Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิชาเกษตรผสมผสาน

วิชาเกษตรผสมผสาน

Published by สิรวิชญ์ เฉียบแหลม, 2019-10-14 11:14:14

Description: วิชาเกษตรผสมผสาน

Search

Read the Text Version

49 ต้นพชื เตบิ โตแข็งแรงดี ใบไมด่ ่าง ต้นไม่ทรดุ โทรม มกี ารบำรุงรกั ษาดกี ็จะเป็นการดี ท้ังนีเ้ นื่องจากว่ามโี รคหลาย ชนิดที่ติดไปกับเมล็ดหรือ กิ่งตอนได้ ฉะนั้นหากเราไมแ่ น่ใจวา่ ของเขาดีจริง ก็ไม่ควรนำมาใชท้ ำพันธ์ุ ถ้าจะให้ดี ควรคัดเลือกจากต้นของเราเองดีกว่า โดยเลือกจากต้นที่ดีท่ีสุด แต่ถ้าในกรณีที่จำเป็นจริง ๆ โดยสามารถหา พันธุ์ได้และ เราไม่แน่ใจว่ามีโรคติดมาหรือไม่ก็ควรทำการใช้ยาคลุกเมล็ดก่อนนำไปปลูก เพ่ือทำลายเช้ือหรือ ปอ้ งกนั เชอ้ื โรคกอ่ นก็จะให้ผลดียง่ิ ขน้ึ 4. การหาพืชพันธุ์ต้านทานโรคมาปลูก จะช่วยลดต้นทุนในการผลิตได้ คือไม่ต้องคอยฉีดยา ป้องกันโรคหรือแมลง ไม่ต้องเสียค่ายา ปัจจุบันในบ้านเราก็มีพืชพันธ์ุต้านทานโรคท่ีใช้ได้ผลแพร่หลายอยู่ใน ขณะนี้ เช่น ข้าวพันธ์ุ ก.ข. 1, 3, 5 ต้านทานโรคใบสีส้ม ข้าวพันธุ์ ก.ข. 7 ต้านทานโรคขอบใบแห้ง ข้าวโพด พันธ์ุ “สุวรรณ 1” ต้านทานโรครานํ้าค้าง ถั่วเหลือง สจ 4, สจ 5 หรือเชียงใหม่ 60 ต้านทานต่อโรคราสนิม หรอื ถั่วเขยี วพันธุ์กำแพงแสน 1, 2 ตา้ นทานตอ่ โรคใบจุด และโรคราแป้ง เปน็ ตน้ 5. ปรับปรุงสภาพแวดล้อมไม่ให้เหมาะต่อการเกิดโรค เช่น ไม่ให้น้ำช้ืนแฉะเกินไป ไม่เพาะ กลา้ แนน่ เกินไป เป็นตน้ 6. การตัดก่ิงเป็นโรค หรือขุดต้นที่เป็นโรคเผาทำลาย ในกรณีท่ีเป็นโรคเพียงเล็กน้อยบนกิ่ง หรอื ใบ ถ้าใช้ยาพ่นจะไม่คุ้มกับการลงทุน ฉะน้ันถ้าพบเพียงเล็กน้อยกค็ วรเกบ็ หรอื ตัดส่วนท่ีเป็นโรคออกนำมา เผาทำลาย ไม่ควรกองท้ิงเอาไว้ในสวน แม้พืชหลุดจากต้นแล้วเชื้อโรคยังไม่ตาย การเผาไฟหลังจากท่ีแห้งแล้ว จึงน่าจะเป็นวิธีท่ีดีที่สุด ส่วนในกรณีท่ีต้องขุดต้นออกทิ้งน้ันเกิดจากท่ีเชื้อเข้าทำลายจนทำให้ต้นทรุดโทรม รกั ษาให้หายไดย้ ากก็จำเปน็ ตอ้ งตดั ทงิ้ ตวั อยา่ ง เช่น โรครากเน่าของทุเรยี น โรครากเน่าของสม้ เป็นตน้ 7. ควรใช้เคร่ืองมือที่สะอาดปราศจากเชื้อ โดยพยายามทำความสะอาดอุปกรณ์ เช่น มีด กรรไกร ด้วยความร้อนจากเปลวไฟ หรือใช้สารเคมีบางชนิด เช่น ไตรโซเดียมฟอสเฟต ในกรณีของเชื้อไวรัส เปน็ ตน้ 8. การเลือกที่ปลูก ไม่ควรปลูกพืชเดิมซ้ำที่เก่า ท่ีเคยมีโรคเกิดข้ึนทันที ควรจะเว้นระยะปลูก ให้นานหน่อย หรือควรเลือกท่ีที่ไม่เคยมีโรคเกิดข้ึนมาก่อน จะช่วยลดการเกิดโรคลงได้มาก โดยเฉพาะโรคนั้น เป็นเชื้อโรคที่อาศยั อยใู่ นดนิ ได้ 9. การเลือกเวลาปลูก โรคบางอย่างอาจหลีกเลี่ยง หรือหนีโรคได้ ถ้าเราเลือกเวลาปลูกให้ดี เช่น ถ้าพืชนั้นมักเกิดโรครุนแรงในฤดูฝน ก็ควรเล่ียงมาปลูกต้นหรือปลายฤดูฝน ถ้าเกิดโรคมากในฤดูหนาว ก็ ควรเลย่ี งมาปลูกต้นหรอื ปลายฤดูแทน ซ่ึงจะชว่ ยลดความเสียหายทเ่ี กดิ ขึน้ ได้ 10. การปลูกพืชสลับหรือหมุนเวียน ก็จะช่วยป้องกันความเสียหายเนื่องจากโรคบางชนิดได้ โดยเฉพาะเชื้อโรคท่ีอาศัยอยู่ในดินได้การที่จะพิจารณาว่าจะใช้พืชอะไรมาสลับน้ัน ส่วนมากไม่ควรใช้พืชพวก เดียวกัน เช่น ปลูกพริกแล้วเป็นโรคเหี่ยวก็ควรใช้ข้าวโพด ถ่ัว หรือผักมาปลูกสลับสัก 1-2 ปี แล้วจึงหันปลูก พริกใหม่ แต่ท้ังนี้ไม่ได้ห้ามในกรณีท่ีพบโรคบนใบ หรือบนผล การปลูกพืชอื่นสลับจะได้ผลดี ถ้าโรคน้ันเกิดกับ ตน้ กล้า หรือเกดิ กบั รากทำให้รากเน่า โคนเน่าหรอื โรคเหย่ี วทง้ั ต้น 11. การฉดี ยาฆ่าแมลงเพื่อทำลายแมลงนำเช้ือโรค โรคพืชที่เกิดจากไวรัสหรือมายโคพลาสมา หลายชนิดท่ีมีแมลงพวกเพลี้ยจ๊ักจั่น เพลี้ยกระโดดแมลงหว่ีขาว เป็นตัวนำเชื้อโรคไปยังต้นปกติท่ีอยู่ข้างเคียง หรือที่ที่แมลงบินไปถึง ฉะนั้นการฉีดยาฆ่าแมลงเป็นครง้ั คราวกจ็ ะช่วยลดการระบาดของโรคลงได้ ตัวอย่างเช่น โรคใบสีส้มของข้าว มีจ๊ักจั่นสีเขียวเป็นตัวนำ โรคใบหดของยาสูบ โรคใบหงิกมะเขือเทศ มีแมลงหว่ีขาวเป็น ตัวนำโรค เป็นต้น 12. ปอ้ งกนั โรคโดยการฉีดสารเคมีป้องกนั กำจัดโรคพืชเป็นครงั้ คราว โดยเฉพาะสารเคมีทเี่ คย ใช้ได้ผลดี การฉีดข้ึนอยู่กับความรุนแรงของโรค ถ้าเป็นโรคมากและรนุ แรงควรฉีดถ่ีหน่อย แต่ถ้าต้นไม้เป็นโรค

50 แล้วไม่ค่อยมีความเสียหายแก่พืชก็นาน ๆ ฉีดครั้งหนึ่งได้ แต่การใช้สารเคมีน้ันจะต้องทราบ เสียก่อนว่ามี สารเคมีอะไรบ้างท่ีฉีดแล้วได้ผล ไม่ใช่ไปขอซื้อยาตามตลาดซ่ึงผู้ซื้อ และผู้ขายก็ไม่ทราบว่าจะเอาไปฉีดป้องกัน โรคอะไร ใช้แล้วไดผ้ ลหรือไม่ ซ่งึ เป็นการเสีย่ งมาก ท่ีกล่าวเชน่ น้ีเพราะถา้ ใช้ผดิ นอกจากใช้ไม่ได้ผลแล้วจะต้อง เสียค่าใช้จ่ายโดยไมจ่ ำเปน็ อีกด้วย ฉะนัน้ การจะพิจารณาใช้สารเคมี อะไร ควรสอบถามผรู้ ู้ให้รอบคอบเสียกอ่ น จึงตัดสนิ ใจ 13. การรักษาต้นพชื ที่เป็นโรค พืชบางชนดิ โดยเฉพาะพวกที่มีราคาแพง หรือหายาก ถ้าเป็น โรคจะเผาท้ิงหรือก็เสียดาย จึงหันมารักษากัน เช่น กล้วยไม้ ไม้ยืนต้นบางชนิด แต่โดยหลักการปฏิบัติ ในการ ปอ้ งกันกำจัดโรคนน้ั จะต้องยึดถือหลกั ทีว่ า่ ควรทำการป้องกนั ไมใ่ ห้พชื เปน็ โรคมากกว่าการรกั ษา เพราะเราจะ รกั ษาพชื ให้หายดี เช่น พชื ปกติน้ันยอ่ มทำไดย้ าก 3.3 ปญั หาวัชพชื ปัญหาหลักสำคัญของวัชพืชในฟาร์มก็คือ การแย่งน้ำและอาหารจากพืชหลัก ดังน้ันแนวทาง หลักท่ีเกษตรกรดำเนินการเป็นสิ่งแรกก็คือ การสร้างเง่ือนไขให้พืชหลักสามารถเจริญเติบโตได้เร็วกว่าวัชพืช อันจะทำให้วัชพืชไม่สามารถแย่งน้ำและอาหารจากพืชหลักได้ และกำจัดหรือลดเง่ือนไขปัจจัยที่ทำให้วัชพืช เจริญเติบโตได้ดี โดยทั่วไปวัชพืชจะเจรญิ เติบโตได้ดีในทีด่ ินท่ีมีปัญหาในการปลูกพชื เช่น ดินที่มีธาตุอาหารต่ำ ดนิ อัดแน่น หรอื ดินท่รี ะบายน้ำไมด่ ี แนวทางการแกไ้ ข 1. การปรับปรุงดินให้มีธาตุอาหารครบถ้วนสมดุลและมีโครงสร้างทางกายภาพท่ีดีด้วย อนิ ทรีย์วัตถุและปุ๋ยอินทรยี ์ประเภทตา่ ง ๆ จึงเป็นกลยุทธ์ท่ีสำคัญอีกประการหน่ึง นอกจากน้ี การคัดเลือกพันธุ์ พืชปลูกที่สามารถเจริญเติบโตได้ดีในเงื่อนไขของสภาพแวดล้อมท้องถิ่น รวมทั้งการปลูกพืชหลักให้เร็วขึ้น ในช่วงต้นฤดูเพาะปลูก จะช่วยทำให้พืชหลักสามารถเจริญเตบิ โตและตั้งตัวได้เร็วกว่าวัชพืช จึงสามารถแข่งขัน กับวชั พืชได้ 2. การเตรียมดินด้วยการไถพรวน และการไถกลบก่อนการปลูกพืชท่ีถูกต้องช่วยลดปริมาณ วัชพืชในฟาร์มได้ในช่วงเริ่มต้นของฤดูเพาะปลูก, การหยอดเมล็ดในระดับความลึกที่เหมาะสม ช่วยทำให้ต้น กลา้ พชื เจริญเตบิ โตได้เรว็ สามารถแข่งขันกับวชั พืชได้ การคลุมดนิ ดว้ ยอินทรียวัตถตุ า่ ง ๆ หรอื การปลกู พืชคลุม ดิน ชว่ ยลดปรมิ าณวชั พชื ในช่วงระหว่างฤดูเพาะปลูก และการจัดการกับเศษซากวัชพชื อย่างถูกตอ้ ง เช่น นำมา รวมกนั เพอื่ ใชท้ ำปุ๋ยหมกั จะชว่ ยลดการแพร่ระบาดของวัชพืชลงได้ 4. ปญั หาเกี่ยวกับโรค-ศัตรูของสัตวเ์ ลีย้ ง และแนวทางการแกไ้ ข 4.1 ปัญหาโรคในสตั ว์เลีย้ ง เกิดจากหลายสาเหตุ ท้ังสาเหตุทางตรงและสาเหตุทางอ้อม ซ่ึงอาจจะเกิดจากตัวสัตว์เอง โรงเรือน และอุปกรณ์ อาหาร น้ำ หรือจากตัวผู้เลี้ยงเอง ซ่ึงจะเป็นสาเหตุใดก็ตามล้วนส่งผลต่อสุขภาพของสัตว์ท้ังสิ้น สาเหตขุ องการเกดิ โรคในสัตวแ์ บง่ ได้ดังนี้ 1. สาเหตุทางอ้อม เป็นสาเหตทุ ่ีไมไ่ ด้เกิดจากเช้ือโรคแต่เกิดจากสภาพแวดล้อม รอบ ๆ ตัวสตั วซ์ ึ่ง ชักนำให้สัตว์เกิดโรคได้ สาเหตุทางออ้ ม ไดแ้ ก่ 1) ความเครียด เช่น สภาพโรงเรือนไม่เหมาะสม มีแมลงรบกวน อากาศร้อนจัด หนาวจัด ลว้ นเปน็ สาเหตทุ ท่ี ำใหเ้ กิดความเครยี ดซงึ่ ก่อใหเ้ กิดโรคในสตั วไ์ ด้ 2) การขาดสารอาหาร เช่น ขาดธาตุแคลเซียมทำให้เกิดโรคกระดูกอ่อน ขาดโปรตีนทำให้ แคระแกร็น เปน็ ตน้

51 3) เกิดจากความผิดปกตขิ องระบบฮอร์โมนในรา่ งกายสัตว์ 4) เกดิ จากความบกพร่องทางพนั ธุกรรม 5). สารพิษในอาหารสัตว์ เช่น กรดไฮโดรไซยานิก (hydrocyanic acid) ในมัน สำปะหลัง 2. สาเหตุทางตรง ได้แก่ การเกิดโรคท่ีเกิดจากเชื้อจุลินทรีย์ต่าง ๆ เช่น แบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา โปรโตซวั พยาธภิ ายนอก และพยาธภิ ายใน แนวทางการแก้ไข 1. รักษาความสะอาดภายในคอกและโรงเรือน โดยทำลายเช้ือโรคด้วยการพ่นยาฆ่าเชื้ออย่าง สม่ำเสมอและกำจัดมูลสัตว์ซ่ึงเป็นสาเหตุในการแพร่กระจายของเช้ือและพยาธิ วางตำแหน่งโรงเรือนให้ เหมาะสม อากาศถ่ายเทได้สะดวก 2. ดแู ลเอาใจใส่อาหารและน้ำใหส้ ะอาดและมคี ุณภาพพอเพยี ง 3. วางโปรแกรมวัคซีนป้องกันโรค ตามระยะเวลาท่ีสัตวแพทย์แนะนำพร้อมท้ังจดบันทึก ประวตั ิการฉีดวัคซนี และฉดี ซ้ำตามกำหนด 4. มีการดูแลสุขภาพสัตวอ์ ย่างสม่ำเสมอ หม่นั สังเกตความผิดปกติต่าง ๆ เช่น ซึม กนิ น้อยลง เอาแตน่ อน ขนหยอง ให้รบี แกไ้ ขก่อนทจ่ี ะเกิดปญั หารนุ แรงข้ึน 5. เมื่อพบสัตว์ที่มีอาการผดิ ปกติหรอื สงสยั ว่าเป็นโรคติดต่อให้แยกไว้ไม่ให้สัมผัสกับสตั ว์ปกติ ทำความสะอาดโรงเรอื นด้วยนำ้ ยาฆา่ เช้อื และแจ้งเจ้าหนา้ ท่ีปศสุ ัตว์เพื่อหาสาเหตุต่อไป 6. มีการทำบันทึกประวัติสัตว์เพ่ือให้ทราบถึงสภาวะสุขภาพสัตว์และปัญหาที่อาจแฝงอยู่ใน ฟารม์ เพ่อื ประโยชนใ์ นการควบคุมปอ้ งกันโรค 5. ปญั หาเกี่ยวกบั ปัจจัยการผลิต และแนวทางการแก้ไข 5.1 ปัจจัยการผลิตในปัจจุบันมีอยู่อย่างจำกัด จึงจำเป็นต้องแก้ไขโดยต้องมีการจัดการใช้ปัจจัยการ ผลิตอยา่ งเหมาะสม และอย่างมีประสทิ ธิภาพ เพ่ือก่อให้เกิดผลตอบแทนอย่างเตม็ ท่ี ปจั จัยการผลิตได้แก่ ที่ดิน แรงงาน ทุน แหล่งน้ำ และการจัดการ ถ้าใช้อย่างไม่ถูกต้อง ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงกว่าท่ีควร และอาจได้ ผลตอบแทนไมค่ ุ้มกับการลงทุน 5.2 รายได้ต่อครัวเรือนของเกษตรกรต่ำ เน่ืองจากมีรายได้จากการผลิตเฉพาะฤดูกาล จึงจำเป็นต้อง จดั ใหม้ ีกจิ กรรมการเกษตรอย่างตอ่ เนอ่ื งตลอดปี 5.3 การใช้แรงงานในฟารม์ ไม่เต็มท่ี และขาดประสิทธภิ าพ จากการวิเคราะหน์ โยบาย และปัญหาการ จดั ทำแผนพฒั นาการเกษตร จะทำให้มีการใชแ้ รงงงานมากขึ้น และใชอ้ ยา่ งมปี ระสิทธิภาพยิง่ ขึน้ 5.4 การวางเป้าหมายการผลิตไม่สามารถวางแผนการผลิตได้อย่างถูกต้อง เน่ืองจากขาดข้อมูลด้าน การตลาด และภาวการณ์ตลาดไม่แน่นอนซ่ึงอาจแก้ไขได้โดยติดตามข้อมูลความเคลื่อนไหวของด้านการตลาด ท้งั ในประเทศและต่างประเทศ ศึกษาความร้เู รื่องการตลาดเพ่ิมเตมิ เป็นต้น 5.5 เกษตรกรมักขาดการวางแผนการผลิตล่วงหน้า เกษตรกรไทยส่วนใหญ่ ไม่มีการวางแผนว่าจะ ดำเนินกิจกรรมด้านการเกษตรอะไร เม่ือไร ค่าใช้จ่ายเท่าไร จะมีรายได้และกาไรมากน้อยเพียงใด มักจะทำ ตามเกษตรกรข้างเคียง และมักประสบปัญหาการขาดแคลนธาตุอาหารสาหรับพืชท่ีปลูกในดินบริเวณน้ัน เน่อื งจากทำการปลูกพืชเดียวซ้ำ ๆ หลายครัง้ มาตั้งแตส่ มัยด้งั เดิม ทำให้ผลผลติ เฉลยี่ ตอ่ ไรต่ ำ่ ต้นทุนในการผลิต สงู เกนิ ความจำเปน็

52 แนวทางการแกไ้ ข เกษตรกรควรใช้หลักการจัดการฟาร์ม วางแผนการผลิตและวางแผนการใช้ปัจจัยการผลิตอย่างมี ประสทิ ธภิ าพเพ่ือใหไ้ ดร้ ับผลตอบแทนสูงสดุ 6. ปัญหาเก่ียวกับการตลาด และแนวทางการแกไ้ ข 6.1 ภาวการณ์ตลาดไมแ่ น่นอน โดยเฉพาะในช่วงฤดูเก็บเกยี่ วผลผลติ ทม่ี ีจำนวนมากทำใหผ้ ลผลติ ล้น ตลาดในท้องถิ่นน้ัน ก่อให้เกิดปัญหาด้านการตลาด ราคาที่ขายได้ต่ำไม่คุ้มกับต้นทุนการผลิต ทำให้พ่อค้ากด ราคา มีอำนาจต่อรองการซ้ือขายน้อยลงจึงควรหลีกเล่ียง แนวทางการแก้ไข เกษตรกรควรจัดการปลูกให้ผลผลิตออกก่อนผู้ปลูกรายอื่น หรือวางแผนการปลูกพืชน้ันในช่วงออก กอ่ นฤดูกาลปลกู ปกติ จะทำให้มรี าคาดี และสามารถตอ่ รองราคาการซือ้ ขายกบั พ่อคา้ ได้บ้าง 6.2 ราคาผลผลติ บางชนิดไมจ่ ูงใจผ้ปู ลกู เน่ืองจากราคาผลผลิตบางชนดิ มรี าคาสูงตำ่ แตกต่างกนั มาก ในช่วงฤดูกาลผลิตหรือช่วงต้นฤดูการผลิต ผู้ประกอบการควรตัดสินใจผลิตกิจกรรมที่มีการแปรปรวนราคา ผลผลิตน้อย แนวทางการแกไ้ ข เกษตรกรควรตัดสินใจผลิตกิจกรรมท่ีมีการแปรปรวนราคาผลผลิตน้อยราคาต้นฤดู และปลายฤดูไม่ แตกต่างมากนัก

53 เอกสารอา้ งองิ การเกษตรแบบผสมผสาน. แหล่งที่มา : http://www.kasetorganic.com. สืบค้นเม่ือ : 2 ตุลาคม 2560. ปัจจัยและความสำเร็จของระบบเศรษฐกิจแบบผสมผสาน. แหล่งที่มา : https://sunisa.wikispac es.com. สืบค้นเมื่อ : 1 ตลุ าคม 2560. รูปแบบการทำการเกษตรแบบผสมผสาน. แหล่งท่ีมา : https://jchoompolblog.word press.com. สืบคน้ เม่อื : 2 ตลุ าคม 2560. ยพุ าพร สาลีพัชราภรณ์. 2558. เอกสารประกอบการสอน.วิชาการเกษตรผสมผสาน : กรุงเทพ ฯ. 71 น.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook