Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยที่ 9 นาโนเทคโนโลยี

แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยที่ 9 นาโนเทคโนโลยี

Published by Juthamas Somsuwan, 2023-06-30 12:20:03

Description: แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยที่ 9 นาโนเทคโนโลยี

Search

Read the Text Version

๖๔ แผนการจดั การเรยี นรูม้ ่งุ เน้นสมรรถนะ หนว่ ยท่ี ๙ ชือ่ หน่วย สอนครง้ั ท่ี ๑๖ นาโนเทคโนโลยี ชั่วโมงรวม ๓ ช่ัวโมง จำนวน ๓ ชั่วโมง ๑. สาระสำคัญ นาโนเทคโนโลยีเป็นกระบวนการสร้างและสังเคราะห์วัสดุอุปกรณ์เครื่องใช้ต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพสูงข้ึน โดยการใช้อนุภาคขนาดนาโนผสมเข้าไปในเนื้อวสั ดุด้วยเทคโนโลยีข้ันสูงใหเ้ ป็นแบบซูเปอร์จิ๋ว เช่น พลาสติกนาโนจะมี คณุ สมบตั ิแข็งแรง เบา ทนตอ่ ความร้อนกว่าเดมิ หลายเทา่ ตวั เป็นตน้ ๒. สมรรถนะหลัก (สมรรถนะประจำหน่วย) ๒.๑ แสดงความรู้เบอื้ งต้นเก่ียวกับนาโนเทคโนโลยี ๒.๒ ตระหนักถึงการมวี ินัย ใฝ่รู้ มีความรบั ผิดชอบ มจี ติ สาธารณะ ๓. สมรรถนะย่อย (สมรรถนะการเรยี นรู)้ ๓.๑ สมรรถนะทพี่ ึงประสงค์ (ทฤษฏ)ี ๓.๑.๑ บอกความหมายของนาโนเทคโนโลยไี ด้อย่างถกู ต้อง ๓.๑.๒ อธบิ ายหลกั การพืน้ ฐานของนาโนเทคโนโลยีไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง ๓.๑.๓ บรรยายความเก่ยี วขอ้ งระหว่างนาโนเทคโนโลยีกบั อุตสาหกรรมได้อย่างถูกต้อง ๓.๒ สมรรถนะท่พี ึงประสงค์ (ปฏบิ ตั ิ) ๓.๒.๑ ยกตัวอย่างและอธบิ ายนาโนเทคโนโลยใี นธรรมชาติ ไดอ้ ยา่ งถูกต้อง ๓.๒.๒ ยกตัวอย่างผลิตภณั ฑ์นาโนและบอกคุณสมบัตขิ องผลติ ภณั ฑ์ได้อยา่ งถูกต้อง ๓.๓ ด้านคุณลกั ษณะทพี่ งึ ประสงค์ ๓.๓.๑ ตระหนักถึงการมวี นิ ัย ใฝร่ ู้ มีความรบั ผดิ ชอบ มีจติ สาธารณะ ๔. เนอื้ หาสาระการเรียนรู้ ๔.๑ นาโนเทคโนโลยี ๕. กิจกรรมการเรียนรู้ ในการจัดการเรียนการสอนรายวิชาวิทยาศาสตร์เพอื่ พัฒนาทักษะชวี ติ ได้กำหนดกิจกรรมการเรยี นการสอน ให้ผู้เรยี นเกดิ การเรยี นรโู้ ดยใช้วธิ กี ารจดั การเรยี นร้รู ูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ ๕E ของสถาบันสง่ เสริมการ สอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (สสวท., ๒๕๔๖) ๕.๑ ขนั้ นำเขา้ สกู่ จิ กรรมการเรยี นรู้ ๑. จัดเตรียมเอกสารประกอบการเรียน สอื่ โสตทัศน์ ครุภณั ฑ์ เครอ่ื งมอื วสั ดุ-อุปกรณ์ ๒. ทดสอบก่อนเรียน โดยใช้แบบทดสอบเรื่อง นาโนเทคโนโลยี แล้วให้ผู้เรียนตรวจสอบคำตอบตามใบเฉลย โดยสลบั กนั ตรวจแล้วสรุป ๓. ครใู ชค้ ำถามเพือ่ กระตนุ้ ความสนใจของผูเ้ รียนวา่ “เล็กแค่ไหนถึงจะเป็น ระดบั นาโน”

๖๕ แผนการจดั การเรียนรมู้ ุง่ เนน้ สมรรถนะ หนว่ ยท่ี ๙ ชื่อหน่วย สอนครง้ั ท่ี ๑๖ นาโนเทคโนโลยี ชัว่ โมงรวม ๓ ชวั่ โมง จำนวน ๓ ชว่ั โมง ๕.๒ ข้ันการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ๑. ครูอธบิ ายเปรยี บเทียบขนาดนาโน โดยใช้ PowerPoint ประกอบ มดตัวเล็กๆ มีขนาดประมาณ ๕ มิลลิเมตร หัวเข็มหมุดอยู่ที่ราว ๑-๒ มิลลิเมตร แต่หากเป็นเส้นผม จะมีเส้นผ่าศูนย์กลางอยู่ที่ราว ๑๐-๕๐ ไมโครเมตร ตามมาด้วยฝุ่นละอองขนาด ๑๐-๒๐ ไมโครเมตร หรือเม็ดเลือด แดงจะอยู่ราว ๖-๘ ไมโครเมตร แต่ระดับนาโนเมตรยิ่งเล็กกว่า อาทิ เส้นผ่านศูนย์กลางวงกลมที่เกิดจากการจัดเรียง อะตอมเหล็กจำนวน ๔๘ อะตอมบนทองแดง ขนาดประมาณ ๑๔ นาโนเมตร, เส้นผ่านศูนย์กลางท่อนาโนคาร์บอน ขนาดประมาณ ๒ นาโนเมตร สว่ นเสน้ ผา่ นศนู ย์กลางโมเลกลุ ฟูลเลอรีน ขนาดประมาณ ๑ นาโนเมตร ๒. ให้นักเรยี นจับกลมุ่ แบบคละความสามารถ กลมุ่ ละ ๕ – ๖ ค ๓. ให้นักเรียนทำการสืบค้นและอภิปรายภายในกลุ่ม ในหัวข้อ “บอกความหมาย ความเป็นมาและหลักการ พืน้ ฐานของนาโนเทคโนโลยี” ๔. ใหน้ ักเรยี นแตล่ ะกลุ่มนำข้อมลู ที่ไดม้ าอภิปรายหนา้ ห้อง ๕. ครูสรุปความรู้จาการที่นักเรียนได้อภิปรายและได้เพิ่มเติมความรู้โดยใช้ PowerPoint ประกอบ เรือ่ ง นาโนเทคโนโลยีในธรรมชาติ วัสดุนาโนมีอยู่แล้วในธรรมชาติ มนุษย์เพิ่งจะทราบความลับนาโนที่ซ่อนเร้นเมื่อไม่นานมาน้ี เมื่อมนุษย์สามารถสร้างอุปกรณ์และเครื่องมือ ที่สามารถทำให้เราเห็นในสิ่งที่สายตาปกติมองไม่เห็น ทำให้มนุษย์ สามารถอธิบายปรากฏการณ์บางอย่างในธรรมชาติ ซึ่งเดิมไม่สามารถหาเหตุผลมาอธิบายได้ เทคโนโลยีนาโนใน ธรรมชาตมิ ีอยมู่ ากมาย พอยกตัวอยา่ งได้ดังนี้ ตนี ตกุ๊ แก ต๊กุ แกและสัตวเ์ ลื้อยคลานบางชนิด เช่น จงิ้ จก สามารถเกาะติด เคล่อื นไหวปนี ป่าย หรือห้อยโหน ไปตามผนังบ้าน เพดาน หรือผนังวัตถุอืน่ ๆ ได้โดยไม่ตกลงมา เพราะอุ้งตีนตุ๊กแกมีนิ้วที่แผ่แบนกว้างออกไปมาก ท่ี ปลายนิ้วท่ีแผ่แบนออกไปน้ี มีลักษณะเปน็ แถบมองดูเหมือนเกลด็ เรียกแถบเหลา่ นวี้ า่ ลาเมลเล่ (Lamellae) ท่ีลาเมล เลเ่ หลา่ นี้ เมือ่ มองดูดว้ ยกล้องจุลทรรศนจ์ ะพบว่ามีขนเล็กๆ เรียกว่าซีเต้ (setae) นบั ลา้ นเส้น ที่ปลายขนเลก็ ๆ เหลา่ นี้ แต่ละเส้นยังมีขนปลายแบนเล็กจิ๋วเรียกว่าสปาตูเล่ (spatulae) ที่สามารถสร้างแรงยึดเหนี่ยวกับวัตถุที่เกาะได้อยู่อีก นบั ร้อยเส้น ทำให้ต๊กุ แกสามารถเกาะยดึ กับวัตถตุ ่างๆ และเคลื่อนทไี่ ปมาไดโ้ ดยไม่ตก

๖๖ แผนการจดั การเรยี นร้มู ุ่งเน้นสมรรถนะ หนว่ ยท่ี ๙ ชอ่ื หน่วย สอนครั้งที่ ๑๖ นาโนเทคโนโลยี ช่วั โมงรวม ๓ ชั่วโมง จำนวน ๓ ชว่ั โมง จากการศึกษาโครงสร้างของตีนตุ๊กแกนี่เอง ทำให้นักวิทยาศาสตร์สามารถสร้างเส้นขนขนาดนาโน (nanoscopic hairs) ท่ที ำหน้าท่ีคลา้ ยกบั สปาตูเล่ท่ีตีนตุ๊กแกได้ เรียกวา่ แถบยดึ ตกุ๊ แก (Gecko Tape) นำไปใช้ในการ ผูกมัด ยึดเกาะในสิ่งของเครื่องใช้ชนิดต่างๆ แทนการผูกด้วยเชือก กระดุม หรือซิป เช่น ใช้ยึดรองเท้าแทนการผูก เชือก ใช้กดยึดปิดฝากระเป๋าแทนการมัดหรือติดรังดุม ทำให้การใช้งานรวดเร็วขึ้น นอกจากนี้ยังใช้ในการผลิตเทปที่มี ความเหนียวมากใหแ้ กน่ ักบนิ อวกาศ เพ่ือนำไปใช้ในสภาวะสุญญากาศ ผลิตเทปติดแผลท่ีใช้ในการผ่าตดั เปน็ ตน้ ใบบวั ในชีวิตประจำวันเราอาจจะพบเห็นอยู่บ่อยๆ ว่าใบไม้บางอย่างไม่เปียกน้ำ เช่น ใบบัว หรือใบบอน เมื่อโดนน้ำจะไม่เปียก นอกจากไม่เปียกน้ำแล้วยังนำเอาฝุ่นละออง หรือคราบสกปรกที่เกาะติดอยู่กับใบไม้ หลุดลอก ออกไปด้วย ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า ผิวหน้าของใบบัวประกอบด้วยโครงสร้างขนาดเล็กๆ คล้ายหนามอยู่จำนวนมาก และมีการกระจายตัวอย่างเป็นระเบียบ โดยหนามแต่ละอันมีความเล็กขนาดนาโนเมตร หนามเหล่านี้ส่งผลให้ผิว ดา้ นหน้าของใบบวั มีลักษณะขรุขระ เม่ือหยดน้ำซงึ่ มีแรงตงึ ผิวในตัวอยู่แล้ว ตกลงมากระทบใบบัว ทำให้พ้ืนท่ีผิวสัมผัส ระหว่างน้ำกับใบบัวนั้นน้อยมาก นอกจากนี้ผิวด้านบนของใบบัวยังเคลือบด้วยสารซึ่งมีลักษณะคล้ายขี้ผ้ึง ซ่งึ มคี ณุ สมบัตไิ ม่ชอบนำ้ (Hydrophobic) ทำใหห้ ยดนำ้ ไม่กระจายตวั คุณสมบตั ทิ ัง้ สองประการน้ี สง่ ผลใหใ้ บบัวแสดง คุณสมบัติเป็นพื้นผิวปฏิเสธน้ำชั้นเยี่ยม (Super hydrophobic surface) หากมีฝุ่นผงและสิ่งสกปรกต่างๆ ตดิ อยู่ที่ใบบัว เมอื่ หยดนำ้ ตกลงมาหยดนำ้ จะกล้ิงพาใหส้ งิ่ สกปรกตดิ ไปกบั หยดน้ำ เน่ืองจากแรงยึดเหนีย่ วระหว่างหยด น้ำ กับสิ่งสกปรกมีค่าสูงกว่าแรงยึดเหนี่ยวระหว่างสิ่งสกปรกกับใบบัว จึงทำให้ใบบัวสะอาดอยู่เสมอ (self-cleaning surface) จากธรรมชาติของใบบัว ทำให้นักวิทยาศาสตรม์ ีแนวความคิดในการสร้างเสือ้ ผา้ ที่กันน้ำได้ โดยนำ เส้นใยที่ใช้ผลิตเสื้อผา้ มาเคลือบด้วยสารที่ปฏิเสธน้ำ ทำให้น้ำและของเหลวต่างๆ ไม่ซึมลงบนเสื้อผ้าที่สวมใส่ ทำให้ เสื้อผ้าสะอาดอยูไ่ ด้นาน รวมถึงการผลิตสี ฟิล์ม หรือกระจกที่มีคุณสมบัติในการทำความสะอาดตัวเองได้ โดยเมื่อมี สิ่งสกปรกมาเกาะอยู่บนผิวด้านหน้า เมื่อฝนตกลงมาจะชะพาเอาสิ่งสกปรกหลุดออกมาด้วย ส่งผลให้ผิวหน้าของ ผลติ ภณั ฑส์ ะอาดอยู่เสมอ ใยแมงมุม แมงมุมเป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถชักใย และถักทอเป็นตาข่ายใช้ในการล่าสัตว์ ดักจับแมลงเป็นอาหาร ใยแมงมุม (Cobweb) เป็นเส้นใยที่มีความเหนียว แข็งแรง และทนทานมาก สามารถรองรับน้ำหนักมากๆ หรือหยุด แมลงที่บินมาด้วยความเร็วสูงได้โดยไม่ขาด ใยแมงมุมจะถูกพ่นออกมาจากต่อมสร้างใย ซึ่งอยู่บริเวณใต้ท้องด้านหลัง หรือส่วนก้นของลำตัว สารที่พ่นออกมาเป็นโปรตีนที่ละลายน้ำได้ชื่อไฟโบรอิน (fibroin) อยู่ในลักษณะของเหลว เมื่อสัมผัสกับอากาศภายนอก เส้นใยจะแห้งและแข็งตัว แมงมุมจะใช้ขาถักทอเส้นใยเล็กๆ นี้เข้าด้วยกัน เป็นเส้นใย ที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งก็คือใยแมงมุมนั่นเอง มีความแข็งแรงมากกว่าเหล็กถึง ๕ เท่า แข็งแรงมากกว่าใย Kevlar ซึ่งใช้ทำเส้ือ เกราะกันกระสุนถึง ๓ เท่า จึงเป็นความหวังของนักวิทยาศาสตร์ ที่จะนำเอาเส้นใยที่เหนียว แข็งแกร่ง ทนทาน น้ำหนักเบา และมีความยืดหยุ่นสูงนี้ ไปทำเป็นชุดป้องกันภัยที่ทนต่อแรงอัด แรงกระแทก ฉีก ดึง เช่น ชุดเกราะกัน กระสุน ชดุ เก็บก้รู ะเบดิ หมวกนิรภัย เปน็ ตน้

๖๗ แผนการจดั การเรียนรมู้ ุ่งเน้นสมรรถนะ หนว่ ยที่ ๙ ชอ่ื หน่วย สอนคร้ังที่ ๑๖ นาโนเทคโนโลยี ชั่วโมงรวม ๓ ชัว่ โมง จำนวน ๓ ชว่ั โมง มีรายงานการนำเทคโนโลยีการผลิตใยแมงมุมไปใช้ในทางอุตสาหกรรมว่า มีบริษัทในต่างประเทศ แห่งหนึ่ง สามารถสงั เคราะห์เสน้ ใยแมงมุมเลยี นแบบธรรมชาติได้ โดยใช้เทคโนโลยีพันธุวิศวกรรม นำยีนสร้างเส้นใย ของแมงมุมใสเ่ ขา้ ไปในยีนสรา้ งนำ้ นมของแพะดังนัน้ น้ำนมของแพะทรี่ ีดออกมาจงึ มโี ปรตีนใยแมงมมุ อยู่ด้วยจากน้ันจึง แยกเอาโปรตนี ดังกลา่ วออกมาจากนำ้ นม นำไปสงั เคราะหเ์ ส้นใยต่อไป เปลือกหอยเปา๋ ฮอ้ื หอยเป๋าฮื้อมีเปลือกที่แข็งแกร่ง แข็งแรง และทนทานเป็นพิเศษ ทั้งๆ ที่สารเคมีที่เป็นองค์ประกอบ หลกั ของเปลือกหอยก็คอื หินปนู หรือแคลเซียมคาร์บอเนต(CaCO๓) เช่นเดียวกนั กับชอล์คทใ่ี ช้เขียนกระดานแต่ท้ังสอง ชนิดมีคุณสมบัติทางกายภาพต่างกันโดยสิ้นเชิงโดยเฉพาะความแข็งเพราะชอล์คจะเปราะแตกและหักง่ายแต่เปลือก หอยจะมีลักษณะมันวาวและมีความแข็งแกร่งสูงมากที่เป็นเช่นนี้เพราะว่าการจัดเรียงโมเลกุลและการเชื่อมโยง แตกต่างกันโมเลกุลของแคลเซียมคาร์บอเนตในแท่งชอล์ค เรียงอยู่ด้วยกันอย่างไม่เป็นระเบียบมีช่องว่างระหว่าง โมเลกุลมาก และสารที่เชื่อมประสานขาดความแข็งแรง แต่โมเลกุลของแคลเซียมคาร์บอเนตในเปลือกหอย มีการ เรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เชื่อมต่อประสานกันด้วยกาวที่เป็นโปรตีนและพอลิแซคคาไรด์ มี ช่องว่าง ระหว่างโมเลกุลนอ้ ย มคี วามหนาแนน่ สูง ทำให้มีความแข็งแรงทนทานมาก ปีกผีเส้อื ผีเสือเป็นสิ่งมีชีวิตอีกชนิดหนึ่ง ที่เก็บความลับนาโนธรรมชาติไว้กับตัว มีสีสันสดใสประดับโลกให้ สวยงาม โดยเฉพาะผีเสื้อเพศผู้จะมีปีกที่มีสีสันสวยงามมากเป็นพิเศษในธรรมชาตนิ ่าจะมีไวด้ ึงดูดเพศตรงกันข้ามาให้ สนใจยอมจับคู่ผสมพันธุ์ด้วย ถ้าเคยสังเกตหรือจับผีเสื้อมาพิจารณาใกล้ๆ จะพบว่าในบางครั้งปีกผีเสื้อก็สามารถ เปลี่ยนสีได้ หรือจับมาเอียงมองในมุมที่ต่างกันออกไป จะพบว่าสีของปีกผีเสื้อบางชนิด เปลี่ยนไปตามมุมที่มอง ที่เปน็ เชน่ นไ้ี ม่ได้เป็นเพราะวา่ ผีเส้ือมสี ารทท่ี ำใหเ้ ปลี่ยนสีได้อยู่ในปีก แตเ่ ปน็ เพราะวา่ ปีกของผีเสอื้ มีสารท่ีสะท้อนแสง แตล่ ะสีอยู่แล้ว เพยี งแตว่ ่าจะสะท้อนแสงสีใดออกมาน้ัน ขนึ้ อยู่กับมุมที่แสงตกกระทบ ทัง้ น้เี ป็นเพราะว่า ปีกผีเสื้อน้ัน จะเปน็ รพู รนุ เล็กๆ อยู่ในช่วงนาโนอยเู่ ปน็ จำนวนมากมายมหาศาล และเรยี งตัวกันอย่างเปน็ ระเบียบ ทำหน้าที่เหมือน ผลึกโฟโตนิกส์ (Photonic crystal) ดูดกลืนและสะท้อนแสงในธรรมชาติ เช่น ถ้าแสงตกกระทบเป็นมุมหนึ่งอาจ สะท้อนแสงสีน้ำเงินออกมา และดูดกลืนแสงสีอื่นไว้ จึงทำให้มองเห็นปีกเป็นสีน้ำเงิน ถ้าผีเสื้อขยับปีก ทำใ ห้มุมตก กระทบของแสงมีค่าเปล่ียนไป อาจดูดกลืนแสงสีอ่นื ไว้ แล้วสะทอ้ งแสงสีฟ้าออกมา จงึ ทำให้มองเห็นปีกผีเสื้อเป็นสีฟ้า เป็นตน้ นอกจากปกี ผเี สอื้ แลว้ ยงั มีแมลงอีกหลายชนิดท่ีเปลีย่ นสีของปกี หรือลำตวั ได้ เมื่อมองในมมุ ทแี่ ตกต่าง กันออกไป เช่น แมลงทบั ดว้ งปกี แขง็ บางชนิด นัยน์ตาแมลงปอ แมลงวัน เป็นต้น ๖. ให้นักเรียนทำการสืบค้นและอภิปรายภายในกลุ่ม ในหัวข้อ “นาโนเทคโนโลยีกับอุตสาหกรรมและ ผลิตภัณฑน์ าโน” ๗. ให้นกั เรียนแต่ละกลมุ่ นำข้อมูลท่ีไดม้ าอภิปรายหน้าห้อง ๘. ครูและนักเรยี นรว่ มกันสรปุ ความรู้และใหน้ กั เรียนทำใบงาน นาโนเทคโนโลยี ๕.๓ ขัน้ สรุปผลการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ๑. ตรวจสอบผลการเรียนรู้โดยการซกั ถามเปน็ ระยะและตรวจสอบผลการปฏบิ ัติกิจกรรม

๖๘ แผนการจดั การเรยี นร้มู งุ่ เนน้ สมรรถนะ หน่วยที่ ๙ ชื่อหน่วย สอนคร้งั ที่ ๑๖ นาโนเทคโนโลยี ช่ัวโมงรวม ๓ ชั่วโมง จำนวน ๓ ช่วั โมง ๒. สังเกตและบันทึกพฤติกรรมผู้เรียนเป็นรายบุคคลและรายกลุ่ม ขณะผู้เรียนศึกษาบทเรียนและปฏิบัติ กิจกรรม ตามใบงาน ๓.รว่ มกับผูเ้ รียนประเมนิ ผลการปฏบิ ตั ิงาน ตามแบบประเมิน ๔. รว่ มกบั ผเู้ รยี นประเมนิ ผลการเรยี นรแู้ ละผลการปฏบิ ตั ิงาน ๕.๔ การวดั และประเมินผล ๑. ให้ผู้เรียนทำแบบฝึกหัด เรื่อง ประโยชน์ของนาโนเทคโนโลยี แล้วตรวจสอบคำตอบตามใบเฉลยโดย สลับกนั ตรวจและใหค้ ะแนน ๒. ใหผ้ เู้ รียนทำแบบทดสอบหลังเรียน ประโยชน์ของนาโนเทคโนโลยี เสร็จแลว้ ตรวจสอบคำตอบตามใบเฉลย โดยสลับกันตรวจและให้คะแนน ๓. ครูเน้นย้ำให้ผู้เรียนตระหนักถึงการมีวินัย ใฝ่รู้ มีความรับผิดชอบ มีจิตสาธารณะ ในการเรียนเรื่อง นาโนเทคโนโลยี ๖. ส่อื การเรียนรู้ ส่ือส่งิ พิมพ์ ๑. ตำราเกย่ี วกบั ประโยชน์ของนาโนเทคโนโลยี ๒. แบบทดสอบเรอื่ งประโยชน์ของนาโนเทคโนโลยี ๓. แบบประเมินผล สื่อโสตทัศน์ ๑. มัลตมิ เี ดยี ประกอบการสอน เรอื่ ง “นาโนเทคโนโลยี” ครภุ ณั ฑ์/เคร่ืองมอื /วสั ดุ-อุปกรณ์ ๑. วสั ดอุ ปุ กรณป์ ระกอบการสอน เรื่อง “นาโนเทคโนโลยี ๗. เอกสารประกอบการเรยี นรู้ - ใบงาน เรอ่ื ง “นาโนเทคโนโลยี” ๘. การบูรณาการ/ความสัมพนั ธ์กับวิชาอนื่ บูรณาการกับหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งเกยี่ วกบั - นกั เรยี นมคี วามพอประมาณในการอยู่อยา่ งพอเพยี ง - นกั เรียนมีภมู ิคุม้ กันเกย่ี วกบั การมวี ินยั ใฝ่รู้ มีความรับผิดชอบ มจี ติ สาธารณะ ๙. การวัดผลและประเมนิ ผล ๑. วิธวี ัดผลและประเมินผล ๑. การทำทดสอบกอ่ นเรยี น/หลงั เรียน

๖๙ แผนการจดั การเรยี นรมู้ ่งุ เน้นสมรรถนะ หนว่ ยที่ ๙ ชอื่ หน่วย สอนครัง้ ที่ ๑๖ นาโนเทคโนโลยี ชวั่ โมงรวม ๓ ช่ัวโมง จำนวน ๓ ช่วั โมง ๒. การสังเกตพฤตกิ รรมระหว่างเรยี น ๓.การปฏิบัตกิ จิ กรรมตามใบงาน ๔. การทำแบบฝกึ หดั /แบบทดสอบ ๒. เครอ่ื งมอื วดั และประเมินผล ๑. แบบทดสอบก่อนเรยี น/หลงั เรยี น ๒. แบบสังเกตพฤตกิ รรมระหว่างเรียน ๓. แบประเมนิ การปฏิบัติกิจกรรมตามใบงาน ๔. แบบบันทกึ คะแนนแบบฝึกหดั /แบบทดสอบ ๓. เกณฑก์ ารประเมิน ๑. ประเมินจากการทำทดสอบ หลังเรียน จำนวน ๑๐ ข้อ เกณฑ์ผ่าน ๗ คะแนน จาก ๑๐ คะแนน ๒. ประเมนิ จากพฤติกรรมระหว่างเรียนรู้ เกณฑ์ผ่าน ๗ คะแนน จาก ๑๐ คะแนน ๓. ประเมนิ จากผลการปฏิบัติกจิ กรรมตามใบงาน เกณฑผ์ ่าน ๗ คะแนน จาก ๑๐ คะแนน ๔. ประเมินจากคะแนนการทำแบบฝึกหดั /แบบทดสอบ เกณฑผ์ ่าน ๗ คะแนน จาก ๑๐ คะแนน ๑๐. บันทึกหลังการสอน

๗๐ แผนการจดั การเรียนร้มู ุง่ เน้นสมรรถนะ หนว่ ยท่ี ๙ สอนครงั้ ที่ ๑๖ ชอื่ หน่วย ชวั่ โมงรวม ๓ ชว่ั โมง นาโนเทคโนโลยี จำนวน ๓ ชว่ั โมง บันทกึ หลังสอน สปั ดาหท์ ่ี ชอ่ื วชิ า รหสั วิชา หน่วยที่ แผนกวิชา วันทสี่ อน จำนวน รายการสอน ชวั่ โมง ภาคเรยี นที่ ปกี ารศึกษา คน ขาดเรยี น คน ขาดเรยี น จำนวนผู้เรียน ชั้น กลุ่ม จำนวน คน เข้าเรยี น คน จำนวน คน เขา้ เรยี น คน ช้ัน กล่มุ ๑.เนือ้ หาที่สอน (สาระสำคัญ) ๒.ผลการสอน ๓.ปญั หา อุปสรรค ท่เี กดิ ข้นึ ในระหว่างการเรียนการสอน ๔.แนวทางการแกป้ ญั หาของครูผู้สอน (แนวทางการทำวิจยั ) ลงชื่อ ผสู้ อน (นางสาวจุฑามาศ โสมสวุ รรณ) // ลงช่ือ หวั หนา้ แผนก ลงชอื่ หัวหนา้ งานหลกั สูตรฯ (นางกุศล พรผดุงธรรม) (นายสมศักด์ิ หลวงนา) // // ลงช่ือ รองผู้อำนวยการฝ่ายวชิ าการ (นายประเสรฐิ ถึงวิสยั ) //


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook