1 รายงานโครงงานวิทยาศาสตร์ ประเภทการทดลอง เรือ่ ง เปรยี บเทียบกล่ินไม่พึงประสงคข์ องแป้งข้าวเหนียว ในการทาบวั ลอย จดั ทาโดย นางสาว จิรัศยา นามศิวิชา เลขที่ 16 นางสาว ณฐั ฐินนั ท์ พลซา เลขท่ี 17 นางสาว ปนดิ า ชานาญ เลขท่ี 19 นางสาว อาฒยา โสภา เลขท่ี 20 นาย ชัยวัฒน์ ชินคา เลขท่ี 3 นาย ภัททยิ ะ ปุราสะเน เลขที่ 7 นาย วรวทิ ย์ สอนแก้ว เลขท่ี 10 เสนอ นางปรยี ากร รตั นา โรงเรยี นเทศบาลวังสะพุง2บ้านบุง่ ไสล่ สงั กัดกองการศึกษาเทศบาลเมอื งวังสะพุง จงั หวัดเลย รายงานฉบับนเี้ ปน็ สว่ นประกอบของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ ประเภทการทดลอง ระดบั ช้ันมธั ยมศกึ ษาตอนปลา
ก กติ ตปิ ระกาศ โครงงานวทิ ยาศาสตร์ เรื่อง การทาบวั ลอย เน่ืองจากไดร้ ับความกรณุ าจาก คุณครู ปรยี ากร รตั นา คณุ ครูประจาวชิ าเคมี 6 ท่ีไดอ้ ทุ ศิ เวลาอันมคี ่าใหค้ วามรูใ้ ห้ คาปรึกษา ตลอดจนแก้ไขขอ้ บกพร่องต่างๆ ทาให้ไดโ้ ครงงานทส่ี มบูรณ์ และมี คณุ ค่ามากยิ่งขึน้ คณะผ้จู ดั ทาขอขอบคณุ ไว้ ณ โอกาสนด้ี ว้ ย ขอขอบคุณ คณุ ครปู รยี ากร รตั นา ท่ใี หค้ าปรกึ ษา ข้อคิดเหน็ และแนวทาง แกไ้ ข รวมท้งั ตลอดทางแกไ้ ขเล่ม โครงงานให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น สุดท้ายนข้ี อขอบคณุ เพ่อื นๆ ช้นั มัธยมปีท่ี 6/2 ทุกคนและคณะครทู ุกทา่ นทีใ่ ห้ คาชแี้ นะ ใหค้ าปรกึ ษาดีด้วยเสมอมา จนกระทั่งโครงงานเลม่ นีส้ าเรจ็ ด้วยดี และ ประโดยชนดิ ของโครงงานเลม่ น้ี ขอมอบเปน็ เคร่ืองบูชา พระคณุ บดิ า มารดา ครู อาจารยท์ กุ ทา่ นท่ีไดร้ บั ประสทิ ธิประสาทความรูแ้ กผ่ ทู้ าโครงงาน คณะผ้จู ัดทา
ข โครงงานเรอื่ ง การทาบัวลอย ประเภทของการทดลอง การทดลอง ผจู้ ดั ทาโครงงาน นางสาว จริ ัศยา นามศวิ ิชา เลขท่ี 16 นางสาว ณฐั ฐนิ ันท์ พลซา เลขที่ 17 ครทู ป่ี รกึ ษา นางสาว ปนิดา ชานาญ เลขท่ี 19 ปีการศกึ ษา นางสาว อาฒยา โสภา เลขท่ี 20 นาย ชยั วฒั น์ ชนิ คา เลขท่ี 3 นาย ภทั ทยิ ะ ปรุ าสะเน เลขท่ี 7 นาย วรวิทย์ สอนแกว้ เลขที่ 10 คณุ ครู ปรียากร รัตนา 2565 บทคดั ยอ่ โครงงานเรือ่ ง การทาบัวลอย จัดทาขึน้ มีวัตถุประสงค์ (1) เพือ่ ศึกษา การทาบัวลอยจากแปง้ แต่ละชนดิ (2) เพื่อเปรยี บเทยี บกลน่ิ แปง้ แต่ละ ชนิดในการทาบัวลอย (3) เพ่ือหาและพัฒนาอัตราสว่ นท่ีเหมาะสมใน การทาบวั ลอย ในการทดลองนี้ คณะผู้จดั ทาไดใ้ ช้อุปกรณ์ในการจดั ทา ดงั น้ี (1) เตาแก๊ส (2) กระทะ (3) หมอ้ (4) ทัพพกี ลม (5) ถุงพลาสตกิ (6) ยางรดั ถุง สว่ นผสมที่ใช้ทามีดังน้ี (1) แป้ง (2) กะทิ (3) ดอกอญั ชัน (4) ฟักทอง (4) มันม่วง (5) ใบเตย (6) น้าตาลทรายแดง (7) น้าเปลา่
ค พบวา่ ตอนที่ 1 พบว่าแปง้ แต้ละชนิดมีความแตกตา่ งกันอยา่ งสน้ิ เชงิ ไดแ้ ก่ แป้งข้าวเหนียวและแปง้ มัน (แป้งมีกล่นิ ฉุน ฉนุ แปง้ นุม่ ) แปง้ ข้าวเหนียวและแปง้ ขา้ วจ้าว (แป้งมกี ลิ่นฉนุ นอ้ ยกว่า ไมม่ รี สชาติ ของแป้ง นมุ่ ) พบวา่ ตอนที่ 2 พบวา่ มีลักษณะที่เหมือนกันแต่กลิ่น ความน่มุ และ รสชาติท่ีแตกตา่ งกัน
สารบัญ ง เรอื่ ง หน้า กติ ติกรรมประกาศ ก บทคัดยอ่ ข สารบญั ง สารบัญตาราง ฉ สารบญั ภาพ ช บทท่ี 1 บทนา 1 1 1.1ที่มาและความสาคัญของโครงงาน 1 1.2วตั ถุประสงค์ของโครงงาน 1.3สมมติฐานในการทาโครงงาน 2 1.4 ตัวแปรทศี่ กึ ษา 2 1.5 ประโยชนท์ ่คี าดวา่ จะได้รบั 2 1.6 ระยะเวลาการดาเนนิ งาน 2 บทที่ 2 เอกสารและงานวิจยั ท่เี กี่ยวข้อง 3 2.1ข้อมลู ทัว่ ไปเกี่ยวกบั การทาบวั ลอย 3 2.2 แป้งข้าวเหนียว 2.3 แปง้ ขา้ วจ้าว 4 2.4 แปง้ มนั 6 2.5 กะทิ 7 2.6 ฟักทอง 8 9 2.7 มันมว่ ง 10 2.8 ใบเตย 11 บทท่ี 3 วิธีการดาเนินโครงงาน 12 3.1วัสดูอปุ กรณ์ วตั ถุดบิ และแปง้ ข้าวเหนยี วแต่ละยห่ี อ้ 13 3.2 ตวั แปรการศึกษา 13
สารบัญ(ตอ่ ) จ เรื่อง หนา้ 13 3.3 วธิ ดี าเนินการทดลอง 14 บทท่ี 4ผลการดาเนนิ งาน 15 15 บทท่ี 5 สรปุ และอภิปรายข้อเสนอแนะ 15 15 5.1 สรุปผลการดาเนินโครงงาน 5.2 ปญั หาในการดาเนนิ โครงงาน 15 5.3 วธิ กี ารแก้ปญั หา 5.4 ข้อเสนอแนะ
สารบญั ตาราง ฉ เร่อื ง หน้า ตารางท่ี 4.1 ตอนที่ 1 ศกึ ษาและเปรียบเทยี บกล่นิ ทไ่ี ม่พึงประสงค์ ของแป้งขา้ วเหนียว วา่ บวั ลอยสตู รไหนมีรสชาตแิ ละกลน่ิ ทด่ี กี วา่ กนั 12 12 ตารางที่ 4.2 ตารางภาพการเปรยี บเทยี บกลิน่ ฉนุ ของแปง้ แต่ละสูตร
ช สารบญั ภาพ หน้า เรื่อง 4 6 ภาพ 2.2 แป้งขา้ วเหนยี ว 7 ภาพ 2.3 กะทิ 8 ภาพ 2.4 ฟกั ทอง 9 ภาพ 2.5 มนั มว่ ง 16 ภาพ 2.6 ใบเตย 16 ภาพ ผ.1 สว่ นผสมการทาบวั ลอย 17 ภาพ ผ.1 เตรียมฟักทองและมันม่วง 17 ภาพ ผ.3 นาฟกั ทองและมันม่วงท่ีน่ึงแลว้ นามาบดใหล้ ะเอยี ด 18 ภาพ ผ.4 นาใบเตยมาปน่ั ใหล้ ะเอยี ดเพ่ือนามากรองเป็นสที ี่ 3 เพ่ือนามาเปน็ สีของบัวลอย 18 ภาพ ผ.5 ผสมแปง้ สูตรท่ี 1 (แปง้ ขา้ วเหนยี วและแป้งมัน) 19 ภาพ ผ.6 ผสมแป้งสตู รท่ี 2 (แปง้ ขา้ วเหนยี วและแป้งขา้ วจ้าว) 19 ภาพ ผ. 7 ผสมสขี องบวั ลอยสูตรท่ี 1 19 ภาพ ผ. 8 ผสมสีของบวั ลอยสตู รที่ 2 20 ภาพ ผ. 9 นาแป้งท่ีผสมสแี ตล่ ะสูตรมาปน้ั เป็นวงกลม 20 ภาพ ผ. 10 ตม้ น้าให้เดือดและนาบวั ลอยทป่ี น้ั ไว้มาตม้ ให้สุก 21 ภาพ ผ. 11 ภาพบวั ลอยทงั้ 2 สูตร 21 ภาพ ผ.12 ตม้ นา้ กะทิ 22 ภาพ ผ. 13 ตม้ น้ากะทิ ภาพ ผ.14 เปรียบเทยี บกลิน่ และรสชาตขิ องทัง้ สองสตู รและบนั ทกึ และสรปุ ลงในโครงงาน
1 บทท1่ี ท่ีมาและความสาคญั ของโครงงาน 1.1ที่มาและความสาคญั ของโครงงาน ขนมบวั ลอยเป็นขนมไทยพ้ืนบ้านของชาวไทย ทร่ี ้จู กั กันทว่ั ทกุ ภมู ภิ าค แต่ ละพ้ืนทจี่ ะมสี ตู และเคล็ดลบั ท่แี ตกตา่ งกันไป โดยเฉพาะขนมบวั ลอย สตู รของนาง กวยอตั จักรซ์ ่งึ เปน็ ชาวอีสานและมภี ูมิลาเนาเปน็ คนบา้ นโนนศิลา อาเภอโนนศลิ า โดยกาเนิด ไดร้ ้จู กั วธิ กี ารทาขนมบวั ลอยมาเมื่อครง้ั ยังเปน็ สาว โดยได้เรียนรู้จาก แม่ และเรม่ิ ปรบั ปรงุ พฒั นารปู แบบ สว่ นผสม ตลอดจนการรู้จกั ดัดแปลงหรือนาเอา วสั ดุธรรมชาติที่มีอยูใ่ นท้องถ่นิ มาเป็นส่วนผสม เช่น ใบเตย ดอกกหุ ลาบ หรอื ดอก อญั ชนั มาค้นั เอานา้ ไปผสมกับแป้งเพ่ือให้ไดส้ ีสันท่ีสวยงาม น่ารบั ประทาน จากที่ เคยทาขนมบวั ลอยเพอื่ ไว้รับประทานกันเองภายในครอบครวั หรอื แบ่งไปทาบุญท่ี วดั ในอดีต ก็ได้พฒั นาฝมี ือขนึ้ มาเพ่อื ขายใหผ้ ้คู นในหมู่บ้านหรือหมบู่ า้ นใกลเ้ คยี ง และนาไปขายควบคกู่ บั อาหารพนื้ บ้านท่ีตวั เองทาขายอยเู่ ปน็ ประจา ทาให้มรี ายได้ จากการคา้ ขายเพ่มิ ขนึ้ ซงึ่ นางกวย ได้มองเหน็ โอกาสทว่ี ่าในปัจจบุ ันไม่คอ่ ยมคี น ทาขนมบัวลอยรบั ประทานกนั เนือ่ งจากเห็นวา่ มีขน้ั ตอนท่ยี ุ่งยาก เสยี เวลา และ สามารถหาซื้อไดง้ า่ ยตามท้องตลาด จึงทาขนมบวั ลอยไว้จาหนา่ ยใหบ้ คุ คลภายใน หมบู่ า้ นตลอดจนผู้คนทม่ี าติดต่อราชการ ณ ที่ว่าการอาเภอโนนศลิ า ซึง่ นางกวย ต้ังใจทจ่ี ะทาขนมบวั ลอยขายคกู่ บั อาหารพ้ืนบา้ นให้คนพืน้ บา้ นอีสานและ โดยเฉพาะชาวอาเภอโนนศลิ าไดร้ บั ประทานตลอดไป เพ่ือเป็นการรกั ษาสบื ทอด การทาขนมบวั ลอยคงไวใ้ ห้ลูกหลานได้เรียนรู้ อนรุ ักษส์ ืบสานตอ่ ไป 1.2 วัตถปุ ระสงค์ของโครงงาน 1.2.1เพ่อื ศกึ ษากระบวนการทาบวั ลอย จากแป้งขา้ วเหนยี วแต่ละยห่ี อ้ 1.2.2 เพื่อเปรียบเทียบประสิทธภิ าพของแปง้ แต่ละยหี่ อ้ 1.2.3 เพือ่ พัฒนาสูตรการทาบวั ลอย
2 1.3สมมตฐิ านในการทาโครงงาน แป้งแตล่ ะยีห่ ้อทาใหก้ ลิน่ และรสชาตขิ องบัวลอยแตกตา่ งกนั 1.4 ตวั แปรทศ่ี กึ ษา ตวั แปรตน้ คอื แป้งขา้ วเหนียวแตล่ ะยี่หอ้ ตวั แปรตาม คือ กลน่ิ และรสชาตขิ องบวั ลอย ตวั แปรทคี่ วบคมุ คือ ปรมิ าณของสว่ นประกอบทีท่ าบัวลอย,วธิ ีผสมส่วนประกอบ ,ชนดิ และปรมิ าณของแปง้ ขา้ วเหนยี วท่ใี ชท้ าบวั ลอย,ระยะเวลาทใ่ี ช้ในการต้ม ,ผูท้ ดสอบกลนิ่ และความนิ่มของแป้งข้าวเหนยี วทใี่ ชท้ าบัวลอย 1.5 ประโยชนท์ ค่ี าดวา่ จะไดร้ บั 1.5.1 ทราบวิธีการทาบวั ลอยจากแปง้ ขา้ วเหนียว 1.5.2 นาความร้ทู ่ีไดจ้ ากการทาโครงงานไปใชป้ ระโยชน์ในชีวติ ประจาวัน และ เผยแพรใ่ ห้ผทู้ ี่สนใจรว่ มสร้างรายได้เพิ่มเตมิ แกโ่ รงเรยี นและตนเองได้ 1.5.3 ใช้เวลาวา่ งให้เกดิ ประโยชน์ และเปน็ องค์ความรพู้ ื้นฐานงานโครงงานอืน่ ๆ ท่ี เกยี่ วขอ้ งตอ่ ไป 1.6 ระยะเวลาการดาเนนิ งาน เดือนธันวาคม พ.ศ. 2565- เดอื นกุมภาพนั ธ์ พ.ศ.2566
3 บทท2่ี เอกสารและงานวจิ ยั ทเี่ กย่ี วขอ้ ง การศกึ ษาเอกสาร และงานวิจยั ท่เี ก่ยี วขอ้ งประกอบด้วยหวั ขอ้ ดังนี้ 2.1 ข้อมูลทวั่ ไปเกีย่ วกบั การทาบวั ลอย 2.2 แปง้ ข้าวเหนียว 2.3 กะทิ 2.4 ฟักทอง 2.5 มนั ม่วง 2.6 ใบเตย 2.1ขอ้ มลู ทวั่ ไปเกย่ี วกบั การทาบวั ลอย 2.1.1ประวตั กิ ารทาบวั ลอย ขนมบวั ลอยเปน็ ขนมไทยพน้ื บ้านของชาวไทย ทรี่ ูจ้ กั กันทว่ั ทุกภมู ภิ าค แตล่ ะพ้ืนที่ จะมีสูตรและเคลด็ ลบั ทแ่ี ตกต่างกนั ไป โดยเฉพาะขนมบัวลอย สูตรของนางกวยอัต จกั รซ์ ง่ึ เปน็ ชาวอสี านและมภี ูมลิ าเนาเปน็ คนบา้ นโนนศลิ า อาเภอโนนศลิ าโดย กาเนดิ ไดร้ ้จู กั วิธีการทาขนมบัวลอยมาเม่อื ครั้งยงั เปน็ สาว โดยไดเ้ รียนรจู้ ากแม่ และเรมิ่ ปรบั ปรงุ พฒั นารูปแบบ ส่วนผสม ตลอดจนการรู้จกั ดัดแปลงหรือนาเอาวสั ดุ ธรรมชาติทม่ี ีอยูใ่ นทอ้ งถน่ิ มาเปน็ สว่ นผสม เชน่ ใบเตย ดอกกหุ ลาบ หรือดอก อัญชนั มาคัน้ เอานา้ ไปผสมกบั แป้งเพื่อให้ไดส้ ีสันที่สวยงาม น่ารบั ประทาน จากที่ เคยทาขนมบวั ลอยเพือ่ ไวร้ ับประทานกันเองภายในครอบครวั หรอื แบง่ ไปทาบญุ ที่ วัดในอดตี กไ็ ดพ้ ฒั นาฝมี ือขนึ้ มาเพอ่ื ขายใหผ้ ู้คนในหมู่บ้านหรอื หมู่บา้ นใกลเ้ คยี ง และนาไปขายควบคู่กบั อาหารพนื้ บา้ นท่ีตวั เองทาขายอย่เู ปน็ ประจา ทาใหม้ ีรายได้ จากการค้าขายเพม่ิ ขนึ้ ซงึ่ นางกวย ไดม้ องเหน็ โอกาสทวี่ า่ ในปจั จบุ ันไม่คอ่ ยมคี น ทาขนมบัวลอยรบั ประทานกันเนื่องจากเหน็ วา่ มีข้นั ตอนท่ียุ่งยาก เสียเวลา และ สามารถหาซ้ือไดง้ า่ ยตามทอ้ งตลาด จงึ ทาขนมบวั ลอยไว้จาหน่ายให้บคุ คลภายใน หม่บู ้านตลอดจนผ้คู นทมี่ าตดิ ตอ่ ราชการ ณ ท่วี า่ การอาเภอโนนศลิ า ซึ่งนางกวย ต้ังใจทจี่ ะทาขนมบัวลอยขายคกู่ ับอาหารพน้ื บ้านใหค้ นพ้ืนบ้านอสี านและ โดยเฉพาะชาวอาเภอโนนศลิ าได้รบั ประทานตลอดไป เพอ่ื เป็นการรกั ษาสบื ทอด การทาขนมบวั ลอยคงไวใ้ หล้ ูกหลานได้เรียนรู้ อนรุ กั ษส์ ืบสานต่อไป
4 2.2 แปง้ ขา้ วเหนยี ว ข้าวเหนยี ว (sticky rice หรอื glutinous rice) มี ชอื่ วิทยาศาสตรค์ อื Oryza sativa var. glutinosa) เป็นข้าว (rice) ท่มี ีลักษณะเดน่ คอื เน้อื สัมผสั ของขา้ วซึ่งมกี ารติดกัน ระหว่างเมลด็ ของขา้ วท่ีหงุ สกุ แลว้ เป็นขา้ วทมี่ ีปรมิ าณอะไมโลเพกทนิ (amylopectin) สูงเมือ่ เปรียบเทียบกบั ขา้ วเจ้า เปน็ ข้าวท่ีมลี กั ษณะเด่นคือการติดกนั เหมอื นกาวของเมลด็ ข้าวที่สุกแล้ว ปลกู มากทางภาคอสี านของประเทศไทยและ ประเทศลาว ข้าวเหนียวเปน็ ท่นี ยิ มบริโภคอย่างกวา้ งขวางในประเทศ และเปน็ อาหารหลักของ ประชากรในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือและภาคเหนอื นอกจากการบรโิ ภคโดยตรง แล้วยงั มกี ารนาขา้ วเหนียวมาเปน็ วตั ถดุ ิบในการผลติ สรุ าพน้ื เมอื ง การผลติ แป้ง ขา้ วเหนยี วเพ่อื อตุ สาหกรรมอาหารและขนมขบเคยี้ ว ขา้ วเหนียวมี 2 สี คอื สีขาวและสดี า (คนเหนือเรียกว่า\"ขา้ วกา่ \") แตข่ า้ วเหนยี ว ดาจะมสี ารอาหาร ทเ่ี ปน็ ประโยชนม์ ากกวา่ ขา้ วเหนียวขาว สารอาหารท่ีวา่ คือ “โอ พซี ี\"(OPC)มีสรรพคณุ ช่วยชะลอการแก่ก่อนวยั และความเส่ือม ถอยของรา่ งกาย โดยสารโอพซี ที ีพ่ บในข้าวเหนียวดา เปน็ สารชนิดเดยี วกบั สารสกดั ที่ได้ จากองุน่ ดาองนุ่ แดง เปลือกสน ทม่ี า: https://2.bp.blogspot.com
5 แปง้ ข้าวเหนยี ว ทามาจากข้าวเหนยี ว ลกั ษณะท่ขี ายกนั ตามทอ้ งตลาดและกรรมวิธีทาแปง้ ขา้ ว เหนยี ว มลี ักษณะเช่นเดียวกับแป้งขา้ วเจ้า สว่ นมากใชป้ ระโยชนใ์ นการทาขนม หวาน ในปจั จุบันมกี ารทาในโรงงานอุตสาหกรรม คอื โมห่ รอื บดเป็นแปง้ แห้งบรรจุ ถงุ ขาย เช่น แป้งสาลี แป้งข้าวเหนยี ว แป้งขา้ วเจ้า และแป้งข้าวเหนียวดา (ที่มา : http://www.baanlaesuan.com/49625/diy/cooking/about-flour/) ลกั ษณะของแปง้ ขา้ วเหนยี ว มลี กั ษณะเปน็ ผงสขี าว จบั แล้วสากมอื เลก็ นอ้ ย เมือ่ นาไปทาให้สุกจะมลี กั ษณะ ขน้ เหนียว เหนอะหนะ พอแป้งถกู ความร้อนจะจบั ตวั เปน็ กอ้ นค่อนข้างเหนียว เคยี้ ว หนบึ จึงเหมาะในการนามาประกอบอาหารทีต่ อ้ งการความเหนยี วเกาะตวั เชน่ ขนมเทยี น ขนมถัว่ แปบ ขนมต้ม บวั ลอย บ้าบิ่น เปน็ ต้น ในบางขนมบางชนดิ อาจ ผสมแปง้ ขา้ วเจา้ ลงไปเล็กน้อย เพือ่ ให้ขนมหรอื อาหารนิ่มนวลข้ึน
6 2.3 แปง้ ขา้ วจา้ ว แปง้ ขา้ ว (rice flour) เป็นแปง้ (flour) ที่ผลติ จากข้าว (rice) มีแป้งขา้ ว เจ้าและแปง้ ข้าวเหนยี ว วัตถดุ ิบที่ใช้ในการผลติ คือ ข้าวหักหรือปลาย ขา้ ว แป้งข้าวเจ้า หรือ แปง้ ญวน เปน็ แป้งทที่ ามาจากข้าว เป็นแป้งทใี่ ชม้ ากทสี่ ดุ ในการ ทาขนมไทย ในสมยั กอ่ นใช้แปง้ สดทีโ่ ม่จากขา้ วสารแชน่ า้ ค้างคืน นาแปง้ ทไ่ี ดจ้ าก การโมม่ าทับนา้ ออก กจ็ ะไดแ้ ปง้ ท่ีพร้อมนาไปทาขนม ปจั จุบันนิยมใช้แปง้ แหง้ ท่ี ผลติ จากโรงงาน เนอื้ แปง้ ข้าวเจา้ มีลกั ษณะสากมือ เปน็ ผงหยาบกว่าแป้งสาลี (ทม่ี า http://otop.dss.go.th/index.php/com) ลักษณะของแป้งข้าวจา้ ว ลกั ษณะเปน็ ผงสขี าว จับแล้วสากมอื เล็กน้อย เมือ่ ทาให้สกุ จะมีลักษณะข่นุ ร่วน ถ้าท้งิ ให้เย็นจะอยตู่ วั เป็นก้อน ร่วน ไมเ่ หนียว
7 2.4 แปง้ มนั ช่อื วิทยาศาสตร์ : Manihot esculenta (L. ) ชอ่ื วงศ์ : EUPHORBIACEAE ชอื่ สามญั : Cassava, Yuca, Mandioa, Manioc, Tapioca ชอื่ อ่นื ๆ : (ภาคเหนือ) ตา้ วนอ้ ย,ตา้ วบาน , (ภาคกลาง) มันสาโรง , มนั สาปะหลงั (ภาคใต)้ มันต้น,มันไม้ ,(พังงา) มันหว่ิ แป้งมนั สาปะหลงั เปน็ แปง้ ทไ่ี ดจ้ ากมันสาปะหลัง ลกั ษณะของแปง้ มีสขี าว เนื้อ เนยี น ลนื่ เปน็ มนั . เมอ่ื ทาใหส้ กุ ดว้ ยการกวนกับนา้ ไฟอ่อนปานกลาง แปง้ จะละลาย งา่ ย สกุ งา่ ย แปง้ เหนียวตดิ ภาชนะ หนดื ขน้ ขนึ้ เรอื่ ยๆ ไมม่ ีการรวมตวั เปน็ กอ้ น เหนยี วเป็นใย ตดิ กันหมด เน้อื แป้งใสเป็นเงา พอเย็นแลว้ จะติดกันเป็นก้อนเหนยี ว ติดภาชนะ ] ใชท้ าลอดชอ่ งสิงคโปร์ ครองแครงแกว้ เป็นตน้ และยังถกู ใชใ้ น อตุ สาหกรรมอ่นื ๆเชน่ อตุ สาหกรรมกระดาษ อุตสาหกรรมกาว (ทมี่ า https://sonishstarch.com)
8 2.5 กะทิ ชอ่ื วิทยาศาสตร:์ cocos nucifeca L. ชอื่ สามญั Coconut ชือ่ วงศ์ PALMAE กะทไิ ด้มาจากการนาเน้ือมะพรา้ วทขี่ ูดแลว้ มาใสน่ ้าอ่นุ เล็กนอ้ ยให้พอชุม่ เคลา้ ใหท้ ่วั และค้นั สว่ นผสมผา่ นกระชอนหรือผ้าขาวบาง นา้ กะทิทไ่ี ดใ้ นครั้งแรกน้ี เรียกวา่ หวั กะทิ น้ากะททิ ไี่ ด้จากการคั้นครัง้ ทส่ี องหรอื สามเรียกวา่ หางกะทิ หวั กะทิ จะเขม้ ข้นกวา่ หาง และเปน็ ส่วนผสมหลักในการทาอาหาร กะทิ เป็นสว่ นประกอบในการทาอาหาร มลี ักษณะเปน็ น้าสขี าวขน้ คลา้ ยนม ไดม้ าจากการคัน้ น้าจากเนอ้ื มะพร้าวแก่ สแี ละรสชาตทิ ี่เข้มข้นของกะทิมาจาก น้ามนั มะพรา้ วและนา้ ตาลมะพร้าวทีอ่ ย่ใู นเนอื้ มะพร้าว โดยมรี สชาตมิ นั และหวาน กะทิ เป็นคามาจากภาษาเขมรว่า ขทฺ ะิ (อา่ นวา่ ขะ-ตฮิ )์ หมายถงึ นา้ ท่คี ัน้ ออก จากเนือ้ มะพรา้ วแกท่ ขี่ ดู เป็นฝอย น้าท่คี น้ั ออกมานนั้ ถา้ ไมไ่ ด้ใส่นา้ เลย หรือใส่นา้ แตเ่ พยี งนดิ หนอ่ ย จะเรยี กวา่ หัวกะทิ เปน็ กะททิ ีม่ คี วามข้นและความมนั มาก การ ค้ันกะทอิ อกจากเนื้อมะพรา้ วครงั้ ตอ่ ๆ ไป นา้ กะทจิ ะจางลง ครง้ั สดุ ท้ายน้าจะจาง มาก เรยี กวา่ หางกะทิ หัวกะทิ เปน็ กะททิ มี่ ีความขน้ และความมนั มาก จึงมักนามาเปรยี บกบั คนที่มี ความสามารถเปน็ พเิ ศษ เชน่ นกั เรยี นช้นั หวั กะท.ิ https://images.search.yahoo.com/
9 2.6 ฟกั ทอง ชอื่ วิทยาศาสตร์ : Cucurbita moschata Decne. วงศ์ : Cucurbitaceae ชอื่ สามัญ : Pumpkin ชอื่ อ่นื : หมากอึ (ภาคอีสาน) มะฟกั แก้ว ฟกั แกว้ (ภาคเหนอื ) มะนา้ แกว้ หมกั ออ้ื (เลย) หมากฟกั เหลือง (แม่ฮ่องสอน) นา้ เต้า ภาคใต้ ฟักทอง เปน็ พืชชนิดหนงึ่ ใชท้ าไดท้ ง้ั อาหารคาว ของหวาน และเปน็ อาหาร ว่างไดด้ ้วย ปกติฟกั ทองเมื่อแก่จดั จะมีสเี หลอื งอมส้ม เป็นพืชมเี ถา ปลกู ได้ทว่ั ไปทง้ั ในเขตร้อนและเขตหนาว ในทางพฤกษศาสตร์ จดั อยู่ในสกลุ Cucurbita วงศ์ Cucurbitaceae เป็นพชื ทม่ี ถี น่ิ กาเนดิ ในทวปี อเมรกิ า และแพรก่ ระจายไปทั่วโลก โดยท่ัวไปเชือ่ ว่าตระกลู สควอชมจี ดุ กาเนิดในอเมรกิ ากลาง [1][2] แล้วแพรก่ ระจาย ไปทว่ั โลกภายหลัง[3] ฟกั ทองเข้าส่ญู ่ีปนุ่ โดยพอ่ คา้ ชาวโปรตุเกสเมอ่ื ราว พ.ศ. 2083 โดยนามาจากกมั พชู า ชือ่ ภาษาโปรตเุ กสของสควอชคอื Cambodia abóbora (カンボジャ・アボボラ) และยอ่ ลงในภาษาญ่ปี ุน่ เหลือเพียง kabocha บาง บริเวณในญี่ปนุ่ ย่อเปน็ \"bobora\"มคี วามหวานนอ้ ย เป็นพืชชนิดหนึง่ ใชท้ าได้ทง้ั อาหารคาว ของหวาน และเปน็ อาหารวา่ งไดด้ ้วย ปกตฟิ กั ทองเม่ือแกจ่ ดั จะมีสเี หลืองอมส้ม เปน็ พืชมีเถา ปลกู ได้ทวั่ ไปทง้ั ในเขตรอ้ น และเขตหนาว ในทางพฤกษศาสตร์ จัดอยู่ในสกลุ Cucurbita วงศ์ Cucurbitaceae เปน็ พชื ทมี่ ีถน่ิ กาเนิดในทวีปอเมรกิ า และแพร่กระจายไปทัว่ โลก https://images.search.yahoo.com/
10 2.7 มนั มว่ ง ชื่อไทย: มนั มว่ ง ช่อื องั กฤษ: Purple sweet potato, purple sweet ya ชือ่ วทิ ยาศาสตร:์ Dioscorea alata มนั มว่ งหรือมนั ญี่ปนุ่ สมี ว่ ง เปน็ มนั เทศอยา่ งหนง่ึ มสี มี ่วงสวยเปน็ เอกลักษณ์ มี ทม่ี าจากเมอื งโอกนิ าวา ประเทศญป่ี นุ่ เนอ้ื นม่ิ มเี สย้ี นนอ้ ย สมี ว่ งของมนั มว่ งมาจาก สารรงคว์ ัตถุท่ชี ่ือว่าแอนโทไซยานนิ (Anthocyanin) ยงิ่ มีมากก็จะยิง่ มสี ีมว่ งเขม้ ขึ้น สารแอนโทไซยานินนเ้ี องมสี ว่ นชว่ ยในการชะลอความเสื่อมของเซลล์ ลดอตั รา เสยี่ งของการเกิดโรคหวั ใจ และเสน้ เลือดอดุ ตันในสมอง สมี ว่ งของมันมว่ งจงึ ไมไ่ ด้ มีแคค่ วามสวยงามเทา่ นนั้ มนั เทศสมี ว่ งจากเกาะโอกนิ าว่าทอ่ี รอ่ ยจนรา่ ลือไปทว่ั โลกน้ี ปจั จุบันสามารถ เพาะปลูกไดแ้ ลว้ โดยเกษตรกรคนไทย ทาใหซ้ อ้ื หาได้ในราคาทถ่ี กู ลงเพราะไม่ ตอ้ งนาเขา้ จึงเกิดเปน็ มนั มว่ งฟเี วอร์ข้นึ ทั่วประเทศ ไมว่ า่ จะเปน็ ตามคาเฟ่ ร้านอาหารสุขภาพ ไปจนถงึ แผงขายผกั ในตลาดเลยทเี ดยี ว มันม่วง (Purple Potato) คือพืชหัว (ใตด้ นิ ) ที่อยู่ในตระกูลเดยี วคลา้ ยกับมันฝรง่ั (Solanum Tuberosum Family) ท่มี ตี ้นกาเนดิ จริงๆอยูใ่ นแถบทวีปอเมริกาใตค้ รับ จดุ เด่นที่เราเหน็ ไดช้ ัดเจน คอื ถงึ แมว้ า่ เราจะนามาปรุงให้สุก แต่สมี ่วงกย็ งั โดดเด่น เหมอื นเดิม ทาให้เมนูทีม่ ีมนั มว่ งได้ทั้งรสชาตทิ อี่ ร่อย และสสี นั ทเี่ ตะตา นา่ ทานครับ https://www.fitterminal.com
11 2.8 ใบเตย ใบเตย (Pandanus,Fragrant Pandan,Pandom wangi) มชี อื่ วทิ ยาศาสตร์คือ Pandanus amaryllifolius Roxb Linn.Palm อยใู่ นวงศ์ PANDANACEAE เปน็ พืชท่ีคน ไทยรู้จกั กนั มานานและนามาใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ติ ประจาวันกันมาก เน่อื งจากหา ไดง้ ่ายในประเทศไทย ราคาถกู เปน็ พืชที่ให้สแี ละกล่นิ ไมเ่ ป็นพษิ ภัยในการนามา ประกอบอาหารและทาขนม ใบเตยมีสารต่างๆ อยหู่ ลายชนดิ และมีสารหอมที่ให้ กล่นิ ดว้ ย จงึ มผี ูส้ นใจทจี่ ะนาใบเตยมาใช้ประโยชนก์ ันมาก โดยทว่ั ไปจะนยิ ม เรยี กว่า เตย แต่ในบางท้องถนิ่ เรียกวา่ หวานขา้ วใหม่ (ภาคกลาง) ปาแนะวองงิ (มาเลเซยี -นราธวิ าส https://images.search.yahoo.com/ ใบเตยเป็นพืชใบเลย้ี งเด่ยี วลกั ษณะแตกกอเป็นพุม่ ขนาดเลก็ ลาต้นเป็นขอ้ ใบ ออกเป็นพ่มุ บริเวณปลายยอด เมื่อโตจะมีรากคา้ จุนชว่ ย พยุงลาต้นไว้ ใบเปน็ ใบเด่ยี วออกเปน็ กระจุกเรยี งสลับเวียนเปน็ เกลยี วขึน้ ไปจนถึง ยอด ลักษณะใบยาวเรยี วคลา้ ยใบหอก ปลายใบแหลม บรเิ วณกลางใบเป็นร่อง ขอบใบเรยี บตรง ผวิ ใบเปน็ มัน ด้านท้องใบจะเหน็ เป็นรูป คลา้ ยกระดูกงูเรอื ใบ มกี ลน่ิ หอม ใบเตยให้กล่นิ หอมหวาน และหอมเย็น ชว่ ยลดการกระหายนา้ เมอ่ื รบั ประทาน นา้ ใบเตยจะรสู้ กึ ชน่ื ใจและช่มุ คอรกั ษา โรคหดื บารงุ หัวใจ ลดน้าตาลในเส้นเลอื ด และรกั ษาระดับความดันใหเ้ ปน็ ปกติ สว่ นรากใชเ้ ป็นยาบขับปัสสาวะ บทท3่ี
12 วธิ ีการดาเนนิ โครงงาน การศกึ ษาครัง้ นีเ้ ป็นการศกึ ษาโครงงานประเภทการทดลอง ซงึ่ ศกึ ษาเกย่ี วกบั การหาประสิทธภิ าพของแป้งขา้ วเหนียวแตล่ ะยีห่ ้อ โดยมีวัสดูอุปกรณ์และวธิ กี าร ดาเนนิ การดงั น้ี 3.1 วัสดอุ ุปกรณ์ วตั ถุดิบ และแป้งข้าวเหนยี วแตล่ ะย่ีหอ้ 3.2 ตัวแปรการศกึ ษา 3.3 วิธกี ารดาเนินการทดลอง 3.1วสั ดอู ปุ กรณ์ วตั ถดุ บิ และแปง้ ขา้ วเหนยี วแตล่ ะยหี่ อ้ 3.1.1 วสั ดอุ ปุ กรณ์ 3.1.1.1 เตาแกส๊ 3.1.1.2 กระทะ 3.1.1.3 หมอ้ 3.1.1.4 ทพั พกี ลม 3.1.1.5 ถุงพลาสตกิ 3.1.1.6 ยางรดั ถงุ 3.1.2 วตั ถดุ บิ 3.1.2.1 แปง้ 3.1.2.2 กะทิ 3.1.2.3 ฟักทอง 3.1.2.4 มนั ม่วง 3.1.2.5 ใบเตย 3.1.2.6 น้าตาลทรายแดง 3.1.2.7 นา้ เปลา่ 3.2 ตวั แปรการศกึ ษา
13 3.2.1 ตวั แปรตน้ คอื สว่ นผสมท่ใี ช้ในการทาบัวลอย ไดแ้ ก่ 3.2.1.1 แป้งข้าวเหนียว 3.2.1.2 กะทิ 3.2.1.3 ฟกั ทอง 3.2.1.4 มันม่วง 3.2.1.5 ใบเตย 3.2.2 ตวั แปรตาม คอื กลิน่ และรสชาติของบวั ลอย 3.2.3 ตวั แปรควบคมุ 3.2.3.1 อัตราส่วนของวัตถดุ บิ ในการทาบวั ลอย 3.2.3.2 จานวนและขนาดของแปง้ ทใี่ ชท้ ดสอบคณุ ภาพ 3.2.3.3 ปรมิ าณของแปง้ 3.3 วธิ ดี าเนนิ การทดลอง 3.3.1 ขั้นตอนท่ี 1 3.3.1.1 แบ่งแป้งออกเป็น 3 ส่วน สว่ นท่ี 1 นวดผสมแปง้ กบั นา้ เปลา่ และเผอื กน่งึ สกุ ส่วนท่ี 2 นวดแปง้ กับนา้ เปลา่ และฟักทองนง่ึ สกุ สว่ นท่ี 3 นวดแป้งกบั น้าใบเตย นวด ผสมจนเข้ากันเปน็ เน้ือเดยี ว ปัน้ เปน็ ก้อนกลม ๆ แลว้ นาไปคลกุ แปง้ ขา้ วเหนยี วบาง ๆ เตรยี มไว้ 3.3.1.2 ใส่น้ากะทลิ งในหมอ้ เตมิ นา้ ตาลทรายและเกลือปน่ คนผสมจนละลาย นา ข้นึ ตัง้ ไฟพอเดอื ด รีบปดิ ไฟ เตรยี มไว้ 3.3.1.3 ตม้ นา้ เปล่าในหมอ้ จนเดอื ด นาบวั ลอยลงตม้ ทลี ะสจี นลอยขน้ึ มา จากนน้ั ตัก ขึน้ สะเด็ดนา้ ใสล่ งในถ้วย ตกั กะททิ เี่ ตรียมไวใ้ สล่ งไป พรอ้ มเสริ ฟ์
14 บทที่ 4 ผลการดาเนนิ งาน ในการศกึ ษาโครงงาน เรอ่ื ง เปรยี บเทยี บกลิน่ ไมพ่ ึงประสงคข์ องแป้งข้าวเหนยี ว ในการทาบัวลอย ตามขน้ั ตอนและวิธกี ารทีว่ างแผนไว้ คณะผู้จดั ทาไดผ้ ลการดาเนิน ดังน้ี 4.1 ตอนที่ 1 ศกึ ษาและเปรยี บเทียบกล่ินทไ่ี ม่พึงประสงค์ของแปง้ ขา้ วเหนยี ว วา่ บัวลอยสตู รไหนมี รสชาติและกลน่ิ ทด่ี กี วา่ กนั ความแตกของบวั ลอยแตล่ ะสูตร สูตรของบัวลอย กลน่ิ รสชาติ ความนมุ่ แป้งขา้ วเหนียวและ แป้งมกี ล่นิ ฉุน ฉนุ แปง้ นมุ่ แปง้ มัน นมุ่ แข็งเล็กนอ้ ย แปง้ ขา้ วเหนียวและ แปง้ มีกลนิ่ ฉนุ ไม่มีรสชาตขิ อง นุ่ม แปง้ ขา้ วจา้ ว นอ้ ยกวา่ แป้ง นมุ่ แข็งเลก็ นอ้ ย สีม่วงทาจากมันม่วง แปง้ มีกลนิ่ ฉุน มีรสของมนั มว่ ง สูตรที่ 1 มีกลิน่ มนั มว่ งมากกวา่ เลก็ น้อย สเี หลืองทาจากฟกั ทอง แปง้ มกี ลน่ิ ฉนุ มีรสของฟักทอง สูตรที่ 1 มีกล่ินฟักทองมากกว่า เล็กนอ้ ย สีเขียวทาจากใบเตย แป้งมีกลิ่นฉุน มีรสของใบเตย สตู รที่ 1 มกี ลิ่นใบเตยเล็กน้อย เลก็ น้อย สีมว่ งทาจากมนั ม่วง แป้งมกี ลิ่นฉนุ เลก็ นอ้ ยมี มรี สของมันม่วง สตู รท่ี 2 กลิน่ มันมว่ งมากกวา่ เลก็ นอ้ ย สีเหลอื งทาจากฟกั ทอง แปง้ มีกลิน่ ฉุนเล็กนอ้ ย มรี สของฟกั ทอง นมุ่ สูตรท่ี 2 มกี ลน่ิ ฟักทองมากกว่า เลก็ นอ้ ย สเี ขยี วทาจากใบเตย แป้งมีกลนิ่ ฉุนเล็กน้อย มีรสของใบเตย นุ่ม สตู รท่ี 2 มีกลิน่ ใบเตยเลก็ นอ้ ย เล็กนอ้ ย จากตารางที่ 4.1 พบวา่ แปง้ แตล้ ะชนิดมีความแตกต่างกนั อยา่ งส้นิ เชงิ ได้แก่ แปง้ ข้าวเหนียวและ แปง้ มนั (แปง้ มกี ล่นิ ฉนุ ฉนุ แป้ง นุ่ม) แป้งขา้ วเหนยี วและแป้งข้าวจ้าว (แปง้ มกี ลน่ิ ฉุน น้อยกวา่ ไมม่ ีรสชาติของแปง้ นมุ่ )
15 สตู รท่ี 1 สมี ่วงทาจากมนั มว่ ง(แปง้ มกี ลิ่นฉุน มกี ลน่ิ มันมว่ งมากกวา่ แข็งเล็กน้อย) สเี หลอื งทาจากฟกั ทอง (แป้งมีกลิน่ ฉนุ มกี ล่นิ ฟกั ทองมากกวา่ นมุ่ ) สีเขยี วทาจากใบเตย(แป้งมีกลน่ิ ฉนุ มกี ลิ่นใบเตยเล็กน้อย นุม่ ) สตู รที่ 2 สมี ่วงทาจากมันม่วง (แป้งมกี ลิ่นฉุนเล็กน้อยมกี ลิน่ มนั ม่วงมากกว่า แข็งเล็กนอ้ ย) สีเหลืองทาจาก ฟักทอง(แป้งมกี ล่ินฉุนเลก็ นอ้ ยมกี ล่นิ ฟักทองมากกวา่ นุ่ม) สเี ขียวทาจากใบเตย (แปง้ มีกล่ินฉุนเล็กนอ้ ยมี กลิ่นใบเตยเล็กนอ้ ย นุ่ม) 4.2 ตารางภาพการเปรียบเทยี บกล่นิ ฉุนของแปง้ แต่ละสูตร สตู รท่ี 1 ภาพของบวั ลอยสตู รที่ 1 สตู รท่ี 2 ภาพของบวั ลอยสูตรที่ 2 แป้ง บวั ลอย แปง้ บวั ลอย แป้งขา้ ว แป้งข้าว เหนียวและ เหนยี วและ แป้งขา้ วจา้ ว แปง้ มัน สมี ว่ งทาจาก สีมว่ งทาจาก มันมว่ ง มนั ม่วง สูตรท่ี 1 สตู รที่ 2 สเี หลืองทา สเี หลอื งทา จากฟกั ทอง จากฟกั ทอง สูตรท่ี 1 สูตรท่ี 2 สีเขยี วทาจาก สเี ขียวทาจาก ใบเตย ใบเตย สตู รท่ี 1 สตู รท่ี 2 จากตารางที่ 4.2 พบว่ามีลกั ษณะทีเ่ หมอื นกนั แต่กลน่ิ ความนุ่ม และรสชาตทิ ี่แตกต่างกนั
16 บทท่ี 5 สรปุ และอภปิ รายขอ้ เสนอแนะ การทาโครงงานในคร้งั นี้ เป็นการทาโครงงานประเภทการทดลอง มี วตั ถปุ ระสงค์เพ่ือเปรยี บเทียบ กลน่ิ ความน่มุ รสชาติ ของบวั ลอยแต่ละ ชนดิ ท่ีทดลอง ทาการรทดลองไดน้ าข้อมลู มาวเิ คราะห์เปรียบเทียบของ บัวลอยแตล่ ะชนิด ผู้จดั ทาโครงงานไดท้ าการทดลองแบ่งเป็น 2 ตอน และขอสรุปผล 2 ตอนดังนี้ ตอนท่ี 1 จากการเปรียบเทียบของ แป้งข้าวเหนียวและแป้งมัน แปง้ ขา้ ว จา้ วและแป้งขา้ วเหนียว พบว่า มีกลน่ิ ความนุม่ และรสชาตขิ องบัวลอย แตล่ ะชนิดแตกต่างกนั ตอนท่ี 2 จากการทดลอง 1.แปง้ ขา้ วเหนียวและแปง้ มัน แป้งมกี ล่ินฉนุ พอกนิ มรี สชาตขิ องแป้งที่ฉนุ มเี นื้อสัมผัสท่นี ุ่ม 2.แป้งขา้ วจ้าวและแป้งข้าวเหนยี ว แป้งมีกลนิ่ ฉนุ น้อยกว่า และไม่มี รสชาตขิ องแป้ง มเี น้อื สมั ผัสทน่ี มุ่ 5.1 สรุปผลการดาเนินโครงงาน 5.1.1มลี ักษณะท่ีเหมอื นกนั แตก่ ลนิ่ ความนมุ่ และรสชาติทแ่ี ตกต่างกนั 5.2 ปญั หาในการดาเนินโครงงาน 5.2.1 แป้งมีความลว่ นเกินไปทาใหป้ ั้นบัวลอยยาก 5.3 วธิ กี ารแกป้ ัญหา 5.3.1 เติมน้าเล็กน้อยเพ่อื ให้แป้งมีความหนืดท่ีเพ่ิมขน้ึ 5.4 ขอ้ เสนอแนะ 5.4.1 ในการทาโครงงานครงั้ ต่อไป ควรมมี กี ารนาสูตรอื่นและแปง้ ชนิด อน่ื ๆมาทดลองและเปรยี บเทียบเพ่อื ให้มคี วามหลากหลายมากข้นึ
17 เอกสารอ้างองิ https://pharmacy.su.ac.th/herbmed/herb/text/herb_detail.php?herbID=269 http://www.pk- https://th.m.wikipedia. https://veggiepedia.greenery.org/vegetable/purple-sweet-potato/ https://www.foodnetw https://th.m.wikipedia. https://patternpack.org/?p=284 https://docs.google.com https://www.foodnetworksolution.com https://www.foodnetworksolution.com https://www.dnp.go.th/foremic/nforemic/cate https://th.m.wikipedia.org
18 ภาคผนวก
19 ภาพ ผ.1 ส่วนผสมการทาบัวลอย ภาพ ผ.1 เตรยี มฟกั ทองและมันม่วง
20 ภาพ ผ.3 นาฟักทองและมันมว่ งทนี่ ง่ึ แลว้ นามาบดให้ละเอียด ภาพ ผ.4 นาใบเตยมาปน่ั ให้ละเอียดเพ่อื นามากรองเปน็ สที ่ี 3 เพื่อนามาเปน็ สขี องบวั ลอย
21 ภาพ ผ.5 ผสมแป้งสูตรท่ี 1 (แปง้ ข้าวเหนียวและแป้งมัน) ภาพ ผ.6 ผสมแปง้ สตู รท่ี 2 (แปง้ ขา้ วเหนยี วและแป้งขา้ วจ้าว)
22 ภาพ ผ. 7 ผสมสขี องบวั ลอยสตู รที่ 1 ภาพ ผ. 8 ผสมสีของบัวลอยสตู รที่ 2 ภาพ ผ. 9 นาแป้งท่ผี สมสแี ตล่ ะสูตรมาปนั้ เป็นวงกลม
23 ภาพ ผ. 10 ต้มน้าใหเ้ ดอื ดและนาบัวลอยท่ปี ้นั ไว้มาตม้ ให้สุก สตู รที่ 1 สตู รท่ี 2 ภาพ ผ. 11 ภาพบัวลอยท้งั 2 สูตร
24 ภาพ ผ.12 ตม้ น้ากะทิ ภาพ ผ. 13 ต้มน้ากะทิ
25 สตู รที่ 1 สูตรที่ 2 ภาพ ผ.14 เปรียบเทียบกลน่ิ และรสชาติของทัง้ สองสูตรและบันทกึ และสรปุ ลงในโครงงาน
Search
Read the Text Version
- 1 - 33
Pages: