Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยที่ 8 เทคโนโลยีชีวภาพ

แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยที่ 8 เทคโนโลยีชีวภาพ

Published by Juthamas Somsuwan, 2023-06-30 12:15:12

Description: แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยที่ 8 เทคโนโลยีชีวภาพ

Search

Read the Text Version

๕๖ , แผนการจดั การเรียนรมู้ ุ่งเน้นสมรรถนะ หน่วยท่ี ๘ ชอ่ื หน่วย สอนครง้ั ท่ี ๑๔-๑๕ เทคโนโลยชี ีวภาพ ชว่ั โมงรวม ๖ ช่วั โมง จำนวน ๖ ชว่ั โมง ๑. สาระสำคัญ เทคโนโลยีทางชีวภาพเป็นการศึกษาและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิต ไม่ว่าจะเป็น จุลินทรีย์ พืช สัตว์ คน เช่น การใช้เทคโนโลยีพันธุวิศวกรรมดัดแปรพันธุกรรมของสิ่งที่มีชีวิตให้มีลักษณะตามที่ ตอ้ งการ การทำโคลน การถา่ ยฝากตัวออ่ น การปลกู ถา่ ยเนอ้ื เยื่อ และอื่น ๆ ทัง้ น้เี พือ่ นำไปใช้ประโยชน์ในการปรับปรุง พันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ สาธารณสุข การเกษตร อุตสาหกรรม สิ่งแวดลอ้ ม แต่ขณะเดียวกนั ก็ เกิดความกงั วลต่อผลกระทบที่อาจเกิดขน้ึ จากการใช้เทคโนโลยีทม่ี ีตอ่ ส่ิงแวดล้อม และความหลากหลายทางชีวภาพใน อนาคตระยะยาว ๒. สมรรถนะหลกั (สมรรถนะประจำหน่วย) ๒.๑ แสดงความรู้เก่ยี วกับเทคโนโลยีชวี ภาพ ๒.๒ ปฏิบตั ิเกี่ยวกับเทคโนโลยีชวี ภาพ ๒.๓ ตระหนกั ถึงการมีวนิ ัย ใฝร่ ู้ มีความรับผิดชอบ มีจติ สาธารณะ ๓. สมรรถนะย่อย (สมรรถนะการเรียนรู้) ๓.๑ สมรรถนะทพ่ี ึงประสงค์ (ทฤษฏี) ๓.๑.๑ อธบิ ายความหมายของเทคโนโลยีชีวภาพไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง ๓.๑.๒ อธบิ ายการผสมเทียมสัตว์และการถ่ายฝากตวั อ่อนสตั ว์ไดอ้ ย่างถกู ต้อง ๓.๑.๓ อธบิ ายพันธุวิศวกรรมไดอ้ ยา่ งถูกต้อง ๓.๑.๔ อธบิ ายการโคลนส่ิงมชี วี ติ ได้อย่างถกู ต้อง ๓.๑.๕ บอกลกั ษณะของสง่ิ มีชวี ิตท่ีเกดิ ขึน้ จากการโคลนได้อยา่ งถูกต้อง ๓.๑.๖ อธิบายประโยชน์ของการนำเทคโนโลยีชีวภาพ ในชวี ิตประจำวนั ไดอ้ ย่างถูกต้อง ๓.๒ สมรรถนะท่ีพึงประสงค์ (ปฏิบตั )ิ ๓.๒.๑ อธบิ ายขนั้ ตอนการผสมเทยี มและการถ่ายฝากตวั อ่อนไดอ้ ยา่ งถูกต้อง ๓.๒.๒ ยกตวั อยา่ งการนำเทคโนโลยีชวี ภาพมาใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันได้อย่าง ถกู ต้อง ๓.๒.๓ ยกตวั อยา่ งขอ้ กังวลเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีชีวภาพได้อยา่ งถูกต้อง ๓.๓ ดา้ นคณุ ลักษณะทีพ่ ึงประสงค์ ๓.๓.๑ ตระหนักถึงการมีวนิ ยั ใฝร่ ู้ มีความรับผดิ ชอบ มจี ติ สาธารณะ ๔. เนือ้ หาสาระการเรียนรู้ ๔.๑ เทคโนโลยีชวี ภาพ ๔.๒ เทคโนโลยีชวี ภาพในการขยายพนั ธุ์ ปรบั ปรุงพันธ์ุ และเพิ่มผลผลิต

๕๗ , แผนการจดั การเรียนรมู้ ุง่ เนน้ สมรรถนะ หนว่ ยที่ ๘ สอนครัง้ ที่ ๑๔-๑๕ ชอื่ หน่วย ช่ัวโมงรวม ๖ ชว่ั โมง เทคโนโลยีชวี ภาพ จำนวน ๖ ช่วั โมง ๕. กจิ กรรมการเรียนรู้ ในการจดั การเรยี นการสอนรายวชิ าวิทยาศาสตรเ์ พอื่ พัฒนาทกั ษะชีวิต ได้กำหนดกจิ กรรมการเรียนการสอน ใหผ้ ู้เรยี นเกิดการเรยี นรโู้ ดยใช้วธิ ีการจดั การเรยี นร้รู ปู แบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ ๕E ของสถาบันสง่ เสริมการ สอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท., ๒๕๔๖) ๕.๑ ขนั้ นำเข้าสู่กจิ กรรมการเรยี นรู้ ๑. จัดเตรียมเอกสารประกอบการเรียน ส่ือโสตทัศน์ ครภุ ัณฑ์ เครือ่ งมือ วสั ดุ-อุปกรณ์ ๒. ครูใชค้ ำถามปลายเปดิ เพอื่ กระตุ้นความสนใจของผเู้ รยี นว่า “นกั เรียนคิดวา่ เทคโนโลยีชีวภาพคืออะไร” ๕.๒ ขัน้ การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ สอนคร้งั ท่ี ๑ ๑. ให้นกั เรยี นจบั กล่มุ แบบคละความสามารถ กล่มุ ละ ๕ – ๖ คน ๒. ให้นักเรยี นทำการสืบคน้ และอภปิ รายภายในกลมุ่ ในหวั ขอ้ “เทคโนโลยีชวี ภาพคอื อะไร มีประวัตอิ ยา่ งไร” ๓. ให้นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มนำขอ้ มลู ที่ไดม้ าอภปิ รายหน้าห้อง ๔. ครสู รปุ ความร้แู ละใหค้ วามรู้เพิม่ เตมิ เกย่ี วกบั ผสมเทยี มสตั ว์ และการถา่ ยฝากตัวออ่ น การผสมเทียม (Artificial insemination) เป็นเทคโนโลยีที่นำมาใช้กับการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ ด้วย หลักการที่ให้ตัวอสุจิกับไข่ได้ผสมกันโดยไม่ต้องมีการร่วมเพศกันตามธรรมชาติ วิธีนี้ทำได้โดยให้มนุษย์เป็นผู้ฉีดเช้ือ อสุจขิ องสตั วเ์ พศผู้เขา้ ไปในอวยั วะสบื พันธ์ุของสตั ว์เพศเมียในระยะที่กำลงั เป็นสดั เพือ่ ให้เกดิ การปฏิสนธเิ ป็นผลให้เกิด การตั้งท้องในสัตว์เพศเมียได้ ขอ้ ดีของการผสมเทียมสตั ว์ มีดังนี้ ๑. ไดส้ ัตวพ์ นั ธ์ดุ ีตามความต้องการ ๒. ประหยดั น้ำเชื้อจากพ่อพันธุ์ เพราะสามารถใช้นา้ ยาละลายน้ำเช้ือเพอ่ื เพมิ่ ปรมิ าณได้ ๓. ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงพ่อพันธุ์ หรือการสั่งซื้อพ่อพันธุ์จากต่างประเทศ และการขนส่งพ่อ พนั ธ์ไุ ปผสมพันธุเ์ ปน็ ระยะทางไกลๆ ๔. เป็นการแกป้ ญั หาการตดิ ลูกยากและตกลกู ผิดฤดูกาล การผสมเทียมในประเทศไทย เริ่มทำการผสมเทียมโดยกรมปศุสัตว์ ใน พ.ศ.๒๔๙๙ ได้สั่งซื้อพ่อพันธุจ์ าก ต่างประเทศมารีดเก็บน้ำเชื้อ แล้วส่งไปให้สถานีผสมเทียมทั่วประเทศ ปัจจุบันมีสถานีให้บริการผสมเทียมโค กระบือ สุกร ทั่วประเทศไทยจำนวน ๔๖๕ หน่วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ประจำของแต่ละหน่วยจะออกไปให้บริการต่อเกษตรกรใน ท้องถิ่นท่ีสถานผี สมเทียมน้นั ๆตง้ั อยู่ สถานผี สมเทียมแหง่ แรกของไทยตง้ั ขึ้นท่ีจงั หวดั เชยี งใหม่ นอกจากปศุสัตว์จำพวกโค กระบือ และสุกรแล้ว ยังสามารถใช้วิธีผสมเทียมกับปลาต่างๆซึ่งเป็นสัตว์ที่มี การปฏสิ นธิภายนอกได้อีกด้วย เช่น การผสมเทยี มปลาตะเพียนขาว ปลาสวาย ปลานลิ ปลายีส่ ก ปลาดกุ ปลาบึก จะ เหน็ ไดว้ ่าสามารถทำได้ทัง้ ในปลาที่มีขนาดเล็กอย่างปลาดกุ จนถงึ ปลาทม่ี ขี นาดใหญค่ ือปลาบึก

๕๘ , แผนการจดั การเรียนรู้มุง่ เน้นสมรรถนะ หนว่ ยท่ี ๘ ชื่อหน่วย สอนคร้งั ท่ี ๑๔-๑๕ เทคโนโลยีชีวภาพ ชว่ั โมงรวม ๖ ชั่วโมง จำนวน ๖ ช่ัวโมง การถ่ายฝากตัวอ่อน เป็นการพัฒนาจากการผสมเทียม เพื่อให้ได้ปริมาณสัตว์พันธุ์ดีเพิ่มขึ้นในระยะเวลา เท่าเดิม หลงั การถ่ายฝากตวั อ่อนนนั้ จะต้องมแี ม่พันธุด์ ีเปน็ แม่ตวั ให้ กับแมท่ อ่ี ้มุ ท้องเป็นแม่ตวั รับ ซ่ึงมีได้หลายตัว และไม่จำเป็นต้องเป็นพันธุ์ดี แม่ตวั รบั จะมหี น้าที่รบั ตวั อ่อนจากแม่ตัวให้มาเจริญเติบโตภายในมดลกู จนคลอด การถ่ายฝากตัวอ่อนจะทำกับสัตว์ที่ตกลูกครั้งละ ๑ ตัว และมีระยะเวลาในการอุ้มท้องนานๆ เช่น โค กระบือ เพอ่ื ช่วยเพ่ิมจำนวนสตั วใ์ นขณะท่ีระยะเวลาการอุ้มท้องเทา่ เดิม ข้อดขี องการถ่ายฝากตวั ออ่ น มดี งั นี้ ๑. เพม่ิ ผลผลิตได้รวดเรว็ ในระยะเวลาเท่าเดมิ ๒. ประหยัดเวลาและค่าใชจ้ า่ ยในการเพิ่มผลผลติ ๓. ชว่ ยอนุรักษพ์ นั ธุ์สตั วต์ ่างๆท่ใี กลจ้ ะสญู พนั ธใุ์ ห้มีจำนวนเพ่ิมขึน้ ดว้ ย ๕. ให้นักเรียนทำใบงาน ผสมเทียม และการถ่ายฝากตัวอ่อน ๖. ให้นักเรียนทำการสืบคน้ และอภปิ รายภายในกลมุ่ ในหวั ขอ้ “พนั ธวุ ศิ วกรรม” ๗. ให้นกั เรียนแต่ละกล่มุ นำข้อมูลทไ่ี ดม้ าอภปิ รายหนา้ ห้อง ๘. ครูสรุปและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้จากการสบื คน้ สอนครั้งที่ ๒ ๑. ให้นกั เรียนจบั กล่มุ แบบคละความสามารถ กลมุ่ ละ ๕ – ๖ คน ๒. ครฉู ายภาพสุนัขทเ่ี กดิ จากการโคลนนงิ่ ๓. ใหน้ ักเรยี นสังเกตวา่ ลูกสนุ ขั ๒ ตวั ในภาพมคี วามเหมือนหรอื แตกต่างกันอยา่ งไร ๔. ครูเฉลยที่มาของสุนัขว่า “สุนัขในภาพเป็น สุนัขที่เกิดจากการโคลนนิ่งสุนขั พันธุ์พติ บูลล์เทอรเ์ รียร์ ชื่อว่า บูเกอร์ (Booger) ซึ่งตายด้วยโรคมะเร็งใน พ.ศ. ๒๕๔๙ โดยได้มีการเกบ็ เนื้อเยื่อใบหูไปเพาะเล้ียงเก็บไว้ แล้วส่งไปยงั บริษัท RNL Bio เพื่อทำการโคลนนิ่ง จนได้ลูกสุนัขโคลนนิ่งเกิดมา ๕ ตัวใน พ.ศ. ๒๕๕๑ ถือว่าเป็นการโคลนนิ่งสุนัข เพอ่ื การคา้ ไดส้ ำเร็จเป็นรายแรกของโลก” ๕. ใหน้ กั เรยี นทำการสืบค้นและอภิปรายภายในกลุม่ ในหวั ขอ้ “การโคลน (Cloning)” ๖. ให้นกั เรยี นแต่ละกลุ่มนำขอ้ มูลทไ่ี ด้มาอภิปรายหน้าหอ้ ง

๕๙ , แผนการจัดการเรยี นรู้มุ่งเนน้ สมรรถนะ หน่วยท่ี ๘ ชอื่ หน่วย สอนครงั้ ที่ ๑๔-๑๕ เทคโนโลยีชวี ภาพ ชวั่ โมงรวม ๖ ช่ัวโมง จำนวน ๖ ชั่วโมง ๗. ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั สรปุ ความร้แู ละให้นักเรียนทำใบงาน การโคลน การโคลน (Colning) ๘. ให้นกั เรียนทำการสืบคน้ และอภิปรายภายในกลุ่ม ในหวั ข้อ “การนำเทคโนโลยีชีวภาพมาใชป้ ระโยชน์” ๙. ให้นักเรียนแตล่ ะกล่มุ นำข้อมูลทไ่ี ดม้ าอภิปรายหน้าหอ้ ง ๑๐. ครูสรุปความรู้จาการที่นักเรียนได้อภิปรายและได้เพิ่มเติมความรู้โดยใช้ PowerPoint ประกอบ เร่อื ง ข้อกังวลเก่ยี วกบั การใชเ้ ทคโนโลยชี ีวภาพ เทคโนโลยีทุกชนิดเมื่อมีข้อดีก็ย่อมมีข้อเสีย ในกรณีของ GMOs นั้นข้อเสียคือ มีความเสี่ยงและความ ซับซ้อนใน การบริหารจดั การเพื่อให้มีความปลอดภยั เพือ่ ให้เกิดประโยชน์มากกว่าโทษ แม้ว่าในขณะนีย้ ังไม่มีรายงาน ว่ามี ผู้ใดได้รับอันตรายจากการบริโภคอาหาร GMOs แต่ความกังวลต่อความเสี่ยงของการใช้ GMOs เป็นสิ่งท่ี หลีกเลี่ยงได้ยาก เช่น กรณีตวั อยา่ งดงั ตอ่ ไปนี้ ๑. สารอาหารจาก GMOs อาจมีสิ่งปนเปื้อนที่เป็นอันตราย เช่น เคยมีข่าวว่า กรดอะมิโน L-Tryptophan ของบริษัท Showa Denko ทำให้ผู้บริโภคในสหรัฐเกิดอาการป่วยและล้มตาย อย่างไรก็ตาม กรณีที่เกิดขึ้นนี้แท้จริงแล้วเป็น ผลมาจากความบกพร่องในขั้นตอนการควบคุมคุณภาพ (quality control) ทำให้มสี ิง่ ปนเป้ือนหลงเหลอื อยู่ หลังจาก กระบวนการทำใหบ้ ริสทุ ธ์ิ มใิ ช่ตัว GMOs ทเ่ี ปน็ อันตราย ๒. ความกงั วลในเรอ่ื งของการเป็นพาหะของสารพิษ เชน่ ความกังวลท่วี า่ DNA จากไวรัสท่ีใช้ในการ ทำ GMOs อาจเป็นอันตราย เช่น การทดลองของ Dr.Pusztai ที่ทดลองให้หนูกนิ มนั ฝรัง่ ดิบที่มี lectin และพบว่าหนู มีภูมิคุ้ม กันลดลง และมีอาการบวมผิดปกติของลำไส้ ซึ่งงานชิ้นนี้ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างสูง โดยนักวิทยาศาสตร์ ส่วนใหญ่มีความเห็นว่าการออกแบบการทดลองและวิธีการทดลองบกพร่อง ไม่ได้มาตรฐานตาม หลักการวิทยา ศาสตร์ ในขณะนี้เชื่อว่ากำลังมีความพยายามที่จะดำเนินการทดลองที่รัดกุมมากขึ้นเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ เชอื่ ถอื ได้ มากขึ้น และจะสามารถสรปุ ได้วา่ ผลท่ีปรากฏมาจากการตบแต่งทางพันธุกรรมหรืออาจเป็นเพราะเหตุผลอ่นื ๓. สารอาหารจาก GMOs อาจมีคุณค่าทางโภชนาการไม่เท่าอาหารปกติในธรรมชาติ เช่น รายงาน ที่ว่าถั่วเหลอื งที่ ตัดแต่งพันธุกรรมมี isoflavone มากกว่าถั่วเหลืองธรรมดาเล็กนอ้ ย ซึ่งสารชนิดน้ีเป็นกลุ่มของสารท่ี เป็น phytoestrogen (ฮอร์โมนพืช) ทำให้มีความกังวลว่า การเพิ่มขึ้นของฮอร์โมน estrogen อาจทำให้เปน็ อันตราย ต่อ ผู้บริโภคหรือไม่ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กทารก จึงจำเป็นต้องมีการศึกษาผลกระทบของการเพิ่มปริ มาณของสาร isoflavine ต่อกลมุ่ ผูบ้ รโิ ภคดว้ ย ๔. ความกังวลต่อการเกิดสารภูมิแพ้ (allergen) ซึ่งอาจได้มาจากแหล่งเดิมของยนี ทีน่ ำมาใช้ทำ GMOs นั้น ตัวอย่าง ที่เคยมีเช่น การใช้ยีนจากถั่ว Brazil nut มาทำ GMOs เพื่อเพิ่มคุณค่าโปรตีนในถั่วเหลืองสำหรับเป็น อาหารสัตว์ จากการศึกษาที่มีขึ้นก่อนที่จะมีการผลิตออกจำหน่าย พบว่าถั่วเหลืองชนิดนี้อาจทำให้คนกลุ่มหนึ่งเกิด อาการแพ้ เนื่องจากได้รับโปรตีนที่เป็นสารภูมิแพ้จากถั่ว Brazil nut บริษัทจึงได้ระงับการพัฒนา GMOs ชนิดนี้ไป อย่างไร ก็ตามพชื GMOs อืน่ ๆ ทีม่ จี ำหน่ายอยทู่ ่ัวไปในโลกในขณะนี้ เช่น ถั่วเหลืองและข้าวโพดนัน้ ไดร้ ับการประเมิน แล้ววา่ อตั ราความเสย่ี งไม่แตกต่างจากถ่ัวเหลอื งและข้าวโพดทีป่ ลกู อยทู่ ่วั ไปในปจั จุบนั ๕. การตบแต่งพันธุกรรมในสัตว์ปลอดภัยต่อผู้บริโภคหรือไม่? ในบางกรณี วัว หมู รวมทั้งสัตว์ชนิด อื่นที่ได้รับ recombinant growth hormone อาจมีคุณภาพที่แตกต่างไปจากธรรมชาติ และ/หรือมีสารตกค้าง หรือไม่ ขณะนี้ยัง ไม่มีข้อยืนยันชัดเจนในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม สัตว์มีระบบสรีระวิทยาที่ซับซ้อนมากกว่าพืช และ เชื้อจุลินทรีย์ ทำให้การตบแต่งพันธุกรรมในสัตว์ อาจทำให้เกิดผลกระทบอื่นๆ ที่ไม่คาดคิดได้ โดยอาจทำให้สัตว์มี

๖๐ , แผนการจดั การเรียนรมู้ ุ่งเน้นสมรรถนะ หนว่ ยท่ี ๘ ชอ่ื หน่วย สอนครั้งที่ ๑๔-๑๕ เทคโนโลยีชีวภาพ ชวั่ โมงรวม ๖ ชัว่ โมง จำนวน ๖ ชวั่ โมง ลักษณะและ คุณสมบัติเปลี่ยนไป และมีผลทำให้เกิดสารพิษอื่นๆ ที่เป็นสารตกค้างที่ไม่ปรารถนาขึ้นได้ การตบแต่ง พันธุกรรม ในสัตว์ที่เป็นอาหารโดยตรง จึงควรต้องมีการพิจารณาขั้นตอนการประเมินความปลอดภัยที่ครอบคลุม มากกวา่ เช้อื จุลนิ ทรีย์และพืช ๖. ความกังวลเกีย่ วกับการด้ือยา กลา่ วคือเนอ่ื งจากใน marker gene มกั จะใชย้ นี ทีส่ รา้ งสารต่อต้าน ปฏชิ ีวนะ (antibiotic resistance) ดงั น้ันจงึ มผี ู้กงั วลวา่ พชื ใหม่ท่ไี ดอ้ าจมีสารต้านปฏชิ วี นะอย่ดู ว้ ย ทำให้มีคำถามวา่ ๖.๑ ถ้าผู้บริโภคอยู่ในระหว่างการใช้ยาปฏิชีวนะอยู่ อาจจะทำให้การรักษาไม่ได้ผลหรือไม่ เน่ืองจากมีสารตา้ น ทานยาปฏชิ ีวนะอยู่ในร่างกาย ซึง่ เป็นปญั หาทีน่ กั วิทยาศาสตรก์ ล่าวว่ามีโอกาสเกดิ ขึน้ ได้นอ้ ย และ สามารถแก้ไข หรอื หลกี เล่ยี งได้ ๖.๒ ถ้าเชื้อแบคทีเรียที่ตามปกติมีอยู่ในร่างกายคน ได้รับ marker gene ดังกล่าวเข้าไปโดย ผนวก (integrate) เข้าอยู่ในโครโมโซมของมันเอง ก็จะทำให้เกิดแบคทีเรียสายพันธุ์ใหม่ที่ดื้อยาปฏิชีวนะได้ ข้อนี้มี โอกาสเป็นไปได้ นอ้ ยมากแต่เมอ่ื มคี วามกังวลเกิดข้ึน ขณะนน้ี กั วทิ ยาศาสตรจ์ งึ ไดค้ ดิ คน้ วิธีใหม่ทไี่ ม่ต้องใช้ selectable marker ทเ่ี ปน็ สาร ตอ่ ตา้ นปฏิชีวนะ หรือบางกรณกี ส็ ามารถนำยีนสว่ นทสี่ ร้างสารต่อต้านปฏิชีวนะออกไปได้ก่อนที่จะ เขา้ สูห่ ว่ งโซ่ อาหาร ๗. ความกังวลเกี่ยวกับการที่ยีน ๓๕S promoter และ NOS terminator ที่อยู่ในเซลล์ของ GMOs จะหลุดรอดจากการ ย่อยภายในกระเพาะอาหารและลำไส้ เขา้ สเู่ ซลลป์ กติของคนท่ีรับประทานเข้าไป แลว้ เกดิ active ขึ้นทำให้เกดิ การเปลี่ยนแปลงของยนี ในมนษุ ย์ ซึ่งข้อนี้จากผลการทดลองที่ผ่านมายืนยนั ไดว้ ่า ไม่น่ากังวลเนื่องจากมี โอกาส เปน็ ไปได้นอ้ ยท่ีสดุ ๘. อยา่ งไรก็ตาม อาจจำเป็นต้องใช้ความระมดั ระวังบ้างในบางกรณี เชน่ เด็กอ่อนท่ีมีระบบทางเดิน อาหารที่สั้นกว่า ผู้ใหญ่ทำให้การย่อยอาหารโดยเฉพาะ DNA ในอาหาร เป็นไปโดยไม่สมบูรณ์เมื่อเทียบกับผู้ใหญ่ ใน ขอ้ นแ้ี ม้วา่ จะมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดอันตรายคอ่ นขา้ งต่ำ แตก่ ็ควรมีการวจิ ยั โดยละเอยี ดตอ่ ไป ๑๑. ใหน้ ักเรยี นทำใบงาน ประโยชน์ของเทคโนโลยีชีวภาพ ๕.๓ ขนั้ สรปุ ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ๑. ตรวจสอบผลการเรียนรโู้ ดยการซักถามเปน็ ระยะและตรวจสอบผลการปฏิบตั ิกิจกรรม ๒. สังเกตและบันทึกพฤติกรรมผู้เรียนเป็นรายบุคคลและรายกลุ่ม ขณะผู้เรียนศึกษาบทเรียนและปฏิบัติ กิจกรรม ตามใบงาน ๓.รว่ มกบั ผเู้ รยี นประเมนิ ผลการปฏบิ ัตงิ าน ตามแบบประเมนิ ๔. รว่ มกบั ผ้เู รียนประเมินผลการเรียนรแู้ ละผลการปฏบิ ัตงิ าน ๕.๔ การวัดและประเมินผล ๑. ให้ผู้เรียนทำแบบฝึกหัด เรื่อง เทคโนโลยีชีวภาพ แล้วตรวจสอบคำตอบตามใบเฉลยโดยสลับกันตรวจและ ให้คะแนน ๒. ใหผ้ ู้เรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน เทคโนโลยชี ีวภาพ เสร็จแลว้ ตรวจสอบคำตอบตามใบเฉลยโดยสลับกัน ตรวจและให้คะแนน

๖๑ , แผนการจดั การเรียนรมู้ งุ่ เน้นสมรรถนะ หน่วยท่ี ๘ ชื่อหน่วย สอนคร้งั ที่ ๑๔-๑๕ เทคโนโลยีชีวภาพ ชวั่ โมงรวม ๖ ชัว่ โมง จำนวน ๖ ชว่ั โมง ๓. ครูเน้นย้ำให้ผู้เรียนตระหนักถึงการมีวินัย ใฝ่รู้ มีความรับผิดชอบ มีจิตสาธารณะ ในการเรียนเรื่อง เทคโนโลยีชวี ภาพ ๖. สื่อการเรยี นรู้ สื่อสงิ่ พิมพ์ ๑. ตำราเกยี่ วกบั การเทคโนโลยชี วี ภาพ ๒. แบบทดสอบเรอ่ื งเทคโนโลยชี วี ภาพ ๓. แบบประเมินผล สื่อโสตทศั น์ ๑. มัลตมิ ีเดีย ประกอบการสอน เรือ่ ง “เทคโนโลยชี ีวภาพ” ครภุ ณั ฑ์/เครอ่ื งมอื /วสั ดุ-อุปกรณ์ ๑. วสั ดอุ ุปกรณป์ ระกอบการสอน เร่ือง “เทคโนโลยชี วี ภาพ” ๗. เอกสารประกอบการเรียนรู้ - ใบงาน เร่อื ง “เทคโนโลยีชวี ภาพ” ๘. การบูรณาการ/ความสมั พันธ์กับวิชาอ่นื บูรณาการกับหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งเกี่ยวกับ - นกั เรยี นมีความพอประมาณในการอยู่อย่างพอเพยี ง - นักเรยี นมภี ูมคิ มุ้ กันเกย่ี วกับการมวี ินยั ใฝ่รู้ มีความรับผิดชอบ มจี ิตสาธารณะ ๙. การวดั ผลและประเมินผล ๑. วิธีวัดผลและประเมินผล ๑. การทำทดสอบก่อนเรียน/หลังเรยี น ๒. การสงั เกตพฤติกรรมระหวา่ งเรียน ๓.การปฏิบัตกิ ิจกรรมตามใบงาน ๔. การทำแบบฝกึ หัด/แบบทดสอบ ๒. เครื่องมอื วัดและประเมินผล ๑. แบบทดสอบก่อนเรียน/หลังเรียน ๒. แบบสังเกตพฤตกิ รรมระหว่างเรียน ๓. แบประเมนิ การปฏิบตั ิกิจกรรมตามใบงาน ๔. แบบบันทึกคะแนนแบบฝึกหัด/แบบทดสอบ

๖๒ , แผนการจดั การเรียนรมู้ ุ่งเนน้ สมรรถนะ หน่วยท่ี ๘ ช่อื หน่วย สอนครงั้ ท่ี ๑๔-๑๕ เทคโนโลยีชีวภาพ ช่วั โมงรวม ๖ ชัว่ โมง จำนวน ๖ ช่ัวโมง ๓. เกณฑก์ ารประเมนิ ๑. ประเมินจากการทำทดสอบ หลงั เรยี น จำนวน ๑๐ ข้อ เกณฑ์ผ่าน ๗ คะแนน จาก ๑๐ คะแนน ๒. ประเมินจากพฤติกรรมระหวา่ งเรยี นรู้ เกณฑ์ผ่าน ๗ คะแนน จาก ๑๐ คะแนน ๓. ประเมินจากผลการปฏิบตั ิกจิ กรรมตามใบงาน เกณฑผ์ ่าน ๗ คะแนน จาก ๑๐ คะแนน ๔. ประเมินจากคะแนนการทำแบบฝึกหัด/แบบทดสอบ เกณฑผ์ า่ น ๗ คะแนน จาก ๑๐ คะแนน ๑๐. บันทึกหลังการสอน

๖๓ , แผนการจัดการเรยี นรมู้ ุ่งเน้นสมรรถนะ หนว่ ยที่ ๘ สอนครง้ั ท่ี ๑๔-๑๕ ช่อื หน่วย ชว่ั โมงรวม ๖ ชว่ั โมง เทคโนโลยชี ีวภาพ จำนวน ๖ ช่ัวโมง บันทกึ หลังสอน สปั ดาหท์ ี่ ช่ือวิชา รหัสวิชา หนว่ ยท่ี แผนกวชิ า วนั ทสี่ อน จำนวน รายการสอน จำนวน คน เข้าเรยี น ช่วั โมง จำนวน คน เข้าเรยี น ภาคเรียนที่ ปกี ารศึกษา คน ขาดเรียน คน ขาดเรยี น จำนวนผเู้ รยี น ชน้ั กลุ่ม คน คน ชนั้ กลมุ่ ๑.เนอ้ื หาทส่ี อน (สาระสำคัญ) ๒.ผลการสอน ๓.ปญั หา อุปสรรค ท่เี กิดขน้ึ ในระหว่างการเรยี นการสอน ๔.แนวทางการแกป้ ัญหาของครผู สู้ อน (แนวทางการทำวิจยั ) ลงช่ือ ผู้สอน (นางสาวจุฑามาศ โสมสุวรรณ) // ลงชือ่ หัวหนา้ แผนก ลงชือ่ หัวหนา้ งานหลกั สตู รฯ (นางกุศล พรผดุงธรรม) (นายสมศกั ดิ์ หลวงนา) // // ลงชอ่ื รองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ (นายประเสริฐ ถงึ วิสยั ) //


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook