Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore plasalid

plasalid

Published by นุสราสินี ณ พัทลุง, 2019-10-18 04:53:15

Description: plasalid

Search

Read the Text Version

การเล้ียงปลาสลดิ คํานาํ ปลาสลดิ หรอื ปลาใบไม เปน ปลานาํ้ จดื ซงึ่ เปนปลาพน้ื บานของประเทศไทย มแี หลง กาํ เนดิ อยู ในที่ลมุ ภาคกลาง มชี ่ือวิทยาศาสตรวา Trichogaster pecteralis และนยิ มเลีย้ งกันมากบริเวณภาคกลาง สว นท่ี พบในประเทศเพ่อื นบาน เชน กมั พชู า เวยี ดนาม มาเลเซยี อนิ โดนเี ซยี อินเดีย ปากีสถาน ศรีลงั กา และ ฟลิปปน ส นัน้ เปน พันธุปลาทส่ี งไปจากเมอื งไทย เมื่อประมาณ 80-90 ปท ผี่ านมา และเรียกวาสยาม หรอื เซียม สําหรับแหลงปลาสลิด ทม่ี ีช่ือเสียเปน ท่ีรสู กั วามีรสชาตดิ ี เนื้ออรอย คอื ปลาสลิดบางบอ จังหวดั สมทุ รปราการแตป จ จุบนั โรงงานอุตสาหกรรมไดขยายตวั อยา งแพรห ลายทําใหน ้ํา ธรรมชาติที่จะระบายลงสู บอ เลยี้ งปลาสลดิ มีคณุ สมบตั ไิ มเหมาะสม สว นพนื้ ทดี่ นิ พรทุ างภาคใตใ นเขตจังหวดั นราธวิ าส ซงึ่ เปนดนิ เปรยี้ วก็สามารถใชเ ปน ท่ี เลยี้ งปลาสลดิ ได เพราะปลาสลิดเปนปลาที่เลย้ี งงาย อดทนตอ ความเปน กรด และนาํ้ ท่มี ีปริมาณออกซเิ จนนอยไดด ี มหี ว งโซอ าหารส้ันคอื กินแพลงกตอน เปน อาหารตน ทนุ การผลิตตํา่ โดยจะ เลีย้ งอยูในนา คนเลย้ี งปลาสลิดเรียกวา ชาวนาปลาสลิด และบอ เล้ยี งปลาสลิดเรยี ก แปลงนาปลาสลิดหรอื ลอ มปลาสลิด (*) กรมประมงจงึ ไดส งเสรมิ ใหเล้ยี งปลาสลิดในพื้นทีจ่ งั หวดั อน่ื เชน จังหวดั สมทุ รสาคร เพือ่ เพม่ิ ผลผลติ ใหมปี รมิ าณเพียงพอตอการบรโิ ภค และสง เปน สินคา ออกในรปู ผลติ ภณั ฑป ลาสลดิ เคม็ ตากแหง อุปนสิ ยั ปลาสลิดชอบอยูในบรเิ วณทีมนี ํา้ น่ิง เชน หนอง บงึ ตามบรเิ วณท่ีมพี นั ธุไมนาํ้ เชน ผกั และ สาหราย เพ่อื ใชเปนทพี่ กั อาศยั กาํ บงั ตวั และกอ หวอดวางไข เน่ืองจากปลาชนิดนโี้ ตเรว็ ในแหลงนํา้ ธรรมชาติ ท่ีมีอาหารพวกพืช ไดแ ก สาหรา ย พชื และสตั วเ ล็ก ๆ จึงสามารถนาํ ปลาสลิดมาเลยี้ งในบอ และ นาขา วไดเปน อยา งดี รูปรา งลกั ษณะ ปลาสลิดมีรปู รา งคลายปลากระดีห่ มอ แตข นาดโตกวา ลาํ ตัวแบนขางมคี รบี ทอ งยาวครบี เดยี ว สี ของลําตวั มีสีเขียวออกเทาหรอื มสี คี ลาํ้ เปน พื้น และมีรวิ้ ดาํ พาดขวางตามลําตัวจากหวั ถงึ โคนหาง เกลด็ บน เสน ขา งตวั ประมาณ 42-47 เกล็ด ปากเลก็ ยดื หดได ปลาสลดิ ซงึ่ มขี นาดใหญเตม็ ท่จี ะมคี วาม ยาวประมาณ 20

เซนติเมตร การสบื พันธุ ลกั ษณะเพศ ปลาสลดิ ตวั ผแู ละตัวเมยี มีความแตกตา งกนั ซงึ่ สามารถสงั เกตความแตกตาง อยา งเหน็ ไดชดั คอื ปลาตวั ผมู ลี ําตัวยาวเรยี ว สนั หลงั และสนั ทองเกือบเปนเสนตรงขนานกนั มคี รีบหลังยาว จรดหรือเลยโคนหาง มสี ีลาํ ตัวเขมและสวยกวาตวั เมยี สว นตวั เมียมสี นั ทองยาวมนไมข นานกับ สนั ทอ งและ ครบี หลงั มนไมยาวจนถึงโคนหาง สีตวั จางกวา ตวั ผู ในฤดวู างไขท องจะอมู เปงออกมาทง้ั สองขาง อัตราการ ปลอ ยพอแมพนั ธปุ ลาสลดิ 1:1 เปน ปลาขนาดกลาง น้ําหนกั 10-12 ตัวตอกิโลกรมั ดีทส่ี ุด การเพาะพนั ธุปลา ปลาสลิด สามารถผสมพนั ธแุ ลวางไขไ ดเ ม่อื มอี ายุ 7 เดอื น ขนาดโตเต็มที่ โดยเฉล่ยี จะมขี นาดตวั ยาวประมาณ 6-7 นวิ้ หนกั 130-400 กรัม ปลาสลิดจะเร่มิ วางไขต้ังแตเ ดอื นเมษายนถึง เดอื นสงิ หาคม หรอื ในฤดูฝน แมปลาตัวหนง่ึ ๆ จะสามารถวางไขไ ดห ลายคร้งั แตละ ครง้ั จะไดปริมาณไข ประมาณ 4,000-10,000 ฟอง ในฤดูวางไข ทองแมป ลาจะอมู เปงออกมาท้งั สองขา ง ลักษณะของไขป ลาสลดิ มี สเี หลือง ทัง้ นี้ ควรจัดท่ี ใหป ลาสลดิ วางไขภายในเดอื นมนี าคม โดยหลงั จากทไี่ ดก ําจดั ศตั รู ระบายนาํ้ เขา และปลอยพันธปุ ลาลงบอแลว ควรปลกู ผกั บุง รอบบรเิ วณชานบอ น้าํ ลกึ ประมาณ 20-30 เซนตเิ มตร ปลาสลิด จะเขา ไปกอ หวอดวางไข และลกู ปลาวัยออนจะสามารถเล้ียงตัวหลบหลีกศตั รูตามบริเวณชานบอนไ้ี ด การจัดการบอ เพาะพนั ธปุ ลาสลิดเพือ่ ใหลูกปลามอี ัตรารอดสงู 1.ระบายนา้ํ เขา บอผานตะแกรงที่มชี องตาขนาด 1 มิลลกิ รัมจนทวมชานบอโดยรอบใหม ี ระดบั สูง 20-30 เซนติเมตร ปลาจะเขา กอหวอด วางไขม ากขึ้น อาณาเขตบอกจ็ ะกวา งขวางกวา เดมิ เปนการ เพ่ิมท่ีวางไข และที่เล้ยี งตัวลกู ปลามากขึ้น 2.สาดปยุ มลู โคและมูลกระบอื แหงบนบริเวณชานบอทีไ่ ขน้ําทวมข้นึ มาใหมตามอตั ราการใส ปุย จะทําใหเ กดิ ไรน้าํ และผกั บนชานบอเจรญิ งอกงามขึน้ อีกดวย 3.ปลอ ยใหผักขนึ้ รกในบรเิ วณชานบอ ผักเหลานีป้ ลาสลิดจะใชก อหวอดวางไข และเปน กาํ บัง หลบหลีกศัตรขู องลกู ปลาในวยั ออ นจนกวา จะ แข็งแรงเอาตวั รอดได การวางไข กอนปลาสลดิ จะวางไข ปลาตัวผูจะเปน ฝายเตรียมการเลอื กสถานที่ และกอ หวอด ซึง่ เปน ฟองนาํ้ ละลายไวใ นระหวา งตน ผัก บุงโปรงไมห นาทบึ เกินไปเชน เดียวกนั ปลากัด ปลากรมิ และปลา กระด่ี ปกติปลาสลิดตัวเมยี จะชอบวางไขใ นทร่ี มมากกวา กลางแจง เมอ่ื เตรียมหวอดเสรจ็ แลว ปลากจ็ ะเรมิ่ ผสมพันธกุ นั โดยตวั ผจู ะเรม่ิ ไลต อ นตัวเมยี เขาใตบ รเิ วณหวอด และรดั ทองตัวเมยี ใหไ ขอ อกแลว ปลอยนํ้าเชือ้ เขา ผสมกบั ไข จากนัน้ ปลาตวั ผูจ ะอม ไข เขา ใตหวอดไขจ ะลอยติดอยูทหี่ วอด นอกจากการเพาะพันธปุ ลาสลิดในบอ แลว ยงั เพาะในภาชนะไดอีกวิธหี นง่ึ คือ ใชถังทรงกลม ปากกวา ง 1.50 เมตร ยาว 3 เมตร ลึก 60 เซนตเิ มตร นาํ้ ลกึ ประมาณ 40 เซนตเิ มตร วางไวก ลางแจง โดยทาํ เปน เพิงคลมุ ถงั ประมาณ 2 ใน 4 ของถังเพอ่ื กําบังแดดใชผ กั บุงลอยไว 3 ใน 4 ของถงั แลว ปลอยแมปลาที่

กาํ ลังมีไขแก 10 ตวั ตัวผู 10 ตวั หลงั จากปลอยพอแมพนั ธปุ ลาเพียง 4-6 วนั ปลาสลิดจะเริม่ กอหวอดวางไข ไขปลาจะฟกเปนตวั และเตบิ โต เชนเดยี วกบั การเพาะฟก ในบอดนิ จากน้ันใหชอ นพอแมปลาออกแลวเลี้ยง ลกู ปลาไปกอ นโดยใหไ ขผงหรอื ไรน้ําเปนอาหาร 2 สัปดาห จงึ ใหร าํ ผงละเอยี ดจน กวา ลกู ปลาจะมขี นาดยาว 2 เซนติเมตร เพอ่ื ปลอ ยลงบอ เลยี้ งตอ ไป หรอื จะนําหวอดไขจากบอเพาะเลย้ี งมาฟก ในถังทรงกลมกจ็ ะชว ยให ลกู ปลาสลดิ มีชีวิตรอด เปน จํานวนมากกวา ท่จี ะปลอยใหเ จรญิ เตบิ โตในบอ เพาะเลย้ี งเอง เพราะในบอมักมี ศัตรูปลาสลิดอยู เชนแมลงในนาํ้ กบ งู ปลากินเน้อื ซ่ึงจะคอยทาํ ลายไขแ ละ ลกู ปลา อตั ราลกู ปลาจะรอดนอย กวา การนําพอแมพันธุมาเพาะในภาชนะ การฟกไข ไขปลาสลิดจะเร่ิมฟกเปน ตวั ภายในเวลา 24 ชวั่ โมง และทยอยฟก เปน ตัวภายใน เวลา 48 ชวั่ โมง ไขทไ่ี มไดร บั การผสมจะ เปนราสขี าวไมอ อกเปนตวั ลูกปลาทอ่ี อกจากไขใ หมๆ จะมีถงุ อาหารตดิ อยูทที่ อ ง และยงั ไมก นิ อาหารโดยจะไมกินประมาณ 7 วันเม่อื ถงุ อาหารยบุ หมดลูกปลา จึงเร่มิ กิน อาหาร ซ่ึงจะสังเกตเห็นลูกปลา ขนึ้ เหนือนํา้ ในตอนเชา ตรู ลักษณะคลายฝนตกลงนํา้ หยิม ๆ การเตรียมบอ บอเล้ยี งปลาสลิดหรอื แปลงนาปลาสลดิ จะเปนสีเ่ หลี่ยมผนื ผา มคี ลู อ มทกุ ดานหรืออยา งนอ ย 2 ดาน คูตอ งกวา งอยางนอย 1 วา และลกึ อยา ง นอ ยครง่ึ ขา (75 เซนตเิ มตร) ความสูงของคนั ตองก้ันนํา้ ทว มได และฐานตองกวางกวา หรือเทา กบั ความกวางของคู ควรมีชานบอ กวางอยางนอย 1 เมตร สาํ หรับใหป ลาวางไข บอ ขนาดเลก็ ทสี่ ดุ มคี วามกวาง 10 เมตร ยาว 20 เมตร ลกึ 1.50 เมตร ถา อยตู ิดกบั แมน ํา้ ลาํ คลอง ซ่ึงมีทาง ระบายถา ยเทนํ้าไดส ะดวก นับวา เปน ทําเลดี โดยมวี ิธีการเตรยี มบอ ดงั นี้ การใสปูนขาว บอ ทขี่ ดุ ใหมโ ดยท่วั ไปแลว ดนิ มกั จะมีสภาพเปน กรด ควรใชป นู ขาวโรยใหท วั่ บอ 1 กโิ ลกรัม ตอ เนอ้ื ที่ 10 ตารางเมตร เพ่อื แกค วามเปน กรดของดินใหเ จอื จางลงน้ํากจ็ ะเปลยี่ นแปลงสภาพ ไปจากธรรมชาตคิ อื รกั ษาความเปน กลางหรือเปนดางเล็กนอยไวไ ดซ ึ่งเปนนาํ้ ท่มี ีคณุ สมบัติ เหมาะสมท่จี ะใช เลย้ี งปลา คอื มีพีเอช อยูระหวา ง 6-7 การตรวจสอบน้าํ จะชมิ หรือตรวจดวยกระดาษลติ มสั การกาํ จัดสงิ่ รก ถา เปน บอเกาทไ่ี มเคยใชเ ลย้ี งปลา ควรกาํ จดั วชั พชื ตา ง ๆ ทรี่ กรกุ รงั ในบอ ปลา ใหหมด หากบอ ตน้ื เขนิ ไมเหมาะแกก าร เล้ียงปลาควรสูบนาํ้ ออกลอกเลน และตกแตง พืน้ บอ ใหม น่ั คง แขง็ แรง แลว ตากบอใหแ หงประมาณ 1 สัปดาหเพือ่ ใหแ สงแดดชว ยฆาและกาํ จดั เช้อื โรคตาง ๆ สําหรับบอเกา ท่ีไมจําเปน จะตอ งลอกเลน หลังจากไดก ําจัดส่ิงรกตาง ๆ ในบอหมดส้ินแลว ถา มนี า้ํ อยางพอเพียงก็สามารถใชเ ล้ียงปลาได แตก อ นจะปลอ ยพันธปุ ลาลงเลีย้ ง ควรใชโ ลตนิ๊ ฆาศัตรตู าง ๆ ของปลาในบอ ใหห มดสิน้ เสยี กอ น โดยใชโลต ๊นิ สดหนกั 1 กิโลกรมั ตอ นํา้ 100 ลูกบาศกเมตร ทบุ โลต น๊ิ ให ละเอยี ดแชนาํ้ ไว โลตนิ๊ สดหนัก 3 กิโลกรมั ใชนาํ้ ประมาณ 2 ปบ ขยาํ เอาน้ําสีขาวออกหลาย ๆ ครั้งจนหมด แลวนาํ ไปสาดใหท่วั ๆ บอ ปลาตา ง ๆ ที่ เปน ศัตรจู ะเรม่ิ ตายหลังจากทใี่ สโลต น๊ิ ลงไปประมาณ 30 นาที จากนั้นจะตายตอไปจนหมดบอ ทีใ่ สโลติน๊ แลวปลอยทง้ิ ไวประมาณ 7-8 วัน เพอื่ ใหพษิ ของโลต น๊ิ สลายตวั หมดเสยี กอ น จงึ นําพนั ธปุ ลาสลิดปลอยลงเล้ยี งตอ ไป

การเตรยี มเพาะตะใครนํ้า เนอ่ื งจากตะไครนาํ้ เปนอาหารจาํ เปนสาํ หรบั ลูกปลาสลิดขนาดใหญ ดังน้ันในขณะทกี่ าํ ลงั ตากบออยูเพอ่ื มิ ใหเสยี เวลา ควรจะเตรยี มการเพาะอาหารธรรมชาตสิ าํ หรับปลาไปดวย วิธีการเพาะอาหารธรรมชาติ โดยใชป ยุ คอกโรยใหทวั่ บอ อตั ราสว นปยุ คอก 100 กโิ ล กรมั ตอเนอ้ื ที่ 1 ไร แลวระบายน้ําเขา บอ ใหม รี ะดบั สงู จากพืน้ บอ 10-20 เซนตเิ มตร ปลอ ยไว 7-10 วัน จะเกดิ ตะไครน ํ้าหรอื ท่ี เรียกวาขี้แดด จากนัน้ จึงคอ ย ระบายนาํ้ เขา บอตามระดบั ท่ตี อ งการ ถาเปน บอใหม ภายหลงั ที่ใสป ุยและปลอ ย นํ้าเขา แลว ควรนําเช้ือตะไครน ้ําที่หาไดจ ากน้ําทมี่ ีสีเขียวจดั โดยทว่ั ไปมาใสล ง ในบอ เพอื่ เรงใหเ กิดตะไครน ํ้า เรว็ ยง่ิ ข้นึ การปลูกพันธไุ มนา้ํ ในบอ ปลา บอปลาสลิดควรปลกู พันธไุ มน า้ํ เชน ผักบุง แพงพวยและผกั กระเฉดเพือ่ ใหเหมาะสมกบั นสิ ยั และความ เปนอยขู องปลาสลิดกลาวคอื พันธไุ มน ํ้าแหลงนน้ี อกจากจะเปน ประโยชนแ กป ลาโดยใชเปน อาหารและรม เงาแลว ยังเปน ทสี่ าํ หรบั ปลาไดว างไขในฤดูฝน (ระหวา งเดอื น เมษายน-สิงหาคม) ปลาจะหาทาํ เลท่วี างไขต ามท่ีตน้ื และมีพนั ธุไ มน้าํ เพ่ือกอหวอดวางไข กงิ่ ใบและกา นจะ เปน สิ่งสําคัญในการยดึ เหนย่ี วมิให หลุดพลดั แตกกระจดั กระจายไปและเมือ่ ไขปลาฟก ออกเปนตวั แลว กจ็ ะ เปนที่ใหล กู ปลาไดอาศัยเลยี้ งตัวกาํ บงั รมเงา และหลบหลกี ศัตรูไดเปนอยา งดีสาํ หรับการ ปลูกพันธไุ มน ้ํา ดงั กลาว ควรจะปลูกตามบรเิ วณชานบอ ที่มนี าํ้ ตืน้ ๆ ซง่ึ เหมาะสมท่ีจะเปน ท่อี ยูอาศัยและเปน ทวี่ างไขข องปลา สลิดมากกวาผกั ที่ขน้ึ อยกู ลางบอ การใสปยุ บอปลาบางแหง ปยุ ธรรมชาตใิ นดินไมเพียงพอท่จี ะทาํ ใหเ กดิ จลุ ินทรีย ซึ่งเปน สตั วท ม่ี ีชวี ติ เลก็ ๆ ในนาํ้ ที่ลกู ปลาใชเ ปน อาหารจาํ เปนตอ งใสป ยุ คอก ไดแ ก มลู โค มูลกระบอื ที่ตากแหงแลว โรยปุย ตามริมบอในอัตรา 10 กิโลกรมั ตอ เนอ้ื ท่ี 160 ตารางเมตร โดยปกติ ควรใสปุยคอก 2-3 เดอื นตอครง้ั การท่ีจะใหบ อปลามีอาหารธรรมชาตอิ ยูเสมอนน้ั ใหน ําปยุ หมกั ไปกองไวบรเิ วณรมิ บอ ดานใดดา นหน่ึง (ปุย หมักนจี้ ะใชหญา สดที่ดายทงิ้ กองอดั ใหแ นน แลว ใสปยุ คอกผสมลงไปดา นใดดา นหนงึ่ (ปยุ หมกั น้ีจะใชหญา สดทดี่ ายทง้ิ กองอดั ใหแ นน แลวใสป ยุ คอกผสมลงไปดว ย เพอ่ื ใหห ญา สดสลาย ตวั เรว็ ข้ึนจะชวยเรง ใหเ กดิ จลุ ินทรยี และไรน้ําตาง ๆ เพอื่ ใชเปน อาหารของปลาสลิดตอไป สําหรบั การใสป ุย ตองระวัง อยาใสมากเกนิ กวาทก่ี าํ หนดไว เพราะ อาจจะเกิดน้าํ เขียวจดั หรือนา้ํ เสีย ถาเปน ชวงทีฟ่ า ครมึ้ ไมมีแดดตดิ ตอ กนั หลายวนั หรอื มีการฟน หญาเพิ่มดว ย ทัง้ นใี้ หห มัน่ ตรวจดูสีน้ําซง่ึ มกี รรมวธิ ที ดสอบ งาย ๆ คอื ถาใชม อื กําแลว หยอ นลง ไปในนา้ํ ระดับขอ ศอกแลว มองไมเ หน็ กาํ มอื ควรรีบเตมิ นาํ้ เขาหรือสูบนาํ้ ในบอพน ไปในอากาศ หากลูก ป ปลา ยังมขี นาดเล็กตองปองกนั มใิ หล กู ปลาเขา ปลายทอสบู นํา้ วิธนี เี้ ปนการเพิ่มอากาศบริสุทธิ์ในนา้ํ

ตารางใสปยุ ในแปลงเพาะพนั ธุเนอ้ื ท่ีตา งๆ กนั การใสป ยุ เน้อื ท/ี่ กโิ ลกรัม 1 ไร 2 ไร 3 ไร 4 ไร 5 ไร ใสท กุ วนั 5 10 15 20 25 ใสวนั เวนวนั 10 20 30 40 50 ใสทกุ 3 วนั 15 30 45 60 75 ใสทุก 4 วัน 20 40 60 80 100 ใสทุก 5 วนั 25 50 75 100 120 ใสทุก 6 วัน 30 60 90 120 150 ใสทุก 7 วนั 35 70 105 140 175 การปลอ ยปลาสลิดลงเล้ยี ง เวลาทเี่ หมาะสมสําหรับการปลอยปลาก็คือเวลาเชา ตรูหรอื เวลา เยน็ เพราะเวลาดงั กลา วน้ําในบอ ไมรอ น จดั ปลาทป่ี ลอ ยลงไปจะปรบั ตัวใหเขากับสงิ่ แวดลอ มไดและไมต าย งาย อัตราสวนของปลาทปี่ ลอยลงเล้ียงประมาณ 5-10 ตวั ตอ เนอ้ื ทีผ่ วิ น้าํ 1 ตารางเมตร เปนอยา งมาก ขนาดแปลงนาหรือบอปลาสลิด ถาเลยี้ งปลาเปน อาชพี เสรมิ เน้อื ที่ 1 ไร แตถ าเปน อาชพี หลกั ควรมเี นอ้ื ที่ตง้ั แต 10 ไรข ้ึนไป ใน กรณีแปลงนาขนาดเล็กก็สามารถใชแรงคนได โดยปก หลกั และขึงเชือกเปนแนวเขตคนั ดินและแนวเขตของคู (แนวเขตคนั ดนิ คือฐานของดิน ซง่ึ อยา งนอ ยตองกวางเทา กบั คแู ละควรหางแนวเขตคู 1 ศอก ถากหนาดิน หญา และกิง่ ไมที่เปน คันออกใหห มด) ตอจากนัน้ ใชพ ลวั่ ขุดแทงลงดนิ แลวดงึ ขน้ึ แทงลงอีกขางหนงึ่ แลว งัด ขึน้ ดินจะติดพลั่วขนึ้ มา โยนดินไปไว ในแนวเขตท่ีจะเปน คันดนิ ซงึ่ จะพนู สงู ข้นึ เร่ือย ๆ และไดค ลู ึกตามที่ ตองการ ถา ขดุ ลอมนา 1 ไร จะเปน ความยาวคู 284 เมตร (7 เสน 2 วา) คกู วาง 1 วา ลกึ ครึ่งขา (75 เซนติเมตร) จะเปน ดินที่ขดุ ขน้ึ มา 336 นวิ้ (ลูกบาศกเ มตร) หากขดุ คนเดียววันละควิ จะใชเวลา 168 วนั หรือจา งคนขุด ตองใชเ งิน 16,800 บาท (ถา คา แรงวันละ 100 บาท) ทง้ั น้ี ตองระมัดระวงั คือ อยาพยายามขุดใหล ึกกวาครง่ึ ขา และอยาเปด หนาดนิ ใหม ากนัก เพราะถา (ดินเปร้ียว) เปดหนา ดนิ มากและลึก นา้ํ จะเปร้ยี วมากและเปรยี้ ว นานพรอ มกบั ทําทางนาํ้ เขา ออกดว ย การใหอาหาร อาหารท่ปี ลาสลิดชอบกินคอื ตะไครนาํ้ ราํ ละเอยี ด หรอื ปลายขา วตม ปนกับผกั บุงท่ีหน่ั แลว แหนสด และปลวก อาหารของลูกปลาวัยออน ซ่ึงมอี ายุ 7-12 วนั ใหต ะไครน าํ้ และไรนํ้าเปนอาหาร เมื่อลกู ปลามีอายุ 21 วนั -1 เดือน ใหราํ ขาวละเอยี ดตมปนกบั ผักบุงทหี่ นั่ ละเอยี ด แหนสด และปลวกบาง (ผกั 1 สว น

รํา 2 สว น) ทง้ั นี้ตม ผักใหเ ปอ ยเสยี กอ น แลว จงึ เอาราํ ลงไปเคลาปน เปน กอนใหกนิ เพยี งวนั ละ 2 คร้งั ในเวลา เชาระหวาง 7.00-8.00 น. และเยน็ ประมาณ 3-5% โดยใสอาหารบนแปน ซ่ึงอยใู ตระดับนํ้า 1 คืบ อยา ให อาหารเหลือขามวันจะทําใหน ํ้าเนา เสยี ได ควรดีดน้าํ ใหเ ปน สัญญาณ ปลาจะไดเคยชนิ และเช่ืองดวย การเพม่ิ อาหารธรรมชาติ โดยการใสป ุย ไดแ ก ปยุ คอก ปยุ ขวี้ วั ปยุ ข้ีไก ฯลฯ ตอ งใสปุยกอนปลอ ยปลาอยางนอ ย 3 วนั ในอตั รา 2 ปบตอไรตอ 7 วนั โดยตัดหญา บนแปลงในระดบั ยอดหญาท่ีโผลพ น นาํ้ แลวทง้ิ กระจายไวบน แปลงนา ตดั เพยี งครึ่งหน่งึ ของแปลงครบ 15 วนั ตดั อีกครง่ึ หนึ่งสลบั ไปมาและ รักษาระดบั นาํ้ ใหท ว มหญา บนนาประมาณครึง่ เขา ตลอดเวลา หลงั จากใสปุย คอก 4-5 ครง้ั แลว ตัดหญา แตเ พยี งอยางเดยี ว แตถานํ้าใน แปลงมสี ใี สมาก ใหใ ส ปุยคอกตอ การเจริญเติบโต ปลาขนาด 5 เซนตเิ มตร ใชเวลาเพียง 7-8 เดอื น ถาปลาขนาด 10 เซนตเิ มตร ใชเวลาเลี้ยง 5-6 เดอื น สวนการเลยี้ งลูกปลาจากพอ แมป ลาจะ ใชเ วลา 10-11 เดอื น จับขายได โรค ปลาสลิด ไมค อยจะเปน โรครายแรงหากนํา้ ในบอเสียจะสงั เกตเหน็ ปลาขน้ึ มาหายใจบนผวิ นํา้ เพราะออกซิเจนทีล่ ะลายน้ําไมเพียงพอวิธีแกไข ก็คือตอ งถายน้าํ เกา ออกและระบายนาํ้ ใหมเขา หรือยา ยปลา ไปไวใ นบอ อนื่ โดยเฉพาะมกั จะเกิดเหบ็ ปลา ซง่ึ มลี ักษณะตวั แบน สีน้ําตาลใสเกาะตดิ ตามตวั ปลามา ดูดเลือด ของปลากิน ความเจรญิ เตบิ โตของปลาชะงักลงทําใหปลาผอม การกาํ จัดโดยระบายนา้ํ สะอาดเขาไปในบอให มาก ๆ ตัวเห็บก็จะหายไปได การปองกนั โรคระบาดอีกประการหน่ึงก็คอื ปลาท่ีจะนาํ มาเปน พอ แมพ นั ธุ ถา ปรากฏวา มีบาดแผลไมควรนาํ ลงไปเล้ยี งรวมกันในบอ เพราะปลาทเ่ี ปน แผลจะเปน โรคราและ ตดิ ตอ ไปถึง ปลาตัวอืน่ ได การปอ งกันและกาํ จัดศัตรู ศัตรขู องปลาสลิด มีหลายประเภท ดงั นค้ี ือ 1. สตั วด ูดนม เชน นาก 2. นกกินปลาย เชน นกกระเตน็ นกยาง นกกาน้ํา และเหยยี่ ว 3. สตั วเลือ้ ยคลาน เชน งู เตา ตะพาบน้าํ ฯลฯ 4. กบ เขยี ด 5. ปลากินเน้ือ เชน ปลาชอน ปลาชะโด ปลาไหล จะกนิ ปลาสลดิ ขนาดเลก็ และขนาดใหญ สวน ปลากริม ปลากดั ปลาหวั ตะก่วั ปลาหมอ มวนวน แมงดาสวน จะกินไขป ลาสลิดและลกู ปลาในวัยออน ตามธรรมชาติของปลาสลดิ ยอ มจะรูจักหลบหลกี ศตั รไู ดด ี แตเ มื่อนํามาเลี้ยงไวใ นบอ ปลาสลิด ยากทจ่ี ะหาทางหลบหลีกศัตรไู ด จึงจาํ เปน จะตองชว ยโดยการปองกันและกําจัด การปอ งกนั และกาํ จดั พวก

สตั วด ูดนม สตั วเล้ือยคลาน โดยทําร้ัวลอมรอบก็เปน การปองกันไดด ี สว นสตั วจ ําพวกนกตอ ง ทําเพิงคลุม แปนอาหาร เพ่อื ปอ งกันนกโฉบปลาในขณะท่ีปลากนิ อาหารอยูเปน กลุม สาํ หรบั ปลากินเน้ือชนิดตา ง ๆ นัน้ ตองระวังผักทจี่ ะเกบ็ ลงมาปลูกในบอ เพราะอาจจะมไี ขปลาตดิ มาดว ย โดยเฉพาะทอ ระบายนาํ้ เขา ตอง พยายามใชล วดตาขายทม่ี ีชองตาขนาดเล็กกรองนา้ํ ที่จะผา นลงในบอ และหม่นั ตรวจตะแกรง ถาชาํ รดุ ควรรีบ เปลีย่ นใหม อนง่ึ การลอมรอบคนั บอใชตาขายไนลอ นใหส งู จากพน้ื ดนิ อยางนอ ย 50 เซนตเิ มตร สวนลางของ ตาขา ยใหฝงดนิ ลกึ ประมาณ 10 เซนตเิ มตร ถาเปน ท่ลี ุม ควรตอตาขายไนลอน 2 ผืน หรอื เสรมิ เฝอกสูง ประมาณ 2 เมตร พรอมท้ังหมน่ั ตรวจสอบ หากชํารุดตองรีบซอมแซม การจับ เม่ือมีความตอ งการจะจบั ลูกปลาสลดิ วัยออ นไปแยกเลี้ยง ควรใชกระชอนผา ชอนตักและใชขนั หรอื ถังตักลกู ปลาทั้งนํ้าและตวั ปลา เพื่อมใิ ห ปลาชํา้ ถา เปนปลาทโ่ี ตแลว โดยสวงิ ตาถีช่ อ น แลวใชข ันตกั ข้นึ จากสวงิ อีกชน้ั หน่งึ หรือลดระดับน้าํ ลงทลี ะนอ ยเพือ่ ใหปลารูสกึ ตวั และหนีลงไปอยใู นคโู ดยเดนิ ตรวจบน แปลงนาวาไมม ีปลาคางบนแปลงนาเอาอวนเปลวางไวใ นคตู รงจดุ ท่ลี ึกที่สดุ สบู น้ําออกจากคทู ลี ะนอ ย ปลาจะ หนีลงไปอยใู นคูและในอวนจงึ รวบหูอวน ขึน้ ปลาจะตดิ อยูใ นอวน ในกรณีท่ตี อ งการจับปลาเพอ่ื ใชประกอบ อาหารประจําวัน ควรใชลอบยนื วางไวต ามมมุ บอ ถาใชแหทอดหรอื สวิงตักทแ่ี ปน อาหาร ปลาจะเขด็ ไมม า กินอาหารหลายวนั ระยะเวลาท่คี วรจบั ปลาใหหมดท้งั บอเพือ่ จําหนา ย คอื เดือนมีนาคมเพราะเปนฤดูท่ีปลาไมว างไข โดยใชเฝอกลอ มและสวงิ ตกั ออกจากเฝอ กท่ี ลอมนน้ั แลวคดั ปลาเก็บไวเปนพอแมพ นั ธเุ พื่อการเพาะเลีย้ งรนุ ตอ ไป โดยใชส ตู รอาหาร สปช. 12 วันละ 2% ของนํา้ หนกั ปลาเปนเวลาอยา ง นอ ย 1 เดือน กอ นเพาะฟกวนั ละ 2 เวลา เชา-เยน็ สูตรอาหารพอ แมปลาสลดิ (สปช.12) ปลาปน 56 กิโลกรมั รําละเอยี ด 12 กิโลกรมั กากถวั่ 12 กิโลกรมั แปงผงหรอื ปลายขาวตม 14 กิโลกรัม นํ้ามนั ปลาสลดิ 4 กโิ ลกรัม วติ ามิน แรธาตุ 2 กิโลกรมั รวม 100 กโิ ลกรัม หมายเหตุ ถา ใชแปง จะไดอาหารในลกั ษณะเปนผง แตถ า ใชป ลายขา วตม ก็จะไดอ าหารเปยก ตองตากแดดจงึ จะเกบ็ ไวไ ดน านหากไมต อ ง การใชแ ปงหรอื ปลายขา วใหเพม่ิ ราํ เปน 26 กโิ ลกรมั

การคาํ นวนหาจาํ นวนพอ แมพ นั ธโุ ดยคิดจากลูกปลา ลูกปลา 300 ตวั มาจากแมป ลา 1 แม ลูกปลา 75,000 ตัว มาจากแมปลา 1 x 75,000 = 250 แม 300 แมปลา 250 ตัว จะใหลกู ปลา 75,000 ตัว การลาํ เลยี ง 1. กอนการลาํ เลียง ควรพกั ปลาไวใ นท่ีกวาง เชน พกั ในถงั ขนาดใหญ และไมต อ งใหอาหาร 2. ใชภ าชนะปากกวา ง เชน ปบ หรอื ถัง บรรจุนา้ํ 3 ใน 4 ของภาชนะบรรจุ ปลาขนาดใหญใ น อตั ราปบละ 4 ตวั หรือขนาดกลาง 80 ตวั ถา เปน ลูกปลาขนาดเลก็ ก็เพมิ่ จํานวนไดมากขนึ้ ตามความเหมาะสม 3. ลอยผักบุงในภาชนะทใี่ ชล าํ เลียง และควรมีฝาท่ีมีชอ งตาโปรง หรือตาขา ยคลุมภาชนะไมใ ห ปลากระโดดออก 4. ระหวา งเดนิ ทางพยายามเปลยี่ นนา้ํ ทกุ 12 ชว่ั โมง โดยระวงั อยาใหป ลาบอบชา้ํ 5. ใหภาชนะทบ่ี รรจุปลาอยูในทีร่ ม เยน็ เสมอ 6. ภาชนะลําเลยี งปลา ควรต้งั ใหสนทิ อยาใหโ คลงเคลง เพราะอาจทําใหป ลาเมานา้ํ ได 7. เมือ่ ถงึ ปลายทาง ตองรบี ยายปลาไปอยูในภาชนะที่กวา งใหญแ ตถ ายเทนา้ํ ใหม หรอื อาจปลอย ลงบอเลี้ยงเลยกไ็ ด แนวโนม ในอนาคต ปลาสลดิ มีแนวโนม ดา นการตลาดในอนาคตแจม ใส เพราะปลาสลิดเปนผลผลิตท่ีตลาดตองการ สูง สามารถนาํ มาประกอบอาหารทัง้ ในรปู สด และทําเคม็ ตากแหงโดยเฉพาะผลิตภณั ฑป ลาสลิดตากแหง เปนท่ีนิยมบรโิ ภคทัง้ ในประเทศและตางประเทศ ซึ่งไดส ง เปน ส้นิ คาออกของประเทศอกี ชนิดหนงึ่ ดงั น้นั หากมีพนื้ ท่ีทีเ่ หมาะสมและทําการปรับปรงุ เพ่ือการเล้ยี งปลาสลิด จะชว ยเพ่มิ ปริมาณอาหารโปรตนี และเสริม รายไดใหแกค รอบครวั เพ่ือการมคี ุณภาพ ชีวติ ท่ดี ี การแปรรูปปลาสลิด การทํา ปลาสลดิ เคม็ เปนการแปรรปู อยา งหน่งึ ซ่ึงชว ยถนอมปลาสลิดใหส ามารถเกบ็ ไวบ รโิ ภค ไดเ ปน เวลานานมากข้ึน และไดร บั ความนยิ ม อยา งแพรห ลายทั่วทุกภมู ภิ าคท้ังยังสงเปนสินคาออกอีกสว น หนง่ึ ดว ย วิธที าํ ขอดเกลด็ โดยใชม ีดหรอื ชอนสังกะสบี ากเปนฟน เล่ือย ตัดหัว ควกั ไส แยกหวั และไสไปบดสับ เปนอาหารเปด หรอื ไก (สาํ หรบั ไสถาเปนฤดทู ่ี มีมันมากใหเ กบ็ เคีย่ วนาํ้ มนั นา้ํ มันปลาสลดิ มรี าคาดเี พราะ

นาํ ไปใชใ นอุตสาหกรรมหลายอยา ง เชน อตุ สาหกรรมฟอกหนงั สี และอาหารสัตว) เคลา ปลาที่ทาํ เสรจ็ แลว กับเกลอื ในอตั ราสวน 3:1 คือ ปลา 3 : เกลอื 1 หมกั ไว 1 คนื ในถงั ไม โอง เคลือบ กะละมัง หรอื เขงรงุ เชา กอ น พระอาทิตยข น้ึ ลา งปลาใหส ะอาดเรยี ง ปลาแผค รีบใหส วยงามบนตะแกรงไมโปรง ระยะเวลาตากแหง ตง้ั แตแ ดดเริม่ ถงึ เวลาประมาณ 11.00 น. ใหกลบั ขา งจนถึงเวลาประมาณ 15.00 น. หรอื 3 โมงเยน็ จึงเก็บปลาลงเขง เรียงใหด ี ลักษณะนเ้ี รียกวา ปลาสลดิ ซึ่งเน้ือจะนมุ ถาตองการปลา แหง กวาน้ี ตากจนถงึ เย็น แลวใชพลาสติกคลุมไวตลอดคืน รุงเชาเอาผา พลาสติกออก ตากตอ จนถึงเย็นโดย กลบั ปลาในตอนกลางวันเชน เดมิ ปลาชนดิ นเ้ี รียกวา ปลาสองแดด เนื้อจะแหงแขง็ เวลาทอดจะกรอบเค้ยี ว ไดเกือบหมดท้ังตวั วธิ กี ารรบั ประทานปลาสลดิ การทอด ถา จะใหดีขนึ้ ควรนึง่ กอ น คอ ย ๆ แซะกา งใหญต รงกลางออก ประกบไวเ หมอื นเดิมแลว ทอดจะไดปลาสลิดไมม ีกา งกนิ อรอยหรือ ทอดอยา ใหสุก ทุบตรงสนั หลังปลาเบา ๆ อยาใหห นังฉกี นาํ ลง ทอดใหมเน้อื ปลาจะฟอู รอ ย ถา จะใหอรอ ยยง่ิ ขึ้นใหทอดกรอบแกะเอาแตเ นอ้ื มายํากบั มะมว ง ใสพ ริกข้ีหนู หอม กระเทยี ม ใบสะระแหน และมะมวงสบั ชิมรสตามชอบ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook