Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โครงงานการทำเทียนหอม รายวิชา IS

โครงงานการทำเทียนหอม รายวิชา IS

Published by film kook, 2021-09-30 07:39:54

Description: โครงงานการทำเทียนหอม รายวิชา IS

Search

Read the Text Version

โครงงานการทาเทียนหอม รายวิชา IS-130201 โดย นายจิรโชติ ปทมุ ไพโรจน์ เลขท3ี่ นางสาวปรชิ ญา วีระวงศ์ เลขท2่ี 4 นางสาวแพรพลอย อินดาฤทธ์ิ เลขท3่ี 1 นางสาวอัญธฌิ า เตชะเสนา เลขท3่ี 2 นายวรวุฒิ วารที พิ ย์ เลขท3่ี 4 ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 5/7 เสนอ ครดู ารงค์ คนั ธะเรศน์ โรงเรียนปวั อาเภอปัว จงั หวดั นา่ น สานกั งานเขตพืน้ ทีก่ ารศกึ ษามัธยมศึกษาเขต 37

ก ช่ือโครงงาน : โครงงานการทาเทยี นหอม ผู้จัดทาโครงงาน : นายจิรโชติ ปทมุ ไพโรจน์ เลขท่ี3 นางสาวปรชิ ญา วีระวงศ์ เลขที่24 นางสาวแพรพลอย อนิ ดาฤทธิ์ เลขท่ี31 นางสาวอญั ธิฌา เตชะเสนา เลขที่32 นายวรวฒุ ิ วารีทพิ ย์ เลขที่34 ครทู ีป่ รึกษา : ครูดารงค์ คนั ธะเรศน์ ระดับชัน้ : มธั ยมศึกษาปที ่5ี /7 ปกี ารศึกษา : 2564 บทคดั ยอ่ เทยี นหอม คือ เน้อื เทยี นทีน่ ามาเพิม่ นา้ มันหอมระเหย และแตง่ แตม้ สสี นั ใหส้ วยงาม เมอ่ื จดุ แล้วจะใหก้ ลน่ิ หอม ของอโรม่า ปจั จุบนั นอกจากนยิ มใช้ในวงการสปาแล้ว ยงั นามาใชจ้ ุดในบา้ นเพื่อเพ่ิมความหอม และสรา้ ง บรรยากาศผ่อนคลายใหแ้ กผ่ อู้ าศัยอกี ดว้ ย เทียนหอมทเ่ี ราคนุ้ เคยกันดีในปัจจบุ นั น้ี มปี ระวตั ิความเปน็ มาที่พัฒนามาจาก \"เทียน\" อปุ กรณ์ใหแ้ สง สวา่ ง ซง่ึ แต่เดมิ มักมคี วามเชอ่ื มโยงกับความเช่อื ทางศาสนา และพธิ กี รรมต่างๆ โดยเมอ่ื ราว 3,000 ปกี ่อน ครสิ ตกาล ชาวอียิปต์และชาวโรมันรู้จกั นาไขมันสตั ว์มาประดษิ ฐ์เป็นเทยี น โดยใชต้ ้นกกเป็นไสเ้ ทียน และ พฒั นามาเปน็ เทียนข้ีผง้ึ ซ่ึงสามารถให้แสงสว่างไดย้ าวนานกวา่ การใชไ้ ม้เสียดสกี นั เพือ่ ใหเ้ กดิ การเผาไหม้ ตอ่ มามีเมือ่ มีกระดาษใช้ มนุษย์ใชก้ ระดาษมว้ นเป็นรูปทรงยาวสาหรบั ขึน้ รปู เทยี น จุดใหเ้ กิดแสงสว่าง หลังจาก นั้นแต่ละวัฒนธรรมกป็ ระยกุ ตก์ ารผลติ เทียนด้วยการใชถ้ ่วั อบเชย หรอื ไมท้ ่มี กี ลน่ิ หอมแทนการใชไ้ ขมนั สัตว์ โดยมาผสมใสไ่ ว้ในเทยี น เมื่อจุดแลว้ จะสง่ กลิ่นหอม ซงึ่ ไดก้ ลายเปน็ \"เทียนหอม\" ในเวลาต่อมานั่นเอง ปัจจุบนั เทียนหอมมหี ลายชนิด มีการใช้แมพ่ มิ พเ์ พอ่ื ขน้ึ รปู ทรงต่างๆ ทีม่ ลี วดลายสวยงาม เติมสี เติมนา้ หอม กลนิ่ ทห่ี ลากหลาย จนได้รับความนิยมในการฐานะผลิตภณั ฑ์เคร่อื งหอมชนิดหนงึ่ นามาจุดรว่ มกบั อโรม่าเพอ่ื ให้ กลนิ่ หอมทผ่ี อ่ นคลายในสปา กอ่ นจะนามาใชอ้ ย่างแพรห่ ลายในบา้ นเรอื น ซ่ึงมขี นาดและราคาแตกตา่ งกนั ออกไป ต้งั แต่แบรนด์ดังราคาแพง ไปจนถึงเทยี นหอมประดษิ ฐ์เองทสี่ ามารถทาใช้เองไดง้ า่ ยๆ ภายในบ้าน

ข กิตตกิ รรมประกาศ โครงงานเรอ่ื ง “เทยี นหอม” น้ีสาเรจ้ ลลุ ่วงไปด้วยดีเพราะดร็ บั ความอนุเคราะห์และความช่วยเหลอื จาก ครูดารงค์ คันธะเรศน์ ครูทีป่ รกึ ษาในการทาโครงงานในครั้งนี้ นอกจากน้ียงั ได้รบั ความอนุเคราะหจ์ าก ผปู้ กครองและหอ้ งคหกรรมโรงเรยี นปัวที่ได้จัดเตรยี มสถานท่ีในการทาโครงงานในคร้ังนี้ คณะผจู้ ัดทาซาบซงึ้ ใจในความกรุณาของทุกทา่ นทีก่ ลา่ วมาข้างต้นน้ี รวมถึงผู้ทม่ี ีสว่ นรว่ มในการ สนบั สนนุ ไมอ่ าจจะกล่าวได้ทัง้ หมด ตลอดแหลง่ ความรทู้ ต่ี า่ งๆทเี่ ราได้มาประกอบ ทางผจู้ ดั ทาจงึ ขอขอบพระคณุ เปน็ อย่างสงู ดว้ ยความจรงิ ใจที่ให้ความสนับสนนุ โครงงานในครงั้ นี้ คณะผจู้ ดั ทา นายจิรโชติ ปทุมไพโรจน์ เลขที่3 นางสาวปรชิ ญา วรี ะวงศ์ เลขท่ี24 นางสาวแพรพลอย อนิ ดาฤทธ์ิ เลขที่31 นางสาวอญั ธิฌา เตชะเสนา เลขที่32 นายวรวุฒิ วารที พิ ย์ เลขที่34

ค คานา เทยี นหอมท่เี ราคนุ้ เคยกันดีในปจั จบุ นั น้ี มปี ระวัติความเปน็ มาท่ีพัฒนามาจาก \"เทยี น\" อุปกรณ์ใหแ้ สงสว่าง ซ่ึง แต่เดิมมกั มคี วามเชื่อมโยงกับความเชือ่ ทางศาสนา และพิธกี รรมต่างๆ โดยเมอ่ื ราว 3,000 ปีก่อนครสิ ตกาล ชาวอยี ิปตแ์ ละชาวโรมันรจู้ ักนาไขมันสัตวม์ าประดษิ ฐเ์ ปน็ เทยี น โดยใชต้ ้นกกเป็นไสเ้ ทียน และพฒั นามาเปน็ เทยี นขีผ้ งึ้ ซึ่งสามารถให้แสงสวา่ งได้ยาวนานกว่าการใช้ไม้เสยี ดสกี นั เพอ่ื ใหเ้ กิดการเผาไหม้ ตอ่ มามีเมื่อมกี ระดาษใช้ มนุษยใ์ ช้กระดาษม้วนเปน็ รปู ทรงยาวสาหรบั ขนึ้ รปู เทยี น จุดให้เกดิ แสงสว่าง หลงั จาก นนั้ แต่ละวฒั นธรรมกป็ ระยกุ ต์การผลิตเทยี นดว้ ยการใช้ถ่ัว อบเชย หรอื ไม้ทีม่ กี ล่นิ หอมแทนการใช้ไขมันสัตว์ โดยมาผสมใส่ไวใ้ นเทยี น เมือ่ จุดแล้วจะสง่ กลิ่นหอม ซง่ึ ได้กลายเป็น \"เทียนหอม\" ในเวลาต่อมาน่ันเอง ปจั จบุ นั เทียนหอมมหี ลายชนิด มีการใช้แม่พมิ พเ์ พื่อขึ้นรปู ทรงต่างๆ ทม่ี ลี วดลายสวยงาม เติมสี เตมิ น้าหอม กลนิ่ ทหี่ ลากหลาย จนไดร้ ับความนยิ มในการฐานะผลติ ภัณฑเ์ ครอ่ื งหอมชนดิ หนึง่ นามาจุดรว่ มกบั อโรมา่ เพอื่ ให้ กลนิ่ หอมทผ่ี ่อนคลายในสปา ก่อนจะนามาใช้อย่างแพรห่ ลายในบ้านเรอื น ซ่งึ มีขนาดและราคาแตกต่างกนั ออกไป ตง้ั แต่แบรนด์ดังราคาแพง ไปจนถงึ เทียนหอมประดษิ ฐเ์ องทสี่ ามารถทาใช้เองไดง้ ่ายๆ ภายในบา้ น จากเหตุผลและความสาคญั ทกี่ ล่าวมาขา้ งต้น ผูศ้ กึ ษาสนใจทจี่ ะศึกษา การทาเทียนหอมนน้ั สามารถประกอบอาชีพและสร้างรายได้เสรมิ ทาให้หารายไดน้ อกเวลาได้

สารบญั เร่อื ง หน้า บทคกั ยอ่ ก ข กติ ตกิ รรมประกาศ ค คานา 1 1 บทท่ี 1 บทนา 2 2 1.1 ทมี่ าและความสาคญั 2 1.2 วตั ถปุ ระสงค์ 3 3 1.3 สมมตฐิ าน 3-6 1.4 ขอบเขตการศกึ ษา 7 7 1.5 ผลทคี่ าดวา่ จะไดร้ ับ 7 8 บทท่ี 2 เอกสารและงานวจิ ยั ท่ีเกย่ี วขอ้ ง 2.1 ประโยชนข์ องเทียนหอม 8 2.2 อทิ ธิพลของกล่ิน 8 2.3 วธิ กี ารทาเทียนหอม บทที่ 3 วธิ ีการดาเนินการศึกษา 9 3.1 ระเบียบวธิ ีท่ีใช้ในการศกึ ษา 10-11 3.2 ประชากรกลมุ่ /ตัวอย่าง 3.3 วิธีการดาเนินการศึกษา 3.4 เครื่องมอื ทีใ่ ชใ้ นการศึกษา 3.5 การเกบ็ รวบรวมข้อมูล 3.6 การวเิ คราะหข์ ้อมลู 3.7 สถิติทใ่ี ช้ในการศกึ ษา บทท่ี 4 สรปุ ความรทู้ ่ไี ด้รับ 4.1 การสารวจความคดิ เห็น 4.2 การแสดงความคิดเหน็ และขอ้ เสนอแนะ บทที่ 5 สรุปผลการศึกษา

5.1 ประโยชนข์ องเทยี นหอม 12 5.2 โทษของความเครยี ด 12 บรรณานุกรม 13 ภาคผนวก 14-15

1 บทท่ี 1 บทนา ทม่ี าและความสาคญั เทยี นหอม ในสมัยก่อนประวัติศาสตร์มนุษย์ยงั ไมม่ กี ารรจู้ กั ใชไ้ ฟรจู้ กั เพยี งแต่ความมดื ในเวลากลางคืนและความสว่างใน เวลากลางวันต่อมาเริม่ รู้จกั การใช้ไมม้ าเสียดสกี ันให้ไดค้ วามรอ้ นแล้วเกิดเป็นเปลวไฟเกดิ ขน้ึ และเรมิ่ ใชไ้ ฟมาหงุ หาอาหารให้แสงสว่างและปอ้ งกนั ภัยจากสตั วร์ ้ายตา่ งๆและวิวัฒนาการกอ้ ไดเ้ ริ่มพัฒนาการอยา่ งต่อเน่อื งเรม่ิ มี การใชค้ บเพลิงเพ่ือเป็นการใหแ้ สงส่องสว่างมกี ารประยกุ ตน์ ามาใชเ้ ปน็ การตดิ ตอ่ ส่ือสารในระยะไกลจะเหน็ ได้ จากไฟในประภาคารทม่ี กี ารตดิ ต่อสื่อสารระหวา่ งยามฝงั่ กบั เรอื และใหส้ ญั ญาณตา่ งๆระหวา่ งภูเขาแตล่ ะลกู โดย มรี หสั ทเี่ ขา้ ใจตามแตจ่ ะตกลงกันในสมัยน้ันจะเห็นไดว้ า่ มนษุ ยไ์ ดม้ ีการใช้ไฟเข้ามาเก่ยี วข้องกับชีวติ ประจาวัน และตอ่ มาในสมัยศตวรรษท1ี่ 9ได้มกี ารนาเทียนเข้ามาเก่ยี วขอ้ งกบั พิธีกรรมเป็นอย่างมากเนอื่ งจากไฟมเี ปน็ สัญลกั ษณ์ของการเผาผลาญและความโชตชิ ว่ งชชั วาลย์และมนษุ ย์บางเผ่าในสมยั น้นั นบั ถอื ให้เป็นเทพไฟมีการ บวงสรวงและประกอบพธิ กี รรมทางศาสนาหรือตามแต่ความเชอื่ จะเหน็ ไดจ้ ากพธิ กี ารแตง่ งานซงึ่ มีความหมาย ของการเรม่ิ ตน้ แสงแห่งเปลวเทียนจะนาทางไปส่คู วามสว่างไสวในชีวติ คู่ชาวอเมรกิ ันนิยมนาเทยี นมาประดับ ประดาบนโตะ๊ อาหาร แสดงถงึ ฐานะ ความภมู ฐิ าน และมีรสนยิ ม และเพ่ือใหเ้ กดิ ความสว่างในปจั จุบนั ได้มีการประยกุ ตใ์ หน้ อกจาก เทยี นมคี วามสวยงามแล้ว ยงั มกี ารนากลิ่นหอมหรอื นา้ มันหอมละเหยมาผสมเพอื่ ใหไ้ ดก้ ล่ินตามต้องการและนอกจากนกี้ ลิน่ น้ามันหอม ละเหยนี้มีคณุ สมบตั ิพเิ ศษซ่ึงแตกต่างกันออกไปเชน่ บางชนิดสามารถทจี่ ะรักษาโรคไดแ้ กอ้ าการเครียดและทา ให้รา่ งกายผ่อนคลายกลิน่ บางชนดิ สามารถไล่ยงุ ได้น้ามันหอมละเหยเหล่านีไ้ ด้มาจากการสกัดจากพชื และ สมนุ ไพรทางธรรมชาตแิ ละบางชนดิ ได้มาจากการสงั เคราะหซ์ ง่ึ ในปจั จบุ ันไดร้ ับความนิยมด้วยคณุ ลกั ษณะท่ีเป็น สง่ิ ทไ่ี ดจ้ ากธรรมชาตแิ ละช่วยรักษาสุภาพราคาไม่แพงเหมาะที่จะนาไปเป็นของขวัญของทรี่ ะลกึ ฝากคนที่คณุ รกั เพื่อแสดงความหว่ งใยตอ่ สุขภาพของคนทค่ี ณุ รัก วตั ถปุ ระสงค์ 1) ไดส้ ่งิ ประดษิ ฐ์ตามความต้องการ 2) ไดศ้ ึกษาค้นควา้ ให้สามารถประยกุ ตใ์ ช้ในการตกแตง่ สถานทไ่ี ด้

2 3) เปน็ แหล่งเรยี นรู้ใหก้ บั ผทู้ ่ีสนใจจะศกึ ษาการทาเทยี นหอม 4) เปน็ งานประดษิ ฐง์ ่ายๆ วัสดุทหี่ าได้งา่ ย ท้ังยงั สามารถสรา้ งงาน สร้างอาชพี ได้ สมมติฐาน ถา้ ชนิดของเทยี นหอมมผี ลตอ่ การไลย่ งุ ดงั นนั้ ชนดิ ของเทยี นนา่ จะมผี ลต่อการสง่ ผลไลย่ ุงของผู้ใช้ผลติ ภัณฑ์ และชว่ ยผอ่ นคลายความเครยี ด ขอบเขตการศกึ ษา ตัวแปรต้น : เทยี นหอม ตวั แปรตาม : ประสทิ ธิภาพในความหอม กลมุ่ ตัวอยา่ ง : การตกแตง่ ภายใน ผลทคี่ าดว่าจะได้รับ 1) สามารถจดั ทาสงิ่ ทป่ี ระดษิ ฐม์ าตามความตอ้ งการได้ 2) สามารถศกึ ษาค้นคว้าเพอ่ื จะไดม้ าประยุกต์ใชใ้ นการตกแตง่ สถานทีไ่ ด้. 3) สามาถนาไปบอกต่อให้แกผ่ ู้ทสี่ นใจจะศกึ ษาการทาเทียนหอมได้. 4) เป็นงานประดษิ ฐทงี่ ่าย วสั ดุทใ่ี ช้สามารถหาได้ตามทอ้ งตลาด สามารถทารายไดต้ อ่ ยอดธุรกจิ ได้

3 บทท2ี่ เอกสารและงานวจิ ยั เกี่ยวข้อง การศกึ ษาในครงั้ นี้ ผศู้ กึ ษาได้ศกึ ษาวิจัยขอ้ มลู ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง โดยแบ่งเน้ือหาของเอกสารและงานวจิ ัยเกีย่ งกับกลน่ิ ของเทียนและชนิดของเทยี นเป็หัวข้อต่างๆดังนี้ ประโยชนข์ องเทยี นหอม เทียนหอม คอื เน้ือเทยี นทน่ี ามาเพิ่มนา้ มนั หอมระเหย และแต่งแตม้ สสี ันใหส้ วยงาม เมอ่ื จุดแล้วจะใหก้ ลน่ิ หอม ของอโรม่า สูตรทางเคมี (C2H5OH CnH2n+ 2 Ethyl alcohol) อิทธิพลของกลิ่น การวิจัยใหม่ๆทางกลนิ่ แสดงใหเ้ หน็ ถงึ ความสัมพนั ธ์อย่างใกลช้ ิดระหวา่ งกลนิ่ กับอารมณ์ ทงั้ นเี้ พราะกระแส ประสาทของกลน่ิ สามารถถา่ ยทอดไปทส่ี มองไดเ้ ร็วกว่ากระแสประสาทชนิดอน่ื ๆ เป็นต้นว่า กระแสประสาท ของแสง หรือเสียง กระแสประสาทของกลิ่นเคลอ่ื นท่ถี ่ายทอดโดยตรงจากจมูกไปยงั สมองบริเวณระบบลมิ บกิ (Limbic system) ซง่ึ เป็นส่วนควบคุมเกยี่ วกบั ประสบการณท์ างอารมณ์ ความสมั พันธ์อย่างใกล้ชิดน้ี กลิ่นจงึ มอี ทิ ธิพลอยา่ งใหญ่หลวงต่อวิถชี วี ติ คนเรามากกวา่ ทค่ี ดิ ไว้ นักวิจัยของ บริษทั แห่งหน่ึงทผี่ ลิตสินค้าเกยี่ วข้องกับกล่นิ ทาการศกึ ษาคนจานวนมากกวา่ 2,000 ราย พบวา่ ประสาท สัมผัสทางกลิ่นอาจมีความสาคัญทสี่ ดุ ในการทาใหร้ ่างกายมสี ขุ ภาพดี นอกจากนย้ี ังพบวา่ - กล่ินอาจใช้เปน็ วิธีบาบัดความเครียดทมี่ ีประสทิ ธิภาพ ลดความดันโลหติ และบรรเทาความเจบ็ ปวดได้ วธิ นี ี้ ทาใหเ้ กิดการรักษาชนดิ ใหม่ขนึ้ มา เรยี กว่า “การรักษาดว้ ยกล่นิ หอม” (Aromatherapy) - กลิ่นบางอยา่ งอาจทาให้ความจาทลี่ ืมเลอื นไปนานน้นั กลบั จาขนึ้ มาใหมไ่ ด้ มผี ลต่อการรับรูแ้ ละพฤตกิ รรม - กลิน่ มบี ทบาทสาคัญตอ่ ความสมั พนั ธร์ ะหว่างเพศ - การปรับปรงุ ความสามารถในการดม (กล่นิ ) จะทาใหช้ วี ิตเกิดความเพลิดเพลินอยา่ งใหมข่ ึ้นมา ข้อสาคัญอย่ทู เ่ี ราตอ้ งฝกึ ใหจ้ มกู เกดิ การเรยี นรใู้ นกลนิ่ เพมิ่ ศกั ยภาพของการดม การรกั ษาด้วยกลนิ่ หอม : การรักษา (อาการทางประสาท) ดว้ ยกล่ินหอมๆน้ี อาจกลา่ วไดว้ า่ เปน็ เรอื่ งท่ี

4 น่าสนใจทส่ี ดุ เกี่ยวกบั การนาคณุ สมบตั ิของกลิน่ มาใช้ใหเ้ กดิ ประโยชน์ เมอ่ื เร็วๆน้ี ท่ีมหาวิทยาลยั เยล นกั จติ วิทยาชอื่ แกรี สจว๊ ต ได้ทดลองถามปญั หาทบี่ ีบค้ันทางจิตใจกบั นกั ศกึ ษา จานวน 48 คน โดยแบ่งเปน็ 2 กลมุ่ กลุม่ แรกกอ่ นถกู ตั้งคาถามให้ดมกลน่ิ หอมของดอกไมช้ นิดพเิ ศษอย่างหน่งึ รวมทง้ั กล่ินของผลแอปเปล้ิ อกี กลุ่มไมใ่ หด้ มอะไรเลย พบว่ากลมุ่ แรกจะมกี ารหายใจสบายๆช้าๆ กลา้ มเนือ้ มี การผอ่ นคลาย ความดันเลอื ดไมส่ งู หัวใจเต้นไม่ถหี่ รือรวั นอกจากนยี้ ังพบวา่ คนกลุ่มนมี้ ีความสขุ ความสบาย ใจคลายความตึงเครยี ดมากกวา่ ความกงั วลใจ หรอื ความเขนิ อายก็มีนอ้ ยกวา่ ดว้ ย สาหรบั ผลในการรกั ษานั้น พบวา่ การดมกล่ินท่หี อมจะชว่ ยบรรเทาอาการตน่ื ตระหนกตกใจ อาการชักของ ลมบ้าหมู ภาวะง่วงหลับ นอกจากน้วี ิธีดงั กล่าวยงั อาจนามารกั ษาความกังวลใจ ความเหนอื่ ยลา้ อาการนอนไม่ หลบั กนิ จกุ จิก อาการปวดหัวแบบไมเกรน โรคซมึ เศรา้ โรคจติ เภท และโรคหวั ใจเตน้ ผิดจังหวะ ในอนาคต การรักษาด้วยกลนิ่ หอมจะเปน็ ทีค่ นุ้ เคยยง่ิ ขึ้น ทญ่ี ี่ปนุ่ ได้มีการศกึ ษาการนาวิธนี ี้มาใชร้ กั ษาอาการ เจบ็ ป่วยเล็กๆนอ้ ยๆทเี่ กิดในชีวิตประจาวัน เปน็ ต้นวา่ อาการคลน่ื เหยี น วิงเวียน มึนงง การดมกลน่ิ เมือ่ ตอนอายุ 6 ขวบ และตอนอายุ 60 : จากการศกึ ษาพบว่า การดมกลิ่นจะเปลี่ยนไปตามอายุ ในทารกแรกเกดิ น้นั การดมกลน่ิ จะมีระบบเพียงไม่ก่ีอย่างทส่ี ามารถใช้งานไดด้ ี ทารกจะตอบสนองต่อกลิน่ หอมๆในทางบวก สว่ นกลิ่นไม่ดจี ะตอบสนองในทางลบ และเป็นทนี่ ่าแปลกใจวา่ ทารกแรกเกดิ เพียง 2 วนั สามารถแยกแยะความแตกต่างระหวา่ งนมของมารดากบั ของคนอ่นื ได้ เมื่อโตเป็นหนมุ่ สาว รสนยิ มของกล่ินจะผิดไปจากเมอื่ ตอนเปน็ เด็ก นักวิจัยบางคนเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ ไม่ได้มีสาเหตจุ ากทางดา้ นชีววทิ ยา แตเ่ ป็นเพราะอิทธพิ ลของวัฒนธรรม ประเพณี ดร.ริชารด์ แอล. ดอตทิ แห่งมหาวทิ ยาลยั เพนซิลวาเนียได้ศกึ ษาความสามารถในการแยกแยะกลิน่ จากคน 1,955 คน อายุระหวา่ ง 5 ถงึ 99 ปี พบว่า ทักษะในการแยกแยะกลนิ่ จะดีทส่ี ุดในช่วงอายุ 20 ถึง 40 ปี และ จะคอ่ ยๆลดลงเมอื่ อายุ 40 ถึง 70 ปี หลงั จากอายุ 80 ปีไปแล้ว ความสามารถในการแยกกลนิ่ จะลดลงอยา่ ง รวดเร็ว กล่ินชว่ ยเตอื นความจา : เร่อื งทเ่ี กดิ มานานแลว้ ลมื ไปนน้ั อาจทาใหห้ วนระลึกไดอ้ กี ดว้ ยกลนิ่ เราจากลน่ิ ได้ นานกว่า สิง่ ท่เี หน็ ดว้ ยตาหรอื ได้ยินดว้ ยหู นกั จิตวทิ ยาชือ่ ทริก เอง็ เกน พบวา่ คนทว่ั ไปจากลนิ่ ไดถ้ กู ตอ้ ง 65% แม้เวลาจะลว่ งมาถงึ 1 ปี ในทางตรงข้าม การหวนราลกึ ถงึ ภาพทเี่ หน็ จะลดลงไปราว 50% เมือ่ เวลาผา่ นไป เพยี ง 4 เดือนเทา่ น้นั

5 กลน่ิ ทดี่ มไดจ้ ะถูกเก็บในรูปรหสั ในหนว่ ยความจา ลกั ษณะเป็นภาพทีส่ มบรู ณ์ กล่าวอกี นยั หนงึ่ การราลกึ ถงึ กลน่ิ จะทาใหจ้ าภาพทเ่ี ห็น เสยี งที่ได้ยิน รสชาตทิ ี่ไดล้ มิ้ ได้ นอกจากนน้ั การหวนคิดถงึ กลนิ่ ใดกล่นิ หนึ่งได้ สามารถ กระตุ้นอารมณท์ รี่ ู้สกึ ในคร้ังนนั้ ไดด้ ว้ ย กลิน่ ยังมีผลตอ่ ความสาเรจ็ และความลม้ เหลวด้วย จากการศกึ ษาทีม่ หาวทิ ยาลยั วาร์วิก ประเทศองั กฤษ พบว่า เมื่อให้นกั ศกึ ษาดมกล่ินชนิดหน่งึ ขณะทาข้อสอบ ผลทอี่ อกมา คอื ทกุ คนทาคะแนนไดต้ า่ กวา่ ปกติ และเมอ่ื ให้ นกั ศกึ ษาเหล่านน้ั ดมกลิน่ นอ้ี กี ในเวลาตอ่ มา พบวา่ มีมากกวา่ คร่งึ เกดิ อาการซึมเศรา้ จึงอาจเรียกกลนิ่ น้ี วา่ “กลนิ่ แห่งความลม้ เหลว” ในทางตรงกันข้าม มีกล่ินท่ีเรียกว่า “กลิ่นแหง่ ความสาเร็จ” กลิน่ น้ีเสริมแรงให้ คนทดี่ มเกดิ ความม่ันใจ เชอื่ มน่ั ในตนเอง มาเพม่ิ ประสิทธิภาพเกยี่ วกับการดมกล่ิน : คณุ ผู้อา่ นสามารถบอกความแตกตา่ งของกล่นิ ชนดิ หนึ่งกบั อกี ชนดิ ได้หรอื ไม่ จากการศกึ ษาพบวา่ คนท่วั ไปสามารถบอกช่อื สง่ิ ของไดถ้ กู ต้องราว 70% ของกลิน่ ทดี่ มไดท้ งั้ หมด แตค่ นท่ีดมกลน่ิ ได้ปกติทกุ คนจะมจี ุดบอดในการดมกลิ่นอยา่ งน้อยทสี่ ดุ 1 กลิ่น กล่นิ ที่คนหน่ึงบอกไดถ้ ูก จะ เป็นกลนิ่ ท่ีอกี คนไมส่ ามารถบอกได้ จากการฝึกการดมกล่นิ เราสามารถกล่ันกรองความสามารถในการดมกลน่ิ ทซ่ี อ่ นอยู่ออกมาใช้ให้เกดิ ประโยชน์ ได้ การทเี่ ราบอกกล่ินไมถ่ ูกน้นั เปน็ เพราะเรามีคาศัพท์ในการบอกช่ือกลนิ่ น้อย อกี ประการหนง่ึ คือ เรามกั ให้ ความสาคัญของภาพทเ่ี ห็นมากกวา่ กลิ่นทดี่ ม และมกั ทกึ ทักเอาวา่ ของท่ดี ูเหมือนกนั จะมกี ลนิ่ เหมือนกนั ของที่ดู แตกต่างกันจะมีกล่ินตา่ งกันดว้ ย แต่จากการฝึกหัด ผฝู้ กึ บางคนสามารถเพมิ่ ศักยภาพในการแยกแยะกลิ่นไดอ้ ย่างเฉยี บขาด ยิ่งฝกึ มากเท่าไรก็ยง่ิ ดีขึน้ เทา่ นน้ั วธิ ฝี กึ งา่ ยๆคือ ใหค้ ู่หนู าของมาใหด้ มในขณะท่เี ราปิดตาอยู่ สูดดมครงั้ หรอื สองคร้งั คิดพิจารณา สกั ครู่ แล้วทายว่ากลนิ่ น้ันเป็นกลิน่ ของอะไร ขน้ั ตอนดาเนินงาน อุปกรณใ์ นการทาเทยี นหอม 1. ฟาราฟนิ / 1 ก.ก. 2.บแี วกซ์ / 1 ขดี . 3.เทียนเหนียว . 4.สเี ทยี นหรือสีน้ามนั ผง .

6 5.ไสเ้ ทียน. 6.หัวน้าหอม . 7.พิมพ์/แม่แบบ . 8.แก้ว . 9.หมอ้ /กระทะ . ขัน้ ตอนการทา เทียนหอม . 1. นาหมอ้ ตัง้ ไฟจนรอ้ น 2. เอาเทียนทเ่ี ลือกไว้เทใส่ ผสมกบั เทียนทล่ี ะลายแล้ว . 3. แลว้ นาไส้เทยี น ใสล่ งในแกว้ . 4. นาตะเกียบผา่ ครง่ึ แล้วปกั ไวท้ ต่ี วั เทยี น. 5. นาเทียนแชใ่ นภาชนะทเี่ ตรียมไว้จนแขง็ ตัว . 6. เอากากเพชรเทลงไปเพอ่ื ความสวยงาม (ไมต่ ้องใสก่ ็ได)้

7 บทท3่ี วธิ กี ารดาเนนิ การศกึ ษา ในการศึกษาครัง้ น้ี ผู้ศกึ ษาไดท้ ากาศกึ ษาการทาเทยี นหอมซวึ่ มวี ิธีการดังนี้ ระเบียบการศกึ ษา ในการศึกษาใช้รปู แบบการสารวจความชอบและการสืบคน้ ขอ้ มลู จากหนงั สอื อินเตอรเ์ น็ตและการ สอบถามผรู้ ู้ ประชากร/ กลมุ่ ตวั อย่าง ประชากร -ประชากรท่ีใชใ้ นการศึกษาในครง้ั น้เี ป็นนกั เรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5/7 โรงเรียนปัว ปกี ารศึกษา 2564 จานวน 1 หอ้ งเรยี นเป็นนกั เรียนทัง้ สน้ิ 39 คน กลมุ่ ตวั อย่าง -กลุ่มตวั อย่างท่ใี ช้ในการศึกษาในครงั้ นไี้ ดแ้ ก่นักเรียนระดบั ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 5/7 โรงเรยี นปวั ปีการศึกษา 2564 จานวน 1 ห้องเรยี นเปน็ นักเรียนทัง้ หมดท่ี 39 คนได้มาโดยสุ่มอย่างง่ายเพอ่ื ตอบ แบบสอบถามทสี่ รา้ งข้นึ ระยะเวลาท่ใี ชใ้ นการศึกษา -ระยะเวลาทีใ่ ช้ศึกษารวมทงั้ สน้ิ 10 สัปดาห์ วธิ กี ารดาเนินการศึกษา ผ้ศู ึกษาได้ดาเนินตามขนั้ ตอนดงั น้ี -กาหนดเรอื่ งทจี่ ะศึกษาและระดมความคิดวา่ จะศึกษาเรื่องใด -สรา้ งแบบสอบถามความชอบหอมกลน่ิ น้าหอมกลนิ่ ท่ีทาใหผ้ ่อนคลาย -ศึกษาวิธีการทาเทียนหอมและปรกึ ษาผู้เช่ียวชาญ -ทาการทดลองโดยการแจกเทยี นหอมใหก้ ลุ่มตวั อยา่ งทดลองใช้ -ดภู าพรวมแล้วแก้ปัญหา

8 เครื่องมือที่ใชใ้ นการศกึ ษา เครือ่ งมอื ทใี่ ช้ในการศกึ ษาในคร้ังนีค้ ือแบบสอบถามความชอบ 1 ฉบบั ซึง่ มีรายละเอียดดงั นี้ -กลนิ่ กหุ ลาบ -กลน่ิ ตะไคร้หอม -กล่ินม้ินท์ -กลิ่นมะลิ -กลน่ิ เบอรี่ -กลน่ิ ลาเวนเดอร์ -กลิ่นซากรุ ะ  สร้างแบบสอบถามเรอื่ งกลนิ่ ที่ชอบด้วยขอคาแนะนาจากครผู ู้สอนจากน้ันนามาปรบั ปรงุ แกไ้ ข แลว้ นาไปตรวจสอบความเหมาะสม  รวบรวมผล แล้วนามาหาคา่ เฉลีย่ การเก็บรวบรวมข้อมูล การศึกษาในคร้ังน้ีดว้ ยการนาแบบสอบถามทส่ี ร้างขน้ึ ให้กลมุ่ นักเรียนตวั อยา่ งตอบจานวน 39 คนและ เก็บ ขอ้ มลู จากนักเรยี นเปน็ กลมุ่ ตวั อยา่ งโดยผศู้ ึกษาทัง้ 5 คนดาเนินการ เกบ็ รวบรวมข้อมลู ดว้ ยตนเอง การวเิ คราะห์ข้อมูล  ในการวเิ คราะห์ขอ้ มลู ผู้ศกึ ษาได้วิเคราะหข์ ้อมลู ดังน้ี  นาแบบสอบถามทง้ั หมดท่ตี อบเลยนกั เรยี นเหน็ ตัวอยา่ งมาหาคะแนนรวม  นาผลรวมมาคดิ ค่ารอ้ ยละและหาค่าเฉล่ีย สถิติทใี่ ชใ้ นการศึกษา  สถิติทใ่ี ชใ้ นการศึกษาในครงั้ น้คี อื รอ้ ยละและการหาค่าเฉลย่ี

9 บทท4่ี สรุปความรทู้ ไ่ี ด้รบั ไดร้ ูว้ ่ากล่ินมีความสาคญั แคไ่ หนและมนุษย์ทุกคนได้สัมผสั กลนิ่ หอมเพอ่ื ที่จะเย้ายวน และสรา้ งเสน่ห์ดงึ ดูด ตวั เองหากพดู ถึงเทยี นหอม ซึ่งเป็นเทียนทม่ี ีกล่ินและมสี ที ส่ี วยงามมักจะถูกนามาใชใ้ นงานตา่ งๆ โดยสว่ นใหญ่ จะนามาใชใ้ นการไหวพ้ ระสาหรบั ชาวพทุ ธ แต่สาหรบั ชาวกรกี สมัยกอ่ น มกั จะนาไปเปน็ ใช้ประกอบพิธีงาน แต่งงาน เพราะมีความเช่อื ว่าจะทาให้ชีวิตคู่มีความสดใสดง่ั แสงของเปลวเทยี น ส่วนในอเมริกามกี ารนาเทยี น หอมมาประดบั บนโตะ๊ อาหารต่างๆเพอ่ื สรา้ งสสี นั ให้สวยงามและมลี ักษณะทเ่ี ลิศหรู เพราะเทยี นหอมมหี ลากสี และกล่นิ ที่หอม นอกจากน้ีเทียนหอมยังประโยชน์ต่างๆที่ไมไ่ ด้มแี คก่ ลิ่นหอมๆ อย่างเดยี ว ประโยชนข์ องการใชเ้ ทียนหอม นอกจากเรอื่ งอโรมาทช่ี ่วยในการผ่อนคลายแลว้ เทยี นหอมกล่ินสมนุ ไพรยงั สามารถช่วยในการดบั กลน่ิ ไมพ่ งึ ประสงคไ์ ด้ เป็นเพราะว่าเทียนมกี ล่ินท่ีหอมหลากกล่ินใหเ้ ลอื กใช้ และยงั สามารถใชเ้ ป็นของชาร่วยในงาน แต่งงาน งานบวช ขนึ้ บา้ นใหม่ วนั เกิด ฯลฯ นามาจุดไล่ยุงได้ ซ่งึ การจุดไลย่ งุ สว่ นใหญจ่ ะเปน็ เทียนกลน่ิ ตะไคร้ หอม ซ่ึงเทียนหอมสามารถทาใหอ้ ารมณด์ ี และอารมณเ์ ย็นลง เพราะกล่นิ หอมๆ ของมันทาให้รสู้ กึ ผ่อนคลาย โดยทีเ่ ราไม่รตู้ ัว ซ่งึ เทียนหอมหลากสสี นั ที่มคี วามสวยงามภายในบรรยากาศตา่ งๆ สามารถสร้างแสงสวา่ งด้วย การจุดไฟ ใช้และประดบั ตกแต่งในสถานทีต่ ่างๆ ซงึ่ เหมาะสาหรับโอกาสพเิ ศษ หรือนามาสรา้ งบรรยากาศให้ สวยงามอย่างการดนิ เนอร์ใตแ้ สงเทียน หรือรมิ นา้ รวมทง้ั ใชป้ ระกอบในพธิ ีมงคล และสถานทตี่ า่ งๆ เพอื่ ทาให้ เกิดความสวยงาม นอกจากนีย้ งั ใชเ้ ปน็ เทยี นวนั เกิดกไ็ ด้ ซ่ึงอาจจะทาใหร้ สู้ ึกดกี ว่าการใช้เทียนแบบเดิมๆ เพราะ เมอ่ื เปา่ เทยี นเสรจ็ แลว้ จะทาใหม้ กี ลิ่นหอมๆ ลอยออกมา

10 เทยี นหอมกลิ่นมะลิ เทยี นหอมกลิ่นมะลิ จะชว่ ยทาใหจ้ ิตใจผ่อนคลาย เป็นกลน่ิ ทเี่ หมาะสาหรบั งานทเ่ี ป็นมงคล ได้กลน่ิ นี้แล้วรสู้ ึก สบายแบบชิลๆ ด้วยกลน่ิ หอมออ่ นๆของดอกมะลทิ าใหร้ ูส้ กึ ไม่เศรา้ หมอง กล่นิ หอมออ่ นๆของดอกมะลิจะทาให้ รูส้ ึกเหมือนว่ามีพานพวงมาลยั ถวายพระวางอยูใ่ กลๆ้ เลยทเี ดยี ว เทยี นหอมกลิ่นกุหลาบและคลารเ่ี สจ กล่นิ ทส่ี ามารถกระตนุ้ และมกี ารผลติ สารชนิดหนง่ึ ในร่างกายคอื ทาลามัส เทยี นหอมกลิน่ กหุ ลาบและคลารเ่ี สจ ยังมกี ารผลิตเอนเซปฟาลนี ข้ึนมา เพ่อื ใชใ้ นการผ่อนคลายอารมณ์ สามารถชว่ ยลดความตงึ เครียดไดเ้ ป็นอย่าง มาก เทยี นหอมกลิน่ มะกรูด กลิ่นที่ค้นุ เคยอย่างผิวมะกรดู เปน็ กลน่ิ ท่ีสามารถทาจิตใจใหส้ งบได้ เพื่อเปน็ การควบคมุ อารมณ์ทด่ี ี และสามารถ ทาไดด้ ี ทาให้หลบั สบายได้เพราะกลน่ิ ของมะกรูด จะช่วยทาให้ผไู้ ด้รบั กล่นิ น้ันรสู้ ึกสบายใจ เทยี นหอมกลนิ่ ตะไคร้หอม เทยี นหอมกลิน่ ตะไครห้ อม ใหก้ ล่นิ ทีด่ แี ละสามารถไลย่ งุ ได้ และทาใหร้ สู้ กึ ผอ่ นคลายและรสู้ ึกวา่ อยใู่ นท่ามกลาง บรรยากาศเป็นธรรมชาติ ดว้ ยกลนิ่ หอมๆ ของตะไครห้ อม จะทาใหย้ ุงจะไม่มาตอมและมากวนใจไดอ้ ย่างไม่น่า เชื่อ

11 การสารวจความคดิ เห็น จากขอ้ มลู ผู้ตอบแบบสอบถามซงึ่ เปน็ นักเรียนโรงเรยี นบวั ภายในระดับช้นั ม. 5 หอ้ ง 7 ซ่ึงมีนกั เรยี น ท้งั หมดจานวนทั้งสิน้ 39 คนซงึ่ เป็นเพศชายกีค่ นและเพศหญิง 15 คนได้แสดงความคิดเห็นต่อการดาเนนิ การ ของโครงงานการทาผลิตภัณฑเ์ ทยี นหอม ดังนี้ จากตารางแสดงใหเ้ หน็ ว่าผตู้ อบแบบสอบถามแบบประเมนิ ความคดิ เห็นต่อผลติ ภัณฑข์ องเทียนหอมท่จี ะ แสดงความคิดเหน็ และข้อเสนอดงั นี้พึ่งพอใจมากทส่ี ุดคือกลนิ่ คดิ เป็นรอ้ ยละ 30% พึงพอใจมากท่ีสุดคอื ประสทิ ธิภาพในการลงทนของเทียนหอม คิดเป็นรอ้ ยละ 60% ความพึงพอใจของราคา 10% จากตารางแสดงให้เหน็ ว่าผูต้ อบแบบประเมนิ มคี วามคิดต่อผลติ ภัณฑเ์ ทียนหอมและการแสดงความคิดเห็น หรือขอ้ เสนอแนะ ดงั น้ี 1. ความพงึ พอใจของกลนิ่ อยใู่ นระดับปานกลาง 2. ประสทิ ธภิ าพในการใช้งาน ความพึงพอใจในระดบั มาก 3. ราคาสามารถเขา้ ถึงได้ 4. ปริมาณทเี่ หมาะสมแก่ราคา การแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ 1.เทยี นหอมมกี ล่นิ แรงเกินไป 2.ไม่ค่อยเหมาะสมกบั ราคามากนัก เพราะวตั ถุดบิ ดูแพงเกินไป 3.บรรจภุ ณั ฑม์ ีความสวยงามและนา่ สนใจ

12 บทท5่ี สรุปผลการศกึ ษา ได้รู้ประโยชน์ของเทียนหอม 1. จดุ เพอ่ื ใหเ้ กิดแสงสวา่ งและเพม่ิ บรรยากาศ 2 .ประดบั ตกแต่งสถานทต่ี า่ งๆไดอ้ ยา่ งสวยงาม 3. ดับกล่นิ ไม่พงึ ประสงค์ 4. ทาเป็นเทยี นวันเกิด 5. ใชใ้ นพธิ ตี า่ งๆเชน่ งานแต่งงานงานดินเนอรง์ านเลีย้ ง 6.ใช้เป็นของชาร่วยในงานตา่ งๆเชน่ งานบวชงานขึน้ บ้านใหม่ 7. เป็นของฝากของขวัญ โทษของความเครียด  นอนไมห่ ลบั  ผมรว่ ง  หนา้ ดูแก่กวา่ วัย  เกิดภาวะซึมเศร้า  เกิดโรคในกระเพาะอาหาร

13 บรรณานกุ รม https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/2115306 https://www.doctor.or.th/article/detail/3833 https://idofragrance.com/%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8% B0%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B 9%89/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2%E 0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%8 7%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B 9%89%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0 %B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%AB %E0%B8%AD%E0%B8%A1/

14 ภาคผนวก


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook