หนว่ ยที่2 หลกั ธรรมพระพทุ ธศาสนา อริยสจั 4 “ทกุ ข์” นางสาวธญั วดี ลือราช
ใบความรู้ที่ 2.1 เร่ือง พระรัตนตรัย และสังฆคุณ พระรัตนตรัยเป็นองคป์ ระกอบที่สาคญั ของพระพทุ ธศาสนา หมายถึง แกว้ หรือส่ิงท่ีมีคา่ สูงสุด 3 ประการ ไดแ้ ก่ พระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์ พระพุทธ หมายถึง พระพทุ ธเจา้ ผตู้ รัสรู้ธรรมะดว้ ยพระองคเ์ อง พระ ธรรม หมายถึง คาสงั่ สอนของพระพุทธเจา้ คือ อริยสจั 4 และพระสงฆห์ มายถึง ผสู้ ืบทอดพระธรรมคาสอน ของพระพุทธเจา้ ซ่ึงเป็นผปู้ ระพฤติดี ปฏิบตั ิชอบ ควรเคารพอยา่ งสูง ภาพที่ 1 พระพทุ ธเจา้ ผตู้ รัสรู้ธรรมะดว้ ยพระองคเ์ อง ท่ีมา : http://www.homebeau.blogspot.com สังฆคุณ 9 หมายถึง คุณของพระสงฆท์ ี่เกิดจากการปฏิบตั ิดีปฏิบตั ิชอบตามคาสง่ั สอน ของพระพุทธเจา้ แลว้ สอนให้ผอู้ ื่นรู้และปฏิบตั ิตามดว้ ย 1.เป็นผปู้ ฏิบตั ิดี (สุปะฏิปันโน ภะคะวนั โต สาวะกะสงั โฆ) คือ ประพฤติปฏิบตั ิ ตามหลกั ธรรมวินยั ยดึ หลกั ทางสายกลาง (มชั ฌิมาปฏิปทา) ไม่ตึงเกินไป ไมห่ ยอ่ นเกินไป ปฏิบตั ิเพือ่ ให้ เจริญกา้ วหนา้ ไมถ่ อยหลงั และเป็นไปในทางเดียวกบั คาสอนของพระพุทธเจา้ 2.เป็นผปู้ ฏิบตั ิตรง (อุชุปฏิปันโน) คือ ประพฤติปฏิบตั ิอยา่ งตรงไปตรงมา ไม่เป็ น ผทู้ ี่โกหกหลอกหลวงตอ่ หนา้ ปฏิบตั ิอยา่ งไร ลบั หลงั ก็ปฏิบตั ิเช่นน้นั
3. เป็นผปู้ ฏิบตั ิถูกทาง (ญายะปะฏิปันโน) คือ ปฏิบตั ิเพื่อใหร้ ู้ธรรมซ่ึงเป็นหนทางหลุดพน้ จากทุกข์ ไม่ปฏิบตั ิเพ้ียนไปจากหลกั คาสอนของพระพทุ ธเจา้ 4. เป็นผปู้ ฏิบตั ิสมควร (สามีจิปะฏิปันโน) คือ ปฏิบตั ิตนสมควรแก่การเคารพนบั ถือ 5. เป็นผคู้ วรแก่ของคานบั (อาหุเนยโย) คือ เป็ นผทู้ ี่สมควรไดร้ ับเครื่องสกั การะ ที่เขานามาถวายในโอกาสต่าง ๆ เนื่องจากเป็ นผปู้ ฏิบตั ิดีปฏิบตั ิชอบ 6. เป็นผคู้ วรแก่การตอ้ นรับ (ปาหุเนยโย) คือ เป็ นผทู้ ี่สมควรไดร้ ับการตอ้ นรับอยา่ งยง่ิ ไม่วา่ ทา่ นจะ เดินทางในสถานที่ใด หากมีโอกาสควรใหก้ ารตอ้ นรับท่านดว้ ยความเคารพ ซ่ึงถือเป็นมงคลชีวติ 7. เป็นผคู้ วรแก่ทกั ษิณา (ทกั ขิเนยโย) คือ ควรแก่การไดร้ ับของทาบุญ หรือเคร่ืองไทยธรรมท่ีมีผู้ นามาถวาย 8. เป็นผคู้ วรแก่การกราบไหว้ (อญั ชะลีกะระณีโย) คือ อยใู่ นฐานะท่ีสมควรไดร้ ับ การกราบไหวจ้ ากฆราวาสทุกสถานที่และทุกโอกาส 9. เป็นเน้ือนาบุญอนั ยอดเยย่ี มของโลก (อะนุตตะรัง ปุญญกั เขตตงั โลกสั สาติ) คือ พระสงฆเ์ ปรียบไดก้ บั เน้ือนาบุญ ถา้ หากนามีความอุดมสมบูรณ์ เมล็ดพนั ธุ์ท่ีหวา่ นลงไปยอ่ มจะให้ ผลผลิตที่สมบูรณ์ เฉกเช่นเดียวกบั พระสงฆเ์ ป็นผปู้ ฏิบตั ิดี ปฏิบตั ิชอบ หากเราไดก้ ราบไหว้ ไดท้ าบุญกบั ท่าน ความดี ความสุขและความเจริญกจ็ ะงอกงามเช่นเดียวกบั เมล็ดพนั ธุ์พชื นน่ั เอง สงั ฆคุณท้งั 9 ประการดงั กล่าวน้ีสามารถจดั เป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ 2 ประเภท คือ 1. สังฆคุณที่เป็นเหตุ คือ สงั ฆคุณ 4 บทแรก ไดแ้ ก่ สุปะฏิปันโน อุชุปะฏิปันโน ญายะปะฏิ ปันโน และสามีจิปะฏิปันโน 2. สังฆคุณที่เป็นผล คือ สงั ฆคุณ 5 บทหลงั ไดแ้ ก่ อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทกั ขิเนยโย อญั ชะลีกะระณีโย อนุตตะรัง ปุญญกั เขตตงั การศึกษาสังฆคุณ 9 ทาให้เรารู้และเข้าใจคุณลักษณะของพระสงฆ์ อันเป็ นเหตุให้เกิด ความศรัทธาเล่ือมใส จะนาไปสู่การประพฤติปฏิบตั ิตอ่ ตนพระสงฆอ์ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม
การศึกษาสังฆคุณหรื อคุณความดีของพระสงฆ์ นอกจากจะได้ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับ การปฏิบตั ิตนของพระสงฆ์แล้วยงั เป็ นแรงจูงใจให้ผูศ้ ึกษาเกิดความศรัทธาเลื่อมใสในคุณความดีของ พระสงฆ์ และพยายามพฒั นาตนใหม้ ีคุณธรรมสูงข้ึนโดยยดึ พระสงฆเ์ ป็นแบบอยา่ ง ภาพที่ 2 ทาบุญใส่บาตร ที่มา : http://www.board.palungjit.org
ใบความรู้ท่ี 2.2 เร่ือง อริยสัจ 4 อริยสัจ คือ ความจริงอันประเสริฐหรือหลักความจริงที่ทาให้คนเป็ นผูป้ ระเสริฐนอกจากน้ี ยงั มีความหมายอื่นอีกคือความจริงที่พระอริยะตรัสรู้ ความจริงของพระอริยะตามความจริงที่ทาใหเ้ ป็ นพระ อริยะ ความจริงที่เป็นแก่นแทม้ ี4ประการ คือ 1.ทุกขค์ ือ ความไมส่ บายกายไม่สบายใจ หรือเรียกอีกอยา่ งหน่ึงวา่ ทุกขก์ าย เช่น ทุกขจ์ าก การเกิด ความแก่ ความเจบ็ และความตาย เป็นตน้ ทุกขใ์ จ เช่น เศร้าโศก เสียใจ ผดิ หวงั พลดั พราก เป็นตน้ สรุปแลว้ ความทุกขท์ ้งั ปวงน้ีเกิดจากความยดึ มนั่ ในขนั ธ์5นน่ั เอง ภาพท่ี 3 ความทุกข์ ที่มา : http://www.leonathai.com 2.สมุทยั ไดแ้ ก่ สาเหตุของความทุกข์ หรือสาเหตุของปัญหา คือ 2.1 ความอยากไดส้ ่ิงน้นั อยากไดส้ ิ่งน้ี อนั เกิดจากตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ เช่น มีคนรัก อยากไดน้ าฬิกาที่มีย่หี อ้ อยากไดโ้ ทรศพั ทม์ ือถือรุ่นใหม่ อยากไดเ้ ครื่องเสียงช้นั ดี อยากกินของ อร่อยๆ เป็นตน้ เมื่อไมไ่ ดส้ มใจกเ็ ป็นทุกข์ ความอยากไดน้ ้ี เรียกวา่ กามตณั หา 2.2 ความอยากมีและความอยากเป็น เช่น อยากรวย อยากสวย อยากหล่อ อยากดงั อยากมี คนรัก อยากมีอานาจ เป็ นตน้ เม่ือไม่ไดอ้ ยา่ งท่ีอยากกเ็ ป็นทุกข์ ความอยากมี หรืออยากเป็ นน้ีเรียกวา่ ภวตณั หา
2.3 ความอยากไม่เป็นโน่นเป็ นน่ีหรืออยากพน้ จากสภาพท่ีเป็นอยู่ เช่น ไมอ่ ยากจน ไม่อยากตกงาน ไม่อยากพิการ ไม่อยากมีชีวติ อยู่ เป็นตน้ เม่ือทาไม่ไดก้ ็เป็ นทุกข์ ภาวะท่ีอยากจะพน้ จากสภาพน้นั ๆ เรียกวา่ วภิ าวตณั หา ภาพท่ี 4 ความอยากไมเ่ ป็นโน่นเป็นนี่หรืออยากพน้ จากสภาพท่ีเป็นอยู่ ท่ีมา : http://www.sameaf.mfa.go.th 3.นิโรธ ไดแ้ ก่ ความดบั ทุกข์ กล่าวคือ เม่ือดบั ความอยากท่ีเป็นสาเหตุแห่งทุกขไ์ ด้ กส็ ิ้นทุกข์ ภาวะ เช่นน้ีพระพทุ ธศาสนาเรียกวา่ นิพพาน ซ่ึงเป็นเป้าหมายสูงสุดของชีวติ นนั่ เอง ภาพท่ี 5 ความดบั ทุกข์ ที่มา : http://www.sameaf.mfa.go.th
4.มรรค ไดแ้ ก่ วธิ ีการแห่งความดบั ทุกข์ เรียกอีกอยา่ งหน่ึงวา่ อริยมรรคมีองค์ 8 หรือ มชั ฌิมาปฏิปทา หรือ ทางสายกลาง ซ่ึงประกอบดว้ ย -สมั มาทิฐิ เห็นชอบ -สัมมาสังกปั ปะ คิดชอบ -สัมมาวาจา เจรจาชอบ -สมั มากมั มนั ตะ การงานชอบ -สมั มาอาชีวะ เล้ียงชีพชอบ -สัมมาวายามะ เพยี รชอบ -สมั มาสติ ระลึกชอบ -สมั มาสมาธิ ต้งั จิตมนั่ ชอบ ภาพที่ 6 สมั มากมั มนั ตะ การงานชอบ ที่มา : http://www.sameaf.mfa.go.th อริยสัจ 4 ยงั ถือว่าเป็ นหลกั คาสอนสาคญั ที่เป็ นหัวใจของพระพุทธศาสนา โดยหลักธรรมของ พระพุทธศาสนาทุกหมวดทุกข้อสามารถสรุปลงหรืออธิบายได้ด้วยอริยสัจ 4 ดังตัวอย่างหลักธรรม ท่ีจะไดศ้ ึกษาตอ่ ไป
ใบความรู้ที่ 2.3 เรื่อง ทุกข์ (ธรรมะทค่ี วรรู้) ทกุ ข์ คือ ความไม่สบายไม่สบายใจ ความเศร้าโศกเสียใจ หรือสภาพการบีบค้นั จิตใจใหท้ น ไดย้ าก เกิดจากทุกขสมุทยั ซ่ึงเกิดจากการเกิด แก่ เจบ็ ตาย และประสบกบั สิ่งที่ไม่เป็นท่ีรัก ความทุกข์ ดงั กล่าวน้ีเกิดจากการยดึ มนั่ ในขนั ธ์5นนั่ เอง หลกั ธรรมแห่งทุกขท์ ่ีควรรู้ไดแ้ ก่ ขนั ธ์5 ขันธ์5 คือองคป์ ระกอบท่ีรวมกนั เขา้ เป็นชีวติ มี5ประการ 1.รูปขนั ธ์ แปลวา่ กองรูป ไดแ้ ก่ส่วนประกอบต่างๆที่รวมกนั เขา้ เป็นร่างกายเกิดจาก การรวมกนั ของธาตุท้งั 4ไดแ้ ก่ 1.1 ดิน ไดแ้ ก่ กระดูก เน้ือ หนงั เส้นผม 1.2 น้า ไดแ้ ก่ น้าเลือด น้าเหลือง ของเหลวต่างๆในร่างกาย 1.3 ลม ไดแ้ ก่ ลมหายใจเขา้ หายใจออก 1.4 ไฟ ไดแ้ ก่ อุณหภูมิ ความร้อนในร่างกาย 2.เวทนาขนั ธ์ แปลวา่ กองเวทนาคือส่วนท่ีเป็นความรู้สึกที่เกิดข้ึนต่อส่ิงท่ีรับรู้เวทนาขนั ธ์ มี3อยา่ งคือ 2.1 ความรู้สึกสบายใจ เรียกวา่ สุขเวทนา 2.2 ความรู้สึกไม่สบายใจ เรียกวา่ ทุกขเวทนา 2.3 ความรู้สึกเฉยๆ เรียกวา่ อุเบกขาเวทนา ภาพที่ 7 ทุกขเวทนา ท่ีมา : http://www.kapook.com 3.สัญญาขนั ธ์ แปลวา่ กองสัญญา คือ ส่วนท่ีเป็ นความจาได้ ความรู้ เช่น จาสิ่งตา่ ง ๆ ได้ จารูป จารส จากล่ิน จาเสียง จาการสมั ผสั และจาเร่ืองราวต่าง ๆ ได้
4. สังขารขนั ธ์ แปลวา่ กองสังขาร คือ ส่วนที่ปรุงแต่งจิตใจใหค้ ิด ใหต้ ้งั ใจเรียน ใหต้ ้งั ใจฟัง ใหเ้ ป็น คนฉลาด พาใหค้ ิดดี คิดชว่ั หรือคิดเป็นกลาง ตลอดไปจนถึงความเมตตากรุณา ความโกรธความไม่ยดึ มน่ั ถือ มน่ั 5. วญิ ญาณขนั ธ์ แปลวา่ กองวญิ ญาณ เรียกอีกอยา่ งหน่ึงวา่ จิตหรือใจ คือ ส่วนท่ีเป็นตวั การสาคญั ใน ตวั เรา ทาหนา้ ที่นึกคิด รับรู้อารมณ์ รู้ตวั ขนั ธ์ 5 โดยยอ่ แบ่งไดเ้ ป็น 2 ส่วนคือ รูปกบั นาม หรือ กายกบั ใจ 1. รูปหรือกาย ไดแ้ ก่ รูปขนั ธ์ 2. นามหรือใจ ไดแ้ ก่ วิญญาณขนั ธ์ พระพุทธเจา้ ไดต้ รัสสรุปวา่ ขนั ธ์ 5 เป็นอนิจจงั (ไม่เที่ยง) ทุกขงั (เป็นทุกข)์ และอนตั ตา (ไมใ่ ช่ตวั ตน) ภาพที่ 8 รูปขนั ธ์ ท่ีมา : http://www.watthaklong.com
Search
Read the Text Version
- 1 - 9
Pages: