โครงงาน IS เรอื่ ง กระท่อม และ กญั ชา ทำไมถงึ ผดิ กฎหมาย ท่ีมาและความสำคญั ของปัญหา กระท่อมเป็นไมย้ นื ตน้ ขนาดกลาง เป็นพืชในตระกลู Mitragyna และยังเป็นพชื ทอ้ งถิน่ ของภาคใต้ กระท่อมเป็นพืชท่ี มกี ารใช้เป็นยามาอย่างยาวนาน สามารถใชใ้ บกระทอ่ มเพอ่ื รกั ษาการตดิ เชื้อในลำไส้ บรรเทาอาการปวดกล้ามเน้ือ ลดไข้ บรรเทาอาการไอ อาการท้องร่วง โดยใชใ้ บสด หรือใบแห้ง นำมาเคี้ยว สูง หรือชงเปน็ ชา ถา้ หากรับประทานมากเกนิ ไปอาจทำ ใหเ้ กดิ การอาเจียน ท้องเสีย เบ่ืออาหาร และบางรายอาจมีอาการทางจติ ได้ ถา้ หากนำไปใช้อยา่ งผดิ วธิ ีอาจทำใหม้ ฤี ทธ์ิกระตุ้น ประสาท หรอื ทำใหผ้ ้ใู ช้เกดิ การเสพตดิ ทั้งทางร่างกายและจิตใจ และเมื่อใชม้ ากเกนิ ไปอาจมอี าการขาดยา แตจ่ ะไม่รนุ แรงมาก สภาพร่างกายอาจทรดุ โทรมหนกั กระทอ่ มไดก้ ลายเป็นพืชตอ้ งห้ามตามกฎหมาย และได้ถูกจัดเปน็ ยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ ๕ ตามพระราชบญั ญตั ยิ าเสพติดใหโ้ ทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๗ กญั ชาเปน็ พชื ล้มลุกชนิดหนง่ึ ใบมนแฉกลกึ เขา้ ไปทางกา้ นหลายแฉก ดอกสีเขยี ว ในทางการแพทยก์ ัญชามีประโยชน์ ในการรกั ษาโรคลมชกั ภาวะปวดประสาทสว่ นกลาง บรรเทาหอบหืด ชว่ ยลดอาการปวดเรอ้ื รงั และชว่ ยให้สามารถนอนหลบั ไดม้ ากขึน้ ลดอาการปวดขอ้ รกั ษาโรคริดสดี วงทวาร และเปลือกลำตน้ ของกัญชายงั ใชท้ ำเชอื กป่านและทอผ้าไดอ้ กี ด้วย ถงึ จะ มปี ระโยชนม์ ากมาย แตถ่ ้าใชใ้ นปริมาณท่ีมากเกนิ ไปหรอื ใชอ้ ยา่ งผิดวิธกี ส็ ามารถทำใหเ้ กดิ โทษไดม้ ากมายเช่นกัน อยา่ งเช่นการ เกดิ ภาพหลอน มีปญั หาเกยี่ วกบั การคดิ และแก้ปัญหา ความจำบกพรอ่ ง เกดิ ภาพหลอน และอาจทำให้อตั ราการเต้นของหวั ใจ เรว็ ขึ้นได้อีกดว้ ย สมมติฐาน จากปจั จัยสว่ นบุคคลตา่ งๆ อย่างเช่น อายุ เพศ การศกึ ษา อาชพี และทศั นคติทีแ่ ตกตา่ งกนั จึงมกี ารใช้กัญชาและ กระทอ่ ม ในทางท่ตี า่ งกนั ออกไป ทัง้ การใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ในการทำเปน็ สมนุ ไพรรกั ษาโรค หรือการนำไปใช้เป็นยา เสพตดิ เชน่ ใชใ้ นการเสพ และค้าขายจนอาจเกิดโทษมากกวา่ ประโยชน์ได้ วตั ถปุ ระสงค์ เพอื่ ศกึ ษาสาเหตุท่ที ำใหก้ ระท่อมกับกัญชาถึงกลายเป็นพืชถูกกฎหมายได้ และสาเหตทุ ท่ี ำให้สิ่งที่เคยเปน็ ยาเสพติด อยา่ งเช่นกระท่อมและกัญชา สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในด้านการแพทย์ไดม้ ากมาย ขอบเขตการศกึ ษา ศึกษาโทษและประโยชนข์ องกญั ชาและกระท่อม และสาเหตุทสี่ ง่ ผลใหก้ ระท่อมและกัญชากลายเปน็ ยาเสพตดิ ท่ผี ิด กฎหมาย ตลอดจนเหตผุ ลทีท่ ำใหก้ ระท่อมและกัญชากลบั มาถกู กฎหมาย และการนำไปปรบั ใชท้ างการแพทย์
เอกสารและหัวข้อทีเ่ กยี่ วขอ้ ง หวั ขอ้ ที่ 1 ทำไมกระท่อม,กญั ชำถึงถกู กฎหมำย โลกสนบั สนุนกระทอ่ ม,กญั ชาถูกกฎหมาย ในประเทศตะวนั ตก กญั ชาคอื สารเสพตดิ ทไ่ี ดร้ บั การลดหย่อนโทษทางอาญาเป็นอนั ดบั ต้นๆ เน่อื งจากใหผ้ ล ขา้ งเคยี งน้อยเม่อื เทยี บกบั ยาเสพตดิ ชนดิ อ่นื ๆ นอกจากน้ี งานวจิ ยั ทางวทิ ยาศาสตรย์ งั ชใ้ี หเ้ หน็ ถงึ ประโยชน์ทางการแพทยข์ องกญั ชา หลายประเทศจงึ ได้ รดุ หน้าในการลดหย่อนโทษทาง อาญาของกญั ชาอย่างต่อเน่อื ง สหรฐั อเมรกิ าออกกฎหมายใหใ้ ชใ้ นทาง การแพทย์ 20 มลรฐั ทงั้ น้ที รี่ ฐั โคโลราโดยงั เปิดใหป้ ระชาชนลงมตผิ ่านการเปิดเสรกี ญั ชา โดยมขี อ้ แมว้ า่ สามารถมกี ารเพาะปลูก จาหน่าย และใหป้ ระชาชนทม่ี อี ายไุ มน่ อ้ ยกวา่ 21 ปี ใชก้ ญั ชาเพ่อื สนั ทนาการได้ เหมอื นกับเคร่อื งดม่ื แอลกอฮอลแ์ ละเมอ่ื ปลายปีทผี่ ่านมา อกี 8 มลรฐั ในสหรฐั ฯ โหวตใหก้ ญั ชาถูกตอ้ งตาม กฎหมายเป็น ผลสาเรจ็ ทาใหใ้ นขณะน้สี หรฐั ฯ มที งั้ หมด 28 มลรฐั ดว้ ยกนั ทส่ี ามารถใชก้ ญั ชาไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง ตาม กฎหมาย ขณะทร่ี ฐั บาลแคนาดาภายใต้การน าของนายกรฐั มนตรจี สั ตนิ ทรโู ด ได้ออกประกาศอยา่ งเป็น ทางการวา่ กญั ชาในแคนาดาจะเป็นสง่ิ ถูกกฎหมายภายในปี 2560 แตต่ อ้ งเป็นไปเพ่อื จุดประสงคท์ าง การแพทย์ เพอ่ื จะ ทาใหผ้ ปู้ ่วย สามารถเขา้ ถงึ การใชก้ ญั ชา เพอ่ื รกั ษาอาการเจบ็ ป่วยของตนไดอ้ ยา่ งถกู กฎหมาย ส่วนประเทศญ่ปี ่นุ ไดจ้ ดสทิ ธบิ ตั รกระทอ่ มใหเ้ ป็นพชื ยาแลว้ โดยนกั วจิ ยั จากประเทศญป่ี ่นุ จด สทิ ธบิ ตั ร ในส่วน ของ สารอนุพนั ธ์ Alkaloid ในใบกระทอ่ มซง่ึ เป็นสารทชี่ ่วยในการระงบั อาการปวด รกั ษาอาการอ่อนเพลยี ระบบทางเดนิ อาหาร เป็นสารทด่ี ที ส่ี ดุ ในใบกระทอ่ มทชี่ ่วยในการแก้อาการ เหลา่ น้ี การย่นื จดสทิ ธบิ ตั รครงั้ น้ี เป็นการย่นื ขอจดสทิ ธบิ ตั รผา่ นสนธสิ ญั ญาความรว่ มมอื ดา้ นสทิ ธบิ ตั ร หรอื PCT เพ่อื ใหม้ ผี ลในประเทศตา่ งๆ ซง่ึ เป็นภาคใี นสนธสิ ญั ญาดงั กล่าว 117 ประเทศ รวมทงั้ ประเทศ ไทยดว้ ย ขณะทโ่ี ลกไดป้ ระกาศยกธงขาวกบั ยาเสพตดิ อย่างเป็นทางการในปี 2558 เมอ่ื นายโคฟี อนั นนั อดตี เลขาธกิ ารสหประชาชาติ ผูผ้ ลกั ดนั สงครามตอ่ ต้านยาเสพตดิ ในเวทโี ลก ออกมายอมรบั ดว้ ยตวั เอง ว่า “โลกท่ี ปราศจากยาเสพตดิ เป็นเพยี งภาพลวงตา สงครามต่อตา้ นยาเสพตดิ คอื สงครามต่อตา้ น ประชาชน” ตวั อยำ่ งกฎหมำยท่ีเก่ียวกบั กระท่อม,กญั ชำ มาตรา 3 เพมิ่ คณะกรรมการควบคมุ ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ ตามมาตรา 9 ของ พ.ร.บ.ยาเสพตดิ ให้ โทษ ปี 2522 โดยใหป้ ลดั กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อธบิ ดกี รมการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์ ทางเลอื ก อธบิ ดกี รมโรงงานอตุ สาหกรรม อธบิ ดกี รมสนบั สนุนบรกิ ารสขุ ภาพ อธบิ ดกี รมสุขภาพจติ นายกแพทยส์ ภา นายกสภาการแพทยแ์ ผนไทย และนายกสภาเภสชั กรรม เป็นกรรมการเพมิ่ เฉพาะใน วาระทเ่ี กย่ี วกบั ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษในประเภท 5 (กญั ชา พชื กระทอ่ ม พชื ฝ่ิน เหด็ ขค้ี วาย)
มาตรา 9 พบว่าไดป้ รบั แก้มาตรา 26/2 ถงึ 26/6 ของ พ.ร.บ.ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ ปี 2522 โดย มาตรา 26/2 ใหย้ กเวน้ ผลติ นาเขา้ หรือส่งออกยาเสพตดิ ใหโ้ ทษในประเภท 5 ในกรณีจาเป็นเพอ่ื ประโยชน์ของทางราชการ การแพทย์ การรกั ษาผปู้ ่วย หรือการศกึ ษาวจิ ยั และพฒั นา ในกรณที เ่ี ป็นกญั ชง (Hemp) ใหก้ ระทาไดเ้ มอ่ื ไดร้ บั ใบอนุญาตจากผอู้ นุญาตโดยความเหน็ ชอบของคณะกรรมการฯ ใน กรณที เี่ ป็นการนาตดิ ตวั เขา้ หรอื ออกนอกราชอาณาจกั รไมเ่ กนิ ปรมิ าณทจ่ี าเป็น สาหรบั ใชร้ กั ษาโรค เฉพาะตวั โดยมใี บสงั่ ยาหรอื หนังสอื รบั รองของผปู้ ระกอบวิชาชพี เวชกรรม ทนั ตกรรม การแพทยแ์ ผน ไทย การแพทยแ์ ผนไทยประยกุ ต์ หรอื หมอพน้ื บา้ นตามกฎหมาย ซง่ึ เป็นผใู้ หก้ ารรกั ษา ใหก้ ระทาไดเ้ มอ่ื ไดร้ บั ใบอนุญาตจากผอู้ นุญาต หวั ข้อท่ี 2 กระท่อมและกญั ชำคอื อะไร กระท่อมคืออะไร กระท่อมมชี ่อื ทางวทิ ยาศาสตรว์ ่า มติ ราไจนา สเปซโิ อซา คอรท์ (Mitragyna Speciosa Korth) จดั อยู่ในตระกูล รูเบยี ซอี ี (Rubiaceae) มถี นิ่ กาเนดิ ในเขตรอ้ นช้นื แถบเอเชยี ตะวนั ออก เฉยี งใต้ กระทอ่ มเป็นไมย้ นื ต้นขนาดใหญป่ านกลาง มแี กน่ เป็นไมเ้ นอ้ื แขง็ สงู 10 -15 เมตร อยู่ในตระกูล Mitragyna speciosa ใบคลา้ ยใบกระดงั งา มชี นดิ กา้ นใบแดงและใบเขยี ว ดอกกลมโตขนาดเทา่ ผล พุทรา ใบเป็นใบเดยี่ วสเี ขยี ว เรยี งตวั เป็นคตู่ รงขา้ ม แผ่นใบขนาดกวา้ งประมาณ 5-10 ซม. ยาวประมาณ 8-14 ซม. ดอกมสี ขี าวอมเหลืองออกเป็นชอ่ ตุม้ กลมขนาด 3-5 ซม. แหล่งทพ่ี บ ในบางจงั หวดั ของภาคกลาง เชน่ ปทมุ ธานี แต่จะพบมากในป่าธรรมชาตบิ รเิ วณ ภาคใต้ เชน่ สุราษฎรธ์ านี นครศรธี รรมราช ตรงั สตลู พทั ลุง สงขลา ยะลา ปัตตานี นราธวิ าส และ ตอนบนของ ประเทศมาเลเซยี สำรสำคญั ที่พบในใบกระท่อม ใบกระทอ่ มประกอบดว้ ยแอลคะลอยด์ทงั้ หมดประมาณรอ้ ยละ ๐.๕ ในจานวนน้เี ป็นมติ ราไจนีน (Mitragynine) รอ้ ยละ ๐.๒๕ ทเี่ หลือเป็น สเปโอไจนนี (Speciogynine) ไพแนนทนี (Paynanthine) สเป ซโิ อซเี ลยี ทนี (Speciociliatine) ตามลาดบั ซ่งึ ชนิดและปรมิ าณแอลคะลอยด์ทพ่ี บแตกต่างกนั ตาม สถานที่ และเวลาท่เี กบ็ เก่ยี ว ซง่ึ แบง่ ตามสตู รโครงสรา้ งไดส้ ารประกอบ ๔ ประเภท คอื 1. อนิ โดลแอลคะลอยด์ (Indole Alkaloids)
2. ออกอนิ โดลแอลคะลอยด์ (Oxindole Alkaloids) 3. ฟลาวานอยด์ (Elavanoids) 4. กลมุ่ อน่ื ๆ เชน่ ไฟโตสเตอรอล (Phytosterol), แทนนิน (Tannins) สำเหตทุ ี่ทำให้ประท่อมเป็นสำรเสพติด กระทอ่ มเป็นพชื ทม่ี กี ารใชเ้ ป็นยามาอย่างยาวนาน สามารถใชใ้ บกระทอ่ มเพอ่ื รกั ษาการตดิ เช้อื ในลาไส้ บรรเทาอาการปวดกลา้ มเน้อื ลดไข้ บรรเทาอาการไอ อาการทอ้ งรว่ ง โดยใชใ้ บสด หรอื ใบแหง้ นามาเคย้ี ว สูง หรือชงเป็นชา ถา้ หากรบั ประทานมากเกนิ ไปอาจทาให้เกดิ การอาเจยี น ทอ้ งเสยี เบอ่ื อาหาร และบางรายอาจมอี าการทางจติ ได้ ถา้ หากนาไปใชอ้ ย่างผดิ วธิ อี าจทาใหม้ ฤี ทธกิ ์ ระตุ้นประสาท หรอื ทาให้ผใู้ ชเ้ กดิ การเสพตดิ ทงั้ ทางรา่ งกายและจติ ใจ และเม่อื ใชม้ ากเกนิ ไปอาจมอี าการขาดยา แต่จะ ไม่รนุ แรงมาก สภาพร่างกายอาจทรุดโทรมหนกั กระทอ่ มไดก้ ลายเป็นพชื ตอ้ งหา้ มตามกฎหมาย และได้ ถูกจดั เป็นยาเสพตดิ ใหโ้ ทษประเภทท5่ี ตามพระราชบญั ญตั ยิ าเสพตดิ ใหโ้ ทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 7 กญั ชำคืออะไร ชอ่ื วทิ ยาศาสตรข์ องกญั ชาคอื Cannabis sativa L. ลกั ษณะของตน้ กญั ชาไมล้ ม้ ลกุ ปีเดยี วลาตน้ ตงั้ ตรง สงู 0.9-1.5 ซม. ไมค่ ่อยแตกสาขา ใบเดยี่ ว รูปฝ่ามอื เรยี งสลบั ขอบใบเวา้ ลกึ จนถงึ จุดโคนใบเป็น 5-7 แฉก โคนและปลายสอบ ขอบจกั ฟันเล่อื ย ดอกแยกเพศ อยตู่ ่างตน้ ออกเป็นชอ่ ตามงา่ มใบและปลาย ยอด ชอ่ ดอกและใบของต้นเพศผจู้ ดั เรยี งตวั กนั ห่างๆ ตา่ งจากตน้ เพศเมยี ทเ่ี รยี งชดิ กนั ดอกเลก็ ผลแหง้ เมลด็ ลอ่ น เลก็ เรยี บ สนี ้าตาล สำรท่ีพบในกญั ชำ สารทพี่ บในกญั ชา คอื สาร cannabinol, cannabidiol, tetrahydrocannabinol (THC) และยงั พบ น้ามนั ระเหยอกี เช่น cannabichromenic acid, linolledie acid, lecihin, น้ามนั , โปรตนี , วติ ามนิ บี 1, วติ ามนิ บี 2, choline เป็นต้น สาร cannabinol มฤี ทธทิ ์ าให้เคล้มิ ฝัน ความจาเส่อื ม ยบั ยงั้ การจบั ตวั ของ เกลด็ เลอื ด
สำเหตุท่ีทำให้กญั ชำผิดกฎหมำย กญั ชามฤี ทธทิ ์ างเภสชั วิทยาคลา้ ยกบั พวกยากระตุ้นประสาท ยากดประสาท ยาหลอนประสาท ยาแกป้ วด และยาที่ออกฤทธติ ์ อ่ จติ ประสาท หลายประการในยาตวั เดยี วกนั ผู้เสพกญั ชาจงึ มอี าการเคลม้ิ จติ โดยในขนั้ ต้นมกั จะเป็นอาการกระตนุ้ ประสาท บางคนจะมอี าการตงึ เครยี ดทางใจหรอื มอี าการกงั วล ตอ่ มากม็ อี าการเคลม้ิ จติ เคลม้ิ ใจ ทาใหร้ ูส้ กึ ว่าบรรยากาศทวั่ ๆ ไปเงยี บสงบ จากนนั้ กม็ กั จะมปี ฏกิ ริ ยิ าท่ี เปลย่ี นแปลงอยา่ งกะทนั หนั เดยี๋ วหวั เราะลนั่ เดยี๋ วสงบ สว่ นอาการอน่ื ๆ ทพี่ บไดค้ อื ผเู้ สพจะรูส้ กึ ลอ่ งลอย สบั สน ปากแหง้ อยากอาหาร ชพี จรเพม่ิ ขน้ึ ตาแดงขน้ึ ในขณะทเี่ สพ หากเสพเป็นประจา สุขภาพโดยรวมจะเสอ่ื มลง อาจเป็นโรคหลอดลมอกั เสบ ไซนัสอกั เสบ ทางเดนิ หายใจอกั เสบ ทอ้ งรว่ ง เป็นตะครวิ หวั ขอ้ ที่ 3 มีองคก์ รใดใช้ได้บำ้ ง หลงั จากพระราชบญั ญตั ยิ าเสพตดิ ใหโ้ ทษ (ฉบบั ที่ 7) พ.ศ. 2562 ไดป้ ระกาศในราชกจิ จา นุเบกษา เมอ่ื วนั ท่ี 18 กมุ ภาพนั ธ์ 2562 และมผี ลบงั คบั ใชต้ งั้ แต่วนั ท่ี 19 กมุ ภาพนั ธ์ทผ่ี ่านมา โดยให้ สามารถใชก้ ญั ชา เพอ่ื ประโยชน์ทางการแพทยไ์ ด้ แต่ต้องดาเนนิ การภายใตเ้ ง่อื นไข กฎระเบยี บต่างๆ ทอ่ี อกโดยสานกั งานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) สง่ ผลใหห้ น่วยงานวจิ ยั ต่างๆท่ีสนใจต้อง ดาเนนิ การขออนุญาต การปลกู การวจิ ยั การผลติ สารสกดั ทางการแพทย์มายงั อย. หนึง่ ในนนั้ คอื องคก์ ารเภสชั กรรม (อภ.) หรอื ทเ่ี รยี กสนั้ ๆว่า GPO มกี ารดาเนนิ การขออนุญาต เพอ่ื ทาการปลูก ผลติ สารสกดั กญั ชาเพ่อื ใชป้ ระโยชน์ทางการแพทยเ์ ชน่ กนั อย่างล่าสดุ ปลายเดอื น กุมภาพนั ธ์ทผ่ี ่านมา ไดม้ กี ารเปิดตวั การปลูกต้นอ่อนกญั ชาภายในโรงเรือนระบบปิด ซง่ึ ถกู กฎหมายแหง่ แรกในอาเซยี นและประเทศไทยและเดนิ หน้าเขา้ สกู่ ระบวนการผลติ เพ่อื ใหไ้ ดผ้ ลติ ภณั ฑก์ ญั ชาทาง การแพทยใ์ นเดอื นกรกฎาคม 2562 ตำมกฎหมำยแล้วองคท์ ่ีสำมำรถใช้ได้ (เพิ่มเติม) 1.หน่วยงานรฐั ทมี่ หี นา้ ทศ่ี กึ ษาวจิ ยั หรอื จดั การเรยี นการสอนทางการแพทย์ เภสชั กรรม วทิ ยาศาสตร์ เกษตรศาสตร์ หน่วยงานรฐั ทมี่ หี นา้ ทปี่ ้องกนั ปราบปรามและแกไ้ ขปัญหายาเสพตดิ สภากาชาด 2.ผปู้ ระกอบการวชิ าชพี เวชกรรม เภสชั กรรม ทนั ตกรรม สตั วแพทย์ หรอื แพทยแ์ ผนไทย หมอ พน้ื บา้ น ตามเงอ่ื นไขทร่ี ฐั มนตรวี า่ การกระทรวงสาธารณสุข กาหนด
3.สถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนทมี่ หี นา้ ทศี่ กึ ษาวจิ ยั และจดั การเรยี นการสอนดา้ นการแพทยห์ รอื เภสชั ศาสตร์ 4.เกษตรกรทรี่ วมกลมุ่ เป็นวสิ าหกจิ ชมุ ชน หรอื สหกรณก์ ารเกษตรซง่ึ จดทะเบยี นตามกฎหมาย และร่วมกนั ดาเนนิ การกบั หน่วยงานรฐั หรอื สถาบนั อดุ มศกึ ษา 5.ผปู้ ระกอบการขนสง่ สาธารณะระหวา่ งประเทศ โดยใน 5 ปีแรกอนุญาตใหเ้ ฉพาะหน่วยงานรฐั ทาเท่านนั้ ถ้าเอกชนทากต็ ้องเขา้ ร่วมกบั หน่วยงานรฐั สาหรบั ผูป้ ่วยทจี่ าเป็นต้องใชก้ ญั ชาเพอ่ื การรกั ษาจรงิ ๆ จะตอ้ งขออนุญาตโดยการนาใบรบั รอง แพทยโ์ รคตา่ งๆ ทเี่ ป็นอยู่ ใหก้ บั คณะกรรมการองคก์ ารอาหารและยา และสาธารณสขุ จงั หวดั เพอ่ื ป้องกนั การแอบอา้ งเพอ่ื นาไปเสพ กำรลงนำมทำงกฎหมำยเกี่ยวกบั องกรค์ท่ีสำมำรถใช้ได้ กำรลงนำม MoU หน่วยงำนท่ีมีสว่ นเก่ียวขอ้ ง : สภำองคก์ รชุมชนตำบล มนีหน้ำท่ี คอื 1.สรา้ งความร่วมมอื กบั ภาคใี นพน้ื ท่ี ทาระบบฐานขอ้ มูล คน้ หาสายพนั ธุ์พชื กระทอ่ มทเี่ หมาะสม กบั ทอ้ งถนิ่ 2.ใชส้ มชั ชาตาบลสรา้ งขอ้ ตกลงร่วมกนั ในการนาไปสู่ธรรมนูญตาบลปลอดยาเสพตดิ 3.ร่วมเฝ้าระวงั ขน้ึ ทะเบยี น ตามแนวทางการจดั ระเบยี บพชื กระท่อม เพอ่ื พทิ กั ษร์ กั ษา ผลประโยชน์ของชมุ ชน สำนักงำน ป.ป.ส. มีหน้ำท่ี คือ
1.เป็นศูนยก์ ลางการประสานหน่วยงานของรฐั รวมทงั้ กาหนดมาตรการตา่ งๆ เพอ่ื ขบั เคล่อื น การแก้ไขปัญหาร่วมกนั ในลกั ษณะบูรณาการใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพมากยงิ่ ขน้ึ ทงั้ ระดบั นโยบาย และระดบั พน้ื ทตี่ าบล 2.สนับสนุนการพฒั นาแกนนาสภาองคก์ รชุมชนตาบล เพ่อื สรา้ งความเขา้ ใจ วางแผนการ ขบั เคล่อื น การเชอ่ื มโยง ประสานงานความรว่ มมอื ทุกภาคสว่ น ฯลฯ สถำบนั พฒั นำองคก์ รชุมชนฯ มีหน้ำท่ี คือ 1.สนบั สนุนสภาองคก์ รชมุ ชนตาบล เพอ่ื สรา้ งความร่วมมอื ความเขม้ แขง็ ของชมุ ชน 2.สนบั สนุน ขอ้ ตกลงร่วมกนั ในการสรา้ งธรรมนูญตาบลปลอดยาเสพตดิ ฯลฯ ตามแผนงานหลงั จากมกี ารลงนามบนั ทกึ ความรว่ มมอื ดงั กล่าว รวมทงั้ การปรบั ปรุงและแก้ไข กฏหมายแลว้ จะมกี ารขยายพน้ื ทนี่ าร่องการขน้ึ ทะเบยี นตามแนวทางการจดั ระเบยี บพชื กระทอ่ ม ใน พน้ื ที่ 130 หม่บู า้ น รวม 10 จงั หวดั เชน่ นนทบุรี ปทุมธานี ชุมพร ระนอง สรุ าษฎรธ์ านี นครศรธี รรมราช ฯลฯ ทงั้ น้ตี าม พ.ร.บ.ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ (ฉบบั ท่ี 7) พ.ศ.2562 มาตรา 26/5 (4) กาหนดว่า ผปู้ ระกอบ อาชพี เกษตรกรรมทร่ี วมกลมุ่ เป็นวสิ าหกจิ ชุมชน หรอื สหกรณ์การเกษตร ซ่งึ ดาเนินการภายใตค้ วาม ร่วมมอื และกากบั ดแู ลของหน่วยงานรฐั ทท่ี าหนา้ ทศี่ กึ ษาวจิ ยั หรอื จดั การเรยี นการสอนทางการแพทย์ เภสชั ศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ ฯลฯ สามารถร่วมผลติ และพฒั นาสูตรตารบั ยาแผนโบราณหรอื ยาสมนุ ไพรได้ เพอ่ื ประโยชน์ทางการแพทย์ กำรควบคมุ ตำมกฎหมำย ปี พ.ศ. 2486 ประเทศไทยเป็นประเทศแรกทป่ี ระกาศควบคุมการใชพ้ ชื กระท่อม โดยตรา พระราชบญั ญตั พิ ชื กระท่อม พ.ศ. 2486 ระบหุ า้ มปลูกและครอบครองรวมทงั้ หา้ มจ าหน่ายและเสพใบ กระทอ่ ม ตงั้ แต่ปี พ.ศ. 2522 กระท่อมเป็นพชื เสพตดิ ใหโ้ ทษประเภท 5 ตามพระราชบญั ญตั ยิ าเสพตดิ ให้ โทษ พ.ศ. 2522 “ผใู้ ดผลติ จาหน่าย นาเขา้ หรอื ส่งออกซ่งึ ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษในประเภท 5 ต้องระวางโทษ จาคกุ ตงั้ แต่ 2 – 5 ปี และปรบั ตงั้ แต่ 20,000 – 150,000 บาท ครอบครองโดยมไิ ดร้ บั อนุญาต ต้องระวาง โทษจ าคกุ ไมเ่ กนิ 5 ปี หรอื ปรบั ไมเ่ กนิ 100,000 บาท หรอื ทงั้ จ าทงั้ ปรบั ” การควบคุมในต่างประเทศ สหประชาชาต(ิ UN) จะยงั มไิ ดม้ กี ารประกาศควบคมุ พชื กระท่อมในบญั ชรี ายชอ่ื ยาเสพตดิ หรอื วตั ถอุ อก ฤทธติ ์ ามอนุสญั ญาระหวา่ งประเทศ แตจ่ าก World drug report2013 ของส านักงานควบคมุ ยาเสพตดิ และอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ไดม้ กี ารขอความรว่ มมอื ใหป้ ระเทศสมาชกิ เฝ้าระวงั และ ตดิ ตามสถานการณ์ของสารออกฤทธติ ์ วั ใหม่ๆ ซง่ึ มพี ชื กระทอ่ มรวมอยู่ดว้ ย ซ่งึ จากการสบื คน้ ขอ้ มูล พบวา่ ประเทศในยโุ รป เชน่ เดนมารก์ ลตั เวยี ลทิ วั เนยี โปแลนด์โรมาเนยี สวเี ดนมกี ารควบคุมพชื
กระทอ่ มสาร mitragynine และ 7-hydroxymitragynine ส าหรบั ออสเตรเลยี พมา่ รวมถงึ ไทย มกี าร ควบคมุ พชื กระท่อมภายใตก้ ฎหมายทเี่ ก่ยี วกบั ยาเสพตดิ ส่วนนิวซแี ลนด์ ควบคุมพชื กระทอ่ ม และสาร mitragynine ภายใต้กฎหมาย Medicines Amendment Regulations จาก World drug report 2013 ของส านกั งานควบคุมยาเสพตดิ และอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ใหข้ อ้ มลู การแพร่ ระบาดของพชื กระทอ่ มวา่ พชื กระทอ่ มมกี ารใชอ้ ยา่ งแพรห่ ลายในประเทศแถบเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ และมกี ารรายงานการใชใ้ นประเทศเกาหลใี ต้ ซง่ึ ในปี ค.ศ. 2011 ยุโรปเรมิ่ การมขี ายพชื กระทอ่ มทาง อนิ เตอรเ์ น็ตอย่างแพรห่ ลาย คนไทยจะนิยมบรโิ ภคใบกระทอ่ มกนั เมอ่ื ใดไม่อาจทราบไดแ้ น่นอน เม่อื ยอ้ นไปตรวจดู ประวตั ศิ าสตรก์ ฎหมายถงึ พ.ศ. ๑๙๐๓ ในสมยั พระรามาธบิ ดที ี่ ๑ (พระเจา้ อู่ทอง) ปฐมกษตั รยิ แ์ ห่งกรุง ศรอี ยุธยาในกฎหมายตราสามดวง วา่ ดว้ ยลกั ษณะโจร กไ็ มไ่ ดบ้ ญั ญตั ใิ หก้ ระทอ่ มเป็นสงิ่ ผดิ กฎหมาย คง มแี ต่เฉพาะฝิ่นเทา่ นนั้ ทห่ี า้ มการบรโิ ภค ครอบครองหรอื จ าหน่าย การทแ่ี พทยพ์ น้ื บา้ นไดใ้ ชก้ ระท่อมเป็น ตวั ยาสมนุ ไพรไทย แสดงใหเ้ หน็ ว่า คนไทยไดใ้ ชก้ ระท่อมกนั มาเป็นเวลานานและใชก้ นั อยา่ แพรห่ ลาย นนั่ เอง จากการศกึ ษาและสอบถามจากประเทศเพ่อื นบา้ นกบั ประเทศไทย คอื ลาว เขมร มาเลเซยี อนิ โดนีเซยี พบว่า พชื กระทอ่ มทอ่ี ยูใ่ นรปู ของ ต้น ใบ ราก ไมเ่ ป็นสงิ่ ผดิ กฎหมายของประเทศเหล่าน้ี และประชาชนบางกลุ่มทน่ี ยิ มบรโิ ภคในรูปของใบสดเพอ่ื กระต้นุ ในการท างาน อกี ทงั้ ในขอ้ ตกลงของ สหประชาชาตกิ ไ็ มไ่ ดก้ าหนดใหก้ ระท่อมเป็นสง่ิ เสพตดิ หรอื ผดิ กฎหมาย คงมปี ระเทศไทยประเทศ เดยี วเท่านนั้ ทก่ี าหนดใหก้ ระท่อมเป็นพชื ทผ่ี ดิ กฎหมาย นอกจากน้ี พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ ซ่งึ แกไ้ ข เพม่ิ เตมิ โดย พ.ร.บ.ป่าไม้ (ฉบบั ท่ี ๕) พ.ศ. ๒๕๑๘ ไดก้ าหนดใหต้ น้ กระท่อมเป็นพชื หวงหา้ ม จะตดั ฟัน ตอ้ งไดร้ บั อนุญาตจากเจา้ พนักงาน ท าใหเ้ กดิ ปัญหาวา่ หากประชาชนมตี น้ กระท่อมอย่ใู นสวนหรอื ที่ดนิ กจ็ ะไปตดั โดยพลการไมไ่ ด้ แต่ขณะเดยี วกนั การครอบครองกระท่อมกผ็ ดิ กฎหมายตาม พ.ร.บ.ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ พ.ศ. ๒๕๒๒กระท่อมเพงิ่ ปรากฏเป็นยาเสพตดิ ต้องหา้ มตามกฎหมายเป็นครงั้ แรกในรชั สมยั สมเดจ็ พระเจา้ อย่หู วั อานันทมหดิ ล (รชั กาลที่ ๘) ซ่งึ เหตุผลทแี่ ทจ้ รงิ ของการออก พ.ร.บ.พชื กระท่อม พ.ศ. ๒๔๘เน่อื งจากฝ่ินทรี่ ฐั เป็นผผู้ กู ขาดผลติ ฝ่ินสุก ฝ่ินดบิ มรี าคาแพง ท าใหค้ นหนั มาสบู กระท่อม แทนฝ่ิน ดงั นนั้ จงึ เหน็ ไดว้ า่ แทท้ จี่ รงิ การตรา พ.ร.บ.พชื กระทอ่ ม พ.ศ. ๒๔๘๖ และใชส้ บื เน่อื งมาจนทุก วนั น้มี ี เหตผุ ลและหลกั การทางการคา้ ทางภาษขี องรฐั หาใชเ่ พราะเหตทุ พ่ี ชื กระทอ่ มเป็นพชื เสพตดิ เอง ไม่ ซ่งึ หลกั เกณฑท์ อ่ี งคก์ ารอนามยั โลกก าหนดเป็นแนวทางในการพจิ ารณาเพอ่ื จดั ใหเ้ ป็นยาเสพ ตดิ ทจี่ ะต้องควบคมุ นนั้ มดี งั น้ี 1. เม่อื ไม่ไดเ้ สพแลว้ กอ่ ใหเ้ กดิ อาการขาดยา
2. มปี ระโยชน์ทางการแพทยน์ อ้ ยหรอื ไม่มเี ลย 3. ก่อใหเ้ กดิ ปัญหาทางสาธารณสุข 4. กอ่ ใหเ้ กดิ ปัญหาทางสงั คม หวั ขอ้ ท่ี 4 สำรในกญั ชำและกระท่อมท่ีใช้ประโยชน์ทำงกำรแพทย์ สำรในกญั ชำท่ีมีประโยชน์ทำงกำรแพทย์ ลกั ษณะการใชก้ ญั ชาในอดตี มี 2 ลกั ษณะตามชอ่ื เรยี กคอื การใชผ้ งแหง้ ของใบและดอกมามวน เป็นบหุ รส่ี บู ซง่ึ ชาวเมก็ ซกิ นั เรยี กวา่ มารฮิ วานา (Marijuana) และการใชย้ างจากตน้ มาเผาไฟและสดู ดม ตามภาษาอาหรบั ทเ่ี รยี กว่าแฮฌอฌี (Hashish) จากประวตั ศิ าสตรพ์ บว่าการใชก้ ญั ชาเพอ่ื รกั ษาโรคนนั้ เรม่ิ ขน้ึ ในประเทศจนี เม่อื 2600 ปีกอ่ นครสิ ตกาล (BC) จกั รพรรดเิ ์สนิ หนิงของจนี (Shun Nung; 2737 ปี ก่อนครสิ ตกาล) ซ่งึ เป็นผคู้ น้ พบวธิ กี ารชงชาและการด่มื ชา เป็นผอู้ ธบิ ายสรรพคุณทางยาของพชื กญั ชา ในตารายาสมนุ ไพรจนี เป็นครงั้ แรก และรเิ รม่ิ ใหม้ กี ารเพาะปลกู พชื กญั ชาเพอ่ื ใชเ้ ป็นยารกั ษาโรคนับ จากนนั้ เป็นต้นมา การปลกู กญั ชาไดข้ ยายไปในประเทศเพ่อื นบา้ นในแถบเอเชยี และประเทศอนิ เดยี จนกระทงั่ ในปี ค.ศ. 1839 (พ.ศ. 2382) นายแพทยช์ าวองั กฤษ (William O'Shaughnessy) ซ่งึ ขณะนนั้ กาลงั ปฏบิ ตั งิ าน อย่ใู นประเทศอนิ เดยี ไดท้ าการทดลอง และคน้ พบวา่ กญั ชานนั้ มสี รรพคณุ ทางการแพทย์ สามารถใชร้ ะงบั อาการปวด เพม่ิ ความอยากอาหาร ลดการอาเจยี น คลายกลา้ มเน้อื และลดอาการชกั ได้ โดยไดต้ พี มิ พ์ ผลงานวจิ ยั น้ี ในวารสารทางยาในสมยั นนั้ และไดม้ กี ารใชก้ ญั ชาเพอ่ื ประโยชน์ทางการแพทยก์ นั อย่าง แพร่หลายทงั้ ในประเทศองั กฤษและในกลมุ่ ประเทศตะวนั ตก ตลอดจนมกี ารซ้อื ขายกญั ชาในรา้ นยา ทวั่ ไปไดโ้ ดยไมผ่ ดิ กฎหมาย มกี ารบรรจสุ รรพคณุ ทางยาของสารสกดั จากกญั ชา และยาทงิ เจอรใ์ น British Pharmacopoeia และ United States Pharmacopoeia มกี ารบนั ทกึ ในประวตั ศิ าสตรด์ ว้ ยวา่ แพทยม์ กี ารสงั่ จ่ายกญั ชาเพ่อื ใชล้ ดอาการปวดประจาเดอื นแกพ่ ระราชนิ วี คิ ตอเรยี ของประเทศองั กฤษ จนกระทงั่ ในปี ค.ศ. 1937 (พ.ศ. 2480) ในประเทศอเมรกิ า ไดม้ กี ารรายงานว่าการใชก้ ญั ชามผี ลทาให้ ผใู้ ชข้ าดสติ เกดิ อาการประสาทหลอน และก่อใหเ้ กดิ อาชญากรรมขน้ึ ไดจ้ งึ มกี ารถอนกญั ชาออกจาก United States Pharmacopoeia และยกเลกิ การใชก้ ญั ชาในการรกั ษาโรค มกี ารหา้ มใชก้ ญั ชาในการ รกั ษาโรคในองั กฤษและยโุ รปในตงั้ แตใ่ นปี ค.ศ. 1971 (พ.ศ. 2514) เป็นตน้ มา ในประเทศไทยกญั ชาถกู จดั อยู่ในกลุ่มยาเสพตดิ ใหโ้ ทษประเภท 5 ตามพระราชบญั ญตั ิ (พ.ร.บ.) ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ พ.ศ. 2522 แตไ่ ดม้ กี ารประกาศพระราชบญั ญตั ยิ าเสพตดิ ใหโทษฉบบั ใหม่ (ฉบบั ที่ 7) พ.ศ. 2562 ในวนั ท่ี 18 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 25622 ซง่ึ อนุญาตใหส้ ามารถนามาใชใ้ นกรณีจาเป็นเพอ่ื ประโยชน์ของทางราชการ การแพทย์ การรกั ษาผปู้ ่วย หรอื การศกึ ษาวจิ ยั และพฒั นาการศกึ ษาวจิ ยั ทางการแพทยไ์ ด้
-กญั ชามสี ารประกอบเรยี กว่า Cannabinoids จานวนมาก โดยมตี วั หลกั คอื THC (Tetrahydrocannabidiol) และ CBD (Cannabidiol) ซ่งึ สามารถนามาประยุกต์ เพอ่ื ประโยชน์ทาง การแพทย์ คอื ฤทธขิ ์ อง THC ต่อจติ ประสาท ทาใหผ้ ่อนคลาย นอนหลบั ลดอาการคลน่ื ไส้ อาเจยี น และ กระตนุ้ ใหอ้ ยากอาหาร ส่วน CBD มฤี ทธชิ ์ ว่ ยลดการอกั เสบ ลดอาการชกั เกรง็ และมคี ณุ สมบตั ิ ยบั ยงั้ การเจรญิ เตบิ โตของเซลล์เน้อื งอกหลายชนิดในหลอดทดลอง โรค/ภำวะอำกำร 4โรค ท่ีสำรกญั ชำไดป้ ระโยชน์ในกำรรกั ษำ 1 ภาวะคล่นื ไสอ้ าเจยี นในผปู้ ่วยทไ่ี ดร้ บั ยาเคมบี าบดั 2 โรคลมชกั ทรี่ กั ษายาก และโรคลมชกั ทด่ี ้อื ตอ่ ยารกั ษา 3 ภาวะปวดประสาทส่วนกลาง ทใี่ ชว้ ธิ รี กั ษาอน่ื ๆ แลว้ ไมไ่ ดผ้ ล 4 ภาวะกลา้ มเน้อื หดเกรง็ ในผปู้ ่วยปลอกประสาทเส่อื มแขง็ 7 กลุ่มโรค/ภำวะ ที่น่ำจะได้รบั ประโยชน์จำกสำรกญั ชำ 1 โรคพารก์ นิ สนั 2 โรคอลั ไซเมอร์ 3 โรควติ กกงั วล (GAD: Generalised Anxiety Disorder) 4 โรคอน่ื ๆ ทม่ี ขี อ้ มูลสนบั สนุนทางวชิ าการว่าน่าจะไดร้ บั ประโยชน์ 5 โรคปลอกประสาทอกั เสบอน่ื ๆ (ทไี่ ม่ใช่ปลอกประสาทเส่อื มแขง็ ) 6 ผปู้ ่วยทต่ี ้องดแู ลแบบประคบั ประคอง (Palliative care) 7 ผปู้ ่วยมะเรง็ ระยะสดุ ทา้ ย
กำรศกึ ษำวิจยั เก่ียวกบั กำรใช้กญั ชำในกำรกั ษำอำกำรและโรคต่ำงๆ 1. ลดอาการคล่นื ไส้ อาเจยี นจากการไดร้ บั เคมบี าบดั (Antiemetic effect)5: สาร Nabilone และ Dronabinol เป็นสารสงั เคราะหท์ เ่ี ป็นอนุพนั ธ์ของสาร THC ซ่งึ มผี ลการวจิ ยั ทางคลนิ กิ ยนื ยนั วา่ Nabilone มปี ระสทิ ธภิ าพในการลดอาการคลน่ื ไส้ อาเจยี นในผปู้ ่วยทไ่ี ดร้ บั ยาเคมบี าบดั ไดด้ กี วา่ ยา Prochlorperazine, Domperidone และ Alizapride ทใี่ ชอ้ ยู่ในขณะนนั้ และไดร้ บั การอนุมตั ใิ หใ้ ชใ้ น ประเทศแคนาดาตงั้ แต่ปี ค.ศ. 1982 (พ.ศ. 2525) เป็นตน้ มา ขณะทผ่ี ลการวจิ ยั ทางคลนิ ิกของ Dronabinol นนั้ พบว่ามปี ระสทิ ธภิ าพในการลดอาการคล่นื ไส้ อาเจยี นไดด้ กี ว่ายา Chlorpromazine และ มปี ระสทิ ธภิ าพเทยี บเท่ากบั ยา Metoclopramide และ Thiethylperazine ดงั นนั้ ทงั้ Nabilone (Cesamet™ Valeant Pharmaceuticals North America) และ Dronabinol (Marinol®; Solvay Pharmaceuticals, Inc) จงึ ไดร้ บั การอนุมตั ใิ หข้ ายในประเทศอเมรกิ า (ค.ศ. 1985, พ.ศ. 2528) และ แคนาดา (ค.ศ. 1995, พ.ศ. 2538) ตามลาดบั 2. เพมิ่ ความอยากอาหารในผปู้ ่วยมะเรง็ และเอดส์ (Appetite stimulation)5: ผลการวจิ ยั พบวา่ สาร THC สามารถชว่ ยเพม่ิ ความอยากอาหารใหผ้ ปู้ ่วยมะเรง็ และเอดส์ เมอ่ื มกี ารทดลองใชท้ างคลนิ ิก เป็นเวลา 4-6 สปั ดาห์ และไดร้ บั การอนุมตั ใิ หใ้ ชส้ าร Dronabinol ซง่ึ เป็นอนุพนั ธข์ องสาร THC เพอ่ื เพม่ิ ความอยากอาหารไดใ้ นประเทศแคนาดา (Marinol®; Solvay Pharmaceuticals, Inc) 3. ลดอาการปวด (Analgesic effect)5,6: สารในกลุม่ แคนนาบนิ อยด์สว่ นใหญ่โดยเฉพาะ THC สามารถใชล้ ดอาการปวดแบบฉบั พลนั และแบบเรอื้ รงั (Acute และ Chronic pain) โดยเฉพาะการใชเ้ พ่อื ระงบั การปวดแบบเรอื้ รงั นนั้ นบั เป็นสาเหตุหลกั ของการใชส้ ารสกดั กญั ชาในการลดอาการปวด ไดม้ กี าร ทดลองทางคลนิ กิ และพบว่าสาร THC ในขนาด 2.5 หรอื 2.7 มลิ ลกิ รมั สามารถชว่ ยลดอาการปวดเรอ้ื รงั (central neuropathic pain) และช่วยใหผ้ ปู้ ่วยสามารถนอนหลบั ไดเ้ พมิ่ ขน้ึ มกี ารตงั้ ตารบั ยาสเปรย์ (Oromucosal spray, Nabiximols) โดยใชส้ ว่ นผสมของ THC และ CBD ซ่งึ สามารถชว่ ยลดอาการปวด ขอ้ (Rheumatoid arthritis) แต่สาหรบั อาการปวดเรอ้ื รงั ในผปู้ ่วยมะเรง็ นนั้ ยงั ไมม่ ขี อ้ สรุปทางคลนิ กิ ท่ี ชดั เจน 4. ลดอาการปลอกประสาทเส่อื ม (Multiple sclerosis, MS)5,6: MS เป็นความผดิ ปกตทิ างระบบ ประสาทซง่ึ มกั เกดิ ร่วมกบั การหดเกรง็ ของกลา้ มเน้อื ซง่ึ จะทาใหเ้ กดิ อาการปวดรุนแรงและมอี าการปวด แบบเรอ้ื รงั และพบวา่ ทงั้ ผปู้ ่วยกลุ่มทไ่ี ดร้ บั THC เพยี งชนดิ เดยี ว และผปู้ ่วยกลุ่มทไี่ ดร้ บั ยาทมี่ สี ว่ นผสม ของ THC และ CBD ในอตั ราส่วน 1 ตอ่ 0.5 สามารถช่วยลดอาการหดเกรง็ ของกลา้ มเน้อื และช่วย บรรเทาอาการปวดดงั กล่าวและชว่ ยใหผ้ ปู้ ่วยสามารถนอนหลบั ได้ ในการทดสอบทางคลนิ กิ โดยไม่พบ อาการขา้ งเคยี งทรี่ ้ายแรง แต่อยา่ งไร ตารบั ยาทงั้ สองชนิดน้ี (อตั ราส่วนของ THC:CBD เท่ากบั 1:0.9)
ไดร้ บั อนุญาตใหส้ ามารถสงั่ จา่ ยไดใ้ นประเทศ แคนาดา (Sativex®; GW Pharmarceutical; ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548) องั กฤษ และ อเมรกิ า 5. ช่วยควบคมุ อาการลมชกั (Epilepsy)5: ผปู้ ่วยโรคลมชกั คดิ เป็น 1 % ของประชากรโลก และ พบว่าผปู้ ่วย 20-30% ยงั ไม่สามารถควบคุมอาการชกั ไดโ้ ดยใชย้ าทม่ี อี ยใู่ นปัจจุบนั จงึ จาเป็นต้องมกี าร วจิ ยั เพอ่ื หาตวั ยาชนดิ ใหม่ มกี ารทดลองในสตั วท์ ดลองโดยใช้ CBD และพบว่า CBD สามารถต้านอาการ ชกั ไดด้ ี (เป็น Anticonvulsant ทดี่ )ี และไมม่ คี วามเป็นพษิ ตอ่ ระบบประสาท ตอ่ มามกี ารทดลองทาง คลนิ ิกในผปู้ ่วยทป่ี ระสบปัญหาไมส่ ามารถควบคุมอาการชกั ได้ เมอ่ื ใหย้ ากนั ชกั ร่วมกบั การให้ CBD 200- 300 มลิ ลกิ รมั . ต่อวนั เป็นเวลา 8-18 สปั ดาห์ พบว่า 37% ของผปู้ ่วย ไม่เกดิ อาการชกั ตลอดการศกึ ษา และอกี 37% มอี าการดขี น้ึ อย่างชดั เจน อย่างไรกต็ ามมผี ลขา้ งเคยี งเกดิ ขน้ึ ในผทู้ ไี่ ดร้ บั CBD คอื ทาให้ เกดิ อาการงว่ งนอน การศกึ ษาวจิ ยั เพม่ิ เตมิ ดว้ ยการใช้ CBD ชนิดเดยี วทาใหเ้ ราสามารถเขา้ ใจกลไกการ ออกฤทธขิ ์ อง CBD ไดด้ มี ากขน้ึ และในการศกึ ษาทางคลนิ กิ ของ Epidolex® (GW Pharmaceuticals) ซ่งึ มี CBD เป็นสารสาคญั พบว่าสามารถใชร้ กั ษาอาการชกั แบบควบคมุ ไมไ่ ดด้ ว้ ยยา (intractable epilepsy) เชน่ Dravet and Lennox-Gastaut syndromesได้ และไดร้ บั การอนุมตั โิ ดย U.S. FDA ใน เดอื นพฤศจกิ ายน พ.ศ. 2561ใหส้ ามารถใชใ้ นการรกั ษาอาการชกั ทงั้ 2 ชนิดดงั กล่าว 6. ลดความดนั ในตาของผปู้ ่วยต้อหนิ (Glaucoma)5 : ตอ้ หินเป็นโรคทเ่ี กดิ จากการเส่อื มของขวั้ ประสาทตา สง่ ผลใหเ้ กดิ การสูญเสยี การมองเหน็ ได้ เน่อื งจากมคี วามดนั ในลูกตาสูง มกี ารศกึ ษา ความสามารถของสาร THC, 0.01-0.1% eye drop solution เพอ่ื ชว่ ยลดความดนั ในลูกตาและพบว่า ขนาด 0.05-0.1% THC สามารถชว่ ยลดความดนั ในลกู ตาของผปู้ ่วยต้อหนิ ได้ แตเ่ ป็นการออกฤทธใิ ์ น ระยะสนั้ 2-3 ชวั่ โมงเทา่ นนั้ แต่อยา่ งไรกต็ ามพบวา่ ยาน้กี ่อใหเ้ กดิ ผลอนั ไมพ่ งึ ประสงคใ์ นระหว่างใช้ ดงั นนั้ การพฒั นาตารบั (Formulation) และรปู แบบการให้ (Dosage form design) อาจสามารถช่วย แกไ้ ขปัญหาดงั กลา่ ว 7. ป้องกนั และรกั ษาอาการสมองฝ่อ (Neurodegeneration and neuroprotection)4,5 : การ ทดลองเพ่อื ศกึ ษาในผปู้ ่วย Parkinson ในประเทศองั กฤษ โดยใช้ สารสกดั จากต้นกญั ชา และ Nabilone พบวา่ สารทงั้ 2 ชนดิ ไมม่ ผี ลต่อการรกั ษาโรค Parkinson แตอ่ ย่างไรกต็ ามหลงั จากมกี ารคน้ พบ Cannabinoid receptors (CB1, CB2) ในปีค.ศ. 1988 (พ.ศ. 2531) และจากผลการวจิ ยั ต่อเน่อื งจนถงึ ปัจจุบนั พบความเป็นไปไดใ้ นการใชส้ ารกลุ่ม acid cannabinoids และ endocannabinoids ในการรกั ษา ความผดิ ปกตทิ างสมอง เชน่ Huntington disease, Parkinson disease, Alzheimer disease และ Cerebral ischemia / stroke ซ่งึ เกย่ี วขอ้ งกบั การเปลย่ี นแปลงปรมิ าณของ CB1 และ CB2 ในเซลลส์ มอง แตป่ ัจจุบนั ยงั ไม่มกี ารสรุปทช่ี ดั เจน แตม่ สี ารหลายชนิดทงั้ ในกลุม่ CB1/CB2 agonist/antagonist และ endocannabinoids ทก่ี าลงั อยใู่ นระหวา่ งการทดสอบทางคลนิ ิก
8. คลายความวติ กกงั วล (Antianxiety effect)5 : จากประวตั กิ ารใชก้ ญั ชาเพ่อื ชว่ ยใหผ้ ่อนคลาย ในอดตี ทาใหม้ คี วามเป็นไปไดท้ ส่ี ารกลมุ่ แคนนาบนิ อลน่าจะมฤี ทธคิ ์ ลายความวติ กกงั วล แต่อย่างไรก็ ตามพบวา่ กลไกการออกฤทธนิ ์ นั้ ซบั ซอ้ นและยงั ไมม่ กี ารอธบิ ายทช่ี ดั เจน จากรายงานทางคลนิ กิ พบว่า การใชส้ าร Fatty acid amide hydrolase inhibitors (FAAH inhibitors) ซง่ึ อยใู่ นกล่มุ Endocannabinoids มคี วามสามารถในการลดอาการวิตกกงั วลได้ ปัจจุบนั สารหลายชนิดในกลมุ่ น้อี ยู่ใน ระหว่างการทดสอบทางคลนิ ิก 9. การรกั ษามะเรง็ (Anticancer effect) : ในปีค.ศ. 1975 (พ.ศ. 2518) Munson et al. เป็น นกั วจิ ยั กลมุ่ แรกทร่ี ายงานว่าสาร THC สามารถยบั ยงั้ การเตบิ โตของเซลลม์ ะเรง็ ปอดและยบั ยงั้ การ เตบิ โตของเน้อื งอกมะเรง็ ในหนูทดลองได้ หลงั จากนนั้ ไดม้ กี ารวจิ ยั เพม่ิ ขน้ึ ในเร่อื งดงั กล่าวและพบวา่ สาร หลายชนิดในกลมุ่ Cannabinoids (THC, CBD) และ Endocannabinoids (methanandamide, JWH- 133; HU-210; WIN55, 212-2)4,7,8 สามารถต้านการเจรญิ เตบิ โตของเซลล์มะเรง็ ชนิดตา่ งๆ ไดโ้ ดยการ ยบั ยงั้ Angiogenesis และลด Metastasis ในมะเรง็ หลายชนิดโดยการกระตุน้ ใหเ้ กดิ Program cell death และยบั ยงั้ การเจรญิ เตบิ โตของเซลลม์ ะเรง็ กลไกอน่ื ๆ ทอี่ าจเป็นไปไดค้ อื การกระตนุ้ ใหเ้ กดิ Cell- cycle arrest และantiangiogenic effect7,8 ปัจจุบนั สารในกลมุ่ น้อี ยู่ในระหว่างการศกึ ษาทางคลนิ กิ นอกจากน้ยี งั พบว่าการใหส้ าร Cannabinoids ร่วมกบั การใหย้ าเคมบี าบดั Temozolomide สามารถช่วย ลดการเตบิ โตของเน้อื งอกสมอง (Glioma xenograft) ไดอ้ ย่างดี และมกี ารรายงานในลกั ษณะคลา้ ยกนั จากงานวจิ ยั พบว่าการให้ HU-210 สามารถชว่ ยเพม่ิ ประสทิ ธภิ าพการตา้ นมะเรง็ ของยา Paclitaxel และ ยา 5-Fluorouracil ไดด้ อี กี ดว้ ย ขอ้ ห้ำมใช้และอำกำรขำ้ งเคยี ง มคี าแนะนาว่าไม่ควรใชส้ ารกลุม่ น้ใี นผทู้ ตี่ งั้ ครรภ์ ผอู้ ย่รู ะหว่างใหน้ มบุตร และผปู้ ่วยจติ เวช ส่วน การใชก้ บั ผปู้ ่วยทม่ี โี รคหวั ใจและโรคความดนั ควรอย่ใู นความดแู ลอย่างใกลช้ ดิ ไมค่ วรใหส้ ารกลมุ่ น้ี ร่วมกบั ยากลุ่ม CNS depressants อาการขา้ งเคยี งของการใชส้ ารกลุ่ม THC ขน้ึ อยกู่ บั ความเหมาะสม ในการใช้ และขนาดยาทใ่ี ช้ โดยควรเรม่ิ จากขนาดต่าก่อนและถา้ จาเป็นตอ้ งเพมิ่ ขนาดควรทาชา้ ๆ ผทู้ ่ี ไดร้ บั สารกลุ่มน้มี กั สามารถพฒั นาใหร้ า่ งกายยอมรบั ผล psychoactive effect ของยา (tolerance) ได้ อยา่ งรวดเรว็ ดงั นนั้ จงึ ควรรกั ษาขนาดของยาใหค้ งทโ่ี ดยพจิ ารณาตามผลการรกั ษาทไ่ี ดร้ บั เป็นหลกั โดย อาการขา้ งเคยี งท่ี สำรในกระท่อมท่ีมปี ระโยชน์ทำงกำรแพทย์
การศกึ ษาพบวา่ ใบกระทอ่ มมสี ารสาคญั เรยี กวา่ ไมทราไจนนี (Mitragynine) เป็นสารจาพวกอลั คาลอยด์ ออกฤทธกิ ์ ดประสาทสว่ นกลาง (CNS depressant) เช่นเดยี วกบั ยาเสพตดิ กลุ่มเดยี วกนั เช่น สารไซโลไซบนิ (psilocybin) ทพ่ี บในเหด็ ขค้ี วาย LSD และยาบา้ ทาใหร้ ูส้ กึ ชา กดความรูส้ กึ เม่อื ยลา้ ขณะทางานทาใหส้ ามารถทางานไดน้ านและทนมากขน้ึ และทนต่อความรอ้ นมากขน้ึ ดว้ ยเช่นกนั จงึ ไม่ต้องแปลกใจทส่ี งั คมเกษตรแต่กอ่ นเกา่ กอ่ นที่กระทอ่ มจะกลายเป็นยาเสพตดิ ผใู้ ชแ้ รงงานในทอ้ งไร่ ทอ้ งนา หรอื แมแ้ ต่ทหารเดนิ ทพั ออกศกึ ในอดตี กไ็ ดก้ ระทอ่ มเสรมิ พลงั กนิ ใบกระทอ่ มชว่ ยใหท้ างาน กลางแจง้ ไดท้ นนานขน้ึ นนั่ เอง ฤทธทิ ์ างเภสชั ของ ไมทราไจนีน (Mitragynine) ทลี่ ดอาการเจบ็ ปวดได้ เมอ่ื ใหก้ นิ ทางปากในขนาด 200 มลิ ลกิ รมั /น้าหนักตวั 1 กโิ ลกรมั ซ่งึ มฤี ทธเิ ์ทยี บเท่ากบั การไดร้ บั มอรฟ์ ีนในขนาด 5 มลิ ลกิ รมั /น้าหนักตวั 1 กโิ ลกรมั กระทอ่ มจงึ เป็นยาทนี่ ามาใชเ้ พอ่ื ลดอาการขาดยาจากสง่ิ เสพตดิ อน่ื เชน่ ฝ่ินและมอรฟ์ ีน เป็นต้น และมผี ลขา้ งเคยี งน้อยกวา่ มอรฟ์ ีนเม่อื ใชใ้ นระยะเวลาทจ่ี ากดั กระท่อมยงั นามาใชแ้ ทนแอมเฟตามนี (ยาบา้ ) เพอ่ื เพม่ิ พละกาลงั ซง่ึ ในปัจจบุ นั พบว่ามกี ารใชก้ ระทอ่ มในลกั ษณะน้ใี นหลายประเทศทวั่ โลก การ ใชข้ องต่างประเทศพบวา่ ใชเ้ ป็นยารกั ษาอาการเรอ้ื รงั ตา่ งๆ เช่น ชว่ ยลดความดนั โลหติ บรรเทา เบาหวาน แกไ้ อ แก้ระบบยอ่ ยอาหารไมป่ กติ เชน่ ทอ้ งเสยี บดิ มตี วั ปวดทอ้ งและกาจดั พยาธใิ นเดก็ และ ใชเ้ ป็นการกระตุ้นร่างกายใหท้ างานหนักไดแ้ ละมรี ายงานจากต่างประเทศกล่าวถงึ การเรมิ่ ศกึ ษาใบ กระท่อมช่วยอาการซมึ เศรา้ โรควติ กกงั วลและอ่นื ๆ อกี หลายโรคดว้ ย และขา่ วว่าเพ่อื นบา้ นเราทงั้ เวยี ดนามและเมยี นมา กาลงั ปลูกกระทอ่ มกนั มากมายความรูพ้ น้ื บา้ นของเรามกี ารนาใบกระทอ่ มตาพอก แผลภายนอก เชน่ ใบกระทอ่ มนามาย่างร่วมกบั ใบหนาด (Blumea balsamifera (L.) DC.) ใบยอบา้ น (Morinda citrifolia L.) และใบเพกา (Oroxylum indicum (L.) Kurz) ตารวมกนั นามาพอกในตาแหน่งท่ี อยขู่ อมา้ ม แกม้ า้ มโต (กรณมี า้ มโต ทดสอบไดจ้ ากการเอามอื จบั บรเิ วณผวิ หนงั ทตี่ าแหน่งของมา้ ม จะ รูส้ กึ วา่ รอ้ น) ข้อควรระวงั การกนิ ใบกระทอ่ มมากๆ เป็นระยะเวลานานจะทาใหเ้ มด็ สขี น้ึ ทบ่ี รเิ วณผวิ หนงั เปลย่ี นเป็นสผี วิ คลา้ และเขม้ ขน้ึ และถา้ กนิ กระท่อมโดยไม่ไดร้ ูดเอากา้ นใบออกจากตวั ใบ จะทาให้เกดิ อาการทเี่ รยี กว่า “ถุงท่อม” ในลาไสไ้ ด้ เน่อื งจากกา้ นใบและใบของกระท่อมไมส่ ามารถยอ่ ยได้ จงึ ตกตะกอนตดิ คา้ งอยู่
ภายในลาไสข้ บั ถ่ายออกมาไม่ได้ เกดิ พงั ผดื ขน้ึ มาหมุ้ รดั อยู่โดยรอบกอ้ นกากกระทอ่ มนนั้ ทาใหเ้ กดิ เป็น ก้อนถงุ ขน้ึ ในลาไส้ จงึ ไม่ควรกนิ กากใบประทอ่ มและบางรายกนิ มากไปทาใหเ้ กดิ การอาเจยี นและทอ้ งเสยี เบ่อื อาหาร น้าหนกั ลด บางรายอาจมอี าการทางจติ ได้ กระทอ่ มยงั มปี ระโยชน์ทางการแพทยอ์ กี มาก ในเวลาน้รี อลนุ้ วา่ รฐั สภาจะพจิ ารณากฎหมาย กระท่อมเพอ่ื การแพทยท์ ภี่ าคประชาสงั คมไดร้ วบรวมรายช่อื เสนอไวอ้ ย่างไร เพราะกระทอ่ มไม่ใชย่ าเสพ ตดิ กระท่อม คอื พชื ยา จงึ ควรมกี ฎหมายมากากบั และพฒั นาเป็นการเฉพาะนนั่ เอง หวั ขอ้ ท่ี 5 สำมำรถนำไปใช้ประโยชน์ในทำงใดได้บ้ำง จากการศกึ ษาในหวั ขอ้ เรอ่ื ง กระท่อม และ กญั ชา ทาไมถงึ ผดิ กฎหมาย ทาใหเ้ ราทราบเหตผุ ล ว่าทาไมมนั จงึ ถูกจดั เป็นสารเสพตดิ ทถ่ี ูกกฎหมายในปัจจุบนั โดยสว่ นมากมกั จะนาไปใชป้ ระโยชน์ ทางดา้ นการแพทยท์ งั้ แผนปัจจบุ นั และการแพทย์แผนไทย ตามภมู ปิ ัญญาทอ้ งถน่ิ ของแต่ละพน้ื ที่ แตใ่ น หวั ขอ้ น้จี ะกลา่ วถงึ การนากระท่อมและกญั ชามาประยกุ ตใ์ ชใ้ นดา้ นต่าง ๆ อยา่ งถกู กฎหมายนอกจากทาง การแพทยเ์ พ่อื เพม่ิ มมุ มองในคณุ ประโยชน์ของ “กระท่อม และ กญั ชา” ใหม้ ากขน้ึ และอาจจะเป็น ทางเลอื กใหมข่ องหลาย ๆ ศาสตร์ ทจี่ ะสามารถนาไปประยกุ ต์ใชใ้ นการผลติ สนิ คา้ ทางอตุ สาหกรรมเพอ่ื กระตนุ้ แหล่งเศรษฐกจิ ใหมไ่ ดต้ ่อไป หรอื อาจจะเป็นการใชใ้ นทางจติ เวท เพ่อื ผอ่ นคลายความเครยี ด โดยอยู่ในปรมิ าณทเี่ หมาะสม หรอื ถูกเจอื จางลงไปเพอ่ื ใหไ้ ดป้ ระโยชน์มากกว่าโทษ ประโยชน์ของกญั ชำทำงด้ำนจิตเวช ในปัจจบุ นั ไดม้ กี ารวจิ ยั ถงึ สารและองคป์ ระกอบทางเคมขี อง กญั ชาและกระทอ่ มมากมายโดยผล วจิ ยั เผยถงึ สารเคมบี างชนดิ ของกญั ชาไมว่ า่ จะเป็น THCV(Tetrahydrocannabivarin),CBG (cannabigerol),CBN (cannabinol)ทเี่ ป็นในสว่ นของPhytocannabinoidsหรอื สารประกอบทางเคมขี อง
พชื ทเี่ ลยี นแบบ endocannabinoidsซง่ึ เป็นสว่ นประกอบทางเคมที ร่ี ่างกายของมนุษยแ์ ละสตั วส์ รา้ งขน้ึ เพอ่ื เข่อื มตอ่ กบั cannabinoid receptorเพอ่ื เขา้ ไปกระต้นุ receptor ตา่ ง ๆ จะเกย่ี วขอ้ งกบั การรกั ษา ดุลยภาพในรา่ ง รวมถงึ เก่ยี วขอ้ งกบั การกระจายพลงั งานในรา่ งกาย และการตอบสนองต่อความเจบ็ ปวด และความเครยี ดและอน่ื ๆอกี มาก สว่ นประกอบทางเคมแี ละการจบั กบั receptor น้เี ป็นระบบของ endocannabinoidsทเ่ี กดิ ขน้ึ ในร่างกายและ เป็นระบบทป่ี ระสานรวมระบบการสอ่ื สารทซี่ บั ซอ้ นของเซลล์ ในรา่ งกายเขา้ ดว้ ยกนั ซ่งึ ในสว่ นของ Cannabis’s phytocannabinoidsในกญั ชาจะจะไปลดการทางาน ของ receptor ในเซลลท์ าใหค้ วามเครยี ดลดลง รวมถงึ อาการเจบ็ ปวดจะน้อยลง แตจ่ ะมสี ารบางตวั ทจ่ี ะ เขา้ ไปกระตุ้นการทางานของ receptor ทาใหเ้ กดิ การต่นื ตวั มากขน้ึ ในอนาคตอาจจะมกี ารใชใ้ นส่วนของสารเคมจี ากกญั ชาทน่ี าไปเจอื จางหรอื ทาใหเ้ หมาะสมต่อ การบาบดั ทางจติ เวชของคนทเี่ ป็นโรคซมึ เศรา้ หรอื โรคทางจติ อน่ื ๆ ไดอ้ ยา่ งกวา้ งขวาง ในขณะเดยี วกนั กอ็ าจจะนามาใชใ้ นการ สดู ดมในชวี ติ ประจาเพ่อื ผอ่ นคลายสภาวะของจติ ใจ โดยต้องเนน้ วา่ สารที่ นามาใชน้ นั้ ต้องผา่ นการเจอื จางตรวจสอบและรบั รองจากทางหน่วยงานต่าง ๆ เพ่อื ใหเ้ กดิ คุณประโยชน์ กอ่ นใช้ ประโยชน์ของกญั ชำทำงดำ้ นกำรเกษตร และ กำรพฒั นำเทคโนโลยีทำง กำรเกษตรท่ีสำมำรถส่งผลต่อเศรษฐกิจ จากการศกึ ษา สารเคมใี นพชื เราจะพบสารเคมชี นดิ หนงึ่ ทเี่ อาไวป้ ้องกนั ศตั รูพชื หรอื ลอ่ แมลงใหม้ าตอมเพ่อื การปฏสิ นธแิ ละมกี ารสบื พนั ธ์ุต่อไปโดยสารเคมที อ่ี ยูใ่ นกญั ชาจะมชี อ่ื ว่า Terpenes ซ่งึ จากการววิ ฒั นาการของกญั ชา ทาให้ Terpenesทหี่ ลงั่ ออกมาเพ่อื ป้องกนั ศตั รูพชื โดยในกญั ชามี Terpenes ถงึ 140 ชนดิ ยกตวั อย่างเชน่ Myrceneใหก้ ลน่ิ ของผลไม้ เช่น สม้ องุน่ แดง และเป็น terpene ทพ่ี บมากทส่ี ดุ ในดอกของกญั ชานอกจากน้ีMyrceneยงั พบในมะมว่ ง และ ตะไครด้ ว้ ย นอกจากน้สี าร เหล่าน้ยี งั ช่วยลดอาการเจบ็ ปวดเรอ้ื รงั และการอกั เสบรวมถึงช่วยดูดซมึ สารตา่ ง ๆ ผา่ นเสน้ เลอื ดสมอง เพอ่ื จบั กบั receptorsใน endocannabinoid system ในสว่ นสมองของของมนุษยไ์ ดด้ ว้ ย
จากขอ้ มูลขา้ งต้น และ ตารางของแตล่ ะ Terpenes แสดงใหเ้ หน็ ถงึ คณุ ประโยชน์มากมายทงั้ การ นาไปใชแ้ ละสรรพคณุ ตา่ งๆทมี่ ปี ระโยชน์ ของสาร Terpenes ชนิดตา่ ง ๆ ในกญั ชา ในอนาคตเราอาจจะ ใชส้ ารเคมเี หล่าน้ี ในการผลติ ยาฆ่าศตั รูพชื หรอื ยาฆ่าแมลงทางชวี ภาพได้ ทาใหล้ ดความอนั ตรายหรอื ลด อตั ราการใชส้ ารเคมจี ากสารเคมสี งั เคราะหใ์ นพชื ผกั ตา่ ง ๆ ได้ นอกจากน้ีการทเี่ ราศกึ ษาส่วนประกอบ เหลา่ น้เี พมิ่ เตมิ เพอ่ื ใหร้ ูค้ ณุ ประโยชน์เพม่ิ ขน้ึ กอ็ าจทาใหค้ วามตอ้ งการในการปลกู กญั ชาน้มี มี ากขน้ึ ตาม ไปดว้ ยจงึ ทาใหส้ ง่ ผลต่อดา้ นเศรษฐกจิ อาจมกี ารทาการซ้อื ขายกบั กลมุ่ นายทุนต่าง ๆ ทาใหก้ ญั ชาใน อนาคตอาจเป็นพชื เศรษฐกจิ ทไ่ี ดร้ บั ความนยิ มอย่างแพร่หลาย ทงั้ น้ตี ้องไดร้ บั การควบคุมดูแลจากทาง รฐั หรอื หน่วยงานทเี่ กย่ี วขอ้ ง เพอ่ื ไม่ใหน้ าไปใช้ในทางทผี่ ดิ กฎหมายได้ ประโยชน์ของกญั ชำทำงดำ้ นเศรษฐกิจนอกจำกดำ้ นกำรเกษตร กญั ชานอกจากจะกระต้นุ เศรษฐกจิ ทางการเกษตรไดแ้ ลว้ ในอนาคตมแี นวโน้มดว้ ยวา่ จะกระตุ้นเศรษฐกจิ ทางดา้ นเภสชั กรรม ในการซ้อื ขายยาตา่ ง ๆ ไมว่ า่ จะทาเป็นยาทใ่ี ชใ้ นการลดเชอ้ื แบคทเี รยี โดยไม่มสี ว่ นผสมของยาปฏชิ วี นะทอี่ าจทาใหเ้ กิดอาการดอ้ื ยาได้ จากสารทม่ี ชี ่อื ว่าHumulene ทลี่ ดอาการปวด อกั เสบ และลดเช้อื แบคทเี รยี ได้ นอกจากน้ยี งั มโี อกาสทจี่ ะกระต้นุ ธุรกจิ น้าหอม เพ่อื ผอ่ นคลายจติ ใจไดด้ ว้ ย
ประโยชน์ของกญั ชำทำงดำ้ นอตุ สำหกรรมกำรผลิต จากประโยชน์ทางดา้ นตา่ งๆทก่ี ลา่ วมาขา้ งตน้ นนั้ จะสงั เกตเหน็ วา่ ทกุ อย่างลว้ นเกย่ี วกบั การผลติ และอตุ สาหกรรม นอกจากการผลติ ยา น้าหอม หรอื สารตา่ ง ๆ ทน่ี ามาผอ่ นคลายจติ ใจไดแ้ ลว้ ยงั สามารถนามาผลติ เสน้ ใยไดด้ ว้ ย จากส่วนประกอบของพชื จะมผี นงั เซลล์ซ่งึ มเี ซลล์ลูโลสเป็นองคป์ ระกอบ หลกั เซลล์ลโู ลสมลี กั ษณะไมล่ ะลายน้าจากโครงสรา้ งทางพนั ธะเคมจี งึ สามารถดงึ มาใชแ้ ละผา่ นการ สงั เคราะหเ์ พ่อื ผลติ เป็นใย ไวใ้ ชส้ าหรบั ทาเสอ้ื ผา้ เสอ่ื หรอื อุปกรณท์ ่ี ทามาจากการสานได้ อาจทาให้เกดิ ภมู ปิ ัญญาทอ้ งถนิ่ แหง่ ใหม่ขน้ึ ซ่งึ อาจจะกระตนุ้ การทอ่ งเทีย่ วของแตล่ ะพน้ื ทไ่ี ดด้ ว้ ย ประโยชน์ของกระท่อมทำงดำ้ นจิตเวช จากการวจิ ยั ถงึ สารเคมใี นกระท่อม ตามส่วนต่าง ๆ ทงั้ ใบ ลาต้น และราก จะมกี ารสรา้ งสารเคมี ทม่ี คี วามแตกตา่ งกนั รวมถงึ ปรมิ าณการสรา้ งสารนนั้ ๆ กจ็ ะแตกต่างกนั ออกไปดว้ ย แตส่ ว่ นมากแลว้ กระทอ่ มจะสรา้ งสารในกลมุ่ ของ alkaloid,flavonoid,phenylpropanoidโดยจะมี alkaloid เป็นสว่ นใหญ่ท่ี สรา้ งขน้ึ ได้ โดยสารทม่ี ชี อ่ื ว่า mitragynineเป็นสารกลมุ่ alkaloid ทกี่ ระท่อมสรา้ งเป็นหลกั โดยส่งผลต่อระบบ ประสาทอตั โนมตั แิ ละระบบประสาทส่วนกลางเป็นหลกั โดนเฉพาะสว่ น medulla โดยmitragynine จะทา หนา้ ทไ่ี ปยบั ยงั้ ความเจบ็ ปวดของ opioid receptor ดงั นนั้ จะทาใหไ้ มร่ ูส้ กึ ปวด รสู้ กึ บรรเทา ความ
เจบ็ ปวดแต่เน่อื งจากไประงบั ความเจบ็ ปวดเอาไว้จะทาใหม้ กี ารคงั่ ของสารส่อื ประสาทเกดิ ขน้ึ ทา ใหm้ itragynine มคี ุณสมบตั กิ ารต้านการซมึ เศรา้ ไดด้ ว้ ย จากขอ้ มูลขา้ งตน้ ทกี่ ลา่ วมา ทาใหส้ ามารถนาไปประยกุ ต์ใชใ้ นการ บาบดั หรอื รกั ษาผปู้ ่วยทม่ี อี า กาของโรคซมึ เศรา้ ได้ แต่ต้องอยู่ในปรมิ าณและความเขม้ ขน้ ทเี่ หมาะสม และตอ้ งไดร้ บั การรบั รองจาก บุคคลากรทเี่ ก่ยี วขอ้ งอย่างเครง่ ครดั และนอกจากจะบาบดั ผปู้ ่วยทางจติ เวชไดแ้ ลว้ ยงั สามารถใชใ้ นการ บาบดั ของ คนทตี่ ดิ สารเสพตดิ ไดด้ ว้ ย จากผลรายงานและการวจิ ยั สอ่ื ใหเ้ หน็ วา่ การใหผ้ ูท้ ตี่ ้องการบาบดั ยาเสพตดิ เคยี้ วกระทอ่ มผง ในประมาณและความถ่ที เ่ี หมาะสมมผี ลทาใหอ้ าการอยากเสพสารเสพตดิ (อาการเสย้ี นยา) ลดลงอย่างมาก และนอกจากน้ใี นอนาคตอาจจะมกี ารทากระท่อมเป็นในลกั ษณะของลกู อมเพ่อื ผ่อนคลายจติ ใจเป็นความเครยี ดไดอ้ กี มาก ทงั้ น้คี วรอย่ใู นความควบคมุ และดูแลของบคุ ลากรท่ี เก่ยี วขอ้ ง ประโยชน์ของกระท่อม ทำงดำ้ นเศรษฐกิจ อตุ สำหกรรมกำรผลิต และเภสชั กรรม จากประโยชน์ทางดา้ นจติ เวชแสดงใหเ้ หน็ ถงึ ประโยชน์ทแ่ี ฝงอย่มู ากมายจาก กระทอ่ ม ในทาง ดา้ นเศรษฐกจิ นนั้ ในอนาคตอาจมกี ารผลติ หรอื คา้ ขายกระท่อมอยา่ งถูกกฎหมายมากขน้ึ จงึ มแี นวโนม้ ว่า กระทอ่ มอาจเป็นพชื ทสี่ ามารถกระต้นุ เศรษฐกจิ ได้ ทางดา้ นอตุ สาหกรรมทเ่ี กดิ ขน้ึ เกดิ จากการกระตุ้น ของเศรษฐกจิ ทท่ี าใหเ้ กดิ การผลติ เชงิ อุตสากรรมเพมิ่ ขน้ึ ไม่ว่าจะเป็นในสว่ นของ ยา หรอื น้าหอมตา่ ง ๆ สว่ นทางดา้ นเภสชั กรรม จากผลการวจิ ยั บง่ ชไ้ี ดว้ ่ากระท่อมมี สรรพคุณทางยาไม่ว่าจะเป็นการ ลดเช้อื แบคทเี รยี ยาแกป้ วด ยาลดน้าตาล โดยไมต่ อ้ งพง่ึ ยาปฏชิ วี นะหรอื การฉดี สารและฮอรโ์ มนเขา้ ไปใน รา่ งกาย หากใชใ้ นปรมิ าณและเวลารวมถงึ ความถ่ที เี่ หมาะสมจะเป็นผลดอี ยา่ งมาก รวมถงึ อาจใชเ้ ป็นยา ทช่ี ว่ ยในการคมุ น้าหนกั เน่อื งจากการศกึ ษาพบวา่ เมอ่ื เคยี้ วกระทอ่ มผงในปรมิ าณทเ่ี หมาะสมจะลดความ อยากอาหารได้ ดงั นนั้ อาจมปี ระโยชน์ต่อผคู้ นทตี่ อ้ งการคมุ น้าหนกั หรอื มนี ้าหนกั ตวั เกินรวมถงึ โรคกนิ ไม่ หยุดเน่อื งจากรา่ งกายคดิ วา่ ตวั เองหวิ ตลอดเวลา กระท่อมทถ่ี ูกพฒั นาในเชงิ น้อี าจทาให้รกั ษาหรอื เพมิ่ คุณภาพชวี ติ ทดี่ ขี น้ึ ใหไ้ ดอ้ ยา่ งมาก ทงั้ น้ตี อ้ งอยู่ในความควบคุมและการใชท้ ถ่ี กู กฎหมายรวมถงึ ในปรมิ าณทเี่ หมาะสม จากบุคลากร ทเี่ ก่ยี วข้อง
Search
Read the Text Version
- 1 - 19
Pages: