คำนำ เอกสารประกอบการอบรมวิทยากรแกนนำครู ข. ครู ค. โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการศูนย์ดิจิทัลชุมชน หลักสูตรการค้าออนไลน์ กลยุทธ์การตลาดเชื่อมโยงจาก Online และ Offline จัดทำขึ้นโดยสำนักงาน กศน. จังหวัดอุดรธานี เพื่อสนองนโยบายที่รัฐบาลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อให้เกิดการพัฒนาสังคมและ คุณภาพชีวิตของประชาชนด้านนวัตกรรม การพัฒนาคน การให้บริการต่าง ๆ ของภาครัฐ รวมถึงการพัฒนาด้าน เศรษฐกิจการศึกษาสร้างสารสนเทศและองค์ความรู้ต่าง ๆ ให้เกิดขึ้น สอดคล้องกับนโยบายและจุดเน้นของ สำนักงาน กศน.ปีงบประมาณ 2565 เพื่อให้เป็นแนวทางแก่วิทยากร ครู ข. ครู ค. นำไปขยายผล และเป็นการ ส่งเสริมให้การดำเนินงานในเรือ่ งการสรา้ งเครอื ข่ายศนู ยด์ ิจิทัลชมุ ชนและสร้างความพรอ้ มของชุมชน ให้บรรลุตาม นโยบาย และวัตถุประสงค์ของการดำเนินงานศนู ยด์ ิจิทัลชมุ ชน เพื่อพัฒนาวทิ ยากรแกนนำ ครู กศน.ตำบล ในด้าน การคา้ ออนไลน์ ไปสปู่ ระชาชนท่วั ไป ใหม้ คี วามรคู้ วามสามารถ เกย่ี วกบั การคา้ ออนไลน์ กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ เพ่ือพฒั นาเศรษฐกิจและนำความรูท้ ีไ่ ดไ้ ปประยุกต์ใช้ในการพฒั นาสินคา้ และผลิตภัณฑใ์ นชุมชน สำนกั งาน กศน.จงั หวัดอดุ รธานี มีนาคม 2565 หลกั สตู รการคา้ ออนไลน์ กลยุทธ์การตลาดเช่อื มโยงจาก Online และ Office
สารบญั คำนำ.......................................................................................................................................................................... สารบญั ...................................................................................................................................................................... 1. การตลาด...........................................................................................................................................................1 1.1 ความหมายของการตลาด........................................................................................................................1 1.2 ความสำคญั ของการตลาด......................................................................................................................1 1.3 แนวความคดิ ทางการตลาด(Marketing concept)..............................................................................2 1.4 การประเมนิ สภาพแวดล้อมทางการตลาด (SWOT Analysis) .............................................................4 1.5 ส่วนประสมทางการตลาด 4Ps ................................................................................................................5 1.6 กลยทุ ธ์ 4Cs ...............................................................................................................................................6 1.7 กลยทุ ธ์ 4Es................................................................................................................................................7 1.8 กระบวนการตดั สินใจซ้อื ของผบู้ ริโภค .....................................................................................................8 2. การตลาดดจิ ทิ ัล (Digital Marketing) ...........................................................................................................11 2.1 การตลาดดิจิทัลคืออะไร...........................................................................................................................11 2.2 การส่ือสารการตลาดดจิ ทิ ัล (Digital Marketing Communication)...............................................11 2.3 ประเภทของการตลาดดจิ ิทลั – ชอ่ งทางการตลาดดิจทิ ลั แบบต่างๆ....................................................11 3. การขายสนิ คา้ ออนไลน์ ...................................................................................................................................14 3.1 ความหมาย.............................................................................................................................................14 3.2 ความสำคัญของการขายออนไลน์...........................................................................................................14 3.3 ลกั ษณะของการขายออนไลน์ ................................................................................................................14 3.4 องค์ประกอบของการขายออนไลน์ ........................................................................................................15 3.5 ขอบเขตของธรุ กิจการขายออนไลน์ ......................................................................................................15 3.6 สินค้าอะไรขายออนไลน์ไดบ้ า้ ง ..............................................................................................................15 4. การถา่ ยภาพสินค้า..........................................................................................................................................16 4.1 ความหมาย.............................................................................................................................................16 4.2 ประโยชนข์ องภาพถา่ ยสินคา้ ท่ีมคี ุณภาพ ..............................................................................................17 หลกั สตู รการค้าออนไลน์ กลยุทธ์การตลาดเชอื่ มโยงจาก Online และ Office
4.3 ลิขสิทธิ์ภาพถา่ ย .....................................................................................................................................17 4.4 การค้มุ ครองลขิ สทิ ธ์ิ ...............................................................................................................................18 4.5 การละเมดิ ลิขสทิ ธ์ิ ..................................................................................................................................18 4.6 บทกำหนดโทษ .......................................................................................................................................19 4.7 แหลง่ รูปถ่ายทไ่ี มต่ ดิ ลิขสทิ ธ์ิ...................................................................................................................19 4.8 อปุ กรณก์ ารถ่ายภาพสินคา้ ....................................................................................................................19 4.9 วธิ กี ารจดั ฉากถา่ ยภาพ...........................................................................................................................22 4.10 วิธีการจดั แสง.......................................................................................................................................23 4.11 หลกั ในการถา่ ยภาพสนิ ค้าดว้ ยโทรศพั ทม์ ือถอื เบอ้ื งต้น ......................................................................26 5. วิธสี ร้างเพจเฟสบคุ๊ ขายของ (Facebook Page)...........................................................................................27 5.1 วิธสี ร้างเพจเฟสบุ๊คขายของ (Facebook Page) มขี น้ั ตอนอะไรบ้าง...................................................27 5.2 สมคั ร FB Business Page......................................................................................................................27 5.3 ใสข่ อ้ มูลเบือ้ งต้น......................................................................................................................................28 5.4 ใสข่ อ้ มูลอ่ืน ๆ ..........................................................................................................................................29 5.5 วิธสี รา้ งเพจขายของ ให้มผี ู้ติดตามช่วงเร่มิ ตน้ ควรทำอย่างไร..............................................................30 บรรณานกุ รม.........................................................................................................................................................73 คณะผู้จัดทำ...........................................................................................................................................................77 หลักสูตรการคา้ ออนไลน์ กลยทุ ธก์ ารตลาดเชื่อมโยงจาก Online และ Office
1 1. การตลาด 1.1 ความหมายของการตลาด การตลาด หมายถึง กิจกรรมต่างๆ ที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์เคลื่อนยา้ ย โอนเปลี่ยนมือจากผู้ผลิตไปสู่ผ้บู ริโภค ซึ่งกิจกรรมตา่ งๆ นนั้ จะเก่ยี วขอ้ งกบั การนำเสนอผลติ ภัณฑ์ การหาสถานทีจ่ ดั จำหน่าย การโฆษณาประชาสัมพันธ์ ให้ผบู้ รโิ ภคเกิดความสนใจ เกิดความต้องการการตลาด และยงั มคี วามสำคัญต่อเศรษฐกิจ องคก์ รธรุ กิจ และช่วยให้ ประชาชนได้รับการบริโภคตามที่ต้องการ ในเวลาอันเหมาะสมและสถานที่ที่เหมาะสม รวมทั้งช่วยยกระดับ มาตรฐานการครองชีพให้สูงขึ้นด้วย ขณะเดียวกันก็มีแนวทางการศึกษาการตลาดอย่างกว้างขวาง เช่น การศึกษา เกี่ยวกับสินค้าที่ใช้ในการผลิต สถาบันที่ทำหน้าที่ช่วยเหลือธุรกิจ หน้าที่ในการปฎิบัติงาน สังคมหรือคนในชุมชน และการบริหารจัดการ เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ทุกด้านในปัจจุบัน (หลักการตลาด (Principle of Maeketing), 2022) 1.2 ความสำคญั ของการตลาด การตลาดมีบทบาทสำคญั ต่อการพฒั นาคณุ ภาพชีวติ และยกระดบั ความเปน็ อยู่ของมนุษย์ ในสงั คม ทำให้ เกิดการพึ่งพาอาศัยกันอย่างเป็นระบบในสังคมมนุษย์แต่ละคน สามารถประกอบ อาชีพที่ ตนเองถนัดและได้ใช้ ความรู้ความสามารถของแต่ละบุคคลได้ อย่างเต็มกำลังความสามารถ และการตลาดมีบทบาทอย่างใหญ่หลวงตอ่ ความเจริญเติบโต และพัฒนาการทางเศรษฐกิจของ ประเทศ เนื่องจากการตลาดเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการวิจัย และพัฒนาหาสิ่งแปลกใหม่ มาสนองความ ต้องการของตลาดและสังคม ทำให้ผู้บริโภคมีโอกาส เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ ที่ต้องการได้หลายทางและ ผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบสนองความต้องการ สร้างความพึงพอใจให้แก่ผู้บริโภค จึงมี ผลทำให้เกิด การจ้างงาน เกิดรายได้กับแรงงาน และธุรกิจ ทำให้ประชาชน มีกำลังการซื้อ และสามารถสนอง ความต้องการในการบริโภค ซึ่งทำให้ มาตรฐาน การครองชพี ของบุคคล ในสังคมมีระดับสงู ขึ้น และมีคุณภาพชวี ติ ทดี่ ีขน้ึ ความสำคัญ ของการตลาดอาจกล่าวได้ดงั น้ี 1) การตลาดเป็นเคร่ืองมือที่ทำใหเ้ กิดการแลกเปล่ียน การดำเนินการตลาดของธรุ กจิ จะทำให้ผผู้ ลิตกับ ผู้บริโภคเขา้ มาใกล้กัน และสร้างความพึงพอใจ ให้กับผู้บรโิ ภคด้วยการเสนอผลิตภัณฑ์ ที่ตรงต่อความต้องการของ ผู้บริโภค จนทำให้เกิดการ แลกเปลี่ยนในระดับผู้ซื้อและผู้ขายเกิดความพึงพอใจ การตลาดยังไม่ได้เป็นเพียง เคร่อื งมอื ทำให้ เกดิ การแลกเปลยี่ นเทา่ นน้ั แต่ยังเป็นเครื่องมือทีส่ ร้างความพงึ พอใจให้กับผู้บรโิ ภคอยา่ งต่อเนื่อง ทำ ใหผ้ ้บู รโิ ภคเกิดความซอ่ื สัตย์ภกั ดตี อ่ ผลิตภัณฑ์ ทำให้ผบู้ รโิ ภคกลบั มาใช้ หรอื ซือ่ ซำ้ เม่อื มี ความต้องการ 2) การตลาดเป็นตวั เชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของผลิตภัณฑ์กับผูบ้ ริโภค การดำเนนิ การทาง การตลาดทำให้ผู้เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์สามารถตอบสนองและสร้างความ พึงพอใจให้กับผู้บริโภคได้ ด้วยการ เชื่อมโยงความสัมพันธ์ให้สอดคลอ้ งกบั ภาวการณ์ สถานภาพ ของผู้บริโภคดว้ ยการจดั จำหนา่ ยผลติ ภณั ฑใ์ นปรมิ าณ ในเวลา ในสถานทีท่ ีผ่ ู้บริโภคตอ้ งการ ในราคา ทผ่ี บู้ ริโภคมีกำลังการซอ้ื และโอนความเปน็ เจ้าของได้ การเชื่อมโยง ความสัมพันธ์ระหว่าง ผู้เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์กับผู้บริโภค นอกจากจะดำเนินการในหน้าทางการตลาด ให้เกิด การเชื่อมโยงสัมพันธ์กันในเรื่องดังกล่าว สิ่งที่สำคัญจะต้องกระทำอีกประการหนึ่งก็คือ การสร้างการรับรู้ให้กับ ผ้บู รโิ ภคในกิจกรรมดังกล่าว หลักสตู รการค้าออนไลน์ กลยุทธก์ ารตลาดเช่อื มโยงจาก Online และ Office
2 3) การตลาดเป็นตัวผลักดันให้มีการพัฒนาปรับปรุงผลิตภัณฑ์ ด้วยแนวคิด ของการตลาด ในการมุ่ง สนองความต้องการและสร้างความพึงพอใจให้กับผู้บริโภค และรับผิดชอบต่อสังคม ผลักดันให้ผลิตต้องพัฒนา ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ ์ให้ตรงต่อความต้องการ และสร้างความพึงพอใจให้กับผู้บริโภค ตลอดจนจูงใจผู้บริโภคด้วย การเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ อยู่เสมอ และการตลาดระบบการตลาดเสรี ซึ่งมีการแข่งขันกันมากในการสร้าง ความ พงึ พอใจ และจงู ใจผ้บู รโิ ภค จงึ ยิ่งเป็นแรงผลักดันให้มีการพฒั นาปรบั ปรงุ ผลิตภณั ฑเ์ พ่ือการแข่งขนั ในตลาดเสรี 4) การตลาดเป็นกลไกในการเสริมสร้างระบบเศรษฐกิจ ด้วยการก่อให้เกิดการบริโภคและการพึ่งพา กนั อยา่ งเป็นระบบมคี วามเช่ือมโยงสัมพันธก์ ับระบบเศรษฐกิจทั้งระบบ การสรา้ งความตอ้ งการและการสนองความ ต้องการในการบริโภค ผลิตภัณฑ์ทำให้เกิดการไหลเวียนในระบบเศรษฐกจิ คือเกิดการจ้างงาน เกิดรายได้ เกิดการ บริโภค และเกิดการใช้แรงงาน ซึ่งจะมีการพึ่งพากันและเชื่อมโยงไหลเวียนตามลำดับอย่างเป็นระบบ ผลจะทำให้ การดำรงชีวิต ของมนุษยชาติในสังคมอยู่ในระดับที่มีการกินดีอยู่ดี มีความเป็นอยู่ อย่างเป็นสุขโดยทั่วกัน (Principle Of Marketing, 2022) 1.3 แนวความคดิ ทางการตลาด(Marketing concept) แนวความคิดทางการตลาด เปน็ การกำหนดแนวทางในการปฎิบัตงิ านทางการตลาด และจดั สรรทรพั ยากร ของกิจการ เพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายตามแนวทางนั้น แนวทางการตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย เพื่อให้ เหมาะสมกับความต้องการของสังคม ระบบเศรษฐกิจและสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป โดยมีจุดเริ่มต้นข้ึน ในช่วงของการปฎิวัติอุตสาหกรรม ที่มีการนำเครื่องจักรมาใช้ในกระบวนการผลิตแทนแรงงานคนที่ทำด้วยมือ ใน ลักษณะของการผลิตจำนวนมาก (Mass Production) เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ซึ่งทำให้ การตลาดมกี ารขยายตัวอย่างรวดเรว็ ผลติ ภณั ฑ์มีปรมิ าณมากขึ้น คู่แข่งขันมีจำนวนเพม่ิ ข้นึ จงึ เริม่ เกิดแนวความคิด ทางการตลาดและได้มกี ารพัฒนาขึ้นตามลำดับ เปน็ ววิ ัฒนาการของแนวความคดิ ทางการตลาด วิวฒั นาการของแนวความคิดทางการตลาด แบง่ ออกเป็น 5 แนวความคดิ ดงั นี้ 1) แนวความคิดแบบมุ่งเน้นการผลิต (Production concept) เป็นแนวความคิดที่เปลี่ยนแปลงจาก การทำเกษตรกรรมมาเป็นการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและมีการนำเครื่องจักรเข้ามาใช้ในการผลิตแทนการผลิต ด้วยมือ ทำให้สามารถผลิตสินค้าได้มากข้ึน นักการตลาดจึงให้ความสำคัญกับการผลิตและกระบวนการผลิต โดย พยายามคิดค้นวิธีการผลิตใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ได้ผลผลิตในปริมาณมากภายใต้ต้นทุนการผลติ ที่ต่ำที่สุด สินค้าทจ่ี ะใช้บริโภคมีมากกวา่ อปุ ทาน (Supply) ซง่ึ เปน็ ปรมิ าณของการเสนอขายสนิ ค้าทผ่ี ลิตสินคา้ ออกสูต่ ลาด แนวความคิดทางการตลาดแบบมุ่งเน้นการผลติ น้ี จะยึดหลักว่าผูบ้ รโิ ภคจะพิจารณาซ้ือด้วยความพึงพอใจ ในสินคา้ ท่มี ีราคาต่ำและหาซือ้ ได้งา่ ย นกั การตลาดจึงตอ้ งปรับปรงุ การผลติ ใหด้ ีขน้ึ เพ่อื ลดทุนใหต้ ่ำและจัดจำหน่าย ใหท้ ่วั ถงึ ซึ่งจะเป็นตลาดของผ้ขู ายหรือตลาดผกู ขาด 2) แนวความคิดแบบมงุ่ เน้นผลิตภัณฑ์ (Product concept) เนอ่ื งจากผลของการมงุ่ เน้นการผลิตที่ใช้ ต้นทุนต่ำ เพื่อให้ได้ผลผลิตจำนวนมาก โดยสินค้าที่ผลิตออกมาจำหน่ายไม่มีความแตกต่างกัน ทั้งในด้านคุณภาพ และราคาทำให้เกิดภาวะสินค้าล้นตลาดดังนั้นนักการตลาดจึงต้องพยายามคิดค้นหาวิธีที่จะให้สินค้าเกิดความ แตกต่างจากคู่แข่งขัน โดยปรับปรุงสิสนค้าให้มีคุณภาพและรูปลักษณ์ที่ดีขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับราคา เพื่อสร้าง ความแตกต่าง หลักสูตรการค้าออนไลน์ กลยทุ ธ์การตลาดเชอื่ มโยงจาก Online และ Office
3 แนวความคิดทางการตลาดแบบนี้จะยึดหลักว่าผู้บริโภคจะมีความพึงพอใจในสินค้าที่มีคุณภาพและ รปู ลักษณ์ที่ดที ่ีสดุ เมื่อเปรียบเทียบกบั ราคาจงึ ตอ้ งปรบั ปรงุ คุณภาพและพฒั นาให้ดีกว่าคู่แข่งขนั 3) แนวความคิดแบบมุ่งเน้นการขาย (Selling concept) เป็นแนวความคิดที่ให้ความสำคัญกับ กิจกรรมทางด้านการขาย เนื่องจากคู่แข่งที่มีอยู่มากในตลาดได้มีการพัฒนาสินค้าให้มีมีคุณภาพเท่าเทียมกัน ประกอบกับเป็นช่วงที่ผู้บริโภคคำนึงถึงความจำเป็นในการใช้สินค้า กล่าวคือ ผู้บริโภคจะซื้อเฉพาะสินค้าที่จำเป็น และตรงกับความต้องการเท่านั่นนักการตลาดจึงต้องจูงใจให้ผู้บริโภคซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งวิธีการ กระตุ้นความต้องการของผู้บริโภคคือการอาศัยพนักงานขายให้เป็นผู้นำเสนอขายสินค้า กิจการต่างๆ พยายาม ปรับปรุงรูปแบบวธิ ีการขาย โดยมีการฝึกอบรมเกี่ยวกับเทคนคิ การขายให้กบั พนักงานขาย มีการส่งเสริมการตลาด ในด้านต่างๆ เช่น การส่งเสริมการขายด้วยของแจกของแถม การเผยแพร่ข่าวสาร การจัดกิจกรรมเพื่อทำให้ ผบู้ ริโภคเกิดความสนใจ และตัดสนิ ใจซอ้ื สนิ ค้า แนวความคิดทางการตลาดแบบมุ่งเน้นการขาย จะยึดหลักว่าผู้บริโภคจะซื้อสินค้าต่อเมื่อมีความจำเป็น นกั การตลาดจึงตอ้ งพยายามปรับปรุงหนว่ ยงานขายใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพ ดว้ ยการคดั สรรพนกั งานท่ีมีความสามารถใน ดา้ นของเทคนคิ การขาย โดยพยายามคิดค้นหาวธิ กี ารขายรูปแบบใหมๆ่ 4) แนวความคิดแบบมุ่งเน้นการตลาด (Marketing concept) เป็นแนวความคิดที่กิจการให้ ความสำคัญตอ่ ผู้บริโภคมากข้นึ โดยเรมิ่ มีการศึกษาวเิ คราะห์ถึงความต้องการของผู้บรโิ ภคเป็นอันดับแรกและสร้าง ความพึงพอใจให้แกผ่ ู้บริโภค แล้วจึงนำข้อมลู ท่ไี ดไ้ ปผลิตเป็นสินค้าข้ึนมา เพ่อื ใหต้ รงกบั ความต้องการของผู้บริโภค มากที่สุด ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแนวความคิดแบบเดิมที่มุ้งเน้นแต่ทางด้านการผลิต เมื่อมีสินค้าจำนวนมากแล้วก็นำ ออกขายแก่ผู้บริโภค ธุรกิจจึงต้องทำการหาข้อมูลทางการตลาดเกี่ยวกับผู้บริโภคให้มากที่สุดแล้วนำข้อมูลที่ได้ รับมาดำเนินการผลิต 5) แนวความคิดแบบมุ่งเน้นสังคม (Social Concept) เป็นแนวความคิดสมัยใหม่ที่ธุรกิจในปัจจุบันนี้ ให้ความสนใจ และใช้เป็นแนวทางในการดำเนินกิจการ ขณะเดียวกันผู้บริโภคก็มีความคิดเห็นว่าธุรกิจควร ให้บริการช่วยเหลือแก่สังคมในด้านต่างๆ โดยมิใช่มุ่งตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคเพื่อให้ธุรกิจบรรลุ เป้าหมายเพียงเท่านั่นแต่ควรจะคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคม เช่น การไม่ผลิตสินค้าด้อยคุณภาพ ไม่ทำลาย สง่ิ แวดล้อมรวมถงึ การใชท้ รัพยากรอยา่ งประหยัด ดว้ ยการปฎบิ ัติตามหลกั 3 R's คือ Re-fill = การผลิตสนิ คา้ ชนดิ เติม ทำใหป้ ระหยัดวสั ดุในการผลติ บรรจุภณั ฑ์ Re-use = การผลิตสนิ คา้ ท่อี ยู่ในบรรจุภัณฑ์ท่นี ำมาใช้ซ้ำหรอื กลับมาใชป้ ระโยชนอ์ น่ื ได้ Recycle = การใช้บรรจุภณั ฑท์ ท่ี ำจากกระดาษหรอื พลาสตกิ ทผี่ ลิตจากวัสดทุ ีใ่ ช้แล้วนำมาผลิดใหม่ แนวความคิดทางการตลาดแบบมุ่งเน้นสังคมจะยึดหลักว่าการดำเนินธุรกิจในปัจ จุบันจะต้องควบคู่ไปกับ การทำกิจกรรมต่างๆ ที่ทำให้ผู้บริโภคมองกิจการในแง่ดีว่าเป็นผู้ทำธุรกิจเพื่อสังคมห่วงใยสังคม และห่วงใย ส่ิงแวดล้อม หลักสูตรการคา้ ออนไลน์ กลยทุ ธก์ ารตลาดเชือ่ มโยงจาก Online และ Office
4 1.4 การประเมินสภาพแวดลอ้ มทางการตลาด (SWOT Analysis) SWOT ย่อมาจากคำว่า Strength (จุดแข็ง) Weakness (จุดอ่อน) Opportunity (โอกาส) Threat (อุปสรรค) เปน็ สง่ิ ท่ีธรุ กิจนำมาวเิ คราะห์และประเมนิ เพือ่ ใชใ้ นการวางแผนและกำหนดกลยุทธท์ างการตลาด ดังน้ี 1) Strength (จุดแขง็ ) เป็นการพจิ ารณาข้อดี หรือจุดเดน่ ทเี่ ก่ยี วกบั บรษิ ัทสามารถควบคมุ ได้ และนำมาใช้ ในการวางแผนกลยุทธ์การตลาด ตัวอยา่ งของจุดแข็ง ไดแ้ ก่ -สินค้ามคี ณุ ภาพ -ความชำนาญของบคุ ลากร -บรรจุภณั ฑท์ นั สมัย -ความแข็งแกรง่ ของตราสินคา้ -เคร่อื งมือท่ีมปี ระสิทธภิ าพ -ทำเลที่ตง้ั ของกจิ การท่ีเหมาะสม -มีการประชาสมั พนั ธ์ทีด่ ี -ระบบตรวจสอบคุณภาพที่ทันสมยั -ส่วนแบง่ ทางการตลาดสูง -ภาพพจนข์ องสนิ คา้ และบรษิ ัทดี -ต้นทุนการผลติ สนิ คา้ ตำ่ -มกี ารผลิตอย่างตอ่ เน่ือง -มีความสามารถสร้างความพึงพอใจใหก้ ับลกู คา้ 2) Weakness (จุดอ่อน) เป็นการพิจารณาข้อเสีย หรือจุดด้อย หรือข้อบกพร่องที่อยู่ภายในบริษัทและ ผลิตภณั ฑ์ ซง่ึ เปน็ ปจั จัยที่บรษิ ัทสามารถควบคมุ ไดแ้ ละบริษัทจำเป็นต้องปรับปรงุ แกไ้ ขตัวอยา่ งของจดุ อ่อน ไดแ้ ก่ -สนิ คา้ มใี หเ้ ลือกน้อย -ความชำนาญของบคุ ลากร -รปู แบบสินคา้ ไมท่ ันสมยั -เงนิ ทนุ ไม่เพยี งพอ -กำลังการผลติ ต่ำ -สายผลติ ภณั ฑส์ ั้น -ต้นทนุ การผลิตสงู -จำนวนแรงงานไม่เพยี งพอ -ช่องทางการจดั จำหนา่ ยไมเ่ พียงพอ -ไมม่ ีงบประมาณการโฆษณา 3) Opportunity (โอกาส) เป็นการพิจารณาถึงข้อได้เปรียบของกิจการหรือของผลิตภัณฑ์ที่มีเหนือกว่า คู่แข่ง ซึ่งเป็นปัจจัยที่อยู่ภายนอกท่ีเอิ้ออำนวยประโยชน์ต่อบริษทั ให้นำไปใช้ในการวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาด ตวั อย่างของโอกาส ไดแ้ ก่ -การแข่งขนั ยงั มีนอ้ ย -คู่แขง่ ขนั เลกิ กจิ การ -จำนวนผบู้ ริโภคเพม่ิ มากข้ึน -การเติบโตของตลาดอย่างตอ่ เนอื่ ง -ได้รับการสง่ เสริมจากรัฐบาล -ทศั นคตทิ ่ดี ตี อ่ สินค้าของผ้บู ริโภค -เศรษฐกจิ มอี ตั ราการเจริญเติบโตสงู ข้ึน -มคี นกลางที่ช่วยจดั จำหน่ายมาก -เทคโนโลยีหรอื วิชาการใหม่ที่เออ้ื อำนวยประโยชน์ต่อธรุ กิจ 4) Threat (อุปสรรค) เปน็ การพจิ ารณาขอ้ เสียเปรียบ ขอ้ จำกดั หรอื ปญั หาที่อยูภ่ ายนอกกิจการ และเป็น อปุ สรรค์ที่มีผลกระทบตอ่ บรษิ ัท เป็นปจั จยั ภายนอกทีไ่ ม่สามารถควบคมุ ได้ ตัวอยา่ งของข้อจำกดั ไดแ้ ก่ -ราคาของต้นทนุ วัตถดุ ิบสูงขนึ้ -คูแ่ ข่งขันรายใหมเ่ ขา้ มาในตลาด -มกี ฎหมายหรอื ระเบียบขอ้ บงั คบั ใหม่ -คู่แขง่ ขนั ทุ่มการโฆษณาสงู -มีสนิ คา้ ที่ใช้ทดแทนกนั ได้ -สินคา้ ถกู กดราคาจากคนกลาง -เศรษฐกิจอยใู่ นขนั้ ตกตำ่ -ผบู้ ริโภคเปลีย่ นแปลงรสนยิ ม -จำนวนผู้บริโภคลดนอ้ ยลง หลกั สตู รการคา้ ออนไลน์ กลยุทธก์ ารตลาดเช่อื มโยงจาก Online และ Office
5 1.5 ส่วนประสมทางการตลาด 4Ps 4P คือ หลักการตลาด หรือส่วนผสมทางการตลาดอันประกอบไปด้วย Product (สินค้า), Price (ราคา), Place (ช่องทางการจำหน่าย) และ Promotion (การส่งเสริมการขาย) โดยทั้ง 4 หลักนี้นับเป็นพื้นฐานทาง การตลาดทีน่ กั การตลาดทุกคนต้องเรยี นรแู้ ละทำความเขา้ ใจใหล้ ึกซึง้ เพ่ือนำเอาไปปรบั ใช้อย่างเหมาะสม ถูกต้อง มี การวางแผนให้ออกไปในทิศทางเดียวกัน สอดคล้องกับธุรกิจ เมื่อธุรกิจมีพื้นฐานตามหลัก 4P แล้ว จะสามารถ นำเอากลยุทธ์อื่น ๆ เข้ามาเพิ่มเติมเพื่อให้เติบโตและก้าวหน้าอย่างที่คาดหวังเอาไว้ อย่างไรก็ตามในการเร่ิม วางแผนเพื่อทำธุรกิจ การนำเอาหลักนี้มาใช้อาจยังเป็นภาพรวมคร่าว ๆ จากนั้นเมื่อทำไปได้สักพักจะค่อย ๆ มองเห็นวิธีทีเ่ หมาะสมในการนำเอากลยุทธด์ งั กล่าวมาปรบั ใช้ (Fillgoods, 2022) 1.5.1 Product (สินค้าหรือผลิตภัณฑ์) – หมายถึงสินค้าหรือบริการที่อาจจะเหมาะกับความต้องการ ของตลาดกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ทุกสินค้ามีวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์และมีข้อดีข้อเสียเฉพาะตัว ซึ่งหนึ่งในความท้าทาย ของการตลาดกค็ ือการเลือกและส่อื สาร ‘จุดขาย’ ของสินคา้ ใหเ้ หมาะสมกับกลมุ่ ลูกคา้ ทีเ่ ราเลือกไว้ 1.5.2 Price (ราคา) – คือกลยุทธ์ส่วนการตั้งราคาสินค้า ลูกค้าแต่ละกลุ่มมีความสามารถและพฤติกรรม ในการใช้เงินไม่เหมือนกัน นอกจากนั้นแล้วสินค้าบางอย่างก็มีมูลค่ามากหรือน้อยขึ้นอยู่กับราคาและมุมมองของผู้ ถอื ดว้ ย กลยทุ ธ์ดา้ นราคาท่ดี ีท่ีสุดกลยทุ ธ์ทส่ี ามารถเพม่ิ ยอดขายและกำไรให้กับสนิ ค้าไดม้ ากท่ีสดุ 1.5.3 Promotion (การส่งเสริมการขาย) – กลยุทธ์การส่งเสริมการขายบางทีก็ถูกเรียกว่าการสื่อสาร การตลาด (marketing communication) ซึ่งก็รวมทุกอย่างตัง้ แต่การทำโฆษณา การจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย และการประชาสัมพันธ์ลูกค้า การส่งเสริมการขายคือกระตุ้นให้กลุ่มลูกค้าหลักของเรามีความอยากซื้อสินค้ามาก ขึ้น 1.5.4 Place (ช่องทางการจัดจำหน่าย) – หมายถึงสถานที่ขายและช่องทางการขายของสินค้า สินค้า ส่วนมากต้องมีการกระจายสินค้าเพื่อให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้น ลูกค้าแต่ละกลุ่มจะมีช่องทางการขายไม่ เหมือนกัน กลยุทธ์ด้านช่องทางการขายที่ดีต้องเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่เราต้องการได้ และต้องมีค่าใช้จ่ายที่ เหมาะสม (thaiwinner, 2022) หลกั สตู รการค้าออนไลน์ กลยทุ ธก์ ารตลาดเชอ่ื มโยงจาก Online และ Office
6 1.6 กลยุทธ์ 4Cs 4C คือ กลยทุ ธก์ ารตลาดทคี่ ิดจากมมุ มองของลูกค้า เพื่อคน้ หาว่าลูกค้าต้องการอะไร คดิ อยา่ งไร นำเสนอ คุณค่า และประสบการณ์ใหก้ ับลูกค้า ชว่ ยให้สรา้ งการตลาดทีม่ ีความหมาย และตอบโจทยข์ องลูกค้าได้ตรงจุดมาก ขึ้น ซึ่งต่างจาก 4P ที่คิดจากมุมมองของแบรนด์ หรือเจ้าของธุรกิจ ว่าจะต้องทำอย่างไรให้ลูกค้าสนใจ และซื้อ สนิ คา้ หรือบริการของเรา 1.6.1 Product —> Consumer Product ใน 4P จะเน้นการผลิตหรือหาสินค้าเพื่อตอบสนองลูกค้าแต่ Consumer จะเน้นไปที่สิ่งที่ ผูบ้ ริโภคตอ้ งการจรงิ ๆ ไมใ่ ชส่ ินคา้ ท่ดี แี ตไ่ ม่มีคนซ้ือ บรษิ ัทต้องศึกษาและทำความเขา้ ใจลูกค้าจรงิ ๆ ของตัวเองอยา่ ง ลึกซึ้งว่ามีความต้องการอะไร เพราะสนิ คา้ และบรกิ ารของธรุ กจิ น้นั กต็ ้องเกิดขน้ึ มาเพื่อรองรับความต้องการเหล่าน้ี ในอดีต เราจะผลิตหรือนำเสนอสินค้าแก่ผู้บริโภค โดยผู้บริโภคอาจจะไม่มีตัวเลือกมากนัก แต่ในปัจจุบัน ดว้ ยเทคโนโลยีทก่ี า้ วหน้ามากขึ้น ผูบ้ รโิ ภคมตี ัวเลือกมากมาย ดงั น้ันแทนทจี่ ะผลิตสนิ คา้ ก่อน ให้ถามว่า “ผู้บริโภคตอ้ งการอะไร?” “ผูบ้ ริโภคพอใจในอะไร?” 1.6.2 Price —> Cost Price ในฝั่งของธุรกิจ จะตั้งราคาตามต้นทุนการผลิต ค่าวัตถุดิบ ค่าขนส่ง แล้วจึงบวกกำไรเข้าไป Cost ค่าใชจ้ ่ายที่ลูกค้าต้องจ่ายเพื่อแลกกับสนิ ค้าหรือบริการ ในมุมมองของลูกค้า ลูกค้าไมไ่ ด้สนใจว่าค่าวตั ถุดิบคุณจะมี ราคาเท่าไร ค่าขนส่งแพงขึ้นหรือไม่ แต่ลูกค้าจะมองว่า เงินที่พวกเขาจะจ่ายนั้น มันคุ้มค่ากับสินค้าหรือบริการ หรอื ไม่ ซึ่งลกู ค้าแตล่ ะคนไม่เท่ากนั “Cost ของลูกคา้ ขน้ึ อยู่กบั แตล่ ะคน” 1.6.3 Place —> Convenience Place ทำเลในการวางสินค้าหรือบริการ Convenience สำหรับ 4Cs ที่เกิดขึ้นมาในยุคหลังๆ ที่เริ่มมี Internet แล้ว ทำให้สถานที่จัดจำหน่ายและช่องทางในการเข้าถึงสินค้าและบริการ ไม่ได้อยู่ในรูปแบบแค่ Physical อีกต่อไป ยิ่งในยุคออนไลน์ปัจจุบันแล้วด้วยนัน้ ในหลาย ๆ ครั้งลูกค้าก็เลือกความสะดวกสบายมากกว่า การที่จะต้องเดินทางไปซื้อสินค้าหรือบริการ ซึ่งหากคุณละเลยในช่องทางขายออนไลน์ ก็อาจจะทำให้เสียโอกาส ทางการค้าไปอย่างมากมาย ช่องทางการชำระเงินก็ต้องให้ลูกค้าสะดวกสบาย ไม่ใช่โอนเงินแต่ละครั้งลำบาก หลักสูตรการคา้ ออนไลน์ กลยุทธก์ ารตลาดเชอ่ื มโยงจาก Online และ Office
7 ยากเย็น ลูกค้าไปซือ้ รา้ นเลยทันที ยุคในยุคอนิ เตอร์เน็ต การท่ีลูกคา้ เปลีย่ นไปซื้อร้านอื่นง่ายดายมาก ถ้ารูปไมส่ วย โหลดเว็บชา้ ลกู ค้ากเ็ ปลีย่ นไปซื้อร้านอ่ืนได้ทนั ที 1.6.4 Promotion —> Communication Promotion โปรโมท ส่วนใหญ่จะเป็นการสือ่ สารจากแค่ฝัง่ ของผู้ขาย โดยทีไ่ ม่ไดฟ้ ังเสยี งของผูบ้ ริโภคเลย ว่า พวกเขาต้องการโปรโมชั่นเหล่านั้นหรือไม่ Communication นั้น เราจำเป็นต้องทำการสื่อสารไปยัง กลุ่มเป้าหมาย โดยใหเ้ หตุผลวา่ ทำไมพวกเขาจึงเหมาะสมกับสินค้าหรือบริการเหล่าน้ัน โดยท่ีในบางคร้ัง ผู้บริโภค อาจจะยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่า พวกเขาต้องการอะไร โดยเฉพาะการสื่อสารที่ไปกับความต้องการของผู้บริโภค ไลฟ์ สไตลต์ ่างๆ ของพวกเขา และการสื่อสารในกล่าุ เปา้ หมายยงั ประหยัดกวา่ การหวา่ นโฆษณาไปยงั ทุกกลมุ่ แบบ Mass โดยเฉพาะเทคโนโลยีออน์ไลน์ที่กำหนดการโฆษณาหรือการทำโปรโมชั่นเฉพาะกลุ่มได้ง่ายกว่าแต่ก่อนที่ใช้แค่สื่อ สิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ (อนุมานว่า Promotion เป็นส่วนนึงของ Communication ) (thinkaboutwealth, 2022) 1.7 กลยทุ ธ์ 4Es เมอื่ โลกมกี ารเปลย่ี นแปลงอยู่เสมอ Internet เขา้ มามบี ทบาทกับผูค้ นมากข้ึนการใหค้ วามสำคัญกับการใช้ งาน ประสบการณ์ หรือ การมีส่วนร่วมกับลูกค้าจึงสำคัญมากขึ้น ดังนั้นกรอบการวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาด แบบเดิม ๆ จึงต้องปรับเปลี่ยนตามไปด้วย การนำหลักการตลาดแบบ 4E's ซึ่งประกอบด้วย Experience, Exchange, Everywhere และ Evangalism เข้ามาใช้ จึงน่าจะเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจคว้าใจผู้บริโภคและ เติบโตต่อเน่อื งในระยะยาว 1.7.1 Product >> “Experience” ทุกวันน้ีผู้บริโภคไม่ได้คาดหวังแค่สนิ ค้าหรือบริการเท่านั้น ตัวอย่างทีเ่ ห็นกันงา่ ยๆ คือทำไมบางคนถึงยอม จ่ายเงินซื้อรถหรูหลักหลายล้าน หรือเลือกจ่ายแพงกว่าเพื่อนั่งเครื่องบินระดับ First class นั่นเป็นเพราะต้องการ ประสบการณ์ที่ดีกว่า สะดวกสบายกว่าและสร้างความสุขได้มากกว่า ซึ่งประสบการณ์ที่ว่านี้มาจากการนำเสนอ ภาพลักษณ์ของแบรนด์และการสร้างความรู้สกึ เกี่ยวข้องกับบริษทั ดงั น้ันการเอาชนะคแู่ ข่งทางการตลาดในยุคนี้คง ไม่พ้นเรื่องของการ “สร้างประสบการณ์” เพื่อให้เกิดผลลัพธ์แบบที่ผู้บริโภคจะต้อง “หลงรัก” และอยู่กับเราไป ยาวนาน หลกั สตู รการค้าออนไลน์ กลยทุ ธ์การตลาดเชื่อมโยงจาก Online และ Office
8 1.7.2 Price >> “Exchange” ก่อนหน้านี้การตั้งราคาสินค้ามาจากต้นทุนการผลิตเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นผู้ประกอบการจึงมักแข่งกันด้วย การลดราคาต้นทุน เพื่อให้สินค้าสามารถขายได้ในราคาที่ถูกกว่าคู่แข่งในตลาด แต่ในปัจจุบันเมื่อพฤติกรรมการ บริโภคเปลี่ยนแปลงไป ผู้คนไม่ได้ให้ความสำคัญที่ราคาเป็นหลัก แต่หันไปให้ความสนใจเรื่อง “ความคุ้มค่า” มากกว่า เปรียบเหมือนกับการแลกเปลี่ยนความพึงพอใจของทั้งสองฝ่ายระหว่างตัวธุรกิจและผู้บริโภค ซึ่งไม่ว่า สินค้าราคาเท่าไหร่ แต่ถา้ ผูบ้ ริโภคชั่งใจแลว้ ว่าค้มุ คา่ กบั ราคาท่ีจ่ายไป กย็ ่อมอยากซื้อสินค้านัน้ ๆ 1.7.3 Place >> “Everywhere” ในอดีต ถ้าอยากทำธุรกิจต้องมีหน้าร้านและมองหาทำเลเหมาะๆ สำหรับขายสินค้า แต่ในปัจจุบัน หน้า ร้านอาจไม่ใช่สิ่งจำเป็นอีกต่อไป เพราะความก้าวหน้าของเทคโนโลยีได้เชื่อมต่อผู้ขายสินค้าและลูกค้าเข้าด้วยกัน ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินค้าและบริการได้จากทุกหนทุกแห่งทั่วโลกเพียงแค่มีอินเทอร์เน็ต ดังนั้นสิ่งที่ควรให้ ความสำคัญมากที่สุดในการทำการตลาดออนไลน์ จึงเปลี่ยนจากหน้าร้านไปเป็นเว็บไซต์ อีคอมเมิร์ชแพลตฟอร์ม หรือโมบายแอปพลิเคชนั รวมไปถงึ การเน้นสรา้ ง Customer Journey และ Experience บนออนไลนแ์ พลตฟอรม์ 1.7.4 Promotion >> “Evangelism” การออกแคมเปญลด แลก แจก แถม แบบการตลาดสมัยก่อนอาจไม่ได้รับความนิยมมากนักในปัจจุบัน เนื่องจากผู้บริโภคยุคใหม่มักมีความพึงพอใจหรือความชอบในแบรนด์ที่บริโภคเป็นประจำอยู่แล้ว หรือที่เรียกว่า “Evangelism (สาวก)” ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายขึ้นก็หมายถึง “Brand Loyalty” นั่นเอง ดังนั้นกลยุทธ์การชิงส่วน แบ่งตลาดแบบเดิม ๆ อาจใช้ไม่ได้ผล หากเรายังไม่สามารถเปลี่ยนลูกค้าขาจรให้กลายเป็นลูกค้าขาประจำได้ (bluebik, 2022) 1.8 กระบวนการตัดสินใจซื้อของผบู้ ริโภค กระบวนการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคจะช่วยให้นักการตลาดเข้าใจในขั้นตอนการตัดสินใจซื้อสินค้าหรือ บริการของผู้บริโภคอย่างละเอียดตั้งแต่จุดแรกไปจนถึงสิ้นสุดกระบวนการ ซึ่งจะช่วยให้สามารถวางแผนไม่ว่าจะ เปน็ ตัง้ แตก่ ารผลติ สินคา้ หรือบรกิ าร การวางแผนการตลาด ตงั้ แต่กระบวนการแรกเร่มิ ไปจนถงึ การดงึ ดูดให้เกิดการ กิจกรรมทางการขายขึน้ หลักสูตรการคา้ ออนไลน์ กลยุทธ์การตลาดเชอ่ื มโยงจาก Online และ Office
9 1.8.1 การตระหนักร้ถู ึงปญั หา (Problem Recognition) กอ่ นจะเกิดการซื้อใดๆกต็ ามผู้บรโิ ภคจำเป็นต้องคำนึงถึงเหตุผลท่ีลกู คา้ จะต้องเชื่อ (Reason to Believe) ในการจะซื้อสินค้าหรอื บริการสกั อย่างหนึ่งเสมอ หรืออาจนึกถึงสถานที่ที่อยากจะไปสักที่ใดที่หน่ึงซึง่ นับเป็นความ ปรารถนาที่เกิดขึ้นที่นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหา ณ ปัจจุบันของผู้บริโภค โดยนักการตลาดสามารถกำหนด ปญั หาซึง่ อาจจะเปน็ สง่ิ ที่มีอยู่หรอื ยังไมไ่ ด้ถูกเติมเต็มก็ได้ ดว้ ยการทำคอนเทนตท์ เี่ ร่มิ ต้นดว้ ยการตั้งคำถามผ่านการ นำเสนอข้อมูลข้อเท็จจริงของสินค้าหรือบริการ การนำเสนอด้วย Testimonials ของผู้ที่เคยใช้สินค้าหรือบริการ เพื่อดึงดูดให้ผู้บริโภคนั้นเริ่มเข้ามาสู่กระบวนการซื้อ และทำให้ผู้บริโภครู้สึกและตระหนักให้ได้ ว่าปัญหาที่เกิดขึ้น นน้ั สามารถแกไ้ ขไดด้ ว้ ยสินค้าหรือบริการของเรา 1.8.2 การคน้ หาข้อมูลเพ่มิ เตมิ (Information Search) เมือ่ ผ้บู รโิ ภครับรถู้ งึ ปญั หาแลว้ กจ็ ะเกิดการอยากรู้และค้นหาข้อมูลเพม่ิ เติม เพือ่ ดวู ่าอะไรคือส่ิงท่ีจะมาเติม เต็มปญั หาเหลา่ นัน้ ได้ จะมวี ิธกี ารใดๆที่เข้ามาแกไ้ ขส่ิงท่ีเปน็ ปัญหาทีผ่ ู้บรโิ ภคกำลังเผชิญอยู่ โดยในขัน้ ตอนนน้ี กั การ ตลาดก็จำเป็นต้องแสดงความเป็นผู้เชี่ยวชาญในการให้ข้อมูลเชิงลึก หรือวิธีที่จะช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆผ่านสื่อ โฆษณาทั้งออนไลน์โซเชียลมีเดียและออฟไลน์ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายเปิดรับเป็นประ จำและใช้ในการค้นหาข้อมูล ต่างๆ และสิง่ ทีค่ ณุ ทำนนั้ ตอ้ งนำเสนอให้แตกต่างจากคู่แขง่ อยเู่ สมอ 1.8.3 ประเมินทางเลอื กอืน่ ๆ (Evaluation of Alternatives) แม้ว่าคุณจะสร้างความแตกต่างและโดดเด่นในการนำเสนอจากคู่แข่งอย่างไร ผู้บริโภคก็ยังไม่สามารถ ตัดสินใจที่จะเลือกสินค้าหรือบริการของคุณในทันทีเพราะพวกเขายังคงต้องทำการหาข้อมูลเปรียบเทียบอยู่เสมอ เพื่อหาสิ่งที่ใช่และตรงตามความต้องการมากที่สุด เช่น ในการนำเสนอบริการประกันภัยที่ลูกค้าต้องหาเจ้ามา เปรียบเทียบราคาและผลประโยชน์ที่ได้รับว่าอันไหนคุ้มค่าและจำเป็นกว่ากัน โดยในข้ันตอนนี้เป็นความยากของ นักการตลาดในการต้องสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นให้ได้ และยังต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีเพื่อดึงดูดให้ กลมุ่ เป้าหมายยังคงความสนใจในตัวสินค้าของคณุ ต่อไป หลกั สูตรการคา้ ออนไลน์ กลยุทธ์การตลาดเชือ่ มโยงจาก Online และ Office
10 1.8.4 เขา้ สู่กระบวนการตัดสินใจซ้อื (Purchase Decision) เมื่อผู้บริโภคได้ค้นหาข้อมูลและเปรียบเทียบจนพบเจอข้อมูลที่พร้อมสำหรับการตัดสินใจแล้ว ก็อาจเกิด การที่ผู้บริโภคจะซื้อสินค้าหรือบริการของคุณในทันทีหรอื เกดิ ยุติการซื้อสินค้าหรอื บริการได้ทุกเมื่อเชน่ กัน ซึ่งเป็น กระบวนการที่ผู้บริโภคนั้นอาจเกิดการลังเลหรือติดใจอะไรอยู่บางอย่างและนั้่นเป็นเหตุ ผลให้นักการตลาด จำเป็นต้องทำใหพ้ วกเขารู้สกึ ถงึ ความปลอดภัยอุน่ ใจในการเลือกซอื้ สินคา้ หรือบริการให้ได้ ซึ่งตอ้ งพยายามโน้มน้าว ใจอย่างสุดตัวทั้งข้อมูลความจำเป็นความสำคัญและที่สำคัญที่สุดก็คือ สินค้าหรือบริการสามารถเติมเต็มหรือ แก้ปัญหาของพวกเขาได้อย่างไร ทำให้พวกเขารู้สึกว่าขาดสินค้าของคุณไม่ได้ และหากเกิดสถานการณ์ที่พวกเขา เดินหนีไปจากคุณในขั้นนี้คุณก็จำเป็นต้องดึงพวกเขากลับมาด้วยการทำ Retargeting เช่นการส่งอีเมล์หรือ SMS เพื่อกระตนุ้ ใหพ้ วกเขายังคงคิดถึงสนิ ค้าของคุณอยู่เสมอ 1.8.5 ซอ้ื สินคา้ หรือบรกิ าร (Purchase) ข้ันที่ความต้องการนั้นถูกเติมเต็มเป็นที่เรียบร้อยเมื่อผู้บริโภคกลายเป็นลูกค้าและได้เลือกซื้อสินค้าหรือ บริการของคณุ นับเป็นผลรวมมาจากความพยายามที่คณุ ได้ทำตั้งแต่ขัน้ ตอนแรกซึ่งถือวา่ เป็นผลสำเร็จแรกเริ่มที่ดี แต่คุณก็ยังจำเป็นต้องระวงั เอาไว้อยู่เสมอครบั ว่าโอกาสการที่ลูกคา้ จะยกเลกิ หรือหายไปก็ยังมคี วามเป็นได้อยู่ การ ทำการตลาดกับขั้นตอนนี้ก็ยังคงมีความสำคัญครับด้วยการลองตรวจสอบดูว่าลูกค้าได้มีการกดยืนยันสั่งซื้อผ่าน หน้าเว็บไซต์แล้วจริงๆ หรือมีการสั่งออเดอร์แล้วโอนเงินชำระมาแล้วจริงๆ ซึ่งปัญหาในขั้นตอนนี้ท่ีอาจทำให้ลกู คา้ ยกเลกิ การซอ้ื สนิ คา้ ก็อาจมาจากปัญหาด้าน UX/UI หรือท่ีเรียกว่าการออกแบบประสบการณ์ลกู ค้าในการเย่ียมชม เวบ็ ไซต์และการออกแบบหนา้ ตาเว็บไซต์ หลายๆครง้ั เรามกั จะเจอปัญหาของความยุ่งยากในการสั่งซ้ือและขั้นตอน ทม่ี ากจนเกนิ ไปจนเกดิ การยกเลกิ และรสู้ ึกแยก่ ับแบรนดข์ องคณุ กไ็ ด้ 1.8.6 การประเมนิ หลงั การซอ้ื สนิ คา้ (Post-Purchase Evaluation) ขั้นสุดทา้ ยก็นับว่าเป็นขั้นทสี่ ำคญั ที่สดุ ข้ันหนงึ่ เพราะหลงั จากการซอื้ สินคา้ หรือบริการนั้นจบสิ้นแล้ว ก็เป็น กระบวนการที่คุณจำเป็นต้องสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าให้กลายเป็นลูกค้าที่กลับมาซื้อซ้ำในอนาคตให้ได้ ซึ่งน่ัน หมายถึงการที่ลูกค้าจะต้องเกิดความประทบั ใจและรูส้ กึ ดกี ับประสบการณท์ ่ีใชส้ นิ คา้ หรือบริการของคุณ รวมไปถึง การบรกิ ารหลงั การขายและการขายของพนักงานคณุ โดยคุณจำเปน็ ต้องมีการทำแบบสำรวจความคดิ เห็นบ้างตาม โอกาสหรือนำเสนอสิทธิพิเศษบางอย่างกับลูกค้าก็ได้ และในขั้นตอนนี้คุณต้องทำให้ลูกค้ากลายเป็นลูกค้าท่ี จงรกั ภักดี (Loyal Customer) และบอกตอ่ (Advocacy) ใหค้ นอืน่ ๆมาอุดหนุนสินค้าหรือบริการของคุณต่อไป (นุ กุลสมปรารถนา, 2022) หลักสตู รการค้าออนไลน์ กลยุทธก์ ารตลาดเชื่อมโยงจาก Online และ Office
11 2. การตลาดดจิ ิทัล (Digital Marketing) 2.1 การตลาดดจิ ทิ ัลคอื อะไร การตลาดดิจิทัล (Digital Marketing) หมายถึงการตลาดผ่านอินเทอร์เน็ตและอุปกรณ์ดิจิทัล เช่น คอมพวิ เตอร์ และ โทรศัพท์มอื ถือ เป็นสื่อกลางในการโปรโมทสินคา้ หรอื บรกิ าร ธรุ กจิ สามารถใชช้ ่องทางการตลาด ดิจิทัล เช่น search engine social media อีเมล และ เว็บไซต์เพื่อเข้าหาลูกค้า คำว่า การตลาดดิจิทัล (digital marketing) น้ันเป็นคำทีถ่ กู ใช้ควบคูไ่ ปกับ การตลาดออนไลน์ (online marketing) ซงึ่ ก็ไม่แปลกอะไร เพราะการ ที่ผู้บริโภคอยู่ในโลกออนไลน์เยอะ ก็แปลว่าโอกาสในการเสพสื่อดิจิทัลก็เยอะขึ้น หากเทียบกับการตลาดดั้งเดิม เชน่ การซอ้ื โฆษณาทีวี การซอื้ พ้ืนท่ีป้ายตามถนน การแจกใบปลิว การตลาดแบบดจิ ิทลั ก็ถือว่าเป็นเทคนิคแบบใหม่ ที่เพิ่งมีมาไม่กี่สิบปีในประเทศไทย (จริงๆ digital marketing มีมานานมากกว่านั้น แต่เนื่องจากสมัยก่อน อนิ เตอร์เนต็ คอ่ นข้างช้า แถมไมใ่ ชท่ กุ คนท่มี มี อื ถือ smart phone ก็เลยทำให้ยังไมเ่ ปน็ ท่ีนยิ มมาก) 2.2 การสอ่ื สารการตลาดดจิ ทิ ลั (Digital Marketing Communication) การสื่อสารการตลาดดิจิทัล คือรูปแบบการสื่อสารระหว่างบริษัท หรือเจ้าของแบรนด์ กับผู้บริโภค ผ่าน ทางสื่อดิจิทัลต่างๆ ตัวอย่างของเครื่องมือการสื่อสารการตลาดดิจิทัลได้แก่ การซื้อโฆษณาออนไลน์ การทำ SEO การใช้อีเมล และ การสื่อสารกับลูกค้าผ่าน Social Media ถ้าเราเข้าใจคำว่าการสื่อสารการตลาด (Marketing Communication) ที่เป็นการใช้เครื่องมือการตลาดต่างๆในการติดต่อลูกค้า ก็จะเห็นได้ว่า การสื่อสารการตลาด ดิจทิ ลั กค็ อื การสอ่ื สารการตลาดแขนงใหมท่ ี่ใช้เคร่ืองมือดิจิทลั เป็นหลัก เครื่องมือและเทคโนโลยีต่างๆ สามารถเปลี่ยนแปลง หรือหายไปจากตลาดเลยได้ง่าย เพราะเทคโนโลยี ใหม่สามารถเข้ามาแทรกแซงเทคโนโลยีเกา่ ได้เสมอ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมท่ผี ู้บริโภคพรอ้ มทีจ่ ะทดลองทดสอบ อะไรใหมๆ่ ไดง้ ่าย นอกจากนนั้ แล้ว นักการตลาดดจิ ทิ ลั ยงั ต้องคำนึงถึงท้ังช่องทางการสอื่ สารและวิธกี ารสื่อสารด้วย ไมว่ า่ จะเปน็ การทำโฆษณาภาพ (display advertising) โฆษณาวีดีโอ (video advertising) หรือจะเป็นการโฆษณา ผ่านช่องทางแบบฟอร์มต่างๆอย่าง Google และ Facebook ในส่วนนี้ผมได้ลงรายละเอียดเพิ่มเติมไหมในส่วน ถดั ไปของบทความ การตลาดดิจิทัล นั้นประกอบไปด้วยทั้งศาสตร์และศิลป์ มีทั้งการเรียนรู้เครื่องมือต่างๆ การอ่านและ วิเคราะห์ data รวมถึงการใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างโฆษณา สร้าง Content ให้ลูกค้าดดู ว้ ย ซึ่งทั้งศาสตร์ และศิลป์นี้กต็ ้องถูกออกแบบมาให้เหมาะกับช่องทางการตลาดที่เหมาะสม ในส่วนถัดไปเรามาลองดูกนั ว่าประเภท ของการตลาดดิจิทลั และชอ่ งทางการตลาดดิจทิ ัลแบบต่างๆมอี ะไรบา้ ง 2.3 ประเภทของการตลาดดิจิทลั – ชอ่ งทางการตลาดดจิ ิทัลแบบต่างๆ 2.3.1 Content Marketing Content Marketing หมายถึงการสร้างคอนเทนต์เพื่อที่จะใช้สร้างแบรนด์ หาคนเข้าเว็บไซต์ หรือหา ลูกคา้ โดยที่ชอ่ งทางการและรปู แบบการทำ content marketing ไดแ้ ก่ 1) บลอ็ ก – สว่ นมากจะมาในรูปแบบการเขยี นบทความลงเว็บไซต์ หรือลงเพจ facebook เพ่อื ให้ความรู้ ลกู คา้ และแสดงให้ลูกคา้ เห็นวา่ คุณเป็นผู้เช่ียวชาญ โดยท้ายที่สดุ แลว้ เปา้ หมายของการเขียนก็คอื การหาลกู คา้ หลกั สตู รการคา้ ออนไลน์ กลยทุ ธก์ ารตลาดเชื่อมโยงจาก Online และ Office
12 2) Infographics อินโฟกราฟฟิค – บางครั้งลูกค้าก็ชอบที่จะดูแทนที่อ่าน ทำให้ content ให้ข้อมูลใน รูปแบบภาพอย่างอินโฟกราฟฟิค สามารถเข้าถึงลูกค้าได้กว้างขึ้น หากเราลองดูใน Social Media แล้ว ส่วนมาก คอนเทนต์ ทจ่ี ะถูกแชร์กค็ ือคอนเทนต์แนวน้ี 3) วิดิโอ – เป็นรูปแบบการทำคอนเทนต์เหมือนบทความ แต่จะเป็นรูปแบบวิดิโอแทน วิดิโอเป็นการทำ คอนเทนต์รูปแบบใหม่ที่ social network ต่างๆเริ่มผลักดันมากขึ้นเรื่อยๆ เหมาะสำหรับการสร้างตัวตน สร้าง ความนา่ เชือ่ ถือในสายตาลูกค้า 4) E-book และการดาวน์โหลดต่างๆ – เว็บไซต์อาจจะทำการแจกข้อมูลในรูปแบบของ e-book หรือ ไฟล์ชนิดต่างๆให้สามารถดาวน์โหลดได้ ส่วนมากแล้วจะเป็นการแรกไฟล์กับข้อมูลลูกค้า เช่น อีเมล ชื่อ เพื่อให้ บริษทั สามารถติดตอ่ คนกลุ่มน้ไี ดผ้ ่านวธิ กี ารอ่ืนๆ 2.3.2 Search Engine Optimization (SEO) เป็นการปรับแต่งเว็บไซต์ให้จัดอันดับได้ดีขึ้นใน seach engine ต่างๆ (ซึ่งส่วนมากก็คือบน Google) การ ที่ได้อันดับใน Google หมายถึงว่าเราจะมีผู้เข้าเว็บไซต์มากขึ้น ที่สำคัญก็คือการเพิ่มคนเข้าเว็บไซต์ผ่าน SEO น้ัน ไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรเลย การทำ SEO เหมาะสำหรับธุรกิจที่มีเว็บไซต์ หรือ บล็อก และพร้อมที่จะลงทุนระยะยาว เพอื่ สรา้ งคอนเทนต์ต่างๆ การตลาดดจิ ิทัลด้วย SEO ควรจะดูสว่ นพวกนี้ 1) On Page SEO – เป็นการทำ SEO ที่เราสามารถควบคุมได้มากที่สุด หมายถึงการสร้างคอนเทนต์ หรือจัดหน้าเว็บไซต์ เช่นการตั้งชื่อหน้า จัดหัวข้อหลัก หัวข้อย่อย และทำลิงค์ระหว่างหน้าในเว็บไซต์ของเราให้ เข้าถงึ กนั 2) Off Page SEO – หมายถึงกิจกรรมที่ควรทำนอกเหนือจากการปรับแต่งเว็บไซต์ของคุณเอง Google จะดูจำนวนลิงค์ที่เว็บไซต์อ่ืนโยงเข้ามาถึงบทความในเว็บไซต์เราด้วย ว่าเว็บของเรา ‘ดีและน่าพูดถึง’ มากแค่ไหน ยิ่งมคี นลงิ คเ์ ขา้ มาเยอะ เวบ็ เรายิง่ ไดต้ ำแหนง่ ดี การทำ Off Page SEO ท่ีดีคือการเขา้ หาเวบ็ ไซตอ์ น่ื ในอตุ สาหกรรม เพื่อทำการประชาสมั พนั ธเ์ ว็บไซต์ของเรา 3) Technical SEO – เป็นการทำ SEO ที่ค่อนข้างยาก เพราะต้องใช้ทักษะเฉพาะตัวเยอะ การออกแบบ โครงสร้างเวบ็ ไซต์ การจดั การ code หลงั บ้าน หรือแม้แต่การปรบั ขนาดของรปู ภาพและวีดโี อในเว็บไซต์ เปา้ หมาย หลักกค็ ือการทำให้เวบ็ ไซต์เร็วข้นึ และทำให้ Google อ่านข้อมูลเวบ็ ไซตเ์ ราไดง้ ่ายขึน้ 2.3.3 Social Media Marketing หมายถึงการสื่อสารกับลูกค้าผ่านทางแพลตฟอร์มที่เรียกว่า Social Media ต่างๆ โดยที่ช่องทางที่คนมัก นิยมใช้กันก็คือ Facebook Twitter Instagram และ Line อย่างไรก็ตามในยุคสมัยนี้ Social Media ต่างๆไม่ว่า จะเป็น Facebook Instagram ก็เริ่มหวงไม่ให้คนออกจากเว็บไซต์ตัวเอง การโพสต์บทความหรือข้อความลงไปใน เพจหรือหนา้ รา้ นก็เรมิ่ มคี นเห็นนอ้ ยลงเรอื่ ยๆ ทำให้ธุรกจิ ตอ้ งเปล่ียนไปเป็นการซ้ือโฆษณา ยิงโฆษณาแทน 2.3.4 Pay Per Click (PPC) การตลาดแบบยิงแอด ยิงโฆษณา เพื่อให้ลูกค้าทัก เข้ามาดูเว็บไซต์ จะถูกเรียกว่า PPC หรือ Pay Per Click (จ่ายตามจำนวนคลิก) เพราะส่วนมากการตลาดแบบนี้จะคิดเงินตามจำนวนลูกค้าที่คลิกเข้ามาดูจริง ใน ประเทศไทย PPC ท่ีคนใช้กันเยอะกจ็ ะมี Google และ Facebook หลักสูตรการค้าออนไลน์ กลยุทธก์ ารตลาดเช่ือมโยงจาก Online และ Office
13 PPC สำหรับ Google ก็คือการจ่ายเพื่อให้จัดอันดับโฆษณาให้สูงกว่าการจัดอันดับทั่วไปแบบ SEO ส่วน การทำ PPC แบบ Facebook ก็คือการที่โฆษณาของเราไปโผล่ระหว่างที่ผู้ใช้งาน Facebook-Instagram กำลัง เลน่ อยู่ (เรยี กว่า newsfeed) สามารถเปน็ ในรูปแบบ ภาพ หรอื วิดิโอ กไ็ ด้ 2.3.5 Sponsored Content (Influencer) หมายถึงการไปสปอนเซอร์บริษัทหรือบุคคลที่มีคนรู้จัก เพื่อให้ตัวตนเหล่านั้นช่วยโปรโมทสินค้าให้กับเรา ใน สมัยก่อนว่าจะเป็นการจ้างดาราการจ้างนักร้อง แต่สมัยนี้คนดังมีตัวตนอยู่ในอินเตอร์เน็ตเยอะมาก ทำให้ตัวเลือก ของการหาคนโปรโมทเยอะขึ้น ที่สำคัญก็คือค่าใช้จ่ายลดลง เราจะเห็นได้บ่อยในอุตสาหกรรมความสวยความงาม ไม่ว่าจะเป็นให้คนมาช่วยขายครีม ให้คนมารีวิวบริการหรือสินค้า หรือแม้แต่การช่วยโพสโปรโมทร้านให้ ใน ขณะเดียวกันสปอนเซอร์แบบนี้ก็สามารถช่วยโปรโมทแบรนด์ทางอ้อม แทนที่จะเป็นการขายหรือการโฆษณา โดยตรงก็สามารถเปลยี่ นเปน็ การให้ความร้ผู ้บู รโิ ภคแทนกไ็ ด้ 2.3.6 Online PR การประชาสมั พันธอ์ อนไลน์ การตลาดประชาสมั พันธอ์ อนไลน์ หมายถงึ การนำความรู้ ข่าว หรือบทความท่ีเกยี่ วกับธรุ กิจของเราไปฝาก ลงในเว็บไซต์อื่น ก็คือเป็นการประชาสัมพันธ์ธรรมดาที่เราเห็นได้ทั่วไป แต่ทำกับสื่อออนไลน์ หากเป็นการ ประชาสัมพันธ์ผา่ น Social Media ก็คงอยไู่ ดไ้ มน่ าน แตถ่ า้ เป็นการประชาสมั พนั ธล์ งเว็บไซต์ ขอ้ มูลพวกน้ีก็จะเป็น สิง่ ที่ลูกค้าเขา้ ถงึ ไดต้ ลอดไป ประชาสัมพันธส์ ามารถมาได้ในหลายรูปแบบ จะเป็นการคุยกับนักข่าวโดยตรง การตดิ ต่อนักรีวิวออนไลน์ การนำบทความข่าวของเราไปฝากโพสต์กับเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตามพฤติกรรมของผู้บริโภคและผู้อ่านใน โลกออนไลน์ก็จะแตกต่าง เมื่อก่อนบริษัทอาจจะสามารถทำการประชาสัมพันธ์ทีเดียว ตอบคำถามลูกค้าทีเดียว แล้วก็เตรียมปิดงานเลยได้ แต่ในสมัยนี้หลังจากที่ประชาสัมพันธ์เสร็จแล้ว ผู้บริโภคและผู้ฟังก็จะมีคำถามและ สามารถโพสตถ์ ามไดท้ ุกท่ี ในกรณีนี้เรากต็ อ้ งมที รพั ยากรมากพอทจี่ ะชว่ ยใหเ้ ราพดู คุยกบั ลูกคา้ 2.3.7 Email Marketing เป็นเร่อื งท่ีนา่ แปลกท่ีผู้บริโภคทุกคนมอี ีเมลอยู่แล้ว แตบ่ ริษัทสว่ นมากกลบั ไมใ่ ช้อีเมลเป็นเคร่ืองมือส่ือสาร เลย อีเมลเป็นสื่อที่ใช้โฆษณาสินค้า ให้โปรโมชั่นส่วนลดต่างๆ หรือแม้แต่ใช้นำเสนอข่าวต่างๆที่เกี่ยวกับองค์กร เรียกว่าแทบจะไม่ต่างจากเบอร์โทรศัพท์เลย แต่เราสามารถส่งอีเมลได้ในจำนวนเยอะกว่า ถูกกว่า หากเทียบกับ การใหพ้ นกั งานโทรหาลูกคา้ สง่ SMS หรอื แม้แตส่ ่งไลน์แบบ broadcast เราจะเห็นได้ว่ามีแต่บริษัทใหญ่ๆใช้อีเมลได้อย่างมีประสิทธิภาพจริงๆ โดยอีเมลส่วนมากที่เราเห็นก็จะมี อีเมลต้อนรับลูกค้าใหม่ อีเมลนำเสนอข่าวสารต่างๆ อีเมลหลังจากที่ลูกค้าได้โหลดของจากเว็บไซต์ไป อี เมล โฆษณาและสว่ นลดสำหรับลูกค้า และการนำเสนอขอ้ มูลขอ้ แนะนำการใชส้ นิ คา้ 2.3.8 Affiliate Marketing Affiliate Marketing เป็นการตลาดผ่านการให้คนช่วยแนะนำ โดยส่วนมากบริษัทมักจะให้ค่าคอมมิชชั่น บุคคลหรือองค์กรช่วยโปรโมทสินค้าอาจจะเป็นการผ่านช่องทางเว็บไซตส์ ว่ นตัวหรือทางเพจ Social Media ต่างๆ องค์กรที่จะทำ Affiliate Marketing ได้ตอ้ งมรี ะบบหลงั บา้ นท่ดี ี เพื่อท่จี ะสามารถตรวจสอบขอ้ มลู การแนะนำลูกคา้ ได้อย่างชัดเจน เพราะฉะนั้นเราจะเห็นได้ว่ามีแต่ธุรกิจออนไลน์ขนาดใหญ่ที่จะใช้ระบบ Affiliate Marketing ได้ดี (Tiger, 2022) หลักสูตรการค้าออนไลน์ กลยทุ ธก์ ารตลาดเช่ือมโยงจาก Online และ Office
14 3. การขายสนิ คา้ ออนไลน์ 3.1 ความหมาย 3.1.1 ความหมายของการซือ้ ขายสนิ ค้าออนไลน์ ให้ความหมายการซื้อขายออนไลน์ หมายถึง พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ( E-Commerce ) เป็นการทำ ธรุ กรรมการซอ้ื ขายสนิ ค้าระหว่างผู้ขายและผู้ซ้อื ผ่านทางอินเทอรเ์ น็ต โดยทั้งสองฝา่ ยไมต่ ้องพบกัน แต่ใชก้ ารติดต่อ ขายทางอินเทอร์เน็ตก็สามารถซ้ือขายสินคา้ ไดท้ กุ รูปแบบ 3.1.2 ความหมายของการขายออนไลน์ ให้ความหมายของการขายออนไลน์ หมายถึง การนำสินค้าไปประกาศขายตามเว็บไซต์ที่เป็นทำเล หรือ Marketplace ที่ผู้ซื้อกับผู้ขายออนไลน์พบกัน ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ในประเทศไทย เช่น Trade.com และ weloveshopping.com หรือในต่างประเทศ เช่น amazon.com และ ebaly.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์สำเร็จรูปที่ สามารถประกาศขายได้ทนั ทีมบี คุ คลเข้ามาดสู ินคา้ หรือสอบถามรายละเอียดเพ่ิมเตมิ 3.1.3 ความหมายของการเปดิ ร้านคา้ ออนไลน์ ให้ความหมายการเปิดร้านค้าออนไลน์ หมายถึง การสร้างเว็บไซต์ขึ้นมาเพื่อนำสินค้าของตนเองมาจำหน่ายผ่าน ช่องทางออนไลน์ ซึง่ รา้ นค้าออนไลน์จะเหมือนกับร้านคา้ ทวั่ ไปที่นำสินคา้ มาวางขายแต่มีความแตกต่างกันตรงท่ีทำ การซื้อขายทุกข้ันตอนผ่านอินเทอรเ์ น็ตเทา่ นัน้ สามารถซื้อขายได้ทุกที่ทกุ เวลาไม่ว่าจะอยู่ส่วนใดของโลก เพียงเขา้ อนิ เทอรเ์ นต็ กส็ ามารถเข้าซือ้ สินค้าไดง้ า่ ยมีปัญหาในเรือ่ งการทำเลที่ต้ังของรา้ นค้า 3.2 ความสำคัญของการขายออนไลน์ 1) การซือ้ ขายออนไลน์ : สามารถซอื้ ขายไดท้ ุกที่ สร้างความสดวกสบายให้ผ้ซู ้อื และผู้ขาย 2) เทคโนโลยี : ก็ถือยังเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจ E-Commerce เติบโตไปได้อย่างรวดเร็ว มาก 3) เป็นช่องทางใหมส่ ำหรับผู้ประกอบการ : ซึ่งถือเป็นช่องทางหนึง่ ที่ชว่ ยสร้างโอกาสในการขยายช่องทาง การคา้ ขายให้ผู้ประกอบการไดม้ ากยง่ิ ขึ้น 4) เป็นวิธีที่ดีในการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก : เพราะปัจจุบันสังคมออนไลน์ถือเป็นสื่อหลักที่ช่วยในการ โฆษณาและประชาสมั พันธไ์ ด้อย่างดเี ยยี่ ม 3.3 ลักษณะของการขายออนไลน์ 1) ใชต้ ้นทุนตำ่ กวา่ การเปิดร้านจรงิ 2) กลุม่ ลกู คา้ มจี ำนวนมาก 3) เปดิ ร้านคา้ ได้ทกุ วัน 4) เพิ่มชอ่ งทางในการขายสนิ ค้า 5) ใช้เวลาไม่มากทำเปน็ อาชพี เสรมิ ได้ หลักสตู รการคา้ ออนไลน์ กลยทุ ธ์การตลาดเชือ่ มโยงจาก Online และ Office
15 3.4 องค์ประกอบของการขายออนไลน์ องค์ประกอบต่างๆ ของการขายออนไลน์ หรือแบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นสิ่งสำคัญผู้ประกอบการซง่ึ มีหน้าร้านบนโลกไซเบอร์จะต้องทำความเข้าใจเป็นอย่างดี เพื่อจะได้จัดกิจกรรมทางการตลาดอย่างได้เหมาะสม และเกดิ ประสทิ ธภิ าพมากทสี่ ดุ ดังนั้น การมีเว็บไซต์เพื่อจำหน่ายสินค้าจึงไม่ใช่เครื่องรับประกันความสำเร็จทางธุรกิจ เพราะยังมี องคป์ ระกอบที่เปน็ ตวั แปรสำคัญ คอื \" การตลาด \" แตเ่ ดิมน้นั หลายท่านอาจจะรู้จักสว่ นผสมทางการตลาดเพียง 4 P's คือ Product Price Place Promotion แต่ปัจจุบันท่านต้องรู้จักกับอีก 2'P ใหม่คือ Personalization และ Privacy เพอ่ื ใหเ้ กดิ แนวคดิ ประยกุ ตใ์ ช้องค์ประกอบการตลาดดัง้ เดิมบวกกับความสามารถพิเศษของเทคโนโลยี ทำ ให้เกิดองคป์ ระกอบการตลาดแบบใหมไ่ ด้ดังน้ี 1) ผลิตภัณฑ์ ( Product ) 2) ราคา ( Price ) 3) ชอ่ งทางการจดั จำหนา่ ย ( Place ) 4) การสง่ เสริมการจำหน่าย ( Promotion ) 5) การใหบ้ ริการแบบเจาะจง ( Personalization ) 6) การรกั ษาความเปน็ สว่ นตวั ( Privacy ) 3.5 ขอบเขตของธุรกจิ การขายออนไลน์ 1) ทำการขายออนไลน์หรืออี-คอมเมริ ช์ แบบงา่ ย 2) ทำการขายออนไลน์หรืออี-คอมเมิรช์ แบบท่ีมีขาดใหญ่ (สทุ ธบุญกรรณ, 2022) 3.6 สินค้าอะไรขายออนไลน์ไดบ้ ้าง สามารถขายได้ทกุ อย่างท่ี “ถูกกฎหมาย” ไม่ได้มีขอ้ จำกดั ขึ้นอยู่กบั ความพอใจและเชอ่ื ใจกันระหว่างผู้ซ้ือ กบั ผู้ขาย 1) สินค้าที่จับต้องได้ เช่น เสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องประดับ เสื้อผ้าเด็ก ของเล่น เครื่องสำอาง อาหารเสริม อาหารแห้ง อปุ กรณไ์ อที เครื่องดนตรี สินค้าแฮนเมด อุปกรณแ์ ตง่ บ้าน-แต่งรถ ฯลฯ 2) สนิ ค้าทจี่ ับต้องไม่ได้ เช่น แอพพลิเคชนั ซอฟต์แวร์ เพลง ไอเทมในเกม ฯลฯ 3) สินค้าดา้ นบรกิ าร เช่น บตั รกำนัลดิจิทัล ตว๋ั เครือ่ งบิน โรงแรมท่ีพกั บรกิ ารสปา เสริมสวย ฯลฯ หลกั สตู รการค้าออนไลน์ กลยทุ ธ์การตลาดเชื่อมโยงจาก Online และ Office
16 4. การถ่ายภาพสินค้า 4.1 ความหมาย ภาพสินค้า (pack shot) การถ่ายภาพตัวสินค้าหรือบรรจุภัณฑ์ (package) ของสินค้า ในการโฆษณาจะ เรียกกันว่า แพคชอตหรือโพรดักชอต (pack or product shot) บรรจุภัณฑ์สินค้าในท้องตลาดมีมากมายหลาย ชนดิ ทั้งท่ีเป็นกระดาษ พลาสติก แกว้ ผา้ เหลก็ ฯลฯ แต่ละชนดิ มีทั้งมคี ุณภาพและไม่มีคุณภาพ มีการบรรจหุ ีบห่อ (package) ที่สวยและไม่สวย มีรปู ร่างต่าง ๆ กันไป ในการถ่ายภาพสนิ ค้านั้นจะต้องมกี ารปรบั ปรงุ เทคนคิ วธิ ีการอยู่ เสมอ เชน่ ในสมยั กอ่ นบรรจุภัณฑม์ รี ูปแบบไมส่ วยงามไม่น่าใช้ และไม่ดึงดูดใจให้ผู้ซ้ืออยากซื้อสนิ คา้ เมื่อตอ้ งมีการ โฆษณาการถ่ายภาพจะทําด้วยความลําบาก เพราะวัสดทุ ี่ใช้ทาํ กล่องคณุ ภาพไมด่ ี ทาํ ให้ถา่ ยภาพไมส่ วย ข้อความใน กล่องกไ็ ม่ชัดเจน ถ้าใช้ถา่ ยภาพจะทําใหภ้ าพพจน์ของสินค้าต่ำลงไป นักถ่ายภาพในสมัยนั้นต้องอาศัยการทํากลอ่ ง ข้ึนมาใหม่ เลยี นแบบกล่องของสินคา้ แต่ใชว้ สั ดดุ ีกว่า และเขยี นขอ้ ความชัดเจนสวยงามย่ิงขึน้ ปัจุบันสินค้าส่วนใหญ่จะมีกล่องที่สวยงามสะดุดตาน่าใช้ ทําให้ ช่างภาพถ่ายสินค้าได้ง่ายขึ้นการถ่ายภาพ สนิ คา้ น้นั จะมีหลักใหญ่ ๆ คือ จะถา่ ยอย่างไรใหภ้ าพออกมาสวยกวา่ ความเป็นจริง ซง่ึ เป็นเรอ่ื งคอ่ นข้างยาก เพราะ สินค้าแตล่ ะชนิดจะมีรูปทรงขนาด สีสันแตกตา่ งกันไป และสินค้าบางชนิดอาจจะไม่เน้นการถ่ายภาพกล่องหรอื หบี หอ่ ทบ่ี รรจุสนิ คา้ แต่จะเนน้ ทส่ี ินคา้ ซึ่งมลี ักษณะต่าง ๆ การช่างภาพจะต้องถ่ายทอดส่ือความหมายให้สินค้านนั้ ๆ ดู น่าใช้ตรงตามจุดมุ่งหมายของสินค้าเน้นส่วนคุณประโยชน์หรือส่วนดีของสินค้า ซึ่งบางครั้งแสดงออกมาทาง ความรสู้ ึกของภาพเพอ่ื ให้คนดสู ามารถส่ือได้จากภาพน้ัน หลักการกว้าง ๆ ในการถ่ายภาพสนิ คา้ และบรรจภุ ณั ฑ์ 1) ภาพถา่ ยสินค้าจะตอ้ งมคี วามชัดเจน สอื่ ความหมายได้ทันทีโดยไม่ตอ้ งมกี ารตคี วาม เม่ือดแู ล้วสามารถ บอกไดเ้ ลยวา่ เปน็ สินคา้ อะไร 2) สินค้าในรูปจะต้องมีสัดส่วนถูกต้องตามความเป็นจริง เมื่อถ่ายย่อลงในภาพแล้วต้องมีสัดส่วน เหมาะสมกนั 3) การถ่ายภาพสินค้าในมุมแปลก ๆ จะช่วยทําให้ภาพน่าสนใจแต่ต้องระมัดระวังไม่ให้ภาพออกมาบิด เบี้ยว หรือผิดไปจากความจริงมากเกินขอบเขตของเหตุผล เพราะจะมีผลคือจะไปทะลายความเข้าใจของผู้บริโภค ตอ่ สินคา้ นน้ั ๆ 4) ในกรณีท่บี รรจภุ ัณฑข์ องสินคา้ ของสินค้าดไู ม่ดี ช่างภาพควรนํามาตกแตง่ (retouch) เสยี ใหม่ เช่น ติด สตกิ เกอร์ ทาํ โลโกใ้ หม่ใหค้ มชดั การตกแตง่ นั้นหมายความว่า การทําให้ดูดขี ้นึ ถา่ ยออกมาแล้วสวยขึ้นกว่าเดิมไม่ใช่ ไปเปลี่ยนแบบโลโกเ้ พราะชา่ งภาพไมม่ อี าํ นาจจะไปเปลี่ยนใด ๆ 5) ในบางครั้ง ภาพถ่ายสินค้าจะมีแสงตกกระทบ หรือแสงสะ ท้อนที่ตัวสินค้าในภาพโดยเฉพาะสินค้าท่ี ใช้วัสดุประเภทโลหะที่มีผิวมันวาว เช่ น กระป๋องน้ําอัดลม ฯลฯ แสงสะท้อนเหล่านี้บางครั้งอาจทําให้ภาพออกมา สวยงาม แต่บางโอกาสเจ้าของสินค้าไม่ต้องการให้มีแสงสะท้อนช่างภาพต้องหาวิธีแก้ไข พยายามเงา ลบแสงตรง ส่วนนั้น โดยการจัดแสงใหม่หรือใช้วัสดุเคลือบผิดชนิดที่ทําให้ผิวด้านขึน้ (dulling spray) เข้าช่วยในการถ่ายภาพ น้ัน หลกั สูตรการคา้ ออนไลน์ กลยุทธ์การตลาดเชื่อมโยงจาก Online และ Office
17 4.2 ประโยชน์ของภาพถ่ายสนิ คา้ ท่ีมคี ณุ ภาพ 1) ลกู ค้าสามารถเหน็ สนิ ค้าได้ชัดเจนและกระตุ้นความสนใจ 2) มีอิทธิพลในการชักจงู การตดั สนิ ใจซอ้ื ของลูกคา้ และเพ่ิมความต้องการของการซ้ือสินค้า 3) ทำใหล้ กุ ค้าเหน็ ถงึ ความทมุ่ เทและความเปน็ มืออาชพี ของรา้ นค้า 4) ภาพสินค้าท่ีดจี ะทำใหล้ กู คา้ พอใจและประทบั ใจ 4.3 ลิขสิทธภ์ิ าพถา่ ย ในปัจจุบันก็ยังมีความเข้าใจกันผิดของการจ้างงานถ่ายภาพ ว่าจะถ่ายภาพทำไมแพงๆ หาเอาในอินเตอร์ เนทก็ได้ หรือ ยืมมาก่อนก็ได้ ภาพนิดหน่อย ไม่น่าจะมีปัญหา หรือภาพเล็กนิดเดียวคงไม่เป็นไร ความเข้าใจนี้อาจ ต้องย้อนถามว่าแล้วภาพเหล่านั้นเขาได้มาด้วยประบวนการใด แต่ที่จะบอกกล่าวคือการอยากแนะนำการเตรียม ความพร้อม และจะไดเ้ ข้าใจในทางทีถ่ กู ต้อง เรือ่ งลิขสิทธกิ์ ็มีส่วนประกอบหลายๆสว่ น แล้วแตจ่ ะเรียกเช่น 1. ผูส้ ร้างสรรคผ์ ลงาน สิทธิ์ หรือลิขสิทธิ์ ย่อมเป็นของผู้สร้างสรรค์ผลงานนับตั้งแต่ได้ประดิษคิดค้น ลงมือทำ สร้างสรรค์ ออกแบบ ให้เกดิ เป็นงานตา่ งๆ อย่างเช่นงา่ ยๆ ช่างภาพ เมอื่ ช่างภาพผู้นัน้ ไม่ว่าใคร เป็นผกู้ ดชัดเตอร์ สิทธน์ิ ้ีจะเป็น ของผู้นน้ั โดยปริยาย ตามกฏหมาย ถงึ แม้กล้องตวั ทว่ี า่ จะไม่ใชข้ องตัวเองกต็ าม และไมจ่ ำเป็นตอ้ งมีอะไรเป็นลายลัก อักษร เป็นต้น 2. แบบ หรือตวั อย่าง นางแบบ นายแบบ สถานที่ แบบเองก็มีสิทธิ์ หรือลิขสิทธิ์ ถ้าแบบนั้นไม่ได้สร้างมาเพื่อสาธารณะประโยชน์ เพราะทุกอย่างล้วนมี เจ้าของที่ถือสิทธิ์ เช่นช่างภาพจะถ่ายภาพนางแบบ นายแบบ ใช่ว่าสิทธิ์อันดับแรก คือของช่างภาพ ที่สร้างสรรค์ ผลงาน แต่ช่างภาพก็ยังไม่ได้รับสิทธิท์ ั้งหมดถ้าภาพถ่ายน้ันไม่ได้รับอนญุ าติจากแบบทีโ่ ดนถา่ ย จึงมีการทำเอกสาร (MR) Model release เพื่อให้นางแบบ นายแบบ เซ็นยินยอมในการใช้ภาพนั้นไม่ว่าจะเพื่อวัตถุประสงค์ใดก็ตาม แต่สิทธ์ิก็ยังเป็นของ นางแบบ และนายแบบ บางส่วนด้วย เหมอื นกับสถานท่ีที่ห้ามถ่ายรูป หรือเกบ็ เงิน ถ้าเก็บเงิน เรากต็ อ้ งจ่ายเงนิ เพอ่ื เข้าไปถ่ายรูป ถงึ ถา่ ยรูปแลว้ เราก็อาจไมม่ สี ิทธใิ์ นการนำรปู ท่ีถ่ายจากสถานทนี่ ั้นๆ มาจำหน่าย เป็นการส่วนตัว ถ้าสถานที่นั้นเขียนเป็นกฏไว้ ก็ทำไม่ได้ยกเว้นให้เจ้าของสถานที่หรือผู้มีอำนาจเซ็นยินยอมให้ใช้ สิทธ์ทิ ี่วา่ เอกสารเรียน (PR) Property Release เป็นตน้ 3. ผวู้ ่าจา้ ง นายจา้ ง กม็ กี รรมสิทธิ์ และลขิ สทิ ธ์ิ ผลงานทกุ อยา่ งที่ผวู้ ่าจา้ ง นายจา้ ง สง่ั ใหผ้ ู้รับจ้างทำงานให้ ผลผลิตหรือผลงานชิ้นนนั้ กจ็ ะตกและเป็น กรรมสิทธิ์ของผู้ว่าจ้าง นายจ้าง ถึงแม้ลิขสิทธิ์เบื้องต้นจะเป็นของผู้ผลิตผลงาน เช่นช่างภาพที่รับจ้างถ่ายรูป แต่ กรรมสิทธิ์หรือลิขสิทธิ์ จะเป็นของผู้ว่าจ้างท่ีได้จ่ายเป็นค่าจ้างหรือผลตอบแทนให้แล้ว ส่วนที่ผู้ว่าจ้างจะนำผลงาน ไปทำอะไรก็ล้วนแล้วแต่กรรมสิทธิ์ของผู้ว่าจ้างในการเผยแพร่แก้ไขใช้งาน ยกเว้นมีการทำสัญญาระบุเป็นลายลัก อักษรขอบเขตในการใชง้ าน(ตามกฏหมาย) วา่ การจ้างงานนนั้ ๆจะรวมถงึ กรรมสิทธ์ิท้ังหมดและลิขสิทธิด์ ้วยหรอื ไม่ 4. สิทธข์ิ องสาธารณะโดยรวม บางเหตกุ ารณบ์ างสถานที่ เช่น ช่างภาพไปถ่ายรปู ในสว่ นสาธารณะ แล้วมรี ูปผอู้ ่นื ติดเข้าใปในรปู ด้วย หรือชา่ งภาพนำรูปสวนสาธารณะบางทที่ ไ่ี ดถ้ ่ายไวไ้ ปจำหนา่ ย ก็ผดิ ลิขสทิ ธิเ์ ชน่ กัน เพราะไมไ่ ด้ทำการขออนุญาตใิ ห้ หลกั สูตรการคา้ ออนไลน์ กลยทุ ธก์ ารตลาดเช่อื มโยงจาก Online และ Office
18 ถกู ต้อง หรอื แบบทีเ่ ราไปถ่ายรปู ตึกอาคารถงึ จะถา่ ยจากสถานท่เี ปน็ สาธารณะกต็ ามแตก่ ไ็ ม่มสี ทิ ธ์ใิ นการนำภาพน้นั ไปทำเพ่ือการคา้ ยกเว้น ภาพขา่ ว ทำเพ่ือการกศุ ล สาธารณประโยชน์ เป็นต้น การละเมิดลขิ สิทธ์ิภาพถ่าย ภาพถ่ายถือเป็นงานที่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์ประเภทงาน ศิลปกรรม ซึ่งจะได้รับความ คุ้มครองทนั ทีนบั แต่สรา้ งสรรค์โดยไม่ต้องจดทะเบยี น และเจา้ ของลขิ สทิ ธ์จิ ะมีสิทธแิ ต่ผู้เดียวในการทำซำ้ ดดั แปลง และเผยแพร่ต่อ สาธารณชน เป็นต้น การกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดดังกล่าวข้างต้นต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของ ลิขสทิ ธกิ์ อ่ น มิฉะนัน้ จะถอื เป็นการละเมดิ ลขิ สิทธต์ิ ามพระราชบัญญัติ ลขิ สิทธิ์ พ.ศ.2537 นน้ั เจา้ ของลิขสทิ ธิ์ ไดแ้ ก่ ผู้ที่สร้างสรรคง์ านลิขสิทธิ์ (ผู้ทำหรือกอ่ ให้เกิดงานสร้างสรรค์ขึ้น) ผู้ว่าจ้างทำของ และผู้รับโอนงานลิขสทิ ธิ์ แล้วแต่ กรณี เปน็ ตน้ 4.4 การคมุ้ ครองลิขสทิ ธิ์ มาตรา ๑๕ ภายใตบ้ งั คับมาตรา ๙ มาตรา ๑๐ และมาตรา ๑๔ เจา้ ของลขิ สิทธย์ิ ่อมมีสิทธิ แตผ่ ู้เดยี ว ดงั ตอ่ ไปน้ี (๑) ทำซ้ำหรือดดั แปลง (๒) เผยแพรต่ ่อสาธารณชน (๓) ใหเ้ ชา่ ต้นฉบบั หรือสำเนางานโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ โสตทัศนวสั ดุ ภาพยนตร์ และสงิ่ บันทกึ เสยี ง (๔) ให้ประโยชนอ์ ันเกิดจากลขิ สิทธิ์แก่ผ้อู ่ืน (๕) อนุญาตใหผ้ ูอ้ ื่นใช้สทิ ธิตาม (๑) (๒) หรือ (๓) โดยจะกำหนดเง่อื นไข อยา่ งใดหรือไมก่ ็ได้ แตเ่ งอ่ื นไขดงั กลา่ วจะ กำหนด ในลักษณะที่เปน็ การจำกดั การแขง่ ขนั โดยไม่เปน็ ธรรม ไมไ่ ด้ 4.5 การละเมดิ ลขิ สทิ ธ์ิ มาตรา ๒๗ การกระทำอยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ แกง่ านอันมีลขิ สิทธ์ิตามพระราชบญั ญตั ิน้ี โดยไมไ่ ด้รับอนญุ าต ตามมาตรา ๑๕ (๕) ใหถ้ อื วา่ เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ถ้าไดก้ ระทำดงั ต่อไปน้ี (๑) ทำซ้ำหรอื ดดั แปลง (๒) เผยแพรต่ ่อสาธารณชน มาตรา ๓๑ ผใู้ ดรอู้ ยูแ่ ลว้ หรือมีเหตอุ นั ควรรวู้ า่ งานใดไดท้ ำขนึ้ โดยละเมิดลิขสิทธิ์ ของ ผ้อู ื่น กระทำอย่างใด อย่างหนึ่งแกง่ านน้นั เพื่อหากำไร ให้ถอื ว่าผูน้ ้นั กระทำการละเมดิ ลิขสิทธิ์ ถา้ ได้กระทำดงั ตอ่ ไปน้ี (๑) ขาย มไี วเ้ พื่อขาย เสนอขาย ใหเ้ ชา่ เสนอให้เชา่ ให้เช่าซือ้ หรือเสนอให้เชา่ ซื้อ (๒) เผยแพรต่ อ่ สาธารณชน (๓) แจกจ่ายในลกั ษณะที่อาจก่อใหเ้ กดิ ความเสียหายแกเ่ จา้ ของลิขสทิ ธ์ิ (๔) นำหรอื ส่งั เข้ามาในราชอาณาจักร หลักสูตรการคา้ ออนไลน์ กลยุทธก์ ารตลาดเชอื่ มโยงจาก Online และ Office
19 4.6 บทกำหนดโทษ มาตรา ๖๙ ผู้ใดกระทำการละเมิดลิขสิทธิ์หรือสิทธิของนักแสดงตามมาตรา ๒๗ มาตรา ๒๘ มาตรา ๒๙ มาตรา ๓๐ หรือมาตรา ๕๒ ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท ถ้าการกระทำความผิดตาม วรรคหนึ่งเป็น การกระทำเพื่อการค้า ผู้กระทำ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสี่ปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสน บาทถึงแปดแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ มาตรา ๗๐ ผู้ใดกระทำการอันละเมิดลิขสิทธิ์ตามมาตรา ๓๑ ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นการกระทำเพอื่ การค้า ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตัง้ แต่สามเดือนถึงสองปี หรือปรับตั้งแต่ ห้าหมื่นบาทถงึ สี่แสนบาทหรือทั้งจำ ท้งั ปรบั 4.7 แหลง่ รูปถ่ายที่ไมต่ ดิ ลขิ สทิ ธ์ิ ตัวอยา่ งเวบ็ ไซตท์ ่ีรวบรวมภาพถ่ายหรือภาพท่ถี กู สรา้ งขึน้ มาโดยสามารถนำมาใชง้ านไดโ้ ดยไมม่ ีลขิ สิทธิ์ 1) www.freepik.com 2) streetwill.co 3) pixabay.com 4.8 อุปกรณ์การถ่ายภาพสินค้า การถ่ายภาพสินคา้ จะมอี ปุ กรณ์ตา่ งๆ เพอื่ สรา้ งสรรคภ์ าพสนิ คา้ โดยจะประกอบด้วย 1) กลอ้ งถา่ ยภาพ คอื อปุ กรณ์หลกั ในการสรา้ งภาพสนิ คา้ ในรปู แบบดจิ ติ อลขึน้ มา การเลือกใชง้ านกลอ้ งก็ ขน้ึ อยกู่ ับงบประมาณ ความตอ้ งการคณุ ภาพของภาพหรอื ความพเิ ศษของภาพทต่ี ้องการได้ โดยทว่ั ไปจะใชก้ ลอ้ ง คอมแพคและกล้อง DSLR มาถ่ายภาพสนิ คา้ แตใ่ นยคุ ปัจจบุ นั ท่โี ทรศัพทม์ อื ถอื มกี ลอ้ งถา่ ยภาพตดิ มาดว้ ยและมี คุณภาพดี จึงมกี ารนำโทรศัพท์มือถือมาถา่ ยภาพสนิ คา้ ซ่งึ ไดภ้ าพทีม่ คี ุณภาพเช่นกนั กล้อง Compact หลกั สตู รการค้าออนไลน์ กลยุทธก์ ารตลาดเชื่อมโยงจาก Online และ Office
20 กลอ้ ง DSLR โทรศัพทม์ อื ถอื 2) ขาต้ังกลอ้ ง ขาต้งั กลอ้ งจะช่วยใหภ้ าพท่ไี ดช้ ดั ไมเ่ บลอ ควรเลอื กใช้ขาตง้ั กลอ้ งทม่ี ่ันคง ผลติ จากวสั ดทุ ่ีมีมาตรฐาน หลักสตู รการค้าออนไลน์ กลยทุ ธก์ ารตลาดเชอ่ื มโยงจาก Online และ Office
21 ขาตงั้ กลอ้ ง 3) ไฟสำหรบั ถ่ายรปู เพื่อใหภ้ าพสนิ คา้ ทีถ่ ่ายออกมามีความชัดเจนทกุ รายละเอียด และเพ่มิ อารมณ์ความรูส้ กึ ของภาพทง้ั แสงและเงาจำเปน็ จะตอ้ งสรา้ งแสงขึน้ มา จงึ ตอ้ งมีไฟหรอื โคมไฟเพ่อื ให้แสงสว่างแก่การถา่ ยภาพ ไฟสำหรับถา่ ยภาพสินคา้ 4) ฉากหรือเต็นทถ์ ่ายภาพ หลกั สูตรการคา้ ออนไลน์ กลยทุ ธก์ ารตลาดเชื่อมโยงจาก Online และ Office
22 เต็นท์ถ่ายภาพจะนำมาใช้เพื่อช่วยควบคุมแสง ควบคุมฉากหลัง สามารถหาซื้อได้ตามร้านภ่ายรูป ทั่วไปหรือจะประดษิ ฐข์ ึน้ มาเองกไ็ ด้ ก็สามารถใชง้ านได้เชน่ เดยี วกันและยังประหยดั งบประมาณดว้ ย เต็นท์ถ่ายภาพ เต็นทถ์ า่ ยภาพท่ีประดษิ ฐเ์ อง 4.9 วธิ ีการจัดฉากถ่ายภาพ การจดั ฉากเปน็ เทคนคิ พิเศษในการวางตำแหนง่ ของแบบหรอื สนิ คา้ เพือ่ ใหภ้ าพออกมามคี วามน่าสนใจ 1) สินค้าทเ่ี หมอื นกนั หรอื แบบสินค้าเดียวกัน การวางตำแหน่งท่ีเหมอื นกันและวางตำแหนง่ แตกตา่ งกนั จะทำใหเ้ กิดความแตกตา่ งของภาพ หลักสตู รการคา้ ออนไลน์ กลยทุ ธก์ ารตลาดเชือ่ มโยงจาก Online และ Office
23 การวางสินคา้ ตำแหนง่ แนวเดียวกนั การวางสนิ คา้ ตำแหน่งตา่ งกัน 4.10 วธิ ีการจดั แสง การจดั แสงเป็นการจดั วางตำแหน่งของโคมไฟหรอื การวางทศิ ทางท่จี ะใหแ้ สงไฟมาตกระทบกับสนิ คา้ ท่ี ต้องการถา่ ยภาพ ซ่งึ จะชว่ ยให้ภาพมีอารมณแ์ ละความหมายทแ่ี ตกตา่ งกนั หลกั สตู รการค้าออนไลน์ กลยุทธก์ ารตลาดเชือ่ มโยงจาก Online และ Office
24 การจดั วางตำแหนง่ ของอปุ กรณใ์ นการถา่ ยภาพ วธิ ีการจดั ตำแหน่งของแสงมดี งั นี้ 1) จัดแสงดา้ นหน้า การจดั แสงดา้ นหน้า 2) จัดแสดงจากดา้ นบน หลักสูตรการคา้ ออนไลน์ กลยทุ ธก์ ารตลาดเชอ่ื มโยงจาก Online และ Office
25 การจดั แสงจากดา้ นบน 3) จัดแสงไขว้โดยหันเข้าทัง้ ด้านหน้าและดา้ นหลงั การจดั แสงไขว้โดยหันเข้าทง้ั ด้านหนา้ และดา้ นหลัง 4) จัดแสงแบบย้อนแสง หลักสูตรการคา้ ออนไลน์ กลยทุ ธก์ ารตลาดเชือ่ มโยงจาก Online และ Office
26 การจดั แสงแบบยอ้ นแสง 4.11 หลักในการถ่ายภาพสินคา้ ดว้ ยโทรศพั ทม์ อื ถือเบื้องต้น 1. แสงต้องเพียงพอตอ่ การถา่ ยรูปสนิ คา้ ภาพที่จะออกมาชัดเจนนั้นขึ้นอยู่แสงเพียงพอ การเปิดไฟให้สว่างเพียงพอนั้นจะเป็นตัวช่วยให้เรา ถ่ายรูปสินค้าออกมาได้ชัดเจน หากแสงที่ออกมายังไม่เพียงพออาจจะใช้แสงไฟจากหลอดไฟส่องเพิ่มเติมเพื่อให้มี แสงท่ีเพียงพอ แต่การถา่ ยรูปทหี่ นั ไปทางแหล่งกำเนดิ แสงโดยแสง จะทำใหร้ ปู นัน้ เกิดเงาในภาพได้ และต้องหาพ้ืน หลงั ทเ่ี หมาะสมกบั ตัวสินคา้ เพ่อื ให้สนิ ค้าเด่นชัดและนา่ สนใจ 2. การถอื โทรศพั ทม์ ือถอื ให้น่งิ เป็นสิ่งท่ีสำคัญ ก่อนถ่ายภาพสนิ ค้าควรจะต้องกดซัตเตอร์มือถือคา้ งไว้เล็กน้อย เพราะกล้องโทรศัพท์มือถืออาจจะไม่มี ความไวตอ่ ชตั เตอรด์ ีนัก ถ้าโฟกัสชัตเตอร์ไม่นิง่ พอ อาจจะทำให้รปู มโี อกาสเกิดภาพเบลอได้สงู มาก 3. ไม่ควรถ่ายภาพหา่ งจากสินคา้ มากเกินไป การถ่ายภาพสินค้าควรจะเข้าใกล้สินค้า ให้หาจุดแสดงรายละเอียดของสินค้าให้เหมาะสมมากที่สุด และควรถา่ ยภาพสนิ คา้ หลายๆมุม เพ่ือให้รปู ภาพสินค้าเกิดความน่าสนใจต่อการเขา้ ชมของลูกคา้ 4. ไมค่ วรซูมกอ่ นถ่ายรปู ภาพสนิ ค้า การซูมสินค้าเมื่อถ่ายภาพนั้นจะทำให้เราเห็นภาพสินค้าใกล้ยิ่งขึ้น แต่การซูมก่อนถ่ายรูปภาพสินค้า นั้นจะทำให้ลดคุณภาพลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ไม่สามารถนำรูปภาพไปตัดต่อหรือรีทัชได้ เพราะรูปภาพแตกเป็น รอยพกิ เซล เม่อื นำตกแตง่ ตัดต่อหรือรีทัชรปู ภาพ ทำได้ไมด่ ี 5. เลนส์กลอ้ งตอ้ งสะอาดอยเู่ สมอ ก่อนถ่ายภาพควรเช็ดทำความสะอาดเลนส์กล้องโทรศัพท์ทุกครั้ง บางครั้งเลนส์กล้องบนโทรศัพท์ อาจจะสกปรกหรือมีลายนิ้วมือบนเลนส์กล้อง เป็นปัญหาที่ทำให้รูปออกมาไม่ชัดเจน และเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่พบ บ่อย ดังนั้นควรทำความสะอาดเลนส์กล้องโทรศัพท์มือถือโดยใช้ภาพนุ่ม หรือผ้าทำความสะอาด-เช็ดแว่น เพื่อให้ เลนสก์ ลอ้ งสะอาดก่อนถา่ ยรปู สนิ คา้ ทกุ คร้งั หลกั สตู รการค้าออนไลน์ กลยทุ ธก์ ารตลาดเชอ่ื มโยงจาก Online และ Office
27 5. วิธสี ร้างเพจเฟสบ๊คุ ขายของ (Facebook Page) เพจ Facebook ถือเป็นอีกหนึง่ ช่องทางทีแ่ บรนด์ใช้ติดตอ่ สือ่ สารกบั กลุ่มเป้าหมาย เพื่อสร้างการรับรู้ของ แบรนด์ ประชาสัมพันธข์ ่าวสาร หรือทำกิจกรรมทางการตลาด วธิ สี รา้ งเพจเฟสบคุ๊ (Facebook Page) จึงเป็นเร่ือง หนึ่งที่คนเริ่มต้นธุรกิจหรือกำลังสร้างแบรนด์เป็นของตัวเองควรทำความเข้าใจไว้ เพราะเป็นเรื่องพื้นฐานในการ สร้างชอ่ งทางตดิ ต่อสอ่ื สารกบั กลุม่ คนที่ได้ชือ่ ว่าเป็น “ลกู คา้ ” ในอนาคตของเรานั่นเอง 5.1 วิธสี รา้ งเพจเฟสบุ๊คขายของ (Facebook Page) มีขั้นตอนอะไรบา้ ง ก่อนจะลงลึกวิธีทำให้เพจเป็นที่รู้จักและมีผู้ติดตามเป็นจำนวนมาก มาดูกันว่า วิธีสร้างเพจขายของใน Facebook ขั้นพนื้ ฐานนนั้ มีอะไร และตอ้ งทำอยา่ งไรบา้ ง 5.2 สมคั ร FB Business Page เริ่มแรกต้องสมัครบัญชีเพจ Facebook Business ซึ่งเราใช้บัญชีเฟซบุ๊กส่วนตัวสมัครได้ (หากใครยังไม่มี บัญชีเฟซบุ๊กสมคั รได้ ทีน่ ี)่ เม่อื มีบญั ชีอยแู่ ลว้ ใหล้ ็อกอินเขา้ ใช้งานแลว้ ทำตาม ดังน้ี เข้าหน้าหลกั Facebook ไปที่แถบเครอ่ื งมอื ดา้ นซ้ายมือ เลอื ก “Page” หลกั สตู รการคา้ ออนไลน์ กลยุทธ์การตลาดเชอื่ มโยงจาก Online และ Office
28 เมอ่ื คลกิ เขา้ มา ให้เลอื ก “+ Create New Page” เลือก category ของเพจ ซึ่งจะมีใสองตัวเลือกระหว่าง “Business or Brand” กับ “Community or Public Figure” 5.3 ใส่ข้อมูลเบ้ืองต้น ต่อมาคุณต้องใส่ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับเพจ ซึ่งประกอบด้วยชื่อเพจ หมวดหมู่ และคำอธิบาย เพื่อให้ คนรู้ว่าเพจของคุณเกี่ยวกับอะไร จะนำเสนอเน้ือหาแบบไหน การสร้างเพจ Facebook ขายของ ควรเลือกชื่อที่มี ชื่อแบรนด์หรือสื่อถึงความเกี่ยวข้องกับแบรนด์เข้าไปส่วนการกรอกหมวดหมู่ควรใส่คำหลักที่สื่อถึงธุรกิจหรือแบ รนดช์ ดั เจน เช่น หากคุณเปิดรา้ นขายเส้ือผ้าแฟชันสำหรับวยั รุ่น อาจใสร่ ายละเอียดด้วยการเพม่ิ คำว่า “เคร่ืองแต่ง กาย” หรอื Clothing เป็นตน้ อปั โหลดภาพโปรไฟล์ และ Cover หลกั สูตรการคา้ ออนไลน์ กลยุทธ์การตลาดเช่อื มโยงจาก Online และ Office
29 จากนั้นให้เลื่อนลงมา เพื่อเลือกภาพโปรไฟล์และภาพปก (cover) โดยทั่วไปแล้ว ควรเลือกภาพโลโก้ของ แบรนด์ทำเป็นภาพโปรไฟล์ หรืออาจใช้ภาพมาสคอตหรือรูปที่สะท้อนตัวตนของแบรนด์ เพื่อสื่อให้รู้ว่าธุรกิจของ เราเก่ยี วกับอะไร โดยปรับขนาดภาพใหเ้ ห็นชดั เจน ไม่ครอปตดั ภาพมา 5.4 ใสข่ อ้ มูลอนื่ ๆ การใส่ข้อมูลครบถ้วนถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเมื่อผู้ใช้งานเข้ามาในเพจแล้ว จะได้ทราบว่าเพจนี้คืออะไร เกี่ยวข้องกับอะไร และจะมีเนื้อหาแบบไหนบ้าง วิธีใส่ข้อมูลส่วนต่าง ๆ นั้นทำได้ โดยไปที่แถบเมนูด้านบน เลื อก Edit Page Info ซึ่งจะปรากฏขอ้ มลู ให้คณุ กรอก ดังน้ี Description คือ ส่วนที่ปรากฏในหน้าการค้นหา ซึ่งอธิบายว่าเพจเกี่ยวกับอะไร ควรเขียน Description ประมาณ 1-2 ประโยค หรือไม่เกนิ 255 ตวั อักษร Categories คือ หมวดหมู่ของเพจว่าจัดอยู่ในประเภทไหน ซึ่งคุณได้ใส่ไปแล้วในตอนเริ่มสร้างเพจ คุณ อาจใสเ่ พม่ิ เตมิ ไดอ้ กี เพ่ือเพ่ิมโอกาสติดผลการค้นหาเพจ Contact คอื รายละเอียดการติดต่อ ได้แก่ เบอรโ์ ทรศพั ท์ เว็บไซต์ และอเี มล Location คือ ทีอ่ ย่หู น้ารา้ น ข้อมูลส่วนนี้จำเป็นมากสำหรับคนทมี่ ีหนา้ ร้านและต้องการให้คนเข้าไปเยี่ยม ชม โดยคณุ ตอ้ งปกั หมดุ แผนทโ่ี ลเคชัน รวมทง้ั ใสร่ ายละเอียดทอี่ ยู่ให้ครบถว้ น Hours คือ ระยะเวลาทำการ ควรระบชุ ว่ งเวลาเปดิ -ปิดให้ชัดเจน หลักสตู รการค้าออนไลน์ กลยุทธ์การตลาดเชอื่ มโยงจาก Online และ Office
30 5.5 วิธสี ร้างเพจขายของ ใหม้ ผี ูต้ ิดตามช่วงเร่ิมตน้ ควรทำอย่างไร เมอ่ื คุณมเี พจแบรนดเ์ ปน็ ของตวั เองแล้ว ข้ันตอนตอ่ มาก็คอื ทำให้เพจของคณุ เปน็ ที่รจู้ กั ประกาศให้ผู้คนได้ รวู้ ่าพวกเขาสามารถติดตอ่ สอ่ื สารและรับทราบทกุ เรื่องราวของแบรนดค์ ุณผา่ นช่องทางดังกลา่ วได้ โดยวิธีสร้างเพจ ขายของแลว้ ใหม้ ผี ู้ติดตามในชว่ งเร่มิ ต้นทำเองได้งา่ ย ดังนี้ เชญิ เพื่อนมากด Like หากไม่รู้จะเริ่มขายของให้ใคร ก็ให้เริ่มจากคนใกล้ตัว โดยทั่วไปแล้ว วิธีนี้ถือเป็นเรื่องพื้นฐานที่หลายคน รู้อยูแ่ ล้ว รายชือ่ เพือ่ นที่อยู่ในเครือข่ายของคุณก็ตัวอยา่ งกลุ่มเป้าหมายที่ดีอยา่ งหนึง่ เฟซบ๊กุ จะขึน้ แจ้งเตือนให้คุณ กดเชิญเพื่อนมาไลก์เพจอยู่แล้ว นอกจากจะได้ยอดผู้ติดตามเพจมาจำนวนหนึ่ง คุณอาจเก็บข้อมูลโปรไฟล์ของ เพื่อนที่กดไลก์เพจ เพื่อวิเคราะห์ว่ามีลักษณะแบบไหน นิยมเสพคอนเทนต์แนวใด หาจุดร่วมที่ใช่สำหรับเอาไปทำ การตลาดกับแคมเปญออนไลน์ในอนาคต หรือคุณอาจจะลองวิธีหาไลก์รูปแบบอื่นที่ฟรี โดยไม่กฎของ Facebook ดกู ็ได้ เพิม่ ปมุ่ Call-To-Action CTA ถอื เป็นสิ่งสำคัญหนง่ึ ท่คี วรมี โดยเฉพาะกรณีทคี่ ุณทำเพจเป็นชอ่ งทางขายของหลัก คิดงา่ ย ๆ ว่า การ สร้างเพจ Facebook ขายของ ก็เหมือนสร้างหน้า Landing Page ที่คุณจะนำเสนอสินค้าและบริการคุณภาพ พรอ้ มขอ้ เสนอหรอื โปรโมชันจูงใจคนทก่ี ดเขา้ มาดใู ห้ make a commit ตามเปา้ หมายท่ีวางไวด้ ว้ ยการกรอกฟอร์ม และกดปุม่ CTA หลักสตู รการคา้ ออนไลน์ กลยทุ ธก์ ารตลาดเช่อื มโยงจาก Online และ Office
31 ปุ่มที่อยู่ทางขวามือของเพจก็เปรียบเหมือน CTA ที่จะเปิดโอกาสให้คุณได้ลูกค้าเพิ่มขึ้นมาได้ไม่ยาก ท่ี สำคญั ยังเปน็ ฟังก์ชนั เสรมิ ที่ใชง้ านได้ฟรี วิธเี พิม่ ปมุ่ CTA ในเพจทำไดง้ ่าย ๆ แคไ่ ปเมนู “+ Add Action Button” ซงึ่ อยูต่ รงด้านล่างซ้ายของภาพปก จากนัน้ ใหเ้ ลอื ก CTA ท่ตี รงกับเป้าหมายธุรกิจหรือเขา้ กบั แบรนด์ หลักสูตรการคา้ ออนไลน์ กลยทุ ธก์ ารตลาดเชือ่ มโยงจาก Online และ Office
32 สร้างโพสตแ์ รก งานหนกั ขน้ึ มาอีกข้นั หนงึ่ กค็ ือการทำโพสต์ เพราะน่เี หมอื นเป็น First Impression ทจ่ี ะแนะนำให้คนรู้จัก และจดจำว่าคุณเป็นคนแบบไหน คุณอาจเริ่มจากการทำ Welcome Post สั้น ๆ ง่าย ๆ อธิบายตัวตนและที่มาท่ี ไปของเพจด้วยภาษาที่สื่อสะท้อนเอกลักษณ์เพจ รวมทั้งอาจแชร์คอนเทนต์จากเพจสื่อหรือแบรนด์ที่เกี่ยวข้องกับ ธรุ กจิ ของคุณมาบ้างกไ็ ด้ กด Like เพจอ่นื วิธีเพิ่มยอดติดตามที่ทำได้ง่ายอีกอย่างก็คือกดไลก์เพจอื่น วิธีนี้ถือเป็นการสร้างคอมมูนิตี้ที่ดีอีกทางหนึ่ง การสรา้ งสมั พนั ธก์ ับเพจอื่นควรเลือกเพจที่มเี นื้อหาเก่ียวขอ้ งกบั เพจคณุ แต่ไมใ่ ช่คู่แขง่ วิธีกดไลก์เพจอื่นให้คลิกตรงจุดสามจุดใต้ภาพปกของเพจนั้น จากนั้นเลือก “Like as Your Page” เพียง เท่านร้ี ายชื่อเพจของคุณกจ็ ะไปปรากฏใน section ที่ชื่อวา่ Pages Liked by This Page ของเพจ ถอื เปน็ การสรา้ ง Awareness ให้กลมุ่ เป้าหมายของเพจดังกล่าวไดเ้ หน็ และรจู้ ักเพจของเรามากข้นึ หลกั สตู รการคา้ ออนไลน์ กลยทุ ธก์ ารตลาดเช่ือมโยงจาก Online และ Office
33 วธิ เี ปลีย่ นชื่อเพจ ทำไดอ้ ย่างไรบ้าง อกี หนึ่งเร่อื งทค่ี นทำเพจมอื ใหม่มกั ตัง้ คำถามกัน กค็ ือ “เปล่ียนชอ่ื เพจอยา่ งไร” เพราะบางครั้งช่ือเพจที่ทำ ไปตอนแรกก็ยอาจต้องเปลี่ยนให้เข้ากับทิศทางและสื่อสารสิ่งที่เพจต้องการเลา่ มากขึ้น วันนี้เราได้ค้นหาวิธีเปลี่ยน ช่ือเพจ Facebook มาฝากกนั ไว้ ถอื เป็น short note เก็บไว้ใชง้ านจรงิ ซ่งึ ทำตามได้ ดงั นี้ เลือก Edit ลอ็ กอินเข้าใช้งานระบบในฐานะ Admin ไปยังแถบจัดการเพจซ่ึงอยดู่ า้ นซ้ายมือ เลอื ก Edit Page Info หลักสตู รการค้าออนไลน์ กลยทุ ธ์การตลาดเชือ่ มโยงจาก Online และ Office
34 ใสช่ อ่ื ที่ตอ้ งการ พมิ พช์ ่ือเพจใหมท่ ี่ต้องการไปได้เลย ทัง้ น้ี ตอ้ งตรวจสอบให้แน่ใจวา่ ข่ือเพจของคณุ ทำตามกฎ ดงั นี้ ไมใ่ ชค้ ำวา่ “Facebook” ในชื่อเพจ ไม่ใสส่ โลแกนเพจเข้าไป ไมใ่ ส่ตวั อักษรสุ่ม ใช้ชอื่ เพจเฉพาะ สอ่ื สะทอ้ นตัวตนของแบรนด์ เล่ยี งคำทอี่ าจทำใหเ้ กดิ ความเข้าใจผดิ หา้ มใชค้ ำท่ีสอื่ ถงึ การลดทอนความเป็นมนษุ ย์ ความรนุ แรง และความกา้ วร้าว หลักสูตรการค้าออนไลน์ กลยุทธ์การตลาดเชอื่ มโยงจาก Online และ Office
35 จะปรากฏยืนยนั เกี่ยวกับการเปล่ยี นชอื่ เพจ คลิก Request Change เพ่อื ดำเนินการตอ่ ไป รอ Approve ชอื่ เพจจาก Facebook ซึ่งมักได้รับการ approve ทนั ที เพจ Facebook ถือเป็นอีกหน่ึงชอ่ งทางทีช่ ว่ ยใหเ้ ราตดิ ต่อ สื่อสาร และเข้าถึงกลุ่มเปา้ หมายได้มากขึน้ ไม่ ว่าคุณต้องการสร้างการรับรู้แบรนด์ ขายของเพิ่มกำไรให้กับธุรกิจ หรือประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ข่าวสารของ องค์กร การเรียนรู้ วิธีสร้างเพจเฟสบุ๊คขายของ (Facebook Page) ก็ถือเป็นอีกความรูพ้ ืน้ ฐานที่เจ้าของธุรกิจและ นักการตลาดออนไลน์จำเป็นต้องศึกษาทำความเข้าใจ ตั้งแต่การสร้างเพจ การตั้งค่าต่าง ๆ เทคนิคเพิ่มยอด ผู้ติดตามเบื้องต้น ตลอดจนวิธีแก้ไขเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อนำไปปฏิบัติจริงให้ชำนาญ ต่อยอดสู่การวางแผน การตลาดขัน้ ต่อไป หลักสตู รการค้าออนไลน์ กลยุทธ์การตลาดเช่อื มโยงจาก Online และ Office
36 หลกั สตู รการคา้ ออนไลน์ กลยุทธ์การตลาดเช่ือมโยงจาก Online และ Office
37 หลกั สตู รการคา้ ออนไลน์ กลยุทธ์การตลาดเช่ือมโยงจาก Online และ Office
38 หลกั สตู รการคา้ ออนไลน์ กลยุทธ์การตลาดเช่ือมโยงจาก Online และ Office
39 หลกั สตู รการคา้ ออนไลน์ กลยุทธ์การตลาดเช่ือมโยงจาก Online และ Office
40 หลกั สตู รการคา้ ออนไลน์ กลยุทธ์การตลาดเช่ือมโยงจาก Online และ Office
41 หลกั สตู รการคา้ ออนไลน์ กลยุทธ์การตลาดเช่ือมโยงจาก Online และ Office
42 หลกั สตู รการคา้ ออนไลน์ กลยุทธ์การตลาดเช่ือมโยงจาก Online และ Office
43 หลกั สตู รการคา้ ออนไลน์ กลยุทธ์การตลาดเช่ือมโยงจาก Online และ Office
44 หลกั สตู รการคา้ ออนไลน์ กลยุทธ์การตลาดเช่ือมโยงจาก Online และ Office
45 หลกั สตู รการคา้ ออนไลน์ กลยุทธ์การตลาดเช่ือมโยงจาก Online และ Office
46 หลกั สตู รการคา้ ออนไลน์ กลยุทธ์การตลาดเช่ือมโยงจาก Online และ Office
Search