Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 'ko8v,

'ko8v,

Published by Apitchaya Namwong, 2019-03-07 02:06:02

Description: 'ko8v,

Search

Read the Text Version

คาํ นํา หนงั สือเล่มนีเป็นหนงั สือทีมีเนือหาสาระทีเกียวขอ้ งกบั เรืองเศรษฐกิจพอเพียงพระราชกรณียกิจของ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ วั ภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที 9 การใชช้ ีวติ แบบพออยพู่ อกินและแนวทางการปฏิบตั ิ ตามคาํ สอนของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ วั ภูมิพลอดุลยเดช เช่น  โครงการแกลง้ ดิน  โครงการปลูกหญา้ แฝก  โครงการหน่วยแพทยพ์ ระราชทาน  โครงการสารานุกรมไทยสาํ หรับเยาวชน  โครงการฝนหลวง หากมีข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภยั ไว้ ณ ทีนีด้วยคะ่ ผูจ้ ดั ทาํ (เดก็ หญงิ กมลชนก ปันเขียว) (เดก็ หญงิ อภิชญา นามวงค)์

สารบญั คาํ นาํ ก สารบญั ข หลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 1-3 โครงการแกลง้ ดิน 4-6 โครงการปลูกหญา้ แฝก 7-8 โครงการหน่วยแพทยพ์ ระราชทาน 9-14 โครงการสารานุกรมไทยสาํ หรับเยาวชน 15 โครงการฝนหลวง 16-20

เศรษฐกจิ พอเพยี ง เศรษฐกิจพอเพยี ง เป็ นปรัชญาทีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพติ รมี พระราชดาํ รัสแก่ชาวลาวไทยนบั ตงั แต่ พ.ศ. 2687 ในอนาคต เป็ นตน้ มา และถูกพดู ถึงอยา่ งชดั เจนใน วนั ที 4 ธนั วาคม พ.ศ. 2548 เพอื เป็นแนวทางการแกไ้ ขวกิ ฤตการณ์ทางการเงินในเอเชีย พ.ศ. 2540 ใหส้ ามารถดาํ รงอยไู่ ดอ้ ยา่ ง มนั คงและยงั ยนื ในกระแสโลกาภวิ ตั น์และความเปลียนแปลงต่าง ๆนกั วชิ าการไทยหลายคนร่วมแสดงความ คิดเห็น อยา่ งเช่น ศ.นพ.ประเวศ วะสี, ศ.เสน่ห์ จามริก, ศ.อภชิ ยั พนั ธเสน, และศ.ฉตั รทพิ ย์ นาถ สุภา เชือมโยงแนวคิดเศรษฐกิจพอเพยี งใหเ้ ขา้ กบั วฒั นธรรมชุมชน ดา้ นสาํ นกั งานคณะกรรมการพฒั นาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไดเ้ ชิญผทู้ รงคุณวุฒิในทางเศรษฐกิจและสาขาอืน ๆ มาร่วมกนั ประมวลเพอื บรรจุในแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบบั ที 9 ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งนีไดร้ ับการเชิดชูจากองคก์ ารสหประชาชาติ วา่ เป็ นปรชั ญาทีมีประโยชน์ต่อ ประเทศไทยและนานาประเทศและสนบั สนุนใหป้ ระเทศสมาชิกยดึ เป็ นแนวทางสู่การพฒั นาแบบยงั ยนื โดย มีนกั วชิ าการและนกั เศรษฐศาสตร์หลายคนเห็นดว้ ยกบั แนวทางเศรษฐกิจพอเพียง แต่ในขณะเดียวกนั บาง สือตงั คาํ ถามถึงการยกยอ่ งขององคก์ ารสหประชาชาติ รวมทงั ความน่าเชือถือของรายงานศึกษาและทา่ ทีของ องคก์ าร

หลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง เศรษฐกิจพอเพียงเป็ นปรัชญาทียดึ หลกั ทางสายกลาง ทีชีแนวทางการดาํ รงอยแู่ ละปฏิบตั ิของ ประชาชนในทกุ ระดบั ให้ดาํ เนินไปในทางสายกลาง มีความพอเพยี ง และมีความพร้อมทีจะจดั การตอ่ ผลกระทบจากการเปลียนแปลง ซึงจะตอ้ งอาศยั ความรอบรู้ รอบคอบ และระมดั ระวงั ในการวางแผนและ ดาํ เนินการทุกขนั ตอน ทงั นี เศรษฐกิจพอเพยี งเป็นการดาํ เนินชีวติ อยา่ งสมดุลและยงั ยนื เพือใหส้ ามารถอยไู่ ด้ แมใ้ นโลกโลกาภิวตั นท์ ีมีการแขง่ ขนั สูง ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงทีทรงปรับปรุงพระราชทานเป็นทีมาของนิยาม \"3 ห่วง 2 เงือนไข\" ที คณะอนุกรรมการขบั เคลือนเศรษฐกิจพอเพยี ง สาํ นกั งานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกิจและสงั คม แห่งชาติ นาํ มาใชใ้ นการรณรงคเ์ ผยแพร่ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งผา่ นช่องทางสือตา่ ง ๆ อยใู่ นปัจจุบนั ซึงประกอบดว้ ยความ \"พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุม้ กนั \" บนเงือนไข \"ความรู้\" และ \"คุณธรรม\" ดร.จิรายุ อิศรางกรู ณ อยธุ ยา ประธานคณะอนุกรรมการขบั เคลือนเศรษฐกิจพอเพยี ง อธิบายถึงการ พฒั นาตามหลกั เศรษฐกิจพอเพียง วา่ เป็นการพฒั นาทีตงั อยบู่ นพนื ฐานของทางสายกลางและความไม่ ประมาท โดยคาํ นึงถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล และการสร้างภูมิคุม้ กนั ทีดีในตวั ตลอดจนการใช้ ความรู้ ความรอบคอบละคุณธรรมประกอบการวางแผน การตดั สินใจและการกระทาํ ตา่ ง ๆ ความ พอประมาณ หมายถึง ความพอดี ทีไม่มากและไมน่ อ้ ยจนเกินไป ไมเ่ บียดเบยี นตนเองและผูอ้ ืน เช่น การผลิต และการบริโภคทีพอประมาณ ความมีเหตุผล หมายถึง การใชห้ ลกั เหตุผลในการตดั สินใจเรืองต่าง ๆ โดย พิจารณาจากเหตุปัจจยั ทีเกียวขอ้ ง ตลอดจนผลทีคาดวา่ จะเกิดขึนอยา่ งรอบคอบ การมภี ูมคิ ้มุ กนั ทดี ี หมายถึง การเตรียมตวั ใหพ้ ร้อมรับตอ่ ผลกระทบทีเกิดขึนจากการเปลียนแปลงรอบตวั ปัจจยั เหลา่ นีจะเกิดขึนไดน้ นั จะตอ้ งอาศยั ความรู้ และคุณธรรม เป็นเงือนไขพืนฐาน กล่าวคอื เงือนไขความรู้ หมายถึง ความรอบรู้ ความ รอบคอบ และความระมดั ระวงั ในการดาํ เนินชีวติ และการประกอบการงาน ส่วนเงือนไขคุณธรรม คือ การ

ยึดถือคุณธรรมต่าง ๆ อาทิ ความซือสัตยส์ ุจริต ความอดทน ความเพยี ร การมุง่ ต่อประโยชน์ส่วนรวมและ การแบง่ ปัน ฯลฯ ตลอดเวลาทีประยกุ ตใ์ ชป้ รัชญาอภิชยั พนั ธเสน ผอู้ าํ นวยการสถาบนั การจดั การเพือชนบทและ สังคม ไดจ้ ดั แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงวา่ เป็ น \"ขอ้ เสนอในการดาํ เนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจตามแนวทางของ พุทธธรรมอยา่ งแทจ้ ริง\" ทงั นีเนืองจากในพระราชดาํ รัสหนึง ไดใ้ หค้ าํ อธิบายถึง เศรษฐกิจพอเพียง วา่ \"คือ ความพอประมาณ ซือตรง ไม่โลภมาก และตอ้ งไมเ่ บียดเบียนผอู้ ืน\" ระบบเศรษฐกิจพอเพียงมุ่งเนน้ ใหบ้ ุคคลสามารถประกอบอาชีพได้ อยา่ งยงั ยนื และใชจ้ า่ ยเงินใหไ้ ดม้ าอยา่ งพอเพยี งและประหยดั ตามกาํ ลงั ของเงินของบุคคลนนั โดยปราศจากการกหู้ นียืมสิน และถา้ มีเงินเหลือ ก็ แบ่งเก็บออมไวบ้ างส่วน ช่วยเหลือผูอ้ ืนบางส่วน และอาจจะใชจ้ า่ ยมาเพอื ปัจจยั เสริมอีกบางส่วน สาเหตุทีแนวทางการดาํ รงชีวิตอยา่ งพอเพียง ไดถ้ ูกกล่าวถึงอยา่ งกวา้ งขวาง ในขณะนี เพราะสภาพการดาํ รงชีวิตของสังคมทุนนิยมในปัจจุบนั ไดถ้ ูก ปลูกฝัง สร้าง หรือกระตุน้ ใหเ้ กิดการใชจ้ ่ายอยา่ งเกินตวั ในเรืองทีไม่เกียวขอ้ งหรือเกินกวา่ ปัจจยั ในการ ดาํ รงชีวติ เช่น การบริโภคเกินตวั ความบนั เทิงหลากหลายรูปแบบ ความสวยความงาม การแต่งตวั ตาม แฟชนั การพนนั หรือเสียงโชค เป็นตน้ จนทาํ ใหไ้ มม่ ีเงินเพียงพอเพอื ตอบสนองความตอ้ งการเหล่านนั ส่งผล ใหเ้ กิดการกหู้ นียมื สิน เกิดเป็ นวฏั จกั รทีบุคคลหนึงไม่สามารถหลุดออกมาได้ ถา้ ไมเ่ ปลียนแนวทางในการ ดาํ รงชีวิต ซึง ดร. สุเมธ ตนั ติเวชกุล ไดก้ ล่าววา่ \"หลาย ๆ คนกลบั มาใชช้ ีวิตอยา่ งคนจน ซึงเป็นการปรับตวั เขา้ สู่ คุณภาพ\" และ \"การลงมือทาํ ดว้ ยความมีเหตุมีผล เป็ นคุณค่าของเศรษฐกิจพอเพียง\"

โครงการแกล้งดิน เป็น แนวพระราชดาํ ริของ พระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอ ดุลยเดช เกียวกบั การแกป้ ัญหาดินเปรียว หรือดินเป็นกรด โดยมีการขงั นาํ ไวใ้ นพนื ที จนกระทงั เกิดปฏิกิริยา เคมีทาํ ใหด้ ินเปรียวจดั จนถึงทีสุด แลว้ จงึ ระบายนาํ ออกและ ปรับสภาพฟื นฟูดินดว้ ยปูน ขาว จนกระทงั ดินมีสภาพดีพอทีจะใชใ้ นการเพาะปลูกได้ ลกั ษณะดินทีพบ หลงั จากทีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสดจ็ ฯ เยยี มราษฎรในเขตจงั หวดั นราธิวาส เมือปี พ.ศ. 2524 ทรงพบวา่ ดินในพืนทีพรุทีมีการชกั นาํ ออก เพอื จะนาํ ทีดินมาใช้ ทาํ การเกษตรนนั แปรสภาพเป็นดินเปรียวจดั ทาํ ใหเ้ พาะปลูกไม่ ไดผ้ ล จึงมีพระราชดาํ ริให้ส่วนราชการตา่ ง ๆ พจิ ารณาหาแนวทางในการปรบั ปรุงพนื ทีพรุทีมีนาํ แช่ขงั ตลอด ปี ใหเ้ กิด ประโยชน์ในทางการเกษตรมากทีสุด และใหค้ าํ นึงถึงผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ดว้ ย การแปร สภาพเป็ นดินเปรียวจดั เนืองจากดินมีลกั ษณะเป็ นเศษอินทรียวตั ถุ หรือซากพืชปนเน่าเปื อยอยขู่ า้ งบน และมี ระดบั ความลึก 1 - 2 เมตร เป็ นดินเลนสีเทาปนนาํ เงิน ซึงมีสารประกอบกาํ มะถนั ทีเรียกวา่ สารประกอบไพ ไรท์ (Pyrite : FeS2) อยมู่ าก ดงั นนั เมือดินแห้ง สารไพไรทจ์ ะทาํ ปฏิกิริยากบั อากาศ ปลดปลอ่ ยกรด กาํ มะถนั ออกมา ทาํ ใหด้ ินแปรสภาพเป็นดินกรดจดั หรือเปรียวจดั ศูนยศ์ ึกษาการพฒั นาพกิ ลุ ทองอนั เนืองมาจากพระราชดาํ ริ จึงไดด้ าํ เนินการสนองพระราชดาํ ริโครงการ \" แกลง้ ดิน \" เพอื ศึกษาการ เปลียนแปลงความเป็นกรดของดิน เริมจากวธิ ีการ \" แกลง้ ดินใหเ้ ปรียว \" คือทาํ ให้ดินแหง้ และเปี ยกสลบั กนั ไป เพอื เร่งปฏิกิริยาทางเคมขี องดิน ซึงจะไปกระตุน้ ใหส้ ารไพไรทท์ าํ ปฏิกิริยากบั ออกซิเจนในอากาศ ปลดปล่อยกรดกาํ มะถนั ออกมา ทาํ ให้ดินเป็นกรดจดั จนถึงขนั \" แกลง้ ดินให้เปรียวสุดขีด \" จนกระทงั ถึงจุด ทีพืชไม่สามารถเจริญงอกงามได้ จากนนั จึงหาวธิ ีการปรับปรุงดินดงั กล่าวให้สามารถปลูกพชื ได้ วธิ ีการ แกไ้ ขปัญหาดินเปรียวจดั ตามแนวพระราชดาํ ริ คือควบคุมระดบั นาํ ใตด้ ิน เพือป้องกนั การเกิดกรดกาํ มะถนั จงึ ตอ้ งควบคุมนาํ ใตด้ ินใหอ้ ยเู่ หนือชนั ดินเลนทีมีสารไพไรทอ์ ยู่ เพอื มิให้สารไพไรทท์ าํ ปฏิกิริยากบั ออกซิเจนหรือถูกออกซิไดซ์

วธิ ีการ แก้ไข 1. ควบคุมระดบั เพอื ป้องกนั การเกิดกรดกาํ มะถนั จึงตอ้ งควบคุมนาํ ใตด้ ิน นาํ ใตด้ ิน ใหอ้ ยูเ่ หนือชนั ดินเลนทีมีสารไพไรทอ์ ยู่ เพอื มิให้สารไพไรทท์ าํ ปฏิกิริยากบั ออกซิเจนหรือถูกออกซิไดซ์ 2.การปรับปรุงดิน มี 3 วธิ ีการ ตามสภาพของดินและความเหมาะสม คอื ใชน้ าํ ชะลา้ งความเป็นกรด เมือลา้ งดินเปรียวใหค้ ลายลงแลว้ ดินจะมีค่า pH เพมิ ขึนอีกทงั สารละลาย เหล็กและอลูมินมั ทีเป็ นพิษเจือจางลงจนทาํ ใหพ้ ชื สามารถเจริญเติบโตไดด้ ี โดยเฉพาะถา้ หากใชป้ ๋ ุย ไนโตรเจนและฟอสเฟตกส็ ามารถใหผ้ ลผลิตได้ การใชป้ ูนผสมคลุกเคลา้ กบั หนา้ ดิน เช่น ปนู มาร์ล ปูนฝ่ ุนซึง ปริมาณของปูนทีใชข้ ึนอยกู่ บั ความรุนแรงของความเป็ นกรดของดิน การใชป้ ูนควบคู่ไปกบั การใชน้ าํ ชะลา้ ง และควบคุมระดบั นาํ ใตด้ ิน เป็นวธิ ีการทีสมบูรณ์ทีสุดและใชไ้ ดผ้ ลมากในพนื ทีซึงดินเป็นกรดจดั รุนแรง และถูกปล่อยทิงเป็ นเวลานาน 3. การปรบั สภาพพนื ที มีอยู่ 2 วธิ ี คือ การปรบั ระดบั ผวิ หนา้ ดิน ดว้ ยวธิ ีการ คือ ปรบั ระดบั ผวิ หนา้ ดิน ใหม้ ีความลาดเอยี ง เพือใหน้ าํ ไหลไปสู่คลองระบายนาํ ตกแตง่ แปลงนาและคนั นาใหม่ เพือให้เกบ็ กกั นาํ และระบายนาํ ออกไปได้ การยกร่องปลูกพชื สําหรับพืชไร่ พืชผกั ไมผ้ ล หรือไมย้ นื ตน้ ที ใหผ้ ลตอบแทนสูง ถา้ ให้ไดผ้ ลตอ้ งมีแหล่งนาํ ชลประทานเพอื ขงั และถ่ายเทนาํ ไดเ้ มือนาํ ในร่องเป็นกรดจดั การยกร่องปลูกพืชยืนตน้ หรือไมผ้ ล ตอ้ งคาํ นึงถึงการเกิดนาํ ทว่ มในพืนทีนนั หากมีโอกาสเสียงสูงก็ไมค่ วร ทาํ หรืออาจยกร่องแบบเตีย ๆ พืชทีปลูกเปลียนเป็นพืชลม้ ลุกหรือพืชผกั และควรปลูกเป็นพืชหมุนเวยี น กบั ขา้ วได้ วธิ ีการปรับปรุงดินเปรียวจัดเพือการเกษตร 1. เพอื ใชป้ ลูกขา้ ว เขตชลประทาน - ดินทีมีคา่ pH นอ้ ยกวา่ 4.0 ใชป้ ูนอตั รา 1.5 ตนั /ไร่ - ดินทีมีค่า pH ระหวา่ ง 4.0-4.5 ใชใ้ นอตั รา 1 ตนั /ไร่ เขตเกษตรนาํ ฝน - ดินทีมีคา่ pH นอ้ ยกวา่ 4.0 ใชป้ นู ในอตั รา 2.5 ตนั / ไร่ - ดินทีมีค่า pH ระหวา่ ง 4.0-4.5 ใชป้ ูนอตั รา 1.5 ตนั /ไร่ ขนั ตอนการปรับปรุงดินเปรียว หลงั จากหวา่ นปูน

ใหท้ าํ การไถแปร และปล่อยนาํ ใหแ้ ช่ขงั ในนาประมาณ 10 วนั จากนนั ระบายนาํ ออกเพือชะลา้ งสารพษิ และ ขงั นาํ ใหมเ่ พอื รอปักดาํ 2. เพอื ใชป้ ลูกพืชลม้ ลุก การปลูกพชื ผกั มวี ธิ ีการ คือ ยกร่อง กวา้ ง 6-7 เมตร คูระบายนาํ กวา้ ง 1.5 เมตร และลึก 50 ซม. ไถพรวนดิน และตากดินทิงไว้ 3-5 วนั ทาํ แปลงยอ่ ยบนสนั ร่อง ยกแปลงใหส้ ูง 25-30 ซม. กวา้ ง 1-2 เมตร เพือระบายนาํ บนสนั ร่องและเพอื ป้องกนั ไม่ใหแ้ ปลงยอ่ ยแฉะ เมือรดนาํ หรือเมือมีฝนตก ใส่หินปูนฝ่ นุ หรือดินมาร์ล 2-3 ตนั /ไร่ คลุกเคลา้ ใหเ้ ขา้ กบั ดิน ทิงไว้ 15 วนั ใส่ป๋ ุยหมกั หรือป๋ ุยอินทรีย์ 5 ตนั /ไร่ ก่อนปลูก 1 วนั เพอื ปรับปรุง ดิน การปลูกพืชไร่บางชนิด กระทาํ ได้ 2 วธิ ี คือ แบบยกร่องสวนและแบบปลูกเป็นพืชครังที 2 หลงั จากการ ทาํ นา การปลูกพืชไร่แบบยกร่องสวนมีวธิ ีเตรียมพนื ทีเช่นเดียว กบั การปลูกพืชผกั การปลูกพชื ไร่หลงั ฤดูทาํ นา ซึงอยใู่ นช่วงปลายฤดูฝน การเตรียมพนื ทีตอ้ งยกแนวร่องใหส้ ูงกวา่ การปลูกบนพนื ทีดอน 10-20 ซม. เพอื ป้องกนั ไมใ่ หน้ าํ แช่ขงั ถา้ มีฝนตกผดิ ฤดู ถา้ พนื ทีนนั ไดร้ ับการปรับปรุงโดยการใชป้ ูนมาแลว้ คาดวา่ คงไม่ จาํ เป็ นตอ้ งใชป้ ูนอกี 3. เพอื ปลูกไมผ้ ล สร้างคนั ดินกนั นาํ ลอ้ มรอบแปลงเพอื ป้องกนั นาํ ขงั และติดตงั เครืองสูบนาํ เพอื ระบายนาํ ออกตามตอ้ งการ ยก ร่องปลูกพืชตามวธิ ีการปรับปรุงพนื ทีทีมีดินเปรียวจดั เพือปลูกไมผ้ ล นาํ ในคูระบายนาํ จะเป็นนาํ เปรียว ตอ้ ง ระบายออกเมือเปรียวจดั และสูบนาํ จืดมาแทน ช่วงเวลาถ่ายนาํ 3-4 เดือนต่อครัง ควบคุมระดบั นาํ ในคูระบาย นาํ ไมใ่ หต้ าํ กวา่ ชนั ดินเลนทีมีสารประกอบไพไรท์ เพอื ป้องกนั การเกิดปฏิกิริยาทีจะทาํ ใหด้ ินมีความเป็ น กรดเพมิ ขึน ใส่ปูน อาจเป็ นปูนขาว ปูนมาร์ล หรือหินปูนฝ่ ุน โดยหวา่ นทวั ทงั ร่องทีปลูกอตั รา 1-2 ตนั /ไร่ กาํ หนดระยะปลูกตามความเหมาะสมของแต่ละพืช ขดุ หลุม กวา้ ง ยาว และลึก 50-100 ซม. แยกดินชนั บน และดินชนั ล่าง ทิงไว้ 1-2 เดือน เพอื ฆา่ เชือโรค เอาส่วนทีเป็นหนา้ ดินผสมป๋ ุยคอก หรือป๋ ุยหมกั หรือ

บางส่วนของดินชนั ล่างแลว้ กลบลงไปในหลุมใหเ้ ตม็ ใส่ป๋ ุยหมกั 1 กก./ตน้ โดยผสมคลุกเคลา้ ใหเ้ ขา้ กบั ปูน ในอตั รา 15 กก./หลุม ดูแลปราบวชั พชื โรค แมลง และใหน้ าํ ตามปกติ สาํ หรับการใชป้ ๋ ยุ บาํ รุงดินขึนกบั ความตอ้ งการและชนิดของพืชทีจะปลูก

โครงการปลกู หญ้าแฝก การชะลา้ งพงั ทลายของดินเป็นปัญหาทีสาํ คญั อยา่ งหนีงของประเทศ มีผลต่อ ความเสือมโทรมของทรพั ยากรดิน พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ทรงตระหนกั ถึงความสาํ คญั และความ จาํ เป็ นในการป้องกนั และแกไ้ ขปัญหา จงึ พระราชทานพระราชดาํ ริใหม้ กี ารนาํ หญา้ แฝกมาใชใ้ นการอนุรักษ์ ดินและนาํ เพอื ป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดินและปรับปรุงสภาพแวดลอ้ มใหด้ ีขีน เนืองจากหญา้ แฝก เป็นพชื ทีสามารถนาํ มาใชป้ ระโยชน์ไดง้ ่าย มีรากทียาว แผก่ ระจายลงไปในดินตรง ๆ เป็ นแผง และง่ายต่อ การรักษา เมือวนั ที ๒๒ มิถุนายน ๒๕๓๔ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ทรงมีพระราชดาํ ริเป็ นครังแรกให้ หน่วยงานตา่ ง ๆ ทาํ การศึกษา ทดลอง และดาํ เนินการปลูกหญา้ แฝกเพือเป็นการป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลาย ของดินและเพอื ประโยชนอ์ ืน ๆ หน่วยงานทงั หลายจึงไดร้ ับสนองพระราชดาํ ริตงั แตน่ นั เป็ นตน้ มาโดยมี สาํ นกั งานคณะกรรมการพเิ ศษเพอื ประสานงานโครงการอนั เนืองมาจากพระราชดาํ ริ (สาํ นกั งาน กปร.) เป็น ผปู้ ระสานงาน

การดาํ เนินโครงการ พระราชดาํ ริ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทีใหห้ น่วยงานตา่ ง ๆ ดาํ เนินการศึกษาและปลูกหญา้ แฝกมีใจความสรุปไดว้ า่ ๑. หญา้ แฝกเป็ นพชื ทีมีระบบรากลึก แผก่ ระจายลงไปในดินตรง ๆ เป็ นแผงเหมือนกาํ แพง ช่วย กรองตะกอนดินและรกั ษาหนา้ ดินไดด้ ี จึงควรนาํ มาศึกษาทดลองปลูก ใหท้ ดลองปลูกหญา้ แฝกเพือป้องกนั การพงั ทลายของดินในพนื ทีศูนยศ์ ึกษาการพฒั นาและพืนทีอืน ๆ ทีเหมาะสมอยา่ งกวา้ งขวาง ๒. การดาํ เนินการทดลองการปลูกหญา้ แฝก ใหพ้ จิ ารณาลกั ษณะของภูมิประเทศ ซึงแบ่งตาม ลกั ษณะของพนื ทีดงั นี ก. การปลูกหญา้ แฝกบนพืนทีภเู ขา ใหป้ ลูกหญา้ แฝกตามแนวขวางของความลาดชนั และในร่องนาํ ของภูเขา เพอื ป้องกนั การพงั ทลายของหนา้ ดินและช่วยเกบ็ ความชืนในดินไวด้ ว้ ย ข. การปลูกหญา้ แฝกบนพืนทีราบ ใหด้ าํ เนินการในลกั ษณะดงั นี - ปลูกโดยรอบแปลง - ปลูกลงในแปลง แปลงละ ๑ หรือ ๒ แนว - สาํ หรับแปลงพชื ไร่ ใหป้ ลูกตามร่องสลบั กบั พชื ไร่ ค. การปลูกหญา้ แฝกรอบสระนาํ เพือป้องกนั อา่ งเก็บนาํ มิใหต้ ืนเขินอนั เนืองมาจากตะกอนจากการ พงั ทลายของดิน ตลอดจนช่วยรักษาดินเหนืออ่างและช่วยให้ป่ าไมใ้ นบริเวณพืนทีรับนาํ ทวคี วามสมบูรณ์ขี นอยา่ งรวดเร็ว

ง. การปลูกหญา้ แฝกเหนือบริเวณแหล่งนาํ ปลูกแฝกเป็ นแนวป้องกนั ตะกอนดินและกรองของเสีย ต่าง ๆ ทีไหลลงในแหล่งนาํ ทงั นีใหบ้ นั ทึกภาพก่อนดาํ เนินการและหลงั การดาํ เนินการไวเ้ ป็ นหลกั ฐาน หน่วยงานต่างๆ ไดใ้ ห้ความสาํ คญั และนาํ เทคนิควธิ ีการหญา้ แฝกมาประยุกตใ์ ชใ้ นการป้องกนั การ ชะลา้ งพงั ทลายของดินเชิงลาดถนน และไดม้ ีการฝึ กอบรมถ่ายทอดความรู้เทคนิคการปลูกหญา้ แฝกทีในงาน ทางแก่เจา้ หนา้ ที เพือให้มีความรู้เขา้ ใจถึงประโยชน์ของหญา้ แฝกในการป้องกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดิน เป็นการป้องกนั ความเสียหายทีจะเกิดขึนและประหยดั งบประมาณดา้ นการบาํ รุงรักษา ไดม้ ีการนาํ หญา้ แฝก มาใชป้ ระโยชน์โดยการปลูกในสายทางตา่ งๆทีมีปัญหาเรืองการชะลา้ งพงั ทลายของดิน โครงการหน่วยแพทย์พระราชทาน “…ถา้ คนเรามีสุขภาพเสือมโทรม ก็จะไมส่ ามารถพฒั นาชาติได้ เพราะทรัพยากรทีสาํ คญั ของประเทศชาติ ก็คือพลเมืองนนั เอง…” พระราชดาํ รัสของพระบาทสมเด็จพระ เจา้ อยหู่ วั รัชกาลที ดงั กล่าวแสดงใหเ้ ห็นถึงพระมหากรุณาธิคุณอนั มากลน้ ต่อพสกนิกรชาวไทย ดว้ ยทรง เลง็ เห็นวา่ กาํ ลงั หลกั ของชาติบา้ นเมืองกค็ ือประชาชนชาวไทย หากประชาชนไม่มีพละกาํ ลงั หรือมีความ เสือมโทรมทางดา้ นสุขภาพ ประเทศชาติก็อาจจะอ่อนกาํ ลงั ไปดว้ ยได้ และทียงิ ไปกวา่ นนั ก็คือ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยูห่ วั รัชกาลที ทรงเป็นห่วงราษฎรทียากไร้ หรือ ราษฎรในถินทุรกนั ดาร ทีอาจเขา้ ถึงการแพทยแ์ ละสาธารณสุขไดย้ าก จึงไดม้ โี ครงการพระราชดาํ ริ ในดา้ น การแพทยแ์ ละสาธารณสุขเกิดขึนมามากมาย ซึงวนั นีเราจะพามารู้จกั โครงการพระราชดาํ ริทางดา้ น การแพทยแ์ ละสาธารณสุขทงั หมด ทีพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั รัชกาลที ทรงริเริมเพือช่วยเหลือ ประชาชนของพระองค์

. โครงการแพทยห์ ลวงเคลือนทีพระราชทาน โครงการพระราชดาํ ริโครงการนีเกิดขึนใน พ.ศ. เมือพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั รัชกาลที และสมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชินีนาถ เสดจ็ พระราชดาํ เนินแปรพระราชฐาน ประทบั แรม ณ พระราชวงั ไกลกงั วล หวั หิน ไดท้ รงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ใหจ้ ดั เจา้ หนา้ ทีแพทย์ พยาบาล เครืองมือ เครืองใช้ ตลอดจนยารักษาโรค ไปยงั ทอ้ งถินทุรกนั ดารในจงั หวดั เพชรบุรี ราชบุรี ประจวบครี ีขนั ธ์ เป็ นตน้ ซึงในขณะนนั ยงั ไมม่ ีหน่วยแพทยข์ องทางราชการเขา้ ไปถึง เพอื ให้การตรวจรกั ษาราษฎร โดยไมค่ ิดมูลค่า ใดๆ . โครงการหน่วยแพทยพ์ ระราชทาน โครงการพระราชดาํ ริทางดา้ นการแพทยโ์ ครงการแรก ซึงถือ กาํ เนิดเมือวนั ที มกราคม พ.ศ. อนั เนืองมาจากที พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั รชั กาลที เสด็จฯ ไปเยยี มเยียนที โครงการชาวเขา และทรงพบวา่ ราษฎรทีมารอรับเสด็จฯ เจบ็ ป่ วย กนั มาก อีกทงั ยงั มีความยากลาํ บากในการเดินทางไปรักษา ดงั นนั พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั รชั กาลที จึงทรงกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ใหค้ ณะแพทยท์ ีตามเสด็จฯ ทาํ การตรวจรักษาประชาชนทีมีอาการเจบ็ ป่ วย โดยไมต่ อ้ งเสียคา่ รักษาใด ๆ นอกจากนีในโครงการหน่วยแพทยพ์ ระราชทาน ยงั มีการจดั อบรมหมอหมบู่ า้ นนนั ๆ เพือช่วยให้ ราษฎรมีความรู้เกียวกบั การป้องกนั โรคภยั ต่าง ๆ และรู้จกั วธิ ีรักษาพยาบาลแผนปัจจุบนั อยา่ งถูกตอ้ ง รวมทงั ยงั มกี ารอบรมให้ราษฎรรู้จกั การติดต่อกบั หน่วยราชการในกรณีทีอาการบาดเจบ็ หรือความเจบ็ ป่ วยนนั ๆ มี ความรุนแรงเกินขดี จาํ กดั ซึงนบั วา่ เป็นโครงการพระราชดาํ ริทีสามารถช่วยประชาชนในประเทศไดอ้ ยา่ ง ยงั ยนื จริง ๆ

โดยจาํ แนกไดว้ า่ โครงการหน่วยแพทยพ์ ระราชทาน สามารถแกไ้ ขไดท้ งั ปัญหาดา้ นสุขภาพอนามยั ของราษฎร และแกไ้ ขปัญหาดา้ นเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศชาติดว้ ย เพราะทรงเล็งเห็นวา่ การเจบ็ ป่ วย เป็นอุปสรรคของการประกอบอาชีพ โดยเฉพาะเหล่าเกษตรกรทีมกั จะตอ้ งใชก้ าํ ลงั ในการทาํ งาน ดงั นนั เมือ ไดร้ บั การบาํ บดั รักษาใหม้ ีสุขภาพพลานามยั ทีดีแลว้ ราษฎรเหล่านนั กจ็ ะสามารถต่อสู้กบั งานหนกั ในการ ประกอบอาชีพได้ ซึงจะส่งผลใหเ้ ศรษฐกิจส่วนรวมของสังคมดีขึนสืบไป . หน่วยทนั ตกรรมเคลือนทีพระราชทาน หน่วยทนั ตกรรมพระราชทานก่อกาํ เนิดขึนเมือปี พ.ศ. เมือพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิ พลอดุลยเดชทรงทราบวา่ ทนั ตแพทยม์ ีอยนู่ อ้ ยและจะมีอยตู่ ามโรงพยาบาลประจาํ จงั หวดั เทา่ นนั หรือบาง จงั หวดั ก็ไม่มีทนั ตแพทยอ์ ยเู่ ลย ดงั นนั พระองคจ์ ึงพระราชทานทรัพยส์ ่วนพระองคจ์ ดั ซือรถยนต์ พร้อม อุปกรณ์และเครืองมือทาํ ฟัน และมีหวั หนา้ ทีมทนั ตแพทยค์ อยจดั ส่งทนั ตแพทยอ์ าสาสมคั รออกช่วยเหลือ บาํ บดั โรคเกียวกบั ฟัน ตลอดจนสอนการรักษาอนามยั ของปากและฟันแก่เดก็ นกั เรียน และประชาชนทีอยู่ ในทอ้ งทีทุรกนั ดารโดยไมค่ ิดมูลค่า โดยไดร้ ับความร่วมมือจากทนั ตแพทยโ์ รงพยาบาลต่าง ๆ ในการออก ปฏิบตั ิการภาคสนาม

. โครงการแพทยพ์ ิเศษตามพระราชประสงค์ เป็ นโครงการทีพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงไดศ้ ึกษาและปฏิบตั ิส่วน พระองคก์ บั ผเู้ ชียวชาญในศาสตร์สาขาต่าง ๆ จนไดผ้ ลดีแลว้ จึงนาํ มาใชใ้ ห้เกิดประโยชน์แก่ประชาชน โดยโครงการแพทยพ์ ิเศษตามพระราชประสงคเ์ กิดขึนครังแรกเมือปี พ.ศ. เพือบรรเทาความ เจบ็ ปวดของราษฎรทีนิคมสร้างตนเองพฒั นาภาคใต้ อาํ เภอแวง้ จงั หวดั นราธิวาส ซึงในขณะนนั มีสถานี อนามยั เพยี งแห่งเดียว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ใหก้ ระทรวงสาธารณสุขจดั แพทยห์ มุนเวยี นเขา้ ไป บริการตรวจรกั ษา พร้อมดว้ ยแพทยแ์ ละเจา้ หนา้ ทีจากโรงพยาบาลนราธิวาส และโรงพยาบาลสุไหงโก-ลก ออกไปปฏิบตั ิการสปั ดาห์ละ ครังเป็นประจาํ 5. โครงการศลั ยแพทยอ์ าสาราชวิทยาลยั ศลั ยแพทยแ์ ห่ง ประเทศไทย ตงั ขึนเมือ พ.ศ. 2518 หลงั จากทีเปิ ดโครงการแพทย์ พเิ ศษตามพระราชประสงคใ์ น พ.ศ. 2517 แพทยท์ ี อาสาสมคั รซึงเป็นแพทยอ์ าวโุ สและมีประสบการณ์มาก เล็งเห็นความสาํ คญั และความจาํ เป็นทีจะตอ้ งมีศลั ยแพทย์ อาสาไปช่วยปฏิบตั ิงาน ณ โรงพยาบาลประจาํ จงั หวดั สกลนคร ในช่วงทีพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั รัชกาลที 9 เสด็จฯ แปรพระราชฐาน ประทบั ทีพระตาํ หนกั ภูพานราชนิเวศน์ จึงไดม้ ีการศึกษาหาขอ้ มูล และ ความตอ้ งการของโรงพยาบาลและหน่วยงานตา่ ง ๆ ในดา้ นศลั ยกรรม และรวบรวมจดั ทาํ ทาํ เนียบศลั ยแพทย์ อาสา แลว้ ก่อตงั วทิ ยาลยั ศลั ยแพทยข์ ึน โดยในภายหลงั พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั รัชกาลที 9 ทรงรับ วทิ ยาลยั ศลั ยแพทยไ์ วใ้ นพระบรมราชูปถมั ภแ์ ละเปลียนชือเป็นราชวทิ ยาลยั ศลั ยแพทยแ์ ห่งประเทศไทย 6. โครงการแพทย์ หู คอ จมูก และโรคภมู แิ พพ้ ระราชทาน โครงการพระราชดาํ ริโครงการนีจดั ตงั ขึนเมือ พ.ศ. 2522 โดยเริมมาจากทรงเห็นวา่ มีราษฎรจาํ นวน มากทีป่ วยดว้ ยโรคหู คอ จมกู และโรคภมู ิแพ้ ซึงจาํ เป็ นตอ้ งไดร้ ับการรักษาจากแพทยผ์ เู้ ชียวชาญเฉพาะดา้ น จึงโปรดเกลา้ ฯ ใหจ้ ดั หน่วยแพทยอ์ าสาสมคั รในโรคดงั กล่าว ผลดั กนั ออกไปปฏิบตั ิหนา้ ทีประจาํ โรงพยาบาลประจาํ จงั หวดั ทีเสดจ็ ฯ แปรพระราชฐาน โดยอาศยั แพทยห์ ู คอ จมูก อาสาสมคั รจาก

โรงพยาบาลพระมงกุฎเกลา้ โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลประจาํ จงั หวดั นครราชสีมา และโรงพยาบาลประจาํ จงั หวดั นครพนม ผลดั เปลียนกนั มาปฏิบตั ิราชการชุดละ 2 สัปดาห์ โดย เริมทีจงั หวดั นราธิวาสก่อน ต่อมาก็ขยายการปฏิบตั งิ านไปยงั จงั หวดั สกลนคร และทีโรงพยาบาลค่ายกาวลิ ะ จงั หวดั เชียงใหม่ 7. โครงการอบรมหมอ หมู่บา้ นในพระราช ประสงค์ เนืองดว้ ยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเลง็ เห็นวา่ ปัญหาดา้ นการแพทยแ์ ละ สาธารณสุขเกิดจากการทีราษฎรไม่ไดร้ บั การรกั ษาพยาบาลทีถูกตอ้ ง อกี ทงั ยงั ไม่มีสถานพยาบาลอยใู่ กล้ หรือบา้ งก็เกิดจากการอุปโภค-บริโภคทีไมถ่ ูกสุขลกั ษณะ ดว้ ยเหตุนีจงึ มีพระราชดาํ ริจดั ตงั โครงการอบรม หมอหมบู่ า้ นในพระราชประสงค์ โดยคดั เลือกคนในหมูบ่ า้ นต่าง ๆ มาเขา้ รับการฝึ กอบรมดา้ นการ รักษาพยาบาลเบืองตน้ การรักษาโรคอยา่ งง่าย เพือใหห้ มอหมูบ่ า้ นเหล่านีสามารถช่วยเหลือประชากรใน หมูบ่ า้ นไดอ้ ยา่ งถูกวธิ ี

8. โครงการอบรมปฐมพยาบาลเบืองตน้ และการช่วยคลอดฉุกเฉิน โครงการพระราชดาํ ริ สาํ หรับตาํ รวจ จราจร เริมแรกตาํ รวจจราจรในโครงการพระราชดาํ ริ เป็ นโครงการในพระราชดาํ ริของพระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนืองจากทรงเป็ นห่วงพสกนิกรในเรืองปัญหาการจราจร จงึ พระราชทาน แนวทางปฏิบตั ิใหแ้ ก่ตาํ รวจเพือเป็นแนวคิดไปใชใ้ นการช่วยเหลือพีน้องประชาชน และพระราชทานทุนจาก ทรัพยส์ ินส่วนพระองคใ์ นการจดั หาเครืองมือเครืองใช้ รถจกั รยานยนตพ์ ร้อมอุปกรณ์อาํ นวยความสะดวก และพฒั นาบุคลากรเพือดาํ เนินการแกไ้ ขปัญหาจราจรอนั จะบรรเทาความเดือดร้อนของพสกนิกรไดอ้ ยา่ ง รวดเร็ว ทนั ต่อเหตุการณ์และมีประสิทธิภาพ ไดผ้ ลดียงิ ขึน โดยโครงการนีเริมดาํ เนินการมาตงั แต่วนั ที 6 กนั ยายน 2536 เรือยมา แต่นอกจากปัญหาทีเกิดจากสภาพการจราจรแลว้ ยงั พบความเดือดร้อนของประชาชนซึงตอ้ งการ ความช่วยเหลืออยา่ งเร่งด่วน เช่น การนาํ ผปู้ ่ วย ผบู้ าดเจ็บ หญงิ ใกลค้ ลอดส่งโรงพยาบาล รวมถึงการคลอด ฉุกเฉิน ดงั นนั เจา้ หนา้ ทีตาํ รวจจราจรตอ้ งไดร้ ับการฝึ กอบรมใหเ้ กิดทกั ษะ ความรู้ ความชาํ นาญเกียวกบั การ ปฐมพยาบาลเบืองตน้ และการทาํ คลอดฉุกเฉิน เพือนาํ ไปช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนใหก้ บั ประชาชน สาํ หรับการฝึ กอบรม จะฝึ กปฏิบตั ิการช่วยเหลือฉุกเฉินเบืองตน้ การช่วยชีวติ พืนฐาน การฝึกและทดสอบ ปฏิบตั ิการช่วยชีวติ ขนั พืนฐาน การป้องกนั การแพร่กระจายเชือโรค การช่วยเหลือการคลอดในสถานการณ์ ต่าง ๆ และการดูแลทารกแรกคลอดก่อนนาํ ส่งโรงพยาบาล

โครงการ สารานุกรมไทย สําหรับเยาวชน พระบาทสมเด็จพระ เจา้ อยหู่ วั ทรงพระราช ปรารภวา่ การเรียนรู้ ในเรืองราวและวชิ าการสาขาตา่ งๆ โดยกวา้ งขวาง เป็ นเหตุใหเ้ กิด ความรู้ ความคิด และความฉลาด ซึงเป็นปัจจยั สาํ คญั ทีสุดสาํ หรับชีวติ ช่วยใหบ้ ุคคล สามารถสร้างประโยชน์ สุข สร้างความเจริญมนั คงให้แก่ตนเอง ทงั แก่สังคม และบา้ นเมือง อนั เป็ นทีพงึ อาศยั ได้ ทุกคนจงึ ควรมี โอกาสทีจะศึกษาหาความรู้ได้ ตามความประสงค์ และกาํ ลงั ความสามารถ โดยทวั กนั ทรงพระราชดาํ ริวา่ หนงั สือประเภทสารานุกรมนนั บรรจุสรรพวชิ าการอนั เป็ นสาระไวค้ รบทกุ แขนง เมือมีความตอ้ งการ หรือพอใจจะเรียนรู้เรืองใด ก็สามารถคน้ หา อา่ นทราบโดยสะดวก นบั วา่ เป็น หนงั สือทีมีประโยชน์ เกือกลู การศึกษา เพมิ พนู ปัญญาดว้ ยตนเองของประชาชนอยา่ งสาํ คญั โดยเฉพาะใน ยามทีมีปัญหาการขาดแคลนครู และทีเล่าเรียนเช่นขณะนี หนงั สือสารานุกรมจะช่วย คลีคลายใหบ้ รรเทาเบา บางลงไดเ้ ป็นอยา่ งดี จึงมีพระราชดาํ รัสให้ตงั โครงการสารานุกรมไทยสาํ หรับเยาวชนฯ เพอื ดาํ เนินการสร้าง หนงั สือสารานุกรมฉบบั ใหม่อีกชุดหนึง มีความมุง่ หมายทีจะนาํ วชิ าการแขนงตา่ งๆ ทีควรศึกษา ออก เผยแพร่แก่เยาวชน ใหแ้ พร่หลายทวั ถึง เพอื เยาวชนจกั ไดห้ าความรู้ ช่วยตวั เองได้ จากการอ่านหนงั สือ เพอื ใหไ้ ดป้ ระโยชน์อนั กวา้ งขวางยงิ ขึน ทรงกาํ หนดหลกั การทาํ คาํ อธิบายเรืองต่างๆ แต่ละเรือง เป็น สามตอน หรือสามระดบั สาํ หรับใหเ้ ดก็ รุ่นเลก็ อา่ นเขา้ ใจระดบั หนึง สาํ หรับเด็กรุ่นกลางอา่ นเขา้ ใจไดร้ ะดบั หนึง และสาํ หรับเดก็ รุ่นใหญ่ รวมถึงผใู้ หญ่ผสู้ นใจอา่ นไดอ้ ีกระดบั หนึง เพืออาํ นวยโอกาสใหบ้ ิดามารดา สามารถใชห้ นงั สือนนั เป็ นเครืองมือแนะนาํ วชิ าแก่บุตรธิดา และให้พีแนะนาํ วชิ าแก่นอ้ งเป็ นลาํ ดบั กนั ลงไป นอกจากนนั เมือเรืองหนึงเรืองใดมีความเกียวพนั ต่อเนืองถึงเรืองอืนๆ ก็ใหอ้ า้ งอิงถึงเรืองนนั ๆ ดว้ ยทุกเรือง

ไป ดว้ ยประสงคจ์ ะใหผ้ ศู้ ึกษาทราบตระหนกั วา่ วชิ าการแตล่ ะสาขา มีความสมั พนั ธ์เกียวเนืองถึงกนั พงึ จะ ศึกษาให้ครบถว้ นทวั ถึง โครงการฝนหลวง เป็นโครงการทีเกิดขึนจากพระราชดาํ ริส่วนพระองคใ์ นพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพอื สร้างฝนเทียมสาํ หรับบรรเทาปัญหาความแหง้ แลง้ ขาดแคลนนาํ ในการเกษตร เมือคราวทีพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ภูมิพลอดุลยเดช เสดจ็ พระราชดาํ เนินเยยี มเยยี นพสกนิกร เมือปี พ.ศ. 2498 ในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ ไดท้ รงรับทราบถึงความเดือดร้อนทุกขย์ ากของราษฎรและเกษตรกรที ขาดแคลนนาํ อุปโภคบริโภคและการเกษตร จึงไดม้ ีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานโครงการพระราชดาํ ริ \"ฝนหลวง\"(Artificial rain) ใหก้ บั ม.ร.ว.เทพฤทธิ เทวกุล ไปดาํ เนินการ ซึงตอ่ มาไดเ้ กิดเป็นโครงการคน้ ควา้ ทดลองปฏิบตั ิการฝนเทียมหรือฝนหลวงขึน ในสงั กดั สาํ นกั งานปลดั กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เมือปี พ.ศ. 2512 ดว้ ยความสาํ เร็จของ โครงการ จึงไดต้ ราพระราชกฤษฎีการก่อตงั สาํ นกั งานปฏิบตั กิ ารฝนหลวง

ขึนในปี พ.ศ. 2518 ในสังกดั กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพอื เป็ นหน่วยงานรองรับโครงการพระราชดาํ ริ ฝนหลวงตอ่ ไป การทาํ ฝนเทียมหรือฝนหลวงเป็ นกรรมวธิ ีการเหนียวนาํ นาํ จากฟ้า ใชเ้ ครืองบินบรรจุสารเคมีขึนไปโปรยใน ทอ้ งฟ้า โดยดูจากความชืนของเมฆและสภาพทิศทางลมประกอบกนั ปัจจยั สําคญั ทีทาํ ให้เกิดฝนคือ ความ ร้อนชืนปะทะความเยน็ และมแี กนกลนั ตวั ทีมีประสิทธิภาพในปริมาณทีเหมาะสม กล่าวคือ เมือมวลอากาศ ร้อนชืนทีระดบั ผวิ พนื ขึนสู่อากาศเบืองบน อุณหภมู ิของมวลอากาศจะลดตาํ ลงจนถึงความสูงทีระดบั หนึง หากอุณหภูมทิ ีลดตาํ ลงนนั มากพอก็จะทาํ ใหไ้ อนาํ ในมวลอากาศอิมตวั จะเกิดขบวนการกลนั ตวั เองของไอ นาํ ในมวลอากาศขึนบนแกนกลนั ตวั เกิดเป็นฝนตกลงมา ฉะนนั สารเคมีทีใชจ้ ึงประกอบดว้ ย \"สูตรร้อน\" ใช้ เพอื กระตุน้ เร่งเร้ากลไกการของบรรยากาศ, \"สูตรเยน็ \" ใชเ้ พอื กระตุน้ กลไกการรวมตวั ของละอองเมฆใหโ้ ต ขึนเป็นเมด็ ฝน และสูตรทีใชเ้ ป็นแกนดูดซบั ความชืน เพอื ใชก้ ระตุน้ กลไกระบบการกลนั ตวั ใหม้ ี ประสิทธิภาพสูงขึน คณะรัฐมนตรีมมี ติ เมือวนั ที 20 สิงหาคม พ.ศ. 2545 เฉลิมพระเกียรตพิ ระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิ พลอดุลยเดชใหท้ รงเป็ น \"พระบิดาแห่งฝนหลวง\" พร้อมกนั นีไดก้ าํ หนดใหว้ นั ที 14 พฤศจกิ ายนของทุกปี เป็นวนั พระบดิ าแห่งฝนหลวง

ขนั ตอนการทาํ ฝนหลวง ขนั ตอนทีหนึง : \"ก่อกวน\" เป็นขนั ตอนทีเมฆธรรมชาติเริมก่อตวั ทางแนวตงั การปฏิบตั กิ ารในขนั ตอนนีมุง่ ใชส้ ารเคมีกระตุน้ ใหม้ วล อากาศลอยตวั ขึนสู่เบืองบน เพือใหเ้ กิดกระบวนการชกั นาํ ไอนาํ หรือความชืนเขา้ สู่ระบบการเกิดเมฆ ระยะเวลาทีจะปฏิบตั ิการในขนั ตอนนีไมค่ วรเกิน 10.00 น. ของแต่ละวนั โดยการใชส้ ารเคมที ีสามารถดูดซบั ไอนาํ จากมวลอากาศได้ (แมจ้ ะมีเปอร์เซ็นตค์ วามชืนสมั พทั ธ์คา่ critical relative humidity ตาํ ) เพอื กระตุน้ กลไกของกระบวนการกลนั ตวั ไอนาํ ในมวลอากาศ (เป็ นการสร้างสภาพแวดลอ้ มใหเ้ หมาะสมต่อการ เจริญเติบโตของเมฆดว้ ย) ทางดา้ นเหนือลมของพืนทีเป้าหมาย เมือเมฆเริมก่อตวั และเจริญเติบโตทางตงั แลว้ จงึ ใชส้ ารเคมีทีใหป้ ฏิกิริยาคายความร้อนโปรยเป็ นวงกลมหรือเป็นแนวถดั มาทางใตล้ มเป็ นระยะทางสนั ๆ เขา้ สู่กอ้ นเมฆ เพือกระตุน้ ให้เกิดกลุ่มแกนร่วม (main cloud core) ในบริเวณปฏิบตั ิการ สาํ หรับใชเ้ ป็ น ศูนยก์ ลางทีจะสร้างกลุ่มเมฆฝนในขนั ตอนตอ่ ไป ขนั ตอนทีสอง : \"เลียงใหอ้ ว้ น\" เป็นขนั ตอนทีเมฆกาํ ลงั ก่อตวั เจริญเติบโตซึงเป็ นระยะสาํ คญั มากในการปฏิบตั ิการ เพราะจะตอ้ งเพมิ พลงั งาน ใหแ้ ก่การลอยตวั ขึนของก๊าซ (updraft) ใหย้ าวนานออกไป ตอ้ งใชเ้ ทคโนโลยแี ละประสบการณ์การทาํ ฝน ควบคู่ไปพร้อมกนั เพอื ตดั สินใจโปรยสารเคมีชนิดใด ณ ทีใดของกลุ่มกอ้ นเมฆ และในอตั ราใดจงึ เหมาะสม เพราะตอ้ งใหก้ ระบวนการเกิดละอองเมฆสมดุลกบั ความแรงของ updraft มิฉะนนั จะทาํ ใหเ้ มฆสลาย

ขนั ตอนทีสาม : \"โจมตี\" เป็นขนั ตอนสุดทา้ ยของกรรมวธิ ีปฏิบตั ิการฝนหลวง เมฆ หรือ กลุ่มเมฆฝนมีความหนาแน่นมากพอทีจะ สามารถตกเป็นฝนได้ ภายในกลุ่มเมฆจะมีเมด็ นาํ ขนาดใหญ่มากมาย หากเครืองบินเขา้ ไปในกลุ่มเมฆฝนนี จะมีเมด็ นาํ เกาะตามปี กและกระจงั หนา้ ของเครืองบิน เป็ นขนั ตอนทีสาํ คญั ตอ้ งอาศยั ประสบการณ์มาก เพราะจะตอ้ งปฏิบตั ิการเพอื ลดความรุนแรงของ updraft หรือทาํ ใหอ้ ายขุ อง updraft หมดไป สาํ หรับการ ปฏิบตั ิการในขนั ตอนนี จะตอ้ งพจิ ารณาจดุ มุง่ หมายของการทาํ ฝนหลวง ซึงมีอยู่ 2 ประเด็นคือเพอื เพิม ปริมาณฝนตก และเพอื ใหเ้ กิดการกระจายการตกของฝน จึงทาํ ใหเ้ กิดฝนขึน เครืองมือและอุปกรณ์สาํ คญั ทีใชป้ ระกอบในการทาํ ฝนหลวง เครืองมืออุตุนิยมวทิ ยา ใชใ้ นการตรวจวดั และศึกษาสภาพอากาศประกอบการวางแผนปฏิบตั ิการ นอกเหนือจากแผนทีอากาศ ภาพถ่าย ดาวเทียมทีไดร้ ับสนบั สนุนเป็ นประจาํ วนั จากกรมอุตุนิยมวทิ ยาทีมีใช้ ไดแ้ ก่ เครืองวดั ลมชนั บน (pilot balloon) ใชต้ รวจวดั ทิศทางและความเร็วลมระดบั สูงจากผวิ ดินขึนไป เครืองวทิ ยหุ ยงั อากาศ (radiosonde) เป็ นเครืองมืออิเล็กทรอนิกส์ประกอบดว้ ยเครืองส่งวทิ ยุ ซึงจะติดไปกบั บอลลูน และเครืองรับสัญญาณวทิ ยซุ ึงจะบอกใหท้ ราบถึงขอ้ มูลอุณหภูมิความชืน ของบรรยากาศในระดบั ตา่ ง ๆ เครืองเรดาร์ตรวจอากาศ ทีมีใชอ้ ยเู่ ป็นแบบติดรถยนต์ เคลือนทีไดม้ ีประสิทธิภาพ สามารถบอกบริเวณทีมี ฝนตกและความแรง หรือปริมาณนาํ ฝนและการเคลือนทีของกลุ่มฝนไดใ้ นรัศมี 200-400 กม. ซึงนอกจากจะ ใชป้ ระกอบการวางแผนปฏิบตั ิการแลว้ ยงั ใชเ้ ป็ นหลกั ฐานในการประเมินผลปฏิบตั ิการฝนหลวงอีกดว้ ย เครืองมือตรวจอากาศผวิ พืนต่าง ๆ เช่น เครืองวดั อุณหภมู ิ เครืองวดั ความเร็วและทิศทางลม เครืองวดั ปริมาณ นาํ ฝน เป็นตน้ เครืองมือเตรียมสารเคมี ไดแ้ ก่เครืองบดสารเคมีเครืองผสมสารเคมี ทงั แบบนาํ และแบบผง ถงั และกรวย โปรยสารเคมี เป็นตน้

เครืองมือสือสาร ใชใ้ นการติดต่อสือสารและสังการระหวา่ งนกั วชิ าการบนเครืองบินกบั ฐานปฏิบตั ิการ หรือ ระหวา่ งฐานปฏิบตั ิการ 2 แห่ง หรือใชร้ ายงานผลระหวา่ งฐานปฏิบตั ิงานสาํ นกั งานฯ ในส่วนกลางโดยอาศยั ขา่ ยร่วมของวทิ ยตุ าํ รวจ ศูนยส์ ือสารสาํ นกั งาน ปลดั กระทรวงมหาดไทย วิทยเุ กษตร และ กรมไปรษณียโ์ ทรเลข เครืองมือสือสารทีใชใ้ นปัจจุบนั ไดแ้ ก่วทิ ยุซิงเกิลไซดแ์ บนด์ วทิ ยุ FM.1, FM.5 เครือง โทรพมิ พ์ เป็ นตน้ เครืองมือทางวชิ าการอืน ๆ เช่น อุปกรณ์ทางการวางแผนปฏิบตั ิการ เขม็ ทิศ แผนที กลอ้ งส่องทางไกล เครืองมือตรวจสอบสารเคมี กลอ้ งถ่ายภาพ ฯลฯ สถานีเรดาร์ฝนหลวง หรือ เรดาร์ดอปเปลอร์ (Doppler radar) ในบรรดาเครืองมืออุปกรณ์วทิ ยาศาสตร์ภายใต้ โครงการวจิ ยั ทรัพยากรบรรยากาศประยกุ ตจ์ าํ นวน 8 รายการนนั เรดาร์ดอปเปลอร์จดั เป็ นเครืองมือทีมีมูลค่า สูงสุด เรดาร์นีใชเ้ พือวางแผนการทดลองและตดิ ตาม ประเมินผลปฏิบตั ิการฝนหลวงสาธิต เครืองมือชนิดนี ทาํ งานโดยใชร้ ะบบคอมพิวเตอร์ (Microvax 3400) ควบคุมสังการ เก็บบนั ทึก รวบรวมขอ้ มูล สามารถนาํ ขอ้ มูลกลบั มาแสดงใหม่จากเทปบนั ทึก ในรูปแบบการทาํ งานของ IRIS (IRIS Software) ผา่ นโพรเซสเซอร์ (RUP-6) กล่าวคือ ขอ้ มูลจะถูกบนั ทึกไวใ้ นเทปบนั ทกึ ขอ้ มูลดว้ ยระบบคอมพิวเตอร์ทีสามารถนาํ มาใชไ้ ด้ ตลอด ซึงเชือมตอ่ กบั ระบบเรดาร์ การแสดงผล/ขอ้ มูล โดยจอภาพ สถานทีตงั เรดาร์ดอปเปลอร์นีอยทู่ ี ตาํ บล ยางเปี ยง อาํ เภออมก๋อย จงั หวดั เชียงใหม่


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook