Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore plarad

plarad

Published by นุสราสินี ณ พัทลุง, 2019-10-25 00:47:44

Description: plarad

Search

Read the Text Version

การเพาะเลีย้ งปลาแรด คาํ นาํ ปลาแรด (Giant Gouramy) Osphronemus guramy Lacepede) เปน ปลาน้าํ จืดขนาดใหญข อง ไทยชนดิ หน่งึ พบมนี ํา้ หนกั 6-7 กิโลกรัม มีความยาวถงึ 65 เซนตเิ มตร เปนจาํ พวกเดยี วกับปลากระด่ี ปลา สลดิ แตมีขนาดใหญก วาปลาแรดมีเน้อื นุม สีเหลอื งออน และรสชาติดจี งึ ไดร ับความนิยมจากประชาชน ผูบรโิ ภคท้ังในประเทศและตางประเทศ เพราะสามารถนํามาประกอบอาหารไดหลายชนิด เชน ทอด เจีย๋ น ตมยาํ ลาบปลา และ น้ํายาฯลฯ ในระยะหลงั ไดร บั การจดั เปนหลาจานในภตั ตาคารตา งๆ ทัง้ ยังนยิ มนําไปเลี้ยง เปน ปลาสวยงามอกี ดวย รปู รางลกั ษณะ ปลาแรดมีรปู รางปอม แบนขา ง หัวคอนขา งเลก็ ปลาเล็กเฉียงขนึ้ ยดื หดได ฟน แขง็ แรง เกล็ด ใหญ ลําตวั มีสีนํ้าตาลออนหรอื คอ นขา งเทา ครีบหลังครีบกนยาวมาก ครีบหลังมีจาํ นวนกานครบี แข็ง 12-16 อนั กานครบี ออ น 10-11 อนั ครบี กน มีกานครบี แขง็ 9-13 อนั กา นครีบออ น 17-18 อนั ครีบทอ งมีกานครีบ แข็ง 1 อัน กานครบี ออ น 5 อัน กานครบี ออ นคูแรกของครีบทอ งมลี กั ษณะเปน เสน ยาว ครบี หางกลม เกลด็ ตามเสน ขางตัว 30-33 เกล็ด มี จุดดาํ ทโ่ี คนหาง 1 จดุ สีดาํ จางเปน แถบพาดขวางลาํ ตวั ขางละ 8 แถบ มีสเี งนิ รอบ ๆ เม่อื โตมีนอที่หัว ตอนบนของลําตวั คอนขางออกเปน สนี ํา้ ตาลปนดําตอน ลา งมสี เี งนิ แกมเหลือง สวน จุดทโ่ี คนหางจะเลือนหายไป แหลงกําเนิดปลาแรด ปลาแรดมชี ื่อเสยี งอีกอยางหนึ่งวา\"ปลาเมน \"หรอื ”ปลาม่นิ ”มถี ่ินกาํ เนดิ ในประเทศอนิ โดนเี ซีย แถบหมูเกาะสมุ าตรา ชวา บอรเ นียวและหมู เกาะอนิ เดยี ตะวนั ออก สาํ หรบั ในประเทศไทยพบมากแถบภาค กลาง ตามแมน ํา้ ลาํ คลอง ต้งั แตจ ังหวัดนครสวรรคถงึ จังหวัดพระนครศรอี ยธุ ยา และที่แกง กระจาน จงั หวดั เพชรบรุ ี ภาคใตพบแถบจังหวดั พัทลุงและแมน้ําตาป และสาขาจังหวัดสรุ าษฏรธานี ปจจบุ ันปลาแรดท่อี าศัย อยตู ามแหลง น้ําธรรมชาตมิ ี จํานวนลดนอยลง เน่ืองจากแหลงน้าํ ตน้ื เขนิ และเส่อื มโทรม ไมเ หมาะที่จะเปน แหลง วางไขและเลีย้ งตัวของลกู ปลาวยั ออ น ทําใหเ กษตรกรหลายจงั หวัดสนใจ เลยี้ งปลาแรดท้ังในกระชงั และบอ ดินมากขึ้นเชน จงั หวัดนครสวรรค อุทัยธานี กาญจนบุรี นครปฐม ปทมุ ธานี เนอื่ งจากการเล้ยี งปลา

แรดเปน อกี อาชพี หน่ึงท่ี สามารถสรางรายไดใ หก บั เกษตรกรไดด ี เนื่องจากปลาแรดเปนทนี่ ยิ มบริโภคกัน อยา งกวา ง ขวาง และเปน การชว ยกนั อนรุ กั ษปลาแรดมใิ หสญู พันธุ อุปนิสยั ของปลาแรด ปลาแรดชอบอยูในนา้ํ นง่ิ ตนื้ ๆ ตามแมน าํ้ ลาํ คลอง หนองบึงและทะเลสาบชอบอยรู วมกนั เปนฝูงยกเวนชว งเวลาสบื พนั ธเุ ปนปลาที่คอนขาง ตน่ื ตกใจงา ย ผเู ลย้ี งสามารถฝกหดั ใหเ ชอ่ื งไดงา ย โดยวิธี ใหส ญั ญาณเวลาใหอ าหาร ปลาแรดชอบอยูในที่เงยี บสงัดและมพี นั ธุไ มน ้ําท่ีมอี าหารอุดมสมบรู ณ ปลาแรดท่ี ยงั มขี นาดเล็กมักจะทาํ รายกนั เอง เปนปลาท่ีคอนขา งอดทนกลา วคอื เมือ่ จบั ข้ึนจากนํ้ากส็ ามารถมีชีวติ อยูได นาน ๆ เพราะมีอวัยวะพิเศษชว ยในการ หายใจ (accessory respiratory organ) มลี ักษณะเปน เยอื่ ออ น ๆ อยู บรเิ วณตอนเหนอื ของเหงอื ก โดยมีคณุ สมบตั ิเกบ็ นํา้ ไวห ลอเลี้ยงใหค วามชุมชนื้ แกเหงอื กในเวลาทป่ี ลาขึ้น พน น้ําทาํ ใหป ลามีชวี ิตอยูไ ดน านกวา ปกติ ปลาแรดเปน ปลาท่เี ลย้ี งงาย กนิ อาหารเกือบทุกชนิด ไดแ ก ผกั บุง แหน จอก สาหราย หญา ออ น หนอน ลกู กงุ แมลง กลว ยน้าํ วา สกุ ผลไม บางชนิด จะใหราํ ขา วสกุ และกาก มะพรา วเปน ครั้งคราวก็ใหผลดี การเพาะและขยายพนั ธุ การคดั เลือกพอแมพ ันธุ ปกตปิ ลาแรดเพศผแู ละเพศเมยี มลี กั ษณะคลา ยคลงึ กนั มาก จะ จําแนกความแตกตา งไดช ดั กต็ อเมอ่ื มขี นาด สมบรู ณพันธุ โดย สังเกตจากลกั ษณะภายนอกของตัวปลา คือ ตวั ผูส ังเกตไดท ี่โคนครีบหูจะมสี ีขาวและมนี อ(Tubercle) ท่หี วั โหนกสงู จนเหน็ ไดชัด ตวั เมีย ทโ่ี คนครีบหมู ีสีดาํ อยา งเหน็ ไดชดั ถา แมป ลาตวั เมยี พรอมวางไขสังเกตไดว า ทอ งอูมเปง ปลาแรดทมี่ อี ายเุ ทา กนั ตวั ผูจะโตกวา ปลาแรดตัวเมยี เร่ิมมไี ขเ มือ่ อายุ 2 ป ขึ้นไป หรอื มนี ํ้าหนกั ตวั ไมต ่าํ กวา 2 กโิ ลกรมั มีไขประมาณ 2,000-4,000 ฟอง แมป ลาตวั หน่ึงสามารถวางไขได 2-3 ครัง้ ตอ ป อัตราสว นการปลอยพอ แมปลาเพอ่ื ผสมพันธุ ใช อัตราสวนเพศผู 2 ตวั ตอ เพศเมยี 1 ตัว(2:1) โดยปลอยปลา 1 ตัว/พน้ื ท่ี 3-5 ตารางเมตร การเลี้ยงพอ -แมพนั ธุ ปกติปลาแรดมีปรมิ าณไขม ากในชว งเดอื นกมุ ภาพันธ- เดือน สงิ หาคม เกษตรกรจงึ ควรขนุ พอ -แมพนั ธปุ ลา ตง้ั แตเดือนพฤศจิกายนเปน ตน ไป โดยใชอ าหารเม็ดลอยน้ํา โปรตีนสงู หรืออาหารปลาดุกทมี่ โี ปรตีน 25-30 เปอรเซ็นต ใหป รมิ าณ 2-3 เปอรเซน็ ตของน้ําหนัก ปลาในบอ และควรเสรมิ ดว ยอาหารสมทบประเภทพชื เชน จอก สาหราย แหน กลว ยนํ้าวาสกุ ผักตา งๆ เปน ตน การเตรียมบอ เพาะพันธุ บอ เพาะพนั ธุค วรเปน บอดินหรือบอ คสล.โดยบอดินควรมีขนาด 0.5-1.0 ไร สวนบอ คสล.ควรมีขนาด 50 ตารางเมตรอยางนอย ทงั้ น้เี พอื่ สะดวกในการดแู ลการวางไขแ ละการ รวบรวมไขปลามาอนบุ าล ภายในบอ ใสผ กั บงุ หรือวชั พชื นํา้ เพ่อื ใหปลานาํ ไปใชใ นการ สรา งรังหรือจะใช วัสดอุ น่ื เพ่อื เปน ทีส่ งั เกตในการสรางรงั ของปลา เชน เศษเชอื กฟางสตี า งๆ วัชพชื น้ําหรอื วัสดทุ ี่ใสเ พ่ือใหป ลา สรางรังนน้ั ควรวางกระจาย เปนจุดๆ ทวั่ บอ เพาะพนั ธุ เนอ่ื งจากพอแมป ลาจะสรางอาณาเขตในการดูแลรงั ของมัน หรอื อาจใชต อกที่สรา งข้ึนบรเิ วณตล่งิ ท่ีเปน คุงของลํานาํ้ ทกี่ ระแสนา้ํ ไม แรงนกั เปนท่เี พาะปลาแรด

ไดเ ชนเดียวกบั การเพาะในบอ การสังเกตการวางไขข องปลาแรด หลงั จากปลอ ยพอ แมพ นั ธปุ ลาแรดลงในบอเพาะพันธุ แลว ใหส งั เกตการวางไขของปลาแรด ทกุ วนั โดยปลาแรดจะใชพ ชื จาํ พวกรากผกั บุง กงิ่ ไม รากหญา หญา แหง และวัสดอุ ่ืนๆ ท่ีมใี นบอ นํามาสรางรัง รงั ปลาแรดมีลักษณะคลา ยรงั นาํ ลักษณะกลมๆ และมีฝาปดรงั ขนาดรังท่วั ไปมีเสนผา ศนู ยกลางยาว 1 ฟตุ โดยปลาแรดใชเ วลาในการสรา งรงั ประมาณ 3-5 วัน แมป ลาจึง วางไขห ากตองการทราบวาแมป ลา วางหรือยงั ใหสงั เกตไดจ ากคราบไขมนั ทลี่ อยบนผิวนํา้ เหนอื รงั ท่แี มปลา ทาํ ไว ถาพบวา มีคราบไขมนั บนผิวนํา้ ทม่ี รี งั ไขป ลาแรดอยู หรอื เม่ือจับดูท่รี ังแลวพบวา รังปดหรอื เมอ่ื เห็นแม ปลามาคอยเฝาดแู ลรังและฮบุ นํา้ โบกหางอยใู กลๆ รงั แสดงวาปลาวางไขแ ลว จากน้นั ตกั รงั ไขข ึ้นมาคัดเลอื ก เฉพาะไขท ีด่ (ี ไขท มี่ ีลกั ษณะสี เหลืองมนั วาว) ไปพักในบอ ซีเมนตหรอื ตกู ระจกเพ่อื ดาํ เนินการฟกตอไป การฟก ไข ไขข องปลาแรดเปนประเภทไขล อย(มีลักษณะกลมสีเหลืองออ น มไี ขมนั มาก กลน่ิ คาวจดั ไมม เี มือกเหนียวขนาดเสนผา ศนู ยก ลาง 1-2 มิลลิเมตร)เมือ่ แมป ลาแรดวางไขแ ลวใหนํารังไขขึน้ มาแลวตักเฉพาะไขดี และควรชอ นคราบไขมันออกมฉิ ะนน้ั แลวจะทาํ ใหน าํ้ เสียและลกู ปลา ทฟ่ี ก ออกมาตดิ เชอ้ื โรคไดงา ย ตอ จากนน้ั รวบรวมไขท ด่ี ใี สถงั กลมขนาดเสน ผาศนู ยก ลาง 1 เมตร ระดับนาํ้ ประมาณ 30-50 เซนติเมตร ใหเ ครื่องเปา อากาศ เบาๆ เพ่ือเพม่ิ ออกซเิ จนและใสพชื น้ํา เชน ผักบุง เพือ่ ชวยในการดดู ซับไขมนั และใหล กู ปลาไดยดึ เกาะ จะฟกไขในบอ อนบุ าลหรอื ฟก ไขใ นกระชงั ผา โอลอนแกว ซง่ึ มี โครงรางสี่เหลีย่ ม ขนาด 2x1x0.5 เมตร และมหี เู กยี่ วโครงเหล็กถว งทพี่ ื้นเพ่ือใหก ระชงั ตงึ คงรปู อยไู ดใ นระหวา งการฟกควรเพิม่ อากาศหรอื นาํ้ ลงใน กระชังเพอ่ื ไลไขมันทต่ี ิดมากับไขอ อกใหม ากทสี่ ุด ไขจ ะฟก เปน ตวั ออนภายใน 18-36 ชว่ั โมง ที่อุณหภมู ิ 20-30 องศาเซลเซยี ส เมอื่ ออกจากไขใ หมๆ ตัวออน จะลอยหงายทองอยูแ ละรวมกนั เปน กลมุ บรเิ วณพชื น้ําหรือรากผกั บุง การอนุบาลลกู ปลาแรด แบงออกเปน 3 ระยะ คอื 6.1 ระยะเวลา 1-5 วนั หลงั จากเกบ็ ไขออกจากรงั และฟกออกเปนตวั แลว ชวงน้ยี ังไมต องให อาหารเนื่องจากลูกปลาจะใชอ าหารทมี่ ตี ดิ ตวั มาเรยี กวา\"ถุงไขแดง\" ซง่ึ ติดอยูตรงบริเวณทอ งลกู ปลาวยั ออน ลูกปลาวยั ออนในระยะนี้ จะไมคอยวายนาํ้ และจะอยูรวมกันเปนกลมุ ๆ 6.2 ระยะเวลา 6-15 วัน ลกู ปลาจะเริม่ มีสเี ขมข้ึนระยะนี้เรยี กวา\"ระยะถุงไขแดงยบุ \"ในชวงนี้ จะเริ่มใหไ รแดงเปนอาหารโดยใหวนั ละ 2 คร้ัง(เชา -เย็น)ลกู ปลาจะเร่มิ แตกกลมุ อยกู ระจายทวั่ ไปในบอ อนบุ าล 6.3 ระยะเวลา16-15 วนั ระยะนี้จะยา ยลกู ปลาไปอนุบาลในบอ ดนิ อตั ราปลอย 100,000 ตัว/ไร หรอื ประมาณ60-65ตวั /ตารางเมตร บอ อนุบาลควรมีขนาด 400-800 ตารางเมตร สว นการอนบุ าลในบอ ซเี มนตค วรใชอ ตั ราสวน 5 ตัว/ตารางเมตร ในชว ง 10 วันแรกท่ีลงบอ ดนิ ยังคงใหไ รแดงเปน อาหารอยูและเรม่ิ ใหร ําผสมปลาปน ใน อัตราสว น 1:3 ผสมน้ําสาดใหท ่ัวบอเมอ่ื ปลามี ขนาดโตขึ้นจึงเรม่ิ เปลี่ยนมาเปน อาหารเม็ดลอยนาํ้ หรอื อาหาร ตมวันละ 2 ครั้ง(เชา -เยน็ ) ประมาณ 3-5 เปอรเซ็นต ของนํ้าหนกั ปลาในบอ อนบุ าลจนกระทง่ั ลูกปลามีขนาด

ความยาว 3 นว้ิ (5-7 เซนตเิ มตร) เพ่อื นาํ ไปเลย้ี งในกระชังตอไป การเตรียมบออนบุ าลวิธกี ารเตรยี มบอ อนบุ าลลกู ปลาแรดบอ อนบุ าลที่ใชค วรมขี นาด 400- 800ตารางเมตรตากบอใหแ หง ประมาณ 5-7 วนั เพ่ือกาํ จดั โรคหรือศตรูของลูกปลา หวานปนู ขาว 60-120 กรมั /ไร หลงั จากน้นั ควรหวา นปุยคอกแหง 200-500 กิโลกรัม/ไร หรอื ปยุ อินทรยี  20- 30 กโิ ลกรมั /ไร หรอื อาจใชป ยุ ทัง้ 2 ประเภทรว มกันก็ได โดยใชอ ตั ราสว นลดลงคร่งึ หน่งึ ของปยุ แตละชนดิ เพ่ือสรางเสรมิ อาหาร ธรรมชาติใหแ กล กู ปลา ใน ขณะอนุบาล หลงั จากนัน้ สูบนาํ้ เขา บอระดบั น้ํา 50-70 เซนติเมตร โดยใชต าขาย ในลอนก้นั เพอื่ ปอ งกันไมใหปลาขนาดใหญหรือศัตรูเขามากนิ ลูกปลาใน บอ อนุบาลภายในเวลา 3-5 วนั หรือสังเกตสีนาํ้ ในบอ อนุบาลเริ่มมสี ีเขียวออ นๆ จึงนําลกู ปลาแรดซง่ึ อนุบาลในบอซเี มนตล งอนุบาลได ระยะเวลาทใี่ ชอ นุบาลลูก ปลาแรดในบอ ดนิ ประมาณ 30 วัน จะไดลกู ปลาแรดประมาณ 3-5 เซนตเิ มตร พรอมทจ่ี ะจาํ หนา ยในราคาตัวละ 3-5 บาท การเล้ียงปลาแรด ปลาแรดมีอวัยวะชว ยในการหายใจ ทาํ ใหส ามารถอยใู นน้ําทม่ี ปี รมิ าณออกซเิ จนนอยและ ทนทานตอโรคไดดที นอณุ หภูมติ ํ่าถึง 15 องศา เซลเซียส เจรญิ เติบโตไดดใี นนํา้ จดื และนาํ้ กรอย นอกจากน้ี ปลาแรดยงั เปน ยังเปนปลาทก่ี ินอาหารไดง า ย จงึ ไดร ับความสนใจจากประชาชนท่ีจะเลีย้ งเปนอาชพี สถานที่ ท่ีใชเล้ยี งปลาแรดมี 2 ลักษณะ คอื เลย้ี งในบอดนิ และเล้ียงในกระชงั 1.การเลี้ยงปลาแรดในบอ ดนิ บอที่ใชเลย้ี งปลาแรด ควรเตรียมบอ โดยการระบายน้าํ ออกจากบอ ใหห มด ตากบอ ใหแหงเปนเวลา 3-7 วนั จากน้นั หวา นปนู ขาว 60-120 กโิ ลกรัม/ไร เพอื่ ฆา เชอ้ื โรคและกาํ จัด ปลาท่ีไมต อ งการใสปุยคอกประมาณ 200-500 กิโลกรมั /ไรแ ลว แตพ น้ื ทห่ี รือลักษณะ ของดนิ ใชว ธิ ีทยอยใส โดยใหสงั เกตจากสนี าํ้ ในบอ ถาสีน้าํ จางลงใหใ สป ยุ เสริมลงเปนระยะๆ ตามความเหมาะสม - การเติมนํา้ เขาบอ ควรมีการกรองน้ําดวยตะแกรงตาถ่เี พอ่ื ปอ งกันปลาชนดิ อ่นื หรอื ศตรู ไมใ หเ ขา มาแยง อาหารและทอี่ ยูอาศัยรวม ท้งั เขามาทาํ รายลูกปลาแรดในบอ เล้ียง เมอ่ื เตรยี มบอพรอมแลวจึง นําพันธุปลาแรดลงบอ เลยี้ งตอ ไป - อัตราการปลอ ยเลีย้ ง อัตราการปลอ ยปลาแรดในบอเลีย้ งข้ึนอยกู ับขนาดของลกู ปลา น้ําหนกั ปลาทเ่ี รม่ิ ปลอยและขนาดของปลาท่ี ตอ งการเก็บเกยี่ วผลผลิตหากตอ งการเลย้ี งเปน ปลาใหญค วรปลอ ยใน อตั รา 1-3 ตวั /ตารางเมตร ใชเ วลาเลย้ี ง 1 ปจะไดป ลานํา้ หนกั ประมาณ 0.8-1กโิ ลกรัม/ ตวั ปลาแรดสามารถ เลยี้ งแบบผสมผสานรวมกบั ปลากินพืชชนดิ อน่ื ๆ เพื่อใหป ลาแรดกินพชื นํา้ หรอื วัชพชื นา้ํ ท่ขี ึ้นในบอ และเปน การทําความสะอาดบอ ไปดว ย หรือจะเลยี้ งรว มกบั สัตวอ น่ื เชน เปด ไก โดยกนั้ รว้ั เปน คอกไวไ มใหเ ปด ออกมากินลกู ปลาได ซ่ึงวธิ ีนผี้ ูเล้ียงจะสามารถประหยดั ตนทนุ คาอาหารปลาและเปน การใชพ น้ื ทใี่ หเ กดิ ประโยชนสูงสุด 2.การเลย้ี งปลาแรดในกระชงั ปจ จุบนั การเลี้ยงปลาแรดในกระชงั กาํ ลังไดร ับความนยิ มมากขนึ้ เนอ่ื งจากปลาทไ่ี ดจ ากการเล้ียงใน กระชังจะมรี าคาสงู กวา ปลาทีเ่ ล้ียงในบอ ดิน ซง่ึ มีการเลี้ยงกนั อยา ง

แพรหลายในพ้ืนที่ จงั หวดั อทุ ัยธานี กาญจนบรุ ี นครสวรรค ปทุมธานี นครปฐม ฯลฯ รปู แบบกระชงั สามารถแบง ไดเ ปน 2 รูปแบบ คอื - กระชงั ประจาํ ท่ี ลกั ษณะของกระชงั แบบนีต้ วั กระชังจะผูกติดกบั เสาหลกั ซ่ึงปก ไวก บั พ้ืนดนิ อยางมนั่ คง กระชงั แบบน้จี ะไม สามารถลอยขึ้นลงตามระดบั นาํ้ ได ดังนน้ั แหลงเล้ียงควรมรี ะดับน้ําขึ้น สงู สุดและลงต่าํ สดุ แตกตางกนั ไมเกนิ 50-60 เซนตเิ มตร - กระชงั ลอยนํ้า กระชังแบบน้ีเหมาะสาํ หรบั การเลย้ี งทม่ี รี ะดบั นํา้ ลึกตั้งแต 3 เมตรขึน้ ไป ตัวกระชังจะผกู แขวนอยกู ับแพหรอื ทนุ ลอยซึ่งลอยข้ึนลงตามระดบั นาํ้ แพท่ใี ชม หี ลายลกั ษณะอาทิ ใชไมไ ผ ผูกเปน แพลกู บวบและบางพืน้ ที่นยิ มใชท นุ โฟม หรือถงั พลาสติกทาํ เปน ทนุ พยุงแพโดย ใชทอ พวี ีซ.ี เสน ผา ศูนยก ลาง 1-2 นิว้ หรอื จะใชทอ เหลก็ แปบ นาํ้ ก็จะเสริมความแขง็ แรงไดดซี ง่ึ แยกออกเปน 2 แบบ * กระชังลอยแบบมโี ครง กระชงั แบบน้ีจะมีสว นเสรมิ ความแข็งแรงและใหก ระชงั คงรุ ปอยไู ด เรยี กวา โครงกระชัง กระชงั จะสามารถกางไดเตม็ ที่ตามลักษณะของโครงรางกระชัง มีระบบการ ถายเทน้ําดกี ระชงั ไมล ูไปตามกระแสนาํ้ โครงกระชงั ควรทาํ ดว ยวสั ดแุ ขง็ แรงพอสมควร เชน ทอพวี ซี .ี เหลก็ แปบนํ้า ขนาดเสน ผาศูนยกลาง 1-2 นว้ิ โดยการออกแบบใหมีโครงอยูด า นใน หรอื ดานนอกกระชงั กไ็ ด ข้นึ อยกู ับความสะดวกในการใชง าน * กระชังลอยแบบไมม โี ครง กระชงั แบบน้ตี ัวกระชงั อาจลูไปตามความแรงของกระแสนํ้า ไดงา ย จึงตองใชว สั ดทุ ่ีมีน้ําหนัก พอประมาณถวงตามมมุ ดา นลา งของกระชัง เนอื้ อวนอาจกางไมเ ตม็ ท่ี เนื่องจากกระแสน้าํ การถา ยเทหมนุ เวียนของนา้ํ ไมด ีเทา กระชังแบบมโี ครง กระชงั เลี้ยง ปลาในปจ จุบันนยิ ม ทาํ เปน สี่เหลย่ี มจตั ุรัสขนาดแตกตางกนั ไปตามวัตถุประสงคข องการใชง าน ขนาดทน่ี ยิ มใชก นั มากคือ 4x4x2 เมตร และ 5x5x2 เมตร การตดิ ต้งั กระชงั การติดตั้งกระชังใหมีความม่ันคงแขง็ แรงนบั วามคี วามสาํ คญั อยา งมาก สงิ่ ทค่ี วรคํานงึ ถึงในการตดิ ตง้ั กระชัง ไดแ ก กระแสนาํ้ ระดับนา้ํ สง่ิ ทคี่ วรหลกี เลยี่ งคอื ไมวางกระชงั ขวาง กระแสนํ้า ในกรณีท่ีเปนกระชงั ลอยอาจจะใชส มอยึดกระชังหรอื แพใหค งท่ีอยูไดโ ดย ไมล อยไปตาม กระแสน้าํ ทงั้ น้คี วรเตรียมสมอใหเ หมาะสม สามารถทนแรงของกระแสน้ําไดเชอื กทผี่ กู ยดึ แพหรอื ทนุ ลอย กบั สมอควรมคี วามเหมาะสมกบั ระดับความลึกเมือ่ นํ้าข้ึนสงู สุด ในการติดตัง้ กระชงั หลายๆ ลูกตดิ ตอกัน ระยะของการวางกระชังในแตละลูกควรมรี ะยะทห่ี างกนั พอสมควรเพอ่ื ใหนา้ํ มกี าร หมนุ เวยี นถา ยเทได สะดวก แหลงน้ําทม่ี คี วามเหมาะสมในการเลี้ยงปลาควรหางไกลจากแหลงระบายนาํ้ เสยี หรอื น้ําท้ิงจาก โรงงานอตุ สาหกรรม และแหลง นาํ้ นน้ั ไมค วรมปี ญหาการเกิดโรคระบาดปลา ขอ จํากดั ของการเลีย้ งปลาในกระชัง 1. สภาพแวดลอ มในบรเิ วณทีต่ ้งั กระชงั ตองเหมาะสมกบั การเลี้ยงปลา เชน นาํ้ มคี ณุ ภาพดี มี ปริมาณออกซิเจนพอเพยี ง กระแสน้าํ ไหล ในอัตราทีพ่ อเหมาะ และไมเ กดิ ปญ หาเก่ยี วกบั โรคปลาตลอด ระยะเวลาทเี่ ลย้ี ง 2. สถานที่ตัง้ กระชงั ควรอยใู นบรเิ วณท่กี าํ บังลมหรอื คล่ืนแรง ในกรณที ี่เกิดพายุหรอื นํ้าทวม

โดยเฉยี บพลัน 3.ปลาท่ีปลอ ยเลีย้ งควรมขี นาดใหญก วา ขนาดตาหรือชองกระชัง หากปลามขี นาดเลก็ หรอื เทา กบั ตากระชงั ปลาอาจหนีออกจากกระชงั ได หรอื ถา ไมลอดก็อาจเขาไปตดิ ตายอยูในระหวา งชอ งตา กระชงั ซ่งึ เปนความเสียหายอยางหนึ่ง 4. ปลาทเ่ี ล้ยี งควรมลี กั ษณะรวมกินอาหารพรอม ๆ กนั ในทนั ทที ีใ่ หอ าหารเพ่อื ใหป ลากนิ อาหารใหมากท่สี ดุ กอนท่อี าหารจะถกู กระแส น้ําพดั พาออกไปนอกกระชัง 5. ในกรณีทแี่ หลงน้ําเลี้ยงผดิ ปกติ เชน เกดิ สารพษิ และนาํ้ มีปริมาณมากหรอื นอยในทันที ซง่ึ อาจจะเกิดปญ หากับปลาท่ีเล้ยี งในกระชงั หากประสบปญ หาดังกลา วควรรบี ขนยา ยปลาไปเลยี้ งท่อี นื่ เพราะฉะน้นั การเลอื กทาํ เลทีต่ งั้ กระชงั จงึ เปน จุดเรม่ิ ตน ทส่ี ําคญั ทสี่ ุดเพ่อื ลดปญหาอ่ืนๆทีจ่ ะตามมา อัตราการปลอยปลา อัตราการปลอยปลาแรดลงเลยี้ งในกระชงั จะสามารถปลอยในปรมิ าณ ท่หี นาแนนกวา ในบอดนิ เนอ่ื งจากการเล้ียงปลาในกระชงั จะมกี ารถา ยเทของนํา้ และอากาศท่ีดกี วา จงึ สามารถปลอ ยลง เลีย้ งไดในอตั รา 30-50 ตัว/ตารางเมตร โดยใหอาหารวนั ละ 2 คร้ัง(เชา-เยน็ )ดว ยอาหารเม็ด สําเร็จรูปและมีการเสรมิ ดว ยพชื ผักตางๆ ใชเ วลาเลี้ยงประมาณ 7-8 เดอื น จะไดปลาน้าํ หนกั 0.7-1 กิโลกรมั / ตัว ซึ่งเปนขนาดปลาทต่ี ลาดตอ งการ อาหาร ปลาแรดเปนปลาทก่ี ินอาหารผิวนา้ํ โดยกนิ ทง้ั พชื และสตั วเปน อาหาร เม่ือยังมีขนาดเล็กชอบกิน พวกสตั วเ ลก็ ๆ แพลงกตอน ลูกนํ้า ปลวก ลูก กบ เขียด ตวั หนอน ไรแดง สวนปลาทม่ี ีขนาดโตเต็มวยั ชอบกนิ อาหารจําพวกพืชผกั เชน ผกั บงุ แหน จอก ผกั กระเฉด ใบมนั เทศ ใบผกั กาด สวนออ นของผัก ตบชวา ใบ ขาวโพด หญา ออ น สาหรา ย รวมทั้งกลวยนา้ํ วา สุก มะละกอสกุ นอกจากนีย้ งั สามารถใหอ าหารประเภทราํ ตม ขาวสกุ เศษอาหาร กากมะพรา วเปน ครั้งคราว กใ็ หผ ลการเจรญิ เตบิ โตดเี ชน กนั และเปน การประหยดั ตนทนุ ไดเ ปนอยา งดี ซึง่ เหมาะสาํ หรบั การขนุ พอแมปลาในชว งวางไขแ ละผสมพนั ธุ ปลาจะ ใหไ ขบ อ ยและมี จาํ นวนไขมากข้ึนอกี ดว ย นอกจากนอ้ี าจเลย้ี งดวยอาหารเมด็ สาํ เรจ็ รปู สาํ หรบั ปลากนิ ประมาณ 3-5 เปอรเ ซ็นต ของนา้ํ หนักปลาโดยมรี ะดับ โปรตนี อยางนอ ย 25% หรอื ใชส ตู รอาหารที่ทําข้ึนเอง โดยใชว สั ดทุ ่ีมีในทอ งถิ่น

ตารางสตู รอาหารจากมนั สําปะหลังสําหรบั ปลากินพชื วัตถดุ ิบ (กก.) ปลาใหญก ระชัง ปลาใหญบอดนิ ปลาใหญบ อ ดนิ สตู ร 1 สตู ร 2 หัวมันสําปะหลังแหง/ปลายขาวหกั 23 35 22 กากมะพรา วคน้ั 0 0 30 ราํ ละเอยี ด 20 15 0 กากถ่วั เหลือง 25 25 25 ปลาปน 25 20 20 ใบกระถนิ 0 0 0 นํา้ มัน 4 2 0 ไดแคลเซยี มฟอสเฟต 1 1 1 ฟรมี ิกซ 2 2 2 รวม 100 100 100 โปรตนี 27.5 24.5 26 พลังงาน 2700 2500 2500 ตนทุน 10.65 9.36 8.5 เคล็ดไมล ับกับการเลีย้ งปลาแรด ปลาแรดที่เลี้ยงในบอ ดินมกั จะประสบปญ หาเนื้อปลามกี ลิน่ โคลน ซง่ึ เปนสาเหตทุ ่ที ําใหปลา แรดทเ่ี ลยี้ งในบอดนิ มีราคาต่าํ กวาปลาแรดที่ เล้ยี ง ในกระชังแกไ ขไดโ ดยการเปลย่ี นถายน้าํ พรอ มทงั้ ควบคุม คุณภาพนาํ้ และอาหารในชว งกอนจบั ขายประมาณ 1 สปั ดาห การปองกันโรคและศัตรู การเลี้ยงปลาแรดไมป รากฏวามโี รคระบาดรายแรงจะมบี างเม่ือตอนลูกปลายงั มขี นาดเลก็ คือโรค เชือ้ รา และเมอื่ ปลามขี นาดโตข้ึนกอ็ าจพบวา มเี ห็บปลา และหนอนสมอบา งหรอื อาจมีปญหาบา งในชวงฤดู หนาวท่ีอณุ หภมู ติ าํ่ กวา ปกตปิ ลาจะกินอาหารนอ ยขอควรระวงั อยา เปล่ยี นถา ยนาํ้ ในฤดหู นาว เพราะปลาจะ ปรบั สภาพไมท นั สาํ หรับโรคของปลาแรดที่พบ มีดงั น้ี 1. โรคเชอื้ รา โรคเช้ือราจะเกดิ หลงั จากที่ปลาเปน แผลแบบเรื้อรงั แลว มักพบเช้ือราเขามารวมทํา ใหแ ผลลุกลามโดยบรเิ วณแผลมเี ชอ้ื รา เกิดเปนปยุ สีขาวๆ ปนเทาคลายสําลีปกคลมุ อยู

การปอ งกนั รกั ษา ปลาที่ปวยเปน เชื้อรามกั เกิดเน่อื งจากคณุ ภาพนา้ํ ในบอไมดี ควรปรับสภาพ ดว ยปนู ขาวในอัตรา 60 กิโลกรมั /ไร และพยายามอยา ใหป ลาในบอตกใจหรือเกิดเปน แผลขนึ้ อีก สาํ หรับปลา ทปี่ วยดว ยโรคน้ใี ชม าลาไคทก รนี จํานวน 0.1-0.15 กรมั /นา้ํ 1,000 ลิตร แชน าน 24 ช่ัวโมง 2. โรคเหบ็ ปลา ปลาตัวที่เปน โรคนจ้ี ะสงั เกตอาการไดว า มีพยาธริ ปู รางกลมๆ สเี ขยี วปนน้ําตาล ขนาดประมาณ 5-7 มิลลเิ มตร เกาะอยู ตามลําตวั ปว และครีบ ปลาทเ่ี ปนโรคน้ีนานๆ จะมีแผลตกเลอื ดเลก็ ๆ (จดุ แดงๆ) กระจายทวั่ ตวั วายน้าํ ทรุ นทุรายและพยายามถตู วั กับขางบอเพอ่ื ใหเ หบ็ หลดุ การปอ งกันการรกั ษา 1.แชปลาตัวทีม่ ีเห็บในสารละลายยาฆา แมลงจําพวกดพิ เทอเรก็ ซ ในอตั ราสว น 0.5-0.75กรมั / นํ้า 1,000 ลิตรนาน 24 ชว่ั โมง หรอื แชในสารละลายดางทบั ทิม ในอัตราสว น 1 กรมั /น้ํา 10 ลิตร นาน 15-30 นาที แลว จงึ ยา ยปลาไปลงในนํา้ สะอาดตอไป 2.กาํ จดั เหบ็ ปลาโดยการใชคีบจบั ออก หากเห็บชนิดนี้เกาะแนน เกนิ ไปใหห ยดนา้ํ เกลอื เขมขนประมาณ 1-2 หยด ลงบนตัวพยาธแิ ลว จึง ใชปากคบี ดึงจะหลดุ ออกไดง า ย 3.การจัดการเห็บปลาทีเ่ กิดขึ้นในบอ ทําไดโดยการตากบอ ใหแ หงแลว โรยปูนขาวใหทว่ั บอ 3.โรคหนอนสมอ เปน พยาธทิ ่ีพบเสมอในปลานาํ้ จืด หนอนสมอมักพบเกาะอยตู ามผิวหนังของ ปลาดดยเฉพาะบรเิ วณโคนครบี หนอน สมอตัวเมียทโี่ ตเต็มวัยมลี กั ษณะลําตัวยาวคลา ยหนอน ท่สี วนหัวมี อวัยวะสาํ หรับยึดเกาะกบั ผวิ หนงั ปลาซึ่งมรี ูปรา งคลา ยสมอเรือ พยาธชิ นดิ นีจ้ ะดดู กนิ เน้ือเย่ือ ของปลาทาํ ให เกิดแผลขนาดใหญไดป ลาทมี่ หี นอนสมอเกาะอยมู กั มีแผลตกเลอื ดเต็มตวั และมีอาการระคายเคอื ง ปลาทเ่ี ปน โรคนม้ี กั ผอมลงจนผิดปกตถิ า เกดิ โรคนใี้ นปลาขนาดเลก็ อาจทําใหป ลาตายได การปองกนั รกั ษา 1.ควรขนยายปลาท่ีเปนโรคหนอนสมอเกาะอยไู ปไวในถงั อื่นประมาณ 3-4 สัปดาห เพอื่ การ รกั ษาและการปอ งกนั ไมใ หต วั ออนของ หนอนสมอท่ีเพง่ิ ออกเปน ตวั มที ยี่ ดึ เกาะ ซ่งึ จะทําใหต วั ออ นหนอน สมอตายไปเองได 2.แชป ลาท่ีมีพยาธิเกาะในสารละลายดพิ เทอแรก็ ซ ในอตั ราสว น 0.5 กรมั /นํา้ 1,000 ลติ ร แช นานประมาณ 24 ชวั่ โมง แลว เปลีย่ น นาํ้ เวน ระยะไป 5-7 วัน จงึ แชยาซาํ้ อีก 2-3 ครง้ั 3.การกาํ จดั หนอนสมอในบอ ท่ีไมม ปี ลา สามารถกําจัดใหห มดไปโดยการละลายดพิ เทอ เรก็ ซ 2 กรัม/นา้ํ 1,000 ลติ ร สาดลงไปในบอ ใหท ั่วทิ้งไว 1-2 สัปดาห แลวจึงนําปลากลับมาลงเลย้ี งตอ ไป ศตั รขู องปลาแรด เน่อื งจากปลาแรดเปนปลาทมี่ นี สิ ัยเช่ืองชาจงึ มักตกเปน เหย่อื ของปลาอนื่ หรอื นกกนิ ปลาไดง าย หลีกเลีย่ งดว ยการอนุบาลใหล ูกปลามขี นาด ประมาณ 7-10 เซนติเมตร กอ นปลอ ยลงบอเลย้ี งและการเตรียม บอ ทด่ี กี ็ชวยลดศัตรูของปลาแรดไดเปน อยา งดี

การลาํ เลียงและการขนสง 1.การลําเลยี งขนสง ลูกปลา ฟารมเพาะพนั ธปุ ลาจะจําหนา ยลกู ปลาใหแ กผซู อ้ื ไปเล้ียงเปน ปลา ใหญกอนการขนสง ควรนําลกู ปลามาพกั ไวในบอซเี มนตห รอื กระชังแลวพน นา้ํ เพิ่มออกซิเจนและงดอาหาร ประมาณ 1-2 วัน เพ่ือใหล ูกปลาเคยชนิ ตอ การอยใู นทแี่ คบและขบั ถา ยอาหารทก่ี ินเขา ไปออก ใหม ากท่สี ุด 1.1 การลําเลยี งขนสง ลกู ปลาขนาด 2-3 เซนตเิ มตร นยิ มใชถ ุงพลาสตกิ ขนาด 18x28 นิ้ว ซอ น 2 ชัน้ ใสนาํ้ ประมาณ 5 ลติ ร บรรจุ พันธปุ ลาประมาณ 500-1,000 ตัว/ถุง พรอมอัดออกซิเจนมดั ปากถงุ ให แนน 1.2 การลําเลียงขนสง ลูกปลาขนาด 3 น้ิว นยิ มลําเลียงดว ยปบ โดยใสน ํ้าประมาณ 10 ลติ ร บรรจลุ ูกพันธุปลาประมาณ 200-300 ตัว/ ปบ หรอื บรรจุถงุ พลาสตกิ ขนาด 20-30 นว้ิ ซอน 2 ช้ัน บรรจุลกู ปลาประมาณ 200 ตวั /ถุง พรอ มอดั ออกซเิ จนมัดปากถงุ ใหแ นน ขอ ควรคํานงึ เกษตรกรผูซ้ือพนั ธปุ ลาไปเล้ยี งควรซอื้ พนั ธุปลาจากฟารม ทเี่ ชอ่ื ถือไดแ ละไม ควรจะอยไู กลจากทีเ่ ลี้ยงมากนกั เพราะการ ขนสงลําเลยี งในระยะทางไกลๆ ตอ งใชเ วลามาก ลกู ปลาอาจ เครียดและเกิดความเสียหายไดนอกจากนค้ี วรเลือกปลาท่ีมลี ักษณะแขง็ แรงลําตวั สมบูรณไมมีบาด แผลหรือ เปนโรค สีสันสดใสและในระหวางการลําเลียงควรใสยาเหลือง ในอัตรา 1-3 สวนในลา นหรอื ใสเกลือแกงใน อัตรา 0.1-0.2 เปอรเซ็นต เพอ่ื ยับยั้งการ เจริญเติบโตของแบคทเี รียและปองกันโรคเชื้อราที่อาจจะเกดิ ข้ึนเม่ือ ลูกปลามีบาดแผลในระหวา งการขนสง กอ นปลอ ยปลาลงเล้ียงควรแชถ งุ พนั ธปุ ลาลงในบอ ทจ่ี ะเลยี้ ง ประมาณ 15 นาที เพื่อปรบั อณุ หภูมขิ องนาํ้ ในถงุ ใหใ กลเ คยี งกับนาํ้ ในบอ จากนัน้ เปด ปากถงุ คอ ยๆ เทพันธุ ปลาลงบอในวนั แรกทีป่ ลอยปลาควรงด อาหาร 2.การลาํ เลียงขนสง ปลารุนหรอื ปลาขนาดใหญ เพ่อื สง ลูกคา ท่ตี องการปลามชี ีวติ อาจใชก าร ลําเลยี งในถังไฟเบอรก ลาสหรอื ถงั ผา ใบหรอื อาจใชผา ใบปูทา ยรถกระบะและตอ งใชแ อรป ม เพอ่ื ให ออกซิเจนตลอดการลาํ เลียง แนวโนม ดา นการตลาด ตลาดในประเทศไทยปลาแรดเปน ทีน่ ยิ มบรโิ ภคเพราะเปน ปลาทีม่ ีเนอื้ มาก กางนอ ย รสชาติดี ประกอบอาหารไดหลายอยา ง เชนทอด กระเทยี ม ทอดราดพริก น่งึ แบบตา งๆ ตมยาํ แกงหรอื ลาบ ฯลฯ ปลา แรดทตี่ ลาดในเมอื งไทยตอ งการคือ มีนาํ้ หนักตัง้ แต 7 ขีด ถึง 1 กโิ ลกรัม/ตัว - ราคาปลาแรดท่ีเลี้ยงในบอดิน จะอยทู ป่ี ระมาณ 40-60 บาท/กิโลกรัม - ราคาปลาแรดทเ่ี ลย้ี งในกระชงั จะนยิ มขายปลามชี ีวติ สาํ หรบั การเลีย้ งปลาในกระชัง นาํ้ จะ ถายเทตลอดเวลาปลาจะไมเ หมน็ กลิ่นโคลน ราคาจงึ สงู กวา ปลาทเ่ี ลี้ยงในบอดนิ คอื ประมาณ 70-100 บาท/ กโิ ลกรัม ตลาดตา งประเทศ ปจจบุ ันมเี กษตรกรผเู ลี้ยงปลาแรดไดรวมตัวกนั เพือ่ จดั สงปลาแรดไป จาํ หนายยงั ตางประเทศโดยตลาดตางประเทศ นิยมใหแ ลเ อาเฉพาะ เน้อื แชแขง็ ทง้ั น้ีตอ งใชปลาทีม่ ีขนาด

ต้ังแต 7 ขีด ขึน้ ไป - ราคาจะอยูทปี่ ระมาณ 150-160 บาท/กโิ ลกรมั โดยทางบรษิ ทั คคู า ในตางประเทศจะเปน ผูมา ดแู ลและออกคา ใชจายในการขนสงเอง - ราคาปลามีชวี ติ ทีส่ งไปแถบประเทศมาเลเซียจะอยูทป่ี ระมาณ 250-350 บาท/กิโลกรัม ตนทุนและผลตอบแทน 1.การเล้ียงปลาแรดในกระชงั 1.1 ตน ทุนการผลิตคาโครงกระชงั และกระชัง ก. คาวัสดทุ าํ โครงกระชงั ขนาด 4x4x2 เมตร แบบกระชงั ทุนลอยแบบถงั พลาสติก(อายกุ าร ใชงาน 4 ป) เปน เงิน 5,000 บาท ข.คาวสั ดทุ าํ กระชงั เน้อื อวนโพลเี อทธลี นี ขนาด 2-3 ซ.ม.(อายกุ ารใชง าน 4 ป) เปน เงิน 6,400 บาท รวมตน ทนุ คากระชงั เปน เงนิ 11,400 บาท รวมตน ทุนคา กระชงั เปนรายป(หักคา เส่ือม) เปนเงนิ 2,850 บาท 1.2 ตน ทนุ การผลิตที่เปนคาวัสดุการเกษตรอ่ืน ๆ - คา พันธปุ ลาแรด ขนาด 5-6 ซม. จาํ นวน 800 ตวั เปน เงนิ 3,200 บาท - คาอาหารปลาสําเรจ็ รูปสาํ หรบั อนบุ าลลกู ปลาจาํ นวน 40 กิโลกรมั ๆ ละ 19 บาท เปน เงนิ 760 บาท - คา อาหาร(สตู รปลาใหญในกระชงั ) จํานวน 1,800 กโิ ลกรมั ๆ ละ 10.65 บาท เปน เงนิ 19,170 บาท - คา ยารกั ษาโรค และอนื่ ๆ เปนเงนิ 2,000 บาท รวมเปน เงิน 25,130 บาท 1.3 ผลผลิตที่คาดวา จะไดรบั ในระยะเวลาการเลย้ี ง 1 ป - ผลผลิตปลาแรด ขนาด 0.8 - 1.2 กโิ ลกรมั รวม 700 กโิ ลกรมั - มลู คาผลผลติ กิโลกรัมละ 60-70 บาท รวมเปน เงนิ ทัง้ ส้ิน 42,000-49,000 บาท 1.4 ผลกาํ ไรตอการเลยี้ งปลาแรด 1 รนุ โดยคาํ นวณจากคา เสื่อมกระชัง เปนเงนิ 14,020- 21,020 บาท 2.ผลผลิตและตนทุนการเล้ยี งปลาแรดในบอ ดิน จากขอ มูลสอบถามจากเกษตรกรผูป ระกอบอาชพี เล้ยี งปลาในภาคกลาง ซง่ึ เเล้ยี งปลาแรดใน บอ ดนิ ขนาด 1 ไร ปลอ ยลูกปลาแรดขนาด 3-5 เซนติเมตร จาํ นวน 3,000 ตัว/ไร พบวา ผลผลิตปลาแรดในบอ ดนิ ระยะเวลาเลย้ี ง 10 เดอื น ไดผ ลผลิต 1,500-2,000 กิโลกรมั /ไร โดยมตี น ทนุ ผันแปร อยูทป่ี ระมาณ 25-33

บาท/กิโลกรมั แบงเปน คา พนั ธปุ ลา 4 บาท คาอาหาร(อาหารเม็ดลอยน้าํ และพืชผกั ผลไม) ประมาณ 15-20 บาท คาโรงงานและอนื่ ๆ 6-9 บาท ภาวะราคาตลาดปลาแรดในปจ จุบนั พบวาราคาปลาแรดที่เล้ียงในบอ ดนิ อยู ในชว ง 40-60 บาท/กิโลกรัม ซ่งึ เกษตรกรผเู ลยี้ งท่มี ปี ระสบการณเพยี ง พอจะไดก าํ ไรขน ตนประมาณ 15-27 บาท/กิโลกรมั ปญหาและอุปสรรค ปญหาอปุ สรรคในดานการเลย้ี งน้ันปลาแรดเปนปลาท่เี ล้ียงงา ยไมค อยปรากฏโรคมากนัก สําหรบั ดานการตลาดในประเทศนนั้ ยงั มกี ารแขง ขนั กับปลานา้ํ จืดชนดิ อ่ืนในบางชว งฤดกู าลดว ย สวนตลาด ตางประเทศยงั คอ นขา งจํากดั ไมกวางขวางเหมอื นสตั วนา้ํ ชนดิ อื่นมากนกั แหลง ผลิตลกู พันธุปลาแรดของกรมประมง 1.ศูนยวจิ ยั และพัฒนาประมงนา้ํ จืดชยั นาท เขือ่ นเจาพระยา หมู 5 ต.สรรพยา อ.สรรพยา จ. ชัยนาท โทร 0-5642-6522 2.ศูนยว จิ ัยและพฒั นาประมงน้าํ จดื ปทุมธานี คลอง 13 ต.ศาลาครุ อ.หนองเสือ จ. ปทุมธานี โทร 0-2546-3186 3.สถานปี ระมงน้าํ จดื จงั หวดั อทุ ยั ธานี 38 หมู 8 ต.สะแกกรัง อ.เมือง จ.อุทัยธานี โทร 0-5651- 3040 ตลาดรบั ซื้อปลาแรด 1.องคก ารสะพานปลา 211 ถนนเจรญิ กรุง แขวงยานนาวา เขตสาธร กรุงเทพฯ 0-2211-0300 2.ตลาดบางเลน อ.บางเลน จ.นครปฐม 3.ตลาดไท รังสิต จ.ปทุมธานี 4.ตลาดส่มี มุ เมือง รังสิต จ.ปทุมธานี 5.ตลาดสุวพนธ อ.เมือง จ.อา งทอง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook