ความร้เู บ้อื งต้นการเขียนโปรแกรมบนมาตราฐานเปิ ด วชิ าการเขียนโปรแกรมบนมาตรฐานเปิ ด อาจารยศ์ ิริพร โสสระเกษ
รปู แบบการทางานของคอมพวิ เตอร์ USER Application Operating System (OS) Hardware 2
หลักการพฒั นาการเขียนโปรแกรม 3
(1.) การวิเคราะห์ปั ญหา1.1 กาหนดวตั ถุประสงค์ของงาน เพ่ือพิจารณาวา่ โปรแกรม ตอ้ งทาการประมวลผลอยา่ งไรบา้ ง1.2 พิจารณาขอ้ มูลนาเขา้ เพื่อใหท้ ราบว่าจะตอ้ งนาขอ้ มูล อะไรเขา้ คอมพิวเตอร์ ตลอดจนลักษณะรูปแบบของ ขอ้ มลู ที่นาเขา้1.3 พิจารณาการประมวลผล เพื่อทราบว่าโปรแกรมมี ข้ันตอนการประมวลผลอย่างไร และมีเง่ือนไขการ ประมวลผลอะไรบา้ ง1.4 พิจารณาขอ้ มลู นาออก เพ่ือทราบวา่ มขี อ้ มลู อะไรท่ีแสดง เช่นการแสดงออกทางจอภาพ หรือ เคร่ืองพิมพ์
(2.) ออกแบบโปรแกรม ก า ร อ อ ก แ บ บ ข้ั น ต อ น ก า ร ท า ง า น ข อ งโปรแกรมเป็ นข้นั ตอนท่ีใชเ้ ป็ นแนวทางการลงรหสัโปรแกรม อาจใช้เคร่ืองมือต่าง ๆ ช่วยในการออกแบบ เช่น คาสงั่ จาลอง (Pseudo code) หรือผงั งาน (Flow chart) การออกแบบโปรแกรมน้ันไม่ตอ้ งกงั วลรูปแบบคาสงั่ ภาษาคอมพิวเตอร์ แต่มุ่ ง ค ว า ม ส น ใ จ ไ ป ที่ ล า ดั บ ข้ัน ต อ น ใ น ก า รประมวลผลของโปรแกรมเท่าน้ัน
(3.) การเขียนโปรแกรมด้วย ภาษาคอมพวิ เตอร์ การเขียนโปรแกรมเป็ นการนาผลของการออกแบบโปรแกรม ใสเปลี่ยนเป็ นโปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์ภาษใด ภาษาหนึ่ง ผู้เขียนโปรแกรมจะตอ้ งใหค้ วามสนใจต่อรูปแบบคาสัง่ป ล ะ ก ฎ เ ก ณ ฑ์ข อ ง ภ า ษ า ท่ี ใ ช้เ พ่ื อ ใ ห้ก า รประมวลผลเป็ นไปตามผลลพั ธท์ ่ีไดอ้ อกแบบไว้
(4.) การทดสอบ และแก้ไขโปรแกรม การทาเอกสารประกอบโปรแกรม หรือคู่มือการใช้งานโปรแกรม เป็ นงานท่ีสาคัญต่อการพฒั นาโปรแกรม เอกสารประกอบโปรแกรม ช่วยใหผ้ ูใ้ ชง้ านเขา้ ใจวตั ถุประสงค์ ขอ้ มูลที่ตอ้ งใชก้ บัโปรแกรม ตลอดจนผลลพั ธท์ ี่จะไดจ้ ากโปรแกรมการทางานของโปรแกรมทุกโปรแกรมจึงควรตอ้ งทาเอกสาร
(5.) การทาเอกสาร ประกอบโปรแกรม การทดสอบโปรแกรมเป็ นการนาโปรแกรมท่ีลงรหัสแล้วเข้าคอมพิวเตอร์ หรือการติดต้ังโปรแกรมเพ่ือตรวจสอบการทางานของโปรแกรมวา่ ถูกตอ้ งหรอื ไม่ โปรแกรมที่เขียนมี Error หรือไม่ทางานไดต้ ามที่ตอ้ งการหรือไม่ ถา้ พบวา่ ยงั ไม่ถูกกต็ อ้ งแกไ้ ขใหถ้ ูกตอ้ งต่อไป
(6.) บารงุ รกั ษาโปรแกรม ตอ้ งมีผูค้ อยควบคุมดูแลและคอยตรวจสอบการทางาน การบารุงรักษาโปรแกรมจึงเป็ นข้นั ตอนที่ผูเ้ ขียนโปรแกรมตอ้ งคอยเฝ้าดูแล และหาขอ้ ผิดพลาดของโปรแกรมในระหวา่ งท่ีผูใ้ ชง้ านโปรแกรม และปรบั ปรุงเมอ่ื เกิดขอ้ ผิดพลาด
หลักการพฒั นาการเขียนโปรแกรมการวิเคราะห์ การออกแบบ การเขียน ปัญหา โปรแกรม ดว้ ยภาษา คอมพวิ เตอร์การทดสอบ การทาเอกสาร การบารุงรกั ษาและแกไ้ ข โปรแกรม
“ ขอ้ มูลเป็ นองคป์ ระกอบท่ีสำคญั อย่ำงหน่ึงในระบบคอมพวิ เตอร์ เป้นส่ิงท่ีตอ้ งป้อนเขำ้ ไปในคอมพวิ เตอร์ โดยผพู้ ฒั นำโปรแกรมจำเป็ นตอ้ งรจู้ กั และควำมสำคญั ของขอ้ มูลแตล่ ะประเภทท่ี นำมำใชใ้ นกำรเขยี นโปรแกรม ” 11
ข้อมลู ท่ีสามารถนามาใช้กับเครื่องคอมพวิ เตอร์ได้มอี ยู่ 5 ประเภท › ขอ้ มลู ตวั เลข (Numeric Data) › ขอ้ มลู ตวั อกั ษร (Text Data) › ขอ้ มลู เสียง (Audio Data) › ขอ้ มลู ภาพ (Images Data) › ขอ้ มลู ภาพเคล่ือนไหว (Video Data) 12
ระดับโครงสรา้ งฐานข้อมลูData Structure 13
ระดับโครงสรา้ งฐานข้อมลูบติ (Bit) ไบต์ (Byte) ฟิ ลด์ (Field)ขอ้ มลู ท่ีมขี นาดเล็กท่ีสุด เป็ นขอ้ มลู ท่ีเครื่อง การนาบิตหลายๆบิตมารวมกนั ไดค้ ่า ไบต์ หรือ อกั ขระต้งั แต่ 1 ตวั ข้ นึ ไป รวมกนัคอมพิวเตอร์สามารถเขา้ ใจและนาไปใช้ มากข้ ึน เช่น 3 บิตมาเรียงต่อกนั จะเกิด เป็ นฟิลด์ เช่น เลขประจาตวั ชือ่ นามสกุลงานได้ ไดแ้ ก่ เลข 0 หรือ เลข 1 เท่าน้ัน ส ถ า น ะ ท่ี ต่ า ง กั น คื อ เป็ นตน้ 0 0 0 ,001,010,010,100,011 แ ล ะ 111 จะไดเ้ ป็ น 8 สถานะ แต่เม่ือนามา รวมกันจนครบ 8 บิต จะเรียกว่า ไบต์ มี สถานะเป็ น 256เรกคอรด์ (Record) ไฟล์ (Files) ฐานขอ้ มูล (Database)ฟิลดต์ ้งั แต่ 1 ฟิลดข์ ้ นึ ไป ที่มีความสมั พนั ธ์ แฟ้มขอ้ มลู คือ เรกคอรด์ หลายๆ เกรด การเกบ็ รวบรวมไฟลข์ อ้ มลู หลาย ๆ ไฟล์ท่ีเกย่ี วขอ้ งกนั เป็ นเรกคอรด์ เชน่ ชื่อ คอรด์ รวมกนั ซ่ึงเป็ นเรอ่ื งเดยี วกนั เชน่ เก่ียวขอ้ งกนั มารวมดว้ ยกนั เชน่ ไฟล์ขอ้ มูลนามสกุล ที่อยู่ หอ้ งเรียน ครปู ระจาชน้ั 1 ขอ้ มลู ของประวตั ินักเรียนแต่ละคนรวมกนั นักเรียนในแผนกต่าง ๆ ขอ้ มูลครผู ูส้ อนคนเป็ น 1 เรกคอรด์ ท้งั หมดเป็ นไฟล์ หรือแฟ้มขอ้ มูลเก่ียวกบั ขอ้ มูลวชิ าเรียน ประวตั ินักเรียนของโรงเรียน 14
ระดับโครงสร้างฐานข้อมลู
ใบงานท่ี ๑������การเขียนโปรแกรมบนมาตราฐานเปิ ด 16
“ ใหน้ ักเรียนสรา้ ง Mind Map ส่ิงท่ีเรียนไปท้งั หมดวนั น้ ีและแสกนส่งเป็ นไฟลร์ ูปภาพ ใน Week 1 Mind Map ” 17
Search
Read the Text Version
- 1 - 17
Pages: