ศิลปะบำบัด Art Therapy Art Therapy
ก คำนำ หนังสือ \" ศิลปะบำบัด Art Therapy \" เล่มนี้จัดทำเพื่อให้ผู้ที่สนใจ และผู้ที่ไม่รู้ว่าศิลปะบำบัดคือะไร โดยการนำเสนอข้อมูลให้เข้าใจถึงศิลปะบำบัด ที่ง่ายต่อการเข้าใจ และเนื้อหาที่คิดว่าทุกคนอาจจะยังไม่รู้ มาพิมพ์ในหนังสือเล่มนี้ หากมีข้อผิดพลาดประการใดทางผู้จัดทำขออภัยมา ณ ที่นี้ นายสรายุ แสงกล้า ผู้จัดทำ
สารบัญ ข เรื่อง หน้า คำนำ ก สารบัญ ข นิยามของศิลปะ 2 ศิลปะบำบัดแตกต่างจากการเรียนศิลปะทั่วไปอย่างไร 4 ศิลปะบำบัดคือ 6 ประวัติศิลปะบำบัด 8 ขั้นตอนหลักในการทำศิลปะบำบัด 10 ศิลปะบำบัดเหมาะกับใครบ้าง 11
สารบัญ ข เรื่อง หน้า การทำงานของนักศิลปะบำบัด 12 ประโยชน์ของศิลปะบำบัด 14 บรรณานุกรม 15 ประวัติผู้จัดทำ 16
1
2 นิยามของศิลปะ ศิลปะคืออะไร มีความหมายอย่างไร ผู้คนบนโลกใบนี้ล้วนมี ความเห็นแตกต่างกัน และยังมีการสร้างสรรค์ผลงานรูปแบบ ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ยังคงหาข้อสรุปที่ลงตัวไม่ได้จวบจนปัจจุบัน ศิลปะ เป็นคำที่มีความหมายทั้งกว้างและจำเพาะเจาะจง ทั้งนี้ย่อมแล้วแต่ ทัศนะของนัก ปราชญ์แต่ละคน รวมทั้งความเชื่อ แนวคิด ในแต่ละยุค แต่ละสมัย มีความแตกต่างกัน หรือแล้วแต่ว่า จะนำศิลปะไปใช้ ในแวดวงที่กว้างขวาง หรือจำกัดอย่างไร แต่จากทัศนะของนักปราชญ์ ทั้งหลายจะ เห็นว่าศิลปะมีคุณลักษณะ ที่เป็นตัวร่วม สำคัญที่สุด ประการหนึ่ง คือ การแสดงออก ไม่ว่าจะเป็น อารมณ์ ความรู้สึก ความคิด ประสบการณ์ ความงามการเห็นแจ้ง สัญลักษณ์ ความเป็นเรื่องราวหรือ เหตุการณ์ ก็ล้วนแต่เป็น การแสดงออกโดยมนุษย์เป็นผู้เลือกสรร หรือสร้างสรรค์ ขึ้นทั้งสิ้น ศิลปะไม่ใช่ข้อเท็จจริงทางกายภาพ ไม่ใช่ความรู้ที่เกิดจาก การใช้เหตุผลหรือการทดลอง แต่เป็นอารมณ์ ความรู้สึกที่เกิดจาก ประสบการณ์และจินตนาการของแต่ละคน ศิลปะเป็นศาสตร์แขนงหนึ่ง ซึ่งประกอบด้วยแขนงวิชาย่อย มากมาย เช่น ทัศน ศิลป์ ดุริยางคศิลป์ นาฏศิลป์ และวรรณศิลป์ เป็นต้น มุ่งเน้นเพื่อพัฒนาจิตใจและยกระดับจิตวิญญาณเป็นสำคัญ พจนานุกรมศัพท์ศิลปะ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช 2530 นิยามความหมายของศิลปะว่า ศิลปะ คือ ผลแห่งพลัง ความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ ที่แสดงออก ในรูปลักษณ์ ต่างๆให้ปรากฏซึ่งสุนทรียภาพความประทับใจ หรือ ความสะเทือน อารมณ์ ตามอัจฉริยภาพ พุทธิปัญญา ประสบการณ์ รสนิยม และทักษะของแต่ละคน เพื่อความพอใจ ความรื่นรมย์ ขนบธรรมเนียม จารีต ประเพณี หรือความเชื่อในลัทธิศาสนา และกล่าวว่า ศิลปะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ วิจิตร ศิลป์ (Fine Art) กับประยุกต์ศิลป์ (Applied Art)
3 ภาพตัวอย่างของ ศิลปะทั่วไป ภาพตัวอย่างของ ศิลปะบำบัด
4 ศิลปะบำบัดแตกต่างจาก การเรียนศิลปะทั่วไปอย่างไร ศิลปะบำบัดมีเป้าหมายเพื่อการบำบัด รักษาและฟื้ นฟู อาการเจ็บป่วยทั้งทางร่างกายและจิตใจ มุ่งหวังให้ผู้รับการบำบัด เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในตนเองและเน้นที่\"กระบวนการทางศิลปะ\" ซึ่งในกระบวนการแต่ละครั้ง นักศิลปะบำบัดจะ เปิดโอกาสและให้อิสระกับผู้รับการบำบัดได้สร้างสรรค์ผลงาน โดยไม่ได้คำนึงถึงความสวยงามหรือหลักเกณฑ์องค์ ประกอบทางศิลปะใด ๆ แต่มุ่งเน้นไปยังการสำรวจอารมณ์ ความรู้สึก ความคิด การเข้าใจ ที่ซ่อนอยู่ภายในส่วนลึกของ จิตใจ ที่ไม่สามารถแสดงออกเป็นคำพูดได้และอธิบายตัวตนผ่านการสร้างชิ้นงานของผู้รับการบำบัด ซึ่งแตกต่างจาก การเรียนศิลปะทั่วไปที่คำนึงถึง\"คุณค่าทางศิลปะ\"และสร้างผลงานให้มีความสวยงามด้วยเทคนิคต่าง ๆ มีเป้าหมายเพื่อ พัฒนาทักษะและฝีมือให้เก่งขึ้น โดยมีครูศิลปะหรือผู้เชี่ยวชาญในศิลปะแขนงนั้น ๆ เป็นผู้สอน
5
6 ศิลปะบำบัดคือ ศิลปะบำบัด (Art therapy) คือ การใช้ศิลปะในการเยียวยารักษาอาการเจ็บป่วยทั้งทางร่างกายและจิตใจด้วยการนำเทคนิค ทางศิลปะที่ทำให้ได้แสดงความรู้สึกและความคิดออกมา โดยเน้นที่\"กระบวนการทางศิลปะ\"มากที่สุด ศิลปะบำบัดบางแนวทางมุ่งเน้นให้ผู้รับการบำบัดแสดงออกผ่านสื่อศิลปะอย่างสร้างสรรค์ บางแนวทางนำความรู้ด้าน จิตวิทยาเข้ามาผสมผสาน บางแนวทางใช้การวิเคราะห์สิ่งที่ปรากฏในภาพของผู้รับการบำบัดร่วมด้วย ทั้งนี้ ศิลปะบำบัดทุกแนวทางช่วยให้ผู้รับการบำบัดได้สำรวจภายในจิตใจของตนเอง ค้นหาและเปิดรับกับสภาวะอารมณ์ของ ตัวเอง, ดูแลจัดการความเครียด, ความเศร้า หรือทำความเข้าใจกับประสบการณ์ความรู้สึกต่างๆ โดยเปิดเผยตัวตนและ สื่อสารผ่านงานศิลปะอย่างเป็นอิสระ กระบวนการบำบัดช่วยให้ความเครียด ความเศร้า หรือความเจ็บปวดบรรเทาลง เกิด ความเข้าใจในอารมณ์ความรู้สึกของตนเอง และเกิดการเติบโตทางความคิด ก่อให้เกิดกระบวนการพัฒนาภายในตนเอง
7 ประวัติศิลปะบำบัด ศิลปะบำบัด (art therapy) ไม่ใช่ศาสตร์แขนงใหม่ พบว่า มีประวัติการพัฒนามายาวนานพอสมควร เมื่อย้อนกลับไปในอดีต ปีพ.ศ. 2403 ฟลอเรนซ์ไนติงเกล (Florence Nightingale) ได้เขียน ไว้ในบันทึกการพยาบาลว่า “ดอกไม้สีสันสดใส และ ศิลปกรรมอัน งดงามจะช่วยฟื้ นฟู คนไข้ให้หายเร็วขึ้น” ตั้งแต่ราว พ.ศ. 2460 เป็นต้นมา จิตแพทย์เริ่มให้ความ สนใจกับผลงานทางศิลปะที่ผู้ป่วยทางจิตสร้างสรรค์ขึ้นมา และเริ่ม ประยุกต์ใช้ศิลปะบำบัดเข้าร่วมกับการรักษาแบบดั้งเดิม ในช่วงเวลาเดียวกัน เริ่มสังเกตว่า การแสดงออกทางศิลปะ ของเด็กมี ส่วนเกี่ยวพันกับพัฒนาการทางอารมณ์และการรับรู้และเริ่ม มีการศึกษาวิจัยอย่างเป็นระบบต่อมา พ.ศ. 2468 นายแพทย์ Nolan D.C. Lewis จิตแพทย์ และนักจิตวิเคราะห์ เป็นผู้ริเริ่ม แนวความคิดเกี่ยวกับศิลปะบำบัด โดยใช้ภาพวาดเป็นสัญลักษณ์ในการสื่อสารอารมณ์และความรู้สึก แทนการใช้คำพูด พ.ศ. 2493 แพทย์หญิง Margaret Naumburg เป็นจิตแพทย์ คนแรกที่บัญญัติศัพท์คำว่า “art therapy” หรือ “ศิลปะ บำบัด” และ มีผลงานวิจัย ตำราด้านศิลปะบำบัดจำนวนมาก โดยนำศิลปะมา ประยุกต์ใช้ในการวิเคราะห์และการทำจิตบำบัด นำจิตวิเคราะห์ แบบดั้งเดิมมาเป็นพื้นฐานการแสดงออกทางศิลปะ เพื่อเป็นตัวกระตุ้น ไปสู่การแสดงออกของความขัดแย้ง ภายในจิตใจ
8 ประวัติศิลปะบำบัด พ.ศ. 2514 Edith Kramer ศิลปินซึ่งเป็นนักศิลปะบำบัด ได้เสนอแนวคิดที่แตกต่างจากจิตแพทย์หรือนักจิตบำบัด ในหลัก การปฏิบัติโดยให้ความสำคัญกับกระบวนการทางศิลปะเป็นเอกเทศว่า “ให้ผลการบำบัดได้โดยไม่ต้องพึ่งพาด้านจิตวิเคราะห์” ใช้คำว่า “art as therapy” แทนคำว่า “art therapy” เป็นการประกาศชัดเจนว่า “ศิลปะเป็นการบำบัด ไม่ใช่เครื่องมือที่นำไป ใช้ในการทำจิตบำบัด” ดังนั้นศิลปะบำบัดจึงเริ่มต้นจากแนวคิดที่แตกต่างกัน 2 สาย ขึ้นอยู่กับผู้นำไปใช้ว่ามีพื้นฐานมาจาก สายศาสตร์หรือสายศิลป์ เป็น จิตแพทย์หรือศิลปิน แต่ในปัจจุบันก็สามารถผสมผสานกันได้ในที่สุด นับเป็นวิธีการบำบัดทาง เลือก ที่เสริมเข้ามาในรูปแบบต่างๆ ที่มี เป้าหมายเพื่อบำบัดรักษา เยียวยาจิตใจผู้ป่วย และเริ่มมีงานวิจัยที่ สนับสนุนผล สำเร็จของศิลปะบำบัดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ฟลอเรนซ์ไนติงเกล Florence Nightingale เอดิธ คราเมอร์ Edith Kramer มาร์กาเร็ต นุมเบิร์ก Margaret Naumburg
9 ส ร้ า ง สั ม พั น ธ ภ า พ ค้นหาปั ญหา ท บ ท ว น ป ร ะ ส บ ก า ร ณ์ เ ส ริ ม ส ร้ า ง พ ลั ง ใ จ
10 ขั้นตอนหลักในการทำศิลปะบำบัด ขั้นตอนหลักในการทำศิลปะบำบัดมีการแบ่งอยู่หลายแบบ ผู้เขียนได้รวบรวมสรุป และเทียบเคียงกับขั้นตอนการทำจิตบำบัด แบ่งเป็นขั้นตอนหลัก “4 E” ดังนี้ 1) Established rapport (สร้างสัมพันธภาพ) เป็นขั้นแรก ของการบำบัด สร้างสัมพันธภาพระหว่างผู้บำบัดกับผู้รับการบำบัด ซึ่งรวมถึงการประเมินสภาพปัญหา และวางแผนการบำบัดรักษาด้วย 2) Exploration (ค้นหาปัญหา) เป็นขั้นของการสำรวจ ค้นหา วิเคราะห์ปมปัญหา ความขัดแย้งภายในส่วนลึกของจิตใจ 3) Experiencing (ทบทวนประสบการณ์) เป็นขั้นการบำบัด โดยดึงประสบการณ์แห่งปัญหาขึ้นมาจัดเรียง ปรับเปลี่ยน แก้ไข ใหม่ ในมุมมองและสภาวะใหม่ 4) Empowerment (เสริมสร้างพลังใจ) เป็นขั้นสุดท้ายของ การบำบัด โดยเสริมสร้างความภาคภูมิใจในตนเอง และให้โอกาส แห่ง การเปลี่ยนแปลง เทคนิคสำคัญที่นำมาใช้ในกระบวนการทางศิลปะบำบัด คือ การสนับสนุน เสริมสร้างกำลังใจ (supportive) และการตีความ หมายที่ซ้อนเร้นภายในจิตใจ (interpretation) การสนับสนุน เสริมสร้างกำลังใจ ทำได้โดยให้ความสนใจ ให้กำลังใจ และการ ชมเชยเมื่อทำได้สำเร็จหรือพยายามเพิ่มขึ้น ภายใต้ สิ่งแวดล้อมที่สงบ ปลอดภัย และท่าทีเป็นมิตร
11 ศิลปะบำบัดเหมาะกับใครบ้าง เหมาะกับทุกคนทุกวัย ที่ชอบศิลปะ โดยไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานทางศิลปะ เพราะการบำบัดไม่ได้คำนึงถึงความสวยงามของผล งานแต่เน้นที่กระบวนการต่าง ๆ ระหว่างการทำที่ช่วยให้ผู้รับการบำบัดได้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายใน เด็กและวัยรุ่นที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ สมาธิสั้น ออทิสติก มีปัญหาการเข้าสังคม มีความก้าวร้าว ทะเลาะวิวาท มี ปัญหาการควบคุมอารมณ์ มีอาการซึมเศร้า วิตกกังวล ผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ ผู้ที่เก็บตัว ไม่เข้าสังคม หมดพลังในการดำเนินชีวิต ผู้ที่มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง ผู้ที่มีอาการเกร็ง ชัก กระตุก มีปัญหาด้านการเคลื่อนไหว ผู้ที่มีปัญหาการนอนหลับ ผู้ป่วยอัลไซเมอร์
12 การทำงานของนักศิลปะบำบัด การทำศิลปะบำบัดแต่ละครั้งใช้เวลา 45-60 นาที ความถี่อยู่ที่ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ นักศิลปะบำบัดเริ่มต้นชั่วโมงที่ 1 และ 2 ของการบำบัดโดยการให้ระบายสีอิสระ (Free Painting) และปั้ นดินอิสระ เพื่อวิเคราะห์บุคลิกภาพของผู้รับการบำบัดและ ประเมินอาการความผิดปกติที่เกิดขึ้น นักศิลปะบำบัดจะทำงานร่วมกับจิตแพทย์และนักจิตวิทยา จากนั้นวางแผนการบำบัด โดยกำหนดเป้าหมายที่ต้องการและดำเนินการบำบัดผ่านกระบวนการทำงานด้านศิลปะ เช่น การระบายสีบำบัด การลากเส้น รูปทรงบำบัด การปั้ นบำบัด เป็นต้น เนื่องจากในทางมนุษยปรัชญา สี (Colors) วัสดุทางศิลปะ (Tools) และบทฝึกหัด (Exercises) ล้วนมีผลในเชิงบำบัด ดังนั้น การตีความหมายที่ซ้อนเร้นภายในจิตใจ ทำได้โดย การตีความสัญลักษณ์ต่างๆ ที่เห็น สีที่ใช้ภาพที่วาด เพื่อให้เกิดความ เข้าใจ ในตัวเองมากยิ่งขึ้น ซึ่งผู้รับการบำบัดแต่ละรายจึงได้รับบทฝึกหัดสีและชนิดอุปกรณ์ที่แตกต่างกันไปตามภาวะอาการเจ็บป่วย ที่นักศิลปะบำบัด ได้ประเมิน โดยตลอดระยะเวลาของการบำบัด นักศิลปะบำบัดจะทำการสรุปสภาวะของผู้รับการบำบัด สิ่งที่ สังเกตเห็น ประเมินพัฒนาการ และติดตามผลร่วมกับแพทย์เจ้าของไข้
13
14 ประโยชน์ของศิลปะบำบัด ศิลปะบำบัด มีประโยชน์ในด้านการพัฒนาอารมณ์สติปัญญา สมาธิ ความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงการช่วยพัฒนากล้ามเนื้อมัด เล็ก และการประสานงานการเคลื่อนไหวของร่างกาย นอกจากนี้ยังเป็น เครื่องมือสำคัญที่ช่วยกระตุ้นการสื่อสาร และเสริม สร้างทักษะสังคม มุ่งเน้นให้เกิดความสมดุลของชีวิต ช่วยบรรเทา ปัญหา เยียวยาจิตใจ และเสริมสร้างศักยภาพการดำเนิน ชีวิตในด้าน ต่างๆ อย่างรอบด้าน ทั้งทางร่างกาย สติปัญญา จิตใจ สังคม และ สุนทรียศาสตร์ ไปพร้อมๆ กัน โดยถ่วงน้ำหนัก ให้แตกต่างกันตาม สภาพปัญหาของแต่ละคน ศิลปะบำบัด มีประโยชน์หลากหลาย ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ที่ ต้องการ และกลุ่ม เป้าหมายที่นำไปใช้ เช่น การนำศิลปะบำบัดมาใช้ในการเยียวยาจิตใจ ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ลดความ ขุ่นมัวในจิตใจ เข้าใจและรับรู้อารมณ์ต่างๆ ของ ตนเอง ที่ซ่อนเร้นอยู่ ภายในจิตใจ สามารถยับยั้งและควบคุมได้ดีขึ้น มีสมาธิ ลดความ ตึงเครียด และความวิตกกังวลลงได้ ศิลปะบำบัดแบบกลุ่มเป็นการเปิดโอกาสให้มีการทำกิจกรรม ร่วมกับผู้อื่นเพิ่มขึ้น ช่วยให้สมาชิกในกลุ่มเรียนรู้การทำกิจกรรม ร่วมกัน รู้จักการรอคอย ผลัดกันทำกิจกรรม เรียนรู้การช่วยเหลือ ซึ่งกันและกันภายในกลุ่ม ให้การยอมรับผู้อื่น และได้รับการ ยอมรับ จากผู้อื่น
15 บรรณานุกรม https://sites.google.com/site/virunphatart/khwam-hmay-khxng-silpa https://www.manarom.com/art_therapy_thai.html https://becommon.co/life/art-therapy-and-art-psychotherapy https://www.urbinner.com/post/what-is-art-therapy https://th.rajanukul.go.th/_admin/file-download/5-4460-1448597095.pdf http://www.payai.com/archives/4395 https://positioningmag.com/59781
16 ประวัติผู้จัดทำ ข้อมูลส่วนตัว ชื่อ : นายสรายุ แสงกล้า ชื่อเล่น : ยุ/ฟลุ๊ก วัน/เดือน/ปีเกิด : 7 กรกฎาคม 2548 น้ำหนัก : 79 ส่วนสูง : 175 สัญชาติ : ไทย เชื้อชาติ : ไทย ศาสนา : พุทธ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ศึกษาอยู่ที่โรงเรียนปทุมวิไล แผนการเรียน : ห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม วิชาที่ชอบ : ฟิสิกส์ ชีวะ งานอดิเรก : ฟังเพลง วาดรูป อ่านหนังสือ คติประจำใจ : LIVE LIFE TO THE FULLEST, AND FOCUS ON THE POSITIVE ช่องทางติดต่อ [email protected] like__y0u 097-086-4853 Sarayu Sangkla
Thank You
\" We keep moving forward, opening new doors, and doing new things, because we’re curious and curiosity keeps leading us down new paths. \"
Search
Read the Text Version
- 1 - 24
Pages: