Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore อีบุคโขน ใหม่

อีบุคโขน ใหม่

Published by saowanee, 2020-07-29 22:44:34

Description: อีบุคโขน ใหม่

Search

Read the Text Version

เอกสารประกอบการจดั เรยี นการสอน มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 หนว่ ยการเรียนท่ี 1 นาฏศลิ ปไ์ ทย เรอ่ื ง ประเภทของนาฏศิลปไ์ ทย (โขน) จัดทาโดย นายรัฐตภมู ชาญสมร นกั ศกึ ษาฝึกประสบการณส์ อน

ก คานา เอกสารประกอบการการจัดการเรียนการเรียนรู้ เรื่อง โขน ได้จัดทาข้ึนเพื่อประกอบการเรียนรู้รายวิชา นาฏศิลป์ไทย ของนักเรียนในระดับช้ันมัธยมศึกษาตอนต้น โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับโขน และประเภทของโขนเอกสาร ประกอบการเรียนรู้ชุดน้ี สามารถใช้ควบคู่กับการจัดการเรียนรู้ในห้องเรียน ช่วยให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจได้ อยา่ งรวดเร็ว ผู้รวบรวมได้รวบรวมขอ้ มลู จากแหล่งตา่ ง ๆ เพือ่ ใหผ้ ู้เรยี นได้นาไปศึกษา

สารบัญ ข คานา...................................................................................................ก สารบญั ................................................................................................ข ประเภทของนาฏศลิ ปไ์ ทย......................................................................๑ โขน......................................................................................................๒ กระบี่กระบอง......................................................................................๓ หนงั ใหญ.่ .............................................................................................๓ ชักนาคดึกดาบรรพ์...............................................................................๔ ประเภทของโขน...................................................................................๕ โขนกลางแปลง...............................................................................๕ โขนนงั่ ราว.......................................................................................๖ โขนหน้าจอ......................................................................................๖ โขนโรงใน.........................................................................................๗ โขนฉาก............................................................................................๗ ดนตรีที่ใชป้ ระกอบการแสดง...................................................................๘ ลักษณะบทโขน........................................................................................๙ เคร่ืองแตง่ กาย.........................................................................................๑๐

๑ ประเภทของนาฏศิลป์ไทย นาฎศิลป์ คือ การร่ายราที่มนุษย์ได้ปรุงแต่งจากลีลาตามธรรมชาติให้สวย สดงดงาม โดยมีดนตรเี ป็นองค์ประกอบในการร่ายรา นาฎศิลป์ของไทย แบ่งออกตามลักษณะของรูปแบบการแสดงเป็นประเภทใหญ่ ๆ 4 ประเภท คอื โขน ละคร ประเภท ของนาฏศิลป์ไทย รา และระบา การแสดงนาฏศิลปพ์ นื้ เมือง

๒ โขน โขน เปน็ ศลิ ปะการแสดงช้นั สงู ของไทยท่ีมีความสง่างาม มีประวัติยาวนานตั้งแต่สมัยกรุงศรี อยุธยา จากหลักฐานจดหมายเหตุลาลูแบร์ เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้มี การกล่าวถึงการแสดงโขนว่า “เป็นการเต้นออกท่าทาง ประกอบกับเสียงซอและเครื่องดนตรีประเภทต่าง ๆ ผ้แู สดงจะสวมหนา้ กากปิดบงั ใบหนา้ ตนเอง และถอื อาวุธ โขนเปน็ จุดศูนยร์ วมของศาสตร์ และศิลป์หลากหลายแขนง เช่นวรรณกรรม วรรณศิลป์ นาฏศิลป์ คีตศิลป์ หัตถศิลป์ นักวิชาการนาฏศิลป์เช่ือว่าโขนเป็นมหรสพที่หล่อหลอมข้ึนจากศิลปะวิทยาการหลายสาขาท่ีมีมา ก่อน ได้แก่ กระบ่ีกระบอง หนังใหญ่ ชักนาคดึกดาบรรพ์ เร่ืองที่นิยมแสดงคือเร่ืองรามเกียรติ์ซ่ึงเป็นมหา กาพยข์ องอินเดยี ผ้ปู ระพนั ธ์ คอื ฤาษีวาลมกิ ิ

1.กระบ่กี ระบอง ๓ กระบ่กี ระบองเป็นการฝึกการใช้อาวุธสาหรับป้องกันตัวหรือต่อสู้ข้าศึก มีทั้งอาวุธสั้นเช่น ดาบ กระบองกระบี่ อาวุธยาว เช่น หอก ทวน ง้าว เป็นต้น รวมท้ังการใช้เครื่องป้องกันอาวุธ เช่น โล่ เขน เป็นต้น การฝึก ศิลปะการใช้อาวุธและเครื่องป้องกันกาลังดังกล่าวเรียกว่า “วิชากระบี่ กระบอง” เช่นเดียวกับโขนได้นาท่าทางการต่อสู้ การใช้อาวุธในการ ตอ่ สู้ ปอ้ งกนั ตวั ของกระบก่ี ระบองมาใช้ในการแสดงโขน 2.หนังใหญ่ หนังใหญ่เปน็ มหรสพโบราณทม่ี ขี นบและจารตี พธิ กี รรม หลายอย่างใกล้เคียงกับโขนตวั หนังทาด้วยแผ่นหนังววั ฉลุ ฉลกั เป็นรปู บคุ คลในเรอื่ งท่แี สดงเรือ่ งทใี่ ชส้ าหรบั แสดงหนังใหญ่ ในสมยั กรงุ รัตนโกสินทร์คอื รามเกยี รติ์ เชน่ เดียวกบั โขนได้นา การเตน้ ประกอบเพลงหนา้ พาทย์ การพากย์ เจรจาของหนงั ใหญ่มาใช้ในการแสดงโขน

๔ 3.การเล่นชกั นาคดึกดาบรรพ์ การเล่นชักนาคดึกดาบรรพ์ คือการเล่นแสดงตานาน การกวนน้าอมฤตหรือการกวนเกษียรสมุทร ปรากฏ ห ลั ก ฐ า น ใ น ก ฎ ม น เ ที ย ร บ า ล ว่ า ด้ ว ย พ ร ะ ร า ช พิ ธี อินทราภิเษก มีการต้ังเขาพระสุเมรุประกอบด้วยเขาสัต ตบริภัณฑ์ ราชวัติฉัตรธง มีรูปพระอินทร์อยู่กลางพระ สุเมรุวิธีการเล่นและการเช่นเดียวกับโขนได้นาแต่งกาย ของเทวดา อสูร การแบ่งฝ่ายของธรมมะกับอธรรม และ รวมทั้งคติความเช่ือของสังคมในอดีตกาล ของการเล่นชัก นาคดึกดาบรรพม์ าใช้ในการแสดงโขน

ประเภทของโขน ๕ โขนเป็นการแสดงท่ีได้รับความนิยมมาโดยตลอด ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน มักนิยมแสดงเป็น มหกรรมบูชาเจ้านายชั้นสูงเช่น แสดงในงานถวายพระเพลิงพระบรมศพหรือพระศพ แสดงเป็น มหรสพสมโภชเช่น ในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และแสดงเป็นมหรสพเพื่อความบันเทิงใน โอกาสทัว่ ๆ โขนจงึ มวี วิ ฒั นาการพัฒนาเป็นลาดับ แบ่งเปน็ 5 ประเภท คือ 1 โขนกลางแปลง 2 โขนนงั่ ราว 3 โขนหน้าจอ 4 โขนโรงใน 5.โขนฉาก 1 โขนกลางแปลง แสดงกับพ้นื ดนิ บรเิ วณกวา้ งใหญ่ ใช้ธรรมชาตเิ ป็นฉากและตกแตง่ สว่ นประกอบ บ้างไม่ต้องปลูกโรงการแสดง โขนประเภทนีม้ กี ารยกรบและสรู้ บกัน ใชเ้ พลงหนา้ พาทย์เปน็ หลัก และ อาจมบี ทพาทยแ์ ละเจรจาบา้ ง แตไ่ ม่มบี ทร้อง และการรา่ ยรา

๖ 2 โขนนั่งราว แสดงในโรงทป่ี ลูกขึ้นไม่มีเตียงมีแต่เรากระบอก ไม้ไผ่ตามส่วนยาวของโรงแทนเพื่อให้ตัวโขนน่ังตรงหน้าฉาก ออกมามีช่องทางให้ผู้แสดงเดินได้รอบราว ตัวโรงมักมีหลังคา เหนือช่องประตูท้ัง 2 ด้าน ด้านขวาเป็นฝ่ายพลับพลา ด้านซ้าย เป็นปราสาทราชวังคือฝ่ายลงกา การแสดงใช้การพากย์เจรจา และหนา้ พาทย์ดาเนินเร่ือง 3 โขนหน้าจอ เป็นการแสดงโขนข้างหน้าจอซึ่งเดิมใช้สาหรับ เล่นหนัง เกิดจากมีผู้คิดเอาโขนไปแทรกในการเล่นหนังบางตอน เรียกว่า “หนังติดตัวโขน” มักเป็นตอนท่ีราได้งาม เม่ือแทรกตัว โขนบ่อยก็แก้ไขจอให้มีประตู 2 ข้างจะได้ไม่ต้องลอด ในทส่ี ุดเหลือ โขนแสดงหน้าจอ ตรงกลางจอที่เคยใช้ผ้าโปร่งเพื่อให้เห็นเงาของ ตวั หนงั กอ็ าจใช้ผา้ ขาวธรรมดาแทน

๗ 4 โขนโรงใน เป็นศิลปะของโขนกับละครในผสมกัน ปรากฏเป็นครั้ง แรกในสมัยพระบาทสมเด็จพระ จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโขนประเภทน้ีมีการเต้น การ พากย์เจรจาอย่างโขน มีเพลงขับร้องแบบละครในและมี ระบาแทรกไดด้ ว้ ย 5 โขนฉาก เปน็ การแสดงโขนที่ถอื กาเนิดขนึ้ คร้ังแรก ในสมัยของพระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยหู่ ัว รชั กาลท่ี 5 โปรดให้มีการจัดฉากในการแสดงแบบละครดกึ ดาบรรพ์ประกอบตามท้องเร่อื ง แบง่ เป็นฉากเป็นองก์ เขา้ กับเหตกุ ารณ์และสถานที่ จงึ เรียกวา่ โขนฉาก ปัจจบุ นั การ แสดงโขนของกรมศิลปากร นอกจากจะแสดงโขนโรงใน แลว้ ยังจดั แสดงโขนฉากควบคู่กนั อกี ดว้ ยเช่น ชุดปราบ กากนาสูร ชดุ มัยราพณ์สะกดทัพ ชดุ นางลอย

วงดนตรที ่ใี ชป้ ระกอบการแสดง ๘ วงดนตรีแต่โบราณไมม่ แี บบแผนเปน็ ธรรมเนียมปฏบิ ตั ิที่แบ่งแยกประเภทวงดนตรีและเคร่ืองกากบั จังหวะหนา้ ทับให้แตกต่างกนั ไปตามความเหมาะสมกบั การบรรเลงและการแสดงมหรสพนั้น ๆ สาหรับวงดนตรีใช้บรรเลง ประกอบการแสดงโขน คอื วงปพ่ี าทย์ไม้แข็ง ประกอบด้วยเครอื่ งดนตรปี ระเภทเครอ่ื งตี และเครื่องเป่าเปน็ หลกั มี จานวนของเครอื่ งดนตรแี ตกต่างกนั ไป แบ่งออกเปน็ 3 ขนาด ไดแ้ ก่ วงปีพ่ าทยเ์ ครอ่ื งหา้ วงปี่พาทย์เคร่อื งคู่ และวงปพ่ี าทย์เครื่องใหญ่ วงปี่พาทยเ์ ครอ่ื งห้า วงปี่พาทย์เครื่องใหญ่ วงปี่พาทย์เคร่ืองคู่

๙ ลักษณะบทโขน ในการแสดงโขน เม่ือเร่ิมแสดงวงปี่พาทย์จะบรรเลงเพลงโหมโรงเป็นเพลงเปิด เมื่อจบ เพลงจึงจะเริ่มการแสดง ดาเนินเร่ืองโดยใช้คาพากย์และคาเจรจาเป็นหลัก การเล่นโขน แต่เดิมไม่มีบทร้องของผู้แสดงเหมือนละครใน ผู้แสดงทุกคนในสมัยโบราณต้องสวม หัวโขน ยกเว้นตัวตลกที่ใช้ใบหน้าจริงในการแสดง ทาให้ต้องมีผู้ทาหน้าท่ีสาหรับพากย์ และเจรจาถ้อยคาต่าง ๆ แทนตัวผู้แสดง ผู้พากย์เสียงนั้นมีความสาคัญในการแสดงโขน เป็นอย่างมาก ต้องเรียนรู้และศึกษาทาความเข้าใจเร่ืองราวและวิธีการแสดง จดจาคา พากย์และใชป้ ฏภิ าณไหวพรบิ ในเชิงกาพย์ กลอน เพ่ือสามารถเจรจาให้สอดคล้องถูกต้อง มสี มั ผสั นอก สมั ผัสในคลอ้ งจองกับการแสดงของผ้แู สดง



การแตง่ กาย ๑๐ เครอ่ื งแต่งกายสาหรับใช้ในการแสดงโขน ใช้การแต่งกายแบบยืนเคร่ือง ซึ่งเป็นการแต่งกายจาลองเลียนแบบจาก เครอ่ื งทรงตน้ ของพระมหากษตั รยิ ์แบบโบราณท่ีมีความสวยงามวิจิตรตระการตา แบ่งเป็น 4 ฝ่ายคือ พระ นาง ยักษ์ และลงิ สาหรบั บง่ บอกถงึ ยศถาบรรดาศกั ดิ์ และตาแหน่ง นอกจากนั้นตัวละครอ่ืน ๆ จะแต่งกายตามแต่ลักษณะของ ตัวละครนั้น เชน่ ฤๅษี กา ชา้ งมา้ วัว ควาย ฯลฯ สวมหวั โขนซึง่ มกี ารกาหนดลกั ษณะและสไี วอ้ ย่างเปน็ ระบบและแบบ แผน ใชส้ าหรับกาหนดใหใ้ ช้เฉพาะกบั ตัวละคร สีของเส้อื เป็นการบ่งบอกถงึ สีผวิ กายของตวั ละครน้นั ๆ

แบบทดสอบ เร่อื งโขน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook