kk31

โคลงส่ีสุภาพ

ลกั ษณะคําประพนั ธประเภทโคลงสส่ี ภุ าพ ๑. ๑ บท มี ๔ บาท ๒. ๑ บาท มี ๒ วรรค วรรคแรกมี ๕ คํา วรรคหลงั มี ๒ คํา สวนบท ท่ี ๔ วรรคแรกมี ๕ คํา วรรคหลงั มี ๔ คาํ รวมเปน ๑ บท ๓. คําสรอยอาจจะมไี ดแหงละ ๒ คํา ในบาทที่ ๑ และบาทที่ ๓ ๔. โคลงสส่ี ภุ าพ ๑ บท มีคาํ เอก ๗ แหง คาํ โท ๔ แหง

สัมผัส ๑. คําสดุ ท้ายของบาทท่ี ๑ สมั ผสั กบั คําท่ี ๕ ของวรรคแรกใน บาทที่ ๒ และ ๓ ๒. คําสดุ ท้ายของบาทท่ี ๒ สมั ผสั กบั คาํ ที่ ๕ ของวรรคแรกใน บาทท่ี ๔ ๓. หากแตง่ หลายบท คําสดุ ท้ายของบทแรกสง่ สมั ผสั ไปยงั คาํ ที่ ๑ หรือ ๒ หรือ ๓ ของวรรคแรกในบทตอ่ ไป

คําศัพทท ่ีควรรเู กยี่ วกบั โคลงส่สี ุภาพ คําเอก คือ ทมี่ ีรปู วรรณยกุ ตเอกกาํ กับ เชน ปา ชา ง แม พอ คาํ โท คือ คําที่มีรปู วรรณยุกตโ ทกาํ กบั เชน บาน ชาง มุง ควา คาํ เอกโทษ คือ การนําคําท่ปี กตใิ ชว รรณยกุ ตโทกาํ กับมา มาใช วรรณยุกตเอกกํากบั แทน เพื่อใชแ ทนท่คี าํ เอก ในตําแหนง บังคบั ของโคลง เชน หม้นั หมาย เขียนเปน มัน่ หมาย ม่นั เปนคําเอกโทษ เขีย้ วคม เขียนเปน เคย่ี วคม เค่ยี วเปนคําเอกโทษ

คาํ โทโทษ คือ การนาํ คําทปี่ กตใิ ช้วรรณยกุ ต์เอกกํากบั มาใช้ วรรณยกุ ต์โท กํากบั แทน เพอื่ ให้ใช้แทนคําโทในตาํ แหน่งบงั คบั เช่น หยอกเล่น เขยี นเป็น หยอกเหล้น เหล้น เป็นคําโทโทษ มน่ั คง เขียนเป็น หมนั้ คง หมนั้ เป็นคําโทโทษ ชมพู่ เขยี นเป็น ชมผู้ ผู้ เป็นคําโทโทษ คาํ สร้อย คอื คําหรือวลีทใ่ี ช้ลงท้ายวรรค ท้ายบาท หรือท้ายบทร้อยกรอง เพอื่ ความไพเราะของเสยี งและความหมาย หรือเพือ่ แสดงวา่ จบตอน เชน่ นาเฮย ฤๅ บารนี แก่แม่นา โสตถ์เิ ทอญ.

คาํ เป็ น ๑. เป็ นคาํ ท่ีผสมด้วยสระเสยี งยาวในแม่ ก กา เชน่ ป้ า มี ปู ๒. เป็ นคําท่ีมตี วั สะกดอยใู่ นแมก่ ง กน กม เกย เกอว เชน่ จง มนั่ ชมเชย คาํ ตาย ๑. เป็ นคาํ ทีผ่ สมด้วยสระเสยี งสนั้ ในแม่ ก กา เช่น จะ ปะ ทุ ๒. เป็ นคําทีม่ ตี วั สะกดในแม่ กก กด กบ เช่น นดั พบ นก

คาํ ประพนั ธใ นขอ ใดไมมคี าํ เอกโทษโทโทษ ๑. น้ําเหม็นลา งส่งิ เหนา ไฉนหลดุ ๒. งานสารฤาหอ นเหยี้ น หดคืน ๓. หยอมญา เหยี่ วแหง เรื้อ บอกรายแสลงดนิ ๔. เอาอเวรระงบั หงา ย อาจส้ินสญู เวร

ขอใดถกู ตอ งตามฉนั ทลักษณของโคลงสส่ี ุภาพบาทท่ี ๑ ๑. ในหอ งมองมือกลมุ คมุ ควัน ๒. เหมือนรูครูเถา เลา เราเหน็ ๓. หนาวนาํ้ ซาํ้ เปย กผา หนาจอย ๔. คนตอ งดีจรงิ ดวย ใจตน

๑. เวน ท่ถี ามอนั ยัง ไปรู ๒. เวนเลาลขิ ิตสงั เกตวาง เวน นา ๓. เวนดงั่ กลา ววาผู ปราชญไดฤามี ๔. เวนวิจารณวางเวน สดับฟง

สามคั คี........ไว เมืองไทย เราเฮย กอ เกอ้ื ทกุ ภาคโปรดรวมใจ จิตรว ม สมานแฮ รว ม.........สขุ สันต รักกนั มากภาค........ ผองเหลา ไทยชาตเิ ชอื้ - ดี ใต ทกุ ข - กอ ไทย ใจ - มี เหนอื จิต - เกดิ ไหน สราง

รกั ชาติยอมสละแม ชีวี รักเกียรตจิ งเจตนพลี ชีพได ............................................ ............................ รกั ศาสนร าญเศิกไส เพอื่ เกื้อพระศาสนา  รักญาตสิ ามคั คี กนั เถดิ  รกั ราชมงุ ภกั ดี รองบาท  รักราชมงุ รองบาท ภกั ดี  ดจุ บิดามารดร เปรยี บได