Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาภาษาไทยป.4 นางสาวพชรมน กองอรรถ เลขที่4

แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาภาษาไทยป.4 นางสาวพชรมน กองอรรถ เลขที่4

Published by พชรมน กองอรรถ, 2021-05-30 10:44:23

Description: แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาภาษาไทยป.4 นางสาวพชรมน กองอรรถ เลขที่4

Search

Read the Text Version

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาภาษาไทย ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ จัดทาโดย นางสาวพชรมน กองอรรถ เลขท่ี ๔ เสนอ ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.พชั รภี รณ์ บางเขียว แผนการจดั การเรยี นรู้เลม่ นี้เปน็ ส่วนหนึ่งของรายวิชาการจัดการเรยี นรแู้ ละการจดั การช้นั เรียน รหสั วิชา ๑๑๐๐๓๐๑ คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั บ้านสมเดจ็ เจ้าพระยา

คานา แผนการจดั การเรียนรรู้ ายวิชาภาษาไทย ประถมศึกษาปที ่ี 4 จัดทาขนึ้ เพ่ือกาหนดหรือวางแผนเร่ืองทีจ่ ะ สอนอย่างเป็นระบบ ใหส้ อดคลอ้ งกบั มาตรฐานการเรยี นรู้ ตัวชี้วัดของกลุ่มสาระการเรียนรูภ้ าษาไทย แผนการ จดั การเรยี นรู้รายคาบท้ังหมด 3 แผนการจัดการเรียนรู้ ประกอบด้วย เขยี นคาตามคดิ อ่านดมี ีมารยาท รว่ มใจใฝร่ ู้ ฟงั ดูให้ดี กจิ กรรมการเรยี นรตู้ ามรปู แบบการจัดการเรียนรทู้ หี่ ลากหลาย อนั ไดแ้ ก่ รปู แบบการจัดการเรยี นรแู้ บบ แฮรบ์ าร์ต รปู แบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ ซ่ึงแตล่ ะรปู แบบมีวิธีการจัดการเรียนการสอนที่ แตกตา่ งกัน แต่ท้งั หมดนามาซึ่งการบรรลจุ ดุ ประสงค์การเรียนรู้ นอกจากนีย้ ังมใี บงานและเกณฑก์ ารประเมนิ ผล เพอ่ื ใช้ในการประเมินผลการเรยี นรูข้ องนักเรยี นแตล่ ะคนวา่ หลงั จากเสรจ็ ส้นิ การเรยี น นกั เรียนมีความรู้ ความ เข้าใจเนื้อหาสาระมากน้อยเพยี งใด ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ แผนการจดั การเรยี นรใู้ หป้ ระโยชน์หลายประการ นอกจากจะชว่ ยทาให้ผู้สอนเกิดความมั่นใจในการ สอนและการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ แผนการจัดการเรยี นรูย้ ังมสี ่วนชว่ ยในการวางแผนการจัดการเรยี นการ สอนให้มปี ระสิทธภิ าพ สะทอ้ นให้เหน็ คณุ ภาพของผูเ้ รยี น ช่วยให้การจัดการเรียนรมู้ ีประสิทธิภาพมากขนึ้ อันส่งผลไปถึงศกั ยภาพการเรยี นรขู้ องผเู้ รยี นใหม้ คี ณุ ภาพตามเป้าหมายทางการเรยี นรู้ ผจู้ ัดทาขอขอบพระคุณผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.พชั รภี รณ์ บางเขยี ว เป็นอย่างยิง่ ที่ให้คาแนะนา และเปน็ ท่ปี รกึ ษาในการจดั ทาแผนการจดั การเรยี นรู้ท่ีมปี ระโยชนแ์ ละมคี ุณค่าตอ่ การจดั การเรียนการสอน และหวังอยา่ งยิง่ ว่าแผนการจดั การเรยี นร้เู ลม่ นี้ จะเปน็ ประโยชนก์ ับการจดั การเรยี นรู้ในห้องเรียน อนั จะ เป็นประโยชนส์ งู สดุ ตอ่ ตัวผูเ้ รยี น ทาใหผ้ เู้ รยี นสามารถพัฒนาการเรียนรู้ไดอ้ ย่างมีประสทิ ธิภาพต่อไป นางสาวพชรมน กองอรรถ ผู้จดั ทา

สารบญั 4 เรือ่ ง หน้า แผนการจดั การเรยี นรู้รายปี 1 ตารางโครงสร้างรายวิชา 7 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๑ 12 16 ใบงานท่ี 1 17 ใบงานที่ 2 24 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๒ 28 ใบงานท่ี 1 29 ใบงานที่ 2 36 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๓ 40 ใบงานท่ี 1 41 ใบงานท่ี 2

1 แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าพนื้ ฐาน รหัสวิชา ท14106 รายวิชาภาษาไทย กลุ่มสาระการเรียนร้ภู าษาไทย ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที 4 ปีการศึกษา 2563 เวลา 160 ชว่ั โมง จานวน 4 หนว่ ยกติ ผู้สอน นางสาวพชรมน กองอรรถ 1.มาตรฐาน/ตัวช้วี ดั มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอา่ นสรา้ งความรู้และความคิด เพื่อนาไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาในการ ดาเนินชวี ติ และมนี สิ ัยรกั การอา่ น มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนส่อื สาร เขียนเรยี งความ ย่อความ และเขยี นเร่อื งราวใน รูปแบบต่างๆ เขยี นรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ ควา้ อย่างมปี ระสิทธิภาพ มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลอื กฟงั และดูอยา่ งมีวจิ ารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคดิ และ ความรู้สึกในโอกาสต่างๆ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและสรา้ งสรรค์ มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลย่ี นแปลงของภาษาและพลงั ของภาษา ภมู ปิ ญั ญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไว้เป็นสมบตั ิของชาติ มาตรฐาน ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอยา่ งเหน็ คณุ คา่ และนามาประยกุ ต์ใชใ้ นชีวิตจรงิ ตวั ช้ีวัด มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสรา้ งความรแู้ ละความคดิ เพอ่ื นาไปใช้ตัดสินใจ แก้ปญั หาในการ ดาเนนิ ชีวติ และมีนสิ ัยรักการอ่าน ท ๑.๑ ป.4/๑ อ่านออกเสยี งบทรอ้ ยแก้วและบทรอ้ ยกรองได้ถกู ต้อง ท ๑.๑ ป.4/๒ อธิบายความหมายของคา ประโยค และสานวนจากเรอื่ งทอ่ี า่ น ท ๑.๑ ป.4/๓ อ่านเร่ืองส้นั ๆ ตามเวลาที่กาหนดและตอบคาถามจากเร่อื งท่ีอา่ น ท ๑.๑ ป.4/๔ แยกข้อเท็จจริงและข้อคิดเหน็ จากเร่ืองทอี่ ่าน ท ๑.๑ ป.4/๕ คาดคะเนเหตกุ ารณจ์ ากเรือ่ งทอ่ี า่ นโดยระบเุ หตผุ ลประกอบ ท ๑.๑ ป.4/๖ สรปุ ความร้แู ละขอ้ คิดจากเรอื่ งท่ีอ่านเพือ่ นาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั

2 ท ๑.๑ ป.4/๗ อา่ นหนังสอื ทีม่ ีคุณค่าตามความสนใจอย่างสมา่ เสมอ และแสดงความคดิ เหน็ เก่ยี วกบั เรอ่ื ง ทอ่ี ่าน ท ๑.๑ ป.4/๘ มีมารยาทในการอ่าน มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขยี นเขียนส่ือสาร เขยี นเรียงความ ย่อความ และเขียนเรอื่ งราวใน รปู แบบต่างๆ เขยี นรายงานขอ้ มลู สารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ ควา้ อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ ท 2.๑ ป.4/๑ คดั ลายมือตวั บรรจงเต็มบรรทดั และครึ่งบรรทัด ท 2.๑ ป.4/๒ เขียนส่ือสารโดยใช้คาได้ถูกตอ้ ง ชัดเจน และเหมาะสม ท 2.๑ ป.4/๓ เขียนแผนภาพโครงเร่อื งและแผนภาพความคิดเพอ่ื ใช้พฒั นางานเขียน ท 2.๑ ป.4/๔ เขียนยอ่ ความจากเร่ืองส้นั ๆ ท 2.๑ ป.4/๕ เขยี นจดหมายถงึ เพือ่ นและบิดามารดา ท 2.๑ ป.4/๖ เขยี นบนั ทกึ และเขยี นรายงานจากการศึกษาค้นควา้ ท 2.๑ ป.4/๗ เขยี นเร่อื งตามจินตนาการ ท 2.๑ ป.4/๘ มมี ารยาทในการเขยี น มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลอื กฟงั และดอู ยา่ งมีวจิ ารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคดิ และ ความรสู้ กึ ในโอกาสต่างๆ อย่างมวี จิ ารณญาณและสร้างสรรค์ ท ๓.๑ ป.4/๑ จาแนกข้อเท็จจรงิ และข้อคดิ เห็นจากเร่ืองที่ฟงั และดู ท ๓.๑ ป.4/๒ พดู สรุปความจากการฟังและดู ท ๓.๑ ป.4/๓ พูดแสดงความรู้ ความคิดเห็นและความรสู้ ึกเก่ยี วกับเรอ่ื งทีฟ่ งั และดู ท ๓.๑ ป.4/๔ ต้งั คาถามและตอบคาถามเชงิ เหตุผลจากเร่ืองทฟี่ ังและดู ท ๓.๑ ป.4/๕ รายงานเรอ่ื งหรอื ประเดน็ ทศี่ ึกษาค้นควา้ จากการฟงั การดู และการสนทนา ท ๓.๑ ป.4/๖ มีมารยาทในการฟงั การดู และการพดู มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษาและพลัง ของภาษา ภมู ิปัญญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไวเ้ ปน็ สมบัตขิ องชาติ ท ๔.๑ ป.4/๑ สะกดคาและบอกความหมายของคาในบรบิ ทต่างๆ ท ๔.๑ ป.4/๒ ระบุชนดิ และหน้าทขี่ องคาในประโยค ท ๔.๑ ป.4/๓ ใช้พจนานกุ รมคน้ หาความหมายของคา ท ๔.๑ ป.4/๔ แต่งประโยคไดถ้ กู ตอ้ งตามหลักภาษา ท ๔.๑ ป.4/๕ แตง่ บทร้อยกรองและคาขวัญ

3 ท ๔.๑ ป.4/๖ บอกความหมายของสานวน ท ๔.๑ ป.4/๗ เปรียบเทียบภาษาไทยมาตรฐานกับภาษาถ่ินได้ มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วจิ ารณ์วรรณคดแี ละวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคณุ คา่ และนามาประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ิตจริง ท ๕.๑ ป.4/๑ ระบขุ อ้ คิดจากนิทานพ้ืนบ้าน หรือนิทานคติธรรม ท ๕.๑ ป.4/๒ อธบิ ายขอ้ คดิ จากการอ่านเพื่อนาไปใช้ ในชีวติ จรงิ ท ๕.๑ ป.4/๓ รอ้ งเพลงพืน้ บา้ น ท ๕.๑ ป.4/๔ ทอ่ งจาบทอาขยานตามทีก่ าหนด และบทร้อยกรองทม่ี ีคุณค่าตามความสนใจ ๒.จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1ความรู้ (K) 1.นกั เรยี นสามารถอธิบายความแตกต่างของบทร้อยแกว้ และบทรอ้ ยกรองไดถ้ กู ต้อง (K) 2.นักเรียนสามารถอธบิ ายวิธกี ารอ่านออกเสยี งบทร้อยแกว้ และบทร้อยกรองได้ถูกต้อง (K) 3.นักเรยี นสามารถอธิบายความหมายของประโยคและสานวนจากเร่ืองท่อี ่านได้ (K) 4.นักเรียนสามารถจับใจความเรื่องสั้นไดถ้ ูกต้อง (K) 5.นักเรยี นสามารถอธิบายการแยกขอ้ เทจ็ จริงและข้อคดิ เหน็ จากเรอื่ งท่ีอ่านไดถ้ ูกต้อง (K) 6.นกั เรยี นสามารถอธิบายเหตผุ ลจากเรอ่ื งที่อ่านไดถ้ กู ต้อง (K) 7.นกั เรียนสามารถบอกข้อคิดจากเรอ่ื งทีอ่ ่านได้ (K) 8.นักเรียนสามารถบอกความคิดเห็นเกี่ยวกบั เรื่องที่อา่ นได้ (K) 9.นักเรยี นสามารถบอกความรูท้ ไี่ ดร้ ับจากการอา่ นหนังสอื ทมี่ คี ณุ ค่าตามความสนใจได้ (K) 10.นักเรียนสามารถอธิบายวธิ กี ารคัดลายมือตัวบรรจงเต็มบรรทดั และตวั บรรจงคร่ึงบรรทดั ได้ (K) 11.นักเรียนสามารถอธิบายวธิ กี ารเขียนสื่อสารได้ถูกตอ้ ง (K) 12.นักเรยี นสามารถเชอ่ื มโยงแผนภาพโครงเรอ่ื งและแผนภาพความคิดเหน็ เพ่ือใช้พัฒนางานเขยี นได้ (K) 13.นกั เรยี นสามารถอธบิ ายวิธกี ารเขียนยอ่ ความจากเรือ่ งสัน้ ได้ (K) 14.นักเรยี นสามารถอธบิ ายวิธีการเขียนจดหมายได้ (K) 15.นักเรียนสามารถสรปุ ความรู้จากการเขียนบนั ทึกและเขยี นรายงานจากการศกึ ษาคน้ คว้าได้ (K) 16.นกั เรียนสามารถเขียนเร่อื งตามจินตนาการได้ (K) 17.นักเรยี นสามารถจาแนกขอ้ เท็จจรงิ และข้อคดิ เห็นจากเรอ่ื งทีฟ่ งั และดไู ด้ (K)

4 18.นกั เรียนสรุปความจากการฟงั และดูได้ (K) 19.นักเรยี นสามารถได้เหตุผลความคิดเหน็ และความรู้สกึ เก่ียวกบั เรื่องทีฟ่ ังและดูได้ (K) 20.นกั เรยี นสามารถตั้งคาถามจากเรอ่ื งทฟี่ ังและดไู ด้ (K) 21.นกั เรียนสามารถสรปุ ประเด็นทศี่ กึ ษาค้นคว้าจากเร่อื งท่ฟี งั ดู และการสนทนาได้ (K) 22.นกั เรียนสามารถบอกความหมายของคาในระบบตา่ งๆได้ (K) 23.นักเรยี นสามารถอธบิ ายวิธีการดูชนดิ และหนา้ ท่ขี องคาในประโยคได้ (K) 24.นักเรียนสามารถสาธิตการใช้พจนานกุ รมคน้ หาความหมายของคาได้ (K) 25.นักเรยี นสามารถยกตัวอย่างประโยคท่ีถกู ต้องตามหลักภาษาได้ (K) 26.นักเรยี นสามารถเลอื กคามาแต่งบทรอ้ ยกรองและคาขวญั ได้(K) 27.นักเรียนสามารถบอกความหมายของสานวนได้ (K) 28.นักเรียนสามารถอธิบายความแตกต่างของภาษาไทยมาตรฐานกบั ภาษาถิ่นได้(K) ๒.๒ ทกั ษะ(P) 1.นักเรยี นสามารถอา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแกว้ และบทรอ้ ยกรองไดถ้ ูกต้อง (P) 2.นกั เรยี นสามารถตอบคาถามจากการอ่านสานวนได้ถกู ต้อง (P) 3.นกั เรยี นสามารถตอบคาถามจากการอา่ นเรอื่ งส้ันไดถ้ กู ต้อง (P) 4.นกั เรียนสามารถเอาเสือคาจากเรอื่ งทีอ่ ่านได้ถูกต้อง (P) 5.นักเรียนสามารถนาเสนอการวเิ คราะห์เหตุการณจ์ ากเรือ่ งท่ีอา่ นได้ (P) 6.นกั เรยี นสามารถนาเสนอความรแู้ ละข้อเท็จจรงิ จากเรอื่ งที่อ่านได้ เสรจ็ (P) 7.นักเรียนสามารถนาเสนอการวิเคราะหจ์ ากการอ่านหนงั สือทมี่ คี ณุ ค่าตามความสนใจและแสดงความ คดิ เห็นเก่ียวกบั เรือ่ งทอ่ี า่ นได้ (P) 8.นกั เรยี นสามารถเขียนคดั ลายมอื ตัวบรรจงเตม็ บรรทัดและตวั บรรจงครึง่ บรรทัดได้ (P) 9.นักเรียนสามารถเขยี นสอื่ สารโดยใชค้ าพดู ได้ถูกต้องชัดเจนและเหมาะสม (P) 10.นักเรียนสามารถเขียนแผนภาพความคิดได้(P) 11.นักเรยี นสามารถเขยี นย่อความจากเรื่องสั้นได้ (P) 12.นกั เรยี นสามารถเขียนจดหมายได้อยา่ งถูกตอ้ ง (P) 13.นักเรียนสามารถเขยี นบนั ทกึ ได้ (P)

5 14.นักเรียนสามารถเขียนเรอ่ื งตามจนิ ตนาการ (P) 15.นกั เรียนสามารถสรุปความจากการฟังและดูได้ (P) 16.นักเรียนสามารถพูดแสดงความรคู้ วามคดิ เห็นและความรู้สกึ เกี่ยวกบั เร่ืองทีฟ่ ังและดู (P) 17.นกั เรียนสามารถรายงานเรือ่ งหรือประเด็นทศ่ี ึกษาค้นคว้าจากการฟังการดูและการสนทนาได้ (P) 18.นกั เรยี นสามารถทาตามขัน้ ตอนของการใช้พจนานกุ รมคน้ คว้าหาความหมายของคาได้ (P) 19.นกั เรยี นสามารถนาเสนอคาขวัญและบทรอ้ ยกรองทแ่ี ตง่ ได้ (P) 20.นกั เรียนสามารถทดลองพูดภาษาถนิ่ ได้ (P) 21.นกั เรยี นสามารถนาขอ้ คิดจากการอา่ นไปใช้ในชวี ิตจรงิ ได้(P) 23.นกั สามารถนาเสนอภาษาถิน่ ได้(P) 24.นกั เรยี นทดลองแต่งบทร้อยกรองและคาขวญั ได(้ P) 25.นกั เรยี นสามารถตรวจและแกไ้ ขประโยคให้ถูกต้องตามหลกั ภาษาได้(P) 26.นักสามารถเขยี นระบชุ นิดและหนา้ ทข่ี องคาในประโยคได้(P) 27.นกั เรยี นสามารถสร้างข้อคดิ จากนิทานพืน้ บ้าน หรอื นทิ านคตธิ รรมได้(P) 28.นกั เรียนสามารถนาเสนอข้อคดิ จากการอา่ นได้(P) 29.นักเรียนสามารถนาเสนอเพลงพ้ืนบา้ นได้(P) ๒.๓ ทัศนคติ (A) ๑. นักเรยี นตระหนกั ถงึ มารยาทในการอา่ น (A) ๒. นักเรยี นตระหนกั ถงึ มารยาทในการเขยี น (A) ๓. นกั เรียนตระหนกั ถงึ มารยาทในการฟัง การดแู ละการพูด (A)

6 ๓. คาอธบิ ายรายวชิ า อ่านออกเสียงบทร้อยแก้ว บทร้อยกรอง อธิบายความหมาย คา ประโยค สานวน อ่านจับใจความเรื่อง สน้ั ๆ ตอบคาถาม แยกขอ้ เท็จจรงิ ขอ้ คิดเหน็ คาดคะเนเหตกุ ารณ์ สรุปความรู้ ข้อคิด แสดงความคิดเห็น จากเร่ือง ทอ่ี า่ น อา่ นหนังสือตามความสนใจ คัดลายมือตัวบรรจงเต็มบรรทัดและครึ่งบรรทัด เขียนสื่อสาร แผนภาพโครง เร่ือง แผนภาพความคิด ย่อความ จดหมายถึงเพื่อน บิดามารดา บันทึก รายงาน เรื่องตามจินตนาการ จาแนก ข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็นจากเร่ืองท่ีฟังและดู พูดสรุปความ แสดงความรู้ แสดงความคิดเห็น ความรู้สึก ตั้งคาถาม ตอบคาถาม รายงาน พูดลาดับเหตุการณ์ สะกดคา บอกความหมาย ระบุชนิด หน้าท่ีของคา การใช้พจนานุกรม แต่งประโยค บทร้อยกรอง คาขวัญ บอกความหมายของสานวน เปรียบเทียบภาษาไทยมาตรฐานกับภาษาถ่ิน ระบุข้อคิดจากนิทานพ้ืนบ้าน นิทานคติธรรม อธิบายข้อคิดจากการอ่าน ร้องเพลงพื้นบ้าน ท่องจาบทอาขยาน บทรอ้ ยกรอง โดยใชท้ ักษะกระบวนการอา่ น เขียน ฟงั พดู เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจในหลักเกณฑ์การใช้ภาษา มี ทักษะกระบวนการส่ือสาร กระบวนการคิด มีความสนใจใฝ่เรียนรู้ มีมารยาท ในการอ่าน เขียน ฟัง ดู และพูด สามารถนาไปประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ิตประจาวันมเี จคตทิ ี่ดีตอ่ ภาษาไทยและภมู ิใจในภาษาไทย เพื่อให้ผู้เรียนตระหนักในการใช้ความรู้ ความเข้าใจ และทักษะต่างๆ ที่เก่ียวข้องกับภาษาไทยได้อย่าง ถกู ต้อง เหน็ คุณคา่ และตระหนกั ถงึ ความสาคญั ของการนาความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวัน ในการแก้ปัญหา และสร้างประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเอง มีมารยาทในการอ่าน เขียน ฟัง ดูและพูด ก่อให้เกิดนิสัยรักการอ่าน มี ความต้องการในการศึกษาหาความรู้เพ่ิมเติม และมีลักษณะท่ีพึงประสงค์ตามมาตรฐานการเรียนรู้กลุ่มสาระการ เรียนรู้ภาษาไทย รหัสตวั ชว้ี ัด ท ๑.๑ ป.4/๑ ป.4/๒ ป.4/๓ ป.4/๔ ป.4/๕ ป.4/๖ ป.4/๗ ป.4/๘ ท 2.๑ ป.4/๑ ป.4/๒ ป.4/๓ ป.4/๔ ป.4/๕ ป.4/๖ ป.4/๗ ป.4/๘ ท ๓.๑ ป.4/๑ ป.4/๒ ป.4/๓ ป.4/๔ ป.4/๕ ป.4/๖ ท ๔.๑ ป.4/๑ ป.4/๒ ป.4/๓ ป.4/๔ ป.4/๕ ป.4/๖ ป.4/๗ ท ๕.๑ ป.4/๑ ป.4/๒ ป.4/๓ ป.4/๔ รวม 33 ตัวช้วี ัด

7 รายวิชาพนื้ ฐาน โครงสร้างรายวชิ า ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 รหัสวิชา ท14106 กลุม่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ปกี ารศกึ ษา 2564 จานวน 160 ชว่ั โมง หนว่ ยที่ ช่อื หนว่ ยการเรยี นรู้ มาตรฐาน เวลา การเรยี นร้/ู (ชัว่ โมง) 1 อา่ นออกเสยี งเรยี งภาษา ตัวช้วี ดั 1.1 การอ่านออกเสยี งร้อยแก้ว 15 ท 1.1 ป.4/1 3 1.2 การอ่านออกเสยี งร้องกรอง 3 1.3 แต่งบทรอ้ ยกรอง ท 4.1 ป.4/5 5 ท 5.1 ป.4/4 - การแต่งกลอนส่ี 2 1.4 ทอ่ งจาบทอาขยาน ท 1.1 ป.4/2 2 1.5 คุณค่าของบทอายานและบทร้อยกรอง ท 4.1 ป.4/1 15 2 ประโยคถ้อยคา สานวน 4 5 2.1 คาประโยคสานวนท่มี ีความหมาย ท 4.1 ป.4/3 3 2.2 สะกดคาบอกความหมาย ท 4.1 ป.4/6 3 -คาเปน็ -คาตาย ท 1.1 ป.4/3 8 4 2.3 การใช้พจนานกุ รม ท 1.1 ป.4/4 4 2.4 การพูดความหมายของสานวน ท 1.1 ป.4/5 15 ท 1.1 ป.4/6 7 -สานวนไทย 3 เขยี นคาตามคิด ท 1.1 ป.4/7 4 3.1 การอา่ นเร่ืองสั้น 4 3.2 อา่ นจับใจความ 8 4 อ่านเขียนชวนคิด 4 4.1 การแยกข้อเทจ็ จรงิ ข้อคิดเหน็ จากเร่ืองทอ่ี ่าน ท 1.1 ป.4/8 4 4.2 การคาดคะเนเหตกุ ารณ์จากเรอื่ งทีอ่ ่าน 4.3 การสรปุ ขอ้ คดิ จากเรือ่ งทอ่ี า่ น 5 อา่ นดี มมี ารยาท 5.1 อา่ นหนงั สอื ตามความสนใจ -หนงั สือทีน่ กั เรยี นสนใจ -หนงั สอื ท่ีคูและนกั เรยี นกาหนดร่วมกัน 5.2 มารยาทในการอ่าน

หนว่ ยที่ ชอื่ หนว่ ยการเรยี นรู้ มาตรฐาน 8 การเรยี นร้/ู 6 คดั สวย ด้วยมอื เรา ตวั ชี้วดั เวลา (ชั่วโมง) 6.1 การคดั ลายมอื ตัวบรรจงเตม็ บรรทัด ท 2.1 ป.4/1 6.2 การคดั ลายมือครงึ่ บรรทัด 8 ท 2.1 ป.4/2 4 สอบปลายภาคภาคเรยี นท่ี1 4 7 คดิ เขยี นคล่องแคล่ว 15 7.1 เขียนส่อื สาร 15 -คาขวัญ -คาแนะนา ท 2.1ป.4/3 15 -ประกาศไม่เป็นทางการ ท 2.1ป.4/4 -การเขียนอธิบาย 3 4 8 การเขียนสรา้ งสรรค์ ท 2.1 ป.4/5 2 8.1 การเขยี นแผนภาพโครงเรอื่ งแผนภาพความคดิ ท 2.1 ป.4/6 2 8.2 เขยี นยอ่ ความ ท 2.1 ป.4/7 2 ท 2.1 ป.4/8 2 -วรรณคดี 8 -วรรณกรรม ท 3.1 ป.4/1 8.3 การเขียนจดหมายถึงเพอื่ นและบดิ ามารดา ท 3.1 ป.4/4 4 8.4 การเขียนรายงานการศึกษาคน้ ควา้ 4 8.5 การเขียนเรื่องตามจนิ ตนาการ ท 3.1 ป.4/2 8.6 มารยาทในการเขยี น 15 9 รว่ มใจใฝ่รู้ ฟงั ดใู ห้ดี 6 9.1 จาแนกข้อเทจ็ จริงข้อคดิ เห็นจากเรอื่ งท่ีฟงั และดู 9.2 ตัง้ คาถามตอบคาถามจากเร่ืองท่ีฟงั และดู ท 3.1 ป.4/3 5 10 ฟงั ดู เล่า ขาน ท 3.1 ป.4/5 2 ท 3.1 ป.4/6 2 10.1 พดู สรปุ จากการฟังและดู 8 -เรอ่ื งเลา่ -เพลง 10.2 พูดแสดงความคิดเหน็ และความรู้สึกจากเรอื่ งท่ฟี ังที่ดี 10.3 การรายงานประเด็นทศ่ี กึ ษาค้นความจากการทีฟ่ ังและดู 10.4 มารยาทในการฟังการดู การพูด 11 ใชถ้ กู ร้หู น้าท่ี

หน่วยที่ ช่ือหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐาน 9 การเรยี นรู้/ 11.1 ชนิดและหน้าท่ีของคา ตวั ชว้ี ดั เวลา -คานาม (ชัว่ โมง) -คาสรรพนาม ท 4.1 ป.4/2 -คากรยิ า 4 11.2 การแตง่ ประโยคสามัญ ท 4.1 ป.4/4 4 15 12 ภาษาถิ่น ภาษาไทย ท 4.1 ป.4/7 3 ท 5.1 ป.4/1 5 12.1 การเปรียบเทยี บภาษาไทยมาตรฐานกับภาษาถ่นิ 12.2 วิเคราะหว์ รรณกรรมนิทานพื้นบา้ น ท 5.1 ป.4/2 4 -นิทานพ้ืนบ้านในทอ้ งถน่ิ ท 5.1 ป.4/3 3 -นทิ านคติธรรม 160 12.3 คณุ ค่าของนทิ านพน้ื บา้ น 12.4 การรอ้ งเพลงพนื้ บ้าน สอบปลายภาคภาคเรยี นท่ี2 รวม

10

11

แผนการจดั การเรียนรู้ 12 สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ภาคเรยี นท่ี 1 ชนั้ ประถมศึกษาปที ี 4 เวลา 8 ชั่วโมง หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 3 เร่อื ง เขยี นคาตามคดิ 1.มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชวี้ ัด มาตรฐาน ท 1.1 ใช้กระบวนการอา่ นสร้างความรู้และความคดิ เพอื่ นาไปใชต้ ดั สนิ ใจ แก้ปญั หา ในการดาเนินชีวติ และมีนิสยั รักการอา่ น ตัวชว้ี ัด ท 1.1 ป.4/3อ่านเรอื่ งสั้นๆ ตามเวลาที่กาหนดและตอบคาถามจากเรอ่ื งที่อา่ น 2.จุดประสงค์การเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (K) -นกั เรียนสามารถตอบคาถามจากการอ่านเรื่องสนั้ ได้ถูกต้อง -นักเรยี นสามารถอ่านจับใจความส่ือตา่ ง ๆ ไดถ้ ูกตอ้ งตามเวลาท่กี าหนดได้ ดา้ นทักษะ (P) -นกั เรียนสามารถนาเสนอการอา่ นเร่อื งส้นั -นกั เรียนสามารถอ่านออกเสยี งคาในเรอ่ื งส้ันได้ถูกต้อง ดา้ นจติ พสิ ยั (A) -นักเรียนเหน็ ความสาคัญของการอ่านเรอื่ งสน้ั ๆ 3.สาระสาคญั การอ่านในใจเปน็ การฝึกอตั ราเรว็ ในการอ่าน ผอู้ ่านต้องใชส้ มาธิ สติ ในการอ่านตั้งจุดมงุ่ หมาย ในการอา่ น หาความรู้ และทาความเข้าใจในเรือ่ งทอ่ี ่าน จะทาให้จับใจความสาคญั ของเร่อื งทอ่ี ่าน ผูอ้ ่านที่มคี วามสามารถอ่านในใจจะเขา้ ใจละเรียนรใู้ นเร่ืองท่ีอา่ นไดอ้ ย่างรวดเรว็

13 4.สาระการเรยี นรู้ ๑.การอา่ นสะกดคาและแจกลูก ๒.การอา่ นออกเสียง 3.การอา่ นจบั ใจความ 5.สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น (เฉพาะท่เี กิดในหนว่ ยการเรียนรนู้ )ี้  ความสามารถในการส่อื สาร  ความสามารถในการคิด  ความสามารถในการแกป้ ัญหา  ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ  ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6.ทกั ษะของผ้เู รยี นในศตวรรษที่ 21 (3R 8C + 2L) (จดุ เน้นสู่การพฒั นาคุณภาพผเู้ รยี น)  ทกั ษะการอ่าน (Reading)  ทกั ษะการ เขยี น (Writing)  ทักษะการ คดิ คานวณ (Arithmetic)  ทักษะดา้ นการคิดอย่างมวี ิจารณญาณและทกั ษะในการแก้ปญั หา (Critical thinking and problem solving)  ทักษะดา้ นการสรา้ งสรรค์และนวตั กรรม (Creativity and innovation)  ทกั ษะด้านความร่วมมือ การทางานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ า (Collaboration , teamwork and leadership)  ทักษะดา้ นความเขา้ ใจต่างวฒั นธรรม ตา่ งกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding)  ทักษะดา้ น การส่อื สาร สารสนเทศ และรเู้ ทา่ ทนั สื่อ (Communication information and media literacy)  ทกั ษะด้านคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร (Computing)  ทกั ษะอาชพี และทกั ษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change)  ทกั ษะการเปล่ยี นแปลง (Change)  ทักษะการเรียนรู้ (Learning Skills)  ภาวะผนู้ า (Leadership)

14 7. ช้ินงานหรอื ภาระงาน ( หลักฐาน / รอ่ งรอยแสดงความรู้ ) 1.ใบงานท่ี 1 เรอื่ ง ฉันรกั การอ่าน 2.ใบงานที่ 2 เรื่อง ใจความสาคัญ 8. การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ หนว่ ยย่อยที่ ๑ เรอื่ ง การอ่านเร่ืองสน้ั ช่ัวโมงท่ี 1-4 (ใช้รปู แบบการเรียนรู้แบบแฮร์บาร์ต : Herbart Method) 1. ขัน้ เตรียม 1.ครกู ล่าวทกั ทายนกั เรยี น พรอ้ มบอกจดุ ประสงคเ์ กย่ี วกบั เรอื่ งทเี่ รยี น 2.พร้อมตง้ั คาถามเลก็ นอ้ ย เพื่อใหผ้ ู้เรยี นเกดิ ความกระตือรือรน้ 3.ครูทบทวนความร้เู ดมิ ของนักเรยี นเรอื่ งการอา่ นออกเสยี งร้อยแกว้ 2. ขน้ั สอน 4.ครูนาใบงานบทความเรอื่ งสั้น เรื่อง ฉนั รักการอ่าน มาให้นกั เรียนอา่ น 5.ครูอธิบายความหมาย ลกั ษณะ และองคป์ ระกอบของของเรอ่ื งสนั้ 6.ครูอธบิ ายการอ่านเพื่อพจิ ารณาเรื่องสน้ั พรอ้ มยกตัวอยา่ ง 3. ขัน้ สัมพันธ์หรือทนทวนเปรียบเทยี บ 7.ครเู ตรยี มกิจกรรมทบทวนความรู้ หลกั ของการพจิ ารณาในการอา่ นเร่อื งส้ัน 8.ครยู กเรื่องสัน้ มาให้นกั เรยี นลองพิจารณา 4. ขัน้ ตั้งกฎหรอื ข้อสรปุ 9.ครตู ้งั คาถามเร่ืองทเี่ รยี นมาขา้ งตน้ วา่ การอา่ นเพอื่ นพจิ ารณาเรื่องส้นั มีขัน้ ตอนอย่างไรบา้ ง 10.ครูบอกประโยชนข์ องการอ่านเร่ืองสัน้ 11.ครูและนกั เรยี นสรุปความร้รู ่วมกัน 5.ขน้ั นาไปใช้ 12.ครใู หน้ กั เรียนทาใบงานที่ 1 เร่ือง ฉันรกั การอ่าน 13.ครใู ห้นักเรยี นออกมานาเสนอจากใบงานทที่ า

15 หน่วยย่อยท่ี 2 เรอื่ ง อา่ นจบั ใจความ ชวั่ โมงที่ 1-4 (ใช้รูปแบบการเรียนร้แู บบแฮร์บารต์ : Herbart Method) 1. ข้ันเตรียม 1.ครูทบทวนความรู้เรอื่ งการอ่านเร่ืองสัน้ เพือ่ เชื่อมโยงความรใู้ หม่ 2.พร้อมต้ังคาถามเล็กน้อย เกี่ยวกับหลักการอ่านพิจารณาเรื่องสั้น และถามความรู้ภูมิหลังของ นกั เรยี นเรื่องความหมายของการอา่ นจับใจความ เพอ่ื ให้นกั เรียนเกิดความกระตือรือรน้ 3.ครูบอกถึงความสาคญั ของการอา่ นจบั ใจความ 2. ขนั้ สอน 4.ครอู ธิบายความหมายของการอา่ นจบั ใจความสาคญั 5.ครอู ธบิ ายหลกั และวิธีการอ่านใจความสาคัญ 6.ครเู ตรียมเร่อื งสน้ั มาใหน้ กั เรยี นอ่าน พร้อมใหน้ กั เรยี นฝึกต้งั คาถามในใจเก่ียวกับเร่อื งทีอ่ ่าน 3. ขน้ั สัมพันธห์ รือทนทวนเปรยี บเทยี บ 7.ครแู ละนกั เรียนทบทวนความรู้ร่วมกัน พร้อมสนทนาเกีย่ วกับเร่อื งสั้นท่ีให้นักเรยี นจับใจความ 8.ครแู ละนกั เรียนร่วมกันวิเคราะหข์ อ้ ความจากสอ่ื ต่าง ๆ วา่ สอ่ื น้นั มใี จความสาคัญอยา่ งไร 4. ขัน้ ตงั้ กฎหรอื ข้อสรุป 9.ครูแจกบทความโอวาท ให้นกั เรียนจับใจความสาคญั จากส่ือ 10.ครใู ห้นกั เรียนตอบคาถามจากการอา่ นบทความ ว่ามีใจความสาคญั อยา่ งไร 11.ครแู ละนกั เรียนสรปุ ความรรู้ ว่ มกัน 5.ขนั้ นาไปใช้ 12.ครใู หน้ กั เรยี นทาใบงานท่ี 2 เรอื่ ง.... 9. สื่อการสอน 1 ใบงาน 2.สื่อการเรยี นการสอนประกอบการนาเสนอ Power point 10. แหล่งเรียนร้ใู นหรอื นอกสถานที่ -

16

17

18 11. การวดั และประเมินผล จุดประสงค์การเรยี นรู้ วิธีวดั เคร่อื งมอื วัด เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑ์การประเมนิ หรือ สง่ิ ท่ตี อ้ งการจะวดั และ ใบงานท่1ี ๙-๑๐คะแนน=ดมี าก ระดบั พอใชข้ นึ้ ไป เรอื่ งฉันรกั การ ๖-๘ คะแนน=ดี ถือวา่ ผ่าน ประเมนิ ผล อา่ น ๕-๖ คะแนน = พอใช้ ๐-๔คะแนน=ปรบั ปรงุ ระดบั พอใช้ขน้ึ ไป 1.นักเรยี นสามารถตอบคาถามจาก ตรวจใบงานที1่ ๙-๑๐ คะแนน=ดีมาก ถอื วา่ ผ่าน ๖-๘ คะแนน=ดี การอา่ นเรอื่ งสนั้ ได้ถูกตอ้ ง เร่อื งฉนั รักการ ๕-๖ คะแนน = พอใช้ ระดบั พอใชข้ ึ้นไป ๐-๔คะแนน=ปรบั ปรุง ถือว่าผา่ น อ่าน ๔-๕ คะแนน =ดี ๒-๓ คะแนน=พอใช้ ระดบั พอใชข้ ึ้นไป 2.นักเรยี นสามารถอา่ นจบั ใจความ ตรวจใบงานท่ี2 ใบงานท2่ี ๐-๑คะแนน=ปรบั ปรุง ถอื วา่ ผ่าน เรอ่ื งใจความ ส่ือต่างๆไดถ้ ูกตอ้ งตามเวลาท่ี เร่อื งใจความ สาคัญ ๒-๓คะแนน=ดี ระดบั พอใช้ขึ้นไป ๑คะแนน=พอใช้ ถอื วา่ ผ่าน กาหนดได้ สาคญั ๐คะแนน=ปรับปรุง 3.นกั เรียนสามารถนาเสนอการ ประเมินการ แบบประเมินผล ๒-๓คะแนน=ดี ๑คะแนน=พอใช้ อา่ นเรื่องส้นั ได้ นาเสนอการใชว้ ธิ ี การนาเสนอการใช้ ๐คะแนน=ปรบั ปรุง แต่งประโยคให้ วธิ แี ตง่ ประโยคให้ ถกู ต้องตามหลัก ถกู ตอ้ งตามหลัก ภาษา ภาษา 4.นักเรยี นสามารถอา่ นออกเสียง ประเมนิ การ แบบประเมินผล คาในเรอ่ื งสั้นได้ถกู ต้อง นาเสนอการใช้วธิ ี การนาเสนอการใช้ แตง่ ประโยคให้ วิธีแต่งประโยคให้ ถกู ต้องตามหลกั ถูกตอ้ งตามหลกั ภาษา ภาษา 5.นักเรียนเหน็ ความสาคญั ของการ สังเกตพฤติกรรม แบบสงั เกต อ่านเรอ่ื งสนั้ ๆ ของนกั เรยี นในการ พฤตกิ รรมของ ทากิจกรรม นกั เรียนในการทา กิจกรรม

19 แบบประเมินผล การนาเสนอการใช้วิธแี ตง่ ประโยคใหถ้ กู ต้องตามหลักภาษา ตวั ชีว้ ัด รายการประเมิน เกณฑก์ ารให้คะแนน การนาเสนอการอา่ นเร่ืองสัน้ ๑.มีความพร้อมในการนาเสนอ ๕คะแนน=มคี รบทกุ ข้อ ๒.รักษาเวลาตามทก่ี าหนด ๔คะแนน=มี ๔ขอ้ ขาด๑ขอ้ ๓.การใช้ภาษาในการนาเสนอถูกตอ้ ง ๓คะแนน=มี ๓ข้อขาด๒ขอ้ เหมาะสม ๒คะแนน=มี ๒ขอ้ ขาด๓ข้อ ๔.พูดนาเสนอขอ้ มูลไดถ้ ูกตอ้ งสมบรู ณ์ ๑คะแนน=มี ๑ขอ้ ขาด๔ขอ้ ๕.พูดนาเสนอไดค้ รบถ้วนตรงประเดน็ ชือ่ ...............................................................................................ชน้ั .............................เลขท.่ี .......................... คะแนนทไี่ ด.้ ..................................คะแนน

20 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล คาช้ีแจง : ให้ทาเครอ่ื งหมาย  ลงในช่องรายการสังเกตพฤตกิ รรมทน่ี ักเรียนปฏบิ ตั ิ รายการ ใหค้ วามรว่ มมอื ใน มีความ ตรงต่อ สรุปผลการ ประเมนิ ท่ี ชื่อ-สกลุ การทา กล้า เวลา ผ่าน ไมผ่ ่าน กิจกรรม แสดงออก 0 10 1 0 1 ลงชอ่ื …………………………………………ผู้ประเมิน (………………………………………….) ……../………./……..

21 12. กจิ กรรมเสนอแนะ ............................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... 13. บนั ทึกผลหลงั การสอน สรปุ ผลการเรียนการสอน นักเรยี นทงั้ หมดจานวน.....................คน จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ข้อที่ จานวนนกั เรยี นทผี่ า่ น จานวนนักเรยี นที่ไม่ผ่าน 1 จานวนคน รอ้ ยละ จานวนคน รอ้ ยละ 2 3 4 5 6 15. ปัญหา/อุปสรรค/แนวทางแกไ้ ข ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................ 16. ข้อเสนอแนะ ............................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................

22 ลงชือ่ ........................................................................ () ตาแหน่งครวู ิทยฐานะ........................................................ ลงชือ่ .................................................. หวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ () ลงช่อื ............................................รองผอู้ านวยการกลุ่มบริหารวิชาการ () ความเห็นของหวั หน้าสถานศกึ ษา ไดท้ าการตรวจแผนการเรยี นรขู้ อง....................................................แล้วมีความคิดเห็นดงั นี้ 1. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ท่ี  ดีมาก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรุง 2. การจัดกิจกรรมไดน้ าเอากระบวนการเรยี นรู้  เน้นผเู้ รียนเป็นสาคัญมาใชใ้ นการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม  ยังไมเ่ นน้ ผเู้ รยี นเป็นสาคัญ ควรปรับปรุงพฒั นาต่อไป 3. ขอ้ เสนอแนะอื่นๆ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ลงช่อื ............................................................................................... ( ………………………………………………… ) ผู้อานวยการโรงเรียน…………………………………………………………..

23

แผนการจดั การเรยี นรู้ 24 สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ภาคเรียนที่ 2 ชั้น ประถมศกึ ษาปที ี 4 เวลา 8 ชวั่ โมง หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 5 เรอื่ ง อา่ นดี มมี ารยาท 1.มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้วี ดั มาตรฐาน ท 1.1 ใช้กระบวนการอ่านสรา้ งความรูแ้ ละความคดิ เพอื่ นาไปใช้ตดั สินใจ แกป้ ญั หา ในการดาเนินชวี ติ และมนี ิสยั รักการอ่าน ตวั ช้วี ัด ท 1.1 ป.4/7 อา่ นหนงั สือท่ีมีคณุ คา่ ตามความสนใจอยา่ งสมา่ เสมอและแสดงความคดิ เห็น เก่ยี วกบั เรอ่ื งทอี่ ่าน ท 1.1 ป.4/8 มีมารยาทในการอ่าน 2.จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (K) -นกั เรยี นสามารถบอกความร้ทู ่ีไดร้ บั จากการอา่ นหนังสอื ทีม่ คี ุณค่าตามความสนใจได้ -นกั เรียนสามารถบอกวธิ ีการมมี ารยาทในการอ่านได้ ด้านทกั ษะ (P) -นักเรยี นสามารถนาเสนอหนงั สือที่มคี ุณคา่ ตามความสนใจและแสดงความคิดเห็นเก่ยี วกบั เร่ืองท่ี อ่านได้ และสามารถแสดงความคดิ เหน็ เก่ยี วกับเรื่องทีอ่ ่านได้ -นกั เรียนนาความรเู้ ร่ืองมารยาทในการอา่ นไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ดา้ นจติ พสิ ยั (A) -นักเรียนเหน็ คุณคา่ ของการอ่านหนงั สือทมี่ คี ณุ คา่ ตามความสนใจ -นกั เรียนเหน็ คณุ คา่ ของการมีมารยาทในการอ่าน

25 3.สาระสาคญั การอ่านเปน็ ทกั ษะท่ีจาเปน็ อยา่ งย่ิงตอ่ การศกึ ษาหาความรู้ และพัฒนาชวี ิต ซงึ่ นอกจากจะทาให้ เกิดความร้แู ลว้ ยงั กอ่ ให้เกิดความสนกุ สนานเพลิดเพลินและส่งเสริมใหม้ ีความคิดรเิ ริม่ สรา้ งสรรค์ได้แนวคดิ ในการดาเนินชีวติ การอา่ นหนงั สอื จึงควรเลือกอา่ นหนังสอื ท่ไี ดค้ วามรู้ สง่ เสรมิ ปญั ญา และใช้ภาษา ถูกตอ้ ง โดยควรอ่านอย่างมีมารยาท และการอา่ น ฟงั หรอื ดู เรอ่ื งราวตา่ งๆ เราควรตั้งคาถามเพ่ือเป็นการ ทบทวนความรูแ้ ละเขียนสรปุ ความรู้ได้ 4.สาระการเรยี นรู้ 1.การอ่านวรรณกรรม 2.การเขียนบรรยาย 5.สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น (เฉพาะท่เี กิดในหน่วยการเรยี นรู้น)้ี  ความสามารถในการสื่อสาร  ความสามารถในการคดิ  ความสามารถในการแกป้ ญั หา  ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ  ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6.ทกั ษะของผูเ้ รยี นในศตวรรษที่ 21 (3R 8C + 2L) (จดุ เน้นสกู่ ารพฒั นาคณุ ภาพผู้เรียน)  ทกั ษะการอา่ น (Reading)  ทักษะการ เขียน (Writing)  ทักษะการ คิดคานวณ (Arithmetic)  ทกั ษะดา้ นการคดิ อย่างมวี จิ ารณญาณและทักษะในการแก้ปญั หา (Critical thinking and problem solving)  ทักษะด้านการสร้างสรรคแ์ ละนวัตกรรม (Creativity and innovation) ทกั ษะด้านความรว่ มมอื การทางานเป็นทีม และภาวะผู้นา  ทักษะดา้ นความเข้าใจต่างวฒั นธรรม ต่างกระบวนทศั น์ (Cross-cultural understanding)  ทกั ษะดา้ น การสื่อสาร สารสนเทศ และรูเ้ ทา่ ทนั สื่อ (Communication information and media literacy)  ทกั ษะด้านคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สาร (Computing)  ทกั ษะอาชพี และทกั ษะการเรยี นรู้ (Career and learning self-reliance, change)  ทักษะการเปล่ยี นแปลง (Change)  ทกั ษะการเรยี นรู้ (Learning Skills)  ภาวะผูน้ า (Leadership)

26 7. ชิ้นงานหรอื ภาระงาน ( หลกั ฐาน / ร่องรอยแสดงความรู้ ) 1.ใบงานท่ี 1 เรอื่ ง อา่ นดมี ีความรู้ 2.ใบงานที่ 2 เรอ่ื ง ทาตาม มารยาทงาม 8. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ หนว่ ยย่อยที่ ๑ เร่อื ง อา่ นหนงั สอื ตามความสนใจ ชว่ั โมงที่ 1-4 (ใชร้ ูปแบบการเรยี นรู้แบบสบื เสาะหาความรู้ Inquiry Method) 1. ข้ันสรา้ งความสนใจ 1.ครูยกตัวอยา่ งหนังสือที่น่าสนใจ พร้อมต้งั คาถามว่าหนังสือนีน้ า่ สนใจอยา่ งไร 2.ใหน้ ักเรยี นตอบคาถาม กระตุน้ ความสนใจ 3.ครูอธิบายความสาคัญของการอ่านหนังสือ และยกตัวอย่างนักอ่านที่ประสบความสาเร็จจาก การอา่ นหนงั สอื 2. ขั้นสารวจค้นหา 4.ครูอธบิ ายประเภท และบอกประโยชน์ของหนงั สอื 5.ครูอธิบายคุณค่า และประโยชนข์ องการอา่ นหนงั สือ 6.ครูอธิบายหลักการเลอื กอา่ นหนงั สือตามความสนใจ 7.ครใู หน้ กั เรยี นเลอื กหนงั สอื ทีส่ นใจตาม แจกใบงานที่ 1 เร่ือง อา่ นดี มคี วามรู้ 3. ขน้ั อธิบายความรู้ 8.ครูให้นกั เรียนออกมานาเสนอความรู้ทีไ่ ดจ้ ากการอา่ นหนังสอื ตามความสนใจ พร้องแสดงความ คดิ เหน็ เพ่ิมเติมตอ่ หนงั สือทีเ่ ลอื กมา 9.ครสู ังเกตวธิ กี ารเลือกหนังสอื ของนักเรียน และอธิบายหลักการเลอื กหนังสอื เพ่ิมเตมิ 4.ข้ันขยายความเขา้ ใจ 10.ครูและนกั เรยี นรว่ มกันสรุปการอ่านหนงั สอื ตามความสนใจ 5.ขน้ั ตรวจสอบผล 11.ครูตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียน โดยการตั้งคาถาม

27 หนว่ ยย่อยที่ 2 เรือ่ ง ทาตาม มารยาทงาม ชว่ั โมงท่ี 1-4 (ใช้รูปแบบการเรยี นรูแ้ บบแฮร์บารต์ : Herbart Method) 1. ข้นั สร้างความสนใจ 1.ครูทบทวนความรู้เดมิ เรื่อง การอ่านหนงั สอื ตามความสนใจ 2.ครูตั้งคาถาม เพ่ือเข้าสู่บทเรียนใหม่เร่ืองมารยาทในการอ่าน ให้นักเรียนเกิดความสนใจใน บทเรียนลัเกิดความกระตอื รือรน้ 3.ครูอธบิ ายความสาคัญของมารยาทในการอา่ น 2. ขน้ั สารวจค้นหา 4.ครูอธบิ ายความหมายของการอา่ น พรอ้ มยกตวั อย่าง 5.ครูอธบิ ายขอ้ ควรปฏบิ ตั ิในการอ่าน พร้อมยกตวั อยา่ ง 6.ครูอธบิ ายมารยาทในการอ่าน 7.ครูแจกใบงานท่ี 2 เรอ่ื งทาตาม มารยาทงาม ให้นกั เรยี นตอบคาถามเพือ่ ทดสอบความรู้ 3. ขัน้ อธบิ ายความรู้ 8.ครูนักเรยี นสง่ ตัวแทนออกมานาเสนอมารยาทในการอา่ นทไี่ มซ่ ้ากบั ทค่ี รยู กตัวอย่าง 9.ครอู ธบิ ายมารยาทในการอ่านที่นักเรยี นควรปฏบิ ตั ิอย่างเคร่งครัด 4.ขนั้ ขยายความเขา้ ใจ 10.ครูและนักเรยี นรว่ มกนั สรปุ มารยาทในการอ่าน 5.ขน้ั ตรวจสอบผล 11.ครูตรวจสอบความเข้าใจของนักเรยี น โดยการตง้ั คาถาม 9. สือ่ การสอน 1 ใบงาน 2.สือ่ การเรยี นการสอนประกอบการนาเสนอ Power point 10. แหลง่ เรียนรใู้ นหรอื นอกสถานท่ี -

28

29

30 11. การวดั และประเมินผล จุดประสงค์การเรยี นรู้ วิธวี ดั เคร่อื งมอื วัด เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารประเมนิ หรอื สง่ิ ท่ตี ้องการจะวดั และ ตรวจใบงานท1่ี ใบงานที1่ ๙-๑๐ คะแนน=ดีมาก ระดับพอใชข้ น้ึ ไป ประเมินผล เรอื่ งอา่ นดี มี เร่อื งอา่ นดี มี ๖-๘ คะแนน=ดี ถอื ว่าผ่าน 1.นักเรียนสามารถบอกความรูท้ ่ี ความรู้ ความรู้ ๕-๖ คะแนน = พอใช้ ไดร้ บั จากการอา่ นหนงั สอื ทม่ี ี ๐-๔คะแนน =ปรับปรุง ระดับพอใชข้ น้ึ ไป คณุ ค่าตามความสนใจได้ ๙-๑๐คะแนน=ดมี าก ถือว่าผา่ น ๖-๘ คะแนน=ดี 2.นกั เรียนสามารถบอกวธิ ีการมี ตรวจใบงานท่ี2 ใบงานท2่ี ๕-๖ คะแนน = พอใช้ ระดบั พอใชข้ น้ึ ไป มารยาทในการอา่ นได้ เรอ่ื งทาตาม เร่อื งทาตาม ๐-๔คะแนน =ปรับปรุง ถอื ว่าผา่ น มารยาทงาม มารยาทงาม ๔-๕ คะแนน =ดี ๒-๓ คะแนน=พอใช้ ระดับพอใชข้ ึ้นไป 3.นักเรียนสามารถนาเสนอหนงั สอื ประเมนิ การ แบบประเมนิ ผล ๐-๑คะแนน=ปรบั ปรุง ถอื วา่ ผ่าน ท่มี ีคณุ คา่ ตามความสนใจและ นาเสนอการใช้วธิ ี การนาเสนอการใช้ ๒-๓คะแนน=ดี ระดับพอใช้ขึ้นไป ๑คะแนน=พอใช้ ถือวา่ ผา่ น แสดงความคิดเหน็ เกีย่ วกบั เร่ืองที่ แต่งประโยคให้ วธิ แี ต่งประโยคให้ ๐คะแนน=ปรบั ปรงุ ระดับพอใชข้ ึน้ ไป อ่านได้ และสามารถแสดงความ ถูกต้องตามหลัก ถูกตอ้ งตามหลกั ๒-๓คะแนน=ดี ถือวา่ ผา่ น ๑คะแนน=พอใช้ คิดเหน็ เก่ยี วกบั เรื่องที่อ่านได้ ภาษา ภาษา ๐คะแนน=ปรบั ปรุง 4.นกั เรยี นนาความร้เู รอื่ งมารยาท ประเมนิ การ แบบประเมินผล ๒-๓คะแนน=ดี ๑คะแนน=พอใช้ ในการอา่ นไปใชใ้ นชีวติ ประจาวัน นาเสนอการใช้วิธี การนาเสนอการใช้ ๐คะแนน=ปรับปรุง แต่งประโยคให้ วิธีแต่งประโยคให้ ถูกตอ้ งตามหลัก ถกู ต้องตามหลกั ภาษา ภาษา 5.นกั เรยี นเหน็ คุณคา่ ของการอา่ น สังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกต หนังสอื ท่ีมคี ุณค่าตามความสนใจ ของนกั เรียนในการ พฤติกรรมของ ทากิจกรรม นกั เรยี นในการทา กิจกรรม 6.นกั เรียนเหน็ คณุ ค่าของการมี สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต มารยาทในการอา่ น ของนักเรียนในการ พฤติกรรมของ ทากิจกรรม นักเรียนในการทา กจิ กรรม

31 แบบประเมนิ ผล การนาเสนอการใชว้ ิธแี ต่งประโยคใหถ้ กู ต้องตามหลกั ภาษา ตัวชีว้ ัด รายการประเมิน เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน การนาเสนอหนังสือท่ีมีคุณค่าตามความ ๑.มคี วามพร้อมในการนาเสนอ ๕คะแนน=มีครบทกุ ขอ้ ๔คะแนน=มี ๔ขอ้ ขาด๑ขอ้ สนใจและแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับเร่ือง ๒.รกั ษาเวลาตามที่กาหนด ๓คะแนน=มี ๓ขอ้ ขาด๒ขอ้ ๓.การใช้ภาษาในการนาเสนอถูกต้อง ๒คะแนน=มี ๒ข้อขาด๓ข้อ ท่ีอ่านได้ และสามารถแสดงความคิดเห็น เหมาะสม ๑คะแนน=มี ๑ข้อขาด๔ขอ้ เกีย่ วกบั เรือ่ งท่อี า่ น ๔.พูดนาเสนอข้อมูลไดถ้ กู ต้องสมบรู ณ์ ๕.พดู นาเสนอได้ครบถว้ นตรงประเดน็ ช่อื ...............................................................................................ช้นั .............................เลขที.่ .......................... คะแนนทไี่ ด.้ ..................................คะแนน

32 แบบสงั เกตพฤติกรรมรายบคุ คล คาชี้แจง : ใหท้ าเครื่องหมาย  ลงในชอ่ งรายการสงั เกตพฤติกรรมที่นกั เรียนปฏบิ ตั ิ รายการ ให้ความ มคี วาม ตรงต่อ สรปุ ผลการ ประเมนิ เลขท่ี ชือ่ -สกลุ ร่วมมอื ใน กล้า เวลา การทา แสดงออก ผา่ น ไมผ่ ่าน กจิ กรรม 0 10 1 0 1 ลงช่อื …………………………………………ผปู้ ระเมนิ (………………………………………….) ……../………./……..

33 12. กิจกรรมเสนอแนะ ............................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... 13. บันทึกผลหลังการสอน สรุปผลการเรยี นการสอน นกั เรียนท้งั หมดจานวน.....................คน จดุ ประสงค์การเรียนรู้ข้อที่ จานวนนกั เรียนที่ผา่ น จานวนนักเรยี นทไี่ ม่ผ่าน 1 จานวนคน ร้อยละ จานวนคน รอ้ ยละ 2 3 4 5 6 15. ปญั หา/อปุ สรรค/แนวทางแกไ้ ข ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................ 16. ขอ้ เสนอแนะ ............................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................

34 ลงชือ่ ........................................................................ () ตาแหน่ง ครู วิทยฐานะ ....................................... ลงชอื่ ....................................................... หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ () ลงชื่อ..................................................... รองผ้อู านวยการกลมุ่ บริหารวิชาการ () ความเห็นของหัวหน้าสถานศกึ ษา ได้ทาการตรวจแผนการเรยี นร้ขู อง....................................................แล้วมคี วามคิดเหน็ ดงั นี้ 4. เปน็ แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี  ดีมาก  ดี  พอใช้  ควรปรับปรงุ 5. การจดั กิจกรรมได้นาเอากระบวนการเรียนรู้  เนน้ ผู้เรียนเปน็ สาคัญมาใช้ในการสอนได้อยา่ งเหมาะสม  ยังไม่เนน้ ผ้เู รยี นเป็นสาคญั ควรปรบั ปรงุ พัฒนาต่อไป 6. ข้อเสนอแนะอ่ืนๆ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ลงชื่อ............................................................................................... ( ………………………………………………… ) ผู้อานวยการโรงเรียน…………………………………………………………..

35

แผนการจดั การเรยี นรู้ 36 สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ภาคเรียนท่ี 2 ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี 4 เวลา 8 ชว่ั โมง หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 9 เรือ่ ง รว่ มใจใฝร่ ู้ ฟงั ดูให้ดี 1.มาตรฐานการเรียนร้/ู ตวั ชวี้ ดั มาตรฐาน ท 3.1 สามารถเลอื กฟังและดูอยา่ งมีวิจารณญาณ และพดู แสดงความรู้ ความคิด และความรู้สกึ ในโอกาสต่างๆ อย่างมวี ิจารณญาณและสร้างสรรค์ ตวั ชวี้ ัด ท 3.1 ป.4/1 จาแนกขอ้ เทจ็ จรงิ และขอ้ คิดเห็นจากเรื่องท่ีฟังและดู ท 3.1 ป.4/4 ต้ังคาถามและตอบคาถามเชิงเหตุผลจากเรือ่ งทฟ่ี งั และดู 2.จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (K) -นักเรียนสามารถแยกขอ้ เท็จจริงและข้อคิดเห็นจากเร่อื งท่ีฟังและดูได้ -นกั เรยี นสามารถตั้งคาถาม และตอบคาถามจากเร่ืองที่ฟังและดไู ด้ ดา้ นทักษะ (P) -นกั เรยี นสามารถแสดงข้อคิดเห็นจากเรื่องท่ฟี งั และดูได้ -นกั เรยี นนาเสนอสรปุ ความรู้ ความคิดเห็นและความรู้สึกเก่ียวกับเร่อื งทีฟ่ ังและดไู ด้ ด้านจิตพสิ ัย(A) -นกั เรยี นเหน็ คุณค่าของการจาแนกขอ้ เทจ็ จริงและข้อคดิ เห็นจากเร่อื งที่ฟังและดู -นักเรยี นได้รว่ มกจิ กรรมตอบคาถาม

37 3.สาระสาคญั การรับรขู้ ่าวสารจากสื่อต่าง ๆ เป็นสง่ิ ท่ตี ้องให้ความสาคัญเพราะในโลกยุคขอ้ มูลขา่ วสารเช่นนีต้ อ้ งรู้จกั วิเคราะห์ขอ้ เทจ็ จริงและข้อคดิ เหน็ และสามารถเชอ่ื มโยงความสมั พนั ธโ์ ดยใชพ้ ้นื ฐานของความคิดอยา่ งมเี หตุผล สามารถประเมินค่าและปฏบิ ตั กิ ารข่าวสารเหลา่ น้ันไดอ้ ยา่ งเหมาะสม อันจะกอ่ ให้เกิดประโยชน์ท้งั ตอ่ ตนเองและ ผู้อ่นื การพูดวเิ คราะหข์ ้อเท็จจริงข้อคดิ เหน็ จากเร่อื งทีฟ่ งั และดมู ีสาระสาคญั ครบถว้ นตรงตามขอ้ เท็จจริงของเรอ่ื ง และอา้ งอิงแหล่งทม่ี าให้ชัดเจน 4.สาระการเรยี นรู้ 1. การพดู สรปุ ใจความสาคัญจากเรอื่ งทไี่ ดฟ้ ังและไดด้ ู 5.สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น (เฉพาะทเ่ี กดิ ในหนว่ ยการเรียนรู้น)ี้  ความสามารถในการสอ่ื สาร  ความสามารถในการคิด  ความสามารถในการแก้ปญั หา  ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต  ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6.ทักษะของผูเ้ รยี นในศตวรรษท่ี 21 (3R 8C + 2L) (จดุ เนน้ ส่กู ารพัฒนาคณุ ภาพผู้เรียน)  ทักษะการอ่าน (Reading)  ทกั ษะการ เขียน (Writing)  ทกั ษะการ คดิ คานวณ (Arithmetic)  ทักษะดา้ นการคดิ อย่างมวี ิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving)  ทกั ษะดา้ นการสร้างสรรคแ์ ละนวตั กรรม (Creativity and innovation) ทักษะด้านความร่วมมอื การทางานเป็นทีม และภาวะผ้นู า (Collaboration , teamwork and leadership)  ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรม ตา่ งกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding)  ทกั ษะด้าน การสอ่ื สาร สารสนเทศ และรู้เทา่ ทันสอ่ื (Communication information and media literacy)  ทักษะดา้ นคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สาร (Computing)  ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change)  ทกั ษะการเปลยี่ นแปลง (Change)  ทักษะการเรยี นรู้ (Learning Skills)  ภาวะผนู้ า (Leadership)

38 7. ชิน้ งานหรอื ภาระงาน ( หลกั ฐาน / รอ่ งรอยแสดงความรู้ ) 1.ใบงานที่ 1 เร่ือง อา่ นคิด พนิ ิจความ 2.ใบงานท่ี 2 เรอ่ื ง ถามมา ตอบไป 8. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ หน่วยย่อยท่ี ๑ เรอ่ื ง จาแนกขอ้ เทจ็ จรงิ ขอ้ คิดเห็น จากเร่อื งท่ีฟงั และดู ช่ัวโมงท่ี 1-4 (ใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบแฮร์บาร์ต : Herbart Method) 1. ข้นั เตรยี ม 1.ครกู ลา่ วทักทายนกั เรยี น พรอ้ มบอกจุดประสงค์เกย่ี วกับเรื่องทีเ่ รยี น 2.ครูทบทวนความรู้เดิมของนักเรียนเรื่องการเขียนย่อความเพ่ือโยงเข้าความรู้ใหม่ และตรวจ การบา้ นเดมิ 3.ครูตั้งคาถามเลก็ นอ้ ยเกย่ี วกบั ข้อเทจ็ จริง ข้อคดิ เหน็ เพื่อให้ผู้เรยี นเกดิ ความกระตอื รือร้น 2. ขนั้ สอน 4.ครอู ธิบายความหมายของข้อเทจ็ จรงิ และขอ้ คดิ เหน็ พรอ้ มยกตัวอยา่ ง 5.ครอู ธบิ ายลกั ษณะของข้อเทจ็ จรงิ และข้อคดิ เหน็ พร้อมยกตัวอย่าง 6.ครูให้นักเรยี นสรุปข้อเทจ็ จริง และข้อคดิ เห็นตามความเข้าใจของนักเรียน 3. ขนั้ สมั พนั ธห์ รือทนทวนเปรยี บเทียบ 7.ครูเตรียมกิจกรรมทบทวนความรู้ โดยให้นักเรียนดูวิดีโอเพลงคาแก้ตัวของคนแพ้ และให้ นักเรียนแยกข้อคิดเห็น และข้อเท็จจริงจากวดิ ีโอที่ฟังและดู 8.ครูและนักเรยี นรว่ มกนั จาแนกข้อเท็จจรงิ และข้อคิดเหน็ จากเร่ืองที่ฟงั และดู 4. ข้ันต้งั กฎหรือขอ้ สรปุ 9.ครูตัง้ คาถามเร่ืองทเ่ี รียนมาข้างตน้ วา่ การแยกขอ้ เทจ็ จริง และข้อคดิ เหน็ ทาอยา่ งไรบา้ ง 10.ครูบอกประโยชน์ของการแยกข้อเทจ็ จรงิ และข้อคดิ เห็นจากเรอื่ งท่ีฟังและดู 11.ครูและนกั เรยี นสรปุ ความร้รู ่วมกัน 5.ข้นั นาไปใช้ 12.ครใู หน้ กั เรียนออกมานาเสนอขอ้ คิดเห็น และข้อเทจ็ จรงิ จากวิดโี อท่ฟี ังและดู 13.ครูให้นักเรยี นทาใบงานที่ 1 เรอ่ื ง อา่ นคดิ พนิ จิ ความ

39 หนว่ ยย่อยที่ 2 เร่ือง ตง้ั คาถามและตอบคาถามเชิงเหตุผลจากเรอ่ื งทฟ่ี งั และดู ชัว่ โมงท่ี 1-4 (ใช้รปู แบบการเรียนรูแ้ บบแฮรบ์ ารต์ : Herbart Method) 1. ข้นั เตรยี ม 1.ครกู ล่าวทักทายนักเรยี น พร้อมบอกจดุ ประสงค์เกี่ยวกบั เร่อื งท่เี รียน 2.ครูทบทวนความรเู้ ดมิ ของนกั เรียนเรอ่ื งจาแนกขอ้ เทจ็ จรงิ ข้อคิดเห็น จากเรื่องที่ฟังและดู และ ตรวจการบา้ นเดมิ 3.ครูต้ังคาถามเล็กน้อยว่าเพราะเหตุใดถึงต้องต้ังคาถามจากเรื่องท่ีฟังและดู เพื่อให้ผู้เรียนเกิด ความกระตือรอื รน้ 2. ข้นั สอน 4.ครอู ธิบายความสาคญั ของการตง้ั คาถามจากเร่อื งท่ฟี ัง และดู 5.ครูอธิบายแนวทางการตั้งคาถามและตอบคาถามเชิงเหตุผลจากเรื่องที่ฟังและดู พร้อม ยกตัวอย่างบทความ 6.ครูและนักเรียนร่วมกันตั้งคาถามและตอบคาถามเกี่ยวกับบทความที่ครูยกตวั อย่าง 3. ข้นั สัมพนั ธ์หรือทนทวนเปรยี บเทยี บ 7.ครเู ตรียมใบงานที่ 2เรื่อง ถามมา ตอบไป เพ่ือทบทวนความร้นู ักเรียน 4. ขัน้ ต้งั กฎหรือขอ้ สรปุ 8.ครูต้ังคาถามเรื่องที่เรียนมาข้างต้น ว่าการต้ังคาถามและตอบคาถามเชิงเหตุผลจากเรื่องท่ีฟัง และดูทาอยา่ งไรบ้าง 9.ครบู อกประโยชน์ของการตง้ั คาถามและตอบคาถามเชงิ เหตุผลจากเรื่องทฟ่ี ังและดู 10.ครแู ละนักเรียนสรุปความรรู้ ่วมกนั 5.ขั้นนาไปใช้ 11.ครใู หน้ ักเรยี นออกมานาเสนอจากใบงานท่ีทา 9. สอ่ื การสอน 1 ใบงาน 2.สอ่ื การเรยี นการสอนประกอบการนาเสนอ Power point 3.วดิ โี อเพลงคาแกต้ ัวของคนแพ้

40

41

42 10. แหลง่ เรยี นรใู้ นหรอื นอกสถานที่ - 11. การวัดและประเมนิ ผล จุดประสงค์การเรยี นรู้ วิธวี ัด เครื่องมอื วัด เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑก์ ารประเมนิ หรือ ส่ิงท่ตี ้องการจะวดั และ ระดบั พอใชข้ น้ึ ไป ถอื ว่าผา่ น ประเมนิ ผล ระดับพอใชข้ น้ึ ไป 1.นกั เรียนสามารถแยกข้อเท็จจริง ตรวจใบงานท่ี1 ใบงานท1่ี ๙-๑๐คะแนน=ดมี าก ถือวา่ ผ่าน และข้อคิดเห็นจากเรอื่ งทฟ่ี งั และดู เร่อื งอา่ นคดิ พนิ ิจ เรื่องอา่ นคดิ พนิ จิ ๖-๘คะแนน=ดี ระดบั พอใชข้ น้ึ ไป ถอื วา่ ผา่ น ได้ ความ ความ ๕-๖คะแนน=พอใช้ ระดับพอใชข้ ึ้นไป ๐-๔คะแนน =ปรับปรุง ถอื วา่ ผ่าน 2.นกั เรียนสามารถตงั้ คาถามและ ตรวจใบงานท่ี2 ใบงานท2่ี ๙-๑๐คะแนน=ดมี าก ระดับพอใช้ขึ้นไป ถือว่าผ่าน ตอบคาถามจากเรือ่ งท่ีฟงั และดูได้ เรื่องถามมาตอบ เร่ืองถามมาตอบ ๖-๘คะแนน=ดี ระดับพอใชข้ ึน้ ไป ไป ไป ๕-๖คะแนน=พอใช้ ถอื วา่ ผา่ น ๐-๔คะแนน=ปรบั ปรงุ 3.นักเรยี นนาเสนอสรุปความรู้ ประเมนิ การ แบบประเมินผล ๔-๕คะแนน=ดี ความคิดเหน็ และความรูส้ กึ นาเสนอการใชว้ ิธี การนาเสนอการใช้ ๒-๓คะแนน=พอใช้ เกย่ี วกบั เรอื่ งทฟ่ี ังและดไู ด้ แตง่ ประโยคให้ วิธแี ตง่ ประโยคให้ ๐-๑คะแนน=ปรับปรงุ ถูกตอ้ งตามหลกั ถูกตอ้ งตามหลัก ภาษา ภาษา 4..นกั เรยี นสามารถแสดงขอ้ คดิ เหน็ ประเมนิ การ แบบประเมนิ ผล ๒-๓คะแนน=ดี จากเรื่องทฟ่ี ังและดไู ด้ นาเสนอการใช้วธิ ี การนาเสนอการใช้ ๑คะแนน=พอใช้ แตง่ ประโยคให้ วิธีแตง่ ประโยคให้ ๐คะแนน=ปรบั ปรุง ถูกตอ้ งตามหลัก ถูกตอ้ งตามหลกั ภาษา ภาษา 5.นกั เรียนเห็นคุณค่าของการ สังเกตพฤติกรรม แบบสงั เกต ๒-๓คะแนน=ดี จาแนกข้อเทจ็ จริงและข้อคดิ เหน็ ของนกั เรียนในการ พฤติกรรมของ ๑คะแนน=พอใช้ จากเร่อื งท่ฟี งั และดู ทากจิ กรรม นักเรยี นในการทา ๐คะแนน=ปรับปรงุ กจิ กรรม 6.นกั เรียนไดร้ ว่ มกจิ กรรมตอบ สงั เกตพฤติกรรม แบบสังเกต ๒-๓คะแนน=ดี คาถาม ของนักเรียนในการ พฤตกิ รรมของ ๑คะแนน=พอใช้ ทากจิ กรรม นักเรยี นในการทา ๐คะแนน=ปรับปรุง กิจกรรม

43 แบบประเมนิ ผล การนาเสนอการใช้วธิ แี ต่งประโยคให้ถกู ตอ้ งตามหลกั ภาษา ตัวชวี้ ัด รายการประเมนิ เกณฑก์ ารให้คะแนน การนาเสนอสรปุ ความรู้ ความคิดเห็นและ ๑.มีความพรอ้ มในการนาเสนอ ๕คะแนน=มคี รบทกุ ขอ้ ๔คะแนน=มี ๔ข้อขาด๑ขอ้ ความรสู้ กึ เกี่ยวกับเร่ืองทีฟ่ งั และดู ๒.รกั ษาเวลาตามที่กาหนด ๓คะแนน=มี ๓ขอ้ ขาด๒ข้อ ๓.การใช้ภาษาในการนาเสนอถูกต้อง ๒คะแนน=มี ๒ข้อขาด๓ข้อ เหมาะสม ๑คะแนน=มี ๑ขอ้ ขาด๔ข้อ ๔.พูดนาเสนอขอ้ มลู ไดถ้ กู ตอ้ งสมบรู ณ์ ๕.พูดนาเสนอไดค้ รบถ้วนตรงประเด็น ชอ่ื ...............................................................................................ชนั้ .............................เลขที่........................... คะแนนท่ีได.้ ..................................คะแนน

44 แบบสงั เกตพฤติกรรมรายบคุ คล คาชี้แจง : ใหท้ าเครื่องหมาย  ลงในชอ่ งรายการสงั เกตพฤติกรรมที่นกั เรียนปฏบิ ตั ิ รายการ ให้ความ มคี วาม ตรงต่อ สรปุ ผลการ ประเมนิ เลขท่ี ชือ่ -สกลุ ร่วมมอื ใน กล้า เวลา การทา แสดงออก ผา่ น ไมผ่ ่าน กจิ กรรม 0 10 1 0 1 ลงช่อื …………………………………………ผปู้ ระเมนิ (………………………………………….) ……../………./……..

45 12. กจิ กรรมเสนอแนะ ............................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... 13. บนั ทกึ ผลหลงั การสอน สรปุ ผลการเรยี นการสอน นักเรียนทง้ั หมดจานวน.....................คน จดุ ประสงค์การเรียนรขู้ ้อท่ี จานวนนักเรยี นทผ่ี า่ น จานวนนกั เรยี นทไ่ี มผ่ ่าน 1 จานวนคน รอ้ ยละ จานวนคน รอ้ ยละ 2 3 4 5 6 15. ปัญหา/อุปสรรค/แนวทางแก้ไข ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................ 16. ขอ้ เสนอแนะ ............................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................

46 ลงชอื่ ........................................................................ () ตาแหน่ง ครู วิทยฐานะ ....................................... ลงชอ่ื ....................................................... หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ () ลงชื่อ..................................................... รองผูอ้ านวยการกล่มุ บรหิ ารวชิ าการ () ความเหน็ ของหัวหน้าสถานศกึ ษา ได้ทาการตรวจแผนการเรยี นร้ขู อง....................................................แล้วมีความคดิ เหน็ ดงั น้ี 7. เปน็ แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี  ดีมาก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรงุ 8. การจดั กิจกรรมไดน้ าเอากระบวนการเรยี นรู้  เนน้ ผ้เู รยี นเปน็ สาคญั มาใช้ในการสอนไดอ้ ย่างเหมาะสม  ยังไม่เนน้ ผูเ้ รยี นเป็นสาคญั ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป 9. ขอ้ เสนอแนะอ่ืนๆ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ลงชื่อ............................................................................................... ( ………………………………………………… ) ผู้อานวยการโรงเรยี น…………………………………………………………..