Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง จากยุคมืดสู่ความเจริญแห่งปัญญา ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง จากยุคมืดสู่ความเจริญแห่งปัญญา ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563

Published by สุนิษา, 2021-05-15 04:20:39

Description: ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง จากยุคมืดสู่ความเจริญแห่งปัญญา ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563

Search

Read the Text Version

ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ หน่วยท่ี 2 จากยคุ มืดสคู่ วามเจริญแหง่ ปัญญา ส30271 อารยธรรมตะวันตก 47 ใบความรู้ เรื่อง การปฏิรูปศาสนา การปฏิรปู ศาสนา (RELIGIOUS REFORMATION) เกดิ ข้นึ ในครสิ ต์ศตวรรษท่ี 16 มีสาเหตุ สาคัญมาจาก ความเส่ือมความนิยมในผู้นาทางศาสนาและการเกิดแนวคิดใหม่เก่ียวกับศาสนา เนื่องจากมีการศึกษาคัมภีร์ ไบเบิลและแปลออกเปน็ ภาษาต่างๆ เช่น ภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน ทาให้คริสต์ศาสนิกชนมีความรู้ความ เข้าใจใหม่ การปฏิรูปศาสนาจึงเกิดขึ้นในหลายๆ ประเทศ โดยมีผู้นาการปฏิรูปหลายคนและใช้ชื่อแตกต่างกัน การปฏิรูปคริสต์ศาสนา หมายถึง ขบวนการในยุโรปตะวันตกที่ปัจเจกชนและสถาบันต่างๆ แสดงความเห็น คดั ค้านการปฏิบตั ิท่ไี ม่ถกู ตอ้ งตามหลกั ในคัมภีรไ์ บเบลิ การปฏริ ปู เป็นไปอย่าง ตอ่ เน่ือง จนในที่สุดคริสต์ศาสนา ในยโุ รปได้แตกแยกเปน็ 2 นกิ าย คือโรมนั คาทอลิกและ โปรเตสแตนต์ สาเหตุการปฏิรูปศาสนา มีดังนี้ 1. ประชาชนไม่พอใจสันตะปาปาที่กรุงโรม พระและบาทหลวงท่ีมีความเป็นอยู่อย่าง ฟุ่มเฟือย หรูหรา ท้ังยังเรยี กเกบ็ ภาษบี ารงุ ศาสนาสูงข้ึน เพอื่ นาเงินไปใช้จ่ายในคริสตจักรใน กรุงโรม รวมท้ังการซื้อขายตาแหน่ง ของพวกบาทหลวงและความเสอ่ื มเสยี ในจรยิ วตั รของ สนั ตะปาปาทคี่ รองอานาจในคริสตศ์ ตวรรษท่ี 15-16 2. เจา้ ผู้ครองแคว้นตา่ งๆ ในยุโรปต้องการเป็นอิสระจากคริสตจักรที่มีสันตะปาปาเป็น ผู้ปกครอง และ จากจักรพรรดแิ หง่ จกั รวรรดโิ รมันอันศกั ด์ิสิทธ์ิ เน่อื งจากสนั ตะปาปาเข้าไปยุ่งเกีย่ ว และใช้อานาจทางการเมอื ง 3. การศึกษาในสมยั ฟื้นฟูศลิ ปวทิ ยาการ ทาให้ชาวยุโรปเห็นวา่ มนษุ ย์สามารถทาความ เขา้ ใจคัมภรี ์ ไบเบลิ ไดด้ ้วยตนเองมากกว่าท่จี ะผ่านพธิ ีกรรมของศาสนจกั ร 4. สันตะปาปาจูเลียสท่ี 2 (JULIUS II) และสันตะปาปาลโี อที่ 1 ต้องการหาเงินในการก่อสรา้ งมหา วหิ ารเซนตป์ เี ตอร์ท่ีกรงุ โรม จงึ สง่ คณะสมณทูตมาขาย “ใบไถบ่ าป” ในดนิ แดน เยอรมนี เน่ืองจากเป็นแนวคิด ของชาวครสิ ตว์ า่ พระเป็นเจ้าส่งพระเยซูคริสตม์ าชว่ ยมนุษย์ให้พน้ จากบาป เรียกว่า การไถบ่ าป (REDEMPTION) ด้วยการเสยี สละพระชนม์ชีพ การไถ่บาปจะเป็นการ เปิดทางให้มนษุ ย์ได้รับการอภยั โทษ และกลบั มามีความสัมพนั ธก์ บั พระเจา้ และเพื่อนมนษุ ย์ได้ อย่างถกู ต้อง การเร่มิ ต้นปฏิรูปศาสนา การปฏิรูปศาสนาเร่ิมต้นในดินแดนเยอรมนีใน ค.ศ. 1517 เม่ือมาร์ติน ลูเธอร์ (MARTIN LUTHER : ค.ศ. 1483-1546) นักบวชชาวเยอรมันและเป็นผู้สอนเทววิทยาสายคัมภีร์ (BIBLICAL THEOLOGY) แห่ง มหาวิทยาลัยวิทเทนบูร์ก (WITTENBURG) ใน เยอรมนี ได้เขียนญัตติ 95 ข้อ (NINETY-FIVE THESES) คัดค้าน การขายใบไถ่บาปติดไว้หน้ามหาวิหารแห่งเมืองวิทเทนบูร์ก ญัตติ ของเขาได้รับการสนับสนุนอย่า ง กว้างขวางในเยอรมนีแต่ผู้นาของคริสตจักรได้ลงโทษเขา โดยประกาศให้เขาเป็นบุคคลนอกศาสนา (การบัพพาชนียกรรม : EXCOMMUNICATION) แต่เจ้าชาย เฟรเดอริก (FRIEDERICK THE WISE) ผู้ครอง แคว้นแซกโซนีได้ให้ ความอุปถัมภ์เขาไว้ และให้เขาแปลคัมภีร์ไบเบิลเป็นภาษาเยอรมันทาให้ความรู้ด้าน

ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ หน่วยท่ี 2 จากยุคมดื สูค่ วามเจริญแหง่ ปญั ญา ส30271 อารยธรรมตะวันตก 48 ศาสนาแพร่หลายไปท่ัว นอกจากน้ีเขา ได้ก่อตั้งนิกายลูเธอร์ (LUTHERANISM) ซ่ึงได้แพร่ขยายไปทั่วเยอรมนี และสแกนดเิ นเวีย ในสวิตเซอร์แลนด์ได้เกิดการปฏิรูปศาสนาเช่นกัน โดยเริ่มจากอุลริค ชวิงลี (ULRICH ZWINGLI : ค.ศ. 1484-1531) ชาวเยอรมัน ไฮริช บูลลิงเจอร์ (HEINRICH BULLINGER) และจอห์น คาลวิน หรือกัลแวง (JOHN CALVIN : ค.ศ. 1509-1564) ชาวฝรั่งเศส ซึง่ เป็นผกู้ อ่ ต้งั ลัทธิคาลวินส์ (นิกายกัลแวง : CALVINISM) ที่ แพร่หลายในสวิตเซอรแ์ ลนด์ ฝรั่งเศส และสกอตแลนด์ ในอังกฤษ พระเจ้าเฮนรีที่ 8 ทรงขัดแย้งกับสันตะปาปา เร่ืองการหย่าขาดกับพระมเหสี องค์เดิม ของพระองค์ คือ พระนางแคเธอรีนแห่งอารากอน (CATHERINE OF ARAGON) เพ่ืออภิเษก สมรสใหม่ พระองค์จึงให้อังกฤษแยกตัวทางศาสนาออกจากศาสนจักรท่ีกรุงโรม โดยแต่งต้ัง สังฆราชแห่งแคนเทอร์บิวรี (ARCHBISHOP OF CANTERBURY) ขึ้นใหม่ ต่อมาใน ค.ศ. 1563 กษัตริย์ อังกฤษ (สมเด็จพระราชินีนาถเอลิ ซาเบทที่ 1) ทรงประกาศต้ังนิกายองั กฤษหรอื นิกายแองกลิคัน (ANGLICAN CHURCH) โดยกษัตริย์อังกฤษเป็น ประมขุ ของศาสนานกิ ายนม้ี ลี ักษณะเดน่ คือ การ ยอมรับและรักษาพิธีกรรมต่างๆ ของนิกายโรมันคาทอลิก แต่ ไม่ยอมรบั นบั ถอื สันตะปาปาทก่ี รงุ โรม ในฝรั่งเศส ลัทธคิ าลวนิ ได้แพร่หลายในฝรั่งเศสในกลุ่มที่เรียกว่า พวกอูเกอโนต์ (HUGUENOT) ซ่ึงถกู รัฐบาลปราบปรามอย่างหนกั ในคริสตศ์ ตวรรษท่ี 16 การปฏิรูปได้แพร่ขยายจากเยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ องั กฤษ ฮอลแลนด์ และกลมุ่ สแกน- ดิเนเวีย ไปยังประเทศอ่ืนๆ ในยุโรป และมีการต่อต้านทุกแห่งการต่อต้าน อย่างรุนแรงเกิดขึ้นใน ฝรง่ั เศสและสเปน จนกลายเปน็ สงครามศาสนา นิกายทางศาสนาที่เกิดขึ้นใหม่ในคริสต์ศตวรรษที่ 16 น้ี คือ นิกายโปรเตสแตนต์ (PROTESTANTISM) ซึ่งหมายถึงผู้คัดค้าน ซ่ึงต่อมาได้แยกเป็นนิกายต่างๆ มากมาย เช่น นิกายลูเธอร์แรน นกิ ายรฟี อรม์ นิกายเพรสไบทเี รยี น นิกายแองกลิคนั เป็นต้น การปฏิรปู ศาสนาของครสิ ตจกั ร เม่ือมีการปฏิรูปศาสนาในดินแดนต่างๆ นักบวชและชาวคริสต์บางคนได้รวมตัวกันต่อต้าน และ ปฏริ ูปตนเอง รวมท้ังชักชวนใหค้ ริสต์ศาสนิกชนอนื่ ๆ ทาตามบางทา่ นมีผู้เล่ือมใสและยกยอ่ ง ให้เป็นนักบุญ เช่น บริจิตต์แห่งสวีเดน (BRIGITT OF SWEDEN) ฟรังซีสแห่งปาโอลา (FRANCIS OF PAOLA) ในอิตาลี และพวก ปัญญาชนพยายามศึกษาเร่ืองศาสนาและเผยแพร่สู่ประชาชน ซึ่งการ ปฏิรูปดังกล่าวเป็นการปฏิรูปจาก ครสิ ต์ศาสนิกชนเบอ้ื งลา่ ง แตเ่ มือ่ การปฏิรูปศาสนาลกุ ลามไป อยา่ งรวดเรว็ คริสตจกั รจงึ ไดห้ าทางยับยง้ั ดงั น้ี 1. การประชมุ สังคายนาแหง่ เทรนต์ (COUNCIL OF TRENT) ในระหวา่ ง ค.ศ. 1545-1547 และ ค.ศ. 1562-1563 เพ่อื กาหนดระเบยี บวนิ ัยภายในครสิ ตจกั ร ยกเลิกการขายใบไถบ่ าป และ ใหใ้ ชภ้ าษาพ้ืนเมือง ในการสอนศาสนา

ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ หนว่ ยที่ 2 จากยุคมดื สู่ความเจรญิ แห่งปญั ญา ส30271 อารยธรรมตะวนั ตก 49 2. การปรับปรุงระเบยี บวินยั ของนกั บวชและต้ังคณะนักบวชเพื่อการปฏิรูป เช่น คณะเยซูอิตตั้งขึ้นใน ค.ศ. 1534 เพ่ือจัดต้ังโรงเรียนสอนศาสนาและเผยแผ่ศาสนาไปยังประเทศต่างๆการปฏิรูปศาสนาของ คริสตจักรทาใหเ้ กดิ มชิ ชันนารีจานวนมาก เพื่อเผยแผค่ าสอนของ โรมนั คาทอลิกไปทว่ั โลก ผลของการปฏิรปู การศาสนา มดี ังน้ี 1. ครสิ ต์ศาสนาแบง่ ออกเป็น 2 นิกาย คือ โรมันคาทอลิก มีศูนย์กลางท่ีกรุงโรม มี สันตะปาปาเป็น ประมุข และนิกายโปรเตสแตนต์ ซึ่งแยกเป็นนิกายต่างๆ ได้แก่ นิกายลูเธอร์แรน นิกายคาลวิน นิกายแองกลิ คัน เป็นต้น (ส่วนนิกายออร์ทอดอกซ์ แยกตัวไม่ข้ึนกับสันตะปาปา ในค.ศ.1045 โดยมีสังฆราชท่ีเรียกว่า PATRIARCH เป็นประมุข ซ่ึงแพร่หลายในกรีซ รัสเซีย เซอร์เบีย โรมาเนีย บัลแกเรีย) ทาให้ความเป็นเอกภาพ ทางศาสนาสิน้ สุดลง 2. เกิดการกระตุ้นให้ศึกษาหลักธรรมทางคริสต์ศาสนามากย่ิงข้ึนในหมู่สามัญชน มีการเผยแผ่คริสต์ ศาสนาไปยงั ดินแดนต่างๆ 3. เกดิ กระแสชาตนิ ิยมในประเทศต่างๆ เนื่องจากนกิ ายโปรเตสแตนตส์ ่งเสรมิ วัฒนธรรม ท้องถ่ิน และสง่ เสรมิ ให้อานาจแก่ผูป้ กครองในท้องถนิ่ เป็นตัวแทนของพระเจา้ ในการปกครอง ประเทศ 4. เกดิ สงครามศาสนาในยโุ รปหลายคร้งั ส่งผลให้สถาบันกษัตรยิ ์มีอานาจเหนอื ครสิ ตจกั รในท่ีสุด

ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ หนว่ ยท่ี 2 จากยุคมดื สูค่ วามเจรญิ แหง่ ปญั ญา ส30271 อารยธรรมตะวันตก 50 บันทึกการทากจิ กรรมท่ี 6 การสารวจกเสา้นรปทฏางิรทปู าศงาทสะนเลา เรอ่ื ง การปฏิรปู ศาสนา คาสัง่ จากภาพให้นกั เรยี นสืบค้นการปฏริ ปู ศาสนาของนักปฏริ ูปศาสนาท่านดงั กลา่ ว แล้วจงึ เติมลง ในช่องวา่ งใหถ้ ูกต้อง นกั ปฏิรูปศาสนา ศาสนา/ลักษณะสาคัญ 1. ............................................................................ ............................................................................... ชอ่ื .................................. ............................................................................ ……………………………….. ............................................................................... ............................................................................ ............................................................................... 2. ............................................................................ ............................................................................... ชื่อ.................................. ............................................................................ ……………………………….. ............................................................................... ............................................................................ ............................................................................... 3. ............................................................................ ............................................................................... ช่ือ.................................. ............................................................................ ……………………………….. ............................................................................... ............................................................................ ............................................................................... ผลของการปฏิรูปศาสนาเปน็ อยา่ งไร ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... .........................................................................................................................................................................

ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ หนว่ ยที่ 2 จากยุคมืดสู่ความเจรญิ แหง่ ปัญญา ส30271 อารยธรรมตะวนั ตก 51 หน่วยท่ี 2 จากยุคมืดสู่ความเจริญแห่งปญั ญา เรอื่ ง การปฏิวัติวทิ ยาศาสตร์ กิจกรรมท่ี 7 การปฏวิ ตั ิวทิ ยาศาสตร์ ผลการเรียนรู้ วเิ คราะห์เหตุการณส์ าคัญต่างๆทีส่ ่งผลตอ่ การ เปลี่ยนแปลงทางสังคมเศรษฐกิจและการเมอื งเข้าสูโ่ ลก สมยั ปัจจบุ ัน กิจกรรมที่ 7 การปฏวิ ัติวทิ ยาศาสตร์

ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ หนว่ ยท่ี 2 จากยุคมืดส่คู วามเจริญแห่งปัญญา ส30271 อารยธรรมตะวนั ตก 52 กจิ กรรมที่ 7 เรือ่ ง การปฏิวัติวิทยาศาสตร์ จุดประสงค์ของกจิ กรรม วิเคราะห์เหตุการณ์สาคัญต่างๆที่ส่งผลต่อการเปล่ียนแปลงทางสังคมเศรษฐกิจแล ะ การเมอื งเข้าสูโ่ ลกสมัยปจั จุบัน สือ่ ในการเรยี นรู้ 1. วดิ ีทศั น์ เร่อื ง การปฏิวัติวิทยาศาสตร์ 2. ใบความรู้ เร่อื ง การปฏวิ ตั วิ ิทยาศาสตร์ 3. บันทึกกิจกรรม เร่อื ง การปฏิวัตวิ ิทยาศาสตร์ วิธกี ารเรียนรู้ 1. นกั เรียนศึกษาวดี ิทัศน์ เร่อื ง การปฏวิ ัตวิ ทิ ยาศาสตร์ 2. ศึกษาใบความรู้เรือ่ ง การปฏิวตั วิ ิทยาศาสตร์ 3. ใชก้ ระบวนการจับคู่ ตอบคาถาม โดยการหยบิ ฉลากคาถาม 4. บนั ทกึ กิจกรรม เร่อื งการปฏิวตั วิ ทิ ยาศาสตร์

ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ หน่วยท่ี 2 จากยุคมดื สคู่ วามเจริญแห่งปัญญา ส30271 อารยธรรมตะวนั ตก 53 ใบความรู้ เรื่อง การปฏิวัติวิทยาศาสตร์ การฟ้ืนฟูศิลปะวิทยาการในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 14 - 16 ถือว่าเป็นการเริ่มต้นของการปฏิวัติทาง วิทยาศาสตร์เน่ืองจากเป็นผลมาจากความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติ การแสวงหาความรู้ใหม่ด้วยการสังเกต ทดลอง และการใช้เหตุผลในยุคฟ้ืนฟูศิลปะวิทยาการ ศิลปินที่สาคัญต่างๆต่างใช้หลัก วิชากายวิภาคศาสตร์ เช่น กล้ามเนื้อและโครงสร้างของมนุษย์มาสร้างสรรค์งานศิลปกรรม ทั้งงานจิตรกรรมและประติมากรรมที่เน้น สัดส่วนและความงดงามของสรีระของมนุษย์อย่างแท้จริง ความสนใจในเร่ืองการเดินเรือทาให้มนุษย์ในยุโรป สมัยกลางคิดประดิษฐ์เคร่ืองมือสาหรับการ เดินทาง เช่น เลนส์สาหรับกล้องส่องทางไกลและกล้องดูดาว พฒั นาเทคนิคการต่อเรอื เป็นตน้ จากยุคโบราณถึงยุคกลางการศกึ ษาด้านวทิ ยาศาสตรแ์ ละปรัชญาเป็นวิชาแขนงเดียวกนั นอกจากนี้ ครสิ ตศ์ าสนายงั มีอิทธิพลครอบงาความรดู้ า้ นตา่ งๆในครสิ ตศ์ ตวรรษที่ 16 จงึ มกี ารแยกวิชาปรชั ญาออกจาก วทิ ยาศาสตร์ ซึ่งในระยะแรกเปน็ การศึกษาเกีย่ วกบั ธรรมชาติ ส่วนปรัชญา เป็นเรื่องการศึกษาความคิดวิธี การศกึ ษาในชว่ งครสิ ต์ศตวรรษท่ี 16 กเ็ ปลีย่ นไปจากเดมิ มาก ซ่ึงแตเ่ ดิมเป็นความเชื่อตามศาสนาและเช่อื ตาม นกั ปราชญ์โบราณในยุคน้ี ปญั ญาชนได้ใช้วิธีสังเกตคิดประดิษฐอ์ ปุ กรณ์มาช่วยในการสงั เกต และใช้การทดลอง อยา่ งมีเหตผุ ล ทาให้วิทยาศาสตร์ กา้ วหน้ามากขน้ึ ชว่ ยให้การศึกษาคณติ ศาสตร์ ดาราศาสตร์ มีความลึกซง้ึ มากกว่าเดิม นอกจากนี้ ยังทาให้เกิดความร้ดู ้านอน่ื ๆ พฒั นาขึ้นดว้ ย นักวิทยาศาสตร์และผลงานในช่วงน้ี ได้แก่ 1.นิโคลสั โคเปอรน์ ิคัส (NICOLUS COPERNICUS : ค.ศ. 1473-1543) ชาวโปแลนด์ เสนอทฤษฎีว่า ดวงอาทิตยเ์ ป็น ศนู ย์กลางของจักรวาล โดยมีดาวเคราะหร์ วมทั้งโลกหมนุ รอบ ดวงอาทติ ย์ ทฤษฎขี องเขาล้ม ลา้ งความเช่อื ของคนในสมยั โบราณและสมัยกลางท่ียึดถือข้อสมมติฐานของอริสโตเติล(ARISTOTLE)และงาน เขยี นของโตเลมี (PTOLEMY) ทอี่ ธิบายว่า โลกเปน็ ศูนยก์ ลางของจกั รวาล 2. กาลิเลโอ กาลเิ ลอิ (GALILEO GALILEI : ค.ศ. 1564- 1642) ชาวอิตาลไี ด้ประดิษฐ์กลอ้ งโทรทัศน์เพ่อื สงั เกตการโคจรรอบดวงดาว ทาใหน้ กั ดาราศาสตรไ์ ด้รับความร้เู กย่ี วกบั จักรวาลและการเคล่ือนทีใ่ นระบบ สุรยิ ะจกั รวาลตามทฤษฎีของโคเปอรน์ ิคัส ทฤษฎีของกาลเิ ลโอขัดแยง้ กับครสิ ตศ์ าสนาทาใหถ้ กู ลงโทษจาก ครสิ ตจกั ร 3. เซอร์ ฟรานซสิ เบคอน (SIR FRANCIS BACON : ค.ศ. 1561-1626) ชาวอังกฤษไดว้ างรากฐาน การศกึ ษางานด้านวิทยาศาสตร์ จนในที่สุดทาใหม้ ีการจดั ตง้ั ราชบณั ฑติ ยสมาคม ทเ่ี รียกว่า THE ROYAL SOCIETY OF LONDON FOR THE PROMOTION OF NATURAL KNOWLEDGE ขึน้ เพอ่ื สง่ เสริมการค้นคว้า ทางวทิ ยาศาสตร์ 4. เรอเน เดส์การส์ (RENE DESCARTES : ค.ศ. 1596- 1650) ชาวฝร่ังเศสได้เสนอหลกั การใช้เหตุผล และการศกึ ษาคน้ คว้า วิจัยในการแสวงหาความรูแ้ ละการวิเคราะหท์ างคณิตศาสตร์วา่ สามารถนามาพสิ ูจน์ และตรวจสอบข้อเท็จจรงิ ได้ 5. เซอร์ ไอแซก นิวตัน (SIR ISAAC NEWTON : ค.ศ. 1642- 1727) ชาวองั กฤษค้นพบกฎแรงดึงดูด (LAW OF UNIVERSAL ATTRACTION) และกฎแห่งความโน้มถว่ ง (LAW OF GRAVITY) ซ่งึ เปน็ ผลให้นกั

ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ หนว่ ยที่ 2 จากยคุ มดื สคู่ วามเจริญแหง่ ปัญญา ส30271 อารยธรรมตะวันตก 54 วทิ ยาศาสตร์อธิบายการโคจรของโลกและดาวเคราะหต์ ่างๆ ท่ีหมุนรอบ ดวงอาทิตย์ได้ สาเหตุทีท่ าใหเ้ กิดการปฏวิ ัตทิ างวิทยาศาสตร์ มดี ังน้ี 1. การฟ้ืนฟูศลิ ปะวทิ ยาการ เป็นผลใหช้ าวยโุ รปสนใจใฝห่ าความรแู้ ละกระตือรือรน้ ท่ีจะ หาความรใู้ หมๆ่ นอกจากนร้ี ะบบการพิมพ์ก็กา้ วหนา้ ขึ้น ทาให้ประชาชนสนใจที่จะศึกษามากขึน้ 2. การสารวจทางทะเลและการคน้ พบดินแดนใหม่ๆ ทาให้ชาวยุโรปพบเหน็ ส่งิ ใหม่ๆ พชื พนั ธุใ์ หม่ คนตา่ งเช้อื ชาตติ ่างวัฒนธรรม ทาใหเ้ กิดอยากเรียนร้เู สาะหาข้อเทจ็ จริงใหม่ๆ ยิง่ ข้นึ ผลของการปฏิวตั ทิ างวทิ ยาศาสตร์ มดี งั น้ี 1.ทาใหเ้ กิดความรู้ใหม่แตกแยกออกไปหลายสาขา ทั้งคณติ ศาสตร์ ดาราศาสตร์ ฟิสกิ ส์ พฤกษศาสตร์ และการแพทย์ ความรูท้ างวทิ ยาศาสตรไ์ ด้ถูกนามาประยุกต์ใช้ในงานตา่ งๆ เชน่ การประดิษฐน์ าฬิกา การคานวณการยิงปนื ใหญ่ มีการจดั ตัง้ ราชบณั ฑติ ยสถานทางวทิ ยาศาสตร์ท่ีองั กฤษใน ค.ศ. 1662 2. มอี ิทธิพลตอ่ ความคดิ และความเชื่อของชาวยุโรป ทาให้ชาวยโุ รปเชือ่ มัน่ ตนเอง และเช่ือมนั่ ในอนาคต วา่ จะสามารถนาความสาเรจ็ มาสชู่ ีวติ ได้ ทาใหเ้ กดิ ความปรารถนาท่ีจะเรียนรู้และประดษิ ฐ์สงิ่ ตา่ งๆ 3. นาไปสกู่ ารปฏิวัตทิ างภมู ปิ ญั ญา (INTELLECTUAL REVOLUTION) ในครสิ ต์ศตวรรษที่ 18 อกี ด้วย ซึ่งหมายถึงยุคที่ชาวยุโรปกลา้ ใช้เหตผุ ลแสดงความเหน็ เกย่ี วกับการเมือง การปกครอง ตลอดจนเรยี กร้องสทิ ธิ เสรภี าพ และความเสมอภาคเท่าเทยี มกนั เกดิ นักปรัชญา ทางการเมืองทีส่ าคญั เชน่ วอล์แตร์ (VOLTAIRE) และมองเตสกเิ ออร์ (MONTESQUICU) ซึ่งเปน็ พืน้ ฐานสาคญั ทาใหต้ ะวันตกเขา้ ส่คู วามเจรญิ ในยุคใหม่ คริสต์ศตวรรษท่ี 18 จึงไดร้ ับสมญาว่าเปน็ ยุคแหง่ ความร้แู จ้งหรือยคุ ภูมิธรรม (THE AGE OF ENLIGHTENMENT) อนั เป็นความคิดพ้ืนฐานของ การปกครองระบอบประชาธิปไตยในเวลาตอ่ มา ที่มา www. https://suphannigablog.wordpress.com

ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ หน่วยท่ี 2 จากยคุ มดื สคู่ วามเจรญิ แหง่ ปญั ญา ส30271 อารยธรรมตะวันตก 55 บันทกึ การทากจิ กรรมท่ี 7 การสากราวรจปเสฏน้วิ ทัตาิวงทิ ทยาางศทาะสเลตร์ เร่อื ง การปฏิวตั วิ ทิ ยาศาสตร์ คาส่ัง ให้นกั เรียนสรปุ สาระสาคัญเรอ่ื งการปฏิวัติวทิ ยาศาสตร์มาให้เข้าใจตามหัวข้อต่อไปนี้ สาเหตุ ……………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………… ผลการปฏิวตั ิวทิ ยาศาสตร์ ……………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………… นกั วทิ ยาศาสตร์และ ……………………………………………………………………………………… ผลงาน ……………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………… … ……………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………… … ……………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………… …

ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ หนว่ ยที่ 2 จากยุคมืดสคู่ วามเจรญิ แห่งปัญญา ส30271 อารยธรรมตะวันตก 56 หนว่ ยที่ 2 จากยุคมืดสคู่ วามเจริญแห่งปัญญา เร่ือง การปฏวิ ตั ิอตุ สาหกรรม กิจกรรมที่ 8 การปฏิวัตอิ ุตสาหกรรม ผลการเรียนรู้ วเิ คราะห์เหตกุ ารณส์ าคญั ตา่ งๆท่สี ่งผลตอ่ การ เปล่ยี นแปลงทางสังคมเศรษฐกจิ และการเมืองเข้าสู่ โลกสมัยปัจจบุ ัน

ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ หนว่ ยท่ี 2 จากยคุ มดื ส่คู วามเจรญิ แหง่ ปญั ญา ส30271 อารยธรรมตะวนั ตก 57 กิจกรรมที่ 8 เรอื่ ง การปฏวิ ตั ิอตุ สาหกรรม จดุ ประสงค์ของกจิ กรรม วิเคราะห์เหตุการณ์สาคัญต่างๆที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคมเศรษฐกิจและการเมืองเข้าสู่ โลกสมัยปจั จบุ นั ส่อื ในการเรยี นรู้ 1. วิดีทศั น์ เร่อื ง การปฏวิ ัติอตุ สาหกรรม 2. ใบความรู้ เร่อื ง การปฏวิ ัติอุตสาหกรรม 3. บันทกึ กิจกรรม เรือ่ ง การปฏวิ ัติอตุ สาหกรรม วิธีการเรยี นรู้ 1. ครูอธบิ ายโดยใช้ Powerpoint เร่ือง การปฏวิ ตั ิอุตสาหกรรม 2. ศึกษาใบความรเู้ ร่ือง การปฏิวัติอตุ สาหกรรม 3. ใช้กระบวนการเล่นเกมสบ์ ิงโก และกจิ กรรมใบ้-บอด 4. บันทกึ กิจกรรม เรอ่ื ง การปฏิวตั ิอุตสาหกรรม

ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ หน่วยที่ 2 จากยคุ มืดส่คู วามเจริญแหง่ ปญั ญา ส30271 อารยธรรมตะวนั ตก 58 ใบความรู้ เรอื่ ง การปฏวิ ตั ิอตุ สาหกรรม การปฏิวัติอุตสาหกรรม (INDUSTRIAL REVOLUTION) หมายถึง กระบวนการเปล่ยี นแปลง ในวธิ ีการผลิตและระบบการผลติ จากเดิมระบบการผลติ มักทากนั ภายในครอบครัว พ่อค้ามักเป็นนายทุนซือ้ วัตถุดบิ แล้วแจกจ่ายให้แตล่ ะครอบครัวรับมาทา แล้วพ่อค้าจะรบั ผลติ ภัณฑท์ ีส่ าเรจ็ แลว้ ไปขายคนงานก็จะได้ ค่าจา้ งเป็นการตอบแทน การผลติ สนิ คา้ เดิมใชแ้ รงงานคน แรงงานสตั ว์ รวมทง้ั พลงั งานจากธรรมชาติ เคร่อื งมอื แบบง่ายๆ มาเปน็ การใชเ้ ครื่องจักรกลแทน เริ่มจากแบบงา่ ยๆ จนถงึ แบบซบั ซ้อนท่ีมีกาลังผลิตสูงจนเกดิ เปน็ การผลิตในระบบโรงงาน (FACTORY SYSTEM) การผลติ ภายในครอบครวั ก็ค่อยๆ หมดไป และผคู้ นจานวน มากตามชนบทต้องอพยพเข้ามาทางานเป็นกรรมกรในโรงงาน การปฏวิ ตั ิอตุ สาหกรรมครงั้ แรกเกิดในประเทศอังกฤษในคริสต์ศตวรรษที่ 18 และได้แพร่ขยายไปยัง ประเทศตะวนั ตกอ่ืนๆ ทว่ั โลก การปฏวิ ตั อิ ุตสาหกรรมนับเป็นปรากฏการณ์ใหม่ท่มี ผี ลกระทบตอ่ การเมืองการ ปกครอง สงั คม เศรษฐกจิ และวัฒนธรรมของมนษุ ยชาตทิ ่วั โลก อังกฤษ : ผนู้ าการปฏวิ ตั อิ ตุ สาหกรรม การปฏวิ ัติอตุ สาหกรรมเร่ิมตน้ ที่องั กฤษเพราะอังกฤษมปี จั จัย สนับสนุนการขยายตัวทางอุตสาหกรรมครบถว้ น คือ มีทนุ วัตถุดบิ แรงงาน และตลาดการค้า อังกฤษเป็นผนู้ าในการปฏวิ ัตเิ กษตรกรรม (AGRICULTURAL REVOLUTION) โดยนาความรู้ทาง วทิ ยาศาสตร์มาปรับปรงุ การเกษตรให้พฒั นาขึ้น โดยในคริสตศ์ ตวรรษที่ 16 องั กฤษนาระบบล้อม เขตทด่ี ิน (ENCLOSURE SYSTEM) มาใช้เพ่อื เพ่มิ ผลผลิตทางเกษตรอยา่ งแพรห่ ลาย ซ่ึงเป็นผลให้เจ้าของทด่ี นิ รายใหญ่ สามารถรวบรวมทด่ี ินของตนเปน็ ผืนใหญ่และสร้างรวั้ ลอ้ มท่ีดนิ ของตนเพื่อป้องกันความเสียหายของพืชผลจาก การทาลายของคนและสตั ว์ นอกจากน้ยี ังนาวิทยาการใหม่ๆ มาใช้ในการผลิตการปรบั ปรุงวธิ ีการทานาใหม้ ี ประสิทธิภาพยง่ิ ข้นึ การปฏิวัติเกษตรกรรมนาไปสู่การปฏวิ ัตอิ ตุ สาหกรรม การเกษตรกรรมในอังกฤษได้ผลดขี ้นึ ทาใหก้ ารค้าขายเจริญรุ่งเรอื งขึ้น ประเทศมคี วาม ม่งั ค่ังขนึ้ ใน ค.ศ. 1694 รัฐบาลจัดตงั้ ธนาคารแหง่ ประเทศองั กฤษ (BANK OF ENGLAND) เพ่ือเป็น แหลง่ ระดมทุนของรัฐ ทรพั ยากรมนษุ ย์ขององั กฤษก็มคี วามพร้อมสนับสนุนการปฏวิ ตั อิ ตุ สาหกรรม เพราะชาวองั กฤษไม่เคร่งครัดต่อ การแบ่งแยกชนช้ัน เช่น สังคมอ่ืนๆ ในยุโรป ท้ังยังให้การ ยอมรบั ชนทุกช้ันที่สามารถสร้างฐานะเปน็ ปกึ แผน่ ดงั นนั้ ขนุ นางอังกฤษจึงไม่รังเกียจท่จี ะทาการค้า เชน่ เดียวกับคนชั้นกลางท่ีพยายามยกสถานภาพทางเศรษฐกิจ ให้เท่าเทียมขนุ นาง นอกจากนี้รฐั ยงั ส่งเสริมให้การค้าขยายตวั เชน่ มกี ารออกพระราชบัญญัตสิ รา้ งถนน ท่าจอดเรือ และขุดคูคลอง ตา่ งๆ เปน็ จานวนมาก เพอ่ื ใชเ้ ป็นเส้นทางคมนาคมทางการคา้ มีการยกเลกิ การเกบ็ ภาษผี ่านดา่ น และมนี โยบายการคา้ แบบเสรี ซ่ึงเปน็ การกระตุน้ ใหม้ ีการขยายตัวของตลาดการค้าภายในอยา่ ง กวา้ งขวาง ปจั จยั สาคญั ท่ีทาใหอ้ งั กฤษเปน็ ประเทศผนู้ าการปฏิวตั อิ ุตสาหกรรม เน่อื งจากในระหวา่ ง คริสต์ศตวรรษที่ 17-18 องั กฤษมีอาณานิคมท่ีอยโู่ พน้ ทะเลที่เปน็ แหลง่ วตั ถุดิบและตลาดทงั้ ใน ทวปี เอเชียและ อเมริกา จนในท่ีสุดการค้าได้กลายเป็นนโยบายหลักของประเทศ เรือรบของอังกฤษ ทาหน้าทรี่ กั ษาเส้นทาง ทางการค้าทางทะเล และใหค้ วามคุ้มครองแก่เรอื พาณิชยท์ ี่เดินทางไปค้าขายทว่ั โลก ส่งิ เหลา่ นี้คอื ปัจจัยที่ทาให้

ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ หน่วยที่ 2 จากยุคมืดสคู่ วามเจรญิ แหง่ ปญั ญา ส30271 อารยธรรมตะวนั ตก 59 ชาวอังกฤษคดิ ค้นประดิษฐเ์ ครอ่ื งจักรมาใช้ในโรงงาน อุตสาหกรรมอยา่ งตอ่ เนื่อง การปฏวิ ตั อิ ตุ สาหกรรมแบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือ การปฏวิ ตั อิ ุตสาหกรรมระยะแรกใน ระหว่าง ค.ศ 1760-1840 เปน็ ระยะที่มีการประดิษฐเ์ ครื่องจกั รชว่ ยในการผลิตและการปรับปรงุ โรงงานอตุ สาหกรรมให้ มีประสทิ ธิภาพ และการปฏวิ ัติอตุ สาหกรรมระยะที่ 2 ระหว่าง ค.ศ. 1861- 1865 เปน็ การปรบั ปรุงการ คมนาคมสอื่ สาร ซึง่ เป็นผลมาจากความสาเร็จของอุตสาหกรรมเหลก็ และเครื่องจักรไอน้า การปฏวิ ตั ิอุตสาหกรรมในระยะแรก คือ การประดษิ ฐเ์ พ่อื ตอบสนองอตุ สาหกรรมการ ทอผา้ เชน่ ใน ค.ศ. 1733 จอหน์ เคย์ (JOHN KAY) แห่งเมืองแลงคาเชียร์ (LANCASHIRE) ไดป้ ระดิษฐก์ ี่กระตุก (FLYING SHUTTLE) ซึ่งช่วยใหช้ ่างทอผ้าสามารถผลติ ผ้าไดม้ ากกวา่ เดิมถงึ 2 เทา่ ค.ศ. 1764 เจมส์ ฮารก์ รีฟส์ (JAMES HARGREAVES) สามารถผลิตเครอ่ื งป่ันด้าย (SPINNING JENNY) ไดส้ าเร็จ ต่อมา ค.ศ. 1769 ริชารด์ อารก์ ไรต์ (RICHARD ARKWRIGHT) ได้ปรับปรุง เครื่องป่ันด้ายใหม้ ปี ระสิทธิภาพเพ่ิมขนึ้ และพัฒนาเปน็ เครื่องจักรกลที่ ใชพ้ ลงั นา้ หมุนแทนพลงั คนเรียกวา่ WATER FRAME ทาให้เกิดโรงงาน ทอผา้ ตามรมิ ฝ่ังแม่น้าทว่ั ประเทศ มีการ ขยายตวั ทาไร่ฝา้ ยในอเมริกา ต่อมาวติ นีย์ (ELI WHITNEY) สามารถประดิษฐเ์ คร่ือง แยกเมลด็ ฝา้ ยออกจากใย (COTTON GIN) ได้เม่ือ ค.ศ. 1793 การพฒั นาอุตสาห- กรรมการทอผ้าขององั กฤษเจรญิ เติบโตอยา่ งต่อเนอ่ื ง จนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 19 การประดิษฐ์ที่พัฒนาควบคูก่ บั การทอผ้า คอื การประดิษฐเ์ ครื่องจักรไอนา้ โดยเจมส์ วัตต์ (JAMES WATT) ชาวสกอต ประดษิ ฐ์ไดใ้ น ค.ศ. 1769 โดยใชข้ บั เคลื่อนเคร่ืองจักรกลแทนพลงั งาน นา้ ซง่ึ ส่งผลให้ นาไปใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ เชน่ เหมอื งแร่และการทอผา้ ต่างใชเ้ คร่อื งจกั รไอน้า เป็นพลังขบั เคลือ่ น เคร่อื งจักรกลทั้งส้ิน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเหลก็ เมื่อมีการพฒั นาเคร่ืองจักร กลไอน้า ทาใหอ้ ตุ สาหกรรม เหล็กขยายปริมาณการผลิตได้อย่างรวดเรว็ และเม่ือเฮนรี คอรต์ (HENRY CORT) ชาวองั กฤษคดิ คน้ วิธกี าร หลอมเหลก็ ใหม้ ีคุณภาพดีขึ้น กส็ ง่ ผลใหม้ ีการปรับปรุงคุณภาพของปนื ใหญ่ ตลอดจนยทุ โธปกรณต์ ่างๆ ให้มี ประสทิ ธภิ าพขึ้น ตอ่ มาใน ค.ศ. 1807 ชาวอังกฤษไดป้ ระกอบธุรกิจอตุ สาหกรรมจาหนา่ ยเครือ่ งจักร ณ เมืองลจี (LIEGE) ประเทศเบลเยยี ม ทาให้เกดิ การปฏิวัติอตุ สาหกรรมข้นึ ในเบลเยยี ม แต่อยา่ งไรก็ตาม ในต้น คริสตศ์ ตวรรษที่ 19 องั กฤษยังครองความเป็นผูน้ าในการปฏิวัตอิ ุตสาหกรรม โดยใน ค.ศ. 1851 อังกฤษได้จัด แสดงนิทรรศการครงั้ ใหญ่ (GREAT EXHIBITION) แสดงความก้าวหน้าทาง เทคโนโลยีและอตุ สาหกรรมเหลก็ ขององั กฤษ การปฏวิ ัติอุตสาหกรรมระยะที่ 2 เป็นการปรับปรงุ การคมนาคมสื่อสาร ซ่งึ เป็นผลมาจาก ความสาเรจ็ ของอตุ สาหกรรมเหล็กและเคร่ืองจักรไอนา้ โดยใน ค.ศ. 1804 รชิ าร์ด เทรวที ิก(RICHARD TREVITICK) นาพลงั งานไอน้ามาขับเคล่ือนรถบรรทุก รถจักรไอน้าจึงมบี ทบาทสาคัญใน อุตสาหกรรมขนสง่ ท่ี มีชื่อเสียงมาก คอื หัวรถจักรไอน้า ชอ่ื ร็อกเกต (ROCKET) ของจอร์จ สตี- เฟนสนั (GEORGE STEPHENSON) ทาให้มกี ารเปิดบริการรถจักรไอนา้ บรรทุกสนิ คา้ เปน็ ครั้งแรก ตอ่ มามีการดัดแปลงมารับส่งผโู้ ดยสารถอื เปน็ จดุ เรมิ่ ต้นการเขา้ สู่ยุคการใชร้ ถไฟ ซ่งึ เป็นผลทาให้ ความเจริญขยายตวั จากเขตเมืองไปสู่ชนบท เปลี่ยนชนบท ใหก้ ลายเป็นเมือง นอกจากน้ีรถไฟยัง เปน็ พาหนะสาคญั ในการลาเลียงกาลังพลและอาวธุ ยุทโธปกรณ์ต่างๆ และเป็นสิง่ กระตุ้นใหย้ ุโรป สนใจกระบวนการปฏวิ ตั อิ ุตสาหกรรมในคริสต์ศตวรรษที่ 19 ฝรั่งเศสภายหลงั การปฏวิ ตั ใิ น ค.ศ. 1789 (FRENCH REVOLUTION : ค.ศ. 1789) ได้หนั มาสนใจ

ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ หนว่ ยท่ี 2 จากยคุ มืดสคู่ วามเจรญิ แหง่ ปญั ญา ส30271 อารยธรรมตะวนั ตก 60 ปฏิวัติอุตสาหกรรมเช่นเดยี วกับเยอรมนีและสหรฐั อเมริกา และก้าวขึ้นเปน็ คู่แขง่ กับอังกฤษ สว่ นการคมนาคมทางนา้ ใน ค.ศ. 1807 โรเบิรต์ ฟุลตัน (ROBERT FULTON) ชาวอเมรกิ นั ประสบ ความสาเร็จในการนาพลงั ไอน้ามาใช้กับเรือเพื่อรบั สง่ ผูโ้ ดยสาร ต่อมา ค.ศ. 1840แซม มวล คูนารด์ (SEMUEL CUNARD) เปิดเดินเรือกลไฟแล่นข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกได้ภายใน 14 วัน และมีการปรับปรุงเรือกลไฟให้มี ประสทิ ธิภาพยง่ิ ข้นึ ทางด้านรถยนต์มีการนาพลังไอนา้ มาใช้กบั รถสามล้อต่อมาในคริสต์ศตวรรษท่ี 19 ได้มีการ ประดษิ ฐ์เคร่ืองยนต์ทีใ่ ช้น้ามันเบนซนิ จนถึง ค.ศ. 1857 คาร์ล เบนซ์ (KARL BENZ) และ กอตตล์ บี เดมเลอร์ (GOTTLIEB DAIMLER) สามารถนาเคร่ืองยนตท์ ่ีใช้นา้ มันเบนซนิ มาใช้กับรถยนตท์ าให้อุตสาหกรรมรถยนต์ เจริญก้าวหนา้ ขน้ึ ในยุคนย้ี ังได้มกี ารประดิษฐ์เคร่ืองพิมพแ์ บบลกู กลงิ้ ข้ึนใช้ใน ค.ศ. 1812 ทาใหก้ ารพมิ พ์พัฒนา ได้ปริมาณมากขน้ึ และเร็วทนั เหตกุ ารณ์ หนังสอื พิมพจ์ ึงแพร่หลาย การเผยแพร่ความรู้และ ข่าวสารกแ็ พร่หลาย ในวงกว้างขนึ้ นอกจากน้ยี ังมีการรเิ ร่ิมระบบไปรษณีย์ในอังกฤษ ใน ค.ศ. 1840 ทาใหก้ ารสื่อสารสะดวกรวดเรว็ ขน้ึ ปลายคริสตศ์ ตวรรษท่ี 19 แซมมวล มอรส์ (SEMUEL MORSE) ประดษิ ฐ์โทรเลขได้สาเร็จเปน็ คนแรกใน ค.ศ. 1837 อเล็กซานเดอร์ เกรแฮม เบลล์ (ALEXANDER GRAHAM BELL) ประดิษฐโ์ ทรศพั ท์ได้สาเรจ็ ในค.ศ. 1876 และใน ค.ศ. 1901 กม็ ีการ ประดษิ ฐว์ ทิ ยุโทรเลขไดแ้ ละสง่ โทรเลขข้ามมหาสมุทรแอตแลนตกิ ได้สาเร็จ ธอมสั แอลวา เอดสิ นั (THOMAS ALVA EDISON) ชาวอเมริกันประดิษฐห์ ลอดไฟฟ้า เครือ่ งเลน่ จานเสียงและ กล้องถ่ายภาพยนตร์ได้ ผลของการปฏวิ ัตอิ ุตสาหกรรม มดี ังนี้ 1. ประชากรทัว่ โลกเพม่ิ ขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะความ ก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และทางด้านการแพทย์ เจริญกา้ วหน้า ขึน้ อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งความสมบรู ณ์ของอาหาร ระบบ สาธารณสุขและการดูแลสขุ ภาพ อนามยั การเพ่ิมประชากรอย่างรวดเรว็ ทาให้เกดิ การอพยพจากชนบทมาหางานทาใน เมืองจนเกดิ ปัญหาความ แออัดของประชากรในเขตเมือง 2. การก่อสรา้ งอาคารบ้านเรือนและสถาปตั ยกรรม พฒั นาก้าวหนา้ มากขึ้นเพราะการพัฒนาอุตสาหกรรมและ เทคโนโลยกี ารกอ่ สรา้ ง ทาให้อาคารแข็งแรงข้นึ การออกแบบ กอ่ สรา้ งหอไอเฟล (EIFFEL TOWER) ทก่ี รงุ ปารสี ประเทศฝรง่ั เศสใน ค.ศ. 1889 ถือเป็นสัญลักษณ์ของการเรมิ่ ต้นการก่อสร้างที่ ทันสมัยของโลก 3. เกดิ ปัญหาสังคมต่างๆ มากมาย เช่น ชุมชนแออดั การแพรก่ ระจายของเช้ือโรค ปัญหาอาชญากรรมการใช้ แรงงานเดก็ การเอารดั เอาเปรียบกัน ทาใหเ้ กิดแนวคิดของ ลัทธิสงั คมนยิ ม (SOCIALISM) ของคารล์ มาร์กซ์ (KARL MARX) ทเี่ รียกรอ้ งให้กรรมกรรวมพลังกันเพ่ือก่อการปฏวิ ัติโคน่ ลม้ ระบบ ทุนนิยม ทาใหล้ ัทธสิ ังคมนิยม มีบทบาทและอทิ ธิพลมากข้นึ 4. เกดิ ลัทธิเสรีนยิ ม (LIBERALISM) ซึ่งเป็นพ้ืนฐานการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยและ แนวคิดนแ้ี พรห่ ลาย กวา้ งขวางขน้ึ ทั้งด้านการเมืองและเศรษฐกจิ ค.ศ. 1776 แอดมั สมิธ (ADAM SMITH) ได้พมิ พง์ านเขียนชื่อ THE WEALTH OF NATIONS เพอื่ เสนอแนวคิดว่าความมั่งค่ังของประเทศจะเกดิ จากระบบการค้าแบบเสรี (LAISSEZ FAIRE) 5.การปฏวิ ัตทิ างอตุ สาหกรรมได้ขยายไปทัว่ ภูมภิ าคตา่ งๆ ของโลก ทาใหเ้ กิดการเปล่ยี นแปลง ทางด้าน เศรษฐกจิ และสงั คม การเมือง และทาให้ประเทศตา่ งๆ เหล่าน้ีมี “วฒั นธรรมร่วม” ตามตะวันตกไปดว้ ย กลา่ วได้วา่ การปฏวิ ตั ิอตุ สาหกรรมกอ่ ใหเ้ กิดการแบ่งค่ายระหว่างลัทธิทุนนิยมกับลทั ธิ สังคมนิยม

ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ หน่วยที่ 2 จากยุคมืดสู่ความเจรญิ แห่งปญั ญา ส30271 อารยธรรมตะวนั ตก 61 อยา่ งเปน็ รปู ธรรมต่อมาใน ค.ศ. 1889 ได้มีการประกาศให้วันที่ 1 พฤษภาคมของทุกปีเปน็ วนั เมย์เดยห์ รอื วนั แรงงานสากล (MAY DAY) นอกจากนยี้ ังทาให้เกิดวรรณกรรมแนวสจั นยิ ม (REALISM) ในกลางครสิ ต์ศตวรรษ ที่ 19 ทีพ่ ยายามเสนอเรือ่ งความเปน็ จริงเบ้อื งหลัง ความสาเรจ็ ของระบบสังคมอตุ สาหกรรมที่ชนชั้นกรรมกร มีชวี ติ ทย่ี ากไร้และถูกเอารดั เอาเปรียบ ที่มา www. https://suphannigablog.wordpress.com

ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ หนว่ ยท่ี 2 จากยคุ มดื สู่ความเจรญิ แหง่ ปญั ญา ส30271 อารยธรรมตะวนั ตก 62 บนั ทกึ การทากจิ กรรมที่ 8 การสากราวรจปเสฏ้นวิ ทัตาิองตุ ทสาางหทกะรเลรม เรอื่ ง การปฏิวตั วิ ทิ ยาศาสตร์ คาสัง่ ให้นักเรยี นสรปุ สาระสาคัญเร่ืองการปฏวิ ัตอิ ุตสาหกรรมมาให้เข้าใจตามหัวข้อต่อไปน้ี สาเหตุ ……………………………………………………………………………………… ผลการปฏิวตั ิ ……………………………………………………………………………………… ลกั ษณะการปฏิวตั ิ ……………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………… … ……………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………… … ……………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………… …

ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ หนว่ ยที่ 2 จากยุคมดื สูค่ วามเจริญแหง่ ปัญญา ส30271 อารยธรรมตะวันตก 63 หนว่ ยที่ 2 จากยคุ มดื สคู่ วามเจรญิ แหง่ ปญั ญา เรอื่ ง ยุคภมู ธิ รรมและแนวคิดประชาธิปไตย กิจกรรมที่ 9 ยคุ ภูมธิ รรมและแนวคดิ ประชาธปิ ไตย ผลการเรยี นรู้ วิเคราะหเ์ หตกุ ารณ์สาคัญตา่ งๆทสี่ ่งผลตอ่ การ เปล่ยี นแปลงทางสังคมเศรษฐกิจและการเมืองเข้า สโู่ ลกสมยั ปจั จุบนั

ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ หนว่ ยท่ี 2 จากยคุ มืดส่คู วามเจรญิ แหง่ ปญั ญา ส30271 อารยธรรมตะวนั ตก 64 กจิ กรรมท่ี 9 เรอื่ ง ยุคภมู ิธรรมและแนวคดิ ประชาธิปไตย จดุ ประสงค์ของกิจกรรม วิเคราะห์เหตุการณ์สาคัญต่างๆที่ส่งผลต่อการเปล่ียนแปลงทางสังคมเศรษฐกิจและการเมือง เข้าสู่โลกสมัยปจั จุบัน สอื่ ในการเรยี นรู้ 1.วดี ทิ ศั น์ เร่ืองยุคภูมิธรรมและแนวคิดประชาธิปไตย -การปฏวิ ตั ิอังกฤษ -การปฏิวัตอิ เมรกิ า -การปฏวิ ัติฝรั่งเศส 4.บัตรภาพ เรื่องยุคภมู ิธรรมและแนวคดิ ประชาธปิ ไตย 5.บัตรคา เรือ่ ง ยุคภมู ิธรรมและแนวคดิ ประชาธปิ ไตย 6.บันทึกกจิ กรรม เรือ่ ง ยุคภมู ิธรรมและแนวคิดประชาธิปไตย 7. ใบความรู้ เรอื่ ง ยคุ ภูมิธรรมและแนวคดิ ประชาธปิ ไตย วธิ ีการเรยี นรู้ 1. นกั เรียนดูวดี ิโอ เรื่อง ยคุ ภมู ิธรรมและแนวคดิ ประชาธิปไตย 2. ใช้กระบวนการเกมส์ ปรศิ นา คาทาย 3. นักเรยี นทาบนั ทึกกจิ กรรม เรื่อง ยุคภูมิธรรมและแนวคิดประชาธิปไตย 4.ทาแบบทดสอบหลังเรยี นหนว่ ยที่ 2 เรอ่ื ง เหตุการณส์ าคัญตา่ งๆท่ีส่งผลตอ่ การ เปลยี่ นแปลงโลกปัจจบุ ัน

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ หน่วยท่ี 2 จากยุคมดื ส่คู วามเจริญแหง่ ปญั ญา ส30271 อารยธรรมตะวนั ตก 65 ใบความรู้ เรื่อง ยุคภูมิธรรมและแนวคิดประชาธิปไตย เน่ืองจากวิธกี ารทางวทิ ยาศาสตร์และการหลุดพ้นจากอานาจของคริสต์ศาสนจักร ทาให้ชาวตะวันตก กล้าใช้เหตุผลเพ่ือแสดงความคิดเห็นทางสังคมและการเมืองมากข้ึน และเช่ือมั่นว่าความมีเหตุผลสามารถ เปล่ียนแปลงชีวิตและสังคมใหด้ ีขน้ึ ได้ การแสดงความคิดเห็นทางสงั คมและการเมืองตลอดจนการเรียกร้องสิทธิ เสรภี าพในการมีส่วนร่วมในการปกครองคริสต์ศตวรรษที่ 18 จึงได้รับสมญาว่าเป็น ยุคภูมิธรรม (The Age of Enlightenment) ทอมัส ฮอบส์ (Thomas Hobbes ค.ศ. 1588-1679) ท่ีมา:https://sites.google.com/site/historyinter123 ทอมัส ฮอบส์ เป็นนักปรัชญาชาวอังกฤษ \"เลอไวอะทัน\" (Leviathan)เป็นผลงานชิ้นเอกด้านปรัชญา ทางการเมืองที่ฮอบส์ใช้เผยแพร่ \"ลัทธิพื้นฐานของสังคมกับรัฐบาลที่ชอบธรรม\" ฮอบส์แสดงออกมาอย่าง เปิดเผยว่าองค์อธิปัตย์จะต้องมีอานาจครอบคลุมไปถึงศรัทธาและลัทธิ และว่าถ้าไม่ทาไปสู่ความแตกแยกใน ท่ีสุด นอกจากนี้ฮอบส์ ยังโจมตีความเชื่อทางศาสนาของมนุษย์ว่าเป็นเร่ืองไร้เหตุผล มนุษย์ควรมีชีวิตอยู่ด้วย เหตุผลและวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ไม่ควรอยู่ด้วยความเช่ืองมงาย อย่างไรก็ตามฮอบส์มิได้ปฏิเสธพระเจ้า แต่ปฏิเสธพธิ กี รรมและผ้นู าทางศาสนา จอหน์ ลอ็ ค (John Locke ค.ศ. 1632-1704) จอห์น ลอ็ ค (John Locke) เป็นนักปรัชญาชาวอังกฤษ เขาเขียนหนังสือข้ึนหลายเล่ม เชน่ Two Treatises of Government เป็นหนังสือท่กี ลา่ วถึงสิทธมิ ูลฐานของมนุษย์ โดยสรปุ ทฤษฎขี องลอ็ คกาหนด หนา้ ท่ขี องรัฐและรฐั บาลวา่ คือ การักษาสิทธธิ รรมชาติของมนุษย์ ได้แก่ ชีวิต เสรภี าพ และทรัพย์สิน รฐั ใน ทรรศนะของล็อคเป็นรัฐเสรมี ีอานาจจากดั ไมเ่ ขา้ ไปเกย่ี วข้องกบั กจิ การของปจั เจกชน ทฤษฎีของเขาถูกใช้เปน็ ทีม่ า:https://sites.google.com/site/historyinter123

ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ หนว่ ยที่ 2 จากยุคมืดสู่ความเจรญิ แห่งปญั ญา ส30271 อารยธรรมตะวนั ตก 66 พ้ืนฐานความชอบธรรมในการเปล่ียนแปลงส่รู ะบบเสรปี ระชาธิปไตยใน โลกตะวันตก โดยเฉพาะในอังกฤษและ สหรฐั อเมรกิ า บารอน เดอ มองเตสกเิ ออร์ (Baron de Montesquieu ค.ศ. 1689-1755) หรือ ชาร์ลส์ หลุยส์ เดอ เซก็ กอง ดาต์ (Charies Louis de Secondat) ทีม่ า:https://sites.google.com/site/historyinter123 ขุนนางฝรัง่ เศส เปน็ ผเู้ ขียนหนงั สอื เรอ่ื ง วญิ ญาณแห่งกฎหมาย (The Spirit of Laws) เขาได้สร้างส่ิง ท่ีเปน็ ที่รูจ้ ักในปัจจุบันคือ ทฤษฎีแบ่งแยกอานาจในระบอบการปกครองท่ีเสรีและใช้ได้จริง หากปราศจากการ การคานอานาจกันระหว่างอานาจนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการก็จะไม่เกิดเสรีภาพและการป้องกันการใช้ อานาจในทางท่ีผดิ พ้ืนฐานแนวคิดดังกลา่ วกลายเปน็ ต้นแบบของแนวคิดประชาธิปไตยเสรีที่นามาใช้ในประเทศ ท่ีมีอารยะท่ัวโลก แม้ว่าระบอบเผด็จการอยู่ด้วยก็ตามแนวคิดในทางการเมืองของมองเตสกิเออร์ ในหนังสือ เล่มน้ีมอี ทิ ธพิ ลต่อสังคมตะวันตก รัฐธรรมนูญการปกครองประเทศของสหรัฐอเมริกา ซ่ึงถือว่าเป็นแม่แบบของ ระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยก็ใช้แนวคิดเร่ืองการแบ่งแยกอานาจ และระบบคานอานาจของ มองเตสกิเออรเ์ ปน็ หลัก วอลแตร์ (Voltaire ค.ศ. 1694-1778) ทมี่ า:https://sites.google.com/site/historyinter123 มีชื่อจริงวา่ ฟรองซวั -มารี อารูเอ (Francois - Marie Arouet) เปน็ นกั คดิ และนักเขยี น ทม่ี ชี อ่ื เสยี ง ของฝรงั่ เศส เขาได้เขียนหนังสือเรอื่ ง The Philosophical Letters หรอื Letters on the English ซง่ึ ได้ โจมตสี ถาบันและกฎระเบียบตา่ งๆของฝร่ังเศส และเรยี กร้องใหม้ ีการปฏิรปู เขาเสนอให้ใชเ้ หตผุ ลและ สติปญั ญาแก้ไขปัญหาสงั คมและการเมือง ซอง-ชาคส์ รูโซ (Jean-Jacques Rousseau ค.ศ. 1712-1778) ที่มา:https://sites.google.com/site/historyinter123

ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ หน่วยท่ี 2 จากยุคมืดสคู่ วามเจรญิ แหง่ ปญั ญา ส30271 อารยธรรมตะวันตก 67 เขาเขยี นหนังสอื หลายเลม่ โจมตีฟอนเฟะของสังคม และการบริหารท่ีล้มเหลวของรัฐบาล นอกจากนี้ เขายังแสดงทัศนะเกี่ยวกับระบบการศึกษา ปัญหาความไม่เสมอภาคทางสังคมอันเป็นผลจากสภาวะแวดล้อม เร่ืองการถือครองกรรมสิทธ์ิในทรัพย์สิน และแนวทางการปกครอง และอ่ืน ๆ งานเขียนชิ้นเอกของเขาซ่ึงเป็น ตาราทางการเมืองท่สี าคัญและมอี ิทธิพลมาก คอื สัญญาประชาคม (The Social Contract) ค.ศ. 1762 การปฏิวัติทางการเมอื งการปกครองขององั กฤษ หลังจากสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่1 สิ้นพระชนม์กษัตริย์อังกฤษองค์ต่อๆ มามักจะมีความ ขัดแย้งกับรัฐสภาอยู่เสมอ เน่ืองจากการใช้พระราชอานาจเกินขอบเขต จนกลายเป็นสงครามกลางเมืองใน สมัยพระเจ้าเจมส์ที่ 2 ที่ทรงพยายามใช้อานาจอย่างสูงสุดอีก จึงก่อให้เกิดการปฏิวัติข้ึนโดยรัฐสภาอังกฤษได้ อนั เชญิ พระเจ้าวิลเลยี ม พระราชบตุ รเขยของพระเจา้ เจมส์ท่ี 2 ขึ้นครองราชยบ์ ัลลงั ก์โดยพระองค์ทรงสัญญาว่า จะปฏิบัติตามพระราชบัญญัติว่า ด้วยสิทธิพื้นฐานของพลเมืองท่ีรัฐสภาเป็นผู้จัดร่างถวายซึ่งให้อานาจรัฐสภา และให้สิทธิเสรีภาพแก่ชาวอังกฤษ เหตุการณ์คร้ังน้ีเรียกว่า การปฏิวัติอันรุ่งโรจน์ เป็นการปฏิวัติท่ีไม่มีการ เสียเลือดเนอ้ื และไดร้ ับการสนับสนุนจากชนทุกช้ัน นับแต่นั้นมารัฐสภาองั กฤษได้ออกกฎหมายให้สิทธิเสรีภาพ แก่ชาวอังกฤษ โดยรัฐสภาใหพ้ ระมหากษตั ริยล์ งพระนามในพระราชบัญญตั ิวา่ ด้วยสทิ ธิ ซ่ึงบอกว่ากษัตริย์จะทา อะไรเองตามอาเภอใจไม่ได้ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาก่อนและย้าถึงสิทธิเสรีภาพของประชาชน ปฏิรูปสังคมและการเมืองของอังกฤษ ก้าวหน้าไปตามลาดับจนถึงปัจจุบันอังกฤษได้รับการยกย่องว่าเป็น ประเทศแม่แบบ ของการปกครองแบบประชาธิปไตยการปฏิวัติใน ค.ศ. 1688 ทาให้ระบอบราชาธิปไตยแบบ เทวสิทธ์ิของอังกฤษส้ินสุดลง และได้ยุติปัญหาขัดแย้งทางการเมืองท่ีกระทบกระเทือนอังกฤษมาต้ังแต่ต้น คริสต์ศตวรรษที่ 17 นอกจากน้ใี นปตี อ่ มามกี ารออกพระราชบัญญัติว่าด้วยขันติธรรมทางศาสนา ให้เสรีภาพใน การนับถอื ศาสนาแกพ่ วกโปรเตสแตนตส์ าขาตา่ ง ๆ ทไ่ี ม่ยอมขึ้นตอ่ นกิ ายแองกลคิ ัน การปฏวิ ตั ขิ องชาวอเมรกิ ัน ค.ศ. 1776 ทม่ี า:https://sites.google.com/site/historyinter123 ช่วงระยะเวลาคร่ึงหลังของศตวรรษที่ 18 ท่ีมีการลุกฮือเพ่ือประกาศเอกราชจากจักรวรรดิอังกฤษ ของประชาชนชาวอเมริกัน จ่ึงได้มีการสถาปนาสหรัฐอเมริกาขึ้นในเวลาต่อมาหลังจากได้รับชัยชนะในการ ปฏวิ ัติในครงั้ น้ี สาเหตุในการปฏวิ ัติเพราะอังกฤษใชน้ โยบายการค้าอย่างไม่ยุติธรรมกับอาณานิคม อังกฤษใช้วิธี ซ้ือจากอาณานิคมในราคาถูกมากแล้วนาไปขายในยุโรปในราคาเพิ่มหลายเท่า ทาให้ชาวอาณานิคมไม่พอใจ และประกอบกับการที่ชาวอเมริกันได้รับแนวคิดจาก นักปรัชญา คือ จอห์น ล็อก ทาให้เหตุการณ์ลุกลามใหญ่

ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ หน่วยที่ 2 จากยคุ มืดสคู่ วามเจริญแหง่ ปัญญา ส30271 อารยธรรมตะวันตก 68 ก่อให้การประท้วงคร้ังใหญ่ อังกฤษจึงส่งกาลังเข้าปราบปรามกลายเป็น สงครามประกาศอิสรภาพ ฝรั่งเศสได้ แอบส่งกาลัง อาวุธเข้าช่วยเหลืออเมริกา จนในท่ีสุด ทาให้อเมริกาสามารถประกาศอิสรภาพได้ในวันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ. 1776 ที่เมืองฟิลาเดเฟีย (วอชิงตัน ดี.ซี. ในปัจจุบัน) เกิดประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐ อมเริกาคือ จอร์จ วอชิงตัน และการที่ฝร่ังเศสเข้าช่วยอเมริกาน้ีเอง ทาให้ทหารท่ีเข้ามาร่วมรบในสงคราม ปฏิวัติอเมริกา ได้ซึมซับแนวคิดและความต้องการอิสรภาพของชาวอเมริกันท้ังมวลเข้าไว้ และกลายเป็นพลัง ผลกั ดันทที่ าให้เกิดการปฏิวัตใิ นฝร่ังเศสและประกอบกับสภาพการณ์ ในขณะนั้นฝรั่งเศสกาลังย่าแย่ด้วยสภาพ เศรษฐกิจ สถาบันกษตั รยิ ์ที่อ่อนแอ ทาให้ฝรั่งเศสเข้าสู่การปฏิวัติฝร่ังเศส และกลายเป็นแรงผลักดันให้เกิดการ ปฏวิ ตั ิไปทวั่ ยโุ รปในเวลาต่อมาอกี ด้วย การปฏิวัติฝรัง่ เศส ค.ศ. 1789 ทม่ี า:https://sites.google.com/site/historyinter123 สาเหตขุ องการปฏิวตั ิใหญ่ฝรง่ั เศส ค.ศ.1789 สรุปได้ 3 ประการ คือ 1. ปัญหาทางเศรษฐกิจ ฝรง่ั เศสกาลงั ประสบภาวะฝดื เคืองทางเศรษฐกจิ ซง่ึ เกิดจากการใชจ้ า่ ยเพื่อ การทาสงครามต่างๆ โดยเฉพาะในสงครามประกาศอสิ รภาพของชาวอเมริกนั ระหว่าง ค.ศ.1776 - 1781 เพือ่ สนับสนุนให้ชาวอาณานิคมตอ่ ส้กู ับอังกฤษ ด้วยสาเหตุดงั กล่าวรัฐบาลของพระเจ้าหลุยสท์ ่ี 16 ( Louis XVI , ค.ศ. 1776-1792 ) จงึ มนี โยบาย จะเก็บภาษีอากรจากประชาชนเพอื่ ชดเชยรายจา่ ยทีต่ ้องสูญเสยี ไปจงึ สร้างความไม่พอใจแกป่ ระชาชนกล่มุ ต่างๆ 2. ความเหลื่อมทางสังคม ฝรงั่ เศสมีโครงสร้างทางสงั คมแบบชนชั้นโดยฐานะของผู้คนในสงั คมมสี อง กลมุ่ ใหญ่ ๆ คือ ชนชัน้ อภิสิทธิแ์ ละชนชน้ั สามญั ชนแตใ่ นทางปฏิบตั ิทางการจะแบง่ ฐานะของพลเมืองออกเปน็ 3 ชนชั้นหรอื 3 ฐานันดร ( Estates ) ได้แก่ ฐานนั ดรท่ี 1 คือ พระและนกั บวชในครสิ ตศ์ าสนา ฐานนั ดรท่ี 2 คือ ขุนนางและชนชัน้ สูง ท้ังสองฐานนั ดรเปน็ ชนชน้ั อภิสิทธ์ิมจี านวนประมาณ ร้อยละ 2 ของจานวนประชากรทง้ั หมด ฐานันดรท่ี 3 คือ สามญั ชนสว่ นใหญ่เป็นชาวนาท่ียากจนและถูกขูดรดี ภาษอี ยา่ งหนักรวมท้งั พวกชนชั้นกลาง เชน่ พอ่ ค้า ชา่ งฝีมอื และปัญญาชน ฯลฯ โดยท่ีชนชั้นฐานันดรที่ 1 และ 2 จะไม่ต้องเสียภาษีและไมต่ ้องเกณฑแ์ รงงาน 3. ความเส่ือมโทรมของระบอบการปกครองแบบเก่า กษตั ริย์ฝรัง่ เศสในระบอบสมบูรณาญาสทิ ธิราชย์ ทรงมพี ระราชอานาจเปน็ ลน้ พ้นไม่มีขอบเขตจากดั และทรงอยูเ่ หนอื กฎหมายของบ้านเมืองโดยเฉพาะในรัชสมยั ของพระเจา้ หลยุ ส์ท่ี 16 มหี ลายคร้ังท่ที รงใชอ้ านาจโดยไม่ฟงั เสียงประชาชน ทรงไมส่ นพระทัยการบริหาร

ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ หนว่ ยท่ี 2 จากยุคมดื สู่ความเจริญแห่งปญั ญา ส30271 อารยธรรมตะวันตก 69 บา้ นเมือง อีกทง้ั ยงั ทรงอยู่ภายใต้อทิ ธิพลของพระนางมารี อังตวั เนตต์ ( Marie Antoinette ) พระราชนิ ี ซง่ึ ทรงนิยมใชจ้ า่ ยในพระราชสานักอย่างฟ่มุ เฟือย เหตุการณ์การปฏวิ ัติ ที่มา:https://sites.google.com/site/historyinter123 เมื่อประเทศฝรั่งเศสประสบปัญหาทางด้านเศรษฐกิจจนไม่สามารถแก้ปัญหาได้ พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 จึงทรง เปิดประชุมสภาฐานันดร (Estates General) ในวนั ท่ี 17 มถิ ุนายน ค.ศ.1789 เพื่อขอคะแนนเสียงของตัวแทน ของประชาชนทกุ กลุม่ ชว่ ยกนั แกไ้ ขปัญหาทางการคลัง แต่ได้เกิดปัญหาขึ้นเพราะกลุ่มฐานันดรท่ี 3 เรียกร้องให้ นับคะแนนเสยี งเป็นรายหัว แต่กลุม่ ฐานนั ดรท่ี 1 และ 2 ซ่ึงได้ร่วมมือกันเสมอน้ันเสนอให้นับคะแนนเสียงแบบ กลุ่ม ฐานันดรท่ี 3 ไมพ่ อใจเป็นอย่างมาก และไดอ้ อกไปจดั ต้ังสภาแห่งชาติพระเจ้าหลุยส์ท่ี 16 ไม่พอใจและส่ัง ใหย้ บุ สภา ซ่ึงทาใหป้ ระชาชนลุกฮอื กนั ไปทาลายคกุ บาสติลย์ เมอ่ื วนั ท่ี 14 กรกฎาคม ค.ศ.1789 พระเจ้าหลุยส์ ท่ี 16 ทรงตกใจและสงั่ เลกิ ระดมพล มีข่าวลือว่าพวกชนชน้ั สงู จะแกแ้ ค้นทีส่ ภาแห่งชาติ ประชาชนจึงร่วมตัวกัน ก่อม็อบประท้วงบุกทาลายทรัพย์สินของเหล่าขุนนาง สภาแห่งชาติจึงต้องประกาศยกเลิกระบบอภิสิทธิ์ เมื่อ เหตกุ ารณ์เข้าสูส่ ภาวะปกติจึงมกี ารออกประกาศสทิ ธิมนุษยชนและพลเมอื ง เพอ่ื ประกนั สิทธิเสรีภาพของบุคคล และอานาจประชาธิปไตยเปน็ ของปวงชน ทาใหฝ้ ร่ังเศสเป็นประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์การปฏิวัติฝร่ังเศส ค.ศ. 1789 ได้ส่งผลกระทบให้แนวคิดเร่ืองเสรีภาพ ความเสมอภาค และภราดรภาพ แพร่กระจายไปทั่วทวีปยุโรป โดยผา่ นการที่ฝร่ังเศสทาสงครามยดึ ครองประเทศตา่ งๆในยุโรป

ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ หน่วยท่ี 2 จากยคุ มดื ส่คู วามเจริญแห่งปัญญา ส30271 อารยธรรมตะวนั ตก 70 บนั ทกึ การทากิจกรรมที่ 9 เรื่อกงารยสคุ าภรูมวจธิ เรสรน้มทแาลงะทแานงวทคะิดเลประชาธิปไตย คาสั่ง นักเรยี นร่วมกันสรปุ สาระสาคัญเรื่อง ยุคภมู ิธรรมและแนวคดิ ประชาธปิ ไตย เปน็ ลกั ษณะ Mymapping และวิเคราะหว์ ่าเหตุการณ์ทเี่ กิดขนึ้ นั้นสง่ ผลต่อโลกปัจจบุ นั อย่างไร

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ หน่วยท่ี 2 จากยคุ มืดสู่ความเจรญิ แห่งปัญญา ส30271 อารยธรรมตะวนั ตก 71 บันทึกการทากจิ กรรมที่ 9 เรือ่ ง ยคุ ภมู ิธรรมและแนวคิดประชาธิปไตย เหตุการณ์ในยคุ นี้ส่งผลตอ่ ปัจจบุ ัน อยา่ งไร ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………........ ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………

บรรณานุกรม มหาวทิ ยาลัยสุโขทยั ธรรมมาธิราช.2553.อารยธรรมมนุษย์.พิมพค์ ร้งั ที่ 4 .กรงุ เทพมหานคร : มหาวิทยาลัยสโุ ขทัยธรรมมาธริ าช sites.google.com .สงครามครเู สด . สืบค้นเมือ่ วันที่ 19 เมษายน 2559 : จาก https://sites.google.com/ sites.google.com .สงครามร้อยปี . สบื คน้ เม่อื วันท่ี 19 เมษายน 2559 : จาก https://sites.google.com/ sites.google.com .อารยธรรมยคุ กลาง . สืบคน้ เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2559 : จาก https://sites.google.com/ sites.google.com .การฟืน้ ฟศู ิลปะวทิ ยา . สบื ค้นเมอื่ วันท่ี 19 เมษายน 2559 : จาก https://sites.google.com/ sites.google.com . การสารวจเส้นทางทางทะเล . สืบค้นเมือ่ วนั ท่ี 19 เมษายน 2559 : จากhttps://sites.google.com/ sites.google.com . การปฏิรูปศาสนา. สืบคน้ เมอ่ื วนั ท่ี 19 เมษายน 2559 : จาก https://sites.google.com/ sites.google.com .การปฏิวตั ิวิทยาศาสตร์ . สืบคน้ เมอื่ วนั ที่ 19 เมษายน 2559 : จาก https://sites.google.com/ sites.google.com .การปฏวิ ัติอุตสาหกรรม . สบื ค้นเมือ่ วนั ท่ี 19 เมษายน 2559 : จาก https://sites.google.com/ sites.google.com .ยคุ ภมู ิธรรมและแนวคิดประชาธิปไตย. สบื คน้ เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2559 : จากhttps://sites.google.com/ suphannigablog .การปฏวิ ัตวิ ิทยาศาสตร.์ สบื ค้นเมอื่ วันท่ี 29 เมษายน 2559 จาก : https://suphannigablog.wordpress.com suphannigablog .การปฏิวัติอุตสาหกรรม.สบื คน้ เม่ือวันท่ี 29 เมษายน 2559 จาก : https://suphannigablog.wordpress.com

บรรณานุกรม suphannigablog .ยคุ ภมู ธิ รรมและแนวคิดประชาธปิ ไตย.สบื ค้นเมอื่ วันที่ 29 เมษายน 2559 จาก : https://suphannigablog.wordpress.com watcharaphonchai.หลักการแนวคดิ ในการสรา้ งชุดกิจกรรมการเรียนรู้.สบื คน้ เมอื่ วันที่ 20 เมษายน 2559: จาก http:// watcharaphonchai.Com waenalai02.ทฤษฎีการเรียนร้.ู สบื คน้ เมื่อวนั ท่ี 19 เมษายน 2559 : จาก http://waenalai02.blogspot.com/2012/10/

ประวตั ิผู้จดั ทา ชอ่ื นางสุนษิ า กัณฑ์แก้ว ตาแหน่งครู วทิ ยฐานะ ชานาญการ ตาแหนง่ เลขที่ 21315 อนั ดับ คศ. 2 กล่มุ สาระการเรยี นรู้สงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม โรงเรียนมหาวชิราวธุ จงั หวัดสงขลา อาเภอเมือง จังหวดั สงขลา สานกั งานเขตพน้ื ที่การศึกษามธั ยมศึกษาเขต 16 สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน โทรศพั ท์มอื ถอื 088-7846156 E-Mail : [email protected] Facebook: Fadafareeda harbha lind id: 088-7846156 ประวัตกิ ารศึกษา จบการศกึ ษาชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนบา้ นทงุ่ เสมด็ อาเภอคลองท่อม จงั หวดั กระบ่ี ปีการศึกษา 2537 จบการศึกษาช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3 จากโรงเรียนคลองท่อมราษฎรร์ งั สรรค์ อาเภอคลองท่อม จงั หวดั กระบี่ ปีการศกึ ษา 2540 จบการศึกษาชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรยี นหาดใหญว่ ทิ ยาลัย 2 อาเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ปีการศึกษา 2543 จบการศกึ ษาปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยทกั ษิณ วิชาเอก สังคมศึกษา ปีการศึกษา 2547 ประวัติการทางาน ครูผู้ชว่ ย ณ โรงเรยี นเกาะยาววทิ ยา อาเภอเกาะยาวน้อย จังหวัดพังงา วันท่ี 27 มถิ นุ ายน 2549 -1 ตุลาคม 2552 ครูโรงเรียนมัธยมสริ วิ ัณวรี 2 สงขลา อาเภอรัตภมู ิ จงั หวัดสงขลา วันที่ 10 มีนาคม 2553 - 1 ตุลาคม 2558 ครโู รงเรียนมหาวชิราวุธ จงั หวัดสงขลา อาเภอเมือง จังหวัดสงขลา วนั ท่ี 16 ตุลาคม 2558 - ปจั จุบัน ประวัตผิ ลงาน รางวลั หน่ึงแสนครดู ี คุรสุ ภา 2557 รางวัลครดู ที ห่ี นปู ระทับใจ โรงเรียนมธั ยมสิริวณั วรี ๒ สงขลา 2557 รางวลั ครดู ีในดวงใจ โรงเรยี นมธั ยมสิริวัณวรี ๒ สงขลา 2558 ครูดศี รแี ผน่ ดิน มูลนิธิครอบครัวพอเพียง 2562