แผนการจดั การเรยี นรมู้ งุ่ เนน้ สมรรถนะ หนว่ ยที่ ๒ ชื่อหน่วย สอนครั้งที่ ๓-๔ โครงงานวิทยาศาสตร์ ชวั่ โมงรวม ๖ ชวั่ โมง จำนวน ๖ ชั่วโมง ๑. สาระสำคญั โครงงานวิทยาศาสตร์ กิจกรรมที่ศึกษาเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่นักเรียนศึกษาค้นคว้าด้วย ตนเองตามความถนัดและความสนใจ โดยนำเอาวิธีการทางวิทยาศาสตร์ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ และจิต วิทยาศาสตร์มาใช้ในการศึกษา เพื่อแก้ปัญหาภายใต้การแนะนำของครู หรือผู้เชี่ยวชาญ โครงงานวิทยาศาสตร์ มี ๔ ประเภท ได้แก่ โครงงานประเภททดลอง โครงงานประเภทสง่ิ ประดิษฐ์ โครงงานประเภทสำรวจ และโครงงานประเภท ทฤษฎี การทำโครงงานประเภทต่าง ๆ ให้ประสบความสำเร็จนั้นผู้เรียนต้องใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์และทักษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ นอกจากนี้ยังต้องเป็นบุคคลที่มีจิตวิทยาศาสตร์ มีความสนใจใฝ่รู้ เชื่อในสิ่งที่มีเหตุผล ละเอียดรอบคอบ มีความขยัน อดทน ซื่อสัตย์ และทำงานร่วมกับผู้อืน่ ได้ ๒. สมรรถนะหลกั (สมรรถนะประจำหน่วย) ๒.๑ แสดงความรเู้ ก่ียวกับการทำโครงงานวทิ ยาศาสตร์ ๒.๒ ปฏิบัตเิ กีย่ วกับการทำโครงงานวทิ ยาศาสตร์ได้ ๒.๓ แสดงพฤตกิ รรมการมีวินัย ใฝ่รู้ มีความรับผิดชอบ มีจิตสาธารณะ ๓. สมรรถนะย่อย (สมรรถนะการเรยี นร)ู้ ๓.๑ สมรรถนะทพี่ ึงประสงค์ (ทฤษฏี) ๓.๑.๑ อธิบายความหมายของโครงงานวิทยาศาสตร์ได้ถูกต้อง ๓.๑.๒ บอกจดุ มงุ่ หมายของการทำโครงงานวทิ ยาศาสตร์ได้ถูกต้อง ๓.๑.๓ ระบุประเภทของโครงงานวทิ ยาศาสตร์จากข้อมลู ท่ีกำหนดให้ได้ถกู ต้อง ๓.๑.๔ อธิบายขัน้ ตอนในการทำโครงงานวทิ ยาศาสตร์ได้ถูกต้อง ๓.๒ สมรรถนะท่ีพึงประสงค์ (ปฏิบตั ิ) ๓.๒.๑ จดั ทำโครงงานวทิ ยาศาสตร์และแสดงผลงานท่ีศึกษาได้ถูกตอ้ ง ๓.๓ ด้านคุณลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์ ๓.๓.๑ ตระหนักถึงการมีวินัย ใฝ่รู้ มคี วามรบั ผดิ ชอบ มีจิตสาธารณะ ๔. เนอ้ื หาสาระการเรียนรู้ ๔.๑ ความหมายของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ ๔.๒ จุดมุ่งหมายของการทำโครงงานวิทยาศาสตร์ ๔.๓ ประเภทของโครงงานวิทยาศาสตร์ ๔.๔ ขนั้ ตอนการทำโครงงานวิทยาศาสตร์ ๔.๕ การเขียนรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์ ๔.๖ การแสดงผลงานโครงงานวิทยาศาสตร์
แผนการจัดการเรยี นรู้มุง่ เนน้ สมรรถนะ หน่วยที่ ๒ ช่อื หน่วย สอนครัง้ ท่ี ๓-๔ โครงงานวทิ ยาศาสตร์ ชั่วโมงรวม ๖ ช่วั โมง จำนวน ๖ ชัว่ โมง ๕. กิจกรรมการเรียนรู้ ในการจัดการเรียนการสอนรายวิชาวิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาทักษะชีวิต ได้กำหนดกิจกรรมการเรียนการสอน ใหผ้ เู้ รียนเกดิ การเรยี นร้โู ดยใช้วิธีการจดั การเรยี นรู้รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ ๕E ของสถาบนั ส่งเสริมการ สอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท., ๒๕๔๖) ๕.๑ ขัน้ นำเขา้ สู่กิจกรรมการเรยี นรู้ ๑. จดั เตรยี มเอกสารประกอบการเรียน สอื่ โสตทศั น์ ครุภัณฑ์ เครื่องมอื วัสดุ-อุปกรณ์ ๒. ทดสอบก่อนเรียน โดยใช้แบบทดสอบเรื่อง โครงงานวิทยาศาสตร์ แล้วให้ผูเ้ รียนตรวจสอบคำตอบตามใบ เฉลยโดยสลบั กนั ตรวจแลว้ สรปุ ๓. ครแู ละผูเ้ รยี นสนทนา และยกตวั อยา่ งเก่ยี วกับโครงงานเพือ่ เช่อื มโยงเขา้ สู่เนื้อหาต่อไป ๕.๒ ข้นั การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ๑. นักเรียนจดั กลุม่ กลมุ่ ละ ๔-๕ คน คละเพศ และความสามารถ ๒. นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษา เรื่อง ความหมายของโครงงานวิทยาศาสตร์ จุดมุ่งหมายของการทำโครงงาน วทิ ยาศาสตร์ ประเภทของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ และใบงานเรื่อง โครงงานวทิ ยาศาสตร์ โดยเน้นให้นกั เรียนร่วมมือกัน ทำงาน แสดงความคิดเหน็ กนั ภายในกลุม่ และยอมรับฟังความคิดเหน็ ของกลุ่ม ๓. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมาอภิปราย ความหมายของโครงงานวิทยาศาสตร์ จุดมุ่งหมายของ การทำโครงงานวิทยาศาสตร์ ประเภทของโครงงานวทิ ยาศาสตร์ จากการทไี่ ด้ศึกษา ๔. ครูใช้สื่อ Power Point ให้ความรู้พร้อมยกตัวอย่างเรื่อง ขั้นตอนการทำโครงงานวิทยาศาสตร์ การเขียนรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์ การแสดงผลงานโครงงานวทิ ยาศาสตร์ ๕.๓ ขนั้ สรุปผลการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ๑. ตรวจสอบผลการเรียนร้โู ดยการซกั ถามเปน็ ระยะและตรวจสอบผลการปฏิบัติกิจกรรม ๒. สังเกตและบันทึกพฤติกรรมผู้เรียนเป็นรายบุคคลและรายกลุ่ม ขณะผู้เรียนศึกษาบทเรียนและปฏิบัติ กจิ กรรม ตามใบงาน ๓.ร่วมกบั ผู้เรยี นประเมินผลการปฏบิ ัติงาน ตามแบบประเมนิ ๔. รว่ มกับผู้เรยี นประเมินผลการเรียนรแู้ ละผลการปฏบิ ัติงาน ๕.๔ การวัดและประเมนิ ผล ๑. ให้ผู้เรียนทำแบบฝึกหัด เรื่องโครงงานวิทยาศาสตร์ เสร็จแล้วตรวจสอบคำตอบตามใบเฉลยโดยสลับกัน ตรวจและใหค้ ะแนน ๒. ใหผ้ เู้ รียนทำแบบทดสอบหลังเรยี น เรอ่ื งโครงงานวทิ ยาศาสตร์ เสรจ็ แล้วตรวจสอบคำตอบตามใบเฉลยโดย สลบั กันตรวจและให้คะแนน
แผนการจดั การเรยี นรูม้ ่งุ เน้นสมรรถนะ หน่วยที่ ๒ ช่ือหน่วย สอนคร้งั ท่ี ๓-๔ โครงงานวิทยาศาสตร์ ช่วั โมงรวม ๖ ชั่วโมง จำนวน ๖ ชั่วโมง ๓. ครูเน้นย้ำให้ผู้เรียนตระหนักถึงการมีวินัย ใฝ่รู้ มีความรับผิดชอบ มีจิตสาธารณะ ในการเรียนเรื่อง โครงงานวิทยาศาสตร์ ๖. ส่อื การเรยี นรู้ ส่อื สิ่งพมิ พ์ ๑. ตำราเกย่ี วกบั โครงงานวิทยาศาสตร์ ๒. แบบฝึกหัดเรื่องโครงงานวิทยาศาสตร์ ๓. แบบทดสอบเรือ่ งโครงงานวิทยาศาสตร์ ๔. แบบประเมินผล สอ่ื โสตทัศน์ ๑. มัลตมิ เี ดีย ประกอบการสอน เร่อื ง “โครงงานวิทยาศาสตร์” ครุภณั ฑ/์ เครื่องมือ/วัสดุ-อุปกรณ์ ๑. วัสดุอปุ กรณป์ ระกอบการสอน เรื่อง “โครงงานวทิ ยาศาสตร์” ๗. เอกสารประกอบการเรยี นรู้ - ใบงาน เรอ่ื ง “โครงงานวิทยาศาสตร์” ๘. การบรู ณาการ/ความสมั พนั ธก์ ับวชิ าอ่ืน บรู ณาการกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งเก่ียวกบั - นักเรยี นมีเหตุผลในการทำโครงงานวิทยาศาสตร์ - นกั เรียนมีความพอประมาณในการอยู่อย่างพอเพียง - นกั เรยี นมีภมู ิค้มุ กนั เกี่ยวกับการมวี นิ ยั ใฝ่รู้ มีความรบั ผิดชอบ มีจติ สาธารณะ ๙. การวัดผลและประเมินผล ๑. วธิ วี ัดผลและประเมินผล ๑. การทำทดสอบก่อนเรียน/หลังเรียน ๒. การสงั เกตพฤติกรรมระหว่างเรยี น ๓.การปฏบิ ัติกิจกรรมตามใบงาน ๔. การทำแบบฝึกหัด/แบบทดสอบ
แผนการจัดการเรยี นรู้มงุ่ เน้นสมรรถนะ หน่วยที่ ๒ สอนครัง้ ท่ี ๓-๔ ชอ่ื หน่วย ชว่ั โมงรวม ๖ ชว่ั โมง โครงงานวิทยาศาสตร์ จำนวน ๖ ช่ัวโมง ๒. เครอ่ื งมอื วัดและประเมนิ ผล ๑. แบบทดสอบก่อนเรยี น/หลงั เรียน ๒. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมระหวา่ งเรยี น ๓. แบประเมนิ การปฏิบตั ิกจิ กรรมตามใบงาน ๔. แบบบนั ทึกคะแนนแบบฝึกหดั /แบบทดสอบ ๓. เกณฑ์การประเมิน ๑. ประเมินจากการทำทดสอบ หลังเรียน จำนวน ๑๐ ข้อ เกณฑ์ผ่าน ๗ คะแนน จาก ๑๐ คะแนน ๒. ประเมินจากพฤติกรรมระหวา่ งเรยี นรู้ เกณฑผ์ ่าน ๗ คะแนน จาก ๑๐ คะแนน ๓. ประเมินจากผลการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมตามใบงาน เกณฑ์ผ่าน ๗ คะแนน จาก ๑๐ คะแนน ๔. ประเมินจากคะแนนการทำแบบฝึกหัด/แบบทดสอบ เกณฑผ์ ่าน ๗ คะแนน จาก ๑๐ คะแนน ๑๐. บันทกึ หลงั การสอน
แผนการจดั การเรยี นรูม้ ุง่ เนน้ สมรรถนะ หน่วยที่ ๒ สอนครัง้ ท่ี ๓-๔ ชือ่ หน่วย ช่ัวโมงรวม ๖ ชวั่ โมง โครงงานวทิ ยาศาสตร์ จำนวน ๖ ชั่วโมง บันทกึ หลังสอน สปั ดาห์ที่ ชือ่ วชิ า รหสั วชิ า หน่วยที่ แผนกวชิ า วนั ทีส่ อน จำนวน รายการสอน ชวั่ โมง ภาคเรยี นที่ ปีการศึกษา คน ขาดเรียน คน ขาดเรียน จำนวนผเู้ รียน ชนั้ กลุม่ จำนวน คน เขา้ เรียน คน จำนวน คน เขา้ เรยี น คน ช้ัน กลมุ่ ๑.เนอื้ หาท่ีสอน (สาระสำคัญ) ๒.ผลการสอน ๓.ปัญหา อุปสรรค ที่เกิดข้ึนในระหว่างการเรียนการสอน ๔.แนวทางการแกป้ ัญหาของครูผูส้ อน (แนวทางการทำวิจยั ) ลงชอ่ื ผสู้ อน (นางสาวจุฑามาศ โสมสวุ รรณ) // ลงช่อื หัวหน้าแผนก ลงชอ่ื หวั หน้างานหลกั สตู รฯ (นางกศุ ล พรผดงุ ธรรม) (นายสมศกั ดิ์ หลวงนา) // // ลงชือ่ รองผอู้ ำนวยการฝา่ ยวิชาการ (นายประเสรฐิ ถึงวิสยั ) //
แบบทดสอบหลังเรียนหน่วยที่ 2 โครงงานวทิ ยาศาสตร์ คำสั่ง จงเลือกคำตอบที่ถูกที่สุดเพียงคำตอบเดียว แล้วกาเครื่องหมายกากบาท (X) ลงในช่อง ใน กระดาษคำตอบ จดุ ประสงค์ อธบิ ายความหมายของโครงงานวิทยาศาสตร์ 1. สมพรผลิตยาทาผิวขึ้นโดยเพิ่มน้ำมันมะกอก น้ำหอมลงไป และใช้อัตราส่วนต่าง ๆ กันทดลองหา อตั ราส่วนท่ีเหมาะสม นำผลทไ่ี ดจ้ ากการใชม้ าเปรยี บเทยี บกับยาทาผวิ ในท้องตลาด การผลิตยาทาผิว ของ สมพรจัดเป็นโครงงานวทิ ยาศาสตร์หรอื ไม่ ก. ไมเ่ ป็น เพราะเปน็ การทดลองตามสูตร ข. เป็น เพราะเป็นการทดลองทางวทิ ยาศาสตร์ ค. เปน็ เพราะใช้วิธกี ารทางวิทยาศาสตร์ ง. ไมเ่ ป็น เพราะไมไ่ ด้ใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ จดุ ประสงค์ บอกจุดม่งุ หมายของการทำโครงงานวิทยาศาสตร์ 2. ข้อใดไมใ่ ช่จุดมุ่งหมายของการทำโครงงานวิทยาศาสตร์ ก. เพ่ือใหน้ ักเรียนใชค้ วามรแู้ ละประสบการณเ์ ลือกทำโครงงานตามความสนใจ ข. เพือ่ ให้นักเรียนไดศ้ ึกษาคน้ ควา้ หาความรจู้ ากแหล่งเรยี นรตู้ า่ ง ๆ ด้วยตนเอง ค. เพือ่ ใหน้ ักเรียนไดแ้ สดงออกซ่ึงความคิดรเิ ร่มิ สรา้ งสรรค์และมจี ิตวิทยาศาสตร์ ง. เพื่อใหน้ กั เรยี นมีความมนั่ ใจในตนเอง จุดประสงค์ ระบุประเภทของโครงงานวทิ ยาศาสตรจ์ ากข้อมูลท่ีกำหนดให้ 3. ขอ้ ใดไมใ่ ช่โครงงานวทิ ยาศาสตร์ประเภทส่งิ ประดิษฐ์ ก. เคร่ืองให้อาหารสนุ ขั ข. ตูไ้ ปรษณยี เ์ สียงเพลง ค. เครือ่ งวัดความหวานของสับปะรด ง. กระเบื้องโมเสกจากเปลอื กไข่ 4. ขอ้ ใดกลา่ วไม่ถกู ต้องเกี่ยวกับโครงงานวิทยาศาสตร์ ก. โครงงานทศ่ี ึกษาเกีย่ วกับความสัมพันธ์ของตัวแปรจดั เป็นโครงงานประเภทสำรวจ ข. โครงงานที่มกี ารเก็บรวบรวมข้อมลู แลว้ นำมาจัดเป็นหมวดหม่จู ัดเปน็ โครงงานประเภทสำรวจ ค. โครงงานที่มีการประดิษฐ์สิ่งต่าง ๆ และมีการทดสอบประสิทธิภาพของสิ่งนั้นจัดเป็นโครงงาน ประเภทสงิ่ ประดิษฐ์ ง. โครงงานประเภททฤษฎีเปน็ โครงงานที่มีการสร้างทฤษฎใี หม่เพอื่ อธิบายปรากฏการณต์ ่าง ๆ 5. จากชื่อโครงงานที่กำหนดให้ 4 เรื่องต่อไปนี้ 1) การสร้างและหาประสิทธิภาพเครื่องแยกไข่แดงออกจาก ไข่ขาว 2) เปรียบเทียบผลการย้อมผ้าจากแก่นฝางที่ใช้สารช่วยย้อมต่างกัน 3) ชนิดของหอยที่พบบริเวณ ปากแม่น้ำตาปี 4) การทำกระดาษจากกาบกล้วยชนิดต่าง ๆ ข้อใดเรียงลำดับประเภทของโครงงาน วทิ ยาศาสตร์ไดถ้ กู ตอ้ ง (ความเข้าใจ)
ก. สิง่ ประดษิ ฐ์ ทดลอง สำรวจ ทฤษฎี ข. ส่ิงประดษิ ฐ์ ทดลอง สำรวจ สง่ิ ประดิษฐ์ ค. สง่ิ ประดิษฐ์ ทดลอง สำรวจ ทดลอง ง. สง่ิ ประดิษฐ์ สำรวจ ทดลอง ทดลอง จุดประสงค์ อธิบายขั้นตอนในการทำโครงงานวทิ ยาศาสตร์ 6. ในการทำโครงงานวทิ ยาศาสตรข์ น้ั ตอนแรกคอื ขน้ั ตอนใด ก. การคดิ และเลือกหวั ข้อทำโครงงาน ข. การศึกษาเอกสารทเ่ี ก่ยี วข้องกับเร่ืองที่ทำโครงงาน ค. การเขียนเคา้ โครงย่อในการทำโครงงาน ง. การเตรยี มวสั ดุอปุ กรณ์ จดุ ประสงค์ จดั ทำโครงงานวทิ ยาศาสตร์และแสดงผลงานทศ่ี กึ ษา 7. ถ้านักเรียนต้องการศึกษาว่าอาหารปลาสวยงาม 2 สูตร สามารถเร่งความเข้มของสีตัวปลาได้หรือไม่ นกั เรยี นจะออกแบบการทดลองอย่างไร ก. นำปลาชนดิ เดียวกนั ขนาดอายเุ ท่ากนั เพศเดยี วกัน มาแบง่ เปน็ 2 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 ใหก้ นิ อาหารสตู ร 1 ส่วนอกี กลุ่มหนงึ่ ใหก้ ินอาหารสูตร 2 จัดสภาพแวดลอ้ มอ่นื ๆ ให้เหมอื น กนั ข. นำปลาชนิดเดียวกันมาแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มท่ี 1 ให้กินอาหารสูตร 1 ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งให้กินอาหาร สูตร 2 แตจ่ ัดสภาพแวดลอ้ มอน่ื ๆ ใหต้ ่างกนั ค. นำปลาต่างชนิดกันมา 2 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 ให้กินอาหารสูตร 1 กลุ่มที่ 2 ให้กินอาหารสูตร 2 จัดสภาพแวดลอ้ มอื่น ๆ ใหเ้ หมอื นกัน ง. นำปลาต่างชนิดกันมา 2 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 ให้กินอาหารสูตรที่ 1 กลุ่มที่ 2 ให้กินอาหารสูตร 2 จัดสภาพแวดลอ้ มอนื่ ๆ ใหเ้ หมอื นกัน 8. ถ้าต้องการศึกษาผลของโปรตีนตอ่ การออกไข่ของนกกระทา จะตอ้ งทำการทดลองตามขอ้ ใด ก. เลย้ี งนกกระทา 2 กล่มุ ด้วยอาหารท่ีมีเปอร์เซน็ ต์ของโปรตนี เหมอื นกัน ข. เล้ียงนกกระทา 3 กลุ่ม ดว้ ยอาหารที่มเี ปอรเ์ ซ็นต์ของโปรตนี เหมอื นกัน ค. เลย้ี งนกกระทา 1 กลุ่ม ด้วยอาหารท่ีมเี ปอร์เซน็ ตข์ องโปรตีนต่างกนั ง. เลยี้ งนกกระทา 2 กล่มุ ด้วยอาหารท่ีมีเปอรเ์ ซ็นตข์ องโปรตีนตา่ งกนั 9. การทำโครงงานวิทยาศาสตร์ข้อใดที่ทำให้ผู้ทำโครงงานมองเห็นแนวทางในการทำโครงงาน ตั้งแต่ เริม่ ต้นจนเสรจ็ สิน้ โครงงาน ก. บทนำ ข. เอกสารที่เกยี่ วขอ้ ง ค. เคา้ โครงย่อโครงงาน ง. ผลการทดลอง 10. ในการนำเสนอแผงแสดงโครงงานวิทยาศาสตรข์ อ้ ใดไมจ่ ำเป็นต้องนำเสนอ ก. บทคดั ย่อ ข. เอกสารทเ่ี กย่ี วข้อง ค. จดุ มุง่ หมาย ง. วธิ ดี ำเนินการทดลอง
เฉลยแบบทดสอบหลงั เรยี นหน่วยที่ 2 โครงงานวิทยาศาสตร์ คำสงั่ จงเลือกคำตอบที่ถูกที่สุดเพียงคำตอบเดียว แล้วกาเครื่องหมายกากบาท (X) ลงในช่อง ใน กระดาษคำตอบ จุดประสงค์ อธบิ ายความหมายของโครงงานวิทยาศาสตร์ 1. สมพรผลิตยาทาผิวขึ้นโดยเพิ่มน้ำมันมะกอก น้ำหอมลงไป และใช้อัตราส่วนต่าง ๆ กันทดลองหา อตั ราส่วนท่เี หมาะสม นำผลทไ่ี ดจ้ ากการใชม้ าเปรียบเทียบกบั ยาทาผิวในทอ้ งตลาด การผลติ ยาทาผวิ ของ สมพรจดั เปน็ โครงงานวทิ ยาศาสตร์หรอื ไม่ ก. ไมเ่ ปน็ เพราะเปน็ การทดลองตามสูตร ข. เปน็ เพราะเปน็ การทดลองทางวทิ ยาศาสตร์ ค. เป็น เพราะใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ ง. ไมเ่ ป็น เพราะไมไ่ ดใ้ ชว้ ิธีการทางวิทยาศาสตร์ จุดประสงค์ บอกจุดม่งุ หมายของการทำโครงงานวทิ ยาศาสตร์ 2. ขอ้ ใดไมใ่ ช่จดุ มุ่งหมายของการทำโครงงานวทิ ยาศาสตร์ ก. เพอ่ื ใหน้ ักเรยี นใช้ความรู้และประสบการณเ์ ลอื กทำโครงงานตามความสนใจ ข. เพ่อื ให้นักเรียนไดศ้ ึกษาคน้ ควา้ หาความรูจ้ ากแหลง่ เรียนรตู้ า่ ง ๆ ดว้ ยตนเอง ค. เพือ่ ให้นักเรยี นไดแ้ สดงออกซึ่งความคดิ รเิ ริม่ สรา้ งสรรค์และมีจิตวิทยาศาสตร์ ง. เพื่อใหน้ กั เรียนมีความมน่ั ใจในตนเอง จดุ ประสงค์ ระบปุ ระเภทของโครงงานวทิ ยาศาสตร์จากข้อมูลท่ีกำหนดให้ 3. ขอ้ ใดไม่ใช่โครงงานวทิ ยาศาสตรป์ ระเภทสงิ่ ประดิษฐ์ ก. เครือ่ งใหอ้ าหารสุนขั ข. ตไู้ ปรษณยี ์เสียงเพลง ค. เครอ่ื งวดั ความหวานของสบั ปะรด ง. กระเบือ้ งโมเสกจากเปลอื กไข่ 4. ข้อใดกล่าวไม่ถกู ต้องเก่ยี วกบั โครงงานวทิ ยาศาสตร์ ก. โครงงานที่ศึกษาเก่ยี วกบั ความสมั พันธข์ องตวั แปรจดั เป็นโครงงานประเภทสำรวจ ข. โครงงานทม่ี กี ารเก็บรวบรวมขอ้ มูลแล้วนำมาจัดเปน็ หมวดหม่จู ัดเปน็ โครงงานประเภทสำรวจ ค. โครงงานที่มีการประดิษฐ์สิ่งต่าง ๆ และมีการทดสอบประสิทธิภาพของสิ่งนั้นจัดเป็นโครงงาน ประเภทสิ่งประดษิ ฐ์ ง. โครงงานประเภททฤษฎีเป็นโครงงานทม่ี ีการสร้างทฤษฎใี หมเ่ พ่ืออธบิ ายปรากฏการณต์ ่าง ๆ 5. จากชื่อโครงงานที่กำหนดให้ 4 เรื่องต่อไปน้ี 1) การสร้างและหาประสิทธิภาพเครื่องแยกไข่แดงออกจาก ไข่ขาว 2) เปรียบเทียบผลการย้อมผ้าจากแก่นฝางที่ใช้สารช่วยย้อมต่างกัน 3) ชนิดของหอยที่พบบริเวณ ปากแม่น้ำตาปี 4) การทำกระดาษจากกาบกล้วยชนิดต่าง ๆ ข้อใดเรียงลำดับประเภทของโครงงาน วทิ ยาศาสตรไ์ ด้ถูกตอ้ ง (ความเข้าใจ)
ก. สิง่ ประดิษฐ์ ทดลอง สำรวจ ทฤษฎี ข. สิง่ ประดิษฐ์ ทดลอง สำรวจ ส่งิ ประดิษฐ์ ค. สงิ่ ประดิษฐ์ ทดลอง สำรวจ ทดลอง ง. สิง่ ประดษิ ฐ์ สำรวจ ทดลอง ทดลอง จุดประสงค์ อธบิ ายขั้นตอนในการทำโครงงานวิทยาศาสตร์ 6. ในการทำโครงงานวทิ ยาศาสตรข์ ัน้ ตอนแรกคือข้นั ตอนใด ก. การคิดและเลือกหวั ข้อทำโครงงาน ข. การศกึ ษาเอกสารท่เี กี่ยวขอ้ งกับเรื่องท่ีทำโครงงาน ค. การเขยี นเค้าโครงย่อในการทำโครงงาน ง. การเตรียมวสั ดุอุปกรณ์ จดุ ประสงค์ จดั ทำโครงงานวทิ ยาศาสตร์และแสดงผลงานทีศ่ กึ ษา 7. ถ้านักเรียนต้องการศึกษาว่าอาหารปลาสวยงาม 2 สูตร สามารถเร่งความเข้มของสีตัวปลาได้หรือไม่ นกั เรียนจะออกแบบการทดลองอย่างไร ก. นำปลาชนดิ เดยี วกนั ขนาดอายุเทา่ กัน เพศเดยี วกนั มาแบง่ เป็น 2 กลุ่ม กลมุ่ ท่ี 1 ใหก้ ิน อาหารสูตร 1 ส่วนอกี กลุม่ หนึง่ ให้กินอาหารสูตร 2 จัดสภาพแวดลอ้ มอ่ืน ๆ ใหเ้ หมอื น กนั ข. นำปลาชนิดเดียวกันมาแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มท่ี 1 ให้กินอาหารสูตร 1 ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งให้กินอาหาร สูตร 2 แตจ่ ัดสภาพแวดลอ้ มอนื่ ๆ ให้ตา่ งกนั ค. นำปลาต่างชนิดกันมา 2 กลุ่ม กลุ่มท่ี 1 ให้กินอาหารสูตร 1 กลุ่มที่ 2 ให้กินอาหารสูตร 2 จดั สภาพแวดล้อมอน่ื ๆ ใหเ้ หมอื นกนั ง. นำปลาต่างชนิดกันมา 2 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 ให้กินอาหารสูตรที่ 1 กลุ่มที่ 2 ให้กินอาหารสูตร 2 จัดสภาพแวดลอ้ มอ่นื ๆ ให้เหมือนกัน 8. ถ้าตอ้ งการศึกษาผลของโปรตีนต่อการออกไข่ของนกกระทา จะต้องทำการทดลองตามข้อใด ก. เลย้ี งนกกระทา 2 กลมุ่ ดว้ ยอาหารทีม่ เี ปอร์เซ็นต์ของโปรตนี เหมือนกัน ข. เลย้ี งนกกระทา 3 กลุม่ ดว้ ยอาหารที่มีเปอร์เซน็ ตข์ องโปรตนี เหมอื นกัน ค. เลย้ี งนกกระทา 1 กลมุ่ ด้วยอาหารท่มี เี ปอรเ์ ซ็นตข์ องโปรตีนต่างกัน ง. เลย้ี งนกกระทา 2 กลุม่ ด้วยอาหารทมี่ เี ปอร์เซ็นตข์ องโปรตีนต่างกัน 9. การทำโครงงานวิทยาศาสตร์ข้อใดที่ทำให้ผู้ทำโครงงานมองเห็นแนวทางในการทำโครงงาน ตั้งแต่ เริม่ ต้นจนเสรจ็ สน้ิ โครงงาน ก. บทนำ ข. เอกสารทเี่ กี่ยวข้อง ค. เคา้ โครงย่อโครงงาน ง. ผลการทดลอง 10. ในการนำเสนอแผงแสดงโครงงานวทิ ยาศาสตร์ขอ้ ใดไมจ่ ำเปน็ ตอ้ งนำเสนอ ก. บทคดั ยอ่ ข. เอกสารที่เกีย่ วขอ้ ง ค. จุดมุ่งหมาย ง. วธิ ดี ำเนนิ การทดลอง
Search
Read the Text Version
- 1 - 11
Pages: