก า ร ใ ช้ เ ว ล า ร่ ว ม กั น ใ น สนบั สนุนครอบครวั ท่ีมีการ ความสุขและมีการ ไม่ทะเลาะเบาะแว้ง ไม่ใช้ ครอบครัว ดูแลเดก็ และผูส้ งู อายุ ดูแลซ่ึงกนั และกันท้ัง ความรุนแรง พูดคุยและทา - ชุมชนมีกติกาควบคุม - มี ก ฎ ห ม า ย คุ้ ม ค ร อ ง ด้านร่างกายและ กิ จ ก ร ร ม ร่ ว ม กั น อ ย่ า ง ความรุนแรงในครอบครัว ความรุนแรงในครอบครัว จิตใจ สมา่ เสมอ และคุ้มครองผู้ได้รับความ แ ล ะ มี ก า ร ป ฏิ บั ติ ต า ม - คนในครอบครัวมีการ รุนแรง กฎหมายอยา่ งเครง่ ครดั ดูแลเด็กและผู้สูงอายุ อย่าง - ชุมชนมีการดูแลเด็กและ - มีระบบดูแลเด็กและ ไม่ทอดทิ้ง ท้ังร่างกาย และ ผสู้ งู อายุ กรณที คี่ รอบครัวไม่ ผู้สูงอายุ กรณีที่ครอบครัว จิตใจ สามารถดแู ลเองได้ ไม่สามารถดแู ลตนเองได้
สรปุ ผลการดาเนินงานการจัดกิจกรรมโครงการส่งเสรมิ ดแู ลสขุ ภาวะและสขุ อนามัยของประชาชนในชมุ ชน จานวน ๖ ชัว่ โมง | ๒๖ หมวดท่ี 3 : ครอบครวั ชมุ ชน สงั คม ( ตอ่ ) ประเดน็ หลกั ระดบั บุคคล ครอบครวั ระดับ ชุมชน ระดบั จงั หวดั ภาค ประเทศ 8. คนไทยอยู่ในชุมชนท่ี - คนในครอบครัวมีการ - จัดทาแผนชุมชนโดย - มีการส่งเสริมการจัด มีความเข้มแข็ง และมี ช่วยเหลอื คนในชมุ ชน การมีส่วนร่วมของคนใน แผนชุมชนอย่างทั่วถึง การบารุงรกั ษาวัฒนธรรม - คนในครอบครัวมีการ ชมุ ชน และตอ่ เนอ่ื ง ประเพณอี ันดงี าม พึ่งตนเองและมีส่วนร่วม - มี อ ง ค์ ก ร ชุ ม ช น ท่ี - มีการส่งเสริมกองทุน ในการพัฒนาชมุ ชน เ ข้ ม แ ข็ ง มี ผู้ น า ต า ม ชุมชนทม่ี กี ารจัดการทด่ี ี - คนในครอบครัวมีการ ธรรมชาติมีศักยภาพใน - มี แ ผ น ง า น แ ล ะ ปฏิบัติและใช้ชีวิตตาม การพัฒนาและพึ่งตนเอง งบประมาณบารุงรักษา วัฒนธรรมท้องถ่นิ - ชุมชนมีการระดมทุน วัฒนธรรมไทยอย่างเป็น หรือทรัพยากรเพ่ือการ รปู ธรรม พั ฒ น า ชุ ม ช น อ ย่ า ง มี - มี ก า ร ส ร้ า ง ค ว า ม ประสทิ ธภิ าพ ยอมรับความหลากหลาย - ชุมชนมีการสืบสาน ทางวัฒนธรรม โดยยึด ประเพณีท้องถ่ินท่ียึด คุณค่าของวัฒนธรรมดั่ง เหนย่ี วคนในชมุ ชน เดิม 9. คนไทยอยู่ในสังคมที่มี - คนในครอบครัวรู้สึก - ชุมชนมีความสงบสุข - มีกฎ หมายและกา ร ความสขุ และปลอดภยั ปลอดภัยในชีวิตและ ป ล อ ด ภั ย ป ร า ศ จ า ก บังคับใช้ท่ีมีประสิทธิภาพ ทรัพยส์ ิน อาชญากรรม และความ ใ น ก า ร ค ว บ คุ ม - ค น ใ น ค ร อ บ ค รั ว มี รุนแรง อาชญากรรมและความ บท บ า ท ใ นก า ร รั ก ษ า - ชุมชนมกี ตกิ าชุมชนใน รนุ แรง ความสงบสขุ ในชุมชน การควบคุมอาชญากรรม - มีการส่งเสริมการแก้ไข และความรุนแรง ปญั หาโดยสนั ตวิ ธิ ี
สรปุ ผลการดาเนินงานการจัดกจิ กรรมโครงการส่งเสริมดแู ลสุขภาวะและสุขอนามัยของประชาชนในชมุ ชน จานวน ๖ ช่ัวโมง | ๒๗ หมวดท่ี 4 : สภาพแวดลอ้ ม ประเดน็ หลัก ระดับ บุคคล ครอบครัว ระดบั ชมุ ชน ระดับ จังหวดั ภาค ประเทศ 1 0 . ค น ไ ท ย อ ยู่ ใ น - อยู่ในสิ่งแวดล้อมท่ีดี - มี ส่ิ ง แ ว ด ล้ อ ม ท่ี ดี - มี ก ฎ ห ม า ย ค ว บ คุ ม ส ภ า พ แ ว ด ล้ อ ม ท่ี ดี ปราศจากมลภาวะทาง ปราศจากมลภ าวะทาง ส่ิงแวดล้อมและการบังคับ และเหมาะสมต่อการ อากาศ นา้ ดิน เสยี ง อากาศ น้า ดิน เสียง และมี ใชท้ ไ่ี ด้ผลและต่อเนอื่ ง สรา้ งเสรมิ สุขภาพ - ได้รบั อาหารที่ปลอดภัย ก ติ ก า ใ น ก า ร รั ก ษ า - มี ก า ร เ ฝู า ร ะ วั ง แ ล ะ ไรส้ ารพิษ สง่ิ แวดล้อมในชมุ ชน ควบคุมมลภาวะทางอากาศ - มีการควบคุมขยะ ส่ิง - มีแหลง่ อาหารที่ปลอดภัย และนา้ อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ ปฏิกูล และดูแลรักษา ไร้สารพษิ - มีการส่งเสริมและติดตาม ทรัพยากรธรรมชาติ - มีการควบคุมขยะ สิ่ง แหล่งจาหน่ายอาหารให้ - อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ ปฏิกูล และการดูแลรักษา ปลอดภัยและได้มาตรฐาน เอื้อต่อการมีสุขภาพดี มี ทรัพยากร ธรรมชาติอย่าง - มี ก า ร ก า จั ด ข ย ะ ที่ ไ ด้ พ้ืนท่ีสาหรับกิจกรรมสร้าง เหมาะสม มาตรฐานและพอเพียง เสริมสุขภาพ - มีสภาพแวดล้อมท่ีเอื้อต่อ - มีมาตรการในการดูแล - ด้ รั บ ก า ร ป ก ปู อ ง ก า ร มี สุ ข ภ า พ ดี มี พื้ น ท่ี รักษาทรัพยากรธรรมชาติ คุ้มครองให้ห่างไกลจาก สาหรับกิจกรรมสร้างเสริม อย่างมีประสิทธภิ าพ พ้ืนท่ีเสี่ยงต่อสุขภาพ และ สุขภาพ - มี ก า ร ส่ ง เ ส ริ ม พื้ น ที่ อบายมุขในรปู แบบตา่ งๆ - มีการปกปูองคุ้มครองให้ สาธารณะสาหรับการสร้าง ห่างไกลจากพ้ืนที่เสี่ยงต่อ เสริมสุขภาพอย่างเพียงพอ สุขภาพ และอบายมุขใน และทั่วถงึ รูปแบบตา่ งๆ - การควบคุมพื้นที่หรือ สถานที่ซ่ึงเส่ียงต่อสุขภาพ และสร้างปญั หาสังคม 11. คนไทยได้รับส่ือที่ - ได้รับสื่อท่ีส่งเสริมการมี - มีส่ือของท้องถ่นิ ทสี่ ่งเสริม - มีสัดส่วนเวลา ช่วงเวลา เพียงพอและเหมาะสม สุขภาพดี ปลูกฝังคุณธรรม การมีสุขภาพดี ปลูกฝัง หรือ เนื้อที่ ท่ีเหมาะสมของ สาหรับการสร้างเสริม และการใชช้ ีวิตพอเพยี ง คุณธรรม และการใช้ชีวิต สื่อสาธารณะท่สี ่งเสริมการมี สุขภ าพ และ ได้ รั บ - ไ ด้ รั บ ก า ร ป ก ปู อ ง พอเพียง ท่ีสอดคล้องกับวิถี สุขภาพดี ปลูกฝังคุณธรรม ค ว า ม คุ้ ม ค ร อ ง ใ ห้ คุ้มครองจากส่ือที่ส่งเสริม ชีวิตของชุมชน และการใชช้ ีวติ พอเพียง ห่างไกลจากส่ือที่ไม่ ปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพและ - มีการปกปูองคุ้มครองคน - มี ก า ร ค ว บ คุ ม ส่ื อ เหมาะสม สื่อที่สร้างทัศนคติบริโภค ในชุมชนจากสื่อที่ส่งเสริม สาธารณะท่ีเส่ียงต่อสุขภาพ นิยม ปั จ จั ย เ สี่ ย ง ต่ อ สุ ข ภ า พ ส่งเสริมบริโภคนิยม และ รวมท้ังสื่อที่สร้างทัศนคติ สรา้ งปญั หาสงั คม บริโภคนิยมและสร้างปัญหา สังคม
สรุปผลการดาเนนิ งานการจดั กจิ กรรมโครงการสง่ เสรมิ ดูแลสุขภาวะและสุขอนามยั ของประชาชนในชุมชน จานวน ๖ ชั่วโมง | ๒๘ หมวดท่ี 5 : ระบบบริการสุขภาพ ประเดน็ หลัก ระดบั บุคคล ระดับ ชมุ ชน ระดบั จงั หวัด ภาค ประเทศ ครอบครวั 1 2 . ค น ไ ท ย มี - ค น ใ น ค ร อ บ ค รั ว - ชุมชนมีการจัดระบบ - มีระบบบริการและระบบการ โ อ ก า ส ใ น ก า ร สามารถใช้บริการเม่ือ สวัสดิการชุมชนเพ่ือการ คลังท่ีเอ้ือต่อการเข้าถึงบริการท่ี เ ข้ า ถึ ง แ ล ะ ใ ช้ จาเปน็ โดยไมต่ ้องกงั วล ดู แ ล สุ ข ภ า พ ข อ ง ค น ใ น เปน็ ธรรม บรกิ ารสขุ ภาพโดย เร่ืองค่าใช้จ่ายของการ ชมุ ชน - มี ก าร จั ดบ ริ ก าร ส่ งเ ส ริ ม ป ร า ศ จ า ก บริการสุขภาพและไม่ - ชุมชนมีส่วนร่วมในการ สุขภาพ คัดกรองความเส่ียง อปุ สรรค ถูกกีดกันการใช้บริการ ส่งเสริมสุขภาพ ปูองกันโรค ปูองกันโรคพื้นฐาน ท่ีครอบคลุม และได้รับการ ทจ่ี าเป็น คัดกรองความเส่ยี ง ครบถ้วนและทัว่ ถึง บริการสร้างเสริม - ค น ใ น ค ร อ บ ค รั ว สุ ข ภ า พ อ ย่ า ง ได้รับบริการส่งเสริม ครบถว้ นทั่วถงึ สุขภาพปูองกันโรค คัด กร อ ง ค ว า ม เ สี่ ย ง ท่ี ครบถว้ นตามวัย 13. คนไทยได้รับ - คนในครอบครัวมี - ชุมชนมีส่วนร่วมในการ - มี ห น่ ว ย ง า น แ ล ะ ก า ร บริการสุขภาพท่ีมี ความรู้ในการเลือกใช้ จัดระบบบริการของรัฐและ ดาเนินงานเสริมสร้างความรู้ใน คุ ณ ภ า พ แ ล ะ บรกิ ารท่ีเหมาะสม ท้องถ่ิน การเลอื กใช้บรกิ าร สมเหตสุ มผล - ค น ใ น ค ร อ บ ค รั ว - ชุมชนมีส่วนร่วมในการ - มี ก า ร ผ ลิ ต แ ล ะ จั ด ส ร ร ด้ ว ย ได้รับการคุ้มครองจาก ตรวจสอบและคุ้มครองคน ทรัพยากรสุขภาพท่ีเพียงพอและ ท รั พ ย า ก ร ที่ บ ริ ก า ร สุ ข ภ า พ ท่ี ไ ม่ ในชุมชนจากบริการท่ีไม่ ทวั่ ถึง เ พี ย ง พ อ แ ล ะ จ า เ ป็ น แ ล ะ อ า จ จ ะ จาเป็นและอาจจะกระทบ - มีระบบรักษาพยาบาลและส่ง เหมาะสม กระทบตอ่ สุขภาพ ต่อสขุ ภาพ ต่อทม่ี ปี ระสิทธิภาพ - มีระ บบพัฒ นาคุณ ภ าพ ที่ ต่อเนือ่ งและมีประสิทธิภาพ - มรี ะบบควบคุมการให้บริการ ที่ไม่จาเป็นและอาจจะกระทบ ตอ่ สขุ ภาพ 1 4 . ค น ไ ท ย มี ค น ใ น ค ร อ บ ค รั ว มี - ชุ ม ช น มี บ ท บ า ท แ ล ะ - มงี บประมาณดา้ นการส่งเสริม บ ท บ า ท ใ น ก า ร บทบาทในการส่งเสริม กิจกรรมในการส่งเสริม สุขภาพท่ีเพียงพอและจัดสรร สร้างเสริมสุขภาพ สุขภาพของตนเองและ สุขภาพของคนในชมุ ชน ไปสู่พ้ืนทอ่ี ย่างเหมาะสม ข อ ง ต น เ อ ง ครอบครัว - ชุ ม ช น มี ก า ร ร ะ ด ม - มีแผนงานและการดาเนินงาน ค ร อ บ ค รั ว แ ล ะ ทรัพยากรเพื่อการส่งเสริม กระจายบทบาทในการส่งเสริม ชุมชน สุขภาพในชมุ ชน สขุ ภาพสู่ทอ้ งถ่นิ
สรุปผลการดาเนินงานการจัดกิจกรรมโครงการสง่ เสริมดแู ลสขุ ภาวะและสุขอนามยั ของประชาชนในชมุ ชน จานวน ๖ ชวั่ โมง | ๒๙ สรุป สุขภาพคือวิถีแห่งชีวิต สุขภาพเป็นเสมือนหนึ่งวิถีทางหรือหนทางซึ่งจะนาบุคคลไปสู่ความสุขและ ความสาเร็จต่างๆ นานาได้ ลักษณะของสุขภาพดี โดยภาพรวม คือ ร่างกายมีการพัฒนาสมวัย ร่างกาย สามารถปฏบิ ตั ิภารกจิ ได้อย่างปกติ ตอบสนองตอ่ สิ่งแวดล้อมไดเ้ หมาะสม สามารถปรับตัวให้สมดุลได้ มีกลไก ปูองกันอันตรายอยา่ งเหมาะสมจากมุมมองต่างๆ ทีน่ าเสนอ สุขภาพ คอื ความสุขกายสบายใจ มีชีวิตชีวา และ มีคุณค่า จะต้องครอบคลุมส่ิงที่สาคัญ 4 ประการคือภาวะท่ัวไปของร่างกายและจิตใจจะต้องแข็งแรง สมบูรณ์ มีสุขภาวะทางจิตวิญญาณ จะต้องปราศจากโรคหรือความทุพพลภาพ จะต้องเป็นผู้ที่สามารถดารง ตนและปฏิบตั ภิ ารกิจต่างๆ ในสังคมไดเ้ ป็นปกติสขุ ปัจจัยที่มีผลต่อสุขภาพ ประกอบด้วยปัจจัยด้านตัวบุคคล ได้แก่ พันธุกรรม พฤติกรรม ดารงชีวิต ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมภายนอก และปัจจัยด้านระบบบริการสุขภาพ \"สุขภาพ\" ในปัจจุบัน มี องค์ประกอบ 4 ส่วน ด้วยกันคือ สุขภาพกาย สุขภาพจิต สุขภาพสังคมและสุขภาพจิตวิญญาณ ในมิติ ทางด้านสุขภาพ ขององค์ประกอบสุขภาพท้ัง 4 ด้านน้ัน แต่ละด้านมี 4 มิติ คือ การส่งเสริมสุขภาพ การ ปูองกันโรค การรกั ษาโรค และการฟื้นฟสู ภาพ การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ในระดับบุคคล ครอบครัวและชุมชน เป็นแนวทางสาคัญในการสร้าง สุขภาพตามแนวทางการสาธารณสุขแนวใหม่ที่ให้ความสาคัญ ต่อ “การสร้างสุขภาพ นาการซ่อม สุขภาพ” การสรา้ งเสริมสขุ ภาพแบบองค์รวมครอบคลุมการสร้างเสริมสุขภาพท้ังทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม จิตวิญาณ และยังหมายรวมถึงสิ่งแวดล้อมและนโยบายสาธารณะที่เก่ียวข้อง การพัฒนาศักยภาพของ บุคคล เสริมสร้างกิจกรรมชุมชนให้เข้มแข็ง การจัดปรับระบบบริการสุขภาพท่ีเอ้ือต่อการสร้างเสริมสุขภาพ และกระจายให้สามารถเข้าถงึ ได้ ตลอดจนการจดั สง่ิ แวดลอ้ มท่ีเอื้อต่อการสร้างเสริมสุขภาพ กิจกรรมการสร้างเสริมสุขภาพแบบองค์รวม อาทิ อาหารและโภชนาการสร้างสุขภาพ การ ผอ่ นคลายความเครียด การดูแลด้านจิตใจและการเรียนรู้วิธีสร้างสมาธิ การหลีกเล่ียงสิ่งแวดล้อมที่ไม่เอ้ือต่อ สุขภาพ การพักผ่อนท่ีเพียงพอ การออกกาลังกายที่เหมาะสมกับวัย เพศ และสภาพร่างกาย การปูองกัน โรค การคดั กรองโรค และการคน้ หาโอกาสเส่ยี ง อาทิ การคัดกรองเบาหวาน ความดนั โลหติ สงู มะเร็งเต้า นมและมะเร็งปากมดลูก การแบ่งปันความรัก และสร้างสัมพันธภาพระหว่างคนรอบข้าง รวมท้ังตนเอง การ แสดงออกอยา่ งสร้างสรรค์ การสรา้ งสมั พันธภาพทางจติ วญิ ญาณและการดูแล รวมท้งั การพฒั นาปญั ญา การประเมินภาวะสุขภาพตามดัชนีในระดับจังหวัด-ภาค-ประเทศ ระดับชุมชน ระดับครอบครัวและ บุคคล ใน 5 หมวด คือ หมวดท่ี 1 : สุขภาพร่างกาย จิตใจพฤติกรรมสุขภาพ หมวดท่ี 3 : ครอบครัว ชุมชน สงั คม หมวดที่ 4 : สภาพแวดลอ้ ม และ หมวดที่ 5 : ระบบบรกิ ารสขุ ภาพ กจิ กรรม 1.วเิ คราะหบ์ อกลักษณะของผู้ทม่ี สี ุขภาพดี 2.อภิปรายถงึ ปจั จัยทมี ีอิทธพิ ลตอ่ สขุ ภาพ 3.องค์ประกอบของการดแู ลสุขภาพองค์รวม
สรุปผลการดาเนนิ งานการจัดกจิ กรรมโครงการสง่ เสริมดูแลสขุ ภาวะและสุขอนามัยของประชาชนในชมุ ชน จานวน ๖ ชวั่ โมง | ๓๐ ใบความรู้ ๑ ความหมายของ “สขุ ภาพ” องค์การอนามัยโลก ได้ให้ความหมายของคาว่า “สุขภาพ” ไว้ว่า สุขภาพ หมายถึง สุขภาวะที่ สมบรู ณ์ของรา่ งกาย จติ ใจ และสังคม มใิ ชเ่ พยี งแตป่ ราศจากโรคและความพิการเท่านัน้ พระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๕๐ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ลงวันท่ี ๑๙ มีนาคม ๒๕๕๐ มาตรา ๓ กาหนดไว้ว่า “สุขภาพ” หมายความว่า ภาวะของมนุษย์ท่สี มบูรณ์ ทง้ั ทางกาย ทางจิต ทาง ปัญญา และทางสงั คม เช่อื มโยงกนั เป็นองคร์ วมอยา่ งสมดุล ใบความรู้ ๒ ความหมายของ “สุขภาพกาย สขุ ภาพจิต สขุ ภาพปญั ญาและ สขุ ภาพสังคม” สุขภาพกาย หมายถึง สภาพท่ีดีของร่างกาย กล่าวคือ อวัยวะต่างๆอยู่ในสภาพท่ีดีมีความแข็งแรง สมบูรณ์ ทางานได้ตามปกติ และมีความสัมพันธ์กับทุกส่วนเป็นอย่างดี และก่อให้เกิดประสิทธิภาพที่ดีในการ ทางาน สุขภาพจิตใจ หรือ สุขภาพจิต หมายถึง สภาพของจิตใจที่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ มีจิตใจเบิก บานแจ่มใส มใิ หเ้ กิดความคับข้องใจหรือขดั แย้งในจติ ใจ สามารถปรับตัวเข้ากับสังคมและสิ่งแวดล้อมได้อย่างมี ความสขุ สุขภาพปญั ญา หมายถงึ สภาวะท่ีดีของปัญญาท่ีมีความรู้ท่ัว รู้เท่าทันและความเข้าใจอย่างแยกได้ใน เหตุผลแหง่ ความดีความชวั่ ความมีประโยชน์และความมโี ทษ ซ่งึ นาไปสูค่ วามมีจิตอันดีงามและเอ้อื เฟ้อื เผ่ือแผ่ สุขภาพสังคม หมายถงึ บคุ คลทีม่ ีสภาวะทางกายและจิตใจทีส่ ุขสมบูรณ์ สามารถปฏิสมั พันธแ์ ละปรับตวั ให้อย่ใู นสังคมได้เป็นอย่างดแี ละมคี วามสขุ
สรุปผลการดาเนนิ งานการจัดกิจกรรมโครงการส่งเสรมิ ดแู ลสขุ ภาวะและสุขอนามยั ของประชาชนในชมุ ชน จานวน ๖ ชวั่ โมง | ๓๑ การดแู ลสขุ ภาพแบบองค์รวม การดแู ลสขุ ภาพแบบองค์รวมนั้นให้ความสาคญั กับการมีสุขภาพดแี บบภาพรวมทัง้ ชีวิตของมนุษย์ โดยไม่ได้เน้น ท่ีการเจบ็ ป่วยเฉพาะส่วนใดส่วนหนง่ึ ของรา่ งกาย แตใ่ ห้ความสาคัญกบั ความสัมพนั ธ์ท่เี ชือ่ มโยงกันทัง้ ร่ายกาย จติ ใจ สงั คม และปัญญาหรอื จิตวิญญาณ ซง่ึ องค์ประกอบทง้ั หมดนน้ั จะต้องสานสมั พนั ธ์และพงึ่ พาอาศยั กัน อยา่ งมีดลุ ยภาพ องค์ประกอบของสขุ ภาพองคร์ วม 1. มิติทางกาย ซ่ึงเป็นมิติของสุขภาพท่ีเก่ียวข้องกับสภาพโดยทั่วไปทางกายของมนุษย์ ท้ังภายใน ภายนอก และรวมถึงสภาพแวดล้อมรอบตัวด้วย ทั้งนี้มิติทางกายจะยึดเอาความแข็งแรงสมบูรณ์ของร่างกาย ไม่เจ็บ ไมไ่ ข้ ไร้ซ่ึงโรคภัยเป็นสาคญั โดยมอี าหารท่ีถูกหลักโภชนาการ สมรรถนะทางกาย ภาวะทางเศรษฐกิจที่ เพียงพอต่อการดารงชีวติ เป็นปัจจยั ที่จะส่งผลตอ่ สภาวะสขุ ภาพดังกลา่ วได้ 2. มิติทางจิต ซึ่งเป็นมิติของสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับสภาวะทางจิตใจหรืออารมณ์ที่มีผลกับสุขภาพ โดยรวมของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นภาวะอารมณ์ท่ีแจ่มใสร่าเริง ผ่อนคลายไม่ตึงเครียด รู้สึกมีความสุขและปลอด โปร่ง โดยที่มีหลักการจัดการกับสภาวะความเครียดไม่ให้เกิดวิกฤตทางอารมณ์เกิดข้ึนเป็นปัจจัยส่งผลต่อ สภาวะสุขภาพจิตท่ีดไี ด้ 3. มิติทางสังคม ซึ่งเป็นมิติของสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับสภาวะโดยท่ัวไปทางสังคมที่มีผลกับสุขภาพ โดยรวมของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นสภาพสังคมท่ีมีความผาสุกท้ังระดับครอบครัว สังคมและชุมชน โดยท่ีแต่ละ ระดับมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน สมาชิกในสังคมนั้นๆ มีความเอ้ืออาทรต่อกัน จัดระบบบริการจากภาครัฐที่มี ความเสมอภาคกนั สิ่งเหล่านีจ้ ัดไดว้ ่าเปน็ ปจั จยั ทส่ี าคญั มากที่จะส่งผลต่อสภาวะสขุ ภาพทางสงั คมที่ดไี ด้
สรปุ ผลการดาเนนิ งานการจดั กิจกรรมโครงการส่งเสริมดูแลสขุ ภาวะและสุขอนามัยของประชาชนในชมุ ชน จานวน ๖ ชั่วโมง | ๓๒ 4. มิติทางปญั ญาหรอื ทางจิตวญิ ญาณ ซ่งึ เปน็ มติ ขิ องสขุ ภาพท่ีเกยี่ วกบั การมคี วามรู้ เฉลียวฉลาด รู้เท่า ทันสิ่งต่างๆ ที่จะเปลี่ยนแปลงไป ทั้งทางกาย จิตใจ และสังคม ทาให้เกิดแรงศรัทธาต่อตนเองและมีความหวัง ต่อความสาเร็จท่ีจะทาให้ตนเองมีความผาสุกด้วยสัมมาชีพและเป็นปัจจัยส่งผลต่อสภาวะสุขภาพโดยรวมของ มนษุ ย์อยา่ งสมบูรณ์ แนวทางการสง่ เสริมสขุ ภาพ การสร้างเสริมสุขภาพ หมายถึง กระบวนการปฏิบัติเพ่ือให้เกิดสุขภาพกายแข็งแรง เจริญเติบโต ปราศจากโรคภยั ไข้เจ็บ และสามารถดารงชีวติ อยูใ่ นสังคมไดอ้ ยา่ งปกติสุข การส่งเสรมิ สขุ ภาพหรือการสรา้ งเสริมสขุ ภาพ เป็นกระบวนการทม่ี ลี ักษณะดังนี้ 1. เน้นกิจกรรมพลายลักษณะท่ีมุงสร้างสมรรถนะของการสร้างสุขภาพดีควบคุมปัจจัยเส่ียง และเป็น กระบวนการทมี่ ุง่ ดาเนินการกนั ทง้ั บคุ คลและสังคม 2. เน้นกระบวนการส่งเสริมให้ประชาชนเพ่ิมสมรรถนะในการควบคุมดูแลและพัฒนาสุขภาพของตนเอง หลักการส่งเสริมสุขภาพการออกกาลังกายอย่างสม่าเสมอ อย่ายึดติดกับความสะดวกสบายมากเกินไป พักผ่อนให้เพียงพอและฝึกการปฏิบตั ทิ างจิตเพื่อลดความตึงเครยี ด เปน็ ตน้ วธิ ีการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพของตนเองสามรถปฏบิ ัตไิ ดด้ ังน้ี 1. รบั ประทานอาหารท่ีมคี ณุ ค่าทาสงโภชนาการหลากหลายไม่ซ้าซาก โดยเฉพาะผกั ผลไมค้ วรมที ุกม้อื 2. ออกกาลังสม่าเสมอ ทาจิตใจให้เบิกบาน จะช่วยคลายความเครียดและปูองกันภาวะเสี่ยงเกิดโรค เกยี่ วกับข้อต่อกระดกู และโรคหวั ใจ รวมทั้งระบบการไหลเวยี นของโลหิต 3. ทาสมาธิ เล่นโยคะ หรอื การนวดเพ่ือสุขภาพเพ่อื ผ่อนคลายความเครียด 4. ละเว้นสารเสพติดทกุ ชนิดที่จะบัน่ ทอนสขุ ภาพ 5. หลกี เล่ียงความเสย่ี งทจ่ี ะกอ่ ใหเ้ กิดอุบตั เิ หตุ 6. ตรวจสขุ ภาพประจาปี ซ่งึ เป็นการดแู ลและส่งเสรมิ สุขภาพที่ดีมาก วธิ กี ารลดความเสยี่ งทางสุขภาพ ซึ่งสามารถทาได้ดังน้ี 1. ผู้ท่อี ย่ใู นภาวะเสีย่ งต่อการติโรคควรฉีดวัคซีนปอู งกนั โรค 2. รักษาความสะอาดของใช้ต่างๆ 3. ไมค่ ุลกคลีกบั ผ้ปู ุวย 4. ไมร่ บั ประทานอาหารสุกๆดิบ 5. ออกกาลังสมา่ เสมอ 6. ลา้ งมือให้สะอาดกอ่ นรับประทานอาหาร หลงั จากถา่ ยอจุ จาระ 7. ตดิ ตามขอ้ มูลขา่ วสารเก่ียวสขุ ภาพ 8. ไมใ่ ช้สิง่ ของรว่ มกบั ผปู้ ุวย 9. ทาลายเช้ือโรคให้ถกู วิธี กาจัดแหลง่ เพาะพันธุเ์ ช้อื โรค 10.การควบคุมสุขาภบิ าล อาหาร น้าด่มื และนา้ นม 11.จดั ส่ิงแวดลอ้ มให้ถูกสุขลักษณะ 12.ใหค้ วามรอู้ บุ ัตเิ หตุและการปอู งกนั
สรปุ ผลการดาเนินงานการจัดกิจกรรมโครงการส่งเสรมิ ดูแลสุขภาวะและสุขอนามยั ของประชาชนในชมุ ชน จานวน ๖ ช่ัวโมง | ๓๓ การประเมนิ สขุ ภาพสว่ นบคุ คลของตนเอง การประเมินสุขภาพส่วนบุคคลของตนเองจะเป็นแนวทางในการพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพให้มีสุขภาพดีที่ ยง่ั ยืนตลอดไป การประเมนิ สขุ ภาพส่วนบุคคลประกอบดว้ ยรายละเอยี ดต่อไปน้ี 1. ความสะอาดสว่ นบุคคล 2. การกินอาหารทม่ี ปี ระโยชน์ 3. การพกั ผอ่ นใหเ้ พยี งพอ 4. การวางท่าทางทถี่ กู ตอ้ ง 5. การออกกาลังกายพอสมควร 6. การรู้จักรกั ษาความสะอาดของบา้ นเรือนของตน 7. การทาจติ ใจให้ผอ่ งใส 8. การรจู้ ักปอู งกันอุบตั ิเหตุ 9. การควบคุมและหาทางปอู งกนั โรคติดต่อ 10.การตรวจสุขภาพร่างกายอยา่ งสม่าเสมอ 11.การสวมเสือ้ ผา้ และใชข้ องใช้ท่ีสะอาด และจัดเกบ็ ใหเ้ ป็นระเบียบ 12.การมคี วามรเู้ กย่ี วกับการทีจ่ ะรกั ษาสขุ ภาพพลานามัยใหแ้ ข็งแรง ประโยชน์ของการส่งเสริมสขุ ภาพ 1. มีสุขภาพดีทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคม ทาให้ดารงชีวิตอยู่ร่วมกับคนอ่ืนในสังคมได้ อยา่ งปกติสุข 2. โอกาสเกิดโรค การเจบ็ ปุวย และความผิดปกตติ ่างๆมนี อ้ ยมาก 3. ไม่เสยี เวลาในการเรยี น เนือ่ งจากไมเ่ จ็บปวุ ย 4. ไมเ่ สยี ค่าใช้จา่ ยในการรกั ษาอาการเจบ็ ปุวยต่างๆ 5. มพี ัฒนาการทางด้านร่างกายเปน็ ไปตามปกติ แนวทางการสรา้ งเสริมและพฒั นาสุขภาพของชุมชน การสร้างเสริมสขุ ภาพชมุ ชนของบุคคลในชุมชนต้องได้รับความร่วมมือจากทุกคนในชุมชน เพ่ือนาไปสู่ การมสี ขุ ภาพและคณุ ภาพท่ดี ขี องคนในชุมชน และสังคมโดยส่วนรวม รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๕๐ได้กาหนดให้คนไทยทุกคนได้รับโอกาสและมีความเสมอภาคเท่าเทียมกันในการเข้าถึง บริการด้าน สุขภาพ และได้รับบริการสุขภาพท่ีได้มาตรฐานเดียวกัน โดยไม่คานึงถึงเศรษฐกิจและสังคม กระทรวง สาธารณสุขได้ดาเนินการรณรงค์การสร้างสุขภาพภายใต้กลยุทธ์ “รวมพลังสร้างสุขภาพ” โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชน ทุกกลุ่มทุกวัยมีความรู้และทักษะด้านสุขภาพ โดยมุ่งเน้นให้ศูนย์สุขภาพชุมชนและ สถานีอนามัยเป็นหน่วยบริการสุขภาพหลัก ในการดาเนินงานประสานและเชื่อมโยงกับองค์กรภาคี เครือข่าย สุขภาพชุมชนท้ังสว่ นกลางและส่วนภูมิภาค มีบทบาทสาคัญในการผลักดันให้นโยบาย ดังกล่าวสัมฤทธิผลและ บรรลเุ ปาู หมาย การดาเนินงานสร้างเสริมและพัฒนาสุขภาพของชุมชนของกระทรวงสาธารณสุขที่กาหนดไว้อย่างเป็น รปู ธรรม ไดแ้ ก่ ๑. สง่ เสรมิ ใหป้ ระชาชนรวมกันจัดกิจกรรมด้านสุขภาพในรูปของชมรมด้านสุขภาพครอบคลุมทุกชุมชน และหมู่บ้านโดยยึดแนวคิด “ใช้พ้ืนฐานบูรณาการทุกภาคส่วน สร้างกระบวนการเรียนรู้สู่วิถีชุมชน” อันจะทา ให้เกิดการสร้างสขุ ภาพทย่ี งั่ ยืนและถาวร ซงึ่ เนน้ กจิ กรรมสรา้ งสุขภาพตาม นโยบาย ๖ อ
สรุปผลการดาเนนิ งานการจัดกจิ กรรมโครงการสง่ เสรมิ ดูแลสขุ ภาวะและสุขอนามยั ของประชาชนในชมุ ชน จานวน ๖ ชัว่ โมง | ๓๔ นโยบาย ๖ อ มดี ังน้ี ๑. ส่งเสริมให้คนไทยทุกกลุ่มอายุ ออกกาลังกาย วันละ ๓o นาที อย่างน้อย ๓ วันต่อสัปดาห์อย่าง สม่าเสมอ ๒. ส่งเสริมใหค้ นไทยเลือกซอ้ื และบรโิ ภค อาหาร ท่สี ะอาดมคี ณุ คา่ และปลอดสารปนเปอื้ น ๓. สง่ เสรมิ ให้คนไทยสร้าง อนามัย สง่ิ แวดล้อมในชุมชนเพื่อความสะอาดปลอดภัยของที่อยู่อาศัยและ พฒั นาสิง่ แวดล้อมให้เอือ้ ตอ่ สุขภาพ ๔. สง่ เสริมให้คนไทยมี อารมณ์ ที่ดี และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในชมรมต่างๆ เช่น ชมรมสร้างสุขภาพของ วัยทางาน เพื่อการมสี ุขภาพจิตทดี่ แี ละแจม่ ใส ๕. ส่งเสริมให้คนไทยปลอดโรค อโรคยา โดยเฉพาะโรคท่ีทาให้คนไทยเสียชีวิตในลาดับแรกๆคือ มะเรง็ หวั ใจ เบาหวาน ๖. ส่งเสรมิ ให้คนไทยลด ละ เลิก อบายมุข เพื่อลดปัญหาสุขภาพท่ีเกิดจาก บุหร่ี สุรา สารเสพติดและ การพนนั ในชุมชน ๒. บทบาทของการมีส่วนร่วมในการสร้างเสริมและพัฒนาสุขภาพของบุคคลในชุมชน คือ การร่วม กิจกรรมทีเ่ อือ้ อานวยให้ผู้คนในชุมชนมีการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เช่น ชมรมผู้สูงอายุ กลุ่มทูบีนัมเบอร์ วนั ชมรมแอโรบกิ กลมุ่ ประชาคม ชมรมสร้างสุขภาพ กล่มุ กฬี า ๓. ชมรมสร้างสุขภาพ (Health Promotion Club) หมายถึง กลุ่มบุคคลที่มีความสนใจในกิจกรรม เหมือนๆกัน ซึ่งเป็นชมรมหรือกลุ่มท่ีมีอยู่แล้วในชุมชน หรือมารวมกลุ่มกันใหม่ แล้วสมัครเป็นเครือข่ายชมรม สร้างสขุ ภาพกับสถานบรกิ ารสาธารณสุขของกระทรวงสาธารณสุข มกี ารแลกเปลี่ยนเรยี นรดู้ า้ นสขุ ภาพ ๔. การมีส่วนร่วมในการพัฒนาส่ิงแวดล้อมชุมชน ดังน้ันคนในชุมชนจึงควรมีส่วนร่วมในการช่วยลด ปัญหาภาวะโลกรอ้ น ดังนี้ - รณรงค์ใหค้ นในชมุ ชนลดการใช้พลังงานในบ้าน - ใช้หลอดไฟแบบประหยัด เช่น หลอดตะเกียบ หลอดผอม - การขี่จกั รยาน หรือใช้วิธเี ดินเมื่อไปทาธุระใกล้บ้าน - จดั ส่ิงแวดลอ้ มในบา้ นใหน้ า่ อยู่ - ใชผ้ ลติ ภณั ฑท์ ่ีมีส่วนช่วยในการดแู ลส่ิงแวดล้อม - ใชน้ า้ อย่างประหยัดและคมุ้ ค่า - ปลูกตน้ ไม่ในบริเวณบ้าน - ลดปรมิ าณการใช้ถุงพลาสติก - สนับสนุนสินคา้ และผลิตภัณฑ์เกษตรในทอ้ งถ่นิ - จัดตง้ั ชมรมหรือจัดต้ังกจิ กรรมรณรงคส์ ง่ิ แวดล้อมในชุมชน
สรุปผลการดาเนนิ งานการจัดกิจกรรมโครงการสง่ เสรมิ ดูแลสุขภาวะและสุขอนามยั ของประชาชนในชมุ ชน จานวน ๖ ช่ัวโมง | ๓๕ .การสรา้ งเสริมสขุ ภาพตนเองทางดา้ นร่างกาย จติ ใจ อารมณ์ สังคม และจติ วิญญาณ การที่นักเรียนจะสามารถสร้างศักยภาพของตนในการจัดการกับปัญหาทางอารมณ์และความเครียดน้ัน ควรจะพิจารณาวิธกี ารสร้างศกั ยภาพของตนเองต่อไปนี้ 1.) การสร้างเสริมสุขภาพตนเองทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และจิตวิญญาณ โดยมี วิธกี ารดาเนินชวี ติ ทีส่ ่งเสริมสขุ ภาพ (Healthy lifestyles) เพื่อให้มีสุขภาพดีและคงอยู่ ซ่ึงสามารถต้านทานกับ ปญั หาทางอารมณ์และความเครยี ดได้ โดยปฏบิ ัติพฤติกรรมดังตอ่ ไปนี้ 1. การรบั ประทานอาหารใหถ้ ูกหลกั โภชนาการหรือโภชนบญั ญัติ 2. การเปลย่ี นแปลงนิสัยท่เี ป็นอันตรายต่อร่างกาย เช่น การใช้ยานอนหลับ การด่ืมกาแฟ การ ใชส้ ารเสพตดิ 3. ออกกาลังกายอยา่ งถกู วิธแี ละสมา่ เสมอ จะช่วยให้รา่ งกายสดช่นื โลหติ ไหลเวยี นสะดวก 4. การพักผ่อนและนอนหลับให้เพียงพอกับความตอ้ งการของร่างกาย 5. อยู่ในสถานท่ีทีอ่ ากาศบรสิ ทุ ธิ์ โดยหลกี เลย่ี งมลพษิ หรอื หาโอกาสเดินทางไปตา่ งจงั หวดั 6. การขับถ่าย ต้องฝึกให้ขับถ่ายเป็นประจาสม่าเสมอ เพ่ือขจัดของเสียมิให้ตกค้างในร่างกาย เป็นเวลานาน 7. สภาพแวดล้อม จัดสร้างสภาพแวดล้อมให้น่าอยู่ถูกสุขลักษณะ สร้างบรรยากาศที่ดีท้ังใน บ้าน โรงเรยี น และชุมชน 8. อารมณ์ ฝึกการผอ่ นคลายจติ ดว้ ยวิธตี ่างๆ เชน่ สมาธิ โยคะ ฝกึ หายใจ เปน็ ตน้ สรา้ งอารมณ์ ขัน เช่น อ่านหนังสือขาขัน ดูการแสดงหรือฟังเทปตลก ดูรายการบันเทิงทางโทรทัศน์ หาโอกาสเข้าใกล้ผู้มี อารมณข์ ัน เปน็ ตน้ ความรูส้ กึ ทดี่ หี รอื การหัวเราะจะชว่ ยกระตุ้นให้ร่างกายหล่ังฮอร์โมนเอ็นโดฟิน (สารแห่งความสุข) ออกมา ฮอร์โมนจากความเครียดจะลดลง จานวนเม็ดเลือดขาวจะเพิ่มขึ้น ทาให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายมี ประสิทธิภาพในการปอู งกันโรคไดด้ ขี ้นึ 9. สรา้ งและพัฒนาความอดทนและความต้านทานใหก้ ับรา่ งกายเพ่ือ จะไดต้ ่อสู้กับความเครียด ได้ โดยอาศยั สภาพของร่างกาย 10. เรยี นร้ทู จี่ ะผ่อนคลายและวธิ ีท่ีจะทาใหม้ คี วามรู้สึกท่ีดีข้นึ อาจทาโดยการนวดเพ่อื ผอ่ นคลาย
สรุปผลการดาเนินงานการจดั กจิ กรรมโครงการสง่ เสรมิ ดูแลสุขภาวะและสุขอนามัยของประชาชนในชุมชน จานวน ๖ ชัว่ โมง | ๓๖ 2.) รู้จักตนเอง เพื่อจะได้สามารถสร้างแผนการบริหารจัดการทางอารมณ์และความเครียดของ ตนได้ การรู้จักตนจะได้จากการประเมินข้อมูลเก่ียวกับตนเอง (Self-assessment) เช่น ความสามารถ ความ ถนัด ทักษะการติดต่อส่ือสาร ฯลฯ และสามารถวิจารณ์ตนเองได้ ความสามารถในการรู้จักตนเองน้ีจะช่วยให้ คลายความไม่สบายใจหรือความเครียดบางอยา่ งได้ 3.) มีความสัมพันธ์ท่ีดีกับบุคคลอื่น สัมพันธภาพท่ีดีกับบุคคลอื่นจะปูองกันการเกิดปัญหาทาง อารมณ์และความเครียดได้ โดยมีการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพในด้านการพูด การฟัง การเขียน การแสดงออก ทางกาย และสามารถแสดงออกตามที่ตนต้องการ และปูองกันสิทธิส่วนบุคคล (Assertiveness) ได้ ปัญหาทาง อารมณ์และความเครียดบางคร้งั เกิดจากการไมก่ ล้าพดู หรือแสดงออกเพื่อรักษาสิทธขิ องตนได้ 4.) การพัฒนาทกั ษะชีวิต เป็นทกั ษะความสามารถในการหลกี เลี่ยงความเครยี ดหรือปูองกันสิ่งที่ เปน็ บอ่ เกดิ ของความเครยี ด อาจกล่าวอีกนัยหน่ึงได้ว่า เป็นการหริหารจัดการสิ่งแวดล้อมของชีวิตให้มีลักษณะ ทไ่ี มก่ ่อใหเ้ กดิ ความเครยี ด โดยการวางแผนต้ังเปาู หมายในชีวติ การบรหิ ารเวลาและทกั ษะการแก้ปัญหา ทักษะ เหล่านี้จะช่วยปูองกันปัญหาทางอารมณ์และความเครียดได้ดี เพราะล้วนเป็นสาเหตุของการเกิดความเครียด หากบคุ คลไม่สามารถบริหารส่ิงดงั กลา่ วได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ 5.) การปรับเปลย่ี นบคุ ลิกภาพของตนเอง จากการศกึ ษาวจิ ัยพบว่าบุคลิกภาพของตนเองบุคคล มีความสัมพันธ์กับความเครียด และทาให้เกิดโรคที่สัมพันธ์กับความเครียด หากนักเรียนได้เรียนรู้ลักษณะ บางอย่าง และวิเคราะห์ตนเองว่ามีบุคลิกภาพลักษณะใด ก็จะสามารถปรับปรุง เปล่ียนแปลงหรือสร้าง บุคลิกภาพลักษณะท่ีดีนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงจากความเครียดได้ ลักษณะของบุคลิกภาพ มีดังน้ี ได้มีการแบ่ง ออกเปน็ 2 ชนดิ คอื บุคลิกภาพชนิด ก (Type A) และบุคลิกภาพชนิด ข (Type B) ซึ่งมีบุคลิกภาพท่ีแตกต่าง กันอย่างเห็นได้ชัด และบุคลิกภาพชนิด ก. จะเป็นบุคลิกลักษณะที่นาไปสู่การมีความเครียดได้ ซึ่งจะแตกต่าง จากบคุ ลิกภาพชนิด ข. กลา่ วคอื ผูท้ ี่มบี ุคลิกภาพชนดิ ข. จะปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ โดยปราศจากความเครียด มี ชีวิตทม่ี ีความสุข รู้จักผ่อนคลาย ทางานโดยมีการวางแผน เปน็ ตน้ ดังรายละเอยี ดดังตอ่ ไปนี้
สรปุ ผลการดาเนนิ งานการจัดกิจกรรมโครงการสง่ เสริมดแู ลสขุ ภาวะและสุขอนามัยของประชาชนในชมุ ชน จานวน ๖ ช่ัวโมง | ๓๗ บคุ ลิกภาพ Type A : มีบคุ ลิกลักษณะดังนี้ 1. ชีวิตเตม็ ไปด้วยการแขง่ ขนั อยู่ตลอดเวลา 2. มีเรือ่ งหรอื งานเร่งดว่ นทต่ี ้องแข่งกบั เวลาเปน็ ประจา 3. พยายามที่จะทางานให้มากข้ึนและเรว็ ขึ้น 4. แสดงกิริยาท่ีไม่เป็นมิตรกับบุคคลอื่น และตามใจตนเอง ดดยเฉพาะกับบุคคลท่ีหยุดยั้งการทางาน ของตนให้ชา้ ลง 5. รู้สึกว่าตนเองไม่สามารถผ่อนคลาย และทาตัวเองให้มีความสุขในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ช่วง พักผอ่ นหรอื มเี วลาวา่ ง 6. พดู เร็ว 7. ไมส่ ามารถเผชิญและแก้ปัญหาอนั เปน็ สาเหตุของความเครยี ดได้ 8. มคี วามรสู้ ึกว่าตนเองไม่มีความปลอดภัย ถ้าไม่สามารถท่ีจะบังคับ ควบคุมบุคคลหรือส่ิงแวดล้อมท่ี เข้ามาเกย่ี วข้องกบั ชีวิตของตน บคุ ลิกภาพ Type B : มบี คุ ลิกลกั ษณะดังนี้ 1. ผ่อนคลายและไม่มีความกดดัน 2. เรยี นรู้ทจ่ี ะมีชวี ติ อย่อู ย่างเปน็ สุข 3. มีความสุขที่จะอย่กู บั เพื่อนฝูงและครอบครวั 4. ใหเ้ วลาตนเองท่จี ะพฒั นาตนใหเ้ ป็น “คน” ท่สี มบรู ณ์ 5. มคี วามต้องการหรอื พยายามทจ่ี ะประสบความสาเรจ็ โดยปราศจากความเรง่ ด่วน
สรุปผลการดาเนินงานการจัดกิจกรรมโครงการส่งเสรมิ ดูแลสุขภาวะและสขุ อนามัยของประชาชนในชุมชน จานวน ๖ ช่วั โมง | ๓๘ บทที่ ๓ สรุปผลการดาเนนิ งาน ข้ันตอนการดาเนินงานในการจัดกจิ กรรม โครงการสง่ เสรมิ ดแู ลสุขภาวะและสขุ อนามัยของประชาชนในชมุ ชน จานวน ๖ ชว่ั โมง เปา้ หมาย จานวน ๑๗ คน จดั ได้ ๒๒ คน วนั ที่ ๑๓ มีนาคม พ.ศ.๒๕๖๔ ณ กศน.ตาบลราชคราม อาเภอบางไทร จังหวดั พระนครศรีอยธุ ยา มดี งั น้ี ๑. ขัน้ วางแผน (Plan) ๑.๑ สารวจความตอ้ งการ วิเคราะห์ความต้องการ ของกลุ่มเป้าหมาย ๑.๒ ประชมุ ชี้แจงผู้เก่ียวข้องและแต่งต้ังคณะ ดาเนินงาน ๑.๓ จดั ทาหลกั สูตร/ อนมุ ตั หิ ลกั สตู ร ๑.๔ ประสานเครือข่าย ๒. ข้นั ดาเนนิ การ (Do) ดาเนินการจัดกจิ กรรม ๒.๑ จัดฝกึ อบรม โครงการส่งเสริมดูแลสุขภาวะและสขุ อนามยั ของประชาชนในชุมชน จานวน ๖ ชว่ั โมง 1. อบรมใหค้ วามรเู้ ร่ืองการส่งเสริมดูแลสุขภาวะและสุขอนามยั ของประชาชนในชุมชน 2. จดั กระบวนการเรียนรู้เรอื่ ง - การดูแลสขุ ภาวะอนามยั ของแมแ่ ละเดก็ - การดแู ลสขุ ภาวะอนามยั สาหรับผสู้ งู อายุ - การดูแลและปูองกันโรคไม่ติดตอ่ 3. เสวนาสรุปวิธกี ารนาความรเู้ รอื่ งการสง่ เสริมดูแลสุขภาวะและสุขอนามัยของประชาชนในชุมชนมา ปรับใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชนใ์ นชีวิตประจาวัน - เร่ืองส่งเสริมการฝึกอาชีพเสริม - เร่ืองการบริหารจัดการขยะในชุมชน ๓. ข้นั ตรวจสอบ (Check) ๓.๑ ประเมินความพึงพอใจ (แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์) ๓.๒ การนเิ ทศติดตามผล ๔. ข้นั ปรับปรุงแกไ้ ข (Action) ๔.๑ นาผลการนเิ ทศมาปรบั ปรงุ พัฒนา
สรปุ ผลการดาเนินงานการจดั กจิ กรรมโครงการส่งเสรมิ ดูแลสุขภาวะและสุขอนามัยของประชาชนในชมุ ชน จานวน ๖ ชว่ั โมง | ๓๙ ข้อมูลผเู้ ขา้ รว่ มโครงการ เป้าหมายผเู้ ข้ารว่ มโครงการจานวนทงั้ หมด ๑๗ คน จดั ได้ ๒๒ คน ๑. เพศ เพศชาย จานวน ๗ คน คิดเป็นรอ้ ยละ ๓๑.๘๒ เพศหญิง จานวน ๑๕ คน คิดเป็นร้อยละ ๖๘.๑๘ รวม จานวน ๒๒ คน คิดเปน็ รอ้ ยละ ๑๐๐.๐๐ ๒. อายุ คิดเป็นรอ้ ยละ ๐๐.๐๐ โดยมอี ายเุ ฉล่ยี ต้งั แต่ ตา่ กว่า ๑๕ ปี จานวน ๐ คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๒๒.๗๒ อายุ ๑๕ –๒๙ ปี จานวน ๕ คน คดิ เปน็ ร้อยละ ๑๘.๑๘ อายุ ๓๐ –๓๙ ปี จานวน ๔ คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๐๐.๐๐ อายุ ๔๐ –๔๙ ปี จานวน ๐ คน คดิ เป็นร้อยละ ๒๗.๒๘ อายุ ๕๐ –๕๙ ปี จานวน ๖ คน คิดเป็นรอ้ ยละ ๓๑.๘๒ และอายุ ๖๐ ปีขึ้นไป จานวน ๗ คน คดิ เป็นร้อยละ ๑๐๐.๐๐ รวม จานวน ๒๒ คน ๓. ระดบั การศึกษา จานวน ๕ คน คิดเปน็ รอ้ ยละ ๒๒.๗๒ ต่ากว่าประถมศกึ ษา จานวน ๔ คน คิดเป็นร้อยละ ๑๘.๑๘ ประถมศกึ ษา จานวน ๘ คน คิดเป็นร้อยละ ๓๖.๓๘ มัธยมศึกษาตอนต้น จานวน ๕ คน คิดเปน็ ร้อยละ ๒๒.๗๒ มัธยมศกึ ษาตอนปลาย จานวน ๐ คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๐๐.๐๐ อนุปรญิ ญา/ปว.ส. จานวน ๐ คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ๐๐.๐๐ ปริญญาตรี จานวน ๐ คน คดิ เป็นร้อยละ ๐๐.๐๐ สงู กวา่ ปริญญาตรี จานวน ๒๒ คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๑๐๐.๐๐ รวม ๔. ผู้เขา้ รว่ มโครงการฯ โดยเฉลย่ี ประกอบอาชพี รบั ราชการ จานวน ๐ คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๐๐.๐๐ คดิ เป็นร้อยละ ๕๙.๑๐ รับจ้าง จานวน ๑๓ คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ๐๐.๐๐ คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๐๙.๐๙ เกษตรกร จานวน ๐ คน คดิ เป็นร้อยละ ๑๘.๑๘ คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๑๓.๖๓ คา้ ขาย จานวน ๒ คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ๑๐๐.๐๐ พ่อบ้าน/แม่บ้าน จานวน ๔ คน อาชพี อ่นื ๆ จานวน ๓ คน รวม จานวน ๒๒ คน
สรุปผลการดาเนินงานการจดั กิจกรรมโครงการส่งเสริมดูแลสขุ ภาวะและสุขอนามยั ของประชาชนในชมุ ชน จานวน ๖ ชวั่ โมง | ๔๐ ผลการดาเนนิ งาน ๑. จานวนผู้เข้าร่วมโครงการฯ ที่ตั้งเป้าหมายไว้ จานวน ๑๗ คน จัดได้ ๒๒ คน ประกอบอาชีพ ตามกลมุ่ เป้าหมาย ๒๒ คน ๒. วทิ ยากรใหค้ วามรู้ โดยวิธกี ารบรรยาย วิธีการสาธติ และวธิ กี ารฝกึ ปฏิบัติจรงิ ๓. ผู้เข้าร่วมโครงการฯ มีความพึงพอใจในการจัดกิจกรรม ในระดับมากที่สุด (ตามเอกสารบทที่ ๔ แบบสอบถามความพึงพอใจและสรปุ แบบสอบถามความพงึ พอใจ) ปัญหาและอุปสรรคในการปฏบิ ัติงาน งบประมาณในการจดั กิจกรรมพฒั นาทักษะชีวติ มจี านวนจากดั วัสดอุ ุปกรณใ์ นการฝกึ มจี านวนจากัด ไม่เพียงพอตอ่ จานวนผูเ้ รียน ข้อเสนอแนะ งบประมาณจัดสรรให้เพยี งพอตอ่ จานวนผเู้ รียน
สรปุ ผลการดาเนนิ งานการจดั กิจกรรมโครงการส่งเสรมิ ดูแลสขุ ภาวะและสขุ อนามัยของประชาชนในชมุ ชน จานวน ๖ ช่ัวโมง | ๔๑ บทที่ ๔ สรปุ แบบสอบถามความพึงพอใจ หลกั สตู ร/โครงการสง่ เสริมดูแลสุขภาวะและสุขอนามัยของประชาชนในชมุ ชน จานวน ๖ ช่วั โมง วนั ท่ี ๑๓ เดอื นมนี าคม พ.ศ. 256๔ สถานที่จัด กศน.ตาบลราชคราม อาเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยธุ ยา ข้อมูลพ้นื ฐานของผู้ประเมนิ ความพงึ พอใจ คาชี้แจง แบบประเมนิ ความพงึ พอใจ มี ๒ ตอน ตอนท่ี ๑ ข้อมูลทั่วไป คาช้ีแจง โปรดใสเ่ คร่ืองหมาย ลงในชอ่ ง ท่ตี รงกับข้อมลู ของทา่ นเพียงช่องเดยี ว เพศ ชาย หญิง อายุ ต่ากว่า ๑๕ ปี ๑๕-๒๙ ปี ๓๐-๓๙ ปี ๔๐-๔๙ ปี ๕๐-๕๙ ปี ๖๐ ปขี ้ึนไป ระดบั การศึกษา ต่ากว่าประถมศกึ ษา ประถมศึกษา มธั ยมศึกษาตอนตน้ มธั ยมศึกษาตอนปลาย อนปุ ริญญา/ปว.ส. ปริญญาตรี สงู กวา่ ปรญิ ญาตรี อน่ื ๆ โปรดระบุ............................................................................................. ประกอบอาชีพ ผนู้ าทอ้ งถ่ิน อบต./เทศบาล พนกั งานรฐั วิสาหกิจ ทหารกองประจาการ เกษตรกร รบั ราชการ คา้ ขาย รับจา้ ง อสม. แรงงานต่างดา้ ว พอ่ บ้าน/แมบ่ ้าน อื่นๆ โปรดระบุ..........................
สรปุ ผลการดาเนนิ งานการจัดกจิ กรรมโครงการสง่ เสริมดูแลสขุ ภาวะและสุขอนามยั ของประชาชนในชุมชน จานวน ๖ ช่ัวโมง | ๔๒ ตอนที่ ๒ ด้านกระบวนการจดั กิจกรรมและความพงึ พอใจของผ้เู รียน/ผ้รู บั บริการ คาชี้แจง โปรดใส่เครือ่ งหมาย ลงในช่อง ท่ีตรงกบั ความคิดเหน็ ของทา่ นเพียงชอ่ งเดียว ระดบั ความพึงพอใจ หมาย เหตุ ข้อ รายการประเมินความพงึ พอใจ มาก ปาน น้อย ตอนที่ 1 ความพึงพอใจด้านเน้ือหา ทีส่ ดุ มาก กลาง น้อย ท่สี ดุ 1 เน้ือหาตรงตามความต้องการ 2 เนอ้ื หาเพียงพอต่อความต้องการ 3 เนื้อหาปัจจบุ ันทนั สมัย 4 เนอ้ื หามีประโยชนต์ ่อการนาไปใช้ในการพัฒนาคณุ ภาพชวี ิต ตอนที่ 2 ความพึงพอใจดา้ นกระบวนการจัดกจิ กรรมการอบรม 5 การเตรยี มความพร้อมก่อนอบรม 6 การออกแบบกิจกรรมเหมาะสมกบั วัตถุประสงค์ 7 การจดั กจิ กรรมเหมาะสมกบั เวลา 8 การจัดกจิ กรรมเหมาะสมกบั กลมุ่ เป้าหมาย 9 วธิ กี ารวัดผล/ประเมนิ ผลเหมาะสมกับวัตถุประสงค์ ตอนท่ี 3 ความพึงพอใจต่อวิทยากร 10 วิทยากรมีความรู้ความสามารถในเร่ืองท่ีถา่ ยทอด 11 วทิ ยากรมีเทคนิคการถา่ ยทอดใชส้ อ่ื เหมาะสม 12 วิทยากรเปดิ โอกาสใหม้ ีสว่ นร่วมและซักถาม ตอนท่ี 4 ความพึงพอใจดา้ นการอานวยความสะดวก 13 สถานท่ี วัสดุ อุปกรณ์และสิง่ อานวยความสะดวก 14 การส่ือสาร การสร้างบรรยากาศเพ่ือให้เกิดการเรยี นรู้ 15 การบริการ การช่วยเหลือและการแก้ปัญหา ความคดิ เหน็ และข้อเสนอแนะอ่นื ๆ................................................................................................................. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
สรุปผลการดาเนนิ งานการจดั กจิ กรรมโครงการส่งเสริมดูแลสุขภาวะและสุขอนามัยของประชาชนในชุมชน จานวน ๖ ชว่ั โมง | ๔๓ บทที่ ๕ สรปุ แบบสอบถามความพึงพอใจ หลกั สตู ร/โครงการสง่ เสริมดูแลสขุ ภาวะและสุขอนามัยของประชาชนในชุมชน จานวน ๖ ช่วั โมง วนั ที่ ๑๓ เดอื นมนี าคม พ.ศ. 256๔ สถานทจี่ ัด กศน.ตาบลราชคราม อาเภอบางไทร จังหวดั พระนครศรีอยุธยา ตอนที่ ๑ ข้อมูลท่ัวไป ผู้เรยี นหลกั สตู ร/โครงการสง่ เสรมิ ดแู ลสุขภาวะและสุขอนามยั ของประชาชนในชุมชน จานวน ๖ ชัว่ โมง เป้าหมาย ๑๗ คน จัดได้ ๒๒ คน ๑. เพศ เพศชาย จานวน ๗ คน คดิ เปน็ ร้อยละ ๓๑.๘๒ เพศหญงิ จานวน ๑๕ คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๖๘.๑๘ รวม จานวน ๒๒ คน คิดเป็นร้อยละ ๑๐๐.๐๐
สรปุ ผลการดาเนนิ งานการจดั กจิ กรรมโครงการสง่ เสริมดูแลสขุ ภาวะและสขุ อนามยั ของประชาชนในชุมชน จานวน ๖ ช่วั โมง | ๔๔ ๒. อายุ คิดเปน็ รอ้ ยละ ๐๐.๐๐ โดยมีอายเุ ฉล่ยี ตั้งแต่ ตา่ กวา่ ๑๕ ปี จานวน ๐ คน คิดเปน็ ร้อยละ ๒๒.๗๒ อายุ ๑๕ –๒๙ ปี จานวน ๕ คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ๑๘.๑๘ อายุ ๓๐ –๓๙ ปี จานวน ๔ คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๐๐.๐๐ อายุ ๔๐ –๔๙ ปี จานวน ๐ คน คิดเป็นร้อยละ ๒๗.๒๘ อายุ ๕๐ –๕๙ ปี จานวน ๖ คน คิดเปน็ ร้อยละ ๓๑.๘๒ และอายุ ๖๐ ปีขนึ้ ไป จานวน ๗ คน คดิ เป็นร้อยละ ๑๐๐.๐๐ รวม จานวน ๒๒ คน 25 ชาย 20 หญิง 15 รวม 10 รวม 5 ชาย 0 ต่ากวา่ 15 ปี 15-29 30-39 40-49 50-59 60 ปี ขนึ ้ ไป รวม
สรปุ ผลการดาเนนิ งานการจัดกจิ กรรมโครงการสง่ เสรมิ ดูแลสุขภาวะและสขุ อนามยั ของประชาชนในชมุ ชน จานวน ๖ ช่วั โมง | ๔๕ ๓. ระดับการศึกษา จานวน ๕ คน คดิ เป็นร้อยละ ๒๒.๗๒ ต่ากวา่ ประถมศกึ ษา จานวน ๔ คน คิดเปน็ ร้อยละ ๑๘.๑๘ ประถมศึกษา จานวน ๘ คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ๓๖.๓๘ มัธยมศึกษาตอนต้น จานวน ๕ คน คดิ เป็นร้อยละ ๒๒.๗๒ มัธยมศกึ ษาตอนปลาย จานวน ๐ คน คิดเป็นร้อยละ ๐๐.๐๐ อนปุ รญิ ญา/ปว.ส. จานวน ๐ คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ๐๐.๐๐ ปริญญาตรี จานวน ๐ คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ๐๐.๐๐ สูงกว่าปริญญาตรี จานวน ๒๒ คน คดิ เป็นร้อยละ ๑๐๐.๐๐ รวม 25 20 15 10 ชาย 5 หญิง รวม 0 รวม ชาย
สรปุ ผลการดาเนินงานการจดั กิจกรรมโครงการส่งเสริมดแู ลสขุ ภาวะและสุขอนามัยของประชาชนในชุมชน จานวน ๖ ชว่ั โมง | ๔๖ ๔. ผูเ้ ขา้ ร่วมโครงการฯ โดยเฉล่ยี ประกอบอาชีพ รบั ราชการ จานวน ๐ คน คิดเป็นร้อยละ ๐๐.๐๐ คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๕๙.๑๐ รับจา้ ง จานวน ๑๓ คน คดิ เป็นร้อยละ ๐๐.๐๐ คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๐๙.๐๙ เกษตรกร จานวน ๐ คน คิดเปน็ รอ้ ยละ ๑๘.๑๘ คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๑๓.๖๓ ค้าขาย จานวน ๒ คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๑๐๐.๐๐ พ่อบ้าน/แม่บา้ น จานวน ๔ คน อาชีพอนื่ ๆ จานวน ๓ คน รวม จานวน ๒๒ คน
Search