ศนู ยฝ์ ึกอบรมศาสตรพ์ ระราชา ศนู ยศ์ กึ ษาและพฒั นาชมุ ชนชลบรุ ี กรมการพฒั นาชมุ ชน ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนชลบุร ี1
พื้นที่ต้นแบบการพฒั นาคุณภาพชีวิต ตามหลัก ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ประยกุ ต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล กิจกรรมพนื้ ทตี่ ้นแบบ โคก หนอง นา พ้ืนที่ ศพช. ชลบรุ ี แปลงสำธติ โคก หนอง นำ 4 แปลง จำนวน 18 ไรเ่ ศษ ประกอบดว้ ย (ตำมตัวเลขที่ภำพ) - หอพักพลบั พำ 1 หลงั สวน 5 ประเภท - หอพกั ธำรำชน 1 หลัง ฐำนกำรเรียนรู้ 8 ฐำน - หอพักสฟี ำ้ วิทยำกรประจำฐำน 15 คน - หอพักสชี มพู - บำ้ นพักข้ำรำชกำร - บำ้ นพักคนงำน - อำคำรเกบ็ ของ - อำคำรศูนยเ์ รยี นรู้ - อำคำรอำนวยกำร - อำคำรบรรยำย 1 - อำคำรบรรยำย 2 - หอประชมุ พระยำสัจจำ - โรงอำหำร - สระนำ - โรงจอดรถ - ลำนจอดรถ - สวนป่ำ 2 ศนู ยฝ์ ึกอบรมศาสตรพ์ ระราชา ศนู ยศ์ กึ ษาและพฒั นาชมุ ชนชลบรุ ี กรมการพฒั นาชมุ ชน
1แปลงสาธติ โคก หนอง นา ท่ี ขนำดพนื ท่ี : 9x5 ม. (บริเวณประตูทำงเขำ้ ศูนยฯ์ ) ประกอบด้วย : โคก คลองใส้ไก่ หลุมขนมครก หลังดำเ ินนกำร ่กอนดำเ ินนกำร 3 ศนู ยฝ์ ึกอบรมศาสตรพ์ ระราชา ศนู ยศ์ กึ ษาและพฒั นาชมุ ชนชลบรุ ี กรมการพฒั นาชมุ ชน
2แปลงสาธิต โคก หนอง นา ที่ ขนำดพนื ท่ี : 9x5 ม. (บรเิ วณหน้ำหอพกั ธำรำชน) ประกอบด้วย : โคก คลองใสไ้ ก่ หลมุ ขนมครก หลังดำเ ินนกำร ่กอนดำเ ินนกำร 4 ศนู ยฝ์ ึกอบรมศาสตรพ์ ระราชา ศนู ยศ์ กึ ษาและพฒั นาชมุ ชนชลบรุ ี กรมการพฒั นาชมุ ชน
3แปลงสาธติ โคก หนอง นา ที่ ขนำดพนื ที่ : 9x5 ม. (ระหวำ่ งบ้ำนพกั ข้ำรำชกำร) ประกอบด้วย : โคก คลองใสไ้ ก่ หลุมขนมครก หลังดำเ ินนกำร ่กอนดำเ ินนกำร 5 ศนู ยฝ์ ึกอบรมศาสตรพ์ ระราชา ศนู ยศ์ กึ ษาและพฒั นาชมุ ชนชลบรุ ี กรมการพฒั นาชมุ ชน
4แปลงสาธิต โคก หนอง นา ท่ี ขนำดพนื ท่ี : 9x5 ม. (ระหวำ่ งบำ้ นพกั ข้ำรำชกำร) ประกอบดว้ ย : โคก คลองใส้ไก่ หลุมขนมครก หลังดำเ ินนกำร ่กอนดำเ ินนกำร 6 ศนู ยฝ์ ึกอบรมศาสตรพ์ ระราชา ศนู ยศ์ กึ ษาและพฒั นาชมุ ชนชลบรุ ี กรมการพฒั นาชมุ ชน
การคัดสวน 5 แบบ (วถิ ีคนเมือง) สวนคนเมอื ง สวนคียโ์ ฮล สวนแนวต้ัง 7 ศนู ยฝ์ ึกอบรมศาสตรพ์ ระราชา ศนู ยศ์ กึ ษาและพฒั นาชมุ ชนชลบรุ ี กรมการพฒั นาชมุ ชน
การจัดสวน 5 แบบ (วถิ คี นเมอื ง) สวน Move On กาแพงแห่ง ความสุข อุโมงค์ผัก 8 ศนู ยฝ์ ึกอบรมศาสตรพ์ ระราชา ศนู ยศ์ กึ ษาและพฒั นาชมุ ชนชลบรุ ี กรมการพฒั นาชมุ ชน
ฐานการเรยี นรู้ 9 ศนู ยฝ์ ึกอบรมศาสตรพ์ ระราชา ศนู ยศ์ กึ ษาและพฒั นาชมุ ชนชลบรุ ี กรมการพฒั นาชมุ ชน
“เรา..เลยี้ งดนิ เพอ่ื ใหด้ นิ ..เลีย้ งพชื เพอ่ื ใหพ้ ชื เป็ นอาหาร.. เลีย้ งชีวติ เรา.. 10 ศนู ยฝ์ ึกอบรมศาสตรพ์ ระราชา ศนู ยศ์ กึ ษาและพฒั นาชมุ ชนชลบรุ ี กรมการพฒั นาชมุ ชน
สูตรที่ ๑ : การทาปุ๋ยหมกั อินทรยี ์ ชีวภาพ (ชนดิ ผง) ส่วนประกอบ 1. มูลสตั ว์ 1 กระสอบ 2. แกลบ เศษใบไม้ หรอื ซังขำ้ วโพด 1 กระสอบ 3. ขีเถำ้ แกลง 1 กระสอบ 4. รำอ่อน 1 กระสอบ 5. นำสะอำด 10 ลติ ร 6. หัวเชอื จลุ ินทรยี เ์ ข้มข้น 1 ลติ ร วธิ ที า 1. นำมูลสัตว์ แกลบ ขีเถ้ำ และรำออ่ น มำผสมคลกุ เคลำ้ ใหเ้ ขำ้ กนั 2. ผสมนำกบั หวั เชอื เข้มขน้ ใหเ้ ข้ำกัน จำกนนั รดนำลงบนกองวสั ดุ และทำกำร ผสมให้เขำ้ กันจนมีควำมชืนประมำณ 35 % 3. คลุกเคลำ้ สว่ นผสมใหเ้ ข้ำกัน ตกั ปุ๋ยใส่กระสอบและมัดปำกถุงให้แนน่ 4. กองกระสอบปยุ๋ ซ้อนทบั กนั เป็นชนั ๆ และควรวำงกระสอบแตล่ ะตังให้หำ่ งกัน เพอ่ื ให้ควำมรอ้ นสำมำรถระบำยออกได้ทงั 4 ด้ำน 5. ทงิ ไวป้ ระมำณ 5 – 7 วัน โดยตรวจสอบดคู วำมเรยี บร้อยถ้ำมกี ลน่ิ หอมและ ไมม่ ีไอรอ้ น สำมำรถนำไปใชง้ ำนได้ ปยุ๋ หมกั แห้งอินทรีย์ชีวภำพสำมำรถเก็บ รักษำไว้ได้นำน วิธีการนาไปใช้ ใชป้ ๋ยุ หมักแห้งอินทรีย์ชีวภำพใสใ่ นบรเิ วณรอบเขตรำกพืช แต่ไม่ควรใส่ให้ชิดกับโคนต้น หรือสัมผัสกับรำกพชื โดยตรง 11 ศนู ยฝ์ ึกอบรมศาสตรพ์ ระราชา ศนู ยศ์ กึ ษาและพฒั นาชมุ ชนชลบรุ ี กรมการพฒั นาชมุ ชน
สูตรท่ี ๑ : การทาปุ๋ยหมกั อินทรยี ์ ชวี ภาพ (ชนดิ ผง) (ต่อ) ประโยชน์ 1. เพ่มิ อนิ ทรยี ว์ ัตถใุ หก้ บั ดนิ ทำใหด้ ินอุดมสมบูรณ์ 2. ลดกำรใช้ปยุ๋ เคมี 3. ชว่ ยปรับสภำพแวดลอ้ ม 4. ชว่ ยถำ่ ยเทอำกำศในดินไดด้ ี 5. ไมเ่ ปน็ อนั ตรำยตอ่ ดนิ แมจ้ ะใช้ปรมิ ำณ มำกติดตอ่ กันนำน แหลง่ ความรู้ สถำบันเศรษฐกิจพอเพียง มหำวทิ ยำลยั รำชภัฏรำชนครนิ ทร์ 12 ศนู ยฝ์ ึกอบรมศาสตรพ์ ระราชา ศนู ยศ์ กึ ษาและพฒั นาชมุ ชนชลบรุ ี กรมการพฒั นาชมุ ชน
๒สูตรที่ : การทาปยุ๋ หมักอนิ ทรยี ์ แบบไมพ่ ลกิ กลบั กองในวงตาข่าย วศิ วกรรมแมโ่ จ้ 1 สว่ นประกอบ 1. มูลสัตว์ 1 สว่ น/ชนั 2. ใบไม้ 3 ส่วน/ชัน (ถ้ำใช้ฟำง หญ้ำ ผกั ตบ 4 ส่วน/ชนั ) 3. ตำขำ่ ยเหล็กหรอื ไนลอ่ น ควำมยำวประมำณ 3 เมตร กว้ำง 1 เมตร วธิ ที า 1. นำตำขำ่ ยลวด ม้วนเป็นวงกลมยดึ ดว้ ยเชือกหรอื เส้นพลำสตกิ แล้วนำไปตงั ในพนื ที่ เรำจะทำป๋ยุ (เมื่อทำเป็นวงจะได้เส้นผำ่ นศนู ยก์ ลำงประมำณ 1 เมตร) 2. นำเศษใบไม้/ก่ิงไม้ 3 ส่วน (ถำ้ ใช้ฟำง หญ้ำ ผักตบ ให้ใส่ 4 สว่ น) ควำมหนำประมำณ 10 ซม. ใส่ลงไปในวงลวด (ไมจ่ ำเป็นตอ้ งกดใหแ้ นน่ ) 3. โรยมลู สตั ว์ 1 ส่วนใหท้ ัว่ และลดนำให้ชุ่ม 4. ทำตำมข้อ 2 และขอ้ 3 สลบั กนั ไปเป็นชันๆ จนเต็มวงลวด โดยใหช้ นั บนสุดเป็นมูลสัตว์ (เป็นขวี ัวก็จะดี) 5. ลดนำภำยนอกกองปยุ๋ ทกุ วัน เพื่อปอ้ งกันกำรระเหยของนำ 6. และทุกสัปดำห์ หรือ 10 วัน ให้ใช้ไมห้ รือวัสดอุ นื่ เจำะกองป๋ยุ ใหเ้ ป็นรูทวั่ ๆ ลกึ ทส่ี ุดเท่ำท่จี ะทำได้ แลว้ ฉดี นำเขำ้ ไปในรู จำกนันให้ปิดรเู พื่อป้องกัน ควำมรอ้ นออก 7. ทำข้อ 5 และขอ้ 6. จนครบ 60 วัน หยุดใหน้ ำ 8. ผ่งึ กองป๋ยุ ใหแ้ หง้ ก่อนนำไปใช้ โดยกำรล้มกองป๋ยุ และเกล่ียให้กระจำยออก มคี วำมสูงประมำณ 20-30 ซม. โดยกำรแหวกกอง เพ่ือตำกแดดประมำณ 3 - 4 วัน (ไมค่ วรยบุ กองในวนั ทฝี่ นตก) 9. เมื่อแหง้ แล้วสำมำรถนำไปตีปน่ ให้ละเอยี ด หรือจะเก็บใส่กระสอบไวใ้ ชง้ ำน ไดเ้ ลยซึ่งสำมำรถเก็บไวใ้ ช้งำนได้หลำยปี 13 ศนู ยฝ์ ึกอบรมศาสตรพ์ ระราชา ศนู ยศ์ กึ ษาและพฒั นาชมุ ชนชลบรุ ี กรมการพฒั นาชมุ ชน
๒สูตรที่ : การทาปยุ๋ หมักอนิ ทรยี ์ แบบไมพ่ ลกิ กลบั กองในวงตาข่าย วศิ วกรรมแมโ่ จ้ 1 ภำพจำกเว็บไซต์ สวทช. www.nstda.or.th วิธีการนาไปใช้ ปรมิ ำณกำรใชป้ ุ๋ยอนิ ทรีย์ในกำรปลูกผักอนิ ทรยี ์ คือ 500-2,000 กก. ตอ่ ไร่ หรอื 1 กก. ต่อ 1 ตรม. หัวใจสำคัญ ของการผลติ ปุ๋ยอนิ ทรยี ์ “วศิ วกรรมแมโ่จ้ 1” หัวใจสาคัญของการผลิตป๋ ุยอินทรียด์ ว้ ยวิธีนี้ คือ ตอ้ งรกั ษาความชืน้ ภายในกองป๋ ยุ ใหม้ ีความเหมาะสมอย่เู สมอตลอดเวลาทง้ั ภายในและภายนอก กองป๋ ุยดว้ ยวิธีการการลดนา้ ภายนอกกองป๋ ุย และการเจาะรูกรอกนา้ ท่ีได้ กลา่ วไวแ้ ลว้ ทงั้ นี้ หากแหง้ เกินไป หรือแฉะเกินไปจลุ ินทรียจ์ ะไม่สามารถย่อยสลาย ทาใหต้ อ้ งเสียเวลาในการหมกั มากกว่า 6 เดือน 14 ศนู ยฝ์ ึกอบรมศาสตรพ์ ระราชา ศนู ยศ์ กึ ษาและพฒั นาชมุ ชนชลบรุ ี กรมการพฒั นาชมุ ชน
๒สูตรที่ : การทาปยุ๋ หมักอนิ ทรยี ์ แบบไมพ่ ลกิ กลบั กองในวงตาขา่ ย วศิ วกรรมแมโ่ จ้ 1 1. หา้ มขึน้ เหยียบกองปยุ๋ ใหแ้ น่น หรือเอาผา้ คลมุ กองปุ๋ย หรือเอาดนิ ปกคลุม ดา้ นบนกองปุย๋ เพราะจะทาให้อากาศไมส่ ามารถไหลถายเทได้ 2. หา้ มละเลยการดูแลความชนื้ ท้งั 2 ขน้ั ตอน เพราะถ้ากองป๋ยุ แหง้ เกนิ ไป จะทา ให้ระยะเวลาแลว้ เสร็จนานและปยุ๋ อนิ ทรยี ์จะมีคณุ ภาพต่า 3. หา้ มวางเศษพืชเปน็ ชัน้ หนาเกนิ ไป การวางเศษพืชเป็นชน้ั หนาเกินไปจะทาให้ จุลินทรยี ท์ ่ีมีในมูลสตั วไ์ ม่สามารถเข้าไปยอ่ ยสลายเศษพืชได้ 4. ห้ามทากองปุ๋ยใตต้ น้ ไม้ เพราะความร้อนของกองปยุ๋ อาจทาให้ต้นไม้ตายได้ 5. ห้ามระบายความรอ้ นออกจากกองปยุ๋ เพราะความรอ้ นสงู ในกองปุ๋ยจะช่วย ใหจ้ ุลนิ ทรีย์ทางานได้ดีมากข้ึนและยงั ชว่ ยใหเ้ กิดการไหลเวยี นของอากาศผา่ น กองปยุ๋ 15 ศนู ยฝ์ ึกอบรมศาสตรพ์ ระราชา ศนู ยศ์ กึ ษาและพฒั นาชมุ ชนชลบรุ ี กรมการพฒั นาชมุ ชน
๒สูตรท่ี : การทาปยุ๋ หมักอนิ ทรยี ์ แบบไมพ่ ลกิ กลบั กองในวงตาขา่ ย วิศวกรรมแมโ่ จ้ 1 ตน้ ทุนการผลิตป๋ ยุ ในวงลอ้ ตาขา่ ย 1 วงล้อ รายการ จานวน ราคา/หน่วย ราคาต้นทุนของ ศพช. 1. วงลวดตาขา่ ยเหลก็ 1 วงลอ้ 10-30 บาท/เมตร 60 บาท ความสงู 1.00เมตร ความ (ขนึ้ อยกู่ บั ความหนาของ ยาว 3.20 เมตร 240 บาท ตาขา่ ย) 120 บาท 2. มลู ววั แหง้ 6 กระสอบ 30-60/กระสอบ (ขนึ้ อย่กู บั พืน้ ท่ี) - 3. ฟาง 3 กอ้ น 30-60/กอ้ น 420 บาท (ขนึ้ อย่กู บั จานวนท่ีซอื้ ) 360 บาท 4. เศษใบไมใ้ บหญา้ ท่ีหา - ไดใ้ นพืน้ ท่ี ตน้ ทนุ การผลติ ครงั้ แรก ตน้ ทนุ ในการผลติ ครงั้ ท่ีสอง จะเหลอื เพียง (ตดั วงลอ้ ตาขา่ ยเหลก็ ) จากต้นทนุ ดงั กล่าวข้างตน้ สามารถผลิตป๋ ยุ อินทรียค์ ุณภาพสูงได้ 120 กโิ ลกรัม ในทอ้ งตลาดจาหน่ายอยู่ กโิ ลกรัมละ 7 บาท เป็ นเงนิ 840 บาท ******ทงั้ นีใ้ นกรณีท่ีเกษตรกรมีวตั ถดุ ิบอยใู่ นพืน้ ท่ีอย่แู ลว้ เชน่ มลู สตั ว์ ฟางขา้ ว หญา้ ใบไม้ ฯ ก็ทาใหเ้ กษตกรสามารถผลติ ป๋ ยุ ได้ โดยไม่ตอ้ งใชต้ น้ ทนุ เลย ******ป๋ ยุ อินทรยี ์ 1 ตนั จาหนา่ ยในทอ้ งตลาดราคา 5,000-7,000 บาท แตถ่ า้ เกษตรกรผลิตใชเ้ อง จะมีตน้ ทนุ เพียง 750-1000 บาท ทาใหเ้ กษตรกรลดตน้ ทนุ ไดถ้ งึ 4,000-6,000 บาท ตอ่ นา1 ไร่ 16 ศนู ยฝ์ ึกอบรมศาสตรพ์ ระราชา ศนู ยศ์ กึ ษาและพฒั นาชมุ ชนชลบรุ ี กรมการพฒั นาชมุ ชน
๒สูตรท่ี : การทาปยุ๋ หมกั อนิ ทรยี ์ แบบไมพ่ ลกิ กลบั กองในวงตาขา่ ย วศิ วกรรมแมโ่ จ้ 1 ทำเสร็จ 7 วนั 60 วนั ตน้ ไมด้ ดู ธาตอุ าหารไปใช้ ในการเจรญิ เตบิ โต จากนนั้ จะปลอ่ ยแรธ่ าตทุ ่ี จาเป็น แก่พืช คือ ธาตอุ าหาร หลกั ธาตอุ าหารรอง และจลุ ธาตุ กระบวนการยอ่ ยของจลุ นิ ทรยี ์ จลุ นิ ทรยี ใ์ นมลู สตั ว์ ยอ่ ยเศษพืช เมอ่ื ความช่ืนสม่าเสมอ โดยกินคารบ์ อนในเศษพืชและ ไนโตรเจนในมลู สตั วเ์ ป็นอาหาร กระบวนการทางานของจลุ นิ ทรีย์ จะกอ่ ใหเ้ กิดความรอ้ ย โดยปรกตคิ วามรอ้ นลอย สงู ขนึ้ อากาศ หรอื ออกซิเจน แทรกเขา้ แทนที่ภายในกอง 17 ศนู ยฝ์ ึกอบรมศาสตรพ์ ระราชา ศนู ยศ์ กึ ษาและพฒั นาชมุ ชนชลบรุ ี กรมการพฒั นาชมุ ชน
มิสเตอรม์ ดุ ดนิ 18 ศนู ยฝ์ ึกอบรมศาสตรพ์ ระราชา ศนู ยศ์ กึ ษาและพฒั นาชมุ ชนชลบรุ ี กรมการพฒั นาชมุ ชน
มูลไสเ้ ดอื น ส่ ิ งมีชีวิต ขนาดเล็กท่ ี มีประโยชน์ จานวน มหาศาล เป็ นส่ ิงท่ ี ตน้ ไมข้ อง ตอ้ งการ 19 ศนู ยฝ์ ึกอบรมศาสตรพ์ ระราชา ศนู ยศ์ กึ ษาและพฒั นาชมุ ชนชลบรุ ี กรมการพฒั นาชมุ ชน
๓สูตร : มูลไส้เดอื น ในปัจจุบันมีกำรจำแนกไส้เดือนดินท่ัวโลกได้ 4,000 กว่ำชนิด สำยพันธ์ุ ที่นำมำใชก้ ำจัดขยะอินทรีย์ทำงกำรค้ำมีประมำณ 15 ชนิด ส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มของ Megadrili ในวงศ์ Lumbricidae สำยพันธ์ไุ ส้เดือนทค่ี นนยิ มเลียงกันมปี ระมำณ 10 ชนิด แตเ่ ฉพำะในไทยเดน่ ๆ มี 4 ชนิด (1) ไสเ้ ดอื นพันธ์ุ Eudrilus eugeniae (African NightCrawler) (2) ไสเ้ ดอื นพันธ์ุ Perionyx excavatus (Blue worm) (3) ไสเ้ ดือนพนั ธุ์ Eisenia foetida (Tiger) (4) ไสเ้ ดอื นพันธ์ุ Pheretima peguana (ขตี ำแร่) ในทนี่ ีเรำขอนำเสนอ กำรเลียงไส้เดอื นพนั ธ์ุ (African Night Crawler) หรือพันธ์ “เอเอฟ” ทกี่ ลุ่มผเู้ ลยี งไสเ้ ดือนนยิ มเรียก มีถิน่ กำเนดิ ในทวีปแอฟริกำตอนกลำง ชอ่ื สามญั แอฟรกิ นั ไนท์ ครอเลอร์ (African Night Crawler) ชอื่ ทางวิชาการ ยูดริลสั ยจู ีนแิ อ (Eudrilus eugeniae) ลักษณะท่ัวไป ลำตัวมีสีเทำอมม่วง ด้ำนท้องแบนเล็กน้อย และมีสีซีดกว่ำ ด้ำนหลัง ไคลเทลลัม (Clitellum) สีขำวขุ่น มีจำนวนปล้องโดยทั่วไป 188 - 297 ปล้อง ลำตัวมีขนำดใหญ่ท่ีสุด (ในบรรดำไส้เดือนที่นำมำเลียงได้ดี 6 ชนิด) คือ มีควำมยำวเฉล่ีย ประมำณ 13-25 เซนติเมตร ขนำดเส้นผ่ำศนู ยก์ ลำงลำตัว 5-8 มิลลิเมตร แต่สำมำรถ เลียงให้โตเต็มที่ ได้ถึง 30 เซนติเมตร (12 นิว) นำหนักเฉล่ีย 2.5 - 2.9 กรัม ต่อตัว หำกอยใู่ นสภำพทีก่ ำลังสมบรู ณ์ และได้รับธำตุอำหำรครบ เม่ือส่องไฟ จะสะท้อนแสงสี ม่วงเหน็ ได้ชัดเจน (ทม่ี า: หนงั สือการเลีย้ งไส้เดือน \"รากดิน“) 20 ศนู ยฝ์ ึกอบรมศาสตรพ์ ระราชา ศนู ยศ์ กึ ษาและพฒั นาชมุ ชนชลบรุ ี กรมการพฒั นาชมุ ชน
๓สูตร : มูลไสเ้ ดอื น ไส้เดือน AF ผลิตไข่ซึ่งเป็นโคคูน 3.6 ใบต่อสัปดำห์ เปอร์เซ็นต์ฟัก 80 เปอร์เซ็นต์ ให้ลูกเฉลี่ย 2.3 ตัวต่อโคคูน (Cocoon) โดยใช้เวลำท่ีไข่ฟัก 12 วัน (ที่อุณหภูมิ 25 องศำ เซลเซียส) เจริญเติบโตจำกตัวอ่อนถึงเป็นหนุ่มสำว คือมีไคลเทลลัม (Clitellum) หรือ ปลอกเนือ ในระยะเวลำ 1 - 3 เดือน หรือเร็วกว่ำ ขึนอยู่กับคุณภำพของอำหำรที่ใช้เลียง และสภำพแวดล้อมในกำรเลียง มอี ำยุประมำณ 4-5 ปี ข้อดี ตวั ใหญ่ กินเก่ง ขยำยพันธุไ์ ว สำมำรถนำมำกำจดั ขยะไดด้ ี และ เหมำะทจ่ี ะ นำไปเลยี งสัตว์ เช่น นก, ไก,่ กบ, ปลำ หรอื นำไปเป็นสว่ นผสมของ อำหำรสัตว์ ทีต่ ้องกำร กำรเสริมโปรตนี ขอ้ เสีย ทนทำนตอ่ ชว่ งอุณหภูมิไม่กว้ำงนัก คือประมำณ 12-35 องศำเซลเซยี ส หำกต้องกำรเลียงให้ไดด้ ี คอื ขยำยพันธุ์ ตลอดทงั ปี ต้องควบคมุ ให้อย่ใู นสภำะแวดลอ้ ม ที่มีอุณหภมู ิ ในชว่ งดังกล่ำว หรือต้องมี โรงเรือนทส่ี ำมำรถควบคุม อุณหภูมิไดท้ นั ทว่ งที เมอ่ื สภำพอำกำศเปล่ียน พบว่ำในประเทศไทย หำก อณุ หภูมิ สงู ถึง 35-37 องศำเซลเซยี ส ติดต่อกนั เพียง 3-5 วนั AF จะค่อยๆ คำยนำและตำยลงอยำ่ งรวดเร็วจำกกำรศกึ ษำ ของ Viljoen and Reinecke, 1992 พบวำ่ ไส้เดือน AF สำมำรถอยู่อำศัยไดใ้ นอุณหภูมิ กว่ำ 30 องศำ เซลเซยี ส เลก็ นอ้ ย ไสเ้ ดือนแอฟริกำเป็นไส้เดอื น ทอ่ี ำศยั อยูห่ น้ำดิน กินอำหำรในปรมิ ำณ สูงมำกต่อวนั เมือ่ ไส้เดอื นชนดิ นีลงไปอยใู่ นดนิ จึงไมส่ ำมำรถเจรญิ เติบโตและอยู่รอดได้ ในสภำพธรรมชำติ ท่ีมีอำหำรไมเ่ พยี งพอ หำกจะอำศยั อยูไ่ ด้กต็ อ่ เมื่อมีอำหำรใหก้ นิ มำก และไดร้ ับอำหำรตอ่ เนอื่ งอยตู่ ลอดเวลำ (ทม่ี า: หนังสือการเลีย้ งไสเ้ ดือน \"รากดิน“) 21 ศนู ยฝ์ ึกอบรมศาสตรพ์ ระราชา ศนู ยศ์ กึ ษาและพฒั นาชมุ ชนชลบรุ ี กรมการพฒั นาชมุ ชน
๓สูตร : มูลไส้เดอื น ปุย๋ ไสเ้ ดือน หรือ ปุ๋ยหมักมูลไสเ้ ดือน เป็นอีกหนึ่งทำงเลือกของเกษตรอินทรีย์ เน่ืองจำกนำไส้เดือนดิน เป็นสัตว์ตัวเล็กท่ีมีควำมสำคัญต่อระบบนิเวศน์ นำมำเลียง เพื่อเปล่ียนองค์ประกอบและเพ่ิมจุลินทรีย์ จนทำให้ได้ปุ๋ยหมักท่ีมีประสิทธิภำพ สำมำรถบำรุงตน้ ไม้ได้อย่ำงยอดเย่ียม โดยปุ๋ยไส้เดือนมีลักษณะเป็นเศษอินทรีย์วัตถุที่ ไส้เดือนดินกินเข้ำไป แล้วย่อยสลำยออกมำเป็นมูลที่มีประโยชน์ รูปทรงเป็นเม็ดร่วน สีดำหรือสีนำตำล โปร่งเบำ จุควำมชืนสูงระบำยนำและระบำยอำกำศดี แถมมีธำตุ อำหำรและปริมำณอินทรยี ว์ ตั ถมุ ำก 22 ศนู ยฝ์ ึกอบรมศาสตรพ์ ระราชา ศนู ยศ์ กึ ษาและพฒั นาชมุ ชนชลบรุ ี กรมการพฒั นาชมุ ชน
๓สูตร : มูลไสเ้ ดอื น สว่ นประกอบ โดยประมาณ 1. ไส้เดอื นแอฟรกิ นั (AF) 2.5-3 ขีด / 1 กะละมัง 2. ขวี ัว 6 กโิ ลกรมั / 1 กะละมัง 3. ตน้ กลว้ ย 2 กโิ ลกรัม / 1 กะละมัง 4. กะละมัง (ขนำดหน้ำกว้ำง 40-50 ซม.) 4 กะละมงั / 1 กะละมงั วธิ ที า กำรเตรียมกำร 1. แชข่ วี ัวทังกระสอบในนำ 3 คืน เพ่ือลำ้ งแกส๊ และควำมร้อน 2. สับตน้ กล้วยใหเ้ ปน็ ชนิ เล็กๆ 3. เจำะรูกน้ กะละมงั ประมำณ 7 – 10 รู เพอ่ื ใหน้ ำไหลออกสะดวก ขันตอนกำรทำ 1. เตรียมกะละมังท่เี จำะรแู ลว้ 1 ใบ 2. ใสข่ วี วั ลงกะละมัง ประมำณ 2 กิโลกรมั 3. ใสต่ น้ กล้วยสบั ประมำณ 1 กโิ ลกรมั 4. ทำเป็นชันเหมือนเดมิ อีก 2 ชัน (ใส่ขีววั สลับกับตน้ กลว้ ยสบั โดยให้ขีววั เปน็ ชนั สุดทำ้ ย) 5. นำตัวใส้เดอื นท่เี ตรียมใส่ไว้ดำ้ นบน (ไม่ต้องฝัง) ประมำณ 3 ขดี (1 กำมอื ) 6. รดนำให้ควำมชืนเลก็ นอ้ ย ดว้ ยบัวรดนำ หรือฟอ็ กกี (ไม่ตอ้ งชนื มำก) 7. นำกะละมังไส้เดอื นท่ีทำเสร็จแลว้ เกบ็ ในโรงเรอื น ไมใ่ ห้โดนแดด โดนฝน และไมต่ ังกับพืน (ชันวำงยกห่ำงจำกพนื ) 23 ศนู ยฝ์ ึกอบรมศาสตรพ์ ระราชา ศนู ยศ์ กึ ษาและพฒั นาชมุ ชนชลบรุ ี กรมการพฒั นาชมุ ชน
๓สูตร : มูลไสเ้ ดอื น วธิ ีการดแู ล 1. รดนำให้ควำมชนื เลก็ นอ้ ย ด้วยบวั รดนำ หรือฟอ็ กกี (ไม่ต้องชนื มำก) วันละ 1 ครงั ตลอดระยะเวลำ 25 วัน 2. ในระหวำ่ ง 1 - 25 วัน อำจเพ่ิมอำหำรให้กบั ไสเ้ ดอื น เชน่ เปลอื กผลไม้ ใบผกั โดยวำงไว้ทด่ี ำ้ นบนของกะละมงั ได้เลย 3. หลังจำก 25 วนั ให้งดใหอ้ ำหำร และนำ 4. หลงั จำกงดอำหำร งดนำ 3-5 วนั จะพบมลู ไสเ้ ดอื นเป็นเม็ดเล็กๆ แห้งๆ ด้ำนบนใหโ้ กยแยกออกมำ ผ่งึ ไว้ให้แหง้ กอ่ นเก็บใส่ภำชนะ หรอื นำไปใสต่ ้นไม้ โกยเก็บมูลไสเ้ ดอื นทุก 5 วัน จนหน้ำดนิ เหลอื ¼ ของกะละมงั 5. เมือ่ เกบ็ มูลไสเ้ ดอื นจนเหลอื ดิน ¼ ของกะละมังแลว้ ให้นำสว่ นทเ่ี หลือใน กะละมงั ไปร่อนในตะแกรง หรือในตะกรำ้ หรอื ภำชนะอ่นื ท่รี ่อนได้ เพ่ือแยก ดนิ กบั ตัวใส้เดือนออกจำกกนั 6. ใหเ้ ร่มิ ดำเนนิ กำรเตรียมกำรเลียงไสเ้ ดอื นใหมต่ ำมขันตอนที่ 1 โดยในครงั นี จะมจี ำนวนไสเ้ ดอื นเพ่ิมขนึ จงึ ควรเพม่ิ จำนวนกะละมงั ในกำรเลยี ง (กอ่ นทำกำรร่อนไส้เดอื น ต้องเตรียมอำหำรไสเ้ ดือนไวใ้ ห้พรอ้ มกอ่ น (ตำมขนั ตอน กำรทำ) เพื่อปอ้ งกนั ควำมเส่ยี ง ไส้เดือนตำย) 24 ศนู ยฝ์ ึกอบรมศาสตรพ์ ระราชา ศนู ยศ์ กึ ษาและพฒั นาชมุ ชนชลบรุ ี กรมการพฒั นาชมุ ชน
๓สูตร : มูลไสเ้ ดอื น วิธกี ารนาไปใช้ ไม้ดอก ไมป้ ระดับ ในกระถำง ขนำดเส้นผ่ำศูนย์กลำงกระถำง ประมำณหน่ึงศอกใส่มูลไส้เดือน ประมำณ 1-2 กำมือ หรือประมำณ 100-200 กรัม โรยบริเวณรอบโคนต้น หำกวำงกระถำงกลำงแจ้ง ให้ใส่ในช่วงเย็น และ/หรือ ใช้เศษใบไม้/ขุยมะพร้ำว/ เศษกระดำษ มำคลุมๆไว้ หรือผสมดินโรย ดีกว่ำกำรพรวนคุ้ยดินให้โดนรำกฝอย ในช่วงแรก ใส่อำทติ ย์ละครงั เมอ่ื เหน็ ว่ำพชื แตกยอดแตกใบแล้ว สำมำรถลดลงเป็น 15 - 30 วันตอ่ ครัง กลว้ ยไม้ ไม้แขวน ใช้มูลไส้เดือนหนึ่งส่วน ผสมวัสดุปลูก สิบส่วน หรือสำมำรถโรยใส่โดยตรงได้ เช่นกัน (แนะนำให้ใส่น้อยๆ แต่บ่อยเช่น 5-7 วันต่อครัง) โดยค่อยๆ เพ่ิมควำม เข้มขน้ ทล่ี ะน้อย (หรือดูจำกฉลำกสินคำ้ ) ผกั สวนครวั ใส่ช่วงเตรียมดิน โดยผสมมูลไส้เดือน 1-1.5 กิโลกรัม ต่อ 1 ตำรำงเมตร หรือ เติมโรยหน้ำในอัตรำส่วน 0.5-1 กิโลกรัมต่อตำรำงเมตร เดือนละครัง ควรใส่ ในช่วงเย็น และ/หรือ ใช้ฟำงข้ำวหรือใบไม้ปกคลุมไว้ มูลไส้เดือนคุณภำพทั่วๆ ไปมไี นโตรเจน (N) สูง ซึง่ เหมำะกับพืชกินตน้ กนิ ใบ อยู่แล้ว 25 ศนู ยฝ์ ึกอบรมศาสตรพ์ ระราชา ศนู ยศ์ กึ ษาและพฒั นาชมุ ชนชลบรุ ี กรมการพฒั นาชมุ ชน
๓สูตร : มูลไส้เดอื น วธิ ีการนาไปใช้ พืชไร่ ไม้ผล ใส่ระหว่ำงกำรพรวนดิน 500-1,000 กิโลกรัม ต่อไร่ หรือถ้ำใช้วิธีโรยหน้ำดิน ใหใ้ ส่ตอนชว่ งเย็นแลว้ รดนำให้ชุม่ แปลง สำหรับไม้ผล ให้พรวนคลุกดินห่ำงจำกโคน ต้น (รำกฝอยจะอยู่ท่ีรอบๆ ทรงพุ่ม) ในอัตรำส่วน 1 กิโลกรัม ต่อทรงพุ่ม 1 เมตร ประมำณ 3-4 เดือนครัง หรือเน้นในช่วงฤดู แตกยอดใบ หำกเป็นช่วงมีดอก หรือ ออกผล ให้เน้นหำมูลไส้เดือนท่ีได้มีกำรปรับปรุงมูลให้มีค่ำ ฟอสฟอรัส(P) สูง และ หำกพืชท่ีต้องกำรควำมหวำน มูลไส้เดือนก็ต้องมีค่ำ โพแทสเซียม(K) สูงด้วย หำก ใช้มูลไส้เดือนท่ัวไปอำจจำเป็นต้องเสริมด้วยปุ๋ยอินทรีย์ หรืออินทรียวัตถุท่ีมีค่ำ โพแทสเซยี มสูง เชน่ ขีแดดนำเกลือ เปน็ ต้น นาขา้ ว จำกงำนวิจัย นำมูลไส้เดือนใส่นำข้ำว โดยอัตรำส่วน 1,000 กิโลกรัมต่อ 1 ไร่ ร่วมกับกำรฉีดพ่นนำหมักมูลไส้เดือน 45 ซีซี. ต่อนำ 20 ลิตร สองระยะคือ หลังจำกปักดำได้ 60 วันและ 90 วัน พบว่ำได้สำมำรถทดแทนกำรใช้ปุ๋ยเคมี สำมำรถเพ่ิมผลผลิตสูงกวำ่ ทังจำนวนเมลด็ เตม็ และนำหนักขำ้ ว 26 ศนู ยฝ์ ึกอบรมศาสตรพ์ ระราชา ศนู ยศ์ กึ ษาและพฒั นาชมุ ชนชลบรุ ี กรมการพฒั นาชมุ ชน
๓สูตร : มูลไสเ้ ดอื น ประโยชน์ 1. แบคทเี รียในระบบย่อยอำหำรของไสเ้ ดือนจะผลติ ตัวควบคุมกำรเติบโตของพืช และฮอร์โมนเพมิ่ เติมทรี่ บั ผิดชอบสำหรบั กำรเร่งเซลลพ์ ืชใหข้ ยำยและแบ่งตัว ซงึ่ มถี งึ 10,000 เท่ำในมลู ไสเ้ ดอื นมำกกวำ่ ในดินผสมทว่ั ไป 2. มลู ไสเ้ ดือนจะมีควำมสมบูรณ์ท่ลี งตวั ระหว่ำงสำรชวี ภำพและช่องว่ำงอำกำศ ซึง่ เปน็ ควำมสมดุลทีเ่ หมำะท่ีจะใหร้ ำกพืชเปรำะบำงชอนไชลงไปได้อยำ่ งงำ่ ย 3. ปลอดสำรเคมี 100% ไม่เป็นพิษตอ่ คน สตั วเ์ ลยี ง และสภำพแวดลอ้ ม 4. ชว่ ยลดปญั หำกำรสลำยตัวของธำตอุ ำหำร เป็นตวั ปลดปล่อยธำตอุ ำหำรอยำ่ งชำ้ ๆ ทำให้ประหยดั ปุ๋ย 5. ปกปอ้ งดนิ ไมใ่ หม้ สี ภำพโครงสร้ำงแนน่ เขง็ และช่วยเตมิ อนิ ทรยี วตั ถใุ นเนอื ดิน ชว่ ยใหด้ ินร่วนซุย รำกพชื สำมำรถแพรข่ ยำยได้กว้ำง 6. มลู ไส้เดือนดนิ จะมีสำรประกอบของกรดฮิวมิคซึ่งเปน็ ตัวกักเก็บธำตุ อำหำรที่ จำเป็นต่อพชื หลำยชนิด เช่น ฟอสฟอรัส (P) โพแทสเซียม (K) แคลเซยี ม (Ca) เหลก็ (Fe) และทองแดง (Cu) ซึง่ ธำตุอำหำรเหลำ่ นจี ะถกู เกบ็ อยใู่ นโมเลกลุ ของ กรดฮวิ มคิ อยใู่ นรูปพร้อมใช้ และจะถูกปลดปล่อยออกมำเมอื่ พืชต้องกำร 7. มูลไสเ้ ดอื นไมม่ ขี องแถมที่ไมพ่ ึงประสงค์ เช่นดว้ ง เชือรำร้ำยท่ีเขำ้ ไปทำลำยพชื ไมผ่ ลิตหญำ้ ท่จี ะกลำยมำเป็นมำเป็นวัชพืชทหี ลงั 8. มลู ไส้เดือนมีโมเลกลุ ท่ีเลก็ กวำ่ ปุย๋ คอกท่วั ไป ต้นไมจ้ งึ ดูดซบั ได้ง่ำยและเรว็ กว่ำ 9. มูลไส้เดือนเป็นปยุ๋ เย็นกว่ำใช้กับตน้ ไม้ได้เลย ไม่ทำอนั ตรำยกบั ต้นไม้ ตำ่ งกับปุย๋ คอกอ่นื ทีต่ อ้ งผ่ำนกำรหมกั ก่อนถึงจะนำมำใช้ได้ ข้อมลู จาก : http://goodfriendfarm.com/index.php 27 ศนู ยฝ์ ึกอบรมศาสตรพ์ ระราชา ศนู ยศ์ กึ ษาและพฒั นาชมุ ชนชลบรุ ี กรมการพฒั นาชมุ ชน
น้าหมกั ..อนิ ทรยี ์ 28 ศนู ยฝ์ ึกอบรมศาสตรพ์ ระราชา ศนู ยศ์ กึ ษาและพฒั นาชมุ ชนชลบรุ ี กรมการพฒั นาชมุ ชน
เป็ น สารละลายสนี ้าตาลขน้ ทไี่ด้จากการย่อยสลายเซลล์พชื หรอื เซลล์สตั ว์ โดยผา่ นกระบวนการหมกั ของจุลนิ ทรยี ์ ทงั้ ทตี่ ้องการออกซเิ จน และไม่ต้องการ ออกซเิ จน ด้วยการเตมิ น้าตาลทรายแดง หรอื กากน้าตาล ให้เป็นแห ล่ง พลงั งานของจุลนิ ทรยี ์ทที่ าหน้าที่ ย่อยสลาย ในน้าหมกั ชวี ภาพทผี่ า่ นกระบวนการย่อยสลายสมบูรณ์ จงึ ประกอบด้วย จุลินทรีย์หลำยชนิด และสารประกอบจากเซลล์พชื หรอื เซลล์สตั ว์ ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต โปรตนี กรดอะมโิน ธาตุอาหาร เอน็ ไซม์ ฮอร์โมนพชื ซงึ่ การทา น้าหมกั นนั้ มดี ้วยกนั หลายสูตร สามารถแยกพอเขา้ ใจได้ดงั น้ี 29 ศนู ยฝ์ ึกอบรมศาสตรพ์ ระราชา ศนู ยศ์ กึ ษาและพฒั นาชมุ ชนชลบรุ ี กรมการพฒั นาชมุ ชน
นำ้ หมักมูลไสเ้ ดอื น นำหมักมูลไส้เดือนคือ คือ กำรนำมูลไส้เดือนไปขยำยเชือจุลินทรีย์ให้ออกมำใน รปู แบบของนำซงึ่ จะทำให้เรำได้เชือจุลนิ ทรยี ท์ ม่ี ำกขึน ซ่งึ มีธำตุอำหำรท่ีพืชต้องกำรเป็น จำนวนมำก เป็นปุ๋ยชนิดนำเรำนำไปฉีดพ่น หรอื ผสมนำรดต้นไม้ ส่วนประกอบ 1. มูลไส้เดือนแอฟริกัน (AF) 1 กิโลกรมั 2. ยำคลู ท์ 1 ขวด 3. กำกนำตำล 100 มล. 4. นำเปลำ่ 10 ลิตร 5. เครือ่ งออกซิเจน 1 ตัว 6. ถัง (มีฝำปดิ ) 1 ใบ วิธที า 1. เทนำเปล่ำใส่ถงั ทเ่ี ตรยี มไว้ เติมยำคูลท์ และ กำกนำตำล ใน ปริมำณที่กำหนด จำกนนั คนใหเ้ ข้ำกนั 2. ใส่มูลใสเ่ ดอื นในถงุ กระสอบขนำดเล็ก มดั ปำกถงุ ใหแ้ น่นแชท่ งั ถงุ 3. นำถงุ ใส่เดอื นแชล่ งไปในถังนำหมกั ทผ่ี สมตำมขอ้ 1 แล้ว ปิดฝำ ถงั เปิดเครอ่ื งทำออกซิเจนตลอด 7 วัน (เจำะรทู ี่ฝำถงั เพ่ือร้อย สำยออกซิเจนเขำ้ ถัง) 4. หมักครบ 7 วัน สำมำรถนำมำใช้งำนได้ หำกใชไ้ มห่ มดหลงั 1 เดือนใหเ้ ตมิ กำกนำตำลครงั ละ 1-2 ชอ้ นโตะ๊ คนให้เขำ้ กนั สำมำรถนำไปใชไ้ ดต้ ่อ (ทกุ 15 วนั ใหเ้ ตมิ กำกนำตำลจนกวำ่ จะ ใชห้ มด) หมำยเหตุ : ไม่ควรใชน้ ำทม่ี ีสว่ นผสมของคลอรนี เพรำะคลอรนี จะไป ฆำ่ จุลินทรีย์บำงชนิดที่เรำตอ้ งกำรใช้ประโยชน์ 30 ศนู ยฝ์ ึกอบรมศาสตรพ์ ระราชา ศนู ยศ์ กึ ษาและพฒั นาชมุ ชนชลบรุ ี กรมการพฒั นาชมุ ชน
น้ำหมกั มูลไสเ้ ดอื น วธิ กี ารนาไปใช้ 1. พ่นทำงใบ ใช้นำหมักมูลไส้เดือน 1 ลิตร ผสมกับนำเปล่ำ 10 ลติ ร ใหพ้ ่นตอนเช้ำหรือตอนเยน็ ขณะที่มีแสงแดดออ่ นๆ 2. ใชเ้ ปน็ นำรดโคนต้น พอดนิ ช่มุ หรือดินอมุ้ นำ ใชน้ ำหมักมูลไส้เดอื น 1 ลติ ร ผสมกับนำเปลำ่ 20 ลิตร 3. ใช้พ่นเปน็ สเปรยเ์ คลือบผิวเมล็ด เมลด็ พันธุ์ก่อนปลกู ประโยชน์ 1. นำหมกั มลู ไส้เดอื นไม่ใชป่ ุ๋ยเคมี ชว่ ยทำใหต้ ้นพชื มีรำกแขง็ แรง ทำให้ ตน้ พชื มลี ำต้นทีส่ มบูรณ์โตเรว็ ไดผ้ ลผลิตเพม่ิ มำกขนึ 2. ใชเ้ ปน็ ยำขับไลแ่ มลงศัตรขู องพชื ได้ 3. มแี บคทีเรยี และจุลนิ ทรีย์ ช่วยกินเชือรำตำ่ งๆ ช่วยรักษำรำดำบนผลไม้ ใบไม้ และจดุ สดี ำบนดอกไม้ 4. มีคณุ สมบัตเิ ปน็ ฮอร์โมนพืช ช่วยใหพ้ ชื ติดดอก ออกผลไดด้ แี ละแข็งแรง 5. เพม่ิ จลุ ินทรยี ใ์ นดนิ ชว่ ยให้ดินมีควำมอุดมสมบรู ณ์ 31 ศนู ยฝ์ ึกอบรมศาสตรพ์ ระราชา ศนู ยศ์ กึ ษาและพฒั นาชมุ ชนชลบรุ ี กรมการพฒั นาชมุ ชน
น้ำหมกั สมนุ ไพร 7 รส ปัจจุบันปุ๋ยหมักชีวภาพและน้าหมักชีวภาพนัน เป็นที่นิยม กันมากในกลุ่มเกษตรกร เพราะสามารถใช้แทนสารเคมีได้ ส่วน น้าหมักชีวภาพนัน เป็นทังอาหารของพืชและช่วยไล่แมลง หนอน และเพลีย ซึ่งเป็นเหตุ ของโรคระบาดในพืชมากมาย การน้าสมนุ ไพรมาใช้ในการควบคมุ โรค แมลง นันควรมีความ เข้าใจพืนฐานของฤทธิ์ยาสมนุ ไพรและสรรพคุณของสมุนไพรนันๆ โดยรสยาของสมุนไพรนันหมายถึง สรรพคุณของสมุนไพรแต่ละ ชนิด ซึ่งในการใช้สมุนไพรปรับปรุงดิน สามารถแบ่งออกตาม รสชาติของสมุนไพรได้ 7 รส ดังนี 32 ศนู ยฝ์ ึกอบรมศาสตรพ์ ระราชา ศนู ยศ์ กึ ษาและพฒั นาชมุ ชนชลบรุ ี กรมการพฒั นาชมุ ชน
มำท้ำควำมรู้จกั กบั สำรสกดั สมนุ ไพร 7 รส กนั ค่ะ รส สรรพคณุ ชนิดสมุนไพร จืด บารุงดิน ยอ่ ยสลายซากพืช/สัตว์ ตา้ ลงึ รางจืด ผักตบ ขม ปรบั ค่า ความเปน็ กรดด่างของดนิ ผกั บุ้ง ต้นกลว้ ย อืน่ ๆ ฝาด บา้ บัดนา้ เสีย จัดเปน็ สมนุ ไพรที่มี ความสา้ คญั มากทีส่ ุด สร้างภมู คิ ุ้มกัน ปอ้ งกัน โรค และ บอระเพด็ ฟ้าทะลายโจร ลูกใต้ใบ สะเดา อืน่ ๆ แบคทีเรีย ป้องกนั เชือรา ยับยงั เชือรา หมาก เปลือกมงั คุด มะเดือ่ ตะโก จิก อื่นๆ เมาเบอ่ื ไล่ แมลง หางไหล ใบน้อยหน่า ฝกั คณู กลอย แสยก อื่นๆ หอมระเหย ไล่ แมลง ตะไคร้หอม ดอกดาวเรือง เผด็ ร้อน ไล่ แมลง สาบเสือ หอมแดง อื่นๆ เปรย้ี ว ทาความสะอาด พรกิ ดีปลี ข่า ขิง พรกิ ไทย กระเทียม อืน่ ๆ มะนาว มะกรดู มะขาม สบั ปะรด อื่นๆ 33 ศนู ยฝ์ ึกอบรมศาสตรพ์ ระราชา ศนู ยศ์ กึ ษาและพฒั นาชมุ ชนชลบรุ ี กรมการพฒั นาชมุ ชน
สดั ส่วนมำตรฐำน น้ำหมักสมนุ ไพร 7 รส สูตรที่ 1 อตั ราส่วน 3 : 1 : 10 สมนุ ไพร 3 กิโลกรัม น้าตาลหรือกากนา้ ตาล 1 กิโลกรัม นา้ สะอาด 10 ลติ ร ใชเ้ วลาในการหมกั 3 - 12 เดอื น สูตรท่ี 2 อัตราส่วน 3 : 1 : 1 : 10 สมนุ ไพร 3 กิโลกรมั กิโลกรัม น้าตาลหรือกากน้าตาล 1 นา้ สะอาด 10 ลติ ร ใช้เวลาในการหมัก 3 เดอื น 34 ศนู ยฝ์ ึกอบรมศาสตรพ์ ระราชา ศนู ยศ์ กึ ษาและพฒั นาชมุ ชนชลบรุ ี กรมการพฒั นาชมุ ชน
วิธีกำรท้ำนำ้ หมกั สมนุ ไพร 7 รส 1. นำสมนุ ไพร (ตำมรสทีต่ ้องกำร) มำสับขนำดควำมยำวประมำณ 2-3 นิว เตรยี มผสม 2. ใสน่ ำสะอำดลงถังหมกั 10 ลิตร 3. ใส่นำตำลทรำยแดง หรอื กำกนำตำล ลงถงั หมัก 1 กิโลกรัม 4. คนให้เข้ำกัน 5. นำสมุนไพรท่ีสบั แล้ว 3 กโิ ลกรมั ใส่ถัง คนสว่ นผสมทงั หมดให้เขำ้ กนั อีกครงั จำกนนั ปิดฝำภำชนะ ทิงไว้ 90 วนั 6. ในชว่ ง 1 - 3 วนั แรก ใหค้ นกลับสว่ นผสม วันละ 1 ครังเพอ่ื ป้องกันมใิ ห้ เกิดกำรบดู หรือเสีย เนื่องจำกสว่ นผสมบำงสว่ นทท่ี ีอ่ ยู่ด้ำนบนไมค่ ่อยจะ ได้รับนำตำล จึงจำเปน็ ตอ้ งคนกลบั ส่วนผสมในช่วง 1 – 3 วนั แรก วิธใี ชน้ ำ้ หมกั สมุนไพร 7 รส นำหมกั สมุนไพร 1 ลิตร ผสมกบั นำ 20 ลิตร ใชฉ้ ีดพน่ ให้ท่ัว ถำ้ เปน็ พืชผักใหฉ้ ดี พน่ ทุก ๆ 3 วนั ถำ้ เปน็ ไม้ผลให้ฉีดพน่ ทุก 7 วัน 35 ศนู ยฝ์ ึกอบรมศาสตรพ์ ระราชา ศนู ยศ์ กึ ษาและพฒั นาชมุ ชนชลบรุ ี กรมการพฒั นาชมุ ชน
ฮอร์โมน..บารุงพชื 36 ศนู ยฝ์ ึกอบรมศาสตรพ์ ระราชา ศนู ยศ์ กึ ษาและพฒั นาชมุ ชนชลบรุ ี กรมการพฒั นาชมุ ชน
ฮอร์โมน..ไข่ ส่วนประกอบ 4 ฟอง 4 ชอ้ งโต๊ะ 1. ไข่ไก่ 2 ชอ้ งโตะ๊ 2. นำตำลทรำยแดง ½ ขวด 3. ผงชรู ส 1 ช้อนชำ้ 4. ยำคลู ท์ 5. ลกู แปง้ ขำ้ วหมำก 1 ขวด 1 อัน (หรอื 1 สว่ นส่ีของก้อนลูกแป้งข้ำวหมำก) 6. ขวดพลำสติกเปลำ่ ขนำด 750 มล. 7. กรวยกรอกนำ วธิ ที า 1. เตรียมขวดเปล่ำและกรวย 2. ตอกไข่ จำนวน 4 ฟอง ใส่ขวด 3. ใสว่ ัตถดุ บิ ตำ่ งๆลงในขวด นำตำลทรำยแดง 4 ช้อนโตะ๊ ผงชูรส 2 ชอ้ นโต๊ะ ยำคลู ท์ ½ ขวด ลกู แหง้ ขำ้ วหมำกบใี ห้เปน็ ผง 1 ช้อนชำ (1 สว่ นสีข่ องก้อน ลูกแบง้ ข้ำวหมำก) 4. ปิดฝำขวด แลว้ เขยำ่ ขวดแรงๆ จนเป็นเนือเดยี วกนั 5. คลำยเกลยี วฝำขวดใหห้ ลวมตงั ทิงไว้ในร่ม 3-5 วนั ระหวำ่ งนนั ตอ้ งเขยำ่ ขวด ทุกวัน เมือ่ ครบ 3 วนั ก็สำมำรถนำไปใช้งำนไดท้ นั ที 37 ศนู ยฝ์ ึกอบรมศาสตรพ์ ระราชา ศนู ยศ์ กึ ษาและพฒั นาชมุ ชนชลบรุ ี กรมการพฒั นาชมุ ชน
ฮอร์โมน..นม ส่วนประกอบ 1 กล่อง 1 ช้อนโตะ๊ 1. นมจดื 1 ขวด 2. นำตำลทรำยแดง 1 ขวด 3. ยำคลู ท์ 4. ขวดพลำสติกเปลำ่ ขนำด 750 มล. วธิ ที า 1. เทสว่ นผสมใสข่ วดพลำสตกิ ประกอบดว้ ย นมจืด 1 กล่อง นำตำลทรำยแดง 1 ชอ้ นโต๊ะ และยำคูลท์ 1 ขวด 2. ปดิ ฝำขวดและเขย่ำใหส้ ว่ นผสมทงั หมดละลำยเปน็ เนอื เดียวกัน 3. ควรหมกั ทงิ ไว้ 3-5 วนั (หรอื มำกวำ่ นกี ไ็ ด้) เพื่อเชอื จลุ นิ ทรยี ์ทำงำนได้ เตม็ ที่ เพอื่ เปน็ กำรเพ่ิมประสทิ ธิภำพ หมำยเหตุ : • กรณีทีเ่ ปน็ นมหวำน ก็สำมำรถทำไดโ้ ดยไม่ต้องใส่นำตำล • กรณีเร่งดว่ น สำมำรถนำมำใชไ้ ด้ทนั ทีหลังจำกผสมเสร็จ 38 ศนู ยฝ์ ึกอบรมศาสตรพ์ ระราชา ศนู ยศ์ กึ ษาและพฒั นาชมุ ชนชลบรุ ี กรมการพฒั นาชมุ ชน
ฮอร์โมน..นม วธิ กี ารใชง้ าน ผสมฮอร์โมนนม 1 ช้อนโตะ๊ ต่อนำ 3 ลิตร ฉดี ใบพืชผกั ผลไม้ โดยฉีดพน่ ทกุ 5-7 วนั ประโยชน์ ลักษณะทางกายภาพและชีวภาพของฮอร์โมนนมสด : ฮอร์โมนนมสด เป็นกำรย่อยสำรอำหำรในนำนมโดยกำรหมัดด้วยจุลินทรีย์ท่ีมีประโยชน์เพื่อให้มี ขนำดเล็กอยู่ในรูปของคีเลทหรือโมเลกุลขนำดเล็ก เพ่ือให้พืชสำมำรถนำไปใช้ได้ โดยงำ่ ย ประโยชน์ต่อพืชและดินของฮอร์โมนนมสด : เป็นธำตุอำหำรพืชทังธำตุ หลักและธำตูรอง ท่ีพืชสำมำรถดุดซึมธำตุอำหำรไปใช้ได้โดยง่ำย ช่วยเร่งกำร เจริญเติบโต ทำให้พืชแข็งแรงแล้วโตเร็ว เร่งกำรแตกยอดใหม่ และเพิ่มกำรแตกกอ ของพืช เพ่ิมจำนวนกำรออกดอก และทำให้ก้ำนดอกแข็งแรงไม่ร่วงหล่นง่ำย ทำให้ ไม้ผลมีผลรสหวำนกรอบอร่อย และผักกินใบทำให้ใบกรอบหวำน เป็นอำหำรเสริม พืช เป็นโปรตนี สำหรับพืชรำคำถูก 39 ศนู ยฝ์ ึกอบรมศาสตรพ์ ระราชา ศนู ยศ์ กึ ษาและพฒั นาชมุ ชนชลบรุ ี กรมการพฒั นาชมุ ชน
การเพาะเหด็ ฟางในตะกร้า 40 ศนู ยฝ์ ึกอบรมศาสตรพ์ ระราชา ศนู ยศ์ กึ ษาและพฒั นาชมุ ชนชลบรุ ี กรมการพฒั นาชมุ ชน
การเพาะเหด็ ฟางในตะกร้า ส่วนประกอบ 1 ก้อน/ตะกร้ำ 1 ใบ 1. หัวเชอื เหด็ ฟำง 1 กำมือ/ตะกร้ำ 2. ตะกร้ำพลำสตกิ ทมี่ ชี ่องรปู ระมำณ 1 นิว 1 กำมอื /ตะกรำ้ 3. มูลวัว 1 กำมือ/ตะกรำ้ 4. แป้งขำ้ วเหนียว/แป้งขำ้ วเจ้ำ ½ ก้อน 5. รำข้ำว 1 ใบ 6. ฟำง 1 ใบ 7. ถงุ ดำ 8. กะละมัง วธิ ที า 1. ขันเตรียมกำร 1.1 แช่ฟำงในนำเปล่ำทิงไว้ 1 คนื 1.2 แช่มลู วันในนำเปลำ่ ทิงไว้ 1-2 ชม. 41 ศนู ยฝ์ ึกอบรมศาสตรพ์ ระราชา ศนู ยศ์ กึ ษาและพฒั นาชมุ ชนชลบรุ ี กรมการพฒั นาชมุ ชน
การเพาะเหน็ ฟางในตะกร้า วธิ ีทา 2. ขนั ตอนกำรทำตะกร้ำเห็ดฟำง 2.1 นำหัวเชือเหด็ ฟำงออกจำกถงุ พลำสติก และทำกำรยีหัวเชือเปน็ ฝอยๆ ในกะละมัง 2.2 ใส่มูลววั ที่ผ่ำนกำรแช่นำ 1 กำมือใส่กะละหัวเชอื คลุกเคล้ำให้เข้ำกัน 2.3 ใส่แปง้ ข้ำวเหนยี วหรอื แปง้ ขำ้ วเจำ้ 1 กำมอื คลกุ เคล้ำให้เขำ้ กนั 2.4 ใสร่ ำข้ำว 1 กำมอื คลกุ เคล้ำใหเ้ ขำ้ กนั 2.5 ใส่ฟำงทีผ่ ่ำนกำรแช่นำแล้วลงในตะกรำ้ ใหค้ วำมสงู ประมำณ 1-2 นิว 2.6 โรยเชอื เหด็ ฟำงทผ่ี สมแลว้ บรเิ วณชิดขอบตะกร้ำ (ไมโ่ รงตรงกลำง) เพรำะเวลำท่ีเหน็ งอกจะไดโ้ ผห่ ัวออกบริเวณรตู ะกร้ำ 2.7 จำกนันทำชนั ท่ี 2 โดยกำรใสฟ่ ำงในตะกร้ำควำมสงู ประมำณ 1-2 นิว แล้วโรยด้วยหัวเชอื เห็ดฟำงท่ผี สมแล้วบรเิ วณขอบตะกรำ้ 2.8 ชนั ที่ 3 ชนั สุดทำ้ ย ใส่ฟำงตำมเดมิ แตใ่ หโ้ รยหัวเชือใหท้ วั่ ฟำงเลย เพรำะชันนเี หด็ จะโตขนี ดำ้ นบนไดเ้ ลย แลว้ ก็ทำกำรคลมุ ฟำงบำงๆ เปน็ ชัน สุดท้ำย 2.9 เกบ็ ตะกรำ้ เห็ดฟำงเข้ำโรงเรอื นหรือใชถ้ ุงดำคลุมให้มิดชดิ ห้ำมเปิด 4 วนั 3. ขันตอนกำรดแู ลหลงั จำกทำตะกร้ำเหด็ ฟำงเสร็จ หลงั จำกคลมุ ถุงดำครบ 4 วัน ให้เปดิ ถงุ เพื่อระบำยอำกำศตรวจสอบควำมชืน ในตะกรำ้ ถำ้ ตะกร้ำแหง้ ให้รดนำท่ีพนื รอบตะกร้ำจนชมุ่ และและสงั เกตว่ำเชือ เหด็ เกิดใยหรอื ไม่ ถ้ำเกิดใยเปน็ เยอ่ื ขำวๆ แสดงว่ำเชือเห็ดมกี ำรเตบิ โต หลังจำก นนั ให้เปิดถุงหรือโรงเรือนทุกวนั ๆ ละ 15-20 นำที ตำมลักษณะของอำกำศ 42 ศนู ยฝ์ ึกอบรมศาสตรพ์ ระราชา ศนู ยศ์ กึ ษาและพฒั นาชมุ ชนชลบรุ ี กรมการพฒั นาชมุ ชน
น้ายา เอนก ประสงค์ น้าหมกั ชวี ภาพ จากผลไม้ หรอื สมุนไพร รสเปร้ยี ว 43 ศนู ยฝ์ ึกอบรมศาสตรพ์ ระราชา ศนู ยศ์ กึ ษาและพฒั นาชมุ ชนชลบรุ ี กรมการพฒั นาชมุ ชน
สูตร : นำ้ หมกั สบั ปะรด สว่ นประกอบ 1 กโิ ลกรมั 3 ลิตร 1. หัวเชอื Texapon (N70) 10 ลติ ร 2. นำเกลือ (ต้มเกลอื เม็ด 8 ขีดตอ่ นำ 3 ลิตร) 1 ลิตร 3. นำด่ำง 4. นำหมักสับปะรด เตรยี มสว่ นผสมสาคัญ วิธกี ารทานา้ ด่าง วิธีการทานา้ หนักสับปะรด นำขีเถ้ำจำกกำรเผำฟืน 1 เตรียมถังพลำสติกท่ีมีฝำปิด ขนำด 20- 30 ลิตร (หรือขนำดตำมควำมเหมำะสม) กิโลกรัม ผสมกับนำเปล่ำ 5 ลิตร เติมนำลงในถัง 10 ลิตร เติมนำตำลทรำย 1 คนใหเ้ ข้ำกนั 5-7 วัน โดยให้คนทุก กิโลกรัม จำกนัน หั่นสับปะรดทังหัวเป็นชิน วัน หลังจำกครบกำหนดให้ตังทิงไว้ หยำบๆ จำนวน 3 กิโลกรัม ใส่ลงในถัง ปิดฝำ จนขีเถ้ำตกตะกอน ก็สำมำรถเอำ ทิงไว้ 30 วัน ก็สำมำรถกรองเอำนำหมักหัว นำมำทำนำด่ำงได้เลย เชือสบั ปะรดมำใช้งำนได้ 44 ศนู ยฝ์ ึกอบรมศาสตรพ์ ระราชา ศนู ยศ์ กึ ษาและพฒั นาชมุ ชนชลบรุ ี กรมการพฒั นาชมุ ชน
สูตร : นำ้ หมักสบั ปะรด วิธีทา วธิ ีการทานา้ ยาเอนกประสงค์ สตู ร นา้ หมักสับปะรด 1. ใส่หวั เชอื N70 จำนวน 1 กก. ลงถังกวน ใชท้ ่อนไมก้ วน หวั เชือ N70 ใหแ้ ตกขน้ เปน็ เนือ เดียวกัน โดยใหก้ วนไปทำงเดียวกนั เพื่อปอ้ งกนั กำรเกดิ ฟองระหว่ำงทำ อยำ่ งน้อย 10 นำที เนือ N70 จะกรำยเป็นสีขำวนวล 2. เทนำเกลือทผี่ ่ำนกำรต้มจนละลำย จำนวน 3 ลิตร จำกนนั กวนต่อจนนำเกลอื กับ N70 เข้ำกันโดยใหย้ กปลำยไมข้ นึ มำดวู ำ่ N70 ยังมีกำรจบั ตวั เปน็ กอ้ นหรอื ไม่ 3. เมอ่ื N70 กับนำเกลือละลำยเปน็ เนือเดยี วกันแลว้ ให้เตมิ นำด่ำงลงในถงั ทลี ะลิตรโดยค่อยๆ เท เพรำะหำกเทแรงจะทำให้เกดิ ฟอง ระหวำ่ งนันกใ็ ชไ้ ม้กวนไปเลอื่ ยๆ นำดำ่ ง 1 ลิตรกวน 5 นำที จนครบ 10 ลติ ร 4. เทนำหมักสับปะรด 1 ลิตร ลงในถัง ใช้ไม้กวนไปเล่อื ยๆ ประมำณ 30-40 นำที จนกรำยเปน็ เนอื เดียวกัน จำกนนั ให้เทหัวเชอื กลิ่น (หำกต้องกำร) แล้วกวนอกี เล็กน้อย 5. ปลอ่ ยทงิ ไวจ้ ะฟองยบุ เทใส่ขวดหรือภำชนะพรอ้ มใชง้ ำน เกรดความรู้ 1) N 70 มำจำก Texapon N70 มชี อ่ื ทำงเคมวี ่ำ Sodium Lauryl Ether Sulfate เป็นสำรประเภท สำรลดแรงตงึ ผวิ ประจุลบ มีคณุ สมบตั ิในกำรทำควำมสะอำดไดด้ ีทำให้เกดิ ฟอง ได้เร็ว 2) กำรขยำยนำหมักหวั เชือสับปะรด : นำนำหมกั หวั เชือสับปะรดท่ีหมกั ได้ 30 วัน 1 ลิตร ผสมนำ 10 ลิตร เตมิ นำตำลทรำย 1 กิโลกรมั หมกั ทงิ ไว้ 7-10 วัน กจ็ ะไดน้ ำหมกั เพม่ิ 45 ศนู ยฝ์ ึกอบรมศาสตรพ์ ระราชา ศนู ยศ์ กึ ษาและพฒั นาชมุ ชนชลบรุ ี กรมการพฒั นาชมุ ชน
สูตร : น้ำหมักมะกรูด สว่ นประกอบ 1 กก. 1 กก. 1. N70 1.5 ลติ ร 2. LA60 2 หอ่ 3. หวั เชอื มะกรดู 1 ขวด 4. เกลอื ป่น 270 กรัม 5. กล่ินมะนำว 30 cc เตรียมสว่ นผสมสาคญั วิธีการทานา้ หมักหัวเชอื้ มะกรูด ผสมนำ 100 ลิตร ต่อผลมะกรูดที่ผ่ำนครึ่งแนวนอนประมำณ 15-20 กิโลกรัม ใส่ นำตำลทรำยขำว 6 กิโลกรัม ปิดฝำหมักทิงไว้ 14 วัน โดยให้คนวันเว้นวันจนครบ 14 วัน ชอ้ นกำกออกเอำนำหมักมำใช้ได้ วิธที า 1. ใส่ LA60 และ N70 ลงถังและใชไ้ มก้ วนให้เขำ้ กนั 2. ใสเ่ กลือปน่ ขนำด 270 กรัม 2 หอ่ กวนจนเข้ำกัน ประมำณ 5 นำที 3. ใส่หวั เชอื มะกรดู 1.5 ลติ ร กวนจนเขำ้ กัน ประมำณ 5 – 10 นำที 4. ใสน่ ำ 15 ลิตร ทยอยใส่ทีละลิตร กวนไปเลือ่ ยๆ ประมำณ 20-30 นำที จนเตมิ นำครบ 5. ใสก่ ลนิ่ มะนำวเพอื่ ดับกลิน่ นำหมกั เปน็ อันเสร็จสนิ สำมำรถใชง้ ำนได้ เกรดความรู้ 1) N 70 มำจำก Texapon N70 มชี ่ือทำงเคมีว่ำ Sodium Lauryl Ether Sulfate เป็น สำรประเภท สำรลดแรงตึงผิวประจุลบ มคี ุณสมบัติในกำรทำควำมสะอำดไดด้ ที ำให้เกดิ ฟองไดเ้ รว็ 2) LA 60 เป็นสำรขจดั ครำบ มี Active ingredient อยทู่ ่ี 60 % เหมำะสำหรับทำผลิตภัณฑ์ นำยำซกั ผ้ำ นำยำลำ้ งจำน นำยำล้ำงสุขภัณฑ์ และนำยำทำควำมสะอำดในอตุ สำหกรรมหนกั ตำ่ งๆ (เพม่ิ ประสิทธิภำพ กำรทำควำมสะอำดให้มำกขึน) 46 ศนู ยฝ์ ึกอบรมศาสตรพ์ ระราชา ศนู ยศ์ กึ ษาและพฒั นาชมุ ชนชลบรุ ี กรมการพฒั นาชมุ ชน
รว4บ7 รวศศมนนูู แยยศฝ์์ ลึกกึ อษะบาแรจมลดศัะพาทสฒั ตนารพา์ โชรดมุะรชศายนชชานูลบนยรุ ี ากศร์ งมกสกึ าราษพวฒั าพนาแรชมุรลชณนะธพิภฒั า นนากั ชรบมุ นชกันทชรลพั บยารุ กี รบคุ คลชานาญการ
Search
Read the Text Version
- 1 - 47
Pages: