กรุงรัตนโกสินทร์
พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
พระราชประวตั ิ
พระราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช มีพระนามเดมิ วา่ ทองด้วง เสด็จพระราชสมภพเม่ือวนั ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2279 (วนั ท่ี 20 เดอื น 4 ตามปีจนั ทรคติ) ในแผน่ ดนิ สมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั บรมโกศแหง่ อาณาจกั รอยธุ ยา พระองค์เป็นบตุ รคนท่ี 4 ของพระอกั ษรสนุ ทรศาสตร์ (ทองดี) ซงึ่ ตอ่ มาได้รับการ สถาปนาขนึ ้ เป็นสมเดจ็ พระปฐมบรมมหาชนก กบั พระอคั รชายา (หยก) เม่ือเจริญวยั ขนึ ้ ได้ถวายตวั เป็น มหาดเลก็ ในสมเด็จเจ้าฟา้ กรมขนุ พรพนิ ิต (ตอ่ มาคอื สมเดจ็ พระเจ้าอทุ มุ พร) ครัน้ พระชนมายคุ รบ 21 พรรษา ก็เสด็จออกผนวชเป็นภกิ ษุอยวู่ ดั มหาทลาย 1 พรรษา แล้วลาผนวชเข้ารับราชการเป็นมหาดเลก็ หลวงในสมเดจ็ พระเจ้าอทุ มุ พรดงั เดมิ เม่ือพระชนมายไุ ด้ 25 พรรษา พระองค์เสดจ็ ออกไปรับราชการท่ี เมืองราชบรุ ีในตาแหนง่ \"หลวงยกกระบตั ร\" ในแผน่ ดนิ สมเดจ็ พระที่นงั่ สรุ ิยาศน์อมรินทร์[2] และได้สมรส กบั คณุ นาค (ภายหลงั ได้รับการสถาปนาท่ีสมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี) ธิดาในตระกลู เศรษฐีมอญท่ีมี รกรากอยทู่ ี่บ้านอมั พวา เมืองสมทุ รสงคราม
สวรรคต หลงั จากการฉลองวดั พระแก้วแล้ว ก็ประชวรทรงพระโสภะอยู่ 3 ปี[7] พระอาการทรุดลงไปเรื่อย ๆ จนกระทง่ั เสด็จสวรรคตเมื่อวนั ท่ี 7 กนั ยายน พ.ศ. 2352 ณ พระท่ีนง่ั ไพศาลทกั ษิณ รวมพระชนมพรรษา ได้ 73 พรรษา เสดจ็ อยใู่ นราชสมบตั ิ 27 ปี พระบรมศพถกู เชญิ ลงสพู่ ระลองเงินประกอบด้วยพระโกศทองใหญ่แล้วเชญิ ไปประดษิ ฐานไว้ ณ พระ ที่นงั่ ดสุ ติ มหาปราสาท ภายใต้พระมหาเศวตฉตั ร ตงั้ เครื่องสงู และเครื่องราชปู โภคเฉลมิ พระเกียรติยศ ตามโบราณราชประเพณี พระสงฆ์สวดพระอภธิ รรม โคมกลองชนะตามเวลา ดงั เช่นงานพระบรมศพพระ เจ้าแผน่ ดนิ สมยั กรุงศรีอยธุ ยาทกุ ประการ จนกระทงั่ พ.ศ. 2354 พระเมรุมาศซง่ึ สร้างตามแบบพระเมรุ มาศสาหรับพระเจ้าแผน่ ดนิ สมยั กรุงศรีอยธุ ยาได้สร้างแล้วเสร็จ จึงเชิญพระบรมโกศจากพระท่ีนงั่ ดสุ ติ มหาปราสาทขนึ ้ ประดิษฐาน ณ พระเมรุมาศ แล้วจกั ให้มีการสมโภชพระบรมศพเป็นเวลา 7 วนั 7 คืน จงึ ถวายพระเพลงิ พระบรมศพ หลงั จากนนั้ มีการสมโภชพระบรมอฐั ิและบาเพญ็ พระราชกศุ ล เมื่อแล้วเสร็จ จงึ เชญิ พระบรมอฐั ิประดษิ ฐาน ณ หอพระธาตมุ ณเฑียร ภายในพระบรมมหาราชวงั สว่ นพระบรมราช สรีรางคารเชิญไปลอยบริเวณหน้าวดั ปทมุ คงคาราชวรวิหาร
ผลงานที่โดดเด่น เป็นเอกลกั ษณ์
พระราชกรณียกิจ พระราชกรณียกจิ ด้านการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็ นราชธานี
พระราชกรณียกิจประการแรกที่พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราชทรงจดั ทาเมือ่ เสดจ็ ขนึ ้ ครองราชย์ คอื การโปรดเกล้าฯ ให้ตงั้ กรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานีใหม่ ทางตะวนั ออกของแมน่ า้ เจ้าพระยา แทนกรุงธนบรุ ี ด้วย เหตผุ ลทางด้านยทุ ธศาสตร์ เนื่องจากกรุงธนบรุ ีตงั้ อย่บู นสองฝั่งแมน่ า้ ทาให้การลาเลียงอาวธุ ยทุ ธภณั ฑ์ และการรักษา พระนครเป็นไปได้ยาก อีกทงั้ พระราชวงั เดิมมีพนื ้ ที่จากดั ไม่สามารถขยายได้ เน่ืองจากตดิ วดั อรุณราชวราราม และวดั โมฬโี ลกยาราม สว่ นทางฝั่งกรุงรัตนโกสินทร์นนั้ มคี วามเหมาะสมกวา่ ตรงทีม่ พี นื ้ แผน่ ดินเป็นลกั ษณะหวั แหลม มีแมน่ า้ เป็นคเู มืองธรรมชาติ มีชยั ภมู เิ หมาะสม และสามารถรับศกึ ได้เป็นอย่างดี การสร้างราชธานีใหม่นนั้ ใช้เวลาทงั้ สิน้ ๓ ปี โดยพระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช ทรงทาพธิ ียกเสา หลกั เมอื ง เม่ือวนั อาทติ ย์ เดือน ๖ ขนึ ้ ๑๐ ค่า ปีขาล จศ.๑๑๔๔ ตรงกบั วนั ที่ ๒๑ เมษายน พศ.๒๓๒๕ และโปรดเกล้าฯ ให้สร้าง พระบรมมหาราชวงั สืบทอดราชประเพณี และสร้างพระอารามหลวงในเขตพระบรมมหาราชวงั ตามแบบกรุง ศรีอยธุ ยา ซงึ่ การสร้างเมอื งและพระบรมมหาราชวงั เป็นการสืบทอดประเพณี วฒั นธรรม และศิลปะกรรมดงั้ เดิมของ ชาติ ซง่ึ ปฏิบตั ิกนั มาตงั้ แตส่ มยั กรุงศรีอยธุ ยา และได้พระราชทานนามแกร่ าชธานีใหม่นีว้ า่ กรุงเทพมหานคร บวร รัตนโกสินทร์ มหินทรา ยทุ ธยา มหาดิลก ภพนพรัตนราชธานีบรุ ีรมย์ อดุ มราชนิเวศน์มหาสถาน อมรพมิ านอวตารสถิต สกั กะทตั ตยิ ะวิษณกุ รรมประสทิ ธิ์ นอกจากนีย้ งั โปรดเกล้าฯให้ สร้างสิง่ ตา่ งๆ อนั สาคญั ตอ่ การสถาปนาราชธานีได้แก่ ปอ้ มปราการ, คลอง ถนนและสะพานตา่ งๆ มากมาย
พระราชกรณียกจิ ด้านการป้องกันประเทศ
สงครามครัง้ ท่ี ๑ พ.ศ. ๒๓๒๘ สงครามเก้าทพั สงคราม ครัง้ ยิ่งใหญ่ที่สดุ ระหว่างไทยกบั พมา่ โดยในครัง้ นนั้ พระเจ้าปดงุ แหง่ ราชวงศ์อลองพญาของพมา่ มพี ระประสงค์จะเพ่ิมพนู พระเกียรติยศ และช่อื เสยี งให้ขจรขจายด้วยการการาบ ประเทศไทย จงึ รวบรวมไพร่พลถงึ ๑๔๔,๐๐๐ คน กรีธาทพั เข้าตีประเทศไทยโดยแบง่ เป็น ๙ ทพั ใหญ่ เข้าตี จากกรอบทิศทางสว่ นทพั ของพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟ้าจฬุ าโลกมหาราชมกี าลงั เพียงคร่ึงหนงึ่ ของทหารพมา่ คือมีเพียง ๗๐,๐๐๐ คนเศษเทา่ นนั้ ด้วยพระปรีชาสามารถในการทาสงคราม ได้ทรงให้ทพั ของกรมพระราชวงั บวรมหาสรุ สงิ หนาทไปสกดั ทพั พมา่ ทบ่ี ริเวณทงุ่ ลาดหญ้า ทาให้พมา่ ต้องชะงกั ติดอยบู่ ริเวณชอ่ งเขา แล้วทรงสง่ั ให้จดั ทพั แบบกองโจรออกปล้นสะดม จนทพั พมา่ ขดั สนเสบียงอาหาร เม่อื ทพั พมา่ บริเวณทงุ่ ลาดหญ้าแตก พา่ ยไปแล้วกรมพระราชวงั บวรมหาสรุ สิงหนาทจงึ ยกทพั ไปช่วยทางอ่นื และได้รับชยั ชนะตลอดทกุ ทพั ตงั้ แตเ่ หนือจรดใต้ สงครามครัง้ ท่ี ๒ พ.ศ. ๒๓๒๙ สงครามทา่ ดนิ แดงและสามสบ ครัง้ นีท้ พั พมา่ เตรียมเสบียงอาหารและเส้นทางเดนิ ทพั อย่างดีท่ีสดุ โดยแก้ไขข้อผิด พลาดตา่ งๆ จากศกึ ครัง้ กอ่ น โดยพม่าได้ยกทพั เข้ามาทางดา่ น เจดยี ์สามองค์ มาตงั้ คา่ ยอย่ทู ท่ี า่ ดินแดงและสวนสามสบ พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราชได้ทรงยกทพั หลวงเข้าตที ี่คา่ ยดินแดง พร้อมกบั ให้ทพั ของกรมพระราชวงั บวรมหาสรุ สงิ หนาทเข้าตคี า่ ยพมา่ ที่สามสบ หลงั จากรบกนั ได้ ๓ วนั คา่ ยพมา่ ก็แตกพ่ายไปทกุ คา่ ย และพระองค์ยงั ได้ทาสงครามขบั ไลอ่ ิทธิพลของพมา่ ได้โดยเดด็ ขาด และตหี วั เมอื งตา่ งๆ ขยายราชอาณาเขต ทาให้ราชอาณาจกั รไทยมีอาณาเขตกว้างใหญ่ท่สี ดุ ใน ประวตั ศิ าสตร์ ตงั้ แตด่ นิ แดนล้านนา ไทยใหญ่ สบิ สองปันนา หลวงพระบาง เวียงจนั ทร์ กมั พชู า และด้านทิศใต้ไปจนถงึ เมอื ง กลนั ตนั ตรังกานู ไทรบรุ ี ปะริด และเประ สงครามครัง้ ท่ี ๓ พ.ศ. ๒๓๓๐ สงครามตเี มืองลาปางและเมืองป่าซาง หลงั จากทพี่ มา่ พ่ายแพ้แกไ่ ทยก็สง่ ผลทาให้เมืองขนึ ้ ทงั้ หลายของพมา่ เช่น เมอื งเชียงรุ้งและเชียงตงุ เกิดกระด้างกระเดื่อง ตงั้ ตนเป็นอิสระ พระเจ้าป ดงุ จงึ สงั่ ให้ยกทพั มาปราบปราม รวมถงึ เข้าตีลาปางและป่าซาง เม่อื พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราชทราบเรื่องจงึ สง่ั ให้กรม พระราชวงั บวรมหาสรุ สงิ หนาทคมุ ไพร่พล ๖๐,๐๐๐ นาย มาช่วยเหลอื และขบั ไลพ่ มา่ ไปเป็นผลสาเร็จ
สงครามครัง้ ท่ี ๔ พ.ศ. ๒๓๓๐ สงครามตเี มอื งทวาย ครัง้ นนั้ พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟ้าจฬุ าโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้เกณฑ์ไพร่พล ๒๐, ๐๐๐ นาย ยกทพั ไปตเี มอื งทวาย แตส่ งครามครัง้ นีไ้ มม่ ีการรบพ่งุ เพราะตา่ งฝ่ายตา่ งก็ขาดแคลนเสบียงอาหาร รีพ้ ลก็บาดเจ็บจงึ โปรดเกล้าฯ ให้ถอยทพั กลบั กรุงเทพ สงครามครัง้ ท่ี ๕ พ.ศ. ๒๓๓๖ สงครามตเี มืองพมา่ ในครัง้ นนั้ เมอื งทวาย ตะนาวศรี และมะริด ได้เข้ามาขอสวามภิ กั ดต์ิ อ่ ไทย พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟ้าจฬุ าโลกมหาราชจงึ โปรดเกล้าฯ ให้ ยกทพั ไปชว่ ยปอ้ งกนั เมือง แตเ่ ม่ือพระเจ้าปดงุ ยกทพั มาปราบปรามเมืองทงั้ สามกห็ นั กลบั เข้ากบั ทางพมา่ อกี พระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟ้าจฬุ า โลกมหาราชจงึ โปรดเกล้าฯ ให้ถอยทพั กลบั กรุงเทพฯ สงครามครัง้ ท่ี ๖ พ.ศ. ๒๓๔๐ สงครามพมา่ ทเี่ มืองเชียงใหม่ เนื่องจากสงครามในครัง้ ก่อนๆ พระเจ้าปดงุ ไมส่ ามารถตีหวั เมอื งล้านนาได้ จงึ ทรงรับสง่ั ไพร่พล ๕๕,๐๐๐ นาย ยกทพั มาอีกครัง้ โดยแบ่งเป็น ๗ ทพั พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราชจงึ โปรดเกล้าฯ ให้กรมพระราชวงั บวรมหาสรุ สงิ หนาทคมุ ไพร่พล ๒๐,๐๐๐ นาย ขนึ ้ ไป รวมไพร่พลกบั ทางเหนือเป็น ๔๐,๐๐๐ นาย ระดมตีคา่ ยพมา่ เพียงวนั เดียวเท่านนั้ ทพั พมา่ กแ็ ตกพา่ ยยบั เยิน สงครามครัง้ ท่ี ๗ พ.ศ. ๒๓๕๕ สงครามพมา่ ท่ีเมอื งเชียงใหม่ ครัง้ ท่ี ๒ ในครัง้ นนั้ พระยากาวิละได้ยกทพั ไปตีเมอื งสาด หวั เมืองขนึ ้ ของพมา่ พระเจ้าปดงุ จงึ ยกทพั ลงมาตีเมอื งเชียงใหมเ่ พ่ือแก้แค้น เม่อื พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟ้าจฬุ าโลกมหาราชทรงทราบ จงึ โปรดเกล้าฯ ให้สง่ กองทพั ไปชว่ ยเหลอื และสงครามครัง้ นีก้ จ็ บลงด้วยชยั ชนะของ ฝ่ ายไทย
พระราชกรณียกิจดา้ นการชาระประมวลกฎหมาย พระราชกรณียกิจด้านการชาระประมวลกฎหมาย เมอ่ื ปี พ.ศ. ๒๓๔๗ พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟ้าจฬุ าโลกมหาราชทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้ตงั้ คณะกรรมการขนึ ้ มาพิจารณาชาระกฎหมายที่มอี ย่ใู ห้ถกู ต้องและสมบรู ณ์ เพ่ือนามาใช้เป็นหลกั การปกครองตอ่ ไป ซง่ึ กฎหมายที่ชาระขนึ ้ ใหมม่ ีช่ือวา่ กฎหมายตรา สามดวง มคี วามยาวเป็นสมดุ ยกแปด ๓ เลม่ รวม ๑,๖๗๗ หน้า ใช้เวลาในการชาระ ๑๑ เดือน ซง่ึ กฎหมายตราสามดวงนีไ้ ด้ใช้มาอย่างยาวนานจนถงึ รัชสมยั พระบาทสมเด็จพระ จลุ จอมเกล้าเจ้าอย่หู วั (รัชกาลท่ี ๕) รวมระยะเวลา ๑๓๑ ปี
พระราชกรณยี กจิ ด้านการปกครอง การปกครองสมยั นนั้ แบง่ เป็นหวั เมอื งชนั้ ในและชนั้ นอก ตาแหน่งที่รองลงมาจาก พระมหากษัตริย์ คือตาแหน่งกรมพระราชวงั บวรสถานมงคล ระบบการบริหารมีอคั รเสนาบดี ๒ ตาแหน่ง คอื สมหุ พระกลาโหม มหี น้าที่ถวาย คาปรึกษาแกพ่ ระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั และสมหุ นายกมหี น้าท่ปี กครองดแู ลความสงบ เรียบร้ อยในพระนคร เสนาบดจี ตสุ ดมภ์ ดแู ลด้านตา่ งๆ มี ๔ ตาแหนง่ ประกอบด้วย ๑. เสนาบดีกรมเมือง หรือ กรมเวียง มีตราพระยมทรงสงิ ห์เป็นตราประจาตาแหนง่ มี หน้าท่บี งั คบั บญั ชารักษาความปลอดภยั ให้แก่ราษฎรทว่ั ไปในราชอาณาจกั ร ๒. เสนาบดกี รมวงั มีตราเทพยดาทรงพระนนทกิ ร(โค) เป็นตราประจาตาแหน่งมีหน้าท่ีบงั คบั บญั ชาภายในพระบรมมหาราชวงั และพิจารณาความคดแี พ่ง ๓. เสนาบดีกรมพระคลงั มตี ราบวั แก้วเป็นตราประจาตาแหน่งมีหน้าท่ใี นการรับ-จ่าย และเกบ็ รักษาพระราชทรัพย์ท่ีได้จากการเก็บสว่ ยอากร รวมถงึ บงั คบั บญั ชากรมท่าและการค้า ขายกบั ตา่ งประเทศ รวมถงึ กรมพระคลงั ตา่ งๆ เช่น กรมพระคลงั สินค้า ๔. เสนาบดกี รมนา มตี ราพระพิรุณทรงนาคเป็นตราประจาตาแหน่ง มหี น้าที่บงั คบั บญั ชาเกี่ยวกบั กิจการไร่นาทงั้ หมด
พระราชกรณยี กจิ ด้านการทานุบารุงพระศาสนา พระราชกรณียกิจที่สาคญั ในการทานบุ ารุงพระศาสนา ได้แก่ การสงั คายนาพระไตรปิฎก เป็นพระราชกรณียกิจที่สาคญั ทีส่ ดุ โดยตงั้ คณะสงฆ์ประกอบด้วยสมเดจ็ พระสงั ฆราชและพระราชาคณะ ขนึ ้ มาเพ่ือชาระพระไตรปิฎก เน่ืองจากพระไตรปิฎกทมี่ ี อย่มู คี วามผิดเพีย้ น และบนั ทกึ เป็นหลายอกั ษร ทงั้ อกั ษรลาว รามญั จงึ โปรดเกล้าฯ ให้ชาระให้ถกู ต้อง และบนั ทกึ เป็นอกั ษรขอมจารึกลงบนใบลาน แล้วเก็บไว้ท่หี อพระมณเฑียรธรรม แล้วสร้างพระไตรปิฎกถวายพระสงฆ์ตาม พระอารามหลวงตา่ งๆ เพ่ือได้ใช้ศกึ ษาตอ่ ไป การกวดขนั สมณปฏิบตั ิ พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟ้าจฬุ าโลกมหาราชทรงสถาปนาพระเถระชนั้ ผ้ใู หญ่ ให้ดารงสมณศกั ดิร์ ับผิดชอบ ศาสนาให้รุ่งเรืองตอ่ ไป และได้ทรงตราพระราชกาหนดกฎหมายกวดขนั ความประพฤตขิ องพระสงฆ์ไว้อย่างเคร่งครัด การสร้างวดั และการบรู ณปฏิสงั ขรณ์ ทรง มีรับสง่ั ให้มกี ารกอ่ สร้างและซอ่ มแซมปฏิสงั ขรณ์วดั วาอารามจานวนมากโดยเฉพาะ อยา่ งยิ่ง คอื การสร้างวดั พระศรีรัตนศาสดาราม (วดั พระแก้ว) พร้อมกบั การสถาปนาพระบรมมหาราชวงั ในปี พ.ศ.๒๓๒๕ ทรงสร้างวดั สทุ ศั นเทพวรา ราม และทรงปฏิสงั ขรณ์วดั พระเชตพุ นวมิ ลมงั คลารามราชวรมหาวหิ าร (วดั โพธ์ิ)
พระราชกรณยี กจิ ด้านการฟื้ นฟูศิลปวฒั นธรรม การฟื น้ ฟศู ลิ ปวฒั นธรรมในสมยั พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช สว่ นใหญ่จะเป็นการฟื น้ ฟูในด้าน วรรณกรรมเป็นสาคญั โดยทรงพระราชนิพนธ์ด้วยพระองค์เองบ้าง กวีและผ้รู ู้เขียนขนึ ้ มาบ้าง และด้วยความท่พี ระองค์ ทรงสนพระทยั ในงานด้านวรรณศลิ ป์ เป็นอยา่ งมาก จงึ ได้ทรงพระราชนิพนธ์งานวรรณกรรมที่ทรงคณุ คา่ ไว้จานวนหนงึ่ ท่ี รู้จกั กนั ดไี ด้แก่ พระราชนิพนธ์เร่ืองรามเกียรต์ิ อนั เป็นสดุ ยอดวรรณคดี เอกของไทย ดงั จะเหน็ ได้วา่ เรื่องราวของวรรณคดี เร่ืองนีป้ รากฏอย่ใู นงานศลิ ปะแขนงตา่ งๆ มากมาย เช่น จิตรกรรมฝาผนงั ตามโบสถ์วหิ ารตา่ งๆ หรือการแสดงโขน เป็นต้น ซง่ึ รามเกียรติ์ฉบบั รัชกาลที่ ๑ นีพ้ ระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราชทรงพระราชนิพนธ์ลงในสมดุ ปกดาแบบ โบราณ ความยาวประมาณ ๑๐๒ เลม่ จบ นบั วา่ เป็นวรรณคดีไทยทม่ี คี วามรามเกียรติ์ยาวมากเรื่องหนึ่ง
แบบอยา่ งความดีสู่การปฏิบตั ิตน
การนาไปใช้ การสง่ เสริมการอา่ นวรรณคดี คือ การฟื น้ ฟศู ิลปวฒั นธรรมในสมยั พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ า โลกมหาราช สว่ นใหญ่จะเป็นการฟื น้ ฟใู นด้านวรรณกรรม เชน่ การอา่ นหนงั สือวรรณคดี
การนาไปใช้ ความเสยี สละ คือ การท่ีพระองค์ทรงเสยี สละกอบก้เู อกราช เชน่ เสียสละให้คนท่ีรีบไปทาธรุ ะตอ่ ได้ของไปกอ่ น
การนาไปใช้ การทานบุ ารุงศาสนา คือ ทรงสร้างและบรู ณะปฏิสงั ขรณ์พระอารามและพระพทุ ธรูปตา่ งๆ เช่น การท่ีไป ชว่ ยดแู ลรักษาทาความสะอาด ตามบริเวณตา่ งๆ ในพืน้ ท่ีวดั พืน้ ท่ีที่เก่ียวกบั ศาสนา
การนาไปใช้ ความคดิ สร้างสรรค์ คือ การท่ีพระองค์ทรงรักในงานปัน้ งานทเี่ กี่ยวกบั ศิลปะตา่ งๆและการสนบั สนนุ เช่น ใช้ ความคิดสร้างในการลงสี ในวิชาศลิ ปะให้สวยงาม และนา่ สนใจ
การนาไปใช้ ด้านการเมืองการปกครอง คือ พระองค์ทรงออกกฎหมาย ที่ช่ือวา่ \"กฎหมายตราสามดวง\" เชน่ การออกกฎ กนั ภายในครอบครัว วา่ ห้ามรับประกนั อาหารเสยี งดงั
สมาชิกกลมุ่ 1) นาย นพรุจ ขาฉวี เลขที่2 2) น.ส.กนกพร คงสมรส เลขท่ี22 3) น.ส.ธิติพร เรืองณรงค์ เลขท่ี28 4) น.ส.ภสั ศวิ รรณ ชมุ รัมย์ เลขท่ี29 5) น.ส.บษุ บา สวนสนิ เลขท่ี32 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5/2
Search
Read the Text Version
- 1 - 22
Pages: