ศาสตรพ์ ระราชา (The king''s philosophy) ศาสตรพ์ ระราชา แหง่ องค์พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 พระองค์ทรงมี พระราชดำริให้จัดตง้ั โครงการตา่ งๆ มากกวา่ 4,000 โครงการ เพ่อื พฒั นาสภาพความเป็นอยู่ของประชาชนชาวไทย ใหด้ ขี ้ึนในทกุ ๆ ดา้ น จุดเร่มิ ต้นของโครงการอันเนอ่ื งมาจากพระราชดำริ เกิดขึน้ ในปี พ.ศ.2495 ทบี่ า้ นหว้ ยมงคล ตำบลหนิ เหล็กไฟ อำเภอหวั หิน จงั หวดั ประจวบครี ีขนั ธ์ โดยทรงนำความรู้จากภมู ปิ ัญญาท้องถ่ินและหลักการทาง ธรรมชาติมาประยกุ ตใ์ ช้ หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง เปน็ แนวพระราชดำริในพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั รัชกาลที่ 9 ที่ พระราชทานมานานกว่า 30 ปี เป็นแนวคดิ ท่ีต้ังอย่บู นรากฐานของวัฒนธรรมไทย เปน็ แนวทางการพฒั นาท่ีตง้ั บน พ้นื ฐานของทางสายกลาง และความไมป่ ระมาท คำนึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตผุ ล การสร้างภูมิคุ้มกันใน ตัวเอง ตลอดจนใชค้ วามรู้และคุณธรรม เป็นพน้ื ฐานในการดำรงชีวิต ที่สำคญั จะต้องมี “สติ ปญั ญา และความ เพยี ร” ซ่งึ จะนำไปสู่ “ความสขุ ” ในการดำเนินชวี ติ อย่างแทจ้ รงิ เศรษฐกจิ พอเพยี ง ประกอบด้วยคุณสมบัติ ดังนี้ 1. ความพอประมาณ หมายถงึ ความพอดีทีไ่ ม่นอ้ ยเกนิ ไปและไมม่ ากเกนิ ไป โดยไม่เบยี ดเบยี นตนเองและ ผอู้ ่ืน เช่น การผลติ และการบรโิ ภคท่อี ยู่ในระดบั พอประมาณ 2. ความมเี หตุผล หมายถงึ การตัดสนิ ใจเกี่ยวกบั ระดบั ความพอเพยี งนน้ั จะต้องเปน็ ไปอยา่ งมีเหตผุ ล โดย พจิ ารณาจากเหตุปจั จัยทเ่ี กย่ี วขอ้ ง ตลอดจนคำนงึ ถงึ ผลท่คี าดวา่ จะเกดิ ขึ้นจากการกระทำน้นั ๆ อย่างรอบคอบ 3. ภูมิค้มุ กัน หมายถงึ การเตรยี มตวั ใหพ้ ร้อมรบั ผลกระทบและการเปล่ียนแปลงดา้ นตา่ งๆ ทจ่ี ะเกดิ ขนึ้ โดยคำนึงถงึ ความเปน็ ไปไดข้ องสถานการณ์ต่างๆ ทีค่ าดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยมี เงอ่ื นไข ของการตดั สินใจและดำเนนิ กิจกรรมตา่ งๆ ใหอ้ ยใู่ นระดบั พอเพียง 2 ประการ ดังนี้ 1. เง่ือนไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบรเู้ กย่ี วกบั วชิ าการต่างๆ ทเ่ี กี่ยวข้องรอบด้าน ความรอบคอบท่ี จะนำความร้เู หลา่ นน้ั มาพจิ ารณาใหเ้ ชอ่ื มโยงกัน เพอื่ ประกอบการวางแผนและความระมดั ระวังในการปฏิบตั ิ 2. เงอ่ื นไขคุณธรรม ที่จะต้องเสรมิ สร้าง ประกอบดว้ ย มีความตระหนกั ใน คุณธรรม มีความซอ่ื สัตย์สจุ ริต และมคี วามอดทน มคี วามเพยี ร ใชส้ ตปิ ญั ญาในการดำเนนิ ชวี ติ ตวั อย่างเศรษฐกจิ พอเพียงคอื เกษตรทฤษฎใี หม่
ความสำคญั ของทฤษฎใี หม่ 1. มีการบรหิ ารและจัดแบง่ ท่ดี ินแปลงเลก็ ออกเป็นสัดสว่ นท่ีชดั เจน เพอ่ื ประโยชน์สูงสดุ ของเกษตรกร ซง่ึ ไม่เคยมใี ครคดิ มากอ่ น 2. มีการคำนวณโดยใช้หลักวิชาการเกย่ี วกับปรมิ าณนำ้ ท่จี ะกกั เกบ็ ให้พอเพียงตอ่ การเพาะปลกู ไดอ้ ย่าง เหมาะสมตลอดปี 3. มกี ารวางแผนท่ีสมบรู ณแ์ บบสำหรับเกษตรกรรายย่อย โดยมีถึง 3 ขั้นตอน ทฤษฎีใหม่ขน้ั ตน้ ให้แบง่ พืน้ ทอ่ี อกเป็น 4 สว่ น ตามอตั ราส่วน 30:30:30:10 ซ่ึงหมายถึง พืน้ ทส่ี ่วนทห่ี นึง่ ประมาณ 30% ใหข้ ุดสระเกบ็ กักนำ้ เพื่อใช้เก็บกักนำ้ ฝนในฤดูฝน และใช้เสรมิ การปลกู พืชในฤดู แล้ง ตลอดจนการเลี้ยงสัตว์และพืชนำ้ ต่างๆ พื้นที่สว่ นทสี่ อง ประมาณ 30% ให้ปลูกข้าวในฤดูฝนเพอื่ ใช้เป็นอาหารประจำวนั สำหรบั ครอบครัวใหเ้ พยี งพอตลอด ปี เพอื่ ตดั ค่าใช้จา่ ยและสามารถพ่งึ ตนเองได้ พ้ืนทส่ี ่วนทสี่ าม ประมาณ 30% ใหป้ ลกู ไม้ผล ไม้ยืนต้น พชื ผกั พืชไร่ พืชสมุนไพร ฯลฯ เพื่อใช้เปน็ อาหาร ประจำวนั หากเหลอื บริโภคก็นำไปจำหนา่ ย พื้นท่ีส่วนทสี่ ่ี ประมาณ 10% เปน็ ทีอ่ ยู่อาศัย เล้ียงสตั ว์ ถนนหนทาง และโรงเรอื นอื่นๆ ศาสตร์พระราชาประกอบดว้ ยองคป์ ระกอบสำคญั คอื ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง เปน็ หลกั การนำทาง ประกอบดว้ ยสามห่วง สองฐาน คอื ความพอประมาณ ความมเี หตผุ ล การมีภมู ิคุม้ กันในตน มฐี านความรู้ และ ฐานคณุ ธรรม วิธีการของศาสตรพ์ ระราชา จากปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสู่การพัฒนาอยา่ งยง่ั ยนื คอื เข้าใจ เขา้ ถงึ พัฒนา โดยต้องเข้าใจ เขา้ ถงึ พัฒนา คน วตั ถุ สงั คม สิง่ แวดลอ้ ม และวฒั นธรรม เขา้ ใจ หมายถึง การใชข้ อ้ มลู ทม่ี อี ยแู่ ลว้ การใชแ้ ละแสวงหาข้อมูลเชงิ ประจกั ษ์ การวเิ คราะหแ์ ละการวิจยั การ ทดลองใชจ้ นไดผ้ ลจรงิ ก่อน เข้าถึง หมายถึงการระเบิดจากข้างใน เข้าใจกลมุ่ เปา้ หมายในการพัฒนา และสร้างปญั ญาสงั คม
พัฒนา หมายถึง การพฒั นาท่ีประชาชนเรมิ่ ต้นดว้ ยตนเอง พง่ึ พาตนเองได้ และมีต้นแบบในการเผยแพร่ความรใู้ ห้ ประชาชนได้เรียนรแู้ ละนำไปประยกุ ตใ์ ช้ การประยุกต์แหง่ ศาสตร์พระราชา ตอ้ งทำให้ด้วยความรัก ความปรารถนาและด้วยใจ ตอ้ งประยุกต์ใช้ อยา่ งย่งั ยืน ไม่ยดึ ติดตำรา ปรบั ตามบุคคล สภาพพืน้ ทแ่ี ละสถานการณ์ ตัวอย่างของการประยกุ ตแ์ ห่งศาสตร์ พระราชาไดแ้ ก่ โครงการพระราชดำริกวา่ 4000 โครงการ เกษตรทฤษฎีใหม่ แกลง้ ดิน แก้มลงิ ฝนหลวง กังหันน้ำ ชัยพัฒนา หญา้ แฝก เข่ือนปา่ สักชลสิทธ์ิ สถานวี ิทยุ อส ถนนวงแหวน ถนนรัชดาภเิ ษก ทางดว่ นลอยฟา้ ถนนบรม ราชชนนี สะพานพระราม 8 ฟอนท์ไทยจติ รลดา และเสาอากาศสุธี เปน็ ตน้ ผลลพั ธ์ ของศาสตร์พระราชา คือแผ่นดินโดยธรรมและประโยชน์สขุ แหง่ มหาชนชาวสยามตามพระปฐม บรมราชโองการ พออย่พู อกนิ และ รรู้ ักสามัคคี อนั เป็นการพัฒนาอยา่ งยงั่ ยืน ในหลวงรัชกาลท่ี 9 ทรงใหค้ วามสำคญั ด้านการพัฒนาคนด้วยการศึกษาเป็นอย่างมาก โดยทรงพฒั นาดา้ น การศกึ ษา ทงั้ ในระบบโรงเรยี นและนอกระบบโรงเรยี นมาโดยตลอด เพ่อื ให้การศกึ ษาแกป่ ระชาชนอย่างทัว่ ถึง แมแ้ ต่ผทู้ ่ดี อ้ ยโอกาส และสถานทที่ หี่ า่ งไกล ท้ังทเ่ี ปน็ ชาวไทยภเู ขาหรอื ประชาชนที่อยูใ่ นทอ้ งถนิ่ ชายแดนหา่ งไกล จากการคมนาคม โดยการพระราชทานพระราชทรัพย์ ร่วมสร้างโรงเรยี นตำรวจตระเวนชายแดน เพอ่ื สอนหนังสอื ให้แก่พ่นี อ้ งประชาชนเหล่านนั้ โดยพระราชทานนามวา่ “โรงเรียนเจ้าพอ่ หลวงอปุ ถัมภ์” ทรงสร้าง “โรงเรยี นรม่ เกล้า” ในพ้ืนท่ีห่างไกลทรุ กนั ดาร และในพื้นทป่ี ฏิบัตกิ ารของผูม้ อี ุดมการณ์ทางการเมือง ทรงต้ัง “โรงเรยี นราช ประชาสมาสยั ” สำหรบั บุตรธดิ าของผปู้ ่วยเป็นโรคเรอ้ื น ไดม้ โี อกาสไดเ้ รยี น ไม่ถกู รังเกยี จ และอีกหลาย ๆ โรงเรียน ทจ่ี ะช่วยลดความเหลอ่ื มลำ้ ในสงั คมไทย และยกระดบั คุณภาพชีวติ ของพสกนิกรชาวไทย ในหลวงรชั กาลท่ี 9 พระผู้ทรงเป็นทร่ี ักและเป็นดวงใจของคนไทยทัง้ ชาติ ทรงเนน้ ยำ้ 5 เรอ่ื งทสี่ ำคัญของ การขบั เคลื่อนโรงเรียนคุณธรรม คือ 1) ความพอเพยี ง 2) ความกตญั ญู 3) ความซ่อื สตั ย์สจุ รติ 4) ความรบั ผดิ ชอบ 5) อุดมการณ์คุณธรรมจริยธรรม รฐั บาลนอกจากน้อมนำ “ศาสตร์พระราชา” อันนับว่าเป็นแนวทางพระราชทานมาส่กู ารปฏิบัตแิ ลว้ ยงั ให้ ความสำคัญกับการปฏริ ปู การศกึ ษา ไปส่ยู คุ ศตวรรษท่ี 21 ซึง่ เน้นใหผ้ ู้เรียนมีความคิดวเิ คราะห์ ความคดิ ริเริ่ม มี จนิ ตนาการมีการสนใจข้อมลู ข่าวสารรอบตัว ที่ส่งผลกระทบตอ่ การตดั สนิ ใจ และการดำเนินชีวติ การประกอบ อาชีพ และการประกอบกจิ การใดๆ ความสนใจใฝร่ ู้ และศึกษาแนวโน้ม คาดการณอ์ นาคต บนพืน้ ฐานของ ฐานข้อมลู และสถิติ และการศึกษา เพอ่ื การประกอบอาชพี “ทุกคนมงี านทำ” ซึง่ ได้มกี ารดำเนินการทสี่ ำคัญ ได้แก่ นโยบาย “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลาร”ู้ นโยบายด้านการศกึ ษาผา่ นโครงการการเรยี นรูผ้ ่านการปฏิบตั ิ (Active
Learning) และโครงการชุมชนแหง่ การเรยี นรู้ทางวชิ าชีพ (P.L.C.) เพอื่ ใหผ้ ู้เรยี นมที ้ังความรทู้ างวิชาการความรทู้ าง ปฏิบตั กิ าร และความรู้คิดอา่ นตามเหตผุ ลความเป็นจริง ใหเ้ กดิ ผลสมั ฤทธใิ์ ห้ได้มากทส่ี ุด และนำไปใชป้ ฏิบัติได้จริง แนวทางการบรหิ ารประเทศดว้ ย “ศาสตร์พระราชา” ของรฐั บาลมกี ารดำเนนิ การในเรอื่ งตา่ งๆ อัน ประกอบด้วย ตั้งเป้าหมายการพฒั นาทีย่ ึดถอื “ประชาชนเปน็ ศูนยก์ ลาง” คือ ทำใหป้ ระชาชนมีความสขุ มีความ พึงพอใจ สอดคล้องกบั แนวทางการพัฒนาท่ยี ัง่ ยืน สนบั สนนุ และส่งเสรมิ การพัฒนาอย่างยงั่ ยนื โดยรกั ษาสมดลุ ทัง้ มิตสิ งั คม เศรษฐกจิ และสง่ิ แวดลอ้ ม ส่งเสริมการแกป้ ญั หา ตามแนวทางสันตวิ ิธี และยดึ แนวทางการพัฒนา “สี เขยี ว” เสริมสร้าง โครงการทหารพันธ์ดี ความเปน็ มาของโครงการ จดั ตง้ั ขึ้นตามแนวพระราชดำหริของ สมเดจ็ พระกนิษฐาธริ าชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราช กมุ ารี โดยพระราชทานเมล็ดพันธ์พชื ผักแก่ กำลงั พล ของกองทัพ พรอ้ มสง่ เสริมใหม้ ีความรู้ ความสามารถในการ ปลูกผกั ปลอดภัย ได้มาตรฐานการนำมาบรโิ ภค และลดค่าใชจ้ า่ ยภายในครวั เรือน พร้อมช่วยเพ่มิ รายได้ใหก้ บั ครอบครวั โดยโครงการทหารพันธ์ดีได้นอ้ มนำศาสตร์ของพระราชา สกู่ ารพฒั นาอย่างยั่งยนื วตั ถุประสงค์ของโครงการ 1. ใช้พนื้ ทีว่ ่างให้เกดิ ประโยชนส์ ูงสุด 2. ปลกู พืชบรโิ ภคในการประกอบลยี้ งในหน่วย เหลือจงึ ขายใหก้ ับกำลังพล 3. สง่ เสริมใหท้ หารกองประจำการทเ่ี ขา้ รว่ มโครงการไดเ้ รียนรหู้ ลกั วชิ าการอยา่ งถกู ตอ้ งและนำไปขยายผล เมอื่ ปลดประจำการ 4. เป็นศนู ยก์ ารเรียนรสู้ ำหรับบคุ คลทัว่ ไป โดยยดึ หลกั แนวทางของศูนยพ์ ฒั นาพนั ธ์พชื จักรพันธเ์ พ็ญศิริ โดยในปจั จบุ นั โครงการทหารพันธด์ ขี อง ร.23 พนั .1 ไดม้ ีการพัฒนามาอย่างตอ่ เน่ือง โดยมเี จา้ หนา้ ท่ีทมี่ คี วามรู้ ความชำนาญในเร่ืองการของเกษตรเป็นอย่างดี โดยผลผลิตทม่ี ีในโครงการทหารพนั ธด์ ี ร.23 พัน.1 ณ ตอนนป้ี ระกอบไปดว้ ย พประเภทพชื ผกั 1. ถั่วฝกั ยาวลายเสือจกั รพนั ธ์ เบอร์1 2. ถ่ัวฝกั ยาวสมี ่วงสริ ินธร
3. มะเขือยาว/มะเขอื เปราะ 4. พรกิ 5. ผักชี 6. โหระพรา 7. ตะไคร้/ขา่ 8. มะนาว ประเภท ปศสุ ตั ว์ 1. หมูปา่ /หมแู คระ 2. เปด็ 3. ปลานลิ จติ รลดา/ปลาดุก 4. กบ 5. ปนู า 6. กระตา่ ย 7. หนูนา
Search
Read the Text Version
- 1 - 5
Pages: