มลพษิ ทางอากาศ โลกของเรามีช้นั ของบรรยากาศห่อหมุ้ อยู่โดยรอบหนาประมาณ 15 กิโลเมตร ชั้นของบรรยากาศดังกลา่ วน้ี ประกอบด้วย ก๊าซไนโตรเจน ออกซิเจน ฝุ่นละอองไอน้า และเช้ือจุลินทรีย์ต่าง ๆ ในจ้านวนก๊าซเหล่าน้ี ก๊าซที่ ส้าคัญท่ีสุดต่อการด้ารงอยู่ของ ส่ิงมีชีวิตในโลก คือ ก๊าซออกซิเจนและชั้นของบรรยากาศที่มีก๊าซออกซิเจนเพียงพอ ต่อการด้ารงชีวิตมีความหนาเพียง 5 - 6 กิโลเมตรเท่าน้ัน ซึ่งปกติ จะมีส่วนประกอบ ของก๊าซต่าง ๆ ค่อนข้าง คงที่ คือ ก๊าซไนโตรเจน 78.09% ก๊าซออกซิเจน 20.94% ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซเฉ่ือย 0.97%ใน ปริมาณคงที่ของก๊าซดังกล่าวนี้ เราถือว่าเป็นอากาศบริสุทธแ์ิ ต่เม่ือใดก็ตามที่ส่วนประกอบของอากาศเปลี่ยนแปลงไปมี ปริมาณ ของฝุ่นละออง ก๊าซ กล่ิน หมอกควัน ไอ ไอน้า เขม่าและกัมมันตภาพรังสีอยู่ใน บรรยากาศมากเกินไป เราเรยี กสภาวะดังกลา่ ววา่ ?อากาศเสีย? หรอื ?มลพิษทางอากาศ?
มลพษิ ทางอากาศ หมายถึง ภาวะอากาศที่มสี ารเจือปนอยู่ในปรมิ าณที่สงู กวา่ ระดับปกติเปน็ เวลานานพอท่ีจะท้าให้ เกิดอันตรายแก่มนุษย์ สัตว์ พืช หรือทรัพย์สินต่าง อาจเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เช่น ฝุ่นละอองจากลมพายุ ภเู ขาไฟระเบิด แผน่ ดนิ ไหว ไฟไหม้ปา่ ก๊าซธรรมชาติอากาศเสียที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติเป็นอนั ตรายต่อมนุษย์น้อย มาก เพราะแหล่งก้าเนิดอยู่ไกลและปริมาณที่เข้าสู่สภาพแวดล้อมของมนุษย์และสัตว์มีน้อย กรณีท่ีเกิดจากการ กระท้าของมนุษย์ ได้แก่ มลพิษจากท่อไอเสียของรถยนต์จากโรงงานอุตสาหกรรมจากขบวนการผลิตจาก กิจกรรมด้านการเกษตรจากการระเหยของกา๊ ซบางชนิด ซ่งึ เกดิ จากขยะมูลฝอยและของเสยี เป็นต้น
แหลง่ ก้าเนดิ มลพษิ ทางอากาศ แหล่งก้าเนิดมลพษิ ทางอากาศทีส่ ้าคญั ของประเทศไทย แบ่งเปน็ 2 กลุม่ ใหญ่ ๆ ดงั นี้ แหล่งกา้ เนิดจากยานพาหนะ ในบรเิ วณท่ีใกล้ถนนทมี่ กี ารจราจรติดขดั จะมีปัญหามลพิษทางอากาศทร่ี ุนแรงกวา่ ในบรเิ วณทม่ี ี การจราจรคล่องตวั สารมลพิษที่ระบายเขา้ สบู่ รรยากาศทเ่ี กิดจาก การคมนาคมขนสง่ ได้แก่ ก๊าซ คาร์บอนมอนอกไซด์ กา๊ ซออกไซด์ของไนโตรเจน สารประกอบไฮโดรคาร์บอน ฝ่นุ ละอองขนาดเลก็ กวา่ 10 ไมครอน สารตะกวั่ และก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์
แหลง่ กา้ เนดิ จากโรงงานอตุ สาหกรรม มลพิษทางอากาศจากแหล่ง กา้ เนิดอตุ สาหกรรม เกดิ จากการเผาไหม้เชื้อเพลงิ และกระบวนการผลิต ซง่ึ เป็นตัวการสา้ คัญ ทีก่ อ่ ใหเ้ กดิ ผลกระทบต่อคณุ ภาพอากาศในบรรยากาศและอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามยั ของประชาชนในชุมชน โดยทัว่ ไปหรือก่อให้เกิดความเดือดรอ้ นร้าคาญ เช้ือเพลงิ ทใ่ี ชส้ ้าหรบั อุตสาหกรรมมีอยู่ 3 ประเภทใหญ่ ๆ ด้วยกนั คอื •เช้อื เพลงิ ทีเ่ ปน็ ของแขง็ •เช้อื เพลงิ ทเี่ ปน็ ของเหลว ได้แก่ น้ามันเตา และน้ามนั ดเี ซล และ •เชื้อเพลงิ ทเี่ ป็นกา๊ ซ ไดแ้ ก่ กา๊ ซธรรมชาติ และก๊าซ LPG สารมลพษิ ทางอากาศที่เกิดจากการเผาไหมเ้ ช้อื เพลิงชนิดตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่ กา๊ ซคารบ์ อนมอนอกไซด์ฝ่นุ ละออง กา๊ ซซลั เฟอรไ์ ดออกไซด์ และกา๊ ซออกไซด์ของไนโตรเจน ซง่ึ พบว่ามีปรมิ าณการระบายออกส่บู รรยากาศเพม่ิ มาก ขนึ้ ทกุ ปตามปรมิ าณการใช้เช้อื เพลิงทเี่ พม่ิ ขึ้น
ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (Carbon monoxide : CO) ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (Carbon monoxide : CO) เป็นก๊าซที่ไม่มีสีรสและกล่ินเบากว่าอากาศทั่วไป เล็กนอ้ ยเม่อื หายใจเข้าไป ก๊าซนี้จะรวมตัวฮโี มโกลบนิ (Haemoglobin) ในเม็ดเลือดแดงไดม้ ากกว่าออกซิเจน ถึง 3624-3674 เท่า เกิดเป็นคาร์บอกซีฮีโมโกลบิน (Carboxyhaemoglobin : CoHb) ซ่ึงลด ความสามารถของเลือดในการเป็นตัวน้าออกซิเจนจากปอดไปยังเนื้อเยื่อต่างๆ โดยทั่วไป องค์ประกอบ ส้าคัญที่ท้าให้เกิด CoHb ในเลอื ดมากหรือน้อยข้ึนอยู่กับความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ในอากาศ ที่สูดหายใจเข้าไปและระยะเวลาที่อยู่ในสภาวะน้ันส้าหรับอาการตอบสนองของมนุษย์ข้ึนอยู่กับเปอร์เซ็นต์ CoHb และความรสู้ กึ ของแต่ละบคุ คลที่ไวตอ่ กา๊ ซชนดิ นี้
ก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ (Nitrogendioxide : NO2) ออกไซด์ของไนโตรเจนประกอบด้วยไนตรัสออกไซด์ (N2O) ไนตริกออกไซด์ (NO) ไดไนโตรเจนไตร ออกไซด์ ( N2O3) ไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2) ไดไนโตรเจนเตตราออกไซด์ (N2O4) และได ไนโตรเจนเพนตอกไซด์ไซด์ (N2O5) ในท่ีน้ีจะกลา่ วเฉพาะNO และ NO2เน่ืองจากเป็นก๊าซท่ีมอี ยู่ท่ัวไปใน ธรรมชาติ และมีความส้าคัญต่อส่ิงมีชีวิตมากกว่า ออกไซด์ของไนโตรเจนตัวอื่น ๆ ไนตริกออกไซด์ (NO) เป็นก๊าซไมม่ ีสีและกลิ่น ละลายน้าได้บ้างเล็กน้อย ส่วนไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2) มีสภาพเป็นก๊าซท่ี อุณหภูมิปกติ ก๊าซทั้งสองเกิดขึ้นตามธรรมชาติ ได้แก่ ฟ้าผ่า ฟา้ แลบ ภูเขาไฟระเบิดปฏิกิริยาขิงจุลินทรีย์ใน ดินหรืออาจเกิดจากการกระท้าของมนุษย์ เช่น การเผาผลาญเชื้อเพลิง การอุตสาหกรรม การท้ากรดไน ตรกิ กรดก้ามะถัน การชุบโลหะและการทา้ วตั ถุระเบิด เปน็ ตน้
อย่างไรก็ตาม ก๊าซทั้งสองเกิดจากธรรมชาติมากกว่าการกระท้าของมนุษย์ การเกิดก๊าซไนตริกออกไซด์มีอุณหภูมิเป็น องค์ประกอบส้าคัญที่สุด ดังนั้น รถยนต์และอุตสาหกรรมจึงเป็นแหล่งที่ท้าให้เกิดก๊าซนี้ หากก๊าซไนตริกออกไซด์ท้า ปฏิกิรยิ ากบั โอโซนในบรรยากาศเกิดเป็นไนโตเจนไดออกไซดแ์ ละออกซิเจนในทางตรงกันข้าม แสงแดดท้าใหไ้ นโตรเจน ออกไซด์แตกตัวทา้ ปฏกิ ิรยิ ายอ้ นกลับ NO + O3 ===> NO2 + O เม่ือเปรียบเทียบระหว่างก๊าซไนตริกออกไซด์และไนโตรเจนไดออกไซด์ ที่มีต่อการท้างานของปอดแล้วปรากฏว่า กา๊ ซไนตริกออกไซด์ มอี นั ตรายนอ้ ยกว่า มนษุ ย์จะไดก้ ลน่ิ ก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ทร่ี ะดบั 3654 ไมโครกรัม/ลกู บาศก์ เมตร หากมีความชื้นเพิ่มขึ้นจะท้าให้เกิดกลิ่นเร็วขึ้นผู้ป่วยที่เป็นโรคหอบหืดอาจมีอาการเร็วข้ึนหากได้รับก๊าซนี้ท่ีระดับ 3614 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตรอากาศ ระบบหายใจในคนท่ัวไปเร่ิมต้นเม่ือได้รับก๊าซน้ี1,300-1,800 ไมโครกรัม/ ลูกบาศก์เมตร
ก๊าซซลั เฟอรไ์ ดออกไซด์ (Sulfurdioxide : SO2) ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ เป็นก๊าซไม่มีสีไม่ไวไฟที่ระดับความเข้มข้นสูง จะมีกล่ินฉุนแสบจมูกเมื่อท้าปฎิกริยากับก๊าซ ออกซิเจนในอากาศจะเป็นซัลเฟอร์ไดออกไซด์และจะรวมตัวเป็นกรดก้ามะถัน เม่ือมีความชื้นเพียงพอหากอยู่ร่วมกับ อนุภาคมวลสารทมีตัวเร่งปฏิกิริยา เช่น มังกานีส เหล็ก และวานาเดียม จะเกิดมีปฏิกิริยาเติมออกซิเจนเกิดเป็น ซลั เฟอรไ์ ตรออกไซด์ และเป็นกรดกา้ มะถันเชน่ กนั การสันดาปเชื้อเพลิงเพ่ือใช้พลังงานในการด้ารงชีพของมวลมนุษย์ ซ่ึงรวมถึงอุตสาหกรรมท้าใหเกิดก๊าซซัลเฟอร์ได ออกไซด์ และอนุภาคมลสาร กระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมต่างๆ ก็เป็นแหล่งก้าเนิดของมลพิษทั้งสองเช่นกัน ก๊าซซัลเฟอร์ไตรออกไซด์ และละอองกรด ก้ามะถัน ก่อให้เกิดอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ เช่นโรคหลอดลม อกั เสบเร้ือรัง นอกจากนี้ก๊าซนี้ยังท้าให้น้าฝนที่ตกลงมามีสภาพความเป็นกรดมากขึ้น ซึ่งจะท้าลายระบบนิเวศน์ ป่า ไม้ แหลง่ น้า ส่งิ มีชวี ิตตา่ ง ๆ รวมถงึ การกัดกร่อนอาคารและโบราณสถานอีก
กา๊ ช CFCs (Chlorofluoro carbons ) CFCs หรือ Chlorofluoro carbons คือก๊าซที่มนุษย์ประดิษฐ์ข้ึนมา ก๊าซเหล่าน้ีไม่ได้เกิดข้ึนในอากาศตามธรรมชาติ CFCs คือมลพิษในอากาศที่เป็นเคมี เมอ่ื ก๊าซเหล่าน้ีข้ึนไปถงึ ชั้นโอโซนสูงในบรรยากาศของเราจะท้าลายโอโซนนั้น เมอ่ื CFCs เข้าสูบ่ รรยากาศ จะท้าลายออกซเิ จนทกี่ ่อให้เกดิ ชั้นโอโซน ท้าให้โอโซนถกู ท้าลาย บรรยากาศช้ันโอโซนก็ ลดลง ท้าให้รังสีอุตราไวโอเล็ตสามารถส่งมาถึงพื้นโลกได้โดยผ่านช่องต่าง ๆ ในชั้นโอโซน หลายปีที่ผ่านมาเราใช้ CFCs ในกระป๋องสเปรย์เพ่ือสูบเอาของเหลวออกมาในรูปของละอองหรือหมอกบางๆก๊าซนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อของเหลว ท่ีอยู่ในกระป๋องแต่อย่างใด มีหลายประเทศรวมทั้งสหรัฐฯ ที่ไม่ใช้ CFCs ในกระป๋องสเปรย์อีกแล้ว และมีหลาย ประเทศที่ก้าลังจะเลิกใช้ นอกจากน้ยี ังมีแหลง่ ท่ีมาอน่ื ๆ ของ CFCs อกี ซง่ึ ทา้ ใหเ้ กดิ อนั ตรายต่อชั้นโอโซน
ฝนุ่ ละออง (Suspended Particulate Matter : SPM) ฝุ่นละออง เป็นสารท่ีมีความหลากหลายทางด้านกายภาพ และองค์ประกอบอาจมีสภาพเป็นของแข็งหรือของเหลวก็ได้ ฝุ่น ละอองที่มีอยู่ในบรรยากาศรอบ ๆ ตัวเรา มีขนาดตั้งแต่ 0.002 ไมครอน(เป็นกลุ่มของโมเลกุลที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ต้องใช้กล้องจุลทัศน์แบบอิเลกตรอน) ไปจนถึง ฝุ่นที่ ขนาดใหญ่กว่า 500 ไมครอน (ฝุ่นที่มองเห็นด้วยตาเปล่ามีขนาด ต้ังแต่50ไมครอนขึ้นไป) ฝุ่นละอองท่ีแขวนลอย อยู่ในอากาศได้นานจะเป็นฝุ่นละอองขนาดเลก็ (ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางต้่า กว่า 10 ไมครอน) เนือ่ งจากมีความเรว็ ในการตกตวั ต่้า และจะแขวนลอยอยู่ในอากาศได้นานมากขึ้น หากมีแรงกระท้าจาก ภายนอกเข้ามามีส่วนเก่ียวข้อง เช่น การไหลเวียน ของอากาศ กระแสลม เป็นต้น ฝุ่นละอองที่มีขนาดใหญ่ (ขนาด เส้นผ่าศูนย์กลางใหญ่กว่า 100ไมครอน)อาจแขวนลอยอยู่ในบรรยา กาศได้เพียง 2-3 นาที แต่ฝุ่นละอองท่ีมีขนาดเล็ก โดยเฉพาะขนาดเลก็ กว่า 0.5 ไมครอน อาจแขวนลอยอยู่ในอากาศได้นานเป็นปีฝุ่นละอองในบรรยากาศอาจแยกได้เปน็ ฝุ่น ละอองที่เกิดข้ึนและแพร่กระจายสู่บรรยากาศจากแหล่งก้าเนิดโดยตรงและฝุ่นละอองซ่ึงเกิดข้ึน โดยปฎิกริยาต่าง ๆ ใน บรรยากาศ เช่นการรวมตัวด้วยปฎิกริยาทางฟิสิกส์ หรือ ปฏิกริยาทางเคมี หรือปฎิกริยาเคมีแสง(Photochemical reaction)ฝุ่นละอองที่เกิดขึ้นเหล่าน้ีจะมีช่ือเรียกต่างกันไปตามลักษณะการ รวมตัวฝุ่นละออง เช่น ควัน (Smoke) ฟมู (fume)หมอกนา้ คา้ ง (mist) เปน็ ต้น
ฝุ่นละอองอาจเกิดจากธรรมชาติ เช่น ฝุ่นดิน ทราย หรือเกิดจากควันด้าจากท่อไอเสียรถยนต์การจราจร และ การอุตสาหกรรมฝุ่นที่ถกู สูดเข้าไปในระบบทางเดินหายใจ ท้าให้เกิด อันตรายต่อสุขภาพ รบกวนการมองเห็น และท้าให้ส่ิงต่าง ๆ สกปรกเสียหายได้ในบริเวณ ที่พักอาศัยปริมาณฝุ่นละออง 30% เกิดจากกิจกรรมของ มนษุ ย์ สว่ นบรเิ วณทีอ่ ยูอ่ าศัยใกลถ้ นนฝุน่ ละออง 70-90% เกดิ จากการกระท้าของมนุษย์และ พบว่าฝุ่นละอองมี มีสารตะก่ัวและสารประกอบโบไมด์สูงกว่าบริเวณนอกเมือง อันเน่ืองมาจากมลพิษที่เกิดจากยานพาหนะ ฝุ่น ละอองเมื่อแยกตามขนาด พบว่า 60% โดยประมาณ จะเป็นฝุ่นที่มีขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอนฝุ่นประเภทน้ีเกิด จากรถประจ้าทางและรถบรรทุกท่ีใช้เคร่ืองยนต์ดีเซลบางส่วนมาจากโรง งานอุตสาหกรรมส่วนมากจะพบอยู่ ท่ัวไปในเขตเมืองเขตอุตสาหกรรม และเขตกึ่งชนบท หากพบในปริมาณท่ีสูงจะมีผลต่อสุขภาพอนามัยของ ประชาชน เนื่องจากมีขนาดเล็กพอที่จะเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจส่วนล่างและถุงลมปอดของมนุษย์ได้เป็นผลให้ เกิดโรคทางเดินหายใจโรคปอดต่าง ๆเกิดการระคายเคืองและท้าลายเยื่อหุ้มปอด หากได้รับในปริมาณมากและ เป็นเวลานานจะเกิดการสะสม ท้าให้ เกิดพังผืดและเป็นแผลได้ ท้าให้การท้างานของปอดลดลง ความรุนแรง ขึ้นอยู่กับ องค์ประ กอบของฝ่นุ ละอองน้นั สว่ นฝุน่ ขนาดใหญ่อกี ประมาณ 40%ท่ีเหลือเกิดจากการก่อสร้างและ การฟุ้งกระจายของฝุ่นจากพื้นท่ีว่างเปล่าฝุ่นประเภทนี้ไม่มีผลต่อสุขภาพอนามัยมากนักเพียงแต่จะก่อให้เกิดการ ระคายเคอื งตอ่ ทางเดนิ หายใจสว่ นต้น และอาจเป็นเพยี งการรบกวนและก่อให้เกิด ความร้าคาญเท่านน้ั
ควันดา้ และควนั ขาว ควันด้า คืออนุภาคของถ่านหรือคาร์บอนเป็นผง เขม่าเล็ก ๆ ที่เหลือจากการเผาไหม้ของ เครอ่ื งยนต์ ท่ใี ช้น้ามันดีเซลเป็นส่วนใหญ่ เช่น รถเมล์ รถปิกอัพดีเซล รถขนาดใหญ่โดยทว่ั ไป และจากโรงงานอุตสาหกรรม ควันด้านอกจากจะบดบัง การมองเห็นและเกิดความสกปรกแล้ว ยังสามารถเข้าสู่ปอดโดยการหายใจเข้าไป และสะสมในถุงลมปอดเป็นสารท้าให้เกิดโรคมะเร็ง หรือเปน็ ตัวน้าสารใหเ้ กิดโรคมะเร็งปอดและทา้ ให้หลอดลมอักเสบได้ ควันขาวเกดิ จากเคร่ืองยนต์ ท่ีไม่ได้รับการบ้ารุงรักษาอย่างดี โดยเฉพาะรถจักยานยนต์เก่า ควันขาวคือสารไฮโดรคาร์บอน หรือน้ามัน เช้ือเพลิงท่ียังไม่ถูกเผาไหม้ แล้วถูกปล่อยออกมาทางท่อไอเสีย สารไฮโดรคาร์บอน เม่อื โดนแสงอาทติ ย์จะเกิดปฏกิ ิรยิ า สร้างก๊าซโอโซนอนั เปน็ พษิ ภัยแรงข้ึน
Search
Read the Text Version
- 1 - 13
Pages: