Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิจัยชั้นเรียน1(1)

วิจัยชั้นเรียน1(1)

Published by saksiri k, 2022-06-17 04:52:52

Description: วิจัยชั้นเรียน1(1)

Search

Read the Text Version

ก บทคดั ย่อ การวจิ ยั คร้ังน้ีมีวตั ถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาการแกป้ ัญหาเวลาเรียนไม่ต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ โรคระบาดไวรัสโควิด-19 2) เพื่อศึกษาพฤติกรรมการเรียนของนกั ศึกษา เมื่อเรียนดว้ ยการเรียนแบบเน้น ผูเ้ รียนเป็ นสาคัญการศึกษาค้นควา้ ด้วยตนเอง การลงมือปฏิบตั ิจริง กลุ่มตวั อย่างคือ นักศึกษาระดับ มธั ยมศึกษาตอนตน้ จานวน 6 คน ใชร้ ะยะเวลาตลอดภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2564 ในรายวิชาเศรษฐกิจ พอเพียง (ทช21001) เครื่องมือท่ีใช้ในการวิจยั ซ่ึงสร้างข้ึนโดยผูว้ ิจยั ไดแ้ ก่ 1) แผนการจดั การเรียนรู้ 2) แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน รายวิชา เศรษฐกิจพอเพียง (ทช21001) ผลการวิจยั พบว่า 1) ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนของนกั ศึกษาระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ จานวน 6 คน ดว้ ยกิจกรรมการเรียนแบบ เน้นผูเ้ รียนเป็ นสาคญั การศึกษาคน้ ควา้ ดว้ ยตนเอง การลงมือปฏิบตั ิจริง ทุกคนมีผลการเรียนระดบั 4.00 (ดีเยย่ี ม) คิดเป็น 100 % มีคา่ เบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D) = 4.44 , คา่ ความแปรปรวน 19.76 และค่าสัมประสิทธ์ิ ของการกระจาย (CV.) = 5.30 หมายถึงประสิทธิภาพอยูใ่ นระดบั ดีมาก 2) การจดั การเรียนดว้ ยกิจกรรมการ เรียนแบบเนน้ ผเู้ รียนเป็ นสาคญั การศึกษาคน้ ควา้ ดว้ ยตนเอง การลงมือปฏิบตั ิจริง สามารถแกไ้ ขปัญหาเวลา เรียนที่ไมต่ ่อเน่ือง เนื่องจากสถานการณ์โรคระบาดไวรัสโควดิ -19

ข กติ ติกรรมประกาศ งานวิจยั ในคร้ังน้ีสามารถสาเร็จลุล่วงไดด้ ว้ ยดี ผูว้ ิจยั ตอ้ งกราบขอบพระคุณ นายศุภชัย สกุลแกว้ ผูอ้ านวยการกศน.อาเภอเมืองนครศรีธรรมราช ที่ให้ความกรุณาเมตตา ให้การอบรม ส่ังสอน ช้ีแนะ ช่วยเหลือในการศึกษาทาวิจยั ตลอดจนให้การแนะนาในการเขียนรายงานการวิจยั สนบั สนุนส่งเสริมการ จดั การเรียนการสอนเนน้ ผเู้ รียนเป็ นสาคญั การศึกษาคน้ ควา้ ดว้ ยตนเองและการลงมือปฏิบตั ิจริง ให้แก่คณะ ครูและนักศึกษาอย่างเต็มศกั ยภาพ ให้ความช่วยเหลือในการศึกษาใช้สื่อออนไลน์และให้ข้อมูลท่ีเป็ น ประโยชน์ต่องานวจิ ยั ในคร้ังน้ี กราบขอบพระคุณบิดา มารดา ท่ีกรุณาอุปการะเล้ียงดู ตลอดจนส่งเสริมให้ ไดร้ ับการศึกษา และให้กาลงั ใจเป็ นอย่างดีเสมอมา ขอบคุณครอบครัวและเพื่อนร่วมงานทุกคนท่ีช่วย สนบั สนุนใหก้ าลงั ใจจนกระทงั่ งานวจิ ยั ฉบบั น้ีสาเร็จไดด้ ว้ ยดี นางสาวรัชณี กรรไพเราะ

สารบัญ ค บทคดั ย่อ หน้า บทท่ี 1 บทนา ก 1 ความสาคญั และที่มาของปัญหา 1 วตั ถุประสงค์ 3 ขอบเขตของการศึกษา 3 ประโยชนท์ ี่ไดร้ ับ 5 นิยามศพั ทเ์ ฉพาะ 5 บทที่ 2 ทฤษฏีทเี่ กย่ี วข้อง 7 การสื่อสารในองคก์ ร (Communication in Organization) 7 ส่ือสงั คมออนไลน์ (Social media) 8 งานวจิ ยั ที่เกี่ยวขอ้ ง 13 บทที่ 3 วธิ ีดาเนินการวจิ ัย 16 บทท่ี 4 ผลการวจิ ัย 17 บทท่ี 5 สรุปผล และข้อเสนอแนะ 21 สรุปผลการวจิ ยั 21 ขอ้ เสนอแนะ 22 เอกสารอ้างองิ 24 ภาคผนวก

1 บทท่ี 1 บทนา ความสาคญั และทม่ี าของปัญหา การศึกษานบั วา่ มีความสาคญั ต่อการพฒั นาคุณภาพชีวิตของประชากร ดงั จะเห็นไดจ้ ากแนวการจดั การศึกษาท่ีไดร้ ะบุไวใ้ นหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 (กระทรวงศึกษาธิการ, 2552:6) ท่ีมุ่งพฒั นาผูเ้ รียนทุกคน ซ่ึงเป็ นกาลงั ของชาติให้เป็ นมนุษยท์ ่ีมีความสมดุลท้งั ดา้ นร่างกาย ความรู้ คุณธรรม มีจิตสานึกในความเป็ นพลเมืองไทยและเป็ นพลโลก ยึดม่ันในการปกครองตามระบอบ ประชาธิปไตย อนั มีพระมหากษตั ริยท์ รงเป็ นประมุข มีความรู้และทกั ษะพ้ืนฐาน รวมท้งั เจตคติ ที่จาเป็ น ต่อการศึกษาต่อการ ประกอบอาชีพและการศึกษาตลอดชีวติ โดยมุ่งเนน้ ผูเ้ รียนเป็ นสาคญั บนพ้ืนฐานความ เช่ือว่า ทุกคนสามารถ เรียนรู้และพฒั นาตนเองไดเ้ ต็มตามศกั ยภาพ อีกท้งั หลกั สูตรแกนกลางการศึกษา ข้นั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 ยงั มีความประสงค์ท่ีจะให้เยาวชนไทยมีความรู้อันเป็ นสากล และมี ความสามารถในการสื่อสาร การคิด การแกป้ ัญหาใช้เทคโนโลยีและมีทกั ษะชีวิต ดว้ ยเหตุน้ีจึงทาให้การ สื่อสารและการใชเ้ ทคโนโลยเี ขา้ มามีบทบาทสาคญั ในการศึกษาโดยเฉพาะอินเทอร์เน็ต ท่ีสามารถเชื่อมต่อ การสื่อสาร ขอ้ มูลข่าวสารต่าง ๆไดอ้ ย่างรวดเร็ว และทนั ต่อเหตุการณ์อยู่เสมอ การเรียนรู้บนเครือข่าย อินเทอร์เน็ตเป็ นรูปแบบการเรียนอีกรูปแบบหน่ึงที่มีความสอดคลอ้ งกบั วิวฒั นาการทางเทคโนโลยีใน ปัจจุบนั จะเห็นไดว้ า่ บริการทางอินเทอร์เน็ตอยา่ งสังคมออนไลน์ (Social Network) เป็ นท่ีไดร้ ับความนิยม อย่างมาก ส่วนใหญ่พบในกลุ่มเด็กนักศึกษามากที่สุด ฉะน้ันถ้าเรานาสังคมออนไลน์มาประยุกต์ใช้กบั การศึกษา จะทาใหน้ กั ศึกษาสามารถเขา้ ถึงการเรียนรู้ไดท้ ุกท่ีทุกเวลา ดา้ นบทบาทของสังคมออนไลน์ต่อการ จดั การในระดบั เรียน ดว้ ยลกั ษณะสาคญั ของสังคมออนไลน์ คือ การมีปฏิสัมพนั ธ์ของคนในระบบเครือข่าย สังคมออนไลน์มาสู่การจดั การเรียนการสอนในระดบั เรียนยอ่ ม ก่อให้เกิดผลสาคญั ในหลากหลายลกั ษณะ เช่นกนั เช่น การสร้างความสัมพนั ธ์ระหว่างสังคมในระดบั ห้องเรียน เนื่องจากบรรยากาศของสังคม ออนไลน์เป็ นการแลกเปลี่ยนขอ้ มูล ข่าวสาร ก่อให้เกิดความสัมพนั ธ์ของคนใน เครือข่าย ดว้ ยเหตุน้ีเมื่อท้งั ผูส้ อนและผูเ้ รียนเข้าสู่การสร้างความสัมพนั ธ์ภายในระบบสังคมออนไลน์ก็จะนาไปสู่ การพฒั นา ความสัมพันธ์ในสังคมจริ งในทิศทางท่ีใกล้ชิดกันยิ่งข้ึน ซ่ึงเป็ นผลให้เกิดการแลกเปล่ียนเรียนรู้ที่มี ประสิทธิภาพจริง นอกจากน้ีลกั ษณะการนาเสนอขอ้ มูล สถานภาพที่เป็ นปัจจุบนั ทาให้ท้งั ผูส้ อนสามารถ ติดตาม พฤติกรรมและประสานขอ้ มูลไดอ้ ย่างทนั ท่วงที ช่วยในการกระตุน้ ให้เกิดการศึกษาคน้ ควา้ การ แลกเปล่ียนเรียนรู้ ที่กวา้ งขวาง การต้งั ประเด็นแลกเปลี่ยน ขอ้ สงสัยต่าง ๆ ผา่ นสังคมออนไลน์ได้ อยา่ งทนั ท่วงที และเป็ นเครื่องมือ สาหรับผูส้ อนในการกระตุน้ ผเู้ รียนไดเ้ ป็ นอยา่ งดี ในขณะเดียวกนั ผูส้ อน

2 สามารถนาเสนอเน้ือหาใหม่ๆ ไดอ้ ยา่ ง ต่อเน่ืองและผเู้ รียนสามารถติดตามไดอ้ ยา่ งต่อเน่ือง แต่ถึงอยา่ งไรก็ ตาม แมว้ า่ ในปัจจุบนั เทคโนโลยีจะเขา้ มามีบทบาทสาคญั ในการจดั การเรียนการสอน แต่ก็มีขอ้ จากดั หลาย ประการท่ีจาเป็ นตอ้ ง พิจารณา เช่น การมีปฏิสัมพนั ธ์ต่อเพ่ือนมนุษย์ (Human connection) การกากบั ตนเอง (Self-regulation) การเรียนรู้ดว้ ยตนเอง การเรียนรู้ร่วมกนั กบั ผอู้ ื่น (Collaborative learning ) และการ กาหนดทิศทางต่อการเรียน ของนกั ศึกษา และนกั ศึกษาบางคนไม่สามารถศึกษาดว้ ยตนเองการเรียนรู้ใน ระบบอิเล็กทรอนิกส์เพียงอยา่ งเดียว จึงไมส่ ามารถส่งเสริมการเรียนรู้ท่ีสมบูรณ์ได้ แนวทางในการแกป้ ัญหา น้ีอาจทาไดโ้ ดยการจดั การเรียนแบบ ผสมผสาน (Blended learning) ซ่ึงเป็ นการรวมนวตั กรรมและ ความกา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยีเขา้ ดว้ ยกนั ดว้ ยการ มีปฏิสัมพนั ธ์บนการเรียนแบบออนไลน์ และการมีส่วน ร่วมในการเรียนแบบเผชิญหนา้ ในระดบั เรียน (Face to Face) ซ่ึงเป็ นยทุ ธศาสตร์ท่ีใชใ้ นการเรียนรู้ มีส่วน สนบั สนุนและช่วยเสริมสร้างการเรียนรู้ใหด้ ียิ่งข้ึน (Thorne, 2003) สอดคลอ้ งกบั งานวิจยั ของสายชล จินโจ (2550 : 133) ผลการศึกษาพบวา่ นกั ศึกษามีความพึง พอใจต่อการเรียนการสอนแบบผสมผสานอยใู่ นระดบั มาก นกั ศึกษามีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนสูงกวา่ ก่อนเรียน และมีความคงทนในการเรียนของนกั ศึกษาเรียนมี ผลสัมฤทธ์ิตามเกณฑท์ ี่กาหนด จากการเรียนการสอนรายวิชาเศรษฐกิจพอเพียง (ทช 21001) ซ่ึงเนน้ กระบวนการเรียนการสอนให้ ผเู้ รียนไดล้ งมือฝึ กปฏิบตั ิจริง นกั ศึกษาสามารถคน้ ควา้ ความรู้จากแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย เช่น ผูร้ ู้ แหล่ง เรียนรู้จากส่ือ ICT คลิปวดี ีโอ จากยทู ูป โดยครูผสู้ อนมีหนา้ ท่ีใหค้ าแนะนาเพ่ิมเติมและเป็ นท่ีปรึกษา และสืบ เน่ืองจากคาบเรียนท่ีมกั จะตรงกบั กิจกรรมตา่ งๆ ของทางกศน.ไดจ้ ดั ข้ึน ประกอบกบั ครูผสู้ อนติดภารกิจ ทา ให้การเรียนการสอนขาดความต่อเน่ือง จากปัญหาดงั กล่าว ทาให้ผูว้ ิจยั ในฐานะท่ีเป็ นผสู้ อน มีความสนใจ ในการจดั กิจกรรมการเรียนแบบ ผสมผสานผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ เพ่ือการแก้ปัญหาการเรียน ไม่ต่อเนื่อง โดยผเู้ รียนสามารถเขา้ ไปศึกษาและทบทวนเน้ือหาที่เรียนได้ ดว้ ยตนเอง อีกท้งั นกั ศึกษายงั สามารถแลกเปลี่ยนเรียนรู้ความคิดเห็นของตนเองผา่ นเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยมีการโตต้ อบ สนทนา กบั นกั ศึกษาคนอ่ืนเพื่อเพ่ิมพูนความรู้ความเขา้ ใจ การท่ีผูเ้ รียนไดค้ ิดวิเคราะห์และแกป้ ัญหา โดยใชเ้ ทคนิค การสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน จะช่วยให้ผูเ้ รียนเกิดทกั ษะแกป้ ัญหา และทาให้ผูเ้ รียนมีผลสัมฤทธ์ิทางการ เรียนท่ีดีข้ึน เพราะผเู้ รียนสามารถศึกษาได้ ดว้ ยตนเอง เรียนรู้ไดท้ ุกท่ี ทุกเวลาและตอบสนองความแตกต่าง ระหว่างบุคคลได้ด้วย จึงทาให้ผูเ้ รียนมีความเข้าใจบทเรียนมากข้ึน ผูเ้ รียนตื่นตาตื่นใจดว้ ยการนาเสนอ เน้ือหาที่หลากหลาย เช่น วดี ีโอสาธิต ภาพเคลื่อนไหน เป็ นตน้ ส่งผลใหผ้ เู้ รียนเกิดความกระตือรือร้นในการ เรียนทาให้กระบวนการเรียนการสอนดาเนินไปอยา่ งมี ประสิทธิภาพและส่งเสริมการพฒั นาความรู้ความ เขา้ ใจของนกั ศึกษาต่อไป

3 วตั ถุประสงค์การวจิ ัย 1) เพื่อศึกษาการแกป้ ัญหาเวลาเรียนไมต่ ่อเนื่อง เน่ืองจากตรงกบั วนั จดั กิจกรรม และครูผสู้ อนติดภาระงาน 2) เพื่อศึกษาพฤติกรรมการเรียนของนกั ศึกษา เมื่อเรียนดว้ ยกิจกรรมการเรียนแบบผสมผสานผา่ นเครือขา่ ย สงั คมออนไลน์ตามแนวคิดเพอ่ื นช่วยเพื่อน สมมตฐิ านการวจิ ัย 1. ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนของนกั ศึกษาระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2564 เมื่อเรียน ดว้ ยกิจกรรมการเรียน แบบผสมผสานผา่ นเครือข่ายสงั คมออนไลน์ หลงั เรียนสูงกวา่ ก่อนเรียน 2. สามารถแกป้ ัญหาคาบเรียนไมต่ ่อเน่ืองหยดุ เรียนบ่อยดว้ ย กิจกรรมการเรียนแบบผสมผสานผา่ นเครือข่าย สังคมออนไลน์ อยใู่ นระดบั ดี พฤติกรรมการเรียนของนกั ศึกษาระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ ในรายวชิ า เศรษฐกิจพอเพียง เมื่อเรียนดว้ ยกิจกรรมการเรียนแบบ ผสมผสานผา่ นเครือขา่ ยสงั คมออนไลน์ มีพฤติกรรม การเรียนรู้โดยรวมอยใู่ นระดบั ดี ขอบเขตการวจิ ัย 1. ประชากรและกลุ่มตวั อย่าง ประชากรและกลุ่มตวั อยา่ งที่ใชใ้ นการศึกษาคร้ังน้ีเป็ น นกั ศึกษาระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ จานวน ท้งั สิ้น 19 คน ในรายวชิ าเศรษฐกิจพอเพียง (ทช21001) 2. ตัวแปรทศ่ี ึกษา 2.1 ตวั แปรตน้ ไดแ้ ก่ การจดั กิจกรรมการเรียนแบบผสมผสานผา่ นเครือข่ายสังคมออนไลน์ 2.2 ตวั แปรตาม ไดแ้ ก่ 2.2.1 ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน 2.2.2 พฤติกรรมการเรียนดว้ ยกิจกรรมการเรียนแบบผสมผสานผา่ นเครือขา่ ยสังคม ออนไลน์

4 เนื้อหาทใี่ ช้ในการศึกษา เน้ือหาที่ใชศ้ ึกษาเป็นเน้ือหาที่เก่ียวกบั รายวชิ าเศรษฐกิจพอเพยี ง (ทช21001) ระยะเวลาทใ่ี ช้ในการทดลอง ระยะเวลาตลอดภาคเรียนท่ี 1 ปี การศึกษา 2564 ในรายวชิ าเศรษฐกิจพอเพียง สัปดาห์ละ 4 คาบ วนั / เดือน / ปี กจิ กรรม หมายเหตุ ตุลาคม 2563 - ศึกษาสภาพปัญหาและวเิ คราะห์หาแนวทาง แกป้ ัญหา พฤศจิกายน 2563 - เขียนเคา้ โครงงานวจิ ยั - ศึกษาการทาสื่อประกอบการเรียน พฤศจิกายน 2563 - ออกแบบเครื่องมือท่ีจะใชใ้ นงานวจิ ยั ธนั วาคม 2563 - ดาเนินการวจิ ยั ผวู้ จิ ยั บนั ทึกผล มกราคม 2564 - เก็บรวบรวมขอ้ มูล กุมภาพนั ธ์ 2564 - วเิ คราะห์ขอ้ มูล มีนาคม 2564 - สรุปและอภิปรายผล - จดั ทารูปเล่ม เคร่ืองมือทใ่ี ช้ในการวจิ ัย 1. แผนการจดั การเรียนแบบผสมผสานผา่ นเครือข่ายสังคมออนไลน์ รายวิชาเศรษฐกิจพอเพียง (ทช21001) ซ่ึงแผนการจดั การเรียนรู้มีสัดส่วนการจดั การเรียนรู้แบบผสมผสานแบบ 50:50 เป็ นการจดั กิจกรรมการ จดั การเรียนการสอนแบบออนไลน์ร้อยละ50 และแบบปกติร้อยละ50 โดยผา่ นการตรวจสอบคุณภาพจาก ผเู้ ชี่ยวชาญจานวน 3 คน ผลการประเมินแผนการจดั การ เรียนรู้มีความเหมาะสมอยใู่ นระดบั มาก 2.เว็บไซต์เพ่ือกา รจัดกิ จกรรมกา รเรี ยนแบบผสม ผสานผ่านเครื อ ข่ายสังคมออนไ ลน์ซ่ึ งเว็บไซต์จ ะ ประกอบด้วยเน้ือหาในรูปแบบส่ือประเภทต่าง ประกอบดว้ ย เอกสาร วีดีโอ ขอ้ ความและภาพกราฟฟิ ก

5 เวบ็ ไซตส์ าหรับการจดั กิจกรรมแบบผสมผสานผา่ นเครือข่ายสังคมออนไลน์ซ่ึงในการวิจยั น้ี ไดก้ าหนดให้ ใชส้ ่ือบทเรียนออนไลน์ WWW. Thai Mooc.org ผา่ นการตรวจสอบคุณภาพจาก ผเู้ ชี่ยวชาญจานวน 3 คน ผลการประเมินเวบ็ ไซตม์ ีความเหมาะสมอยใู่ นระดบั มาก 3. แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน รายวิชาเศรษฐกิจพอเพียง (ทช21001) ผูว้ ิจยั ไดส้ ร้างข้ึนเป็ น แบบทดสอบชนิดอตั นยั 2 ขอ้ ผา่ นการประเมินจาก ผูเ้ ชี่ยวชาญดา้ นเน้ือหา 3 ท่าน มีค่าดชั นีความสอดคลอ้ ง ต้งั แต่ .50 ข้ึนไป มีคา่ ความยากง่ายอยรู่ ะหวา่ ง 0.20-0.80 มีค่าอานาจจาแนกต้งั แต่ 0.20 ข้ึนไป และ มีค่าความ เชื่อมน่ั ของแบบทดสอบ (KR–20 ของคูเดอร์-ริชาร์ดสนั ) เทา่ กบั 0.81 ประโยชน์ทไ่ี ด้รับ 1. การจดั กิจกรรมการเรียนแบบผสมผสานผา่ น เครือขา่ ยสังคมออนไลน์องคก์ รสามารถแกไ้ ขปัญหา คาบเรียนไมต่ ่อเนื่อง และเป็นการปรับตวั ใหเ้ ขา้ กบั กระแสสงั คมในยคุ ปัจจุบนั ท่ีส่ือสังคมออนไลน์ (Social media) เขา้ มามีบทบาทต่อการดาเนินชีวติ ของมนุษยใ์ นยคุ ปัจจุบนั 2. ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนกั ศึกษาดว้ ยกิจกรรมการเรียนแบบผสมผสานผา่ นเครือข่ายสงั คม ออนไลน์ อยใู่ นระดบั ดี นิยามศัพท์เฉพาะ ส่ือสังคมออนไลน์ (Social media) หมายถึง เวบ็ ไซตท์ ี่ผคู้ นสามารถติดต่อส่ือสารกบั เพื่อนท้งั ท่ีรู้จกั มาก่อน หรือรู้จกั ภายหลงั ทางออนไลน์ซ่ึงเวบ็ ไซตเ์ ครือข่ายสังคม ออนไลน์แต่ละแห่งมีคุณลกั ษณะแตกต่างกนั ออกไป แต่ส่วนประกอบหลกั ท่ีมีเหมือนกนั คือ โปรไฟล์(Profiles - เพื่อแสดงขอ้ มูลส่วนตวั ของเจา้ ของ บญั ชี) การ เช่ือมต่อ(Connecting –เพ่ือสร้างเพื่อนกบั คนที่รู้จกั และไม่รู้จกั ทางออนไลน์) และ การส่ง ขอ้ ความ (Messaging -อาจเป็นขอ้ ความส่วนตวั หรือขอ้ ความสาธารณะ) ซ่ึงส่ือออนไลน์ท่ีใชใ้ นการในคร้ังน้ี มี 2 ประเภท ดงั น้ี 1) LINE คือแอพพลิเคชน่ั ที่ผสมผสานบริการ Messaging และ Voice Over IP นามา ผนวกเขา้ ดว้ ยกนั จึงทาใหเ้ กิดเป็นแอพพลิชน่ั ที่สามารถแชท สร้างกลุ่ม ส่งขอ้ ความ โพสตร์ ูปต่างๆ หรือจะโทรคุยกนั แบบเสียงกไ็ ด้ โดยขอ้ มูลท้งั หมดไม่ ตอ้ งเสียเงิน หากเราใชง้ านโทรศพั ทท์ ี่มีแพคเกจอินเทอร์เน็ตอยู่ แลว้ แถมยงั สามารถ ใชง้ านร่วมกนั ระหวา่ ง iOS และ Android รวมท้งั ระบบปฏิบตั ิการอื่น ๆ ได้ อีกดว้ ย การทาางานของ LINE น้นั มีลกั ษณะคลา้ ย ๆ กบั WhatsApp ที่ตอ้ งใช้

6 2) Facebook คือ บริการบนอินเทอร์เน็ตบริการหน่ึง ที่จะทาใหผ้ ใู้ ชส้ ามารถ ติดต่อส่ือสารและร่วมทา กิจกรรมใดกิจกรรม หน่ึงหรือหลายๆ กิจกรรมกบั ผใู้ ช้ Facebook คนอื่นๆ ได้ ไม่วา่ จะเป็ นการต้งั ประเด็น ถามตอบในเรื่องท่ีสนใจ โพสต์รูปภาพ โพสต์คลิปวิดีโอ เขียนบทความหรือบล็อกแชทคุยกนั แบบสดๆ เล่นเกมส์แบบเป็ นกลุ่ม และยงั สามารถทากิจกรรมอ่ืนๆผา่ นแอพลิเคชนั่ เสริม (Applications) ท่ีมีอยู่อยา่ ง มากมาย ซ่ึงแอพลิเคชนั่ ดงั กล่าวไดถ้ ูกพฒั นาเขา้ มา เพม่ิ เติมอยเู่ รื่อยๆ

7 บทที่ 2 ทฤษฏีทเี่ กยี่ วข้อง ในการศึกษาเร่ือง : การศึกษาการจดั กิจกรรมการเรียนแบบผสมผสานผา่ นเครือขา่ ยสงั คมออนไลน์ ของนกั ศึกษาระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ กศน.ตาบลโพธ์ิเสดจ็ มีแนวคิด ทฤษฎีและงานวจิ ยั ท่ีเกี่ยวขอ้ ง ซ่ึงจะ นาเสนอตามลาดบั หวั ขอ้ ดงั น้ี 1. การสื่อสารในองคก์ ร (Communication in Organization) 2 2. ส่ือสังคมออนไลน์ (Social media) LINE Facebook 3. ทฤษฎีการแลกเปลี่ยน (Exchange Theory) 4. งานวจิ ยั ที่เกี่ยวขอ้ ง 1. การส่ือสารในองคก์ ร (Communication in Organization) การส่ือสารนบั เป็ นเคร่ืองมือสาคญั ในการ ดารงชีวิตประจาวนั เพื่อสร้างความเขา้ ใจอนั ดีต่อ กนั การแจง้ ผูอ้ ่ืนให้รับทราบและเขา้ ใจถึงเจตนา ความ ตอ้ งการปัญหา ความคิด ความรู้สึก ความ เขา้ ใจ แนวคิด ท่าทีความเห็นดว้ ย ไม่เห็นดว้ ย การอธิบายในดา้ น ภาพรวม รายละเอียด วตั ถุประสงค์ เหตุผลเป้าหมายและผลงาน การนดั หมาย การต่อรองทางธุรกิจและเรื่อง อ่ืนๆ ทุกเร่ือง จึงไม่ตอ้ ง สงสยั วา่ ผบู้ ริหารจดั การและผนู้ าน้นั จาตอ้ งตระหนกั ถึงความสาคญั และบทบาทของ การส่ือสารใน ฐานะท่ีเป็ นดชั นีบ่งช้ีที่สาคญั ประการหน่ึงของความสาเร็จขององคก์ ร ความตระหนกั และ ความ เขา้ ใจถึงความสาคญั ของบทบาท กลไกในการสื่อสารน้นั ช่วยทาให้ผูบ้ ริหารจดั การสามารถบริหาร จดั การ และพฒั นาองคก์ รไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพยงิ่ ข้ึน ความหมายของการติดต่อสื่อสารในองค์กร การส่ือสารภายในองค์กร หมายถึง กระบวนการแลกเปล่ียน ข่าวสารขอ้ มูลภายในองคก์ ร เพื่อให้สมาชิกท่ีอยูใ่ นองคก์ รสามารถทางานไดบ้ รรลุวตั ถุประสงคข์ ององคก์ ร ซ่ึงทุกคนท่ีอยู่ใน องค์กรตอ้ งมีความสัมพนั ธ์ระหว่างกนั มีการถ่ายทอดขอ้ มูลข่าวสารในการทางาน มี กิจกรรมต่างๆในการท างานร่วมกนั ภายใตส้ ภาพแวดลอ้ มที่เปล่ียนไป 10 ทองใบ สุดชารี (2542:5) ให้ ความหมายวา่ การส่ือสารในองคก์ ร คือ การแลกเปลี่ยนขอ้ มูล ข่าวสารและความรู้ในหมู่สมาชิกขององคก์ ร เพื่อให้บรรลุประสิทธิภาพและประสิทธิผลขององคก์ ร การส่ือสารขององคก์ รมีหลายระดบั ไดแ้ ก่ ระดบั ปัจเจกบุคคล ระดบั กลุ่ม และระดบั องค์กร ดงั น้ัน องค์กรจึงจาเป็ นตอ้ งมีการส่ือสารดว้ ยเหตุผลหลาย ประการ กล่าวโดยสรุป การติดต่อสื่อสารในองค์กรเป็ นการส่งและรับข่าวสารจากบุคคลหน่ึงไปยงั

8 บุคคลหน่ึง เพ่ือให้เกิดความเข้าใจอันดีและสามารถประสานงานให้ฝ่ ายต่างๆ ได้ปฏิบัติหน้าที่ความ รับผดิ ชอบไดต้ รงตามวตั ถุประสงคข์ ององคก์ ร 2. สื่อสังคมออนไลน์ (Social media) สื่อสังคมออนไลน์(Social media) คือ ช่องทางในการติดต่อส่ือสาร แลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดสาหรับคนยุคใหม่ โดยรวมตวั กันเป็ นกลุ่มหรือสังคมผ่านทางเว็บไซต์ ตวั อยา่ งเช่น กลุ่มคน รักกีฬา คนรักรถ คนรักสุนขั การรณรงคใ์ นเร่ืองต่างๆ หรือแมก้ ระทงั่ การรวมกลุ่มของ ผชู้ ื่นชอบแบรนดส์ ินคา้ โดยในยคุ ปัจจุบนั คงไมม่ ีใครปฏิเสธไดแ้ ลว้ วา่ เคร่ืองมือชนิดน้ีมีประโยชน์อยา่ งมาก ที่ ช่วยให้คนเราน้นั ติดต่อสื่อสารกนั ไดอ้ ย่างรวมเร็วมากยิ่งข้ึน การไดร้ ับข่าวสารไดท้ นั ถ่วงที ถา้ พูดถึง จุดเด่นของ Social media ที่ทาใหไ้ ดร้ ับความนิยมอยา่ งมากคือ การท่ีทุกคน สามารถเป็ นไดท้ ้งั ผูร้ ับสารและผู้ ส่งสาร ทุกคนสามารถบอกถึงความคิด ความตอ้ งการ จุดประสงค์ ของตวั เองไดอ้ ยา่ งอิสระ ไม่ถูกจากดั ไว้ เหมือนในอดีตที่สามารถรับฟังไดเ้ พียงอยา่ งเดียว ทาให้ หลายๆหน่วยงานมกั นา Social media มาปรับใช้ เพ่ือสร้างช่องทางสื่อสารใหก้ บั ตวั ธุรกิจและยงั สามารถสร้างความสัมพนั ธ์อนั ดีแก่ลูกคา้ ความหมายของ Social media คาวา่ “Social” หมายถึง สังคม ซ่ึงในท่ีน้ีจะหมายถึงสังคมออนไลน์ ซ่ึงมีขนาดใหม่มากใน ปัจจุบนั คาวา่ “Media” หมายถึง สื่อ ซ่ึงก็คือ เน้ือหา เรื่องราว บทความ วดี ีโอ เพลง รูปภาพ เป็ นตน้ ดงั น้นั คา ว่า Social media จึงหมายถึง สื่อสังคมออนไลน์ที่มีการตอบสนองทางสังคมได้ หลายทิศทาง โดยผา่ น เครือข่ายอินเตอร์เน็ต พูดง่ายๆ ก็คือเวบ็ ไซต์ที่บุคคลบนโลกน้ีสามารถมี ปฏิสัมพนั ธ์โตต้ อบกนั ไดน้ น่ั เอง พ้ืนฐานการเกิด Social media ก็มาจากความตอ้ งการของมนุษยห์ รือ 20 คนเราท่ีตอ้ งการติดต่อสื่อสารหรือมี ปฏิสัมพนั ธ์กนั จากเดิมเรามีเวบ็ ในยุค 1.0 ซ่ึงก็คือเวบ็ ท่ีแสดง เน้ือหาอยา่ งเดียว บุคคลแต่ละคนไม่สามารถ ติดต่อหรือโตต้ อบกนั ได้ แต่เมื่อเทคโนโลยีเวบ็ พฒั นา เขา้ สู่ยุค 2.0ก็มีการพฒั นาเวบ็ ไซต์ที่เรียกว่า web application ซ่ึงก็คือเวบ็ ไซตม์ ีแอพลิเคชนั่ หรือ โปรแกรมต่างๆ ที่มีการโตต้ อบกบั ผใู้ ชง้ านมากข้ึน ผูใ้ ชง้ าน แต่ละคนสามารถโตต้ อบกนั ไดผ้ า่ นหนา้ เวบ็ เพ่ือใหเ้ ขา้ ใจง่ายข้ึน ใหน้ ึกถึงส่ือต่างๆ ท่ีอยูบ่ นอินเทอร์เน็ต ซ่ึง คนท่ีอยใู่ นสังคมออนไลน์ (สังคมของผูใ้ ชง้ านอินเทอร์เน็ต) ซ่ึงสื่อเหล่าน้ี แต่ละคนสามารถเขา้ ไปดูได้ เขา้ ไปสร้างได้ และ สามารถแลกเปลี่ยนส่ือกนั ได้ เป็ นสื่อของสังคมของผใู้ ชอ้ ินเทอร์เน็ตร่วมกนั ตวั อยา่ งเช่น สังคม ออนไลน์ของผใู้ ชง้ าน Facebook สมาชิกแต่ละคนจะสามารถนาเอาส่ือต่างๆ เช่น เรื่องราวของตวั เอง หรือเร่ืองราวต่างๆ ภาพวีดิโอ เผยแพร่ไปยงั สมาชิกทุกคนในเครือข่ายได้ ขณะที่สมาชิกคนอื่นก็ สามารถ เสนอส่ือของตนเองข้ึนมาแลกเปล่ียนได้ ดงั น้นั สื่อต่างๆ ท่ีนามาแลกเปล่ียนกบั สมาชิกใน สงั คมออนไลน์น้นั จะเรียกวา่ Social media 1. เป็ นส่ือท่ีแพร่กระจายดว้ ยปฏิสัมพนั ธ์เชิงสังคมตรงน้ีไม่ต่างจากคนเราสมยั ก่อนครับ ที่ เกิดเร่ืองราวท่ี น่าสนใจอะไรข้ึนมา ก็พากนั มานง่ั พูดคุยกนั จนเกิดสภาพ Talk of the town แต่เมื่อมาอยูใ่ นโลกออนไลน์ การแพร่กระจายของส่ือก็ทาไดง้ ่ายข้ึนโดยเกิดจาก การแบ่งปันเน้ือหา (Content Sharing) จากใครก็ได้

9 อยา่ งกรณีของป้า Susan Boyle ท่ีดงั กนั ขา้ มโลกเพียงไม่กี่สัปดาห์จากการลงคลิปที่ประกวดร้องเพลงใน รายการ Britain’s Got Talent ผา่ นทาง YouTubeเป็ นตน้ ท้งั น้ี Social media อาจจะอยู่ในรูปของเน้ือหา รูปภาพ เสียงหรือวดิ ีโอ 2. เป็นสื่อที่เปล่ียนแปลงสื่อเดิมที่แพร่กระจายข่าวสารแบบทางเดียว (one-to-many) เป็ น แบบการสนทนาท่ี สามารถมีผูเ้ ขา้ ร่วมไดห้ ลายๆคน (many-to-many) เม่ือมีสภาพของ การเป็ นส่ือสังคม สิ่งสาคญั ก็คือการ สนทนาพาทีที่เกิดข้ึน อาจจะเป็ นการร่วมกลุ่มคุย ในเรื่องที่สนใจร่วมกนั หรือการวิพากษว์ ิจารณ์สินคา้ หรือ บริการต่างๆ โดยที่ไม่มีใคร เขา้ มาควบคุมเน้ือหาของการสนทนา แมก้ ระทง่ั ตวั ผผู้ ลิตเน้ือหานนั่ เอง เพราะผู้ ท่ีไดร้ ับ สารมีสิทธิที่จะเขา้ ร่วมในรูปแบบของการเพิ่มเติมความคิดเห็น หรือแมก้ ระทงั่ เขา้ ไป แกไ้ ขเน้ือหา น้นั ไดด้ ว้ ยตวั เอง 3. เป็นส่ือที่เปลี่ยนผคู้ นจากผบู้ ริโภคเน้ือหาเป็ นผูผ้ ลิตเน้ือหาจากคนตวั เล็กๆในสังคมท่ี แต่ เดิมไม่มีปากมีเสียงอะไรมากนัก เพราะเป็ นเพียงคนรับสื่อ ขณะท่ีสื่อจาพวก โทรทศั น์ วิทยุ หรือ หนงั สือพิมพจ์ ะเป็ นผูท้ รงอิทธิพลอยา่ งมาก สามารถช้ีชะตาใครต่อ ใครหรือสินคา้ หรือบริการใดโดยท่ีเรา แทบจะไม่มีทางอุทธรณ์ แต่เม่ือเป็ น Social media ท่ีแทบจะไม่มีตน้ ทุน ทาให้ใครๆก็สามารถผลิตเน้ือหา และกระจายไปยงั ผรู้ ับ 21 สารไดอ้ ยา่ งเสรี หากใครผลิตเน้ือหาที่โดนใจคนหมู่มาก ก็จะเป็ นผูท้ รงอิทธิพลไป ย่ิงหากเป็ นในทางการตลาด ก็สามารถโนม้ น้าวผูต้ ิดตามในการตดั สินใจซ้ือสินคา้ หรือ บริการไดโ้ ดยง่าย ถา้ อธิบายความหมายเพียงแค่น้ี หลายท่านอาจจะนึกภาพ Social media ไม่ออก ถา้ จะให้ เขา้ ใจง่ายๆก็คง จะตอ้ งเปิ ดเวบ็ ไซตต์ ่างๆ ที่เผยแพร่กนั อยบู่ นอินเทอร์เน็ต ข้ึนมาสักเวบ็ ไซตห์ น่ึง จะ เห็นวา่ บนหนา้ เวบ็ ไซต์ น้นั เราจะพบตวั หนงั สือ ภาพหรืออ่ืนๆ เราจะเรียกส่ิงที่นาเสนอผา่ นหน้า เวบ็ ไซตด์ งั กล่าววา่ ส่ือ (media) แต่เนื่องจากส่ือดงั กล่าวที่เผยแพร่ผา่ นอินเทอร์เน็ตเหล่าน้นั เราจึง เรียกวา่ ส่ือออนไลน์ หมายถึงส่ือท่ีส่งมา ตามสาย (LINE) ถึงแมป้ ัจจุบนั จะเผยแพร่แบบไร้สาย เราก็ ยงั เรียกวา่ ออนไลน์ ก่อนหนา้ น้นั การเปิ ดดูส่ือ แต่ละเวบ็ ไซตน์ ้นั ต่างคนก็ต่างเปิ ดเขา้ ไปดูส่ือออนไลน์ใน เวบ็ ไซตเ์ หล่าน้นั ต่อมาจึงมีผูค้ ิดวา่ ทาอยา่ งไร จะทาให้ผูท้ ่ีเขา้ มาในเวบ็ ไซต์น้นั ๆ แทนที่จะมาอ่าน มาดูสื่อเพียงอยา่ งเดียว ทาอยา่ งไรใหส้ ามารถสร้างสื่อ เช่น พิมพข์ อ้ ความหรือใส่ภาพ เสียง วดี ิโอ ในเวบ็ ไซตน์ ้นั ไดด้ ว้ ย ซ่ึงเวบ็ ไซตท์ ่ีพฒั นาในระยะต่อมาจะเป็ น เวบ็ ไซตท์ ่ีผคู้ นทวั่ ๆไป สามารถเขา้ ไปเพ่ิมเติมเน้ือหาหรือเพิ่มเติมสื่อไดต้ ามท่ีตนเองตอ้ งการ ซ่ึงมีผลทาให้ เวบ็ ไซตเ์ หล่าน้นั เป็น เวบ็ ไซตท์ ี่ผใู้ ชง้ านมีส่วนร่วมในการสร้างสื่อ แทนที่จะเป็ นเวบ็ ไซตส์ ่วนตวั ของคนใด คนหน่ึง ก็กลายเป็ นเว็บไซต์ของกลุ่มคนกลุ่มหน่ึงข้ึนมาทาให้เกิดเป็ นชุมชนหรือสังคมย่อยๆของผูท้ ่ีใช้ เวบ็ ไซตน์ ้นั ข้ึนมา โดยเน้ือหาหรือสื่อที่นาเสนอผา่ นเวบ็ ไซตน์ ้นั ก็เป็ นส่ือที่คนในสังคมน้นั ๆ ช่วยกนั สร้าง ข้ึนมา แต่การพฒั นายงั ไม่หยดุ ย้งั เพราะมีการคิดกนั ต่อไปอีกวา่ ทาอยา่ งไรท่ีจะใหค้ นในชุมชน หรือสังคม ของคนใชเ้ วบ็ ไซตน์ ้นั ๆ นอกจากจะสามารถเพิม่ ส่ือของตนเองแลว้ ยงั สามารถท่ีจะส่ือสาร ติดต่อ โตต้ อบกนั ไดด้ ว้ ย ซ่ึงปัจจุบนั มีเวบ็ ไซตจ์ านวนมากท่ีสามารถพฒั นาจนกระทงั่ สร้าง เป็ นชุมชนขนาดใหญ่ที่มีสมาชิก

10 จานวนมากนบั เป็ นลา้ นคน สามารถติดต่อสื่อสาร ส่งเร่ืองราวต่างๆ ถึงกนั ไดอ้ ยา่ งกวา้ งขวาง ทาให้เร่ืองราว ท่ีส่งถึงกนั น้นั เป็ นเรื่องราวของคนในสังคมออนไลน์น้นั กลายเป็ นสื่อหรือ media ที่สร้างโดยคนที่อยูใ่ น สังคมท่ีเป็ นสมาชิกของเวบ็ ไซตน์ ้นั ๆ เพ่ือใหเ้ ห็นภาพที่ชดั เจนของ Social media มากข้ึน จะขอยกตวั อยา่ ง เวบ็ ไซต์ท่ีเป็ นสังคม ขนาดใหญ่มีสมาชิกเป็ นลา้ นคนทวั่ โลก แต่แต่ละคนที่มีเรื่องราวมากมายเผยแพร่บน เวบ็ ไซต์ กลาง เป็ นแหล่งรวมของเรื่องราวหรือส่ือออนไลน์ขนาดใหญ่ ซ่ึงคนทวั่ ไปก็รู้จกั ดีคือเวบ็ ไซตข์ อง Facebook LINE เป็นแอพพลิเคชนั่ ประเภทแชทท่ีไดร้ ับความสนใจจากผใู้ ชง้ านในประเทศไทยเป็ น อยา่ งมาก ปัจจุบนั มีจานวนผูใ้ ชง้ านในประเทศไทยแลว้ มากกวา่ 18ลา้ นผใู้ ชง้ าน เน่ืองดว้ ยมีฟังก์ชนั่ การใชง้ านที่หลากหลาย เช่น การสนทนาแบบกลุ่ม การแชร์พิกดั สถานท่ี การคุยผ่านเสียง การคุย ผา่ นวีดีโอการส่งสติกเกอร์ ส่วน ใหญ่เป็นบริการที่ไม่เสียค่าใชจ้ ่าย รวมถึงแอพพลิเคชน่ั ยงั รองรับ การใชง้ านไดท้ ้งั บนโทรศพั ทส์ มาร์ทโฟน และบนเครื่องคอมพิวเตอร์อีกดว้ ย โดยเวบ็ ไซตผ์ พู้ ฒั นา ของ LINE ไดร้ ะบุวา่ ผูใ้ ชง้ านในประเทศไทยติดอยู่ ในอนั ดบั ท่ี 3 จากผใู้ ชง้ านทวั่ โลก [1] และคง หลีกเลี่ยงไม่ไดว้ า่ ปัจจุบนั การใชง้ านแอพพลิเคชนั่ LINE ของ คนไทยไม่ไดจ้ ากดั เฉพาะในหมู่เพื่อน คุยกนั ดงั จะเห็นจากหลายองคก์ รนามาใชส้ าหรับสื่อสารองคก์ ร การ ทางาน การแชร์รูปภาพ คลิป เสียงหรือแมแ้ ต่บางคร้ังใช้บอกพิกดั สถานท่ีใชง้ านกบั คนสนิท ญาติพ่ีน้อง ครอบครัว แต่จะเป็ น อย่างไรหากการใช้งานแอพพลิเคชนั่ ดงั กล่าวสามารถถูกดกั รับขอ้ มูลการส่ือสาร ระหว่างทางออกไป ไดท้ ้งั หมด โดยท่ีผูใ้ ชง้ านไม่สามารถล่วงรู้เลยได้ เมื่อถึงเวลาน้นั คง ไม่มีใครการันตี ไดว้ า่ ขอ้ มูล ดงั กล่าวจะยงั คงเป็ นความลบั อยู่อีกหรือไม่ รวมถึงขอ้ มูลท่ีหลุดออกไปน้นั หากเป็ นขอ้ มูลท่ีมี ความสาคญั ก็อาจถูกนาไปหาผลประโยชน์ในทางท่ีผิดต่อก็เป็ นได้ และจากสถานการณ์ความนิยมของ แอพพลิเคชนั่ LINE ทวั่ โลก จึงทาใหม้ ีนกั วิจยั หลายรายเริ่มศึกษาวจิ ยั ถึงการท างานของแอพพลิเคชนั่ LINE อย่างละเอียด โดยพบหวั ขอ้ ข่าวช่วงเดือนสิงหาคมว่ามีนกั วิจยั จากเวบ็ ไซต์ Telecom Asia เปิ ดเผยขอ้ มูล เก่ียวกบั การทางานของแอพพลิเคช่ัน LINE ที่มีรับส่งขอ้ มูลของแอพพลิเคชัน่ บน เคร่ืองผูใ้ ช้งานกับ เซิร์ฟเวอร์ของผใู้ ห้บริการ LINE ในรูปแบบ Plain-text [2] กรณีท่ีใชง้ าน อินเทอร์เน็ตบนเครือข่าย 2G/3G น้นั ทาใหเ้ กิดคาถามเก่ียวกบั มาตรการในการรักษาความลบั ของ ผใู้ ชง้ านมากข้ึน อนั เนื่องจากกรณีดงั กล่าวผู้ ให้บริการโทรศพั ทส์ ามารถดกั อ่านขอ้ มูลของผูใ้ ช้งาน ไดอ้ ยา่ งง่ายดาย แต่อยา่ งไรก็ตามกรณีดงั กล่าวน้นั การท่ีจะมีผูก้ ระทาการดงั กล่าวได้ ยงั คงเป็ นเรื่อง ท่ีจากดั อยู่เฉพาะผูใ้ หบ้ ริการโทรศพั ทม์ ือถือเท่าน้นั ที่จะ สามารถเห็นขอ้ มูล ซ่ึงเป็ นเร่ืองท่ีตอ้ ง พิจารณากนั ต่อไปถึงแนวทางการบริหารจดั การของผูใ้ ห้บริการ เครือขา่ ยโทรศพั ทม์ ือถือเพ่ือให้ ผใู้ ชง้ านมีความเชื่อมน่ั วา่ ขอ้ มูลจะไม่ถูกเปิ ดเผยหรือเขา้ ถึงโดยบุคคลท่ีไม่ได้ รับอนุญาต โดยใน 28 บทความน้ีจะกล่าวถึงอีกมุมหน่ึงของบทวเิ คราะห์ช่องโหวบ่ ทแอพพลิเคชนั่ LINE ที่ นกั วิจยั ของ ไทยเซิร์ตไดต้ รวจสอบพบ และมีความคาดหวงั จะให้ผูอ้ ่านไดร้ ู้เท่าทนั สถานการณ์ภยั คุกคาม

11 และ อนั ตรายตา่ งๆที่มากบั การใชง้ านเทคโนโลยีในปัจจุบนั เพ่ือให้ผใู้ ชง้ านสามารถใชง้ านอยา่ ง ระมดั ระวงั และมีความปลอดภยั มากยงิ่ ข้ึนได้ วเิ คราะห์การรับส่งขอ้ มูลของแอพพลิเคชนั่ LINE นกั วจิ ยั ของไทยเซิร์ตได้ ทาการวิเคราะห์การรับส่งขอ้ มูลของแอพพลิเคช่นั LINE โดย จาลองสถานการณ์การรับส่งขอ้ มูลใน 2 ลกั ษณะคือรับส่งผา่ นเครือข่าย 2G/3G และผา่ นเครือข่าย LAN/Wi-Fi และใชโ้ ปรแกรมเฉพาะสาหรับรับ ขอ้ มูลบนเครือข่าย โดยไดน้ าขอ้ มูลท้งั หมดมา วิเคราะห์และสรุปผลดงั น้ี ทดสอบโดยใชง้ านแอฟพลิเคชนั่ LINE เวอร์ชน่ั 3.8.8 บนระบบปฏิบตั ิการณ์แอนดรอยด์ ผา่ นเครือข่าย 2G/3G พบวา่ มีการรับส่งขอ้ มูลใน ลกั ษณะ Plain text ผา่ นโพรโทคอล HTTP โดยขอ้ ดี ของการรับส่งขอ้ มูลบนโพรโทคอล HTTP คือสามารถ รับส่งขอ้ มูลไดเ้ ร็ว แต่ขอ้ เสียคือหากมีผูท้ ่ี สามารถดกั รับขอ้ มูลตรงกลางระหว่างผูใ้ ช้งานกบั เซิร์ฟเวอร์ ให้บริการของ LINE แลว้ ก็จะสามารถ มองเห็นขอ้ มูลท่ีรับส่งกนั อยูร่ ะหวา่ งผูใ้ ชง้ านกบั เซิร์ฟเวอร์ของ LINE ไดท้ นั ที สังเกตจากรูปที่ 2 ซ่ึง เป็ นขอ้ มูลที่ไดจ้ ากการทดสอบดกั รับขอ้ มูลการใชง้ านแอพพลิเคชน่ั LINE บนระบบปฏิบตั ิการแอนดรอยด์เวอร์ชนั่ 3.8.8 ซ่ึงใชง้ านเครือข่าย 3G โดยพบขอ้ ความวา่ “where r u” ซ่ึงเป็ นขอ้ ความท่ี นกั วจิ ยั ของไทยเซิร์ตไดท้ าการทดสอบส่งออกไปจริง แต่อยา่ งไรก็ตามจากท่ีไดก้ ล่าวไว้ ขา้ งตน้ วา่ ขอ้ มูลที่รับส่งบนเครือข่าย 2G/3G อาจยงั มีความเส่ียงไม่มากนกั เนื่องจากเทคนิคการดกั รับขอ้ มูล บนเครื่องข่าย 2G/3G โดยผูใ้ ช้งานดว้ ยกนั ยงั ไม่สามารถทาไดโ้ ดยง่าย แต่ก็ยงั คงมีความเส่ียงในมุมที่ ผู้ ให้บริการเครือข่ายโทรศพั ทอ์ าจสามารถตรวจสอบการใชง้ านของลูกคา้ ได้ รวมถึงปัจจุบนั ทาง ผูพ้ ฒั นา แอพพลิเคชน่ั LINE ไดม้ ีการปรับปรุงการทางานแอพพลิเคชน่ั LINE ต้งั แต่เวอร์ชนั่ 3.9 ข้ึน ไป ท่ีทางานบน ระบบปฏิบตั ิการแอนดรอยด์น้ัน โดยเปลี่ยนมาใช้โพรโทคอล HTTPS ในการรับส่งขอ้ มูล ซ่ึงมีการเขา้ รหสั ลบั ขอ้ มูลแทนการรับส่งขอ้ มูลแบบเดิมในลกั ษณะ Plain-text แลว้ ในส่วนน้ีทางไทยเซิร์ต ขอแนะนาให้ ผูใ้ ช้งานที่ใช้งานแอพพลิเคชนั่ LINE บนระบบปฏิบตั ิการแอนดรอยด์ทาการตรวจสอบเวอร์ชั่นของ แอพพลิเคชนั่ ที่ใชง้ านและหากพบวา่ ใชเ้ วอร์ชน่ั ต่ากวา่ 3.9 ใหร้ ีบทาการอพั เดททนั ที Facebook Facebook คือ บริการบนอินเทอร์เน็ตบริการหน่ึง ที่จะทาใหผ้ ใู้ ชส้ ามารถติดตอ่ ส่ือสารและ ร่วมทา กิจกรรมใดกิจกรรมหน่ึงหรือหลายๆ กิจกรรมกบั ผูใ้ ช้ Facebook คนอื่นๆ ได้ ไม่วา่ จะเป็ น การต้งั ประเด็น ถามตอบในเร่ืองท่ีสนใจ โพสตร์ ูปภาพ โพสตค์ ลิปวดิ ีโอ เขียนบทความหรือบล็อก แชทคุยกนั แบบสดๆ เล่น เกมส์แบบเป็ นกลุ่ม (เป็ นที่นิยมกนั อย่างมาก) และยงั สามารถทากิจกรรม อื่นๆ ผ่านแอพลิเคชน่ั เสริม (Applications) ที่มีอยอู่ ยา่ งมากมาย ซ่ึงแอพลิเคชน่ั ดงั กล่าวไดถ้ ูกพฒั นา เขา้ มาเพิม่ เติมอยเู่ รื่อยๆ Facebook เป็ น Social media ท่ีไดร้ ับความนิยมอีกแห่งหน่ึงในโลก ซ่ึงถา้ ใน ต่างประเทศ ความยง่ิ ใหญ่ของ Facebook มีมากกวา่ Hi5 เสียอีก แต่ในประเทศไทยของเรา Hi5 ยงั ครองความเป็ นเจา้ ในดา้ น Social media ในหมู่คนไทย เมื่อวนั ท่ี 4 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ.2548 Mark Zuckerbergไดเ้ ปิ ดตวั เวบ็ ไซต์ Facebook ซ่ึงเป็ นเวบ็ ประเภท Social network ซ่ึงตอนน้นั เปิ ดให้เขา้ ใชเ้ ฉพาะนกั ศึกษาของมหาวิทยาลยั ฮาร์เวริ ์ดเท่าน้นั และ

12 เวบ็ น้ีก็ดงั ข้ึนมาในชว่ั พริบตา เพียงเปิ ดตวั ไดส้ องสัปดาห์ คร่ึงหน่ึงของนกั ศึกษาท่ีเรียนอยูท่ ี่ มหาวิทยาลยั ฮาร์เวริ ์ด ก็สมคั รเป็ นสมาชิก Facebook เพื่อเขา้ ใชง้ านกนั อยา่ งลน้ หลาม และเมื่อทราบ ข่าวน้ีมหาวิทยาลยั อื่นๆ ในเขตบอสตนั ก็เร่ิมมีความตอ้ งการและอยากขอเขา้ ใชง้ าน Facebook บา้ ง เหมือนกนั มาร์คจึงได้ ชกั ชวนเพื่อนของเคา้ ที่ช่ือ Dustin Moskowitzและ Christ Hughes เพื่อช่วยกนั สร้าง Facebook และเพียง ระยะเวลา 4 เดือนหลงั จากน้นั Facebook จึงไดเ้ พิ่มรายชื่อและสมาชิกของ มหาวิทยาลยั อีก 30 กวา่ แห่ง ไอเดียเริ่มแรกในการต้งั ชื่อ Facebook น้นั มาจากโรงเรียนเก่าในระดบั มธั ยมปลายของมาร์ค ที่ช่ือฟิ ลิปส์เอก็ เซเตอร์อะคาเดม่ี โดยท่ีโรงเรียนน้ี จะมีหนงั สืออยหู่ น่ึงเล่มท่ีชื่อวา่ The Exeter Facebook ซ่ึงจะส่งต่อๆ กนั ไปให้นกั ศึกษาคนอ่ืนๆ ไดร้ ู้จกั เพื่อนๆ ในระดบั เรียน ซ่ึง Facebook น้ีจริงๆ แลว้ ก็เป็ นหนงั สือเล่มหน่ึง เท่าน้นั จนเม่ือวนั หน่ึง มาร์คไดเ้ ปล่ียนแปลงและนามนั เขา้ สู่โลกของ อินเทอร์เน็ต เม่ือประสบความสาเร็จ ขนาดน้ี ท้งั มาร์ค ดสั ตินและฮิวจไ์ ดย้ า้ ยออกไปท่ี Palo Alto ในช่วงฤดูร้อนและไปขอแบ่งเช่า อพาร์ทเมนท์ แห่งหน่ึง หลงั จากน้นั สองสัปดาห์ มาร์คไดเ้ ขา้ ไปคุย กบั ชอน ปาร์คเกอร์ (Sean Parker) หน่ึงในผรู้ ่วมก่อต้งั Napster จากน้นั ไม่นาน ปาร์คเกอร์ก็ยา้ ยเขา้ 30 มาร่วมทางานกบั มาร์คในอพาร์ตเมนท์ โดยปาร์คเกอร์ได้ ช่วยแนะนาใหร้ ู้จกั กบั นกั ลงทุนรายแรก ซ่ึงก็คือ ปี เตอร์ธีล (Peter Thiel) หน่ึงในผูร้ ่วมก่อต้งั PayPal และ ผบู้ ริหารของ The Founders Fund โดยปี เตอร์ไดล้ งทุนใน Facebook เป็ นจานวนเงิน 500,000 เหรียญสหรัฐ ดว้ ยจานวนสมาชิกหลาย ลา้ นคน ทาให้บริษทั หลายแห่งสนใจในตวั Facebook โดย Friendster พยายามท่ีจะ ขอซ้ือ Facebook เป็ นเงิน 10 ลา้ นเหรียญสหรัฐ ในกลางปี พ.ศ. 2548 แต่ Facebook ปฎิเสธขอ้ เสนอไป และ ไดร้ ับ เงินทุนเพ่ิมเติมจาก Acela Partners เป็ นจานวนอีก 12.4 ลา้ นเหรียญสหรัฐ ในตอนน้นั Facebook มี มูลค่าจากการประเมินอยทู่ ี่ประมาณ 100 ลา้ นเหรียญสหรัฐ Facebook ยงั เติบโตตอ่ ไป จนถึงเดือน กนั ยายนปี พ.ศ. 2549 ก็ไดเ้ ปิ ดในโรงเรียนในระดบั มธั ยมปลาย เขา้ ร่วมใชง้ านได้ และในเดือนถดั มา Facebook ไดเ้ พ่ิม ฟังคช์ นั่ ใหม่ โดยสามารถใหส้ มาชิก เอารูปภาพมาแบ่งปันกนั ได้ ซ่ึงฟังชน่ั น้ีไดร้ ับ ความนิยมอยา่ งลน้ หลาม ในฤดูใบไมผ้ ลิ Facebook ไดร้ ับเงินจากการลงทุนเพ่ิมอีกของ Gridlock Partners, Ameritech Capital พร้อม กบั นกั ลงทุนชุดแรกคือ Acela Partners และปี เตอร์ธีล เป็ น จานวนเงินถึง 25 ลา้ นเหรียญสหรัฐ โดยมูลค่า การประเมินมูลค่าในตอนน้นั เป็น 525 ลา้ นเหรียญ หลงั จากน้นั Facebook ไดเ้ ปิ ด ใหอ้ งคก์ รธุรกิจหรือบริษทั ต่างๆ ใหส้ ามารถเขา้ ใชง้ าน Facebook และสร้าง network ต่างๆ ได้ ซ่ึง ในที่สุดก็องคก์ รธุรกิจกวา่ 20,000 แห่งไดเ้ ขา้ มาใชง้ าน และสุดทา้ ยในปี พ.ศ. 2550 Facebook ก็ไดเ้ ปิ ดให้ทุกคนที่มีอีเมล์ ไดเ้ ขา้ ใชง้ าน ซ่ึงเป็ น ยคุ ที่คนทว่ั ไป ไม่วา่ เป็ นใครก็สามารถเขา้ ไปใช้งาน Facebook ไดเ้ พียงแค่คุณมีอีเมล์เท่าน้นั สาหรับงาน คร้ังน้ีนาทีมโดย Mark Zuckerbergไดเ้ ปิ ดเผยวา่ รูปแบบหนา้ News Feed แบบ ใหม่จะทาให้ผใู้ ชจ้ ะสามารถ เลือกดู Feeds ต่างๆ ไดส้ ะดวกยงิ่ ข้ึน โดยประสบการณ์การใชง้ านจะ ใกลเ้ คียงกบั เวอร์ชน่ั แพลตฟอร์มมือถือ มากย่ิงข้ึน ซ่ึงหนา้ News Feed แบบใหม่จะทาให้ผใู้ ชเ้ ลือก อ่านส่ิงที่ตวั เองสนใจ สามารถเลือกดูทุกอยา่ ง

13 ร่วมกนั ตามลาดบั เวลา เช่น การเลือกดูเฉพาะกิจกรรม ต่างๆ ท่ีเกิดข้ึน โดยจุดเด่นของ News Feed แบบใหม่ มีดงั น้ี คอนเทนตห์ รือเร่ืองราวท่ีเกิดข้ึนบน หนา้ News Feed แบบใหม่จะดูมีมิติและรู้สึกน่าสนใจมากข้ึน เช่น การแชร์รูปภาพ, ลิงก,์ อลั บ้มั และ แผนท่ี ทุกอยา่ งจะดูชดั เจนและน่าสนใจมากข้ึน เลือกประเภทของฟี ด ท่ีเราตอ้ งการให้แสดงได้ เช่น ฟี ดจากเพื่อนท้งั หมด (Feed from All Friends), ฟี ดเฉพาะที่เป็ นรูปภาพ, ฟี ด เฉพาะเพลง ซ่ึงอารมณ์ จะคลา้ ยๆ กบั เรากาลงั อ่านหนงั สือพิมพแ์ ละเลือกอ่านคอลมั น์ท่ีเราสนใจ หนา้ เวบ็ News Feed แบบใหม่กบั หนา้ เวบ็ เวอร์ชน่ั มือถือจะมีรูปแบบเหมือนกนั มากข้ึน โดยจะมีแถบสถานะดา้ นซา้ ย เพือ่ เลือกดูเมนูตา่ งๆ เช่น ฟี ด, ขอ้ ความ, แฟนเพจ, แอพพลิเคชน่ั ต่างๆ เป็นตน้ (คนท่ีใชเ้ ฟซบุก๊ เวอร์ชน่ั มือถือ น่าจะชินกบั ส่วนน้ี) นอกจากน้ียงั มีการบอก New Stories เพื่อมีการอพั เดทเน้ือหาใหม่ๆ บนหนา้ News Feed ซ่ึงเหมือนกบั เวอร์ชนั่ บนมือถือนนั่ เอง ท้งั น้ี เฟซบุก๊ 31 จะเริ่มทยอยปรับหนา้ News Feed แบบใหม่ให้กบั ผใู้ ชบ้ างส่วนก่อน แตส่ าหรับใครที่อดใจรอไม่ ไหวอยากจะลองหนา้ News Feed แบบใหม่ก่อนใคร สามารถ ไปแจง้ ความตอ้ งการไดท้ ่ี facebook.com/about/newsfeed จากน้นั เลือกลงมาดา้ นล่างสุดและคลิกป่ ุม Join Waiting List และรอใหท้ างเฟซบุก๊ อพั เดทหนา้ News Feed แบบใหมใ่ หก้ บั บญั ชีของเรา ทฤษฎีการแลกเปลี่ยน (Exchange Theory) สัญญา สัญญาววิ ฒั น(์ 2550. : 128) ไดแ้ บ่งประเภทของทฤษฎีแลกเปล่ียนเป็น 2 ประเภทคือ 1. ทฤษฎีการแลกเปล่ียนระดบั บุคคล (Individualistic Exchange Theory) หรือทฤษฎี แลกเปล่ียนเชิง พฤติกรรม (Behavioral Exchange Theory) ซ่ึงพฒั นามาจากทฤษฎี จิตวิทยาเชิงพฤติกรรม (Behavioral Psychology) 2. ทฤษฎีการแลกเปล่ียนเชิงบูรณาการ (Integration Exchange Theory) หรือทฤษฎีการ แลกเปล่ียนเชิง โครงสร้าง (Exchange Structuralism Theory) ซ่ึงพฒั นามาจากทฤษฎี มนุษยวิทยาเชิงหนา้ ท่ี (Functional Anthropology) Encyclopedia of Sociology (Volume 4: S-Z Index) (1992, p.1887) ใหน้ ิยามของเครือข่าย ทางสื่อสังคมว่า หมายถึง ปรากฏการณ์ทางสังคมในรูปแบบหน่ึงท่ีแสดงให้เห็นถึงรูปแบบการจดั เรียง ความสัมพนั ธ์ (Patterned Arrays of Relationship) ระหวา่ งปัจเจกชน (Individual) ที่ ร่วมกระทาการในสงั คม งานวจิ ัยทเี่ กยี่ วข้อง จิราภรณ์ ศรีนาค. (2556). ไดศ้ ึกษาเรื่อง การวิเคราะห์ประเภท รูปแบบ เน้ือหาและการใช้ ส่ือสังคม ออนไลน์ในประเทศไทย มีวตั ถุประสงค์ 4 ประการคือ 1) เพื่อศึกษาประเภทของสื่อสังคม ออนไลน์ท่ีผใู้ ช้ สื่อสังคมออนไลน์เลือกใช้ 2) เพ่ือศึกษารูปแบบการน าเสนอเน้ือหาของสื่อสังคม ออนไลน์ 3) เพ่ือศึกษา เน้ือหาที่ผใู้ ชส้ ื่อสังคมออนไลน์ใชใ้ นการส่ือสารผา่ นสื่อสังคมออนไลน์ และ 4) เพื่อศึกษาวตั ถุประสงคก์ าร

14 ใชส้ ่ือสังคมออนไลน์ของผใู้ ชส้ ื่อสังคมออนไลน์ การศึกษาคร้ังน้ีเป็ น การวิจยั เชิงปริมาณ เป็ นเคร่ืองมือหลกั ในการเก็บรวบรวมขอ้ มูล รวมถึงการสัมภาษณ์ผูใ้ ชส้ ่ือสังคม ออนไลน์ จานวน 28คน และการวิเคราะห์ ขอ้ มูลจากตวั อยา่ งส่ือสังคมออนไลน์ จากการศึกษาพบวา่ กลุ่มตวั อยา่ งส่วนใหญ่เป็ นหญิง อายุระหวา่ ง 21- 30 ปี มีระดบั การศึกษาในระดบั ปริญญาตรี ประกอบอาชีพอาชีพนกั ศึกษา โดยสื่อสังคมออนไลน์ประเภท เครือข่ายสงั คมออนไลน์ โดยเฉพาะ Facebook คือ ประเภทของสื่อสงั คมออนไลน์ที่ผใู้ ชร้ ู้จกั และนิยมใชม้ าก ท่ีสุด ท้งั น้ี รูปแบบในการนาเสนอสารของสื่อสังคมออนไลน์ พบวา่ Facebook คือสื่อสังคมออนไลน์ท่ีมี รูปแบบโดดเด่นมากที่สุด โดยเฉพาะรูปแบบการให้ผูร้ ับสารมีส่วนร่วม (Interactive) ท่ีสามารถทาการ ส่ือสารแบบ VDO Call ได้ ดา้ นเน้ือหาการใชส้ ่ือสงั คมออนไลนน์ ้นั มีลกั ษณะของการใชส้ ื่อ สังคมออนไลน์ เพอื่ เสริมกบั การใชส้ ่ือเดิม เป็ นลกั ษณะท่ีพบมากท่ีสุด และเน้ือหาในการแสดงตวั ตน ที่พบคือ กลุ่มตวั อยา่ ง ส่วนใหญไ่ ม่ใชช้ ่ือหรือรูปภาพของตนเองในการใชส้ ่ือสังคมออนไลน์ และภาษาท่ีใชส้ ่วนใหญ่เป็ นภาษาพูด ท้งั น้ี ความสัมพนั ธ์ระหว่างคู่สื่อสารส่วนใหญ่อยู่ในระดบั เร่ิมตน้ ความสัมพนั ธ์ คือ บุคคลทว่ั ๆ ไป หรือ เพื่อนใหม่และไม่มีการต้งั กฎบรรทดั ฐานหรือกติกาการใช้ งานไว้ ด้านวตั ถุประสงค์การใช้ส่ือสังคม ออนไลน์ พบวา่ กลุ่มตวั อยา่ งใชส้ ่ือสังคมออนไลน์เพ่ือการ พูดคุย สนทนามากท่ีสุด รองลงมาคือ ใชเ้ พื่อ ความบนั เทิง และใชเ้ พื่อรับรู้เหตุการณ์ต่างๆ ซ่ึงส่งผล กระทบเชิงบวก ทาให้ไดร้ ู้เหตุการณ์ไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว สามารถช่วยใหก้ ารติดสนใจที่จะทาสิ่งต่างๆ ไดง้ ่ายข้ึน และช่วยให้ไดก้ ลบั ไปคุยกบั เพ่ือนเก่า พบปะเพื่อน ใหม่ๆ และผลกระทบเชิงลบ พบวา่ ส่ือ สังคมออนไลน์ทาใหค้ วามสัมพนั ธ์ของบุคคลในโลกของความเป็ น จริงลดลง และส่งผลต่อความ ถูกตอ้ งของขอ้ มูลข่าวสารท่ีใชส้ ื่อสารลดลงดว้ ย จากการทดสอบสมมติฐาน พบวา่ ดา้ นระยะเวลา การใช้สื่อสังคมออนไลน์ กลุ่มผูใ้ ช้ส่ือสังคมออนไลน์ส่วนใหญ่มีการใชส้ ื่อสังคม ออนไลน์ แบบต่อเนื่อง โดยมีการใช้งานส่ือสังคมออนไลน์ทุกวนั แมจ้ านวนเวลาที่ต่างกนั หรือช่วงเวลาท่ี ต่างกัน ก็ยงั มีการใช้สื่อสังคมออนไลน์เพื่อตอบสนองความต้องการของตนเองที่ไม่แตกต่างกัน ซ่ึง ความสัมพนั ธ์กบั ผลกระทบเชิงบวกและผลกระทบเชิงลบ โดยมีระดบั ความสัมพนั ธ์ในระดบั ต่าส่วนการ สร้างตวั ตนผา่ นการเลือกใช้ช่ือและรูปภาพเพ่ือสร้างอตั ลกั ษณ์ การใช้ภาษาในการ แสดงออก การสร้าง ความสัมพนั ธ์กบั บุคคลอ่ืนๆ และการเคารพกฎ/กติกาต่างๆ ท่ีตนเองและผูใ้ ช้ คนอ่ืนๆ ต้งั ไว้ มีความสัมพนั ธ์ กบั การใช้สื่อสังคมออนไลน์ในระดับปานกลาง ท้งั น้ี ยงั มี ความสัมพนั ธ์กบั ผลกระทบเชิงบวกและ ผลกระทบเชิงลบ โดยมีระดบั ความสมั พนั ธ์ในระดบั ปาน กลาง ปิ ยะภา วรรณสมพร. (2556) ไดศ้ ึกษาเร่ืองการใชป้ ระโยชน์และความพึงพอใจในการใช้ เฟสบุ๊ค ของนกั ศึกษาระดับอุดมศึกษาในจงั หวดั เชียงใหม่. มีวตั ถุประสงค์ในการศึกษาคือ เพ่ือศึกษา การใช้ ประโยชน์และความพึงพอใจในการใชเ้ ฟสบุ๊คของนกั ศึกษาระดบั อุดมศึกษาในจงั หวดั เชียงใหม่ การศึกษา คร้ังน้ีใชว้ ิธีการวจิ ยั เชิงสารวจ (Survey Research) ซ่ึงใชแ้ บบสอบถาม (Questionnaire) เป็ นเครื่องมือในการ

15 เก็บรวบรวมขอ้ มูล จากการสุ่มกลุ่มตวั อย่าง 400 คน ซ่ึงทาการ เก็บขอ้ มูลจากนกั ศึกษามหาวิทยาลยั ใน จงั หวดั เชียงใหม่ โดยเลือกจากนกั ศึกษาที่มีบญั ชีผูใ้ ช้ (Account) ของเฟสบุ๊คจากน้นั จึงแจกแบบสอบถาม (Questionnaire) ใหแ้ ก่กลุ่มตวั อยา่ ง โดยเก็บ ขอ้ มูลในช่วงเดือนเมษายน พ.ศ.2556 ถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2556 ผลการศึกษาพบวา่ กลุ่มตวั อยา่ ง ส่วนมากเป็ นเพศหญิง โดยส่วนใหญ่มีอายุมากกว่า 22 ปี มีรายได้ ระหวา่ ง 2,001-5,000 บาท กลุ่ม ตวั อยา่ งส่วนใหญ่ศึกษาอยูท่ ี่มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ โดยศึกษาอยใู่ นระดบั ระดบั ปี ที่ 1 มากที่สุด ส่วน ใหญ่ศึกษาในคณะมนุษยศาสตร์/สังคมศาสตร์/ศิลปะศาสตร์ กลุ่มตวั อยา่ งส่วน ใหญ่มีการเขา้ ใช้งาน เฟสบุค๊ ทุกวนั เขา้ ใชง้ านโดยโทรศพั ทม์ ือถือ (Smartphone) โดยใชร้ ะบบปฏิบตั ิการ Android มาก ท่ีสุด โดยใช้ Free WIFI ในการเขา้ ใชง้ าน ส่วนใหญ่ใชเ้ ครือข่าย AIS สถานที่ที่เขา้ ใชง้ าน เฟสบุค๊ มากท่ีสุด คือ มหาวิทยาลยั โดยในแต่ละคร้ังใชเ้ วลา 1-2 ชวั่ โมง และช่วงเวลาท่ีเขา้ ใชง้ านเฟสบุ๊ค มากท่ีสุดคือ 18.01-21.00 น. ภาพรวมของกลุ่มตวั อยา่ ง เลือกใชป้ ระโยชน์จากเฟสบุค๊ “เพ่ือแสวงหา ขอ้ มูล ข่าวสารท่ีทนั สมยั ท้งั เร่ืองของเพ่ือน คนรู้จกั และเร่ืองทว่ั ไป” “เพื่อตอ้ งการความบนั เทิงสนุกสนานและ ความแปลกใหม่” “เพ่ือสร้างความสัมพนั ธ์ทางสังคมกบั กลุ่มเพ่ือน” “เพ่ือแสดง ความคิดเห็นในประเด็นที่ ตนสนใจ” “เพื่อสนทนากบั เพื่อนและคนอื่นๆ” “เพ่ือโพสตร์ ูปและ เรื่องราวของตนเอง” อยูใ่ นระดบั มาก รองลงมา “เพือ่ เป็นการใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ กิดประโยชน์” “เพื่อการ สร้างรายได”้ อยใู่ นระดบั ปานกลาง และนอ้ ย ท่ีสุดคือ “เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ความคิดเห็นและ ระดมความคิดในกลุ่มเพื่อน” อยูใ่ นระดบั นอ้ ย ภาพรวม ของกลุ่มตวั อย่าง มีความพึงพอใจในการใช้ เฟสบุ๊คเกี่ยวกับ “ความสะดวกรวดเร็วและง่ายต่อการรับ ข่าวสาร” “ได้รับขอ้ มูลท่ีมีความทนั สมยั ” “ติดต่อส่ือสารกบั เพื่อนและคนอื่นๆได้อย่างรวดเร็วและ ประหยดั เวลา” “ไดร้ ับความเพลิดเพลิน สนุกสนาน” “มีรูปแบบการน าเสนอท่ีดึงดูด น่าสนใจ” “สามารถ แสดงออกถึงความคิดเห็นต่างๆ ของตนเองได”้ “สร้างความสมั พนั ธ์ท่ีดีระหวา่ งกลุ่มเพื่อนและบุคคลอ่ืนได”้ “การแลกเปล่ียนขอ้ มูล ข่าวสารต่างๆ (Share)” “การแสดงความถูกใจ (Like) ต่อรูปภาพหรือขอ้ มูลข่าวสาร ต่างๆ” “เป็ นการ ใชเ้ วลาวา่ งให้เกิดประโยชน์” อยูใ่ นระดบั มาก รองลงมา “มีความแปลกใหม่ของเน้ือหา” “สร้าง เอกลกั ษณ์ของตนเอง” “การสนทนา (Chat)” อยูใ่ นระดบั ปานกลาง ภาพรวมของกลุ่มตวั อยา่ ง พบ ปัญหา อุปสรรคในการใชเ้ ฟสบุค๊ คือ “การควบคุมดูแลของหน่วยงานที่เก่ียวขอ้ งไม่รัดกุม” อยใู่ น ระดบั ปาน กลาง รองลงมาคือ “มีการละเมิดสิทธิเสรีภาพเพ่ิมมากข้ึน” “ค่าใช้จ่ายในเร่ืองของอุปกรณ์ และค่า อินเทอร์เน็ตเพ่ิมข้ึน” “เว๊ปไซตท์ ี่ไม่เหมาะสม” “ภาษาและวิธีการน าเสนอที่ไม่เหมาะสม” “การสร้าง ปฏิสมั พนั ธ์กบั บุคคลอื่น” “การเขา้ ถึงบญั ชีผใู้ ชเ้ ฟสบุค๊ ” “รูปแบบวธิ ีการที่ซบั ซอ้ น” “ดา้ น คุณภาพของขอ้ มูล ข่าวสาร” “อุปกรณ์เครื่องคอมพิวเตอร์ไม่สามารถรองรับการใชง้ านดา้ น มลั ติมีเดียไดด้ ี” อยใู่ นระดบั นอ้ ย

16 บทท่ี 3 วธิ ีดาเนินการวจิ ัย วธิ ีดาเนินการวจิ ยั ผวู้ จิ ยั ไดด้ าเนินการวจิ ยั และเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล มีลาดบั ข้นั ตอน ดงั น้ี 1. ผูว้ ิจยั ปฐมนิเทศนักศึกษา ให้นักศึกษารับรู้ถึงวตั ถุประสงค์ รายละเอียด ข้นั ตอนของการเรียนด้วย กิจกรรมแบบผสมผสานผา่ นเครือข่ายสังคมออนไลน์ 2. ผูว้ ิจยั ทาการสอน โดยจดั กิจกรรมการเรียนในระดบั เรียนปกติ (Offline) และเรียนผา่ นเครือข่ายสังคม ออนไลน์ (Online) ตามแผนการจดั การเรียนรู้รายวิชาเศรษฐกิจพอเพียง (ทช21001) ซ่ึงจดั กิจกรรมการ เรียนรู้แบบผสมผสานแนวต้งั (Vertical Blended Learning) ในอตั ราส่วน 50:50 3. เม่ือสิ้นสุดการวจิ ยั ให้นกั ศึกษา ทาแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน รายวชิ าเศรษฐกิจพอเพียง (ทช21001) 4. ผวู้ จิ ยั เกบ็ รวบรวมขอ้ มูลท้งั หมดไปวเิ คราะห์ขอ้ มูลตามวธิ ีการทางสถิติ เพื่อนาเสนอในงานวจิ ยั ต่อไป

17 บทท่ี 4 ผลการวจิ ัย การศึกษางานวจิ ยั คร้ังน้ีไดศ้ ึกษาการจดั กิจกรรมการเรียนแบบผสมผสานผา่ นเครือข่ายสงั คม ออนไลน์ (Social media) โดยนาเสนอผลการวิจยั ใน 3ประเด็น ดงั ต่อไปน้ี ตอนท่ี 1 ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนกั ศึกษาระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ จานวน 6 คน ตอนที่ 2 ผลการศึกษาพฤติกรรมการเรียนของนกั ศึกษา ตอนที่1 ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนักศึกษาระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น จานวน 6 คน ด้วยกจิ กรรมการเรียนแบบผสมผสานผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ แผนภูมิที่ 1 แสดงผลการเรียนของนกั ศึกษาระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ จานวน 6 คน ดว้ ยกิจกรรมการเรียนแบบผสมผสาน ผา่ นเครือข่ายสงั คมออนไลน์ แผนภูมแิ ท่งแสดงผลการเรียนของนกั ศึกษา จากแผนภูมิท่ี 1 แสดงใหเ้ ห็นวา่ นกั ศึกษาระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ จานวน 6 คน ที่ผา่ นการจดั การ เรียนการสอนด้วยกิจกรรมการเรียนแบบผสมผสานผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ มีผลการเรียน 4.00 (ดีเยย่ี ม) ทุกคน

18 ตารางที่ 1 แสดงสถิติผลการเรียนของนกั ศึกษาระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ จานวน 6 คน ดว้ ยกิจกรรมการเรียนแบบ ผสมผสานผา่ นเครือขา่ ยสงั คมออนไลน์ สถิติผลการเรียนของนกั ศึกษา จากตารางที่ 1 แสดงใหเ้ ห็นวา่ นกั ศึกษาระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ จานวน 6 คน ดว้ ยกิจกรรมการ เรียนแบบผสมผสานผา่ นเครือขา่ ยสงั คมออนไลน์ ทุกคนมีผลการเรียนระดบั 4.00 (ดีเยย่ี ม) คิดเป็น 100 %

19 ตารางท่ี 2 แสดงคา่ สถิติผลการเรียนของนกั ศึกษาระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ จานวน 6 คน ดว้ ยกิจกรรมการเรียนแบบ ผสมผสานผา่ นเครือข่ายสงั คมออนไลน์ จากตารางที่ 2 แสดงใหเ้ ห็นวา่ นกั ศึกษาระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ จานวน 6 คน ที่ผา่ นการเรียน การสอนดว้ ยกิจกรรมการเรียนแบบผสมผสานผา่ นเครือข่ายสังคมออนไลน์ มีค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D) = 4.44 , ค่าความแปรปรวน 19.76 และคา่ สมั ประสิทธ์ิของการกระจาย (CV.) = 5.30 หมายถึงประสิทธิภาพอยู่ ในระดบั ดีมาก

20 ตอนที่ 2 ผลการศึกษาพฤติกรรมการเรียนของนักศึกษาระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น จานวน 6 คน ด้วย กจิ กรรมการเรียนแบบผสมผสานผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ แผนภูมิท่ี 2 ผลการศึกษาพฤติกรรมการเรียนของนกั ศึกษาระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ จานวน 6 คน ที่เรียนดว้ ยกิจกรรมการ เรียนแบบผสมผสานผา่ นเครือขา่ ยสงั คมออนไลน์ รายการ สังเกตพฤติกรรมนักศึกษา จากแผนภูมิท่ี 2 แสดงใหเ้ ห็นวา่ พฤติกรรมการเรียนของนกั ศึกษาระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ จานวน 6 คน ที่เรียนดว้ ยกิจกรรมการเรียนแบบผสมผสานผา่ นเครือข่ายสังคมออนไลน์ตามแนวคิดเพื่อนช่วยเพื่อน นกั ศึกษา มีพฤติกรรมการตอบคาถามมากที่สุด (ร้อยละ 97.70) รองลงมาคือ ความร่วมมือในการทางานกลุ่ม (ร้อยละ 96.77) การเขา้ ร่วมกิจกรรม (ร้อยละ 96.77) การส่งงานตามเวลา (ร้อยละ 95.39) การแสดงความ คิดเห็น (ร้อยละ 29.95) การต้งั คาถาม (ร้อยละ 5.99) และการโพสต์ แชร์เน้ือหา (ร้อยละ 3.69) เรียงตามลาดบั

21 บทที่ 5 สรุปผลการวจิ ัยและข้อเสนอแนะ สรุปผลการวจิ ัย 1. ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนกั ศึกษาระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ จานวน 6 คน ดว้ ยกิจกรรมการ เรียนแบบผสมผสานผา่ นเครือข่ายสังคมออนไลน์ ทุกคนมีผลการเรียนระดบั 4.00 (ดีเย่ยี ม) คิดเป็ น 100 % มีค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D) = 4.44 , ค่าความแปรปรวน 19.76 และค่าสัมประสิทธ์ิของ การกระจาย (CV.) = 5.30 หมายถึงประสิทธิภาพอยูใ่ นระดบั ดีมาก ท้งั น้ีเน่ืองจากการจดั กิจกรรม การเรียนแบบผสมผสานผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ทาให้นักศึกษาไดเ้ รียนรู้ท้งั จากภาคทฤษฎี การลงมือปฏิบตั ิจริงจนสามารถนาไปใชใ้ นชีวติ จริง ทาใหก้ ารเรียนมีความต่อเนื่องส่งผลใหค้ วามรู้ ท่ีไดม้ ีความคงทน และให้นกั ศึกษาไดเ้ รียนรู้ในการช่วยเหลือซ่ึงกนั และกนั ให้ผูเ้ รียนสอนกนั เอง ผเู้ รียนจะเรียนรู้อะไรต่าง ๆไดจ้ ากเพื่อนสู่เพื่อน และการเรียนรู้เช่นน้ีจะทาใหผ้ เู้ รียนที่เรียนรู้ชา้ เกิด การเรียนรู้ได้ เนื่องจากภาษาที่ผูเ้ รียนใช้พูดจากสื่อสารกนั น้นั สามารถส่ือความหมายระหวา่ งกนั และกนั ไดเ้ ป็ นอย่างดี ดงั ที่สุคนธ์ สอนธพานนท์ และคณะ (2545,หนา้ 31- 33) วิธีสอนแบบกลุ่ม เพอ่ื นช่วยเพอ่ื นเป็นวธิ ีการสอนวธิ ีหน่ึงทีสืบทอดเจตนารมณ์ของปรัชญาการศึกษาท่ีวา่ Learning by doing ตามแนวทฤษฎีของจอห์น ดิวอ้ี โดยเน้นการให้นกั ศึกษามีการรวมกลุ่มเพื่อการท างาน ร่วมกนั หรือ การปฏิบตั ิในกิจกรรมการเรียนการสอน อาจกล่าวไดว้ า่ การสอนแบบเพ่ือนช่วยเพื่อน น้นั เป็ นการส่งเสริม ระบอบประชาธิปไตย และยงั มุ่งให้ผเู้ รียนที่มีผลสัมฤทธ์ิอยใู่ นเกณฑ์ต่าไดร้ ับ ประโยชน์ จากเพ่ือนนกั ศึกษาท่ีเก่ง กว่าหรือมีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนอยูเ่ กณฑ์ นอกจากน้ีการ จดั การเรียนรู้แบบผสมผสาน(Blended Learning) เป็ นการเรียนการสอนท่ีอาศยั สื่อหลาย ๆ ชนิด ผสมผสานกนั ต้งั แตด่ า้ นเทคโนโลยี กิจกรรมการเรียนการสอน และเหตุการณ์ที่เหมาะสมเพ่ือสร้าง รู ปแบบการเรี ยนการสอนที่เหมาะสมสาหรับผู้เรี ยน การผสมผสานเป็ นการนารู ปแบบ อิเล็กทรอนิกส์และส่ือสมยั ใหม่ เขา้ มาเสริมการเรียนการสอนตามรูปแบบปกติในระดบั เรียน ดงั ท่ี นวลพรรณ ไชยมา (2554, หนา้ 12-13 ) กล่าววา่ การจดั การเรียนการสอนแบบผสมผสานเป็ นการ ผสมผสานวิธีการหลาย ๆ วิธีเขา้ ด้วยกนั ท้งั วิธีสอน สื่อและเทคโนโลยีการสอน ผ่านการจดั กิจกรรมการเรียนการสอนในระดบั เรียนแบบด้งั เดิม หรือการเรียนการสอนแบบเผชิญหน้ากนั (Face to Face) และการเรียนการสอนแบบออนไลน์ (Online) โดย เนน้ ให้ผเู้ รียนไดร้ ับการฝึ กฝน และลงมือปฏิบตั ิจริงเพ่อื ใหก้ ารจดั การเรียนการสอนมีความยดื หยุน่ และทาให้ผเู้ รียน เกิดการเรียนรู้ อยา่ งเต็มศกั ยภาพบรรลุเป้าหมายของการเรียนรู้ ซ่ึงสอดคลอ้ งกบั งานวจิ ยั ของพลอยไพลิน ศรีอ่าดี

22 (2556) ได้ศึกษาผลการจดั การเรียนรู้แบบผสมผสานด้วยกิจกรรมการเรียนแบบแก้ปัญหาวิชา เทคโนโลยี สารสนเทศ 2ท่ีมีต่อความสามารถในการแกป้ ัญหาและผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของ นกั ศึกษาระดบั มธั ยมศึกษาปี ที่ 2 โรงเรียนสิรินธรราชวิทยาลยั ผลการวิจยั พบว่า1) ผลคะแนน ความสามารถในการแกป้ ัญหาของนกั ศึกษาระดบั มธั ยมศึกษาปี ที่ 2 ที่เรียนแบบผสมผสานดว้ ย กิจกรรมการเรียนแบบแกป้ ัญหา อยใู่ นระดบั ดีมาก 2) ผลการ เปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน ของนกั ศึกษาที่เรียนแบบผสมผสานดว้ ยกิจกรรมการเรียนแบบแกป้ ัญหาหลงั เรียนสูงกวา่ ก่อนเรียน อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติท่ีระดบั .01 2. ผลการศึกษาพฤติกรรมการเรียนของนกั ศึกษาระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ ที่เรียนดว้ ยกิจกรรมการ เรียนแบบผสมผสานผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ตามแนวคิดเพื่อนช่วยเพ่ือน พบว่านกั ศึกษามี พฤติกรรมการตอบ คาถามมากที่สุด (ร้อยละ 97.70) รองลงมาคือ ความร่วมมือในการทางานกลุ่ม (ร้อยละ 96.77) การเขา้ ร่วม กิจกรรม (ร้อยละ 96.77) การส่งงานตามเวลา (ร้อยละ 95.39) การแสดง ความคิดเห็น (ร้อยละ 29.95) การต้งั คาถาม (ร้อยละ 5.99) และการโพสต์ แชร์เน้ือหา (3.69)เรียง ตามลาดบั ผูว้ ิจยั พบวา่ นกั ศึกษามีพฤติกรรมการตอบ คาถามมากท่ีสุด เนื่องจากคาถามจะเป็ นสิ่งที่ กระตุน้ ใหผ้ เู้ รียนอยากเรียนรู้ โดยส่ิงท่ีอยากเรียนรู้ดงั กล่าวจะตอ้ ง เริ่มมาจากปัญหาที่เด็กสนใจหรือ พบในชีวติ ประจาวนั ที่มีเน้ือหาเกี่ยวขอ้ งกบั บทเรียน ข้อเสนอแนะ จากผลการวิจยั เรื่อง การศึกษาการจดั กิจกรรมการเรียนแบบผสมผสานผา่ นเครือข่ายสังคม ออนไลน์ ของนกั ศึกษาระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ กศน.ตาบลโพธ์ิเสด็จ เพ่ือแกป้ ัญหาเวลาเรียนไม่ ตอ่ เน่ืองของนกั ศึกษาระดบั ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ ผวู้ ิจยั มีขอ้ คน้ พบและแนวความคิดมาใชเ้ ป็ น ขอ้ เสนอแนะ ดงั น้ี ขอ้ เสนอแนะเพ่อื นาผลการวจิ ยั ไปใช้ 1. ก่อนเรียนดว้ ยกิจกรรมแบบผสมผสานผา่ นเครือข่ายสังคมออนไลน์ตามแนวคิดเพ่ือนช่วยเพ่ือน ควรเตรียมความพร้อมของผูเ้ รียนในการใช้งานส่ือสังคมออนไลน์ เพื่อให้ผูเ้ รียนใช้งานสื่อสังคม ออนไลนไ์ ดอ้ ยา่ ง คล่องแคล่วและมีประสิทธิภาพ 2.ผูส้ อนควรช้ีแจงรูปแบบลักษณะข้ันตอนของกิจกรรมแบบผสมผสานผ่านเครือข่ายสังคม ออนไลน์ตามแนวคิดเพอื่ นช่วยเพ่ือนใหก้ บั ผเู้ รียนอยา่ งละเอียด เพอ่ื ใหผ้ เู้ รียนเขา้ ใจและทาการศึกษา บทเรียนไดอ้ ยา่ งถูกวธิ ี

23 ขอ้ เสนอแนะเพ่อื การวจิ ยั คร้ังตอ่ ไป 1. ควรมีการวิจยั เกี่ยวกบั การจดั กิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ส่ือสังคมออนไลน์ร่วมกบั การเรียนรู้ รูปแบบอื่น เช่น ทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ (constructivist) การเรียนรู้โดยใชป้ ัญหาเป็ นฐาน(PBL) เป็ นตน้ 2. ควรมีการวจิ ยั เก่ียวกบั การจดั กิจกรรมการเรียนรู้โดยใชส้ ่ือสังคมออนไลน์เพ่ือใชใ้ นการพฒั นา ทกั ษะดา้ นอ่ืน ในรายวชิ าตา่ ง ๆ เช่น ทกั ษะกระบวนการคิด ทกั ษะการอ่าน ทกั ษะการเขียน เป็ นตน้ 3. ควรมีการศึกษาการใช้การเรียนรู้โดยใช้เทคนิคการเรียนการสอนแบบอื่น ๆ เพ่ือนามา เปรียบเทียบวา่ วธิ ีใดจะเหมาะสมกบั การเรียนการสอนมากท่ีสุด 4. ควรมีการศึกษาสาเหตุของการแสดงพฤติกรรมการเรียนผูเ้ รียนท่ีเรียนผ่านเครือข่ายสังคม ออนไลน์ เพอ่ื ใชเ้ ป็นแนวทางในการส่งเสริมหรือปรับเปล่ียนพฤติกรรมของผเู้ รียนตอ่ ไป 5. ควรหาเทคนิคหรือวิธีการท่ีจะส่งเสริมพฤติกรรมการเรียนของผเู้ รียนท่ีเรียนผา่ นเครือข่ายสังคม ออนไลน์ให้มีพฤติกรรมการแสดงออกทางด้านการต้งั คาถาม การโพสต์ และการแชร์เน้ือหา เพม่ิ ข้ึน

24 เอกสารอ้างองิ ภาษาไทย กระทรวงศึกษาธิการ. (2552). หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ:โรง พิมพ์ ชุมชนสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย. เดือนเพญ็ ภานุรักษ.์ (2555). “ผลการจดั การเรียนรู้โดยใชว้ ธิ ีการแบบร่วมมือกนั ดว้ ยเทคนิคเพอ่ื นคูค่ ิดผา่ น เครือข่ายสงั คมการเรียนรู้ในรายวชิ า การบริหารสารสนเทศ 1.”วทิ ยานิพนธ์ปริญญามหาบณั ฑิต สาขาวชิ าคอมพิวเตอร์ศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั มหาสารคาม. พลอยไพลิน ศรีอ่าดี (2556). “ผลการจดั การเรียนรู้แบบผสมผสานดว้ ยกิจกรรมการเรียนแบบแกป้ ัญหา วชิ า เทคโนโลยสี ารสนเทศ 2 ที่มีต่อความสามารถในการแกป้ ัญหาและผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนของ นกั ศึกษาระดบั มธั ยมศึกษาปี ที่ 2 โรงเรียนสิรินธรราชวทิ ยาลยั .” วารสารวชิ าการ Veridian E- Journal ปี ท่ี 6,ฉบบั ท่ี 2 (เดือนพฤษภาคม – สิงหาคม) :582-596. สายชล จินโจ.(2550).“การพฒั นารูปแบบการเรียนการสอนแบบผสมผสานรายวชิ าการเขียนโปรแกรม ภาษาคอมพวิ เตอร์ 1 สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ.”วทิ ยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบณั ฑิต สาขาคอมพวิ เตอร์ ศึกษา บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ พระนครเหนือ. สุคนธ์ สินธพานนท์ และคณะ. (2545).การจัดกระบวนการเรียนรู้ทเี่ น้นผ้เู รียนเป็ นสาคัญตามหลกั สูตร การศึกษาข้ันพืน้ ฐาน.กรุงเทพฯ:อกั ษรเจริญทศั น.์ สุรพล พยอมแยม้ . (2541). จติ วทิ ยาอตุ สาหกรรม.กรุงเทพฯ: โครงการส่งเสริมการผลิตตาราและเอกสาร การสอน คณะศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ศิลปากร สานกั งานพฒั นาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องคก์ ารมหาชน) .(2557). ผลสารวจพฤติกรรมผ้ใู ช้งาน อนิ เทอร์เน็ตในไทยปี 2557.วนั ที่คน้ ขอ้ มูล 6 สิงหาคม 2557, เขา้ ถึงไดจ้ าก http://thumbsup.in.th/2014/08/thailand-internet-user-profile-2014/ ภาษาต่างประเทศ Thorne, K. (2003). Blended Learning: How to Integrate Online and Traditional Learning.London: Kogan Page.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook