[ก]
คำนำ โรงเรียนวัดรางกำหยาด ได้จัดทำหลักสูตรสถานศึกษาขึ้นใช้ในปีการศึกษา ๒๕๖๔ โดยยึดตาม หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ ซ่งึ ระเบยี บวา่ ดว้ ยการวัดและประเมินผลการ เรียนรู้ของสถานศึกษา เป็นเอกสารประกอบตามหลักสูตรฯ ที่จะช่วยขับเคลื่อนกระบวนการนำหลักสูตร ไปสู่การปฏิบัติให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นโรงเรียนวัดรางกำหยาด จึงได้จัดทำระเบียบว่าด้วย การวัดและประเมินผลการเรียน เพื่ออธิบายความให้ทุกฝ่ายตั้งแต่ผู้บริหาร ครูผู้สอน ผู้เรียนและ ผู้เก่ียวข้อง มคี วามเขา้ ใจที่ชดั เจนตรงกนั และทำงานรว่ มกนั อยา่ งเปน็ ระบบ เอกสารประกอบด้วย ๒ ตอน ดังนี้ ตอนที่ ๑ ระเบียบสถานศึกษาว่าด้วย การวัดและประเมินผลการเรียนโรงเรียนวัดรางกำหยาด พุทธศกั ราช ๒๕๖๔ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ ตอนที่ ๒ แนวปฏิบัติการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ โรงเรียนวัดรางกำหยาด พุทธศักราช ๒๕๖๔ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ คณะผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เอกสารระเบียบว่าด้วยการวัดและประเมินผลการเรียน โรงเรียน วัดรางกำหยาด พุทธศักราช ๒๕๖๑ จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่จะช่วยสร้าง ความรู้ ความเข้าใจ และปฏิบัติการวัดและประเมินผลผู้เรียนเป็นแนวทางเดียวกันและเป็นมาตรฐาน เดียวกัน ส่งผลให้พัฒนาผู้เรียนได้ตามหลักการ เจตนารมย์ และวัตถุประสงค์ของหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาข้นั พื้นฐานพุทธศักราช ๒๕๕๑ ต่อไป คณะผูจ้ ัดทำ [ข]
สารบญั หนา้ คำนำ ............................................................................................................................................... ก สารบญั ............................................................................................................................................ ข ตอนท่ี ๑ ระเบยี บโรงเรียนว่าด้วยการวัดและประเมินผลการเรยี นโรงเรียนวัดรางกำหยาด พุทธศักราช ๒๕๖๔ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑........................ ๑ ตอนท่ี ๒ แนวปฏบิ ตั ิการวดั และประเมินผลการเรียนโรงเรียนวดั รางกำหยาด พุทธศักราช ๒๕๖๔ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑...... ๑๕ บรรณานกุ รม ................................................................................................................................... ๓๗ ภาคผนวก........................................................................................................................................ ๓๘ - คำสง่ั - ตวั อย่างเอกสารหลักฐานทส่ี ถานศึกษาจดั ทำ [ค]
ตอนท่ี ๑ ระเบียบโรงเรยี นว่าด้วย การวัดและประเมินผลการเรยี นโรงเรียนวัดรางกำหยาด พทุ ธศักราช ๒๕๖๔ ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ [๑]
ประกาศโรงเรยี นวดั รางกำหยาด เรอ่ื ง ให้ใชร้ ะเบยี บการวัดและประเมินผลการเรยี นโรงเรียนวัดรางกำหยาด พุทธศกั ราช ๒๕๖5 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ ............................................................................ ระเบียบการวัดและประเมินผลการเรียนโรงเรียนวัดรางกำหยาด พุทธศักราช ๒๕๖๔ เป็น ร ะเ บี ยบก า ร วั ด แ ล ะปร ะเ มิ น ผ ล ก า ร เ ร ี ยน รู้ ที ่ มี ค วา มส อด ค ล ้ อง ก ั บ หล ั ก ส ู ต ร ส ถ า น ศ ึ ก ษา โ ร งเ ร ี ย น วัดรางกำหยาด พุทธศักราช ๒๕๖๔ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ดำเนินการตามคำสั่งกระทรวงศึกษาธิการ ที่ สพฐ ๑๒๓๙/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๗ เดือน สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ เรอ่ื งใหใ้ ชห้ ลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ โดยระเบียบนกี้ ำหนดให้ใชค้ วบคู่กับ หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรยี นวดั รางกำหยาด พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๔ คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้มีมติเห็นชอบให้ใช้ระเบียบการวัดและประเมินผลการ เรียนโรงเรียนวัดรางกำหยาด พุทธศักราช ๒๕๖๔ ในระดับประถมศึกษา โดยเริ่มใช้ในปีการศึกษา ๒๕๖๔ เมื่อวันท่ี16 พฤษภาคม 2564 จึงประกาศให้ใช้ระเบียบการวัดและประเมินผลการเรียนรู้โรงเรียน วดั รางกำหยาด พุทธศกั ราช ๒๕๖1 ประกาศ ณ วนั ท่ี วันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖4 ……………………………………… ……………………………………… (นางชมนาด โรจนภทั รากุล) (นางสาวพิชชาพร อนุ่ ศิริ) ประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน ผูอ้ ำนวยการสถานศึกษา โรงเรยี นวัดรางกำหยาด โรงเรยี นวดั รางกำหยาด [๒]
ระเบยี บโรงเรียนวดั รางกาหยาด ว่าด้วยการวัดผลและประเมินผลการเรยี น ระดบั ประถมศึกษา พุทธศกั ราช ๒๕๖๑ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ ------------------------------------------------------------------- ตามที่โรงเรียนวัดรางกำหยาด ได้ประกาศใช้หลักสูตรสถานศึกษา พุทธศักราช ๒๕๖๔ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ตามคำสั่งกระทรวงศึกษาธิการ ที่ สพฐ ๑๒๓๙/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๘ เดือน สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ เรื่องให้ใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ จึงเป็นการสมควรที่กำหนดระเบียบโรงเรียนวัดรางกำหยาด ว่าด้วยการวัดผลและ ประเมินผลการเรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ เพื่อให้สามารถ ดำเนินการไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ และสอดคลอ้ งกับคำสงั่ ดงั กลา่ ว ฉะนั้นอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๙ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการ กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. ๒๕๔๖ และกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ คณะกรรมการบริหารหลักสูตร และงานวิชาการสถานศึกษาขั้นพน้ื ฐานโดยความเห็นขอบของคระกรรมการสถานศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน จึงวางระเบียบไว้ ดงั ตอ่ ไปน้ี ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบโรงเรียนวัดรางกำหยาด ว่าด้วยการวัดและประเมินผล การเรียนระดับประถมศกึ ษา ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ขอ้ ๒ ระเบียบน้ีใหใ้ ช้บังคบั ตงั้ แตป่ กี ารศึกษา ๒๕๖๔ เป็นตน้ ไป ข้อ ๓ ให้ยกเลกิ ระเบียบ ข้อบงั คบั ท่ีขัดแย้งกับระเบียบนี้ ใหใ้ ชร้ ะเบยี บนแ้ี ทน ข้อ ๔ ให้ใช้ระเบยี บน้ีควบคู่กับหลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นวัดรางกำหยาด พทุ ธศักราช ๒๕๖๔ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ข้อ ๕ ใหผ้ ู้บริหารสถานศกึ ษารักษาการใหเ้ ปน็ ไปตามระเบยี บน้ี [๓]
หมวดท่ี ๑ หลักการวัดและประเมนิ ผลการเรียน ขอ้ ๖ การประเมนิ ผลการเรยี นใหเ้ ปน็ ไปตามหลักการในตอ่ ไปนี้ ๖.๑ สถานศึกษาเป็นผู้รับผิดชอบประเมินผลการเรียนของผู้เรียนโดยความเห็นชอบของ คณะกรรมการบริหารหลกั สูตรและวิชาการ ๖.๒ การวัดและประเมินผลการเรียนต้องสอดคล้องและครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรู้ และตัวชีว้ ัดทีก่ ำหนดในหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ ๖.๓ การประเมินผลการเรียนตอ้ งประกอบด้วย การประเมินเพ่ือปรับปรุงพัฒนาผู้เรยี น การจดั การเรียนการสอน และการประเมินผลเพอ่ื ตัดสนิ ผลการเรยี น ๖.๔ การประเมินผลเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการจัดการเรียนการสอนต้องดำเนินการ ดว้ ยวิธกี ารท่หี ลากหลาย เหมาะสมกบั สง่ิ ทต่ี ้องการวัด ธรรมชาตขิ องรายวชิ า และระดับชั้น ๖.๕ ให้มีการประเมินความสามารถของผู้เรียนในการอ่าน คิด วิเคราะห์ เขียนในแต่ละ ชั้น ๖.๖ ใหม้ ีการประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ของผเู้ รียนในแต่ละระดบั ชนั้ ๖.๗ ใหม้ กี ารประเมนิ คณุ ภาพผูเ้ รยี นในระดบั ชาติในแต่ละชว่ งช้นั ๖.๘ เปดิ โอกาสใหผ้ ูเ้ รียนตรวจสอบผลการประเมินการเรียนได้ ๖.๙ ให้มกี ารเทียบโอนผลการเรียนระหว่างสถานศกึ ษาและรูปแบบการศกึ ษาต่าง ๆ หมวดที่ ๒ วิธีการวดั และประเมนิ ผลการเรียน ข้อ ๗ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ เป็นกระบวนการที่ให้ผู้สอนใช้พัฒนาคุณภาพผู้เรียน เพอ่ื ให้ได้ข้อมลู สารสนเทศ ท่แี สดงพัฒนาการความก้าวหนา้ และความสำเร็จทางการเรียนของผู้เรียน ให้ เปน็ การประเมนิ เพอื่ ปรับปรงุ การเรียนมากกวา่ การตดั สินผลการเรยี น ประกอบด้วย ๗.๑ การประเมินผลระดับชั้นเรียนเป็นการวัดความก้าวหน้าทั้งด้านความรู้ ทักษะ กระบวนการ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม และคา่ นิยมที่พึงประสงค์ ๗.๒ การประเมินผลระดับสถานศึกษาเพื่อตรวจสอบความก้าวหน้า การเรียนรู้เป็นรายปี และช่วงชั้น สำหรับสถานศึกษานำข้อมูลทีไ่ ด้ใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุงและการพัฒนาการเรียนการ สอนและคณุ ภาพของผู้เรียนให้เปน็ ไปตามมาตรฐานการเรียนรู้ รวมทั้งพจิ ารณาตดั สนิ การเล่อื นช่วงช้นั ๗.๓ การประเมินผลระดับเขตพ้ืนที่การศกึ ษา เป็นการประเมนิ ด้วยแบบประเมินผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนที่เป็นมาตรฐาน เพื่อตรวจสอบคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาและคุณภาพการศึกษา ของชาติ สำหรับนำผลการประเมินไปวางแผนดำเนินการปรับปรุงแก้ไขการจัดการเรียนการสอน และ พฒั นาการผู้เรียนใหไ้ ดม้ าตรฐาน ๗.๔ การประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระดับชาติ เป็นการประเมินด้วยแบบประเมิน ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่เป็นมาตรฐานระดับชาติ เพื่อตรวจสอบคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาและ คุณภาพการศึกษาของชาติ สำหรับนำผลการประเมินไปวางแผนดำเนินการปรับปรุงแก้ไขการจัดการ เรยี น การสอน และพฒั นาการผเู้ รียนให้ได้มาตรฐาน ๗.๕ การประเมนิ เพอื่ ตัดสนิ ผลการเรียน เป็นการประเมินเพ่อื สรุปความสำเรจ็ ในการเรียนรู้ ของผ้เู รยี นในการจบช่วงชน้ั และจบหลักสตู รการศกึ ษาในระดับต่าง ๆ ซงึ่ จะทำให้ผเู้ รยี นได้รับการรับรอง ความรแู้ ละวุฒกิ ารศึกษาจากสถานศกึ ษา [๔]
ขอ้ ๘ แนวดำเนินการประเมินผลการเรียนของสถานศกึ ษา เพื่อให้การวัดและประเมินผลการเรียนของสถานศึกษาสอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ มีการดำเนินการตามหลักการกระจายอำนาจมีการประเมิน ผู้เรียนตามหลักการวัดและประเมินผลการเรียน มีการตรวจสอบและกำกับติดตามประเมินคุณภาพ การประเมินผลการเรียนอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ จึงกำหนดแนวดำเนินการวัดและประเมินผล การเรียนของสถานศกึ ษา ดังนี้ ๘.๑ สถานศกึ ษาโดยคณะกรรมการบริหารหลักสตู รและวิชาการของสถานศึกษา โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน กำหนดรูปแบบ ระบบและ ระเบียบประเมนิ ผลของสถานศกึ ษา เพื่อใชเ้ ป็นแนวปฏบิ ัติในการประเมินผลการเรยี นของสถานศึกษา ๘.๒ สถานศึกษาโดยคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการของสถานศึกษา กำหนด ตัวชี้วัดในแต่ละรายวิชา และแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้โดยวิเคราะห์จากมาตรฐานการเรียนรู้ คุณลักษณะอันพึงประสงค์และมาตรฐานการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียนและหลักสูตรระดับท้องถิ่น เพอื่ ใชเ้ ปน็ เปา้ หมายในการวัดและประเมนิ ผลการเรียนรรู้ ายภาค ๘.๓ คณะอนุกรรมการระดับกลุ่มวิชาให้ความเห็นชอบของรูปแบบ วิธีการ เครื่องมือ สำหรบั การประเมนิ และผลการตดั สินการประเมินผลการเรยี นรายวชิ าของผสู้ อน ๘.๔ ผู้สอนจัดการเรียนการสอน ตรวจสอบพัฒนาการของผู้เรียน และประเมินสรุป ผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนด้วยวิธีการหลากหลายตามสภาพจริง โดยนำตัวชี้วัด ไปใช้เป็นข้อมูลรวมกับการ ประเมนิ ปลายภาค/ปลายปี ๘.๕ หัวหน้าสถานศึกษาอนมุ ตั ิผลการเรยี นปลายภาค/ปลายปี และการผา่ น จบการศึกษา ๘.๖ สถานศึกษาจัดทำรายงานผลการดำเนินการประเมินผลการเรียนประจำปี โดยความ เห็นชอบของคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการของสถานศึกษา เสนอต่อคณะกรรมการ สถานศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน ขอ้ ๙ ใหม้ ีการประเมินผลการเรียนในด้านต่าง ๆ ประกอบด้วย ๙.๑ การประเมินผลการเรียนในแต่ละรายวิชาของแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ซงึ่ สถานศึกษา วิเคราะห์จากมาตรฐานการเรียนรู้ และตัวชี้วัด การประเมินรายวิชาให้ตัดสินผลการประเมินเป็นระดับ ผลการเรยี น ๘ ระดบั ดงั น้ี “๔” หมายถึง ผลการเรยี นดีเย่ียม “๓.๕” หมายถึง ผลการเรียนดมี าก “๓” หมายถึง ผลการเรียนดี “๒.๕” หมายถึง ผลการเรยี นค่อนข้างดี “๒” หมายถึง ผลการเรียนน่าพอใจ “๑.๕” หมายถึง ผลการเรียนพอใช้ “๑” หมายถึง ผลการเรยี นผา่ นเกณฑ์ขัน้ ตำ่ ทก่ี ำหนด “๐” หมายถึง ผลการเรยี นต่ำกวา่ เกณฑ์ขน้ั ต่ำที่กำหนด ๙.๒ การประเมินกจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน ประกอบด้วย กิจกรรมแนะแนว กจิ กรรมนักเรียน และกิจกรรมบำเพญ็ เพื่อสาธารณประโยชน์ การร่วมกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี นเป็นการประเมินความสามารถ และพัฒนาการของผู้เรียน ในการเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนในแต่ละภาคเรียนตามเกณฑ์ของแต่ละ กจิ กรรม และตดั สนิ ผลการประเมนิ เป็น ๒ ระดับ ดงั น้ี [๕]
“ผ่าน” หมายถึง ผ่านเกณฑ์ทสี่ ถานศกึ ษากำหนด “ไม่ผ่าน”หมายถึง ไม่ผ่านเกณฑ์ท่ีสถานศกึ ษากำหนด ๙.๓ การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เป็นการประเมินพัฒนาทางด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน ตามคุณลักษณะที่สถานศึกษากำหนด การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์จะประเมินเป็นรายคุณลักษณะทุกภาคเรียน และตัดสิน ผลการประเมนิ เปน็ ๔ ระดับ ดงั น้ี ดเี ย่ยี ม หมายถึง ผู้เรยี นมพี ฤตกิ รรมตามตวั บง่ ช้ผี า่ นเกณฑ์ รอ้ ยละ ๘๐ – ๑๐๐ ของจำนวนตัวบง่ ช้ีคุณลักษณะน้นั ๆ แสดงว่า ผเู้ รียนมคี ุณลกั ษณะนนั้ ๆ จนสามารถเปน็ แบบอยา่ งแกผ่ ูอ้ ่ืนได้ ดี หมายถึง ผเู้ รียนมพี ฤตกิ รรมตามตวั บ่งช้ผี ่านเกณฑ์ รอ้ ยละ ๖๕ – ๗๙ ของจำนวนตัวบ่งช้คี ุณลักษณะน้นั ๆ แสดงว่า ผเู้ รยี นมคี ุณลักษณะนั้น ๆ ดว้ ยการปฏบิ ตั ดิ ้วยความเต็มใจ ผ่าน หมายถึง ผเู้ รยี นมพี ฤตกิ รรมตามตัวบ่งชีผ้ ่านเกณฑ์ รอ้ ยละ ๕๐ – ๖๔ ของจำนวนตัวบ่งชี้คณุ ลักษณะนัน้ ๆ ไดป้ ฏบิ ตั ิตน ดว้ ยความพยายามปฏบิ ตั ติ นตามคำแนะนำ ไม่ผา่ น หมายถึง ผู้เรยี นมีพฤตกิ รรมตามตวั บ่งช้ีผ่านเกณฑ์ ต่ำกว่าร้อยละ ๕๐ ของจำนวนตัวบ่งชใี้ นคณุ ลักษณะน้นั แสดงวา่ ผู้เรียนมีคณุ ลกั ษณะนน้ั ๆ ตอ้ งมีผอู้ ื่นคอยกระต้นุ เตอื น เมื่อเลื่อนชั้นจะพิจารณาจากผลการประเมิน ดีเยี่ยม, ดี, ผ่าน โดยต้องมี ผลการประเมินอย่ใู นระดบั “ผ่าน” ขนึ้ ไป ๙.๔ การประเมินความสามารถอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียน เป็นการประเมินทักษะ การคิดและการถ่ายทอดความคิดด้วยทักษะการอ่าน การคิด วิเคราะห์ ตามเงื่อนไข และวิธีการที่ สถานศกึ ษากำหนดและตดั สินผลการประเมนิ เปน็ ๔ ระดบั ดังน้ี - ดเี ยยี่ ม - ดี - ผ่าน - ไม่ผ่าน เมอื่ เลือ่ นชน้ั จะพจิ ารณาจากผลการประเมิน ดเี ยี่ยม, ดี, ผา่ น โดยตอ้ งมีผลการประเมิน อยู่ในระดบั “ผา่ น” ข้ึนไป ๙.๕ การตดั สนิ ผลการเรียนเลื่อนชัน้ เป็นการนำผลการประเมินในด้านตา่ ง ๆ มาประมวล สรุปเพ่ือตัดสินใหผ้ ู้เรียนผ่านระดบั ตา่ ง ๆ ตามเกณฑ์การตดั สินผลการเรยี นแต่ละระดับชนั้ ข้อ ๑๐ เกณฑ์การตัดสินผลการเรียนจบหลักสูตรสถานศึกษาเพื่อให้ผู้เรียนหลักสูตรการศึกษา ขั้นพื้นฐานที่ผ่านการศึกษาแต่ละชั้น และจบหลักสูตรสถานศึกษาครบถ้วนตามโครงสร้างของหลักสูตร ของสถานศึกษา และมีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาจึงกำหนดเกณฑ์การตัดสินผลการเรียน การจบหลกั สตู รการศกึ ษาภาคบงั คับไว้ ดังนี้ [๖]
๑๐.๑ เกณฑ์การจบระดับประถมศึกษา (๑) ผู้เรียนเรียนรายวิชาพื้นฐาน และรายวิชา/เพิ่มเติมตามโครงสร้างเวลาเรียน ทีห่ ลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพ้นื ฐานกำหนด (๒) ผู้เรียนต้องมีผลการประเมินรายวิชาพื้นฐาน ผ่านเกณฑ์การประเมินตามท่ี สถานศึกษากำหนด (๓) ผู้เรียนมีผลการประเมินการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียนในระดับผ่านเกณฑ์ การประเมินตามที่สถานศกึ ษากำหนด (๔) ผู้เรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในระดับผ่านเกณฑ์ การประเมินตามทสี่ ถานศึกษากำหนด (๕) ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์ การประเมินตามท่สี ถานศกึ ษากำหนด หมวดที่ ๓ เกณฑ์การวัดและประเมินผลการเรยี น ขอ้ ๑๑ การตัดสนิ ผลการเรียนให้ถือปฏิบัติดงั น้ี ๑๑.๑ พิจารณาตัดสินว่า ผู้เรียนผ่านเกณฑ์การประเมินรายวิชาตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ ทัง้ ๘ กลมุ่ และได้รบั ผลการเรียน ๑ ถงึ ๔ ๑๑.๒ การตัดสินพิจารณาว่าผู้เรียนจะนับจำนวนชั่วโมง / จำนวนหน่วยกิตจะต้องได้รับ ผลการเรียน ๑ ถึง ๔ ๑๑.๓ ไดร้ บั การประเมนิ การอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขยี น เป็นรายภาค และนำไปตดั สิน การเลื่อนชั้น โดยถ้าผ่านเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนดให้ได้ผลการประเมินเป็นดีเยี่ยม ดี และผ่าน ถ้าไมผ่ า่ นเกณฑ์การประเมนิ ใหไ้ ดผ้ ลการประเมนิ “ไมผ่ ่าน” ๑๑.๔ ไดร้ บั การประเมินคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนเปน็ รายภาค และนำไปตดั สนิ การเลื่อนชั้น โดยถ้าผ่านเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนดให้ได้ผลการประเมินเป็นดีเยี่ยม ดี และผ่าน ถา้ ไมผ่ า่ นเกณฑ์การประเมนิ ใหไ้ ดผ้ ลการประเมนิ เปน็ “ไมผ่ า่ น” ๑๑.๕ ได้รับการตัดสินการเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเป็นรายภาคโดยถ้าผ่านเกณฑ์ การประเมนิ ใหไ้ ดผ้ ลประเมินเป็น “ผ” และถ้าไม่ผา่ นเกณฑ์ใหผ้ ลประเมินได้ “มผ” ๑๑.๖ วัดผลปลายภาค/ปลายปีเฉพาะผู้มีเวลาเรยี นตลอดภาคเรียนไม่น้อยกวา่ ร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนในรายวิชานั้น ให้อยู่ในดุลพินิจของคณะกรรมการกลุ่มสาระการเรียนรู้ เสนอผ่านคณะ กรรมการบรหิ ารหลกั สตู รและวิชาการเห็นชอบ และเสนอผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาอนมุ ัติ ๑๑.๗ ผู้เรียนที่มีเวลาเรียนไม่ถึงร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนในรายวิชานั้น และไม่ได้รับ การผอ่ นผนั ใหเ้ ขา้ รบั การวัดผลปลายภาค/ปลายปีเรียนใหไ้ ดผ้ ลการเรียน “มส” ๑๑.๘ ผู้เรียนที่มีผลการเรียนต่ำกว่าเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนดให้ ได้ระดับผลการเรียน “๐” ๑๑.๙ ผู้เรียนที่ทุจริตในการสอบหรือทุจริตในงานที่มอบหมายให้ทำในรายวิชาใด ครั้งใด กต็ าม ใหไ้ ดค้ ะแนน “๐” ในครงั้ นนั้ ๑๑.๑๐ ผู้เรียนที่ไม่ได้วัดผลรายภาค ไม่ได้ส่งงานที่ได้รับมอบหมายให้ทำ หรือมีเหตุ สุดวิสัย ที่ทำใหป้ ระเมนิ ผลการเรียนไม่ได้ ใหไ้ ด้ผลการเรียน “ร” [๗]
กรณีที่ผู้เรียนได้ผลการเรียน “ร” เพราะไม่ส่งงานนั้นจะต้องได้รับความเห็นชอบจาก คณะอนกุ รรมการกล่มุ บรหิ ารวชิ าการ ข้อ ๑๒ การเปลยี่ นผลการเรียนให้ถือปฏบิ ัติ ดงั น้ี ๑๒.๑ การเปล่ียนผลการเรียน “๐” ควรจัดให้มีการสอนซ่อมเสริมในตวั ชี้วัดที่ผู้เรียนสอบไม่ผ่านก่อน แล้วจึงสอบแก้ตัวให้และ ให้สอบแก้ตัวได้ไมเ่ กิน ๒ ครง้ั ทง้ั นต้ี อ้ งดำเนินการใหเ้ สร็จสน้ิ ภายในปีการศึกษานัน้ ถ้าผู้เรียนไม่ดำเนินการสอบแก้ตัวตามระยะเวลาที่กำหนดไว้นี้ ให้อยู่ในดุลยพินิจของ สถานศึกษาที่จะพิจารณาขยายเวลาออกไปอกี ไมเ่ กนิ ๑ ภาคเรยี น ถ้าสอบแก้ตัว ๒ ครั้งแล้ว ยังได้ระดับผลการเรียน “๐” อีกให้แต่งตั้งคณะกรรมการ ดำเนินการเกี่ยวกับการแกผ้ ลการเรยี นของผู้เรียนโดยปฏบิ ัติ ดงั น้ี ๑) ใหเ้ รยี นซ้ำรายวชิ าถ้าเป็นรายวชิ าพื้นฐาน ๒) ให้เรยี นซำ้ หรอื เปล่ียนรายวชิ าเรยี นใหม่ ถา้ เปน็ รายวชิ าเพิ่มเติม โดยให้อยใู่ นดลุ ย พินจิ ของสถานศึกษา ในกรณีที่เปลี่ยนรายวิชาเรียนใหม่ ให้หมายเหตุในระเบียนแสดงผลการเรียนว่า เรียนแทน รายวชิ าใด ๑๒.๒ การเปล่ียนผลการเรยี น “ร” การเปล่ยี นผลการเรยี น “ร” มี ๒ กรณี ดังนี้ ๑) มีเหตุสุดวิสัย ทำให้ ประเมินผลการเรียนไม่ได้ เช่น เจ็บป่วย เมื่อผู้เรียนได้เข้า สอบหรือส่งผลงานที่ติดค้างอยู่เสร็จเรียบร้อย หรือแก้ปัญหาเสร็จสิ้นแล้ว ให้ได้ระดับผลการเรียน ตามปกติ (ตง้ั แต่ ๐ – ๔) ๒) ถ้าสถานศกึ ษาพจิ ารณาแล้วเห็นว่าไม่ใชเ่ หตุสุดวสิ ัย เมอื่ ผเู้ รียนไดเ้ ข้าสอบ หรือ สง่ ผลงานทีต่ ดิ ค้างอย่เู สรจ็ เรียบรอ้ ย หรือแกป้ ญั หาเสรจ็ สิน้ แล้ว ให้ได้ระดับผลการเรียนไม่เกนิ “๑” การเปลี่ยนผลการเรียน “ร” ให้ดำเนินการแก้ไขตามสาเหตุให้เสร็จสิ้นภายในปีการศึกษา นั้น ถ้าผู้เรียนไม่มาดำเนินการแก้ “ร” ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ให้เรียนซ้ำรายวิชา ยกเว้นมีเหตุ สุดวิสัย ให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษาที่จะขยายเวลาการแก้ “ร” ออกไปอีกไม่เกิน ๑ ภาคเรียน แตเ่ ม่ือพน้ กำหนดนแ้ี ล้วให้ปฏิบตั ิ ดงั นี้ (๑) ให้เรียนซำ้ รายวิชา ถา้ เป็นรายวิชาพนื้ ฐาน (๒) ให้เรยี นซำ้ หรือเปลย่ี นรายวชิ าเรยี นใหม่ ถา้ เป็นรายวชิ าเพม่ิ เติม โดยให้อยู่ใน ดุลยพินิจของสถานศกึ ษา ในกรณที เ่ี ปล่ยี นรายวิชาเรียนใหม่ ให้หมายเหตุในระเบียนแสดงผลการเรยี นวา่ เรียน แทนรายวิชาใด ๑๒.๓ การเปลยี่ นผลการเรยี น “มส” การเปล่ียนผลการเรียน “มส” มี ๒ กรณี ดงั น้ี ๑) กรณีผู้เรียนได้ผลการเรียน “มส” เพราะมีเวลาเรียนไม่ถึงร้อยละ ๘๐ แต่มีเวลา เรยี นไมน่ ้อยกว่าร้อยละ ๖๐ ของเวลาเรยี นท้ังหมด ใหส้ ถานศึกษาจัดให้เรียนเพิ่มเติมโดยใช้ชั่วโมงสอน ซ่อมเสริม หรือเวลาว่าง หรือวันหยุด หรือมอบหมายงานให้ทำ จนมีเวลาเรียนครบตามที่กำหนดไว้ สำหรับรายวิชานั้นแล้วจึงให้สอบเป็นกรณีพิเศษ ผลการสอบแก้ “มส” ให้ได้ระดับผลการเรียนไม่เกิน “๑” การแก้ “มส” กรณนี ี้ให้กระทำใหเ้ สร็จส้ินในปีการศึกษานัน้ ถ้าผู้เรยี นไมม่ าดำเนนิ การแก้ “มส” [๘]
ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้นี้ให้เรียนซ้ำ ยกเว้น มีเหตุสุดวิสัย ให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษาที่จะ ขยายเวลาการแก้ “มส” ออกไปอีกไมเ่ กิน ๑ ภาคเรียน แต่เม่อื พ้นกำหนดน้ีแลว้ ให้ปฏิบัตดิ งั น้ี - ให้เรยี นซ้ำรายวชิ า ถา้ เป็นรายวชิ าพ้ืนฐาน - ให้เรยี นซำ้ หรือเปลย่ี นรายวชิ าเรียนใหม่ ถ้าเปน็ รายวิชาเพิ่มเติมโดยให้อย่ใู นดุลย พนิ ิจของสถานศกึ ษา ๒) กรณีผู้เรียนได้ผลการเรียน “มส” และมีเวลาเรียนน้อยกว่าร้อยละ ๖๐ ของเวลา เรียนทั้งหมด ให้สถานศึกษาจัดให้เรียนซ้ำในรายวิชาพื้นฐานและรายวิชาเพิ่มเติม หรือเปลี่ยนรายวิชา ใหมไ่ ด้ สำหรับรายวิชาเพิม่ เตมิ เท่านั้น ในกรณีที่เปลี่ยนรายวิชาเรียนใหม่ ให้หมายเหตุในระเบียนแสดงผลการเรียนว่าเรียน แทนรายวชิ าใด ในกรณีภาคเรยี นท่ี ๒ หากผูเ้ รยี นยังมีผลการเรียน “๐” “ร” “มส” ใหด้ ำเนนิ การให้เสรจ็ สิน้ กอ่ นเปิดเรยี นปีการศกึ ษาถดั ไป สถานศึกษาอาจเปิดการเรยี นการสอนในภาคฤดรู อ้ นเพอื่ แก้ไขผลการ เรียนของผูเ้ รียนได้ ทั้งน้ี โดยสำนักงานเขตพนื้ ทก่ี ารศึกษา/ตน้ สังกดั ควรเปน็ ผูพ้ ิจารณาประสานให้มีการ ดำเนินการเรียนการสอนในภาคฤดูร้อนเพ่อื แก้ไขผลการเรียนของผเู้ รียน ๑๒.๔ การเปล่ียนผลการเรียน “มผ” หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ กำหนดให้ผู้เรียนเข้าร่วม กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ๓ กิจกรรม คือ ๑) กิจกรรมแนะแนว ๒) กิจกรรมนักเรียน ซึ่งประกอบด้วย กจิ กรรม ลูกเสอื เนตรนารี ยวุ กาชาด ผู้บำเพ็ญประโยชน์ หรือกิจกรรมชมรม โดยผู้เรียนเลือกอย่าง ใดอย่างหนึ่ง ๑ กิจกรรมและเลือกเข้าร่วมกิจกรรมชุมนุม หรือชมรมอีก ๑ กิจกรรม ๓) กิจกรรมเพื่อ สังคมและสาธารณประโยชน์ ในกรณีที่ผู้เรียนได้ผลการเรียน “มผ” สถานศึกษาต้องจัดซ่อมเสริมให้ผู้เรียนทำกิจกรรม จนครบตามเวลาที่กำหนด หรือปฏิบัติกิจกรรมเพื่อพัฒนาคุณลักษณะที่ต้องปรับปรุง แก้ไข แล้วจึง เปลี่ยนผลการเรยี นจาก “มผ” เปน็ “ผ” ทงั้ นดี้ ำเนินการใหเ้ สรจ็ ส้ินภายในปกี ารศกึ ษาน้ั ยกเว้นมีเหตุ สุดวสิ ัยใหอ้ ยูใ่ นดลุ ยพินิจของสถานศกึ ษา ๑๒.๕ การเปลี่ยนแปลงผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ระดับ “ไม่ผ่าน” ให้คณะกรรมการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงคด์ ำเนนิ การจดั กิจกรรมซ่อมเสริม ปรับปรงุ แกไ้ ข หรือ ตามวธิ กี ารท่ีคณะกรรมการกำหนด เพ่ือให้ผเู้ รยี นผา่ นเกณฑ์ทีส่ ถานศกึ ษากำหนด ขอ้ ๑๓ การตดั สนิ ให้ผเู้ รียนเลอ่ื นชัน้ / ซ้ำชนั้ ๑) ตัดสินผลการเรียนเป็นรายวิชา ผู้เรียนต้องมีเวลาเรียนตลอดภาคเรียนไม่น้อยกว่า ร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรยี นท้ังหมดในรายวชิ านัน้ ๆ ๒) ผู้เรียนต้องได้รับการประเมินทุกตัวชี้วัด และผ่านตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนด คอื ตัวชว้ี ัดท่ีต้องผ่าน ไม่นอ้ ยกว่าร้อยละ ๖๐ ของแตล่ ะรายวชิ า ๓) ผเู้ รียนต้องไดร้ ับการตดั สนิ ผลการเรียนทุกรายวชิ า [๙]
๔) ผู้เรียนต้องได้รับการประเมิน และมีผลการประเมินผ่านตามเกณฑ์ที่สถานศึกษา กำหนด ในการอ่าน คดิ วิเคราะห์และเขยี น คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และกจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน ถ้าผู้เรียนไม่ผ่านให้ดำเนินการสอนซ่อมเสริม แล้วทำการประเมินจนผู้เรียนสามารถผ่าน เกณฑ์การประเมนิ ที่สถานศึกษากำหนด ๑๓.๑ การเลอ่ื นชนั้ ผเู้ รยี นจะได้รบั การตัดสินผลการเรียนทุกภาคเรยี นและไดร้ บั การเลื่อนชัน้ เมือ่ สิ้นปีการศกึ ษา โดยมีคณุ สมบตั ติ ามเกณฑ์ ดงั นี้ ๑) รายวิชาพ้ืนฐาน ไดร้ บั การตัดสนิ ผลการเรยี นผ่านทกุ รายวิชา ๒) รายวิชาเพ่มิ เตมิ ไดร้ บั การตัดสนิ ผลการเรยี นผา่ นตามเกณฑ์ทีส่ ถานศึกษากำหนด ๓) ผู้เรียนต้องรับการประเมินและมีผลการประเมินผ่านตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนด ในการอ่าน คิดวิเคราะหแ์ ละเขยี น คณุ ลักษณะอันพึงประสงคแ์ ละกิจกรรมพฒั นาผู้เรียน ๔) ระดบั ผลการเรียนเฉลี่ยในปกี ารศึกษานั้นควรไดไ้ ม่ต่ำกว่า ๑.๐๐ ทั้งนี้รายวิชาใดที่ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน สถานศึกษาสามารถซ่อมเสริมผู้เรียนให้ได้รับ การแกไ้ ขในภาคเรยี น/ปกี ารศึกษา ถัดไป ๑๓.๒ การเรียนซำ้ สถานศึกษาจะจัดใหผ้ ู้เรียนเรียนซำ้ ใน ๒ กรณี ดังน้ี กรณที ี่ ๑ เรียนซ้ำรายวิชา หากผเู้ รียนได้รบั การสอนซ่อมเสรมิ และสอบแก้ตัว ๒ คร้ัง แล้วไม่ผา่ นเกณฑก์ ารประเมิน ให้เรียนซ้ำรายวิชานน้ั ทัง้ นี้ใหอ้ ยู่ในดลุ ยพนิ ิจของสถานศึกษาในการจัดให้ เรยี นซำ้ ในชว่ งใดช่วงหนึ่งทส่ี ถานศึกษาเหน็ ว่าเหมาะสม เช่น พกั กลางวนั วันหยดุ ช่ัวโมงว่างหลังเลิก เรยี น ภาคฤดรู ้อน เปน็ ตน้ กรณีที่ ๒ เรยี นซ้ำช้ัน มี ๒ ลกั ษณะ คือ - ผูเ้ รยี นมรี ะดับผลการเรียนเฉลีย่ ในปีการศึกษานนั้ ตำ่ กวา่ ๑.๐๐ และมีแนวโนม้ วา่ จะ เปน็ ปัญหาตอ่ การเรยี นในระดบั ชัน้ ทีส่ ูงขน้ึ - ผ้เู รียนมผี ลการเรียน ๐, ร, มส เกินครง่ึ หนึง่ ของวิชาที่ลงทะเบียนเรยี นในปกี ารศกึ ษา นน้ั ทั้งนี้ หากเกิดลักษณะใดลักษณะหนึ่ง หรือทั้ง ๒ ลักษณะให้สถานศึกษาแต่งต้ัง คณะกรรมการการพิจารณา หากเหน็ วา่ ไม่มเี หตุผลอนั สมควรก็ให้ซ้ำชั้น โดยยกเลิกผลการเรียนเดิมและ ให้ใช้ผลการเรียนใหม่แทน หากพิจารณาแล้วไม่ต้องเรียนซ้ำชั้น ให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษาใน การแก้ไขผลการเรียน ๑๓.๓ การสอนซ่อมเสรมิ การสอนซ่อมเสริม เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการจัดการเรียนรู้และเป็นการให้โอกาสแก่ ผู้เรียนให้มีเวลาเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ เพิ่มขึ้น จนสามารถบรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัดที่กำหนดไว้ การสอนซ่อมเสริมเป็นการสอนกรณีพิเศษนอกเหนือไปจากการสอนตามแผนจดั การเรียนรู้ปกติเพื่อแก้ไข ข้อบกพร่องที่พบในผู้เรียน โดยจัดกระบวนการเรียนรู้ที่หลากหลายและคำนึงถึงความแตกต่างระหว่าง บคุ คลของผู้เรยี น การสอนซอ่ มเสริมสามารถดำเนินการได้ในกรณี ดงั ต่อไปนี้ ๑) ผูเ้ รยี นมีความร้/ู ทกั ษะพน้ื ฐานไมเ่ พียงพอที่จะศกึ ษาในแต่ละรายวชิ าน้นั ควรจัดการ ซอ่ มเสริม ปรบั ความร้/ู ทักษะพืน้ ฐาน [๑๐]
๒) การประเมินระหว่างเรียน ผู้เรียนไม่สามารถแสดงความรู้ ทักษะกระบวนการหรือ เจตคต/ิ คณุ ลักษณะทก่ี ำหนดไว้ตามมาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วดั ๓) ผลการเรียนไม่ถึงเกณฑ์ และ/หรอื ตำ่ กว่าเกณฑ์การประเมนิ โดยผู้เรยี นได้ระดับผล การเรียน “๐” ตอ้ งจัดการสอนซ่อมเสริมก่อนจะให้ผู้เรยี นสอบแกต้ วั ๔) ผเู้ รียนมผี ลการเรียนไม่ผ่าน สามารถจดั สอนซ่อมเสริมในภาคฤดรู ้อน ทั้งนี้ให้อยู่ใน ดุลยพินิจของสถานศึกษา หมวดท่ี ๔ การเทียบโอนผลการเรยี น ข้อ ๑๔ การเทียบโอนผลการเรียน เป็นการนำผลการเรียนซึ่งเป็นความรู้ ทักษะ และ ประสบการณ์ของผู้เรียนที่เกิดจากการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย มาประเมิน เปน็ ส่วนหนึ่งของการศกึ ษาตามหลกั สูตรใดหลักสูตรหนึ่ง แนวการดำเนนิ การเทียบโอนผลการเรียนใหเ้ ป็นไปตามระเบียบสถานศึกษาว่าด้วยการเทียบ โอนผลการเรยี น ดังน้ี ๑๔.๑ ผู้ขอเทียบโอนต้องขึ้นทะเบียนเป็นนักเรียนของสถานศึกษา ทั้งนี้โดยผู้ขอเทียบ โอนจะต้องไม่เป็นผู้ที่กำลังศึกษาอยู่ในระบบโดยสถานศึกษาดังกล่าวดำเนินการเทียบโอนผลการเรียน ในภาคเรียนแรกท่ขี ้นึ ทะเบยี นเป็นนกั เรียน ยกเว้นกรณีมเี หตจุ ำเปน็ ๑๔.๒ จำนวนสาระการเรียนรู้ รายวิชา จำนวนหน่วยกิตที่จะรับเทียบโอน และอายุ ของผลการเรยี นทีจ่ ะนำมาเทียบโอน ให้อยู่ในดุลพนิ จิ ของคณะกรรมการบริหารหลักสตู รและวิชาการของ สถานศึกษา ทั้งนี้เมื่อเทียบโอนแล้วต้องมีเวลาเรียนอยู่ในสถานศึกษาที่จะรับเทียบโอนไม่น้อยกว่า ๑ ภาคเรียน ๑๔.๓ การเทียบโอนผลการเรียนให้ดำเนินการในรูปของคณะกรรมการการเทียบโอน ผลการเรียนจำนวนไมน่ อ้ ยกวา่ ๓ คนแตไ่ ม่เกิน ๕ คน ขอ้ ๑๕ การเทียบโอนให้ดำเนนิ การดงั นี้ ๑๕.๑ การเทียบระดับการศึกษา หมายถึงการนำผลการเรียน ความรู้และประสบการณ์ท่ี ได้จากการศึกษาตามอัธยาศยั และการศกึ ษานอกระบบ ไม่แบ่งระดับมาประเมินเพื่อเทยี บเท่าการศึกษา ระดับใดระดับหน่ึง มี แนวทางการเทยี บระดับการศกึ ษาดงั นี้ ๑) ผู้ขอเทียบระดับการศึกษาจะต้องไม่เป็นผู้ที่กำลังศึกษาอยู่ในสถานศึกษาในระบบ หรือสถานศึกษานอกระบบที่จัดการศึกษาเป็นระบบเดียวกันกับการศึกษาในระบบ และเป็นผู้สำเร็จ การศกึ ษาตามหลกั สตู รของกระทรวงศึกษาธิการ ในระดบั ทต่ี ำ่ กว่าระดบั การศกึ ษาทข่ี อเทียบ ๑ ระดับ ผู้ไมเ่ คยมวี ฒุ ิการศึกษาใด ๆ จะขอเทยี บระดับการศึกษาไดไ้ ม่เกินระดบั ประถมศึกษา ๒) ให้สถานศึกษาซึ่งเป็นที่ทำการเทียบระดับการศึกษา ดำเนินการเทียบระดับด้วย การประเมินความรู้ความสามารถ และประสบการณ์ของผู้ขอเทียบระดับ ด้วยวิธีการที่หลากหลายท้ัง ด้วยการทดสอบ การประเมินแฟ้มผลงาน การสังเกตพฤติกรรมต่าง ๆ ให้ครอบคลุมคุณลักษณะของ ผ้เู รียน ทง้ั ดา้ นพุทธพิ ิสัย จติ พสิ ัย และทกั ษะพิสัย ตามเกณฑ์มาตรฐานของหลักสูตรที่ขอเทียบ ระดบั ๓) ผู้ผ่านการประเมินจะได้รับหลักฐานแสดงผลการประเมินเทียบระดับความรู้และ ใบประกาศนยี บตั รรบั รองระดบั ความรขู้ องกระทรวงศกึ ษาธิการ ๑๕.๒ การเทียบโอนผลการเรียน หมายถึง การนำผลการเรียนซึ่งเป็นความรู้ทักษะ และ ประสบการณข์ องผ้เู รียนทเ่ี กิดจากการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ การศกึ ษาตามอธั ยาศัย และ [๑๑]
ผลการศึกษา จากตา่ งสถานศกึ ษามาประเมินเปน็ สว่ นหน่ึงของการศึกษา ตามหลกั สตู รใดหลักสตู รหน่ึงที่ กำลงั ศึกษา มีแนวการดำเนนิ การดงั นี้ ๑) คณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการของสถานศึกษา กำหนดจำนวนรายวิชา จำนวนหน่วยกิต ที่สถานศึกษาจำกัดให้ผู้เรียนสามารถขอเทียบโอนได้ในการศึกษาตามหลักสูตรของ สถานศึกษาแต่ละช่วงชั้น ทั้งนี้ผู้เรยี นจะตอ้ งเหลือรายวิชาที่จะต้องศึกษาในสถานศึกษาอีกอย่างน้อย ๑ ภาคเรียน พร้อมกับการกำหนดแนวทางและวิธีการเทียบโอนทั้งกรณีเทียบโอนผลการเรียนเดิมท่ีผู้เรียน ศึกษาก่อนเข้าศึกษาในสถานศึกษา และกรณีเทียบโอนผลการเรียนที่ผู้เรียนขออนุญาตไปศึกษาต่าง สถานศึกษา จะต้องจัดทำเป็นระเบียบการเทียบโอนผลการเรียนของสถานศึกษาให้สอดคล้องกับ กฎกระทรวงวา่ ด้วย การเทยี บโอนผลการเรียนด้วย ๒) สถานศึกษาแต่งต้งั คณะกรรมการดำเนนิ การเทียบโอนผลการเรยี นของสถานศกึ ษาให้ ปฏบิ ตั หิ น้าทกี่ ำหนดสาระ จัดสรา้ งเคร่อื งมือ สำหรับการเทยี บโอนผลการเรยี น และดำเนินการเทยี บโอน ผลการเรยี น ๓) คณะกรรมการดำเนนิ การเทยี บโอนผลการเรยี น ทำการเทียบโอนผลการเรยี นให้ ผเู้ รียนในกรณี ตอ่ ไปนี้ กรณีการเทียบโอนผลการเรียนเดิม ที่เรียนศึกษามาก่อนเข้าศึกษาในสถานศึกษา ให้ดำเนินการ ดงั น้ี (๑) ใหด้ ำเนนิ การใหเ้ สรจ็ ในภาคเรียนแรกท่ผี ู้เรียนเขา้ ศกึ ษาในสถานศึกษา (๒) ให้เทยี บโอนผลการเรียนเป็นรายวชิ า (๓) ผู้เรียนยื่นคำร้องเป็นลายลักษณ์อักษรขอเทียบความรู้ตามรายวิชาในหลักสูตร ของสถานศึกษา ตามจำนวนรายวิชาที่สถานศึกษากำหนดไว้ในระเบียบการเทียบโอนผลการเรียนของ สถานศึกษาให้ผเู้ รียนย่ืนคำร้อง พร้อมเอกสารหลักสตู รท่นี ำมาขอเทียบ และเอกสารการศึกษาท่ีได้รับมา (ถ้าผู้เรยี นม)ี (๔) คณะกรรมการดำเนินการเทียบโอนผลการเรียนพิจารณาหลักสูตรและหลักฐาน เอกสารเดิมของผู้เรียน เพื่อเปรียบเทียบหลักสูตรที่เรียนมากับหลักสูตรของสถานศึกษาในรายวิชาที่ขอ เทียบ ถา้ มีจุดประสงคแ์ ละเนอ้ื หาสาระตรงกันไมน่ ้อยกว่ารอ้ ยละ ๖๐ ให้รบั เทียบโอนได้ และให้ได้ระดับ ผลการเรียนตามที่ได้มาในกรณีที่ผู้เรียนย้ายสถานศึกษา แต่ถ้าเป็นกรณีเทียบโอนผลการเรียนจาก สถานศึกษาต่างระบบ ให้คณะกรรมการดำเนินการเทียบโอนพิจารณาว่าควรยอมรับผลการเรียนเดิม หรอื ไม่ ถ้าไมย่ อมรับกต็ ้องประเมินให้ใหมด่ ้วยวิธกี ารตา่ ง ๆ ท่ีเหมาะสม (๕) คณะกรรมการดำเนินการเทียบโอนผลการเรียน จัดให้มีการประเมินความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ของผู้เรียนใหม่ ตามตัวชี้วัดของรายวิชาที่ผู้เรียนขอเทียบในกรณีท่ี ผู้เรียนไม่มีเอกสาร หลักฐานการศึกษาเดิมมาแสดง หรือหลักสูตรที่ผู้เรียนนำมาขอเทียบโอนมีความ สอดคล้องกับตัวช้ีวัดและเนือ้ หาสาระของหลักสูตรท่ีขอเทียบไมถ่ งึ รอ้ ยละ ๖๐ ผู้เรียนที่ผ่านการประเมิน จะได้รับการเทียบโอนผลการเรียนได้ โดยได้ระดับผลการเรียนตามที่ประเมินได้ ส่วนผู้ที่ไม่ผ่านการ ประเมินจะไม่ไดร้ ับการเทียบโอนผลการเรยี น [๑๒]
กรณผี ้เู รียนขออนญุ าตไปศกึ ษารายวิชาใดรายวชิ าหนง่ึ ตา่ งสถานศกึ ษาหรือขอ ศกึ ษาด้วยตนเองใหด้ ำเนนิ การดงั น้ี (๑) ให้ดำเนินการโดยผู้เรียนยื่นคำร้องไปศึกษาต่างสถานที่หรือต่างรูปแบบต่อ คณะกรรมการเทียบโอนผลการเรียน ซงึ่ จะพจิ ารณาผลการเรียนและความจำเป็นของผู้เรยี นตามระเบียบ การจัดการศกึ ษา ๓ รูปแบบ ของสถานศึกษาที่จะจัดการศกึ ษาในระบบ (๒) รายวิชาที่ผู้เรียนขอไปศึกษาต่างสถานที่ หรือต่างรูปแบบตอ้ งมีจุดประสงค์และ เนอ้ื หาสาระสอดคลอ้ งกบั รายวชิ าในหลักสตู รของสถานศกึ ษาท่จี ะนำมาเทียบโอนไมน่ อ้ ยกว่า รอ้ ยละ ๖๐ (๓) กรณีผู้เรียนขอไปศึกษาต่างสถานศึกษาหรือระบบที่มีสถานศึกษาจัดการเรียน การสอนแน่นอน ถ้าเห็นควรอนุญาตให้ไปเรียนได้ให้มีการประสานงาน เรื่องการจัดการเรียนการสอน การประเมินผล และการรับโอนผลการเรียนก่อน เมื่อได้ตกลงร่วมกันเรียบร้อยแล้วจึงจะอนุญาตเม่ือ ศกึ ษาสำเรจ็ ให้รบั โอนผลการเรยี นได้ทันที (๔) กรณีผู้เรียนขออนุญาตศึกษาด้วยตนเอง หรือศึกษาในสถานศึกษาที่ไม่สามารถ ติดต่อประสานได้ ถ้าคณะกรรมการพิจารณาความจำเป็นแล้ว เห็นควรอนุญาต เมื่อผู้เรียนมารายงาน ผล การเรียน ให้คณะกรรมการดำเนินการเทียบโอนผลการเรียนทำการเทียบโอนผลการเรียนให้ผู้เรียน เช่นเดียวกันกรณีการเทยี บโอนผลการเรียนเดิมท่ีผู้เรียนศึกษามากอ่ นเข้าศึกษาในสถานศกึ ษา (๕) คณะกรรมการดำเนินการเทียบโอนผลการเรียน รายงานผลการเทียบโอนให้ คณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการของสถานศึกษาให้ความเห็นชอบ และเสนอผู้บริหาร สถานศึกษาอนุมัติผลการเทยี บโอนผลการเรียน หมวดท่ี ๕ เอกสารหลกั ฐานการศกึ ษา ขอ้ ๑๖ ให้สถานศกึ ษาจัดใหม้ ีเอกสารหลักฐานการประเมนิ ผลการเรยี นตา่ ง ๆ ดังน้ี ๑๖.๑ ระเบียนแสดงผลการเรยี น (Transcript) (ปพ. ๑) เป็นเอกสารบันทึกผลการเรยี น ของผู้เรียนตามสาระการเรียนรูก้ ลุ่มวิชาและกิจกรรมต่าง ๆ ท่ไี ด้เรียนในแตล่ ะชั้นของหลักสูตรการศึกษา ขั้นพื้นฐานเพื่อให้เป็นหลักฐานแสดงสถานภาพและความสำเร็จในการศึกษาของผู้เรียนแต่ละคนใช้เป็น หลกั ฐานในการสมัครเข้าศึกษาต่อทำงานหรือดำเนนิ การในเรอื่ งอนื่ ที่เกย่ี วข้อง ๑๖.๒ หลักฐานแสดงวุฒิการศึกษา (ใบประกาศนียบัตร) (ปพ. ๒) เป็นเอกสารท่ี สถานศึกษาออกให้กับผู้สำเร็จการศึกษาและรับรองวุฒิการศึกษาของผู้เรียน ให้ผู้เรียนนำไปใช้เป็น หลักฐานแสดงระดบั วุฒกิ ารศึกษาของตน ๑๖.๓ แบบรายงานผู้สำเร็จการศกึ ษา (ปพ.๓) เป็นแบบรายงานรายชื่อข้อมูลของผู้สำเร็จ การศึกษาภาคบังคับหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อใช้เป็นหลักฐานสำหรับตรวจสอบยืนยันและ รับรองความสำเร็จและวุฒิการศึกษาของผู้สำเร็จการศึกษาแต่ละคน ต่อเขตพื้นที่การศึกษาและ กระทรวงศึกษาธกิ าร ๑๖.๔ แบบแสดงผลการพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ปพ.๔) เป็นเอกสารรายงาน พัฒนาการด้านคุณลักษณะของผู้เรียนเกี่ยวกับคุณธรรมจริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ที่สถานศึกษากำหนดขึ้นเพื่อพัฒนาผู้เรียนเป็นพิเศษ เพื่อการแก้ปัญหาหรือสร้างเอกลักษณ์ให้ ผเู้ รียนตามวิสัยทัศน์ของสถานศกึ ษา เปน็ การรายงานผลการประเมินทแ่ี สดงถึงสภาพหรือระดับคุณธรรม จริยธรรม ค่านยิ ม หรอื คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนในแต่ละชั้น สถานศึกษาตอ้ งจัดทำเอกสาร [๑๓]
นี้ให้ผู้เรียนทุก ๆ คน ควบคู่กับระเบียนแสดงผลการเรียนของผู้เรียน เพื่อนำไปใช้เป็นหลักฐานแสดง คุณลักษณะของผเู้ รียนเพือ่ ประกอบในการสมัครศึกษาตอ่ หรือสมัครทำงาน ๑๖.๕ แบบแสดงผลการพฒั นาคุณภาพของผูเ้ รียน (ปพ. ๕) เป็นเอกสารสำหรับผู้สอนใช้ บันทึกเวลาเรียน ข้อมูลผลการวัดและประเมินผลการเรียน ข้อมูลการพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ของผเู้ รียนแตล่ ะคนท่ีเรียนในหอ้ งเรียนกลมุ่ เดียวกัน เพือ่ ใชเ้ ป็นขอ้ มลู ในการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอน ปรับปรุง แก้ไข ส่งเสริม และตัดสินผลการเรียนของผู้เรียน รวมทั้งใช้เป็นหลักฐานสำหรับตรวจสอบ ยนื ยัน สภาพการเรยี น การมสี ว่ นร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ และผลสมั ฤทธขิ์ องผู้เรียนแต่ละคน ๑๖.๖ แบบรายงานผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนรายบุคคล (ปพ. ๖) เป็นเอกสารสำหรับ บันทกึ ขอ้ มูลเก่ียวกบั ผลการเรียน พัฒนาการในดา้ นตา่ ง ๆ และขอ้ มลู อ่นื ๆ ของผ้เู รียน ๑๖.๗ ใบรับรองผลการศึกษา (ปพ. ๗) เป็นเอกสารที่สถานศึกษาออกให้ผู้เรียนเป็นการ เฉพาะกิจเพื่อรับรองสถานภาพทางการศึกษาของผู้เรียนเป็นการชั่วคราว ทั้งกรณีผู้เรียนยังไม่สำเร็จ การศึกษาและสำเรจ็ การศึกษาแล้ว ๑๖.๘ ระเบียนสะสม (ปพ. ๘) เป็นเอกสารสำหรับบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับพัฒนาการและ ผลงานด้านต่าง ๆ ของผู้เรียนทั้งที่สถานศึกษาและที่บ้าน เพื่อประโยชน์ในการแนะแนวผู้เรียนในทุก ๆ ดา้ น ๑๖.๙ สมุดบันทึกผลการเรียน (ปพ. ๙) เป็นสมุดบันทึกผลการเรยี นรู้ที่สถานศึกษาจัดทำ ขึ้นเพื่อบันทึกรายการรายวิชาต่าง ๆ ที่ผู้เรียนจะต้องเรียนในแต่ละชั้น ตามโครงสร้างหลักสูตรของ สถานศึกษา พร้อมด้วยผลการประเมินการเรียนของแต่ละรายวชิ า และสถานศึกษาออกใหผ้ ้เู รียนสำหรับ ใช้ศึกษาและนำแสดงให้บุคคลหรือหน่วยงานที่สนใจได้ทราบโครงสร้างหลักสูตรและรายละเอียดของ รายวิชาต่าง ๆ ของสถานศึกษา พร้อมด้วยผลการเรียนของผู้เรียนจากการเรียนแต่ละรายวิชา กรณีที่ ผูเ้ รยี นย้ายสถานศกึ ษา ขอ้ มูลในสมุดบันทกึ ผลการเรียนรจู้ ะเป็นประโยชนใ์ นการนำไปใช้เป็นข้อมลู ในการ เทยี บโอนผลการเรยี นจากสถานศกึ ษาเดมิ ไปเป็นผลการเรยี นตามหลกั สตู รของสถานศกึ ษาใหม่ หมวดที่ ๖ บทเฉพาะกาล ข้อ ๑๗ ให้ประธานคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการของสถานศึกษารักษาการให้ เป็นไปตามระเบยี บนี้ ข้อ ๑๘ กรณีมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไข ให้เสนอคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานอนุมัติและ ให้ความเหน็ ชอบกอ่ นนำไปใช้ ประกาศ ณ วันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ....................................................... ( นางชมนาด โรจนภทั รากุล ) ประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐาน โรงเรยี นวัดรางกำหยาด [๑๔]
ตอนที่ ๒ แนวปฏิบัติการวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ โรงเรยี นวดั รางกำหยาด พุทธศกั ราช ๒๕๖1 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ สว่ นท่ี ๑ การประเมนิ ผลการเรียนรู้ ๘ กลุม่ สาระ สว่ นที่ ๒ การประเมินกิจกรรมพัฒนาผ้เู รียน สว่ นที่ ๓ การประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ส่วนที่ ๔ การประเมินการอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขยี น ส่วนท่ี ๕ เกณฑ์การตัดสนิ การเลอื่ นชน้ั และจบหลักสูตร ส่วนที่ ๖ การประเมนิ ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี นระดบั ชาติ [๑๕]
แนวปฏิบัติการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ เป้าหมายสำคัญของการประเมินผลการเรียนหลักสูตรสถานศึกษาตามแนวทางหลักสูตร แกนกลางการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ คอื เพอื่ นำผลการประเมนิ ไปพัฒนาผเู้ รียนใหบ้ รรลุ มาตรฐาน การเรียนรู้ในแต่ละรายวิชา ของกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่าง ๆ โดยการนำผลการประเมินไปใช้ เป็นข้อมลู ในการปรับปรุง แกไ้ ข ส่งเสริมการเรยี นรแู้ ละพัฒนาการของผ้เู รียนโดยตรง นำผลไปปรับปรุง แก้ไขผลการจัดกระบวนการเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมทั้งนำไปใช้ในการพิจารณาตัดสิน ความสำเรจ็ ทางการศกึ ษาของผ้เู รียน ตลอดจนความสำเรจ็ ของผูส้ อนอีกด้วย การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ตามหลักสตู รการศึกษาของสถานศึกษา โรงเรียนวัดรางกำ หยาด ประกอบด้วย ส่วนท่ี ๑ การประเมินผลการเรยี นรู้ตามกลมุ่ สาระการเรียนรู้ ๘ กลมุ่ การประเมนิ ผลการเรยี นรตู้ ามกลุ่มสาระการเรียนรทู้ ง้ั ๘ กล่มุ โรงเรยี นได้ดำเนินการ ประเมนิ ผลในลักษณะตา่ ง ๆ ดังตอ่ ไปนี้ ๑. การประเมนิ ผลก่อนเรยี น การประเมินผลก่อนเรียน กำหนดให้ครูผู้สอนในแต่ละรายวิชาทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่ต้อง ประเมินผลก่อนเรียน เพื่อหาสารสนเทศของผู้เรียนในเบื้องต้น สำหรับนำไปจัดกระบวนการเรียนรู้ให้ สอดคล้องกับพื้นฐานของผู้เรยี น ตามแนวทางการจัดกระบวนการเรียนรู้ท่เี นน้ ผเู้ รียนเปน็ สำคัญ แต่จะไม่ นำผลการประเมินนี้ไปใช้ในการพิจารณาตัดสินผลการเรียน การประเมินผลก่อนเรียนประกอบด้วยการ ประเมนิ ดังตอ่ ไปนี้ ๑.๑ การประเมินความพรอ้ มและพื้นฐานของผเู้ รียน เป็นการตรวจสอบความรู้ ทักษะ และความพร้อมต่าง ๆ ของผู้เรียนที่เป็นพื้นฐานของ เรื่องใหม่ๆ ที่ผู้เรียนต้องเรียนโดยใช้วิธีการที่เหมาะสม เพื่อจะได้ทราบว่าผู้เรียนมีความพร้อมและ พื้นฐานที่จะเรียนทุกคนหรือไม่ แล้วนำผลการประเมินมาปรับปรุง ซ่อมเสริม หรือเตรียมผู้เรียนให้มี ความพร้อมและพื้นฐานพอเพียงทุกคนซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนปร ะสบความสำเร็จในการเรียนได้เป็นอย่างดี การประเมินพื้นฐานและความพร้อมของผู้เรียนก่อนเรียน จึงมีความสำคัญและจำเป็นที่ผู้สอนทุกคน จะต้องดำเนินการเพื่อเตรียมผู้เรียนให้มีความพร้อมในการเรียนทุกครั้งจะทำให้การเรียนการสอนเป็นไป อยา่ งมีประสิทธภิ าพ และสามารถคาดหวงั ความสำเร็จไดอ้ ยา่ งแนน่ อน การประเมินความพร้อมและพืน้ ฐานของผเู้ รยี นกอ่ นเรยี นมแี นวปฏบิ ตั ดิ ังน้ี ๑) วิเคราะห์ความรูแ้ ละทกั ษะทเ่ี ปน็ พื้นฐานก่อนเรยี น ๒) เลือกวิธีการและจัดทำเครอื่ งมือสำหรับประเมนิ ความรู้ และทกั ษะพน้ื ฐานอยา่ ง เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ ๓) ดำเนินการประเมินความรแู้ ละทักษะพ้นื ฐานของผเู้ รียน ๔) นำผลการประเมนิ ไปดำเนินการปรบั ปรงุ ผูเ้ รยี นใหม้ คี วามรแู้ ละทักษะพ้นื ฐานอยา่ ง พอเพยี งก่อนดำเนนิ การสอน ๕) จดั การเรียนการสอนในเรือ่ งทจ่ี ัดเตรยี มไว้ [๑๖]
๑.๒ การประเมินความรอบรู้ในเรือ่ งทีจ่ ะเรยี นก่อนการเรยี น เป็นการประเมินผู้เรียนในเรื่องที่จะทำการสอน เพื่อตรวจสอบว่าผู้เรียนมีความรูแ้ ละทักษะ ในเรื่องที่จะเรียนนั้นมากน้อยเพียงไร เพื่อนำไปเป็นข้อมูลเบื้องต้นของผู้เรียนแต่ละคนว่า เริ่มต้นเรียน เรื่องนั้น ๆ โดยมีความรู้เดิมอยู่เท่าไรเพื่อจะได้นำไปเปรียบเทียบกับผลการเรียนภายหลัง การเข้าร่วม กิจกรรมการเรยี นตามแผนการเรียนรู้แล้ว ว่าเกดิ พัฒนาการหรือเกิดการเรียนรู้เพิ่มขึ้นหรือไม่เพียงไร ซึ่ง จะทำให้ทราบถึงศักยภาพในการเรียนรู้ของผู้เรียน และประสิทธิภาพในการจัดกิจกรรมการเรียน ซึ่งจะ ใช้เป็นประโยชน์ในการสนองตอบการเรยี นรู้ของผูเ้ รียนแต่ละคนแต่ละกลุม่ ตอ่ ไป แตป่ ระโยชนท์ ี่เกิดขึ้นใน เบื้องต้นของการประเมินผลก่อนเรียน ก็คือผู้สอนสามารถนำผลการประเมินไปใช้เป็นข้อมูลในการ จัดเตรียม วิธีการจัดกิจกรรมการเรียนให้สอดคล้องกับความรู้เดิมของผู้เรียนว่าต้องจัดอย่างเข้มข้นหรือ มากน้อยเพียงไร จึงจะทำให้แผนการเรียนรู้มีประสิทธิภาพ สามารถทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และ พัฒนาการต่าง ๆ ตามตัวชี้วัดด้วยกันทุกคน ในขณะที่ไม่ทำให้ผู้เรียนมีพื้นความรู้เดิมอยู่แล้วเกิด ความรู้สึกเบื่อหน่าย และเสียเวลาเรียนในส่ิงที่ตนรู้แล้ว การประเมินความรอบรูก้ ่อนเรียนมีขั้นตอนการ ปฏิบตั เิ หมือนกับการประเมนิ ความพร้อมและพื้นฐานของผูเ้ รียนต่างกนั เฉพาะความรู้ ทกั ษะที่จะประเมิน เท่าน้ัน ๒. การประเมนิ ระหว่างเรยี น การประเมินระหว่างเรียนเป็นการประเมินที่มุ่งตรวจสอ บพัฒนาการของผู้เรียนว่า บรร ลุ จุดประสงค์การเรียนรตู้ ามแผนการจัดการเรียนรู้ท่ีครไู ด้วางแผนไว้หรือไม่ เพอ่ื นำสารสนเทศที่ได้จากการ ประเมินไปสู่การปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องของผู้เรียน และส่งเสริมผู้เรียนให้มีความรู้ความสามารถและ เกิดพัฒนาการสูงสุดตามศักยภาพ การประเมินผลระหว่างเรยี นมีแนวทางในการปฏบิ ัติตามขนั้ ตอน ดงั นี้ ๒.๑ วางแผนการเรยี นร้แู ละการประเมนิ ผลระหวา่ งเรยี น ผสู้ อนจัดทำแผนการเรยี นรู้ กำหนดแนวทางการประเมินผลใหส้ อดคล้องกับตัวชว้ี ัด ซึง่ ในแผนการเรียนรู้จะระบภุ าระงานท่ีจะทำให้ ผ้เู รียนบรรลุตามตัวช้ีวัดอย่างเหมาะสม ๒.๒ เลือกวิธีการประเมนิ ท่ีสอดคลอ้ งกับภาระงานหรือกิจกรรมหลักท่ีกำหนดให้ผู้เรยี นปฏิบัติ ทั้งนี้วิธีการประเมินที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการประเมินระหว่างเรียน ได้แก่ การประเมินจากสิ่งที่ ผู้เรียนได้แสดงใหเ้ ห็นวา่ มีความรู้ ทกั ษะ และความสามารถ ตลอดจนมีคณุ ลักษณะท่ีพงึ ประสงค์อันเป็น ผลจาก การเรียนรู้ตามที่ผู้สอนได้จัดกระบวนการเรียนรู้ ให้วิธีการประเมินที่ผู้สอนสามารถเลือกใช้ในการ ประเมนิ ระหว่างเรยี น มดี งั นี้ ๑) การประเมนิ ด้วยการส่ือสารสว่ นบุคคล ได้แก่ (๑) การถามตอบระหว่างทำกิจกรรมการเรยี น (๒) การพบปะสนทนาพดู คยุ กับผู้เรียน (๓) การพบปะสนทนาพูดคยุ กับผูเ้ กยี่ วข้องกับผ้เู รยี น (๔) การสอบปากเปล่าเพอื่ ประเมินความรู้ ความเขา้ ใจ และทศั นคติ (๕) การอา่ นบนั ทกึ เหตกุ ารณ์ต่าง ๆ ของผู้เรียน (๖) การตรวจแบบฝึกหัดและการบ้าน พร้อมให้ข้อมลู ปอ้ นกลับ ๒) การประเมนิ จากการปฏิบตั ิ (Performance Assessment) เป็นวิธีการประเมินงานหรือกิจกรรมที่ผู้สอนมอบหมายให้ผู้เรียนปฏิบัติเพื่อให้ได้ข้อมูล สารสนเทศวา่ ผเู้ รียนเกิดการเรียนรมู้ ากนอ้ ยเพียงใด [๑๗]
การประเมินการปฏบิ ัติผู้สอนตอ้ งเตรียมการในสิง่ สำคญั ๒ ประการ คอื (๑) ภาระงานหรือกิจกรรมทจ่ี ะใหผ้ ูเ้ รียนปฏบิ ตั ิ (Tasks) (๒) เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน (Rubrics) วิธีการประเมนิ การปฏิบัติจะเป็นไปตามลกั ษณะงาน ดงั นี้ ก. ภาระงานหรือกิจกรรมที่ผู้สอนกำหนดให้ผู้เรียนทำเป็นรายบุคคล/กลุ่ม จะประเมินวิธีการทำงานตามข้นั ตอนและผลงานของผู้เรียน ข. ภาระงานหรือกิจกรรมที่ผู้เรียนปฏิบัติเป็นปกติในชีวิตประจำวันจะประเมินด้วย วธิ กี ารสงั เกต จดบันทึกเหตุการณ์เกย่ี วกับผเู้ รียน ค. การสาธติ ได้แก่ การให้ผเู้ รียนแสดงหรอื ปฏิบตั กิ ิจกรรมตามทกี่ ำหนด เชน่ การ ใช้เครือ่ งมอื ปฏิบัตงิ าน การทำกายบรหิ าร การเลน่ ดนตรี จะประเมินวธิ กี ารและขั้นตอนในการสาธิตของ ผเู้ รียนดว้ ยวธิ กี ารสงั เกต ง. การทำโครงงาน การจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน กำหนดให้ ผู้สอนต้องมอบหมายให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติโครงงานอย่างน้อย ๑ โครงงานในทุกช่วงชั้น ดังนั้นผู้สอนจึง ต้องกำหนดภาระงานในลกั ษณะของโครงงานให้ผเู้ รยี นปฏิบัตใิ นรูปแบบหนึ่ง ใน ๔ รปู แบบตอ่ ไปนี้ (๑) โครงงานสำรวจ (๒) โครงงานสิง่ ประดษิ ฐ์ (๓) โครงงานแก้ปญั หาหรอื การทดลองศึกษาค้นควา้ (๔) โครงงานอาชีพ วธิ กี ารประเมินผลโครงงาน ใช้การประเมิน ๓ ระยะ คือ (๑) ระยะก่อนทำโครงงาน โดยประเมินความพรอ้ มดา้ นการเตรยี มการ และความเปน็ ไปได้ในการปฏบิ ัตงิ าน (๒) ระยะทำโครงงาน โดยประเมนิ การปฏบิ ัติจรงิ ตามแผน วิธกี ารและ ข้นั ตอนกำหนดไว้ และการปรับปรุงงานระหวา่ งปฏิบัติงาน (๓) ระยะสิน้ สุดการทำโครงงาน โดยประเมนิ ผลงานและวิธกี ารนำเสนอ ผลการดำเนนิ โครงงาน การกำหนดให้ผเู้ รยี นทำโครงงาน สามารถทำได้ ๓ แบบ คือ ๑) โครงงานรายบคุ คล เปิดโอกาสใหผ้ ูเ้ รียนได้เลอื กปฏิบตั งิ านตาม ความสามารถ ความถนดั และความสนใจ ๒) โครงงานกลมุ่ เปน็ การทำโครงงานขนาดใหญแ่ ละซับซ้อนต้องให้ ผ้เู รียนทม่ี ีความสามารถตา่ งกนั หลายด้านช่วยกันทำ การประเมนิ โครงงานควรเน้นการประเมิน กระบวนการกลุ่ม ๓) โครงงานผสมระหวา่ งรายบคุ คลกบั กลุ่ม เป็นโครงงานท่ีผเู้ รียนทำ รว่ มกนั แตเ่ ม่ือเสรจ็ งานแล้วใหแ้ ต่ละคนรายงานผลด้วยตนเอง โดยไมต่ ้องไดร้ ับการชว่ ยเหลอื จาก สมาชิกในกลุ่ม ในการประเมินการปฏิบัติงานดังกล่าวมาข้างต้น ผู้สอนจำเป็นต้องสรา้ งเครือ่ งมือเพ่อื ใช้ ประกอบการประเมนิ การปฏิบตั ิ เชน่ - แบบวดั ภาคปฏบิ ตั ิ - แบบสังเกตพฤติกรรม [๑๘]
- แบบตรวจสอบรายการ - เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน (Rubrics) เป็นต้น ๓) การประเมนิ ตามสภาพจริง (Authentic Assessment) การประเมินสภาพจริง เป็นการประเมินจากการปฏิบัติงานหรือกิจกรรมอย่างใด อย่างหนึ่ง โดยงานหรอื กจิ กรรมท่ีมอบหมายให้ผู้เรยี นปฏบิ ัตจิ ะเปน็ งาน หรือสถานการณท์ ่ีเปน็ จรงิ (Real life) หรือใกล้เคียงกับชีวิตจริง จึงเป็นงานที่มีสถานการณ์ซับซ้อน (Complexity) และเป็นองค์รวม (Holistic) มากกว่างานปฏิบัติในกิจกรรมการเรยี นทั่วไป วิธกี ารประเมนิ สภาพจรงิ ไม่มีความแตกตา่ งจากการปฏิบัติ (Performance assessment) เพียงแต่อาจมีความยุ่งยากในการประเมินมากกว่า เนื่องจากเป็นสถานการณ์จริง หรือต้องจัด สถานการณ์ให้ใกล้จริง แต่จะเกิดประโยชน์กับผู้เรียนมาก เพราะจะทำให้ทราบความสามารถที่แท้จริง ของผู้เรียนว่า มจี ุดเด่นและขอ้ บกพรอ่ งในเรอ่ื งใด อนั จะนำไปสู่การแก้ไขทตี่ รงประเดน็ ทส่ี ดุ ๔) การประเมินด้วยแฟ้มสะสมงาน (Portfolio Assessment) การประเมินด้วยแฟ้มสะสมงาน เป็นวิธีการประเมินที่ช่วยส่งเสริมให้การประเมินตาม สภาพจริงมีความสมบูรณ์สะท้อนศักยภาพที่แท้จริงของผู้เรียนมากขึ้น โดยการให้ผู้เรียนได้เก็บรวบรวม (Collect) ผลงานจากการปฏิบตั จิ ริงทั้งในช้ันเรียนหรือในชีวิตจริงที่เก่ียวข้องกับการเรียนรู้ตามสาระการ เรียนรู้ต่าง ๆ มาจัดแสดงอย่างเป็นระบบ (Organized) โดยมีจุดประสงค์เพื่อสะท้อนให้เห็น (Reflect) ความพยายาม เจตคติ แรงจูงใจ พัฒนาการ และความสัมฤทธิ์ผล (Achievement) ของ การเรียนรู้ของผู้เรียน การวางแผนดำเนินงาน การประเมินด้วยแฟ้มผลงานที่สมบูรณ์จะช่วยให้ผู้สอน สามารถประเมินจากแฟม้ สะสมงานแทนการประเมินจากการปฏิบตั ิจรงิ การประเมนิ ดว้ ยแฟม้ สะสมงานมแี นวทางในการดำเนนิ งานดงั นี้ (๑) กำหนดโครงสร้างของแฟ้มสะสมงานจากวัตถุประสงค์ของแฟ้มสะสมงานว่า ต้องการสะท้อนสง่ิ ใดเกีย่ วกบั ความสามารถและพัฒนาการของผูเ้ รียน ทั้งนี้อาจพิจารณาจากตัวช้ีวัดตาม สาระการเรยี นร้ทู ส่ี ะทอ้ นไดจ้ ากการให้ผเู้ รียนจัดทำแฟม้ สะสมงาน (๒) กำหนดวิธีการเก็บรวบรวมผลงานให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของแฟ้มสะสม งาน เพ่อื ใหผ้ ู้เรียนได้ทำแฟ้มสะสมงาน (๓) กำหนดให้วิธีการประเมินงานเพื่อพัฒนาชิ้นงาน ซึ่งส่งผลถึงการพัฒนาผู้เรียน ให้มีความสามารถสูงสุด ทั้งนี้ครูควรจัดทำเกณฑ์การให้คะแนน (Rubrics) สำหรับให้ผู้เรียนนำไปใช้ เป็นข้อชน้ี ำในการพัฒนางาน (๔) สง่ เสริมใหเ้ กิดความร่วมมือในการพัฒนางาน โดยมสี ่วนรว่ มในการประเมินจาก ทุกฝ่าย แล้วนำข้อมูลที่สอดคล้องกันไปเป็นสารสนเทศหลัก ในการให้ข้อมูลป้อนกลับ (Feedback) สำหรบั ใหผ้ ูเ้ รยี นใชใ้ นการปรับปรงุ แกไ้ ขขอ้ บกพรอ่ ง (๕) จัดให้มีการนำเสนอผลงานที่ได้สะสมไว้ โดยใช้วธิ ีการท่ีเหมาะสม ซง่ึ ผูส้ อนและ ผู้เรียนควรวางแผนร่วมกันในการคัดเลือกชิ้นงานที่ดีที่สุด ทั้งนี้การนำเสนอชิ้นงานแต่ละชิ้นควรมี หลักฐานการพัฒนางานและการประเมินผลงานด้วยตนเอง เกณฑ์การประเมนิ ผลงานประกอบไว้ดว้ ย ใน การใช้วิธีการประเมินโดยแฟ้มสะสมงาน ผู้สอนควรคำนึงด้วยว่าแฟ้มสะสมงานมีหลายประเภท การ เลือกใช้แฟ้มสะสมงานประเภทใด ควรคำนึงถึงรูปแบบและแนวทางในการพัฒนาแฟ้มสะสมงานให้ เหมาะสม เพอ่ื ใหแ้ ฟ้มสะสมงานช่วยพฒั นาความคดิ สรา้ งสรรคข์ องผ้เู รยี นดว้ ย [๑๙]
๒.๓ กำหนดสัดส่วนการประเมินระหว่างเรียนกับการประเมินผลปลายภาค/ปลายปีเรียน หรือปลายปี การประเมินระหว่างเรยี นมีวัตถปุ ระสงค์สำคัญ เพื่อมุ่งนำสารสนเทศ มาพัฒนาผู้เรียนและ ปรับปรุงกระบวนการจัดการเรียนของผู้เรียน การประเมินระหว่างเรียนที่ดำเนินการอย่างถูกต้อง เข้มงวด และจริงจงั จะให้ผลการประเมินทีส่ ะท้อนภาพความสำเร็จ และศักยภาพของผู้เรียนได้ถูกต้อง สมบูรณ์ และน่าเชื่อถือ ดังนั้น ควรให้น้ำหนักความสำคัญของการประเมินระหว่างเรียนในสัดส่วนที่ มากกว่าการประเมินตอนปลายภาค/ปลายปีเรียนหรือปลายปี ทั้งนี้โดยคำนึงถึงธรรมชาติของรายวิชา และตวั ชี้วัดเป็นสำคัญ แตอ่ ยา่ งไรก็ตามในการประเมินเพื่อตดั สนิ ผลการเรียนรายวิชาปลายภาค/ปลายปี เรียนหรือปลายปี ต้องนำผลการประเมินระหว่างเรียนไปใชใ้ นการตัดสินผลการเรียนด้วย ทั้งนี้ให้เปน็ ไป ตามสัดส่วนและแนวดำเนนิ การในระเบียบท่สี ถานศกึ ษาผกู้ ำหนด ๒.๔ จัดทำเอกสารบันทึกขอ้ มลู สารสนเทศของผ้เู รียน ผู้สอนต้องจัดทำเอกสารบนั ทึกข้อมูล สารสนเทศเกี่ยวกับการประเมินผลระหว่างเรียนอย่างเป็นระบบชัดเจน เพื่อใช้เป็นแหล่งข้อมูลในการ ปรับปรุง แก้ไข ส่งเสริมผู้เรียน ใช้เป็นหลักฐานสำหรับการสื่อสารกับผู้เกี่ยวข้องและใช้เป็นหลักฐาน สำหรับตรวจสอบการปฏิบัติงานของผู้สอน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความโปร่งใสและความยุติธรรมในการ ประเมนิ ท้งั นใี้ ห้เปน็ ไปตามระเบยี บท่ีสถานศึกษากำหนด ขอ้ มูลหลกั ฐานการประเมนิ ระหวา่ งท่ีพึงแสดง ไดแ้ ก่ ๑) วิธกี ารและเครือ่ งมอื ทใี่ ช้ในการเก็บข้อมูล ๒) ข้อมูลเกี่ยวกับความสามารถของผู้เรียนตามวิธีการประเมิน เช่น บันทึกการสังเกต พฤตกิ รรม บันทกึ คะแนนจากผลการประเมนิ ช้นิ งาน บนั ทึกคะแนนการประเมนิ โครงงาน บันทกึ เกี่ยวกับ การประเมินแฟม้ สะสมงาน เปน็ ตน้ ๓. การประเมนิ เพอื่ สรปุ ผลการเรยี น การประเมินเพื่อสรุปผลการเรียนเปน็ การประเมิน เพื่อม่งุ ตรวจสอบความสำเร็จของผู้เรียนเมื่อ ผ่านการเรยี นร้ใู นชว่ งเวลาหน่ึง หรอื สิน้ สุดการเรียนรายวชิ าปลายปี/ปลายภาค/ปลายปีประกอบด้วย ๓.๑ การประเมินหลังเรียน เป็นการประเมินผู้เรียนในเร่ืองท่ีไดเ้ รยี นจบแล้ว เพื่อตรวจสอบวา่ ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตาม ตัวชี้วัดที่คาดหวังหรือไม่ เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับผลการประเมินก่อนเรียนว่าผู้เรียนเกิดพัฒนาการขึ้น มากน้อยเพียงไร ทำให้สามารถประเมินได้ว่าผู้เรียนมีศักยภาพในการเรียนรู้เพียงไร และกิจกรรมการ เรียนที่จัดขึ้นมีประสิทธิภาพในการพัฒนาผู้เรียนอย่างไร ข้อมูลจากการประเมินภายหลังการเรียน สามารถนำไปใช้ประโยชน์ไดม้ ากมาย ได้แก่ ๑) ปรบั ปรงุ แกไ้ ขซอ่ มเสริมผู้เรียนให้บรรลุตวั ชว้ี ดั หรอื จดุ ประสงค์ของการเรยี น ๒) ปรบั ปรงุ แก้ไขวิธเี รยี นของผู้เรยี นใหม้ ีประสทิ ธิภาพยง่ิ ขึน้ ๓) ปรบั ปรุงแกไ้ ขและพัฒนาการจัดกจิ กรรมการเรียน การประเมินหลังเรียนนี้ ถ้าจะใหส้ อดคลอ้ งกบั การประเมินก่อนเรยี นเพื่อการเปรียบเทียบ พัฒนาการของผู้เรียนสำหรับการวิจัยในชั้นเรียน ควรใช้วิธีการและเครื่องมือประเมินชุดเดียวกันหรือ ค่ขู นานกัน ๓.๒ การประเมินผลการเรียนปลายภาค/ปลายปี เป็นการประเมินผลเพื่อตรวจสอบผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนในการเรียนรายวิชาต่าง ๆ ตาม ตัวชี้วัด การประเมินผลนี้นอกจากจะมีจุดประสงค์เพื่อการสรุปตัดสินความสำเร็จของผู้เรียนในแต่ละ รายวิชา รายภาค เป็นสำคัญแล้ว ยังใช้เป็นขอ้ มูลสำหรับปรบั ปรุงแก้ไข ซ่อมเสริมผู้เรยี นที่ไม่ผ่านการ [๒๐]
ประเมนิ ตัวชี้วดั ของแตล่ ะรายวชิ า ใหเ้ กิดพฒั นาการและมีผลการเรยี นตามตัวช้ีวัดอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ดว้ ย การประเมินผลการเรยี นปลายภาค/ปลายปี สามารถใชว้ ิธีการและเครอ่ื งมือการประเมนิ ได้ อย่างหลากหลาย ใหส้ อดคลอ้ งกับตวั ช้ีวดั เนอื้ หาสาระ กิจกรรมและช่วงเวลาในการประเมิน อยา่ งไรก็ ดเี พอื่ ให้การประเมินผลการเรยี นดังกล่าวมสี ่วนทเ่ี กีย่ วขอ้ งสัมพนั ธแ์ ละสนับสนุนการเรยี นการสอน จึงให้ นำผลการประเมินผลระหวา่ งเรยี นไปใช้เปน็ ขอ้ มูลในการประเมนิ ผลการเรยี นปลายภาค/ปลายปี โดย สัดสว่ นการประเมนิ ผลระหว่างเรียนมากกวา่ การประเมินผลปลายภาค/ปลายปีเรยี น วิธีการปฏิบตั กิ ารประเมนิ ผลตามกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ๘ กลมุ่ การดำเนินการประเมินผลตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ ๘ กลุ่ม โรงเรียนกำหนดวิธีการปฏิบัติ โดยคณะกรรมการบรหิ ารหลกั สูตรและวิชาการรว่ มกนั กำหนดหลักการประเมนิ ผล ๘ กลมุ่ สาระ ดงั นี้ ๑. ทุกกลุ่มสาระให้มีการประเมินผลทุกรายวิชาให้ครอบคลุมทั้งด้านความรู้ ทักษะ กระบวนการ และคณุ ลกั ษณะ โดยมีการประเมินผล ดงั นี้ ๑.๑ การประเมนิ ผลกอ่ นเรียน ๑.๑.๑ ประเมินผลก่อนเรียนเพื่อตรวจสอบความพร้อมและพื้นฐานของผู้เรียนและจัด กจิ กรรมซ่อมเสรมิ เพ่ือใหม้ ีความรู้พืน้ ฐานเพยี งพอทจ่ี ะเรียน ๑.๑.๒ ประเมินก่อนเรียนเพื่อตรวจสอบความรอบรู้ในเนื้อหา และทักษะที่จะเริ่มเรียน เพอื่ เป็นขอ้ มูลเปรยี บเทยี บผลการเรยี นหลังเรยี น แสดงการพัฒนาการของผเู้ รยี น ๑.๑.๓ การประเมนิ ผลระหวา่ งเรยี น ให้มกี ารประเมนิ ผลเป็นระยะ ๆ และสอดคลอ้ งกับ ตัวชี้วัด โดยใช้การประเมินผลตามสภาพจริงด้วยวิธีการที่หลากหลายทั้งวิธีการวัด เครื่องมือ และ แหล่งข้อมูล เพื่อมุ่งตรวจสอบพัฒนาการของผู้เรียน และนำผลการประเมินไปปรับปรุงแก้ไขจนผู้เรียน สามารถบรรลุตามเกณฑ์ขั้นต่ำที่กำหนดไว้ โดยใช้วิธีการที่หลากหลายเหมาะสมกับศักยภาพของแต่ละ บุคคล ในกรณีที่ผู้เรียนต้องการพัฒนาปรับปรุงผลการเรียนให้สูงขึ้น ให้ผู้สอนเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ พฒั นาปรับปรุงแกไ้ ขผลงาน/ชิน้ งานตนเองจนเตม็ ศักยภาพของผูเ้ รียนภายในเวลาทก่ี ำหนดให้ ๑.๑.๔ การประเมินรายภาค ในการประเมินผลปลายภาค/ปลายปีสามารถประเมนิ จาก การปฏิบัติ การสื่อสาร เช่น การสัมภาษณ์จากผลงาน / ชิ้นงาน โครงงานหรือแบบทดสอบ ทั้งนี้ให้ สอดคล้องกบั ตวั ชว้ี ดั ๒. การกำหนดสัดส่วนระหว่างเรียนกับการประเมินปลายภาค/ปลายปี/ปลายปี ให้กลุ่มสาระ การเรียนรแู้ ต่ละกลมุ่ รว่ มกันกำหนดตามหลกั การทีค่ ณะกรรมการการบรหิ ารหลกั สูตรและวชิ าการ ดงั น้ี ๒.๑ การประเมินผลระหว่างเรียน ให้มีการประเมินผลไม่น้อยกว่าร้อยละ ๖๐ ของการ ประเมินผลทั้งหมด ยกเว้นกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ และกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและ เทคโนโลยี ใหม้ กี ารประเมนิ ผลไมน่ ้อยกว่าร้อยละ ๗๐ ๒.๒ การประเมินผลระหวา่ งเรยี นและการประเมินผลปลายภาค/ปลายปี ให้มีการ ประเมนิ ทั้งด้านความรู้ ทกั ษะ กระบวนการ และคุณลักษณะ ๒.๓ ในรายวิชาเดียวกันให้มีการกำหนดสัดส่วนระหว่างเรียนกับปลายภาค/ปลายปี และวางแผนประเมินผลตลอดภาคเรยี นร่วมกัน ๒.๔ ในกรณีที่มีการประเมินผลด้วยแบบทดสอบ ให้มีการประเมินโดยใช้วิธีการให้ ผูเ้ รยี นตอบแบบทดสอบอตั นัย โดยมีการให้คะแนนคดิ เป็นรอ้ ยละ ๗๐ ของการทดสอบครง้ั นน้ั ๓. การจดั ทำเอกสารบันทึกข้อมลู สารสนเทศของผเู้ รียน ประกอบดว้ ย [๒๑]
๓.๑ ผู้สอนแต่ละรายวิชาจัดทำแผนการประเมินผลในรายวิชาของตนเองตลอดภาคเรียน โดยมีหวั ข้อ ดงั นี้ ๑) การประเมนิ ผลก่อนเรียน ๒) การประเมินระหวา่ งเรยี น ๓) การประเมนิ ปลายภาค/ปลายปี ๔) อัตราส่วนน้ำหนักคะแนนระหว่างความรู้ (K) ทักษะกระบวนการ (P) และ คุณลักษณะ (A) และรายละเอียดน้ำหนักคะแนนของแต่ละตัวชี้วัด พร้อมทั้งระบุวิธีการวัด เครื่องมือ วดั และประเมนิ ผลในแตล่ ะตวั ชีว้ ัด ๕) กำหนดคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ประกอบด้วยคุณลักษณะตามธรรมชาติวชิ า และ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของสถานศึกษาทั้งนี้ให้ใช้แบบสรุปผลการประเมินตามแบบบันทึกที่แนบท้าย คู่มอื นี้ ๓.๒ จัดทำแบบบันทึกข้อมูลผลการประเมินทีแ่ สดงสารสนเทศของผู้เรียน ทั้งนี้เพื่อใช้เปน็ แหล่งข้อมลู ในการปรบั ปรุงแกไ้ ข สง่ เสรมิ ผู้เรียน และใชเ้ ปน็ หลักฐานสำหรับสื่อสารกับผู้เกี่ยวข้อง และ ใช้เป็นหลักฐานสำหรับตรวจสอบการปฏิบัติงานของผู้สอน ดังนั้นข้อมูลควรแสดงถึงร่องรอยการพัฒนา พร้อมระบุข้อสังเกตที่เน้นข้อค้นพบที่เป็นจุดเด่นและจุดด้อยของผู้เรียนเป็นรายบุคคล ทั้งระหว่างเรียน และปลายภาค/ปลายปี ๓.๓ จัดทำแบบบันทึกการประเมินความสามารถในการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียน เพื่อแสดงร่องรอยหลักฐานการพัฒนาความสามารถในการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียน และสรุปผล การประเมนิ ตามแบบสรุปผลการประเมินแนบทา้ ยคมู่ ือน้ี ๓.๔ จัดทำแบบบันทึกการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อแสดงร่องรอยหลักฐาน การพฒั นาคุณลักษณะผู้เรียน และสรุปผลการประเมินตามแบบสรุปผลการประเมินแนบท้ายคูม่ อื นี้ ๓.๕ นำผลการประเมนิ จากข้อ ๓.๒, ๓.๓ และ ๓.๔ มาสรุปและบันทกึ ลงในแบบ ปพ.๕ ๔. การตัดสนิ ผลการเรียนกล่มุ สาระการเรยี นรู้ ๘ กลมุ่ ๔.๑ การตัดสนิ ผลการเรียนใหน้ ำผลการประเมนิ ระหว่างเรยี นรวมกบั ผลการประเมนิ ปลายภาค/ปลายปี โดยใชเ้ กณฑ์ ดังน้ี ตารางแสดงคะแนน และระดับผลการเรยี น ชว่ งคะแนนเปน็ ร้อยละ ความหมาย ระดบั ผลการเรียน ๘๐ - ๑๐๐ ผลการเรียนดีเยี่ยม ๔ ๗๕ - ๗๙ ผลการเรยี นดมี าก ๓.๕ ๗๐ - ๗๔ ผลการเรียนดี ๓ ๖๕ - ๖๙ ผลการเรยี นคอ่ นข้างดี ๒.๕ ๖๐ - ๖๔ ผลการเรียนนา่ พอใจ ๒ ๕๕ - ๕๙ ผลการเรยี นพอใช้ ๑.๕ ๕๐ - ๕๔ ผลการเรยี นผ่านเกณฑ์ข้ันต่ำทีก่ ำหนด ๑ ๐ - ๔๙ ผลการเรียนต่ำกว่าเกณฑข์ น้ั ต่ำท่กี ำหนด ๐ [๒๒]
เม่อื ครูผสู้ อนตัดสินผลการเรียนแลว้ ให้ดำเนนิ การ ดังนี้ (1) ส่งผลการตัดสินใหอ้ นุกรรมการกลุ่มสาระพิจารณาให้การเห็นชอบ / แก้ไข แล้ว ส่งให้คณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการพิจารณาเห็นชอบ เพื่อนำเสนอผู้บริหารสถานศึกษา อนุมัติ ผลการเรยี น (2) ส่งผลการเรียนให้ ครูที่ปรึกษากรอกผลการเรียนลงในแบบ ปพ.๖ และนาย ทะเบยี นวัดผลกรอกในแบบ ปพ.๑ ๕. การให้ผลการเรียน “ร” ๕.๑ การให้ผลการเรยี น “ร” หมายถึง ผเู้ รยี นทม่ี ีลักษณะ ดังน้ี ๑) ผู้เรยี นไม่ไดร้ บั การประเมิน หรอื ประเมินแลว้ ไมผ่ ่านเกณฑ์ระหวา่ งเรียน ๒) ผเู้ รยี นไม่ไดร้ บั การประเมินปลายภาค/ปลายปี ๕.๒ วธิ กี ารให้ผลการเรียน “ร” เมอ่ื ผ้สู อนพบว่าผเู้ รยี นไม่ได้เข้ารบั การประเมนิ ผลระหว่าง เรียนหรือปลายภาค/ปลายปี ให้ผู้สอนรายงานพร้อมหลักฐานประกอบการพิจารณาเสนอผู้บริหารเพื่อ อนุมตั ิผลการเรียน “ร” แล้วประกาศผลใหน้ ักเรียนทราบ ๖. การใหผ้ ลการเรยี น “มส” ๖.๑ การให้ผลการเรียน “มส” หมายถึง ผู้เรียนมีเวลาเรียนไม่ถึงร้อยละ ๘๐ ของเวลา ท้ังหมด ๖.๒ วิธีการให้ผลการเรียน “มส” ให้ผู้สอนรายงานพร้อมแนบเวลาเรียนของผู้เรียน เสนอผู้บริหารเพือ่ อนมุ ตั ผิ ลการเรียน “มส” ก่อนประเมนิ ผลปลายภาค/ปลายปี ๒ สปั ดาห์ ๗. การแก้ไข “๐” ๗.๑ ผู้เรยี นนำใบแจง้ ความจำนงการแกไ้ ข “๐” พบครผู ู้สอนประจำวิชา ๗.๒ ผู้สอนดำเนินการพัฒนาผู้เรียนในผลการเรียนรู้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์ จนผู้เรียนสามารถ บรรลุ ผลตามเกณฑท์ ี่กำหนดไว้ โดยใหผ้ ลการเรียนไมเ่ กิน “๑” ๗.๓ ผู้สอนรวบรวมและสรุปผลการแก้ไข “๐” ไปยังงานวัดผลของโรงเรียนเพื่อเสนอต่อ ผู้บรหิ ารอนุมัติ และแจ้งผเู้ กีย่ วข้อง ๘. การแก้ไข “ร” ๘.๑ ผู้เรียนนำใบแจ้งความจำนงการแก้ไข “ร” พบครูผูส้ อนประจำวิชา ๘.๒ ผู้สอนดำเนินการตามสาเหตุของผลการเรียน “ร” นั้น ๆ โดยให้ผลการเรียนตาม เกณฑข์ อ้ ๔ ๘.๓ ผู้สอนรวบรวมและสรุปผลการแก้ไข “ร” ไปยังงานวัดผลของโรงเรียนผ่านคณะ กรรมการบริหารหลักสูตรและวชิ าการเหน็ ชอบ เพ่อื เสนอต่อผู้บรหิ ารอนมุ ตั ิ แลว้ แจ้งผเู้ ก่ียวขอ้ ง ๙. การแก้ไข “มส” ๙.๑ ผูเ้ รียนนำใบแจง้ ความจำนงไปพบครูผูส้ อนประจำวิชา ๙.๒ ผู้สอนพิจารณาว่าผู้เรียนมีข้อบกพร่องอะไร ให้ดำเนินการพัฒนาแก้ไขในสิ่งนั้นจน บรรลุเกณฑ์ขนั้ ต่ำทก่ี ำหนดไว้ โดยให้ผลการเรียนไม่เกิน “๑” ๙.๓ ผู้สอนรวบรวมและสรุปผลการแก้ไข “มส” ส่งงานวัดผลของโรงเรียนผ่านคณะ กรรมการบรหิ ารหลกั สตู รและวชิ าการเหน็ ชอบ เพ่ือเสนอผูบ้ ริหารอนมุ ัติ แล้วแจ้งผู้เก่ียวข้อง ๑๐. การแก้ไข “๐” “ร” และ “มส” ให้ดำเนินการแก้ไขให้เสร็จสิ้นภายใน ๒ สัปดาห์ หลงั จากได้รับแจง้ ประกาศของงานวดั ผลโรงเรยี น [๒๓]
สว่ นท่ี ๒ การประเมนิ กิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเป็นกิจกรรมที่สถานศึกษาได้ให้ผู้เรียนในทุกระดับชั้นการศึกษาได้พัฒนา ความสามารถของตนเองตามความถนัดและความสนใจให้เต็มศักยภาพ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาองค์รวม ของความเป็นมนุษย์ทั้งด้านร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม การจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน โดยรวมของสถานศึกษา มีการดำเนินการอย่างมีเป้าหมายชัดเจน มีรูปแบบ และวิธีการที่ครูที่ปรึกษา กิจกรรมและผู้เรียนร่วมกันกำหนด ผู้เรียนต้องผ่านเกณฑ์การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนตามท่ี สถานศึกษากำหนด จึงจะผา่ นเกณฑ์การประเมินระดบั ชนั้ ๑. ลกั ษณะกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน แบง่ เปน็ ๓ ลักษณะ คือ ๑.๑ กิจกรรมแนะแนว เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมและพัฒนาความสามารถของผู้เรียนให้ เหมาะสมตามความแตกต่างระหว่างบุคคล สามารถค้นพบและพัฒนาศักยภาพของตนเสริมสร้างทักษะ ชีวติ วฒุ ภิ าวะทางอารมณ์ การเรยี นรใู้ นเชิงพหุปัญญา และการสรา้ งสัมพันธภาพท่ีดี ซึ่งครูทุกคนต้อง ทำหน้าท่ีแนะแนวให้คำปรกึ ษาด้านชีวติ การศึกษาตอ่ และการพฒั นาตนเองสโู่ ลกอาชพี และการมงี านทำ ๑.๒ กิจกรรมนักเรียน เป็นกิจกรรมที่ผู้เรียนเป็นผู้ปฏิบัติด้วยตนเองอย่างครบวงจรตั้งแต่ ศกึ ษาวิเคราะห์ วางแผน ปฏบิ ตั ิตามแผน ประเมิน และปรับปรงุ การทำงาน โดยเนน้ การทำงานรว่ มกัน อย่างเป็นกลุ่ม ได้แก่ โครงงาน กิจกรรมชุมนุม กิจกรรมวิชาการ กิจกรรมพัฒนานิสัยรักการอ่าน การ คิด วิเคราะห์ และเขียน กิจกรรมสาธารณประโยชน์ ลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาด และผู้บำเพ็ญ ประโยชน์ และกจิ กรรมพัฒนาคุณลักษณะอนั พึงประสงคข์ องผเู้ รยี น ๑.๓ กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนบำเพ็ญตน ให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม ชุมชน และท้องถิ่นตามความสนใจในลักษณะอาสาสมัครเพื่อแสดงถึงความ รับผิดชอบ ความดีงาม ความเสียสละต่อสังคม มีจิตสาธารณะ เช่น กิจกรรมอาสาพัฒนาต่าง ๆ กจิ กรรมสร้างสรรคส์ งั คม ๒. การประเมนิ กจิ กรรมพัฒนาผู้เรียนรายกจิ กรรม ๑) ผู้รับผิดชอบกิจกรรมประเมินการปฏิบัติกิจกรรมของผู้เรียนตามจุดประสงค์ของแต่ละ กิจกรรม โดยประเมินจากพฤติกรรมการปฏิบัติกิจกรรมและผลการปฏิบัติกิจกรรมด้วยวิธีการท่ี หลากหลายตามสภาพจรงิ ๒) ผู้รับผิดชอบกิจกรรมตรวจสอบเวลาเข้าร่วมกิจกรรมของผู้เรียนว่าเป็นไปตามเกณฑ์ท่ี สถานศกึ ษากำหนดไวห้ รอื ไม่ ๓) ตัดสินให้ผู้เรียนที่ผ่านจุดประสงค์สำคัญของกิจกรรม มีผลงานชิ้นงานหรือหลักฐาน ประกอบและมีเวลาเขา้ ร่วมกจิ กรรมครบตามเกณฑ์ ใหเ้ ปน็ ผผู้ ่านการประเมินผลการรว่ มกิจกรรม ผู้เรียน ที่มีผลการประเมินบกพร่องในเกณฑ์ใดเกณฑ์หนึ่ง จะเป็นผู้ไม่ผ่านการประเมินผลการร่วมกิจกรรม จะตอ้ งซ่อมเสริมขอ้ บกพรอ่ งให้ผา่ นเกณฑก์ ่อน จึงจะได้รับการตดั สินใหผ้ า่ นกจิ กรรม ๓. การประเมินกิจกรรมพัฒนาผ้เู รียนเลือ่ นชน้ั /จบหลักสตู ร เป็นการประเมินสรุปผลการผ่านกิจกรรมตลอดปีการศึกษาของผู้เรียนแต่ละคนเพื่อนำผล ไปพจิ ารณาตดั สินการเล่ือนชัน้ โดยมขี น้ั ตอนปฏบิ ตั ิ ดงั นี้ ๓.๑ คณะกรรมการทไี่ ดร้ บั แต่งตงั้ รวบรวมผลการประเมนิ แต่ละกจิ กรรมมาตัดสนิ ตามเกณฑ์ การตดั สินการประเมนิ กจิ กรรมพัฒนาผ้เู รียน และรายงานผลตอ่ ผปู้ กครอง [๒๔]
๓.๒ คณะกรรมการสรุปผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ให้คณะกรรมการบริหาร หลกั สตู รและวชิ าการเพ่อื พจิ ารณาเหน็ ชอบ ๓.๓ ผู้บริหารสถานศึกษาพจิ ารณาตดั สนิ อนุมัตผิ ลการประเมนิ รายภาค ๓.๔ คณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการ รวบรวมผลการประเมินรายภาค ตัดสิน ผลการเลื่อนชนั้ /จบหลักสูตร เสนอผบู้ ริหารอนมุ ัติ ๔. เกณฑ์ตัดสนิ ผลการประเมนิ กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน ๔.๑ เกณฑ์การตดั สินรายกจิ กรรมพจิ ารณาจาก ๑) เข้าร่วมกิจกรรมไมน่ ้อยกวา่ ร้อยละ ๘๐ ของเวลาท้ังหมด ๒) ผู้เรียนมพี ฤตกิ รรมด้านการเรียนรไู้ ม่น้อยกว่ารอ้ ยละ ๗๐ ๓) ผ้เู รียนปฏิบตั ิกิจกรรมและผา่ นจดุ ประสงค์สำคญั ของแต่ละกิจกรรมกำหนดทกุ ข้อ ๔.๒ ผ้เู รียนต้องผ่านเกณฑ์ ข้อ ๔.๑ ถือว่าผา่ นรายกจิ กรรม ๔.๓ เกณฑ์การตัดสนิ กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น ผู้เรยี นต้องได้รบั ผลการประเมนิ ผ่านท้งั กิจกรรมแนะแนว กจิ กรรมนกั เรยี นทกุ กิจกรรมและกจิ กรรมเพอ่ื สังคมและสาธารณประโยชนถ์ ือวา่ ผ่าน กจิ กรรมพฒั นาผ้เู รียน ๔.๔ เกณฑก์ ารผ่านเล่อื นช้ัน / จบหลักสูตร ผู้เรียนต้องได้รบั ผลการประเมิน ผา่ น ทุก กิจกรรมรายภาค ๕. แนวทางการซอ่ มเสริมกิจกรรมพฒั นาผ้เู รียน ๕.๑ กรณีไม่ผ่านเนื่องจากเวลาเข้าร่วมกิจกรรมไม่ครบ คณะกรรมการพัฒนาและการ ประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน กำหนดกิจกรรมให้ผู้เรียนไปปฏิบัติตามเวลาที่กำหนด ภายใต้การ ควบคุมดูแลของที่ปรึกษากิจกรรมนั้น ๆ จนกว่าผู้เรียนปฏิบัติกิจกรรมนั้นได้ อาจารย์ประจำกิจกรรม สรุปรายงานผลการปฏิบัติกิจกรรมให้คณะกรรมการพิจารณาผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น เพ่ือ ตัดสินผลการผ่านกิจกรรมรายภาค ๕.๒ กรณีไม่ผ่านจุดประสงค์สำคัญของกิจกรรมให้คณะกรรมการมอบหมายภาระงานที่ ผู้เรียนไม่ผ่านไปปฏิบัติภายใต้การดูแลของอาจารย์ที่ปรึกษากิจกรรม จนกว่าผู้เรียนจะปฏิบัติตามภาระ งานนน้ั ได้ ให้ที่ปรกึ ษาสรปุ ผลการปฏิบตั ิส่งใหค้ ณะกรรมการพจิ ารณาผลการประเมินการซ่อมเสริม เพ่ือ ตัดสินผลการผา่ นกจิ กรรมเปน็ รายภาค ๕.๓ คณะกรรมการสรุปผลการประเมินทั้งกรณีใน ข้อ ๕.๑ และ ข้อ ๕.๒ ส่ง คณะกรรมการบริหารหลกั สูตรและวิชาการ เหน็ ชอบและเสนอผบู้ ริหารอนุมัติต่อไป สว่ นท่ี ๓ การพัฒนาและประเมนิ ผลคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ ๑. ความสำคัญของคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผู้เรียน การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาประเทศ โดยที่มีการจัดการศึกษา เป็นวิธีการหลักท่ีสำคัญที่สุด การจัดการศึกษาให้ผู้เรียนเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ จึงจำเป็นต้องมีการพัฒนา ผู้เรียนให้เป็นผู้ที่มีการพัฒนาการทั้งด้านปัญญา จิตใจ ร่างกาย และสังคม การพัฒนาจิตใจจึงถือเป็น สิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง ดังจะเห็นได้จากพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตราที่ ๒๓ “การจัด การศึกษาทั้งการศึกษาในระบบ นอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัยต้องเน้นทั้งความรู้ คุณธรรม กระบวนการเรียนรู้ และบูรณาการตามความเหมาะสมของแต่ละระดับ” มาตรา ๒๔ วรรค [๒๕]
๔ “จัดการเรียนการสอนโดยผสมผสานสาระความรู้ต่าง ๆ อย่างเป็นสัดส่วนสมดุลกัน รวมทั้งปลูกฝัง คุณธรรม ค่านิยมท่ีดงี าม และคณุ ลกั ษณะท่พี งึ ประสงคไ์ ว้ในทุกวชิ า ด้วยเหตุดังกล่าวข้างต้น หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ จงึ กำหนดไวใ้ น จดุ หมายของหลักสูตรเป็นข้อแรก คอื มีคณุ ธรรม จริยธรรม และค่านยิ มท่ีพึงประสงค์ เห็นคุณค่าของตนเอง มีวินัยและปฏิบัติตนตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนา หรือศาสนาที่ตนนับถือ ยดึ หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง และกำหนดให้สถานศึกษาได้สร้างหลักสูตรสถานศึกษาด้วยตนเอง ทั้งนี้เพื่อให้เป็นหลักสูตรที่ตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม เป็นไปตามความ ต้องการจำเป็นของชุมชนท้องถิ่นของตนอง โดยที่สถานศึกษาจะต้องร่วมกับชุมชนกำหนดเป้าหมายใน การพัฒนาผู้เรียนด้านคุณธรรม จริยธรรมค่านิยมที่สอดคล้องกับสภาพปัญหา ความจำเป็นของชุมชน และท้องถิ่น และกำหนด เป็นเกณฑ์การจบหลักสูตรข้อหนึ่ง ในแต่ละระดับ คือ ผู้เรียนต้องผ่านการ ประเมินคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ตามเกณฑท์ สี่ ถานศึกษากำหนด ๒. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ หลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน มุ่งพัฒนาผูเ้ รยี นให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์เพ่ือให้ สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุข ในฐานะเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ได้กำหนดให้ สถานศกึ ษาทกุ แห่ง พัฒนาผเู้ รียน ดงั นี้ ๑) รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ๒) ซ่ือสตั ย์สุจริต ๓) มีวนิ ยั ๔) ใฝเ่ รียนรู้ ๕) อยอู่ ย่างพอเพียง ๖) มุ่งม่ันในการทำงาน ๗) รกั ความเปน็ ไทย ๘) มจี ติ สาธารณะ ความหมายและตัวบ่งช้ีคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ๒.๑ คณุ ลักษณะ : รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ความหมาย รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ หมายถึง ลักษณะของบุคคลที่แสดงออก ด้วย กาย วาจา และใจ ตวั บ่งช้ีคุณลักษณะ รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ๒.๑.๑ มคี วามจงรกั ดภี ักดใี นสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์ ๒.๑.๒ ปฏบิ ัตติ นตามหลกั ธรรมศาสนา ๒.๒ คุณลักษณะ : ซ่ือสัตยส์ ุจรติ ความหมาย ซื่อสัตย์สุจริต หมายถึง ลักษณะของบุคคลที่แสดงออกด้วยกาย วาจา และใจ ตวั บ่งชคี้ ุณลักษณะ ซื่อสัตย์สจุ รติ ๒.๒.๑ ไม่นำสิ่งของผู้อ่นื มาเป็นของตน ๒.๒.๒ ไม่พูดเท็จทั้งต่อหน้าและลบั หลัง [๒๖]
๒.๓ คุณลกั ษณะ : มีวินัย ความหมาย มีวินัย หมายถึง ลักษณะของบุคคลที่แสดงออกถึงความเอาใจใส่ จดจ่อ ตัง้ ใจ มงุ่ มน่ั ต่อหน้าที่การงาน การศึกษาเล่าเรยี น และการเป็นอยขู่ องตนเอง และผู้อยู่ในความ ดูแลตลอดจนสังคมอย่างเต็มความสามารถด้วยความผูกพนั เพื่อให้บรรลผุ ลสำเร็จตามความมุ่งหมายใน เวลาทกี่ ำหนด ยอมรบั ผลการกระทำท้ังผลดแี ละผลเสียทเี่ กิดขึน้ รวมทงั้ ปรบั ปรุงการปฏิบตั ใิ ห้ดีขึน้ ดว้ ย ตวั บ่งชีค้ ุณลกั ษณะ มีวนิ ัย ๒.๓.๑ มีความพยายามปฏบิ ัติภารกิจ หนา้ ทีก่ ารงาน การศึกษา หรือหน้าท่ีท่ีได้รับ มอบหมายอยา่ งเตม็ ความสามารถ ๒.๓.๒ ตรงต่อเวลา ๒.๓.๓ ทำงานโดยคำนึงถึงคุณภาพของงาน ๒.๓.๔ ดูแลรักษาสาธารณสมบตั ิ ๒.๔ คุณลักษณะ : ใฝเ่ รยี นรู้ ความหมาย ใฝเ่ รยี นรู้ หมายถงึ ลักษณะของบคุ คลท่ีแสดงออกถงึ ความใฝเ่ รียน ใฝ่รู้ ตวั บง่ ชีค้ ณุ ลักษณะ ใฝ่เรียนรู้ ๒.๔.๑ มกี ารซักถามปัญหาในและนอกบทเรยี นสมำ่ เสมอ ๒.๔.๒ รจู้ ักใชแ้ หลง่ เรยี นรภู้ ายในและนอกโรงเรยี นประกอบการเรยี นรู้ ๒.๕ คุณลักษณะ : อยู่อย่างพอเพียง ความหมาย อยู่อย่างพอเพียง หมายถึง ลักษณะของบุคคลที่แสดงถึงการประพฤติตน เปน็ ผ้ปู ระหยัดเวลา ทรพั ย์ และแรงงาน ทั้งของตนเองและส่วนรวม ตลอดจนวางแผนออมเพื่ออนาคต ตวั บง่ ชีค้ ุณลกั ษณะ อยู่อยา่ งพอเพยี ง ๒.๕.๑ เลอื กใช้ส่งิ ของทเ่ี หมาะสมกบั สถานภาพของตนและการใช้งาน ๒.๕.๒ ใชน้ ำ้ ใช้ไฟ อยา่ งระมัดระวงั และเฉพาะส่วนท่จี ำเป็น ๒.๖ คณุ ลกั ษณะ : มงุ่ มัน่ ในการทำงาน ความหมาย มุ่งมั่นในการทำงาน หมายถึง ความสามารถทางร่างกาย ความคิด จิตใจ ท่ีจะปฏิบัติกิจกรรมตา่ ง ๆ ใหส้ ำเรจ็ ลุล่วงตามเปา้ หมายทีก่ ำหนด ไมย่ ่อท้อต่อปัญหาอุปสรรค ตวั บง่ ชีค้ ุณลกั ษณะ มงุ่ มน่ั ในการทำงาน ๒.๖.๑ มีความเข้มแข็ง พยายามเอาชนะปญั หาอปุ สรรคโดยไมย่ ่อท้อ ๒.๖.๒ มีจิตใจหนักแน่น สามารถควบคุมอารมณ์และพฤติกรรมให้เป็นปกติเมื่อพบ กบั ปัญหาหรือส่ิงยว่ั ยตุ ่าง ๆ ๒.๗ คุณลักษณะ : รกั ความเป็นไทย ความหมาย รักความเป็นไทย หมายถึง ลักษณะของบุคคลที่แสดงถึงการปฏิบัติตน ทงั้ กาย ใจ และความคดิ ทค่ี ำนึงถึงความเปน็ ไทย ตวั บ่งชคี้ ณุ ลกั ษณะ รกั ความเป็นไทย ๒.๗.๑ ใช้ส่ิงของทีผ่ ลติ ในประเทศ ๒.๗.๒ เขา้ ร่วมกิจกรรมท่ีเก่ียวข้องกับวัฒนธรรม ประเพณไี ทย และแตง่ กายแบบไทย ๒.๗.๓ ใช้ภาษาไทยไดถ้ กู ตอ้ ง [๒๗]
๒.๘ คณุ ลักษณะ : มจี ติ สาธารณะ ความหมาย มีจิตสาธารณะ หมายถึง ลักษณะของบุคคลที่แสดงถึงการใช้วาจา ใจ และกาย ตอ่ บุคคลอน่ื ดว้ ยความเมตตา ให้ความช่วยเหลือ โดยไม่หวงั ส่งิ ตอบแทน ตัวบ่งชี้คุณลักษณะ มีจติ สาธารณะ ๒.๘.๑ ร่วมกิจกรรมการบำเพ็ญประโยชนส์ าธารณะ เช่น วัด, โบราณสถาน ๒.๘.๒ อาสาปฏบิ ัตกิ ิจกรรมสาธารณประโยชน์ ๓. เกณฑ์การประเมินคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ๓.๑ เกณฑก์ ารประเมินตวั บ่งชี้ ๑) เกณฑร์ ะดับคุณภาพ ระดบั คุณภาพ ดีเยย่ี ม หมายถึง ผเู้ รียนมพี ฤติกรรมตามตัวบง่ ชี้ ร้อยละ ๘๐ – ๑๐๐ ของจำนวนครงั้ ของการประเมินท้งั หมด ดี หมายถึง ผ้เู รียนมีพฤติกรรมตามตวั บง่ ชี้ รอ้ ยละ ๖๕ – ๗๙ ของจำนวนคร้ังของการประเมินท้งั หมด ผา่ น หมายถึง ผเู้ รยี นมพี ฤติกรรมตามตวั บง่ ช้ี รอ้ ยละ ๕๐ – ๖๔ ของจำนวนคร้ังของการประเมินทั้งหมด ไม่ผา่ น หมายถึง ผู้เรียนมีพฤติกรรมตามตวั บง่ ช้ี ร้อยละต่ำ ๕๐ ของจำนวนครง้ั ของการประเมินทัง้ หมด ๒) เกณฑ์การตัดสนิ การผ่านแต่ละตัวบง่ ช้ี ผู้เรียนต้องมีพฤติกรรมตามตัวบง่ ชอี้ ยู่ในระดับผา่ นขึน้ ไป ถอื วา่ ผ่านแต่ละตัวบ่งช้ี ๓.๒ เกณฑก์ ารประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ๓.๒.๑ ใหค้ ดิ คา่ ฐานนิยม (Mode) จากเกณฑก์ ารประเมินตัวบ่งชี้มาเปน็ ระดับคุณภาพ ของคุณลักษณะอันพึงประสงค์แตล่ ะข้อ ๓.๒.๒ ให้คิดค่าฐานนิยม จากเกณฑ์การประเมนิ คุณลกั ษณะ ๘ ข้อ สรุปเปน็ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงคข์ องรายวชิ านนั้ ๆ ๓.๒.๓ ให้คิดค่าฐานนิยม จากคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์รายวิชา สรุปเป็นคณุ ลกั ษณะ อนั พึงประสงค์ของผู้เรยี นรายบคุ คล ๓.๓ เกณฑก์ ารตดั สินแต่ละคณุ ลักษณะ ผู้เรียนตอ้ งไดร้ ับการประเมินอย่ใู นระดบั คณุ ภาพ ผ่านขึ้นไป ถอื ว่า ผ่าน แนวการพฒั นาและประเมินคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ๑. ระดบั ผู้ปฏิบัติ ในการพัฒนาและประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์นั้น โรงเรียนกำหนดให้ผู้สอนทุกรายวิชา ผู้รับผิดชอบงาน / โครงการ / กิจกรรม และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนที่นอกเหนอื จากครูผู้สอนรายวิชาต่าง ๆ ไดด้ ำเนินการ ดังน้ี ๑.๑ ครูผู้สอนรายวิชาต่าง ๆ ทุกรายวิชา ให้จัดกิจกรรมการเรียนรูใ้ นรายวิชาของตนโดย สอดแทรกคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของสถานศึกษาในคุณลักษณะใดคุณลักษณะหนึ่งที่เหมาะสม และ สอดคลอ้ งกบั การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้น้นั ๆ โดยให้ระบุไวใ้ นแผนการจดั กจิ กรรมการเรียนรทู้ ุกแผน [๒๘]
๑.๒ ผู้รับผิดชอบงาน / โครงการ / กิจกรรม และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนทั้งกิจกรรมแนะ แนว กิจกรรมชุมนุมต่าง ๆ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่นอกเหนือจากรายวิชาต่าง ๆ ให้ดำเนินการจัดกิจกรรม พฒั นาคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยระบไุ วใ้ นแผนการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ๑.๓ ผู้รับผิดชอบทั้ง ข้อ ๑.๑ และ ๑.๒ ดำเนินการพัฒนาพร้อมกับประเมินผลและ ปรับปรุงผู้เรียนเป็นระยะ ๆ เพื่อแสดงพัฒนาการของผู้เรียน บันทึกร่องรอยหลักฐานการประเมินและ ปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เมื่อเสร็จสิ้นภาคเรียน / ปลายปี หรือสิ้นโครงการ / กิจกรรม ให้มีการประเมิน และสรุปผลบันทึกลงใน แบบ ปพ. ๕ และระบุ จุดเด่น จุดด้อย ของผู้เรียนแต่ละคน ตามเกณฑ์ที่ กำหนดไว้ พรอ้ มแนบข้อมลู บนั ทกึ หลักฐานร่องรอยการประเมนิ และปรบั ปรงุ ประกอบส่งให้คณะกรรมการ ของกลุม่ สาระการเรยี นรขู้ องตนเอง ได้ตรวจสอบความถกู ต้องสมบูรณ์ ๑.๔ คณะกรรมการแต่ละกลุ่มสาระรวบรวมผลการประเมินทั้งหมด และสรุปผลการ ประเมินลงในใบ แบบ ปพ. ๕ ส่งคณะกรรมการประเมินคุณลักษณะของสถานศึกษาที่ได้รับการแต่งต้ัง เพื่อดำเนนิ การต่อไป ๒. ระดับคณะกรรมการประเมินคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงคข์ องสถานศกึ ษา ให้มีการประเมินและตัดสินผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนทุกภาคเรียน / ปี โดยสถานศึกษาแต่งตั้งคณะกรรมการประเมินและตัดสินผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ระดบั ชั้นละ ๓ – ๕ คน ดำเนนิ การดังนี้ ๒.๑ คณะกรรมการทุกระดับชั้น ศึกษาและทำความเข้าใจร่วมกันในเรื่องของเกณฑ์การ ประเมินระดับคุณภาพ ตลอดจนแนวทางการประเมินท่ีสถานศึกษากำหนดไว้ ๒.๒ คณะกรรมการประเมินแต่ละระดับชั้น นำผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ จากผู้ปฏิบัติใน ข้อ ๑ มาร่วมกันพิจารณาผลการประเมิน และข้อมูลจากการบันทึกร่องรอยหลักฐานที่ แนบมาเปน็ รายบคุ คลเทยี บกับเกณฑ์ที่กำหนดไว้ แลว้ ตัดสินผลการประเมนิ สรุปผลการประเมนิ บันทึกลง ในแบบ ปพ. ๕ ระบุจุดเด่นจุดด้อยของผู้เรียนเป็นรายบุคคล ส่งคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและ วิชาการเห็นชอบ และเสนอผู้บริหารอนุมตั ผิ ลการประเมิน ๒.๓ กรณีที่คณะกรรมการไม่สามารถตัดสินผลการประเมิน เนื่องจากข้อมูลไม่เพียงพอ ใหค้ ณะกรรมการขอขอ้ มูลเพม่ิ เตมิ จากผู้รับผิดชอบ จนสามารถตัดสินผลการประเมนิ ได้ ๒.๔ นายทะเบยี นนำผลการตัดสินมาดำเนนิ การจัดทำ ปพ.๔ และหลักฐานการศึกษาอ่ืนที่ เกยี่ วข้อง และประกาศให้ผเู้ กีย่ วขอ้ งรับทราบตอ่ ไป ๓. การประเมนิ การเลื่อนช้ัน / การจบหลกั สตู ร คณะกรรมการบรหิ ารหลกั สูตรและวิชาการ นำผลการประเมนิ รายภาค / รายปี มาร่วม พิจารณาและตัดสนิ ผลการเลื่อนชนั้ / จบหลักสูตร แนวทางในการซ่อมเสรมิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ๑. คณะกรรมการประเมินคุณลักษณะร่วมกนั พิจารณาว่า ผูเ้ รยี นมีคณุ ลกั ษณะใดท่ีต้องพัฒนา ปรับปรงุ ๒. คณะกรรมการประเมินคุณลักษณะกำหนดแนวทางในการพัฒนาปรับปรุงพร้อมระยะเวลา โดยมอบหมาย ให้ที่ปรึกษาในระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ดำเนินการติดตามช่วยเหลือแนะนำการ ปฏิบตั ิงานตามแนวทางท่ีคณะกรรมการกำหนด [๒๙]
๓. กจิ กรรม ในการพัฒนาปรบั ปรงุ ผเู้ รียน ๓.๑ กำหนดภาระงานหรือกิจกรรมที่สอดคล้องกับตัวบ่งชี้ของคุณลักษณะที่ต้องพัฒนา ปรบั ปรุง ๓.๒ ผู้เรียนร่วมกิจกรรมที่สอดคล้องกับคุณลักษณะที่ต้องพัฒนาปรับปรุงทั้งในและนอก โรงเรยี น ๓.๓ ผู้เรียนเสนอโครงงาน / งาน ที่สอดคล้องกับคุณลักษณะที่ต้องพัฒนาปรับปรุงให้ คณะกรรมการประเมินคุณลักษณะเห็นชอบ ๔. ผู้เรียนปฏิบตั ิตามแนวทางท่ีคณะกรรมการกำหนดหรือเห็นชอบ และรายงานผลการปฏบิ ตั ิ ให้ ที่ปรึกษาในระบบดูแลทราบเป็นระยะ ๆ พร้อมกับมีผู้รับรองผลการปฏิบัติโดยที่ปรึกษาบันทึก ขอ้ คิดเห็นในการปฏิบัตกิ ิจกรรมจนเสรจ็ สนิ้ กิจกรรม ๕. ที่ปรึกษาในระบบดูแล บันทึกผลแสดงพัฒนาการคุณลักษณะของผู้เรียนที่แสดงร่องรอย หลักฐานการปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ รวบรวมผลการปฏิบัติส่งคณะกรรมการประเมินคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ ๖. คณะกรรมการประเมนิ คณุ ลักษณะพิจารณาร่องรอยหลกั ฐานผลการปฏิบัติกจิ กรรมเทียบกับ เกณฑ์ที่กำหนด แล้วประเมินและตัดสนิ ผลการซอ่ มเสริมคุณลักษณะอันพงึ ประสงคส์ รุปผลเสนอต่อคณะ กรรมการบริหารหลักสตู รและวชิ าการเห็นชอบ เพื่อเสนอต่อผู้บรหิ ารสถานศกึ ษาอนมุ ตั ิตอ่ ไป ๗. นายทะเบียนวดั ผลดำเนนิ การจัดทำ ปพ.๔ และแจ้งแก่ผเู้ กยี่ วข้องต่อไป สว่ นที่ ๔ การพัฒนาและประเมินความสามารถในการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขยี น การอา่ น คิดวเิ คราะห์ และเขียน จำนวน ๓ ข้อ คือ ๑. อ่านและเข้าใจ สามารถคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ได้อย่างมีเหตุผลเป็นระบบ และเขียน เสนอความคดิ ได้ ตัวบง่ ชท้ี ี่ ๑ เขียนรายงานเรอ่ื งทีศ่ กึ ษาคน้ คว้าได้ ตวั บง่ ชที้ ี่ ๒ ตอบคำถามจากเรอ่ื งท่ีศกึ ษาค้นคว้าได้ ตวั บ่งชีท้ ี่ ๓ เขยี นแสดงความคิดเห็นจากเรอ่ื งท่ีอ่านได้ ตวั บ่งช้ีที่ ๔ เขียนสรุปจากเรื่องท่ีอา่ นได้ ๒. นำความรคู้ วามเข้าใจท่ไี ด้จากการอา่ นไปใชใ้ นการแกป้ ญั หา ตดั สินใจ คาดคะเนเร่อื งราว หรือเหตุการณ์ และสรุปเป็นแนวปฏบิ ตั ไิ ด้ ตัวบง่ ชี้ที่ ๑ ทำโครงงาน / รายงานในเรื่องที่สนใจไดต้ ามศกั ยภาพ ตวั บ่งชท้ี ี่ ๒ นำเสนอโครงงาน / รายงานได้ตามศักยภาพ ตัวบง่ ชท้ี ี่ ๓ เนอื้ หาในการทำโครงงาน / รายงานสอดคล้องกับเรอื่ งทเี่ รยี น ตวั บง่ ช้ที ี่ ๔ เขียนข้นั ตอนในการปฏบิ ตั งิ านได้ ๓. มีความคดิ สร้างสรรค์ และสามารถเขียนถา่ ยทอดความคดิ เพือ่ การส่ือสารได้ ตัวบ่งชท้ี ่ี ๑ เขยี นเรื่องราวเชงิ สร้างสรรคไ์ ด้ตามศกั ยภาพ ตัวบง่ ช้ีที่ ๒ เขียน / วาดภาพจากจินตนาการในเรือ่ งทต่ี นสนใจได้ แนวทางและวธิ กี ารประเมิน [๓๐]
การประเมนิ ความสามารถในการอา่ น คดิ วเิ คราะห์ และเขยี น โรงเรียนจะใชแ้ นวทางการวัด และการประเมินจากการปฏิบตั ิจรงิ (Authentic Performance Measurement) จึงกำหนดแนวทาง และวธิ ีการประเมินใหค้ รูผสู้ อนทุกกลมุ่ สาระการเรียนรูน้ ำไปใช้ในการประเมิน ดงั น้ี ๑. วธิ ีการประเมิน ๑.๑ ความสามารถจริงของผู้เรยี นในการปฏิบัติกิจกรรมทางการเรยี นรายวชิ าตา่ ง ๆ ใน ส่วนท่เี ก่ยี วกับการอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขียน โดยการสงั เกตของครู ๑.๒ มอบหมายใหผ้ ูเ้ รียนไปศึกษาค้นคว้า แลว้ เขยี นเป็นรายงาน ๑.๓ ผลงานเชงิ ประจกั ษต์ า่ ง ๆ เกี่ยวกบั การอา่ น การคิด การวเิ คราะห์ และเขียนท่ี รวบรวมและนำเสนอในรปู ของแฟ้มสะสมงาน ๑.๔ การทดสอบโดยใช้แบบทดสอบแบบเขียนตอบ หรือเขยี นเรยี งความ ๑.๕ การเขยี นรายงานจากการปฏิบตั ิโครงงาน ๒. เกณฑ์การประเมิน ผลงาน : การเขียนจากการอา่ น คดิ วเิ คราะห์ ๒.๑ การใช้กระบวนการอา่ นอย่างมีประสิทธิภาพ ๒.๒ การแสดงความคิดเหน็ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ ๒.๓ ใช้กระบวนการเขียนสื่อความอย่างมีประสิทธิภาพ ๓. เกณฑร์ ะดบั คณุ ภาพ ความสามารถในการอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขียน เกณฑ์ระดบั คณุ ภาพ : การอ่าน ระดบั ดีเย่ยี ม ระบุสาระของเร่อื งท่ีอ่านได้ถกู ต้องครบถ้วน ลำดับเรอ่ื งท่ีอ่านได้ถูกต้อง ระบปุ ระเดน็ สำคัญของเรอ่ื งท่ีอ่านได้ถกู ต้อง ระบจุ ดุ มุ่งหมาย และเจตคติ ของผเู้ ขยี น ดี ระบุสาระของเรือ่ งท่ีอา่ นไดถ้ กู ตอ้ งครบถ้วน ลำดับเรือ่ งที่อ่านไดถ้ กู ต้อง ระบุประเด็นสำคญั ของเรอื่ งทอ่ี า่ นไดถ้ กู ตอ้ ง ระบจุ ุดม่งุ หมาย และเจตคติ ของผ้เู ขียนไม่ครบถ้วน ผ่าน ระบุสาระของเร่อื งท่ีอา่ นไดถ้ ูกตอ้ งครบถ้วน ลำดบั เรือ่ งท่ีอา่ นค่อนข้างถูกตอ้ ง ระบปุ ระเด็นสำคญั ของเรื่องที่อ่านได้ไม่สมบูรณ์ ระบจุ ดุ มุ่งหมาย และเจตคติ ของผู้เขยี นเพียงเลก็ นอ้ ย ไม่ผา่ น ระบสุ าระของเร่อื งที่อ่านได้ไมค่ รบถ้วน ลำดบั เร่ืองที่อ่านผดิ พลาดเลก็ นอ้ ย ระบุประเด็นสำคญั ของเรอ่ื งทีอ่ ่านไมถ่ กู ต้อง ไม่ระบจุ ุดมุ่งหมาย และเจตคติ ของผ้เู ขียน เกณฑ์ระดบั คณุ ภาพ : การคิด วเิ คราะห์ ระดบั ดเี ยยี่ ม แสดงความคิดเห็นชัดเจน มีเหตุผลระบุข้อมูลสนับสนุนที่น่าเชื่อถือมีความคิด ทแี่ ปลกใหม่ เป็นประโยชนต์ อ่ สังคมโดยส่วนรวม ดี แสดงความคดิ เหน็ ค่อนข้างชดั เจน มีเหตุผลระบขุ อ้ มูลสนบั สนนุ มคี วามคิด ที่เป็นประโยชน์ต่อสงั คมโดยสังคมรอบขา้ งตนเอง ผ่าน แสดงความคดิ เห็นที่มเี หตผุ ลระบุขอ้ มลู สนับสนุนทีพ่ อรับได้มคี วามคิดท่ีเป็น ประโยชนต์ อ่ ตนเอง [๓๑]
ขนั้ ตอน ไม่ผา่ น แสดงความคิดเหน็ มเี หตุผลไม่ชดั เจน ขาดข้อมลู สนบั สนุน มีความคดิ ที่ยังมอง ขัน้ ตอน ไมเ่ หน็ ประโยชน์ที่ชัดเจน เกณฑ์ระดับคุณภาพ : การเขียน ระดบั ดเี ย่ียม มจี ุดประสงค์ในการเขียนชดั เจนได้เน้ือหาสาระ รปู แบบการเขยี นถกู ต้องมี การเขียนชัดเจนงา่ ยต่อการติดตาม ใช้ไวยากรณ์และสะกดคำถกู ตอ้ ง พัฒนาสำนวนภาษาที่ส่อื ความหมายได้ชัดเจนกะทัดรัด ดี มจี ดุ ประสงค์ในการเขยี นชัดเจนไดเ้ น้ือหาสาระ รปู แบบการเขียนถูกต้องมี การเขียนชัดเจนง่ายตอ่ การติดตาม ใช้ไวยากรณแ์ ละสะกดคำผิดพลาด ไม่เกิน ๓ แหง่ พัฒนาสำนวนภาษาทีส่ อ่ื ความหมายได้ชัดเจน ผ่าน มีจดุ ประสงคใ์ นการเขยี นชดั เจนและคอ่ นข้างได้เนื้อหาสาระ รูปแบบการเขียน ถกู ต้อง มขี นั้ ตอนการเขยี นชัดเจนงา่ ยตอ่ การติดตาม ใช้ไวยากรณ์และสะกดคำ ผิดพลาดมากกวา่ ๓ แหง่ ขาดการพฒั นาสำนวนภาษาทส่ี ื่อความหมายได้ ชดั เจน ไมผ่ ่าน ขาดจดุ ประสงคใ์ นการเขยี นและเนื้อหาสาระนอ้ ย ใชไ้ วยากรณ์และสะกดคำ ผิดพลาดมาก ขาดการพฒั นาสำนวนภาษาท่สี ื่อความหมาย ๔. การสรปุ ผลการประเมินความสามารถในการอา่ น คิด วเิ คราะห์ และเขียน ๔.๑ ให้คิดค่าฐานนิยม (Mode) จากเกณฑ์การประเมินการอ่าน คิด วิเคราะห์ และ เขยี น มาเปน็ ระดับคณุ ภาพของแต่ละรายวิชา ๔.๒ ใหค้ ดิ คา่ ฐานนิยม จากเกณฑก์ ารประเมนิ การอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขยี น ของแต่ ละรายวชิ า สรปุ เปน็ ผลการประเมินการอ่าน คิด วเิ คราะห์ และเขยี น ของผเู้ รียนรายบคุ คล ๕. เกณฑ์การตดั สนิ ความสามารถในการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขียน ๕.๑ ระดับรายภาค ผู้เรียนมีความสามารถในการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียน อยู่ในระดับคุณภาพ ผ่าน ขน้ึ ไปถอื วา่ ผ่าน ๕.๒ การเล่อื นชั้น / จบหลักสตู ร ผเู้ รยี นมีความสามารถในการอ่าน คิด วเิ คราะห์ และเขียน ผา่ นทกุ รายภาค แนวทางการพัฒนาและการประเมินการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียน ก ระดับผู้ปฏบิ ัติ ๑. กลุ่มครผู ูส้ อนแต่ละกล่มุ สาระการเรียนรู้ ๑.๑ แต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ร่วมกันกำหนดแนวทางในการพัฒนาความสามารถในการ อ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียน ที่สอดคล้องกับธรรมชาติของแต่ละกลุ่มสาระ และสอดคล้องกับ มาตรฐาน การอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขยี น ทสี่ ถานศกึ ษากำหนด ๑.๒ ผู้สอนทุกรายวิชานำแนวทางที่กำหนดไว้ใน ข้อ ๑ วางแผนการจัดกิจกรรมและ ดำเนนิ การจดั กิจกรรมการเรยี นร้สู อดแทรกในการจดั การเรียนการสอนของตนเอง [๓๒]
๑.๓. ผู้สอนทุกรายวิชาดำเนินการประเมินและปรับปรุงความสามารถในการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียน เป็นระยะ ๆ เมื่อสิน้ ภาคเรยี น / ปลายปี ประเมินผลพรอ้ มบนั ทึกร่องรอยหลักฐาน ในการพัฒนาปรับปรุง และรวบรวมหลักฐานการประเมินไว้ที่หมวดวิชาเพื่อใช้เป็นหลักฐานสำหรับ ตรวจสอบการปฏิบตั งิ านของผสู้ อน ซงึ่ จะแสดงให้เห็นถึงความโปร่งใส และความยตุ ิธรรมในการประเมิน ๑.๔ บนั ทกึ สรุปผลการประเมินความสามารถในการอา่ น คิด วเิ คราะห์ และเขยี น ลงใน แบบ ปพ.๕ แบบสรุปผลการประเมนิ การอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขยี น ๕. ผูส้ อนในแต่ละกลมุ่ สาระร่วมกันตรวจสอบความถูกต้อง สมบรู ณข์ องผลการประเมนิ แต่ ละรายวิชา แล้วสรปุ ผลการประเมินในระดับกลุ่มสาระลงใน แบบ ปพ.๕ แบบสรุปผลการอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขยี น ส่งคณะกรรมการประเมนิ การอา่ น คิด วิเคราะห์ และเขียน ในระดบั โรงเรียน ตอ่ ไป ๒. กล่มุ ผู้รับผดิ ชอบกิจกรรมพฒั นาเรียนรู้ และกลมุ่ ผู้รบั ผดิ ชอบงาน / โครงการ / กิจกรรมใน ระดับโรงเรียน ๒.๑ วางแผนกำหนดกิจกรรมพัฒนาความสามารถในการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียนท่ี สอดคลอ้ งกบั กจิ กรรมในภาระงานท่ตี นเองรบั ผดิ ชอบ ๒๒ เนินการจัดกิจกรรมพัฒนาตามแผนที่วางไว้ และประเมินพัฒนาปรับปรุงผู้เรียนเป็น ระยะ ๆ พรอ้ มบนั ทึกร่องรอยหลกั ฐาน ๒.๓ เมือ่ สน้ิ ภาคเรียน ให้มกี ารประเมนิ ผล และสรุปผลการประเมนิ ตามเกณฑท์ ่สี ถานศึกษา กำหนดไว้ พร้อมให้ข้อสังเกตที่เป็นจุดเดน่ จุดด้อย ของผู้เรียน บันทึกใน แบบ ปพ. ๕ และรวบรวม หลักฐานร่องรอยการพัฒนาปรับปรงุ ไวท้ ่ีผปู้ ฏิบตั ิ เพื่อเป็นหลักฐานสำหรับตรวจสอบการปฏิบัติงานของผู้ ปฏิบตั ิ สง่ ผลการประเมินใหค้ ณะกรรมการประเมนิ ระดบั โรงเรียนต่อไป ข ระดบั คณะกรรมการประเมินการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขยี น ของสถานศึกษา ๑. แต่งตั้งคณะกรรมการประเมินการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียน จำนวน ๓ – ๕ คน ในแตล่ ะระดับช้นั เปน็ รายภาค ๒. คณะกรรมการประเมินฯ ศกึ ษาเกณฑก์ ารประเมิน เพอื่ ให้เกดิ ความเข้าใจตรงกัน ๓. นำผลการประเมินการอ่านจากระดับผู้ปฏิบัติร่วมกันประเมิน เพ่ือตัดสินความสามารถ ในการอ่าน คิด วเิ คราะห์ และเขียน ตามเกณฑ์ทีก่ ำหนดไว้ ๔. กรณีที่คณะกรรมการไม่สามารถตัดสินได้ คณะกรรมการขอข้อมูลจากผู้ปฏิบัติเพิ่มเติม หรอื ทดสอบความสามารถซ้ำ แลว้ จงึ ตัดสินผล ๕. คณะกรรมการสรุปผลการประเมินเพอื่ เสนอผ้บู ริหารโรงเรยี นอนมุ ัตผิ ลการประเมิน ๖. นายทะเบียนวัดผลบันทึกลงใน ปพ.๑ แล้วแจ้งผลการประเมินการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียน ให้อาจารยท์ ปี่ รกึ ษาเพ่อื แจ้งผู้ปกครอง แนวทางในการซ่อมเสริมและประเมินผลการซอ่ มเสริมการอา่ น คิด วเิ คราะห์ และเขียน ๑. คณะกรรมการประเมินการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียน ร่วมกันพิจารณาว่าผู้เรียนมจี ดุ ที่ต้องพัฒนาปรับปรุงด้านใด แต่งตั้งที่ปรึกษาโดยระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนเป็นกรรมการดำเนินการ ซ่อมเสรมิ ๒. กำหนดภาระงานใหผ้ ู้เรียนพัฒนา ปรับปรงุ ในด้านทต่ี อ้ งพัฒนาปรับปรุงโดย ๒.๑ กรณีไม่ผ่านการประเมนิ การอา่ น [๓๓]
๒.๑.๑ คณะกรรมการประเมินกำหนดภาระงานให้นักเรียนอ่าน บันทกึ การอ่านพร้อมส่ง เอกสารที่ได้อ่านไม่น้อยกว่า ๕ เรื่อง หรือกรรมการกำหนดเรื่อง ๕ เรื่อง ให้อ่าน ภายในเวลาท่ี กำหนด ๒.๑.๒ คณะกรรมการประเมินผลการอ่านโดยตั้งประเด็นคำถามที่สอดคล้องกับเกณฑ์ การประเมนิ ผเู้ รียนตอบโดยการเขียนตอบหรือตอบปัญหาปากเปลา่ กไ็ ด้ ๒.๑.๓ หรอื อยใู่ นดุลยพนิ จิ ของคณะกรรมการฯ ๒.๑.๔ คณะกรรมการประเมินตดั สินผลการอา่ นให้ผ่าน และไดร้ ะดบั ไมเ่ กนิ “ผา่ น” กรณที ี่ซ่อมเสรมิ ไม่ผา่ นให้คณะกรรมการประเมนิ กำหนดให้ผู้เรยี นพฒั นาตามวธิ กี าร ข้อ ๒.๑.๑ ถึง ๒.๑.๓ จนกวา่ ผู้เรยี นจะได้รบั การตดั สิน ผ่าน ๒.๒ กรณีผู้เรียนไมผ่ ่านการคดิ วเิ คราะห์ ๒.๒.๑ คณะกรรมการประเมินกำหนดภาระงานให้ผู้เรียนไปฝึกคิด วิเคราะห์ ในเรื่องที่ สนใจภายใน ๑ สัปดาห์ ๒.๒.๒ คณะกรรมการประเมิน ประเมินการคิด วิเคราะห์ โดยตั้งประเด็นคำถามที่ สอดคล้องกบั เกณฑ์การประเมนิ ผเู้ รียนตอบโดยการเขียนตอบ หรอื ตอบปากเปลา่ ๒.๒.๓ คณะกรรมการประเมินตัดสนิ ผลการคิด วิเคราะห์ โดยให้ผลการประเมนิ ไมเ่ กนิ “ผา่ น” ๒.๒.๔ ในกรณีที่ผลการประเมินไม่ผ่าน ให้คณะกรรมการประเมินกำหนดให้ผู้เรียน พัฒนาตามวิธีการใน ขอ้ ๒.๒.๑ – ๒.๒.๓ จนกว่าผเู้ รยี นจะได้รบั การตดั สนิ ผา่ น ๒.๓ กรณีทผ่ี ้เู รียนไมผ่ ่านการประเมนิ การเขียน ๒.๓.๑ คณะกรรมการประเมิน กำหนดภาระงานให้ผู้เรียนไปฝึกเขียนในเรื่องที่สนใจ ภายใน ๑ สัปดาห์ ภายใต้การควบคุมดแู ลของครูทีป่ รกึ ษาในระบบดแู ลช่วยเหลอื ๒.๓.๒ ผ้เู รียนส่งผลงานการเขียนทไี่ ดพ้ ัฒนาแล้วแก่คณะกรรมการประเมนิ ๒.๓.๓ คณะกรรมการประเมินทำการประเมินผลงานการเขียนประกอบการสัมภาษณ์ นักเรยี นเก่ยี วกับกระบวนการพัฒนาการเขยี น ๒.๓.๔ คณะกรรมการตดั สนิ ผลการเขียนโดยให้ผลการประเมินไม่เกิน “ผา่ น” ๒.๓.๕ ในกรณีที่ผลการประเมินยัง ไม่ผ่าน ให้คณะกรรมการประเมินกำหนดให้ผู้เรียน พัฒนาตามวิธีการ ขอ้ ๒.๓.๑ – ๒.๓.๔ จนกว่าผ้เู รียนจะได้รับการตัดสนิ ผา่ น ๓. คณะกรรมการประเมินการอ่านตัดสินผลการประเมินการอ่าน ส่งผลการประเมินเสนอ คณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการของสถานศึกษาให้ความเหน็ ชอบ และรวบรวมส่งให้ผู้บริหาร สถานศกึ ษาอนมุ ัติ นายทะเบียนวัดผลบันทึกลง ปพ.๑ และแจ้งผเู้ ก่ียวข้องต่อไป ส่วนที่ ๕ เกณฑก์ ารตัดสินการเลือ่ นช้ัน และเกณฑ์การจบหลักสูตร การตดั สนิ การเล่ือนชัน้ ในการตัดสนิ ผลการเรียนของกลมุ่ สาระการเรียนรู้ การอ่าน คดิ วิเคราะห์และเขียน คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ และกจิ กรรมพัฒนาผู้เรียนน้ัน ผสู้ อนตอ้ งคำนึงถึงการพัฒนาผ้เู รยี นแตล่ ะคน เปน็ หลัก และต้องเก็บขอ้ มูลของผ้เู รยี นทุกดา้ นอยา่ งสม่ำเสมอและต่อเนื่องในแตล่ ะภาคเรยี นรวมทั้งสอน ซอ่ มเสรมิ ผเู้ รียนให้พฒั นาจนเต็มตามศักยภาพ ระดบั ประถมศึกษา [๓๔]
๑) ตดั สินผลการเรยี นเปน็ รายวชิ า ผู้เรยี นต้องมเี วลาเรียนตลอดภาคเรียนไม่นอ้ ยกว่า รอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาเรยี นทง้ั หมดในรายวชิ านัน้ ๆ ๒) ผเู้ รียนตอ้ งได้รับการประเมินทุกตัวช้ีวดั และผ่านตามเกณฑท์ ่สี ถานศึกษากำหนด คือ ตวั ช้ีวดั ทีต่ ้องผา่ น ไม่นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ ๖๐ ของแต่ละรายวิชา ๓) ผู้เรียนต้องไดร้ ับการตัดสินผลการเรียนทกุ รายวิชา ๔) ผู้เรยี นตอ้ งไดร้ ับการประเมนิ และมีผลการประเมนิ ผ่านตามเกณฑ์ทส่ี ถานศึกษา กำหนด ในการอา่ น คดิ วิเคราะหแ์ ละเขียน คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผ้เู รยี น การพิจารณาเลื่อนชั้นในระดับประถมศึกษา ถ้าหากผู้เรียนมีข้อบกพร่องเพียงเล็กน้อย และสถานศึกษาพิจารณาเห็นว่าสามารถพัฒนาและสอนซ่อมเสริมได้ ให้อยู่ในดุลพินิจของสถานศึกษาท่ี จะผ่อนผนั ใหเ้ ล่ือนชั้นได้ แตห่ ากผู้เรยี นไม่ผ่านรายวชิ าจำนวนมากและมแี นวโน้มวา่ จะเป็นปัญหาต่อการ เรียนในระดับชั้นที่สูงข้ึน สถานศึกษาจะตัง้ คณะกรรมการพจิ ารณาใหเ้ รียนซ้ำชั้นได้ โดยทั้งน้ีจะคำนึงถึง วฒุ ิภาวะและความร้คู วามสามารถของผู้เรียนเป็นสำคญั เกณฑก์ ารจบระดับประถมศึกษา (๑) ผู้เรียนเรียนรายวิชาพื้นฐาน และรายวิชา/เพิ่มเติมตามโครงสร้างเวลาเรียน ที่ หลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐานกำหนด (๒) ผู้เรียนต้องมีผลการประเมินรายวิชาพื้นฐาน ผ่านเกณฑ์การประเมินตามท่ี สถานศึกษากำหนด (๓) ผู้เรียนมีผลการประเมินการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียนในระดับผ่านเกณฑ์ การประเมินตามทส่ี ถานศกึ ษากำหนด (๔) ผูเ้ รียนมผี ลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในระดับผา่ นเกณฑ์การประเมิน ตามทส่ี ถานศกึ ษากำหนด (๕) ผ้เู รียนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผูเ้ รียนและมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์การประเมิน ตามที่สถานศกึ ษากำหนด สว่ นที่ 6 การประเมนิ ผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี นระดับชาติ การประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยแบบประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่เป็นระดับ มาตรฐานระดับชาติ กระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดให้มีการประเมินเพือ่ ตรวจสอบคุณภาพการศึกษาทุก ระดับช้ัน เพอ่ื ให้การดำเนนิ งานเป็นไปอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ โรงเรยี นจึงได้กำหนดแนวทางปฏบิ ัตไิ ว้ ดงั นี้ ๑. ผู้แทนสถานศึกษาเข้ารับการประชุมชี้แจงวิธีการดำเนินการทดสอบร่วมกับสำนักงานเขต พนื้ ท่ี ๒. จัดส่งรายชื่อคณะกรรมการดำเนินงานประเมินคุณภาพการศึกษา ประกอบด้วย ประธาน กรรมการ คณะกรรมการกลาง กรรมการควบคุมห้องสอบ คณะกรรมการตรวจค าตอบชนิดเขียนตอบ และกรรมการรบั –ส่งข้อสอบ ส่งไปให้สานกั งานเขตพ้นื ทเ่ี พื่อแตง่ ตง้ั ๓. คณะกรรมการบริหารหลกั สูตรและวิชาการ ประชุมชี้แจงคณะกรรมการดำเนินการประเมิน คุณภาพตามคำสั่งจากข้อ 2 ถึงวิธีการดำเนินการสอบ เพื่อให้เกิดความเข้าใจและปฏิบัติได้ตรงกันตาม แนวปฏิบัติในคู่มือการประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน เพื่อให้เกิดความยุติธรรมและเป็นไป ตามการดำเนินการสอบแบบทดสอบมาตรฐานอย่างเครง่ ครดั [๓๕]
๔. คณะกรรมการกลางจัดพิมพร์ ายช่ือพร้อมกำหนดรหสั / เลขทีน่ ักเรยี นตามจำนวนนักเรียน / ห้องเรียนที่กำหนดไว้ในคู่มือ นำไปประกาศไว้หน้าห้องสอบแต่ละห้องเพื่อให้นักเรียนได้ทราบว่า ตนเอง เลขที่เท่าไรสอบห้องทเี่ ทา่ ใด พร้อมตดิ เลขทขี่ องนักเรยี นไว้บนโต๊ะท่ีน่ังสอบ ๕. คณะกรรมการบริหารหลกั สูตรและวิชาการประชุมช้ีแจงนักเรียนให้ตระหนักถึงความสำคญั ของการประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระดับชาติ ทั้งในด้านส่วนตัวระดับโรงเรียนระดับเขตและ ระดับชาติ ควรให้ความรว่ มมอื ต้งั ใจในการสอบอยา่ งเต็มความสามารถ ๖. กรณที นี่ กั เรยี นไมไ่ ด้รับการประเมนิ ตามวนั เวลาทก่ี ำหนด ให้สถานศึกษาแต่งตั้งผู้รับผิดชอบ ติดตามและประสานงานกับเขตพื้นที่ดำเนินการประเมินให้เสร็จสิ้นภายใน ๒ สัปดาห์ หลังจากทราบ รายช่อื นักเรยี นทย่ี ังไมไ่ ดร้ บั การประเมิน ๗. เมื่อสำนักงานเขตพื้นที่แจ้งผลการประเมินมายังสถานศึกษา ให้นำผลการประเมินมา ทบทวนคุณภาพร่วมกันระหว่างคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการกับคณะกรรมการสถานศึกษา และแจ้งผลการประเมินให้ผู้เกี่ยวข้องทราบผล และดำเนินการต่อไปโดยเฉพาะผู้เรียนและครูผู้สอนนำไป พิจารณาในการพัฒนาปรับปรงุ ตนเองต่อไป [๓๖]
บรรณานกุ รม สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน. (๒๕๕๑). แนวปฏิบัตกิ ารวดั และประเมินผลการเรยี นร้.ู กรุงเทพฯ : องคก์ ารรบั ส่งสินค้าและพสั ดุภณั ฑ์ (ร.ส.พ). [๓๗]
ภาคผนวก [๓๘]
Search
Read the Text Version
- 1 - 41
Pages: