การจดั ทาการวิเคราะหม์ าตรฐาน รายวิชา ภาษาไทย รหัสวิชา ท 23101 ระดบั ชั้น มัธยมศกึ ษาปที ่ี 3 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย จดั ทาโดย นางสาวธนาพร สวสั ด์ศิ รี ตาแหน่ง พนกั งานราชการ โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 ตาบลชา่ งเค่งิ อาเภอแม่แจ่ม จงั หวดั เชยี งใหม่ สานักบรหิ ารงานการศกึ ษาพิเศษสานกั งานการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
คำอธบิ ำยรำย ท23101 ภำษำไทย ชัน้ มัธยมศกึ ษำปีท ฝึกทักษะการอา่ น การเขียน การฟงั การดูและการพุด การวเิ คราะหแ์ ละปรใจความ การอ่านตามความสนใจ ฝึกทกั ษะการคัดลายมือ การเขียนข้อความตามสถานจดหมายกจิ ธรุ ะ เขยี นอธิบาย ชี้แจง แสดงความคดิ เหน็ และโต้แยง้ เขียนวเิ คราะห์ วิจาเขยี นรายงาน ฝึกทักษะการพูดแสดงความคิดเห็น หรอื โต้แย้งจากสื่อตา่ ง ๆ กรอกแบบจากการฟงั และการดู พดู วเิ คราะห์ วจิ ารณ์จากเรื่องที่ฟงั และดู พูดวิเคราะห์ วจิ ารณ์ จศกึ ษาโครงสร้างประโยคซับซ้อน ระดับภาษา วเิ คราะห์วิถีไทย ประเมินค่า ความรู้และขอ้ คิดจากวรรณคดี วรรณกรรมบทลญาณภาษิต และบทพากษเ์ อราวัณ ท่องจาบทอาขยานที่กาหนดและบทร้อยกรองท่ีมคี โดยใชก้ ระบวนการอ่านเพื่อสรา้ งความรู้ ความคดิ นาไปใช้ตัดสนิ ใจ แก้ปัญหาใฟัง การดูและการพูด สามารถเลือกฟงั เลอื กดู และพูดแสดงความรู้ ความคิดอยา่ งมวี จิเปลยี่ นแปลงของภาษา พลงั ภาษา ภมู ิปัญญาทางภาษาวิเคราะห์ วิจารณว์ รรณคดแี ละสมบัตขิ องชาตแิ ละมนี สิ ัยรักการอา่ น การเขยี นมีมารยาทในการอา่ น การเขยี น การฟงั
ยวิชำพน้ื ฐำน กลุ่มสำระกำรเรียนร้ภู ำษำไทยท่ี 3 เวลำ 120 ชัว่ โมงระเมินค่าวรรณคดแี ละวรรณกรรมโดยศึกษาเก่ียวกับการอา่ นออกเสยี ง การอา่ นจับนการณแ์ ละโอกาสตา่ ง ๆ เขยี นอัตชวี ประวัติหรอื ชีวประวัติ เขยี นยอ่ ความ การเขยี นารณแ์ ละแสดงความรู้ความคดิ เห็น หรอื โตแ้ ย้งจากส่ือต่าง ๆ กรอกแบบสมัครงานบสมัครงาน เขียนรายงาน ฝึกทักษะการพดู แสดงความคิดเห็นและการประเมินเร่ืองจากเรื่องที่ฟังและดู พูดรายงานการศึกษาคน้ ควา้ พดู ในโอกาสตา่ ง ๆ พูดโน้มนา้ วและละครเร่ืองเหน็ แก่ลกู พระอภัยมณี ตอนหนนี างผีเสื้อสมุทร พระบรมราโชวาท อศิ รคณุ คา่ ตามความสนใจในการดาเนินชีวิต กระบวนการเขยี น เขียนสื่อสารอยา่ งมปี ระสิทธิภาพกระบวนการจารณญาณสร้างสรรค์ เพอื่ ให้เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การะวรรณกรรมอยา่ งเหน็ คุณคา่ และนามาประยุกต์ใช้ในชวี ิตจริง รักษาภาษาไทยไว้เปนง การดู และการพดู
รหสั ตวั ชี้วดั ท 1.1 ม.3/1 อ่ำนออกเสยี งบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้ถูกต้องเหม ม.3/2 ระบุควำมแตกตำ่ งของคำท่ีมีควำมหมำยโดยตรงและควำ ม.3/3 ระบใุ จควำมสำคญั และรำยละเอยี ดของข้อมลู ที่สนับสนุนจ ม.3/4 อำ่ นเร่ืองต่ำง ๆ แล้วเขียนกรอบแนวคิด ผงั ควำมคิด บ ม.3/5 วิเครำะห์ วิจำรณ์ และประเมินเรอื่ งท่ีอ่ำน โดยใช้กลว ม.3/6 ประเมนิ ควำมถูกต้องของข้อมูลทใี่ ชส้ นับสนนุ ในเร่ืองที่อ่ำ ม.3/7 วจิ ำรณ์ควำมสมเหตสุ มผล กำรลำดับควำม และควำมเป ม.3/8 วิเครำะห์เพื่อแสดงควำมคิดเหน็ โตแ้ ยง้ เก่ยี วกับเร่ืองที่อำ่ น ม.3/9 ตีควำมและประเมินคุณคำ่ และแนวคดิ ท่ีไดจ้ ำกงำนเข ม.3/10 มมี ำรยำทในกำรอำ่ น ท 2.1 ม.3/1 คดั ลำยมอื ตัวบรรจงครง่ึ บรรทัด ม.3/2, เขียนข้อควำมโดยใชถ้ ้อยคำได้ถกู ตอ้ งตำมระดับภำษำ ม.3/3, เขยี นชวี ประวตั ิหรืออัตชีวประวตั โิ ดยเล่ำเหตกุ ำรณ์ ข้อคิด ม.3/4, เขยี นยอ่ ควำม ม.3/5, เขยี นจดหมำยกิจธุระ ม.3/6 เขียนอธิบำย ชีแ้ จง แสดงควำมคดิ เหน็ และโต้แยง้ อย่ำ ม.3/7 เขยี นวเิ ครำะห์ วิจำรณ์ และแสดงควำมรู้ ควำมคดิ เห็น ห
มำะสมกบั เร่อื งท่ีอ่ำนำมหมำยโดยนยั จำกเร่อื งทีอ่ ่ำนบันทกึ ย่อควำม และรำยงำนวิธกี ำรเปรียบเทียบ เพอ่ื ให้ผู้อำ่ นเข้ำใจได้ดขี ้ึน ำนปน็ ไปไดข้ องเรอ่ื ง นขียนอย่ำงหลำกหลำยเพอ่ื นำไปใชแ้ กป้ ญั หำ ในชีวติดเห็น และทัศนคติในเรื่องต่ำง ๆำงมเี หตุผลหรือโตแ้ ย้งในเรือ่ งต่ำงๆ
ม.3/8 กรอกแบบสมัครงำนพรอ้ มเขียนบรรยำยเกยี่ วกับควำมรแู้ ม.3/9 เขยี นรำยงำนกำรศกึ ษำคน้ คว้ำ และโครงงำน ม.3/10 มมี ำรยำทในกำรเขียน ม.3/1, แสดงควำมคดิ เหน็ และประเมินเรอื่ งจำกกำรฟงั และกำรดู ม.3/2, วเิ ครำะหแ์ ละวจิ ำรณ์เรอ่ื งที่ฟังและดู เพ่ือนำข้อคดิ มำประ ม.3/3 พูดรำยงำนเรื่องหรอื ประเดน็ ทศี่ ึกษำค้นควำ้ จำกกำรฟงั ก ม.3/4 พดู ในโอกำสตำ่ งๆ ไดต้ รงตำมวตั ถุประสงค์ ม.3/5 พูดโนม้ นำ้ วโดยนำเสนอหลกั ฐำนตำมลำดับเนื้อหำอยำ่ งมเี ม.3/6 มีมำรยำทในกำรฟงั กำรดู และกำรพดูท 4.1 ม.3/1, จำแนกและใชค้ ำภำษำต่ำงประเทศทีใ่ ช้ในภำษำไทย ม.3/2, วิเครำะหโ์ ครงสรำ้ งประโยคซับซอ้ น ม.3/3 วเิ ครำะห์ระดับภำษำ ม.3/4 ใชค้ ำทับศัพท์และศพั ทบ์ ัญญตั ิ ม.3/5 อธบิ ำยควำมหมำยคำศพั ท์ทำงวิชำกำรและวชิ ำชีพ ม.3/6 แต่งบทร้อยกรองท 5.1 ม.3/1, สรปุ เน้ือหำวรรณคดี วรรณกรรม และวรรณกรรมท้อง ม.3/2 วเิ ครำะห์วิถไี ทยและคุณคำ่ จำกวรรณคดแี ละวรรณกรรมท ม.3/3 สรปุ ควำมรแู้ ละข้อคดิ จำกกำรอำ่ นเพอื่ นำไปประยุกตใ์ ช้ใน
และทักษะของตนเองทเี่ หมำะสมกบั งำน ะยกุ ตใ์ ช้ในกำรดำเนินชีวติกำรดู และกำรสนทนำเหตุผลและนำ่ เชื่อถืองถ่ินท่อี ำ่ นในระดบั ทย่ี ำกยง่ิ ขึ้นท่อี ำ่ นนชีวติ จริง
ม.3/4 ทอ่ งจำและบอกคณุ คำ่ บทอำขยำนตำมท่ีกำหนด และบทรรวม 36 ตัวช้ีวัด
ร้อยกรองท่ีมคี ณุ ค่ำตำมควำมสนใจและนำไปใช้อ้ำงอิง
คำอธิบำย กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้ภำษำไ ชัน้ มัธยมศกึ ษำปีท่ี 3 เวลำ 60 ชัว่ โมงคำอธิบำยรำยวชิ ำ ศกึ ษาหลกั การอ่านออกเสยี งได้ถูกต้อง เหมาะสม ระบคุ วามแตกต่างขอกรอบความคิด วเิ คราะห์วิจารณแ์ ละประเมินเรื่องที่อ่านโดยใช้กลวิธกี ารเปรยี บเทยี บลายมอื เขียนข้อความ ชีวประวตั ิ ย่อความ จดหมายกจิ ธรุ ะ อธบิ าย ชี้แจงแสดงคเรอ่ื งท่ีฟังและดเู พ่ือนาขอ้ คดิ มาประยุกต์ใชใ้ นการดาเนินชวี ิต พดู รายงานการศึกษาคน้ภาษาต่างประเทศ วิเคราะห์ประโยคซับซ้อน ระดับภาษา สรปุ เนื้อหาวรรณคดแี ละว โดยใชก้ ระบวนการทางภาษา การสบื คน้ ความรู้ การจดบนั ทึก ใชค้ วามความสามารถในการสื่อสารกับผู้อ่นื ใหเ้ ข้าใจตรงกัน เหน็ คุณค่าของภาษาไทย นาความรู้ไปใช้ในการแกป้ ัญหาใหเ้ กดิ ประโยชฟัง การดแู ละการพูด เห็นคณุ ค่าภาษาไทยซึ่งเปนเอกลักษณข์ องชาติ รักชาติ ศาสนทางาน รกั ความเปนไทยและมจี ิตสาธารณะเพื่อให้เกดิ การเรยี นรอู้ ย่างมปี ระสทิ ธิภาพ
ยรำยวชิ ำไทย รหัสวชิ ำ ท 23101ง จำนวน 1.5 หนว่ ยกติ ภำคเรยี นท่ี 1องคา ใจความสาคัญและรายละเอยี ดของข้อมลู ท่ีสนับสนนุ จากเร่ืองท่ีอา่ น เขียน ประเมินความถูกต้องของข้อมลู ที่ใช้สนบั สนนุ ในเรื่องที่อา่ น ฝกึ การคัดความคิดเห็น และโต้แยง้ อย่างมีเหตผุ ล พดู แสดงความคิดเหน็ พูดวเิ คราะห์ วิจารณ์นคว้าเก่ียวกับภมู ิปญั ญาทอ้ งถิ่น จาแนกและใชค้ าทม่ี าจากวรรณกรรมท้องถนิ่ วเิ คราะห์วิถไี ทยและคุณค่าจากการอา่ นวรรณกรรมมสามารถในการคดิ การอภิปราย เพ่ือให้เกิดความรู้ ความเขา้ ใจในการเรียนรู้ ใช้ชนใ์ นชีวติ เปนผู้มคี ุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ มมี ารยาทในการอ่าน การเขยี น การน์ กษตั ริย์ ซ่อื สัตยส์ จุ ริต มวี ินัย ใฝเ่ รยี นรู้ อย่อู ย่างพอเพยี ง มงุ่ มน่ั ในการพ ภาคภมู ใิ จในภาษาไทย และรักษาไวเ้ ปนสมบัติของชาติ
รหสั ตวั ชี้วัด ท 1.1 ม.3/1, ม.3/2, ม.3/3, ม.3/4, ม.3/5, ม.3/6 ท 2.1 ม.3/1, ม.3/2, ม.3/3, ม.3/4, ม.3/5, ม.3/6 ท 3.1 ม.3/1, ม.3/2, ม.3/3 ท 4.1 ม.3/1, ม.3/2, ม.3/3 ท 5.1 ม.3/1, ม.3/2รวม 20 ตวั ช้ีวัด
คำอธิบำย กลุม่ สำระกำรเรียนรูภ้ ำษำไ ชัน้ มัธยมศึกษำปีที่ 3 เวลำ 60 ช่วั โมงคำอธิบำยรำยวิชำ ศกึ ษาหลกั การวิเคราะห์ วิจารณ์ ความสมเหตุสมผลของเรื่องที่อ่าน แสนาไปใชแ้ ก้ปัญหาในชีวติ เขียนวจิ ารณ์แสดงความรคู้ วามคิดเห็น เขียนรายงาน โครงน่าเชือ่ ถอื ใช้คาทบั ศัพท์ ศัพท์บัญญัติ ศพั ทท์ างวชิ าการและวิชาชีพ แต่งโคลงสส่ี ุภาในชีวติ ประจาวนั ท่องจาและบอกคุณค่าบทอาขยานและบทรอ้ ยกรองตามความสนใจ โดยใชก้ ระบวนการทางภาษา กระบวนการกลุ่มสมั พนั ธ์ จัดการเรียนรู้เพระบบ วางแผน คดิ วเิ คราะห์ ประเมนิ ผล ฝึกการเปนผูน้ าและผูต้ ามมคี วามสามารถ มีคุณธรรม จริยธรรม และมีมารยาทในการใช้ภาษา เปนผูม้ คี ณุ ลักษณคณุ ค่าภาษาไทยซึ่งเปนเอกลักษณ์ของชาติ รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ มสาธารณะเพ่ือให้เกดิ การเรียนรอู้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ภาคภมู ใิ จในภาษาไทย และรกั ษ
ยรำยวิชำไทย รหัสวิชำ ท 23102ง จำนวน 1.5 หนว่ ยกิต ภำคเรียนที่ 2 สดงความคดิ เหน็ ตีความ ประเมินคุณค่าแนวคดิ ทไี่ ด้จากการอ่านงานเขยี น เพอ่ืงงาน กรอกแบบสมคั รงาน ฝกึ พูดในโอกาสตา่ ง ๆ พูดโนม้ นา้ วอย่างมเี หตผุ ลและ าพ สรุปความรู้ ขอ้ คดิ จากการอ่านวรรณคดแี ละวรรณกรรม เพอื่ นาไปใช้ประยุกต์จและนาไปใช้อา้ งอิง พื่อพฒั นาความคิด เรยี นรู้แบบโครงงาน ใหร้ ู้วธิ ีการแก้ปัญหาอย่างเปนถในการใชเ้ ทคโนโลยี สามารถสรา้ งองคค์ วามรู้ไปใช้ประโยชน์ในชวี ิตประจาวันณะอันพึงประสงค์ มีมารยาทในการอา่ น การเขยี น การฟัง การดูและการพดู เห็นมีวนิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ อยูอ่ ย่างพอเพยี ง ม่งุ มน่ั ในการทางาน รักความเปนไทยและมีจิตษาไว้เปนสมบตั ิของชาติ
รหัสตวั ชี้วัด ม.3/2, ม.3/5, ม.3/7, ม.3/8, ม.3/9, ม.3/10 ท 1.1 ม.3/1, ม.3/2, ม.3/7, ม.3/8, ม.3/9, ม.3/10 ท 2.1 ม.3/3, ม.3/4, ม.3/5, ม.3/6 ท 3.1 ม.3/1, ม.3/3, ม.3/4, ม.3/5, ม.3/6 ท 4.1 ม.3/2, ม.3/3, ม.3/4 ท 5.1รวม 24 ตัวช้ีวัด
กำรจัดทำโครง รำยวิชำ ภำษำไทยพนื้ ฐำน ช้นั มธั ยมศกึ ษำปีที่ 3 จำนที่ ชื่อหน่วย รหสั มฐ. ตวั ช้ีวดั /ผล สำระ กำรเรยี นรู้1 อา่ นเพราะเจาะ ใจความสาคญั ท 1.1 ม.3/1 การอา่ นออกเสยี งร้อยแก้ว หมายถึง การ ม.3/3 โดยการเปลง่ เสยี ง และวางจงั หวะเสยี งให้เป2 อา่ นจบั ใจความ อา่ น เพอ่ื ถา่ ยทอดอารมณ์ไปสผู่ ้ฟู ัง ซงึ่ จะทา เพิ่มพนู ความคิด ท 1.1 ม3/2 เรื่องราว หรือรสประพนั ธ์ท่อี า่ น สว่ น การอ ม3/4 เกิดความเพลดิ เพลนิ ซาบซงึ ้ ในรสของคาปร ท 3.1 ม.3/3 ทว่ งทานองตามลกั ษณะคาประพนั ธ์เเตล่ ะช การอา่ นจบั ใจความสาคญั คอื การสงั เกต อยา่ งรวดเร็ว เพื่อกาหนดและทาความเข้าใจ นอกจากนยี ้ งั สวามารถแยกแยะความแตกต ได้ อีกทงั้ การนาเสนอเร่ืองที่อา่ นเพื่อเผยแพร พฒั นางานตนเอง
งสรำ้ งรำยวชิ ำนวน 60 ชั่วโมง (ภำคเรียนท่ี 1 ) ปกี ำรศึกษำ 2561ะสำคัญ เวลำ น้ำหนกั คะแนน คะแนนรวม (ช.ม.) K P Aรอา่ นถ้อยคาทม่ี ผี ้เู รียบเรียงหรือประพนั ธ์ไว้ 3 111 3ป็ นไปตามความนิยม และเหมาะสมกบั เร่ืองที่าให้ผ้ฟู ังเกิดอารมณ์ร่วมคล้อยตามไปกบัอา่ นออกเสยี งร้อยกรอง เป็ นการอา่ นทีม่ งุ่ ให้ระพนั ธ์ ซงึ่ จะต้องอา่ นอยา่ งมจี งั หวะ ลลี า และชนดิตสว่ นประกอบตา่ ง ๆ ของหนงั สอื หรือบทความ 6 141 6จโครงเรื่องหรือเนอื ้ หาทงั้ หมดของหนงั สอื ได้ตา่ งความหมายโดยนยั โดยตรงของเรื่องท่ีอา่ นร่ให้ผ้อู ่นื ได้ศกึ ษาเพอ่ เป็ นแนวทางในการ
3 อา่ นวนิ จิ สาร สรุปความ ท 1.1 ม.3/5 การอา่ นวนิ ิจสารจะประกอบด้วย การอ ละเอียดแล้วพยายามทาความเข้าใจความหตามเร่ือง ม.3/6 จดุ ประสงค์รวมไปถึงนา้ เสยี งท่ผี ้เู ขียนต้องก และนาเสนอเรื่องท่อี า่ นของงตนเองให้ผิอนื่ ไ ท 3.1 ม.3/1 พฒั นางานเขยี นของตนเองตอ่ ไป ม.3/3 การคดั ลายมอื คอื การเขียนตวั หนงั สอื ผ้ใู ด ซงึ่ การฝึกคดั ลายมือ จะชว่ ยทาให้ผ้เู ขยี4 ลายมือ สอื ไทย ท 2.1 ม.3/1 ระเบียบเรียบร้ อย5 สร้างสรรค์งานเขยี น ท 2.1 ม.3/2 การเชียนนนั้ มหี ลายประเภท ซงึ่ จะต้อง ม.3/3 และโอกาส ทงั้ นตี ้ ้องคานกึ ถงึ ระดบั ภาษาที่ใ ม.3/4 ตา่ ง ๆ เช่น การเขยี นอวยพร การเขียนคาขว ม.3/5 อตั ชีวประวตั ิ และรวมไปถงึ การเขียนยอ่ คว ม.3/6 เนอื ้ ความหรือใจความสาคญั ในเร่ืองใดเรื่อง ท 5.1 ม.3/1 แล้วนามาเรียบเรียงใหม่ เป็ นข้อความสนั้ กะ ม.3/2 จากเดิม และการเขียนจดหมายกิจธรุ ะ คอื องค์กรตา่ ง ๆ เชน่ ห้างร้าน บริษทั สมาคม เ จะต้องมมี ารยาทในการเขยี นด้วย
อา่ นตคี วาม ซงึ่ หมายถงึ การอา่ นในจอยา่ ง 5 3 6 1 10หมายจากสงิ่ ทอี่ า่ นเพือ่ ให้ทราบความหมายการสอื่ มายงั ผ้อู า่ น นอกจากนยี ้ งั สามารถสรุปได้รับทราบเพอ่ื เป็ นแนวทางในการศกึ ษาและอ ท่ีมีลกั ษณะเฉพาะ บง่ บอกวา่ เป็ นของผ้หู นงึ่ 3 111 3ยนเขยี นหนงั สอื ได้อยา่ งสวยงาม และเป็ นงเลอื กใช้หรือเลอื กเขยี นให้เหมาะสมตามวาระ 18 361 10ใช้เขยี น การเขยี นสามารถเขียนได้ในโอกาสวญั คาคม การเขียนชวี ประวตั ิ และวาม ฃง่ึ การเขยี นยอ่ ความ คอื การเก็บงหนง่ึ อยา่ งถกู ต้องครบบริบรู ณ์ตามตวั เร่ืองะทดั รัด โดยไมใ่ ห้ความหมายเปลย่ี นแปลงไปอ การเขียนเพื่อติดตอ่ ระหวา่ งบคุ คลหรือเป็ นต้น ซงึ่ ในการเขยี นแตล่ ะประเภทนนั้ เรา
6 เขียนวเิ คราะห์ วิจารณ์ ท 2.1 ม. 3/6 การเขียนอธิบาย ชีแ้ จง โต้แย้ง แสดงค เหตผุ ลหลกั การ มีหลกั ฐานอ้างองิ ได้ ซง่ึ ในกอยา่ งมเี หตผุ ล ม. 3/7 ทเ่ี ราจะต้องนามาเขยี นเพอ่ื ให้การเขยี นนนั้ ส ม. 3/9 การเขยี นทงั้ 3 ชนดิ นจี ้ ะมีจดุ ประสงค์ของกา ท 3.1 ม. 3/1 การเขียนโครงงาน จะต้องมเี ค้าโครงก เค้าโครงของโครงงาน คือ การวางเค้าโครงใ ม. 3/2 ไหน อยา่ งไร ใครเป็ นผ้จู ดั ทา ซง่ึ เราสามาร ม. 3/3 การพดู จากสอื่ ทีฟ่ ังและดสู อื่ คอื การพดู เก โทรทศั น์ คอื การใช้ทกั ษะการฟัง การดแู ละ ม. 3/6 สร้ างสรรค์7 หลกั ภาษานาพาความรู้ ท 4.1 ม.3/1 คาภาษาตา่ งประเทศในภาษาไทย ประ ม.3/2 ภาษาจีน ภาษา ชวา-มลายู ภาษาองั กฤ ม.3/3 การวเิ คราะห์โครงสร้างของประโยค คือ กา ประกอบด้วย 3 ชนิดได้แก่ 1. ประโยคความ 2. ประโยคความรวม (อเนกรรถประโยค)
ความคดิ เห็น เป็ นการเขียนท่ีต้องเขียนโดยมี 12 161 8การเขียนนนั้ ต้องคานงึ ถงึ ข้อเทจ็ จริงของข้อมูลสมเหตสุ มผล และเกิดความเข้าใจได้งา่ ยยิ่งขนึ ้ารเขียนท่แี ตกตา่ งกนั ออกไปก่อนเราจึงจะสามารถเขียนโครงงานได้ เพราะในการทางานวา่ จะทางานอะไร เมอ่ื ไร ที่รถแบง่ ประเภทของโครงงานกี่ยวกบั เร่ืองท่ฟี ังและดจู ากสอื่ ตา่ ง ๆ เช่นวทิ ยุะคดิ และพดู ให้สมั พนั ธ์กนั และพดู อยา่ งะกอบด้วย คาบาล-ี สนั สกฤต คาภาษาเขมร 11 271 10ฤษารวเิ คราะห์ของประโยคแตล่ ะชนดิ ซงึ่ ประโยคมเดยี ว (เอกรรถประโยค)
3. ประโยคความซ้อน (สงั กรประโยค)ระดบั ของภาษา แบง่ ออกเป็ น 5 ระดบั ดงั น 1) ภาษาระดบั พธิ ีการ 2) ภาษาระดบั ทางการ 3) ภาษาระดบั กงึ่ ทางการ 4) ภาษาระดบั สนทนาทวั่ ไป 5) ภาษาระดบั กนั เอง รวมระหว่ำงภำค กลำงภำค ปลำยภำค รวม
นี ้ 58 60 1 20 1 20 60 100
กำรจดั ทำโครง รำยวชิ ำ ภำษำไทยพ้ืนฐำน ชน้ั มธั ยมศึกษำปที ี่ 3 จำนท่ี ช่อื หน่วย รหัส มฐ. สำระ ตัวชี้วดั /ผล1 เขียน กำรเรยี นรู้ การเขยี นเขียนอธบิ ายคือ การเขียนเพื่ออธบิ ายเรอื่ งใดเร่ืองหนง่ึ ให สร้างสรรค์ ท 2.1 เครือ่ งปรับอากาศ เปนต้น สัมพันธค์ วามรู้ ม.3/2 ม.3/3 การเขยี นชี้แจง คือ การขียนเพ่อื ชแี้ จงเรื่องราวหรือเหตุการณ์ ข2 พูดส่ือความ ม.3/4 การเขียนแสดงความคดิ เหน็ คือ งานเขยี นท่แี นะนาหรือแสดงควา ตามความ ม.3/5 ขอ้ เทจ็ จริง กฏเกณฑ์ และเหตผุ ล เหมาะสม ม.3/8 การเขียนรายงาน คอื การนาเสนอผลการศึกษาคน้ คว้าทางวชิ าก ม.3/10 การเขยี นโครงงาน คอื การศกึ ษาค้นคว้าสิง่ ท่ตี นเองสนใจ ตอ้ งก3 เร่ืองราวท่อี า่ น การศึกษาท่มี รี ะบบข้ันตอน วเิ คราะห์ ท 3.1 ม. การพูดในโอกาสตา่ ง ๆ คือ การพูดในชวี ิตประจาวนั ของคนเรา วิจารณส์ ม 3/3 ความรสู้ กึ ถ่ายทอดไปส่กู นั และกนั ด้วย ฉะนัน้ การพูดจากันนอกจากจะพ เหตผุ ล ม.3/4 งานศพ การเขา้ สมาคมในโอกาสตา่ ง ๆ จึงจาเปนสาหรบั ทุกคนที่ตอ้ งฝกึ ม.3/5 ในโอกาสต่าง ๆ ทค่ี วรทราบ เชน่ การพูดแนะนา การพดู แสดงความยิน ม.3/6 อวยพร การพูดสนทนาทางโทรศพั ท์ การพูดเลา่ เร่ืองหรือเหตุการณ์ต่าง ท 1.1 ม. การวิเคราะห์วิจารณ์ส่อื ต่าง ๆ ท่เี ราอ่าน ดู หรือฟังน้ันจะต้องมหี ล 3/7 อา่ น ฟงั และดู ซ่งึ การประเมินคณุ ค่าของเรื่องที่อ่าน หมายถงึ การตดั สิน ม.3/8 ม.3/9 , ม. 3/10
งสร้ำงรำยวิชำ เวลำ น้ำหนกั คะแนนนวน 60 ช่วั โมง (ภำคเรียนท่ี 2 ) ปีกำรศึกษำ 2561 (ช.ม.) คะแนน รวมะสำคญั KPAห้ผู้อา่ นทราบ เชน่ การอธบิ ายวธิ ีการใชส้ งิ่ ของสิ่งหน่ึง เช่น การติดตงั้ 8 2 7 1 10ขัน้ ตอน อย่างใดอย่างหนง่ึ ามคดิ เหน็ ตอ่ เรื่องใดเร่ืองหนงึ่ โดยผู้เขยี นต้องตัง้ ม่ันอยู่ในพืน้ ฐานการประเดน็ ใดประเด็นหนง่ึ โดยนาเสนอตามลาดบั กอ่ นหลังการหาคาตอบหรอื ศกึ ษาหาความร้อู ยา่ งลึกซึ้งโดยใช้กระบวนการ วิธี นอกจากจะสือ่ ความรคู้ วามเขา้ ใจเรอื่ งราวตา่ ง ๆ แล้ว ยงั ตอ้ งสอ่ื อารมณ์ 10 3 6 1 10พดู คยุ กันตามปกติแล้วยงั มีการพดู ในโอกาสพิเศษ เช่น การพดู ในงามมงคล 7 271 10กฝนการใชค้ าพูดใหถ้ กู ต้องไพเราะเหมาะสม เหมาะกับเหตกุ ารณ์ การพดูนดี การพดู แสดงความเสยี ใจ การกล่าวขอบคณุ การกลา่ วต้อนรับ การพดูงๆลักการวเิ คราะห์ทีถ่ กู ต้อง นอกจากน้ีแลว้ จะตอ้ งประเมินคณุ คา่ จากเรอื่ งที่นว่างานเขียนนัน้ ดี ถกู ตอ้ ง มคี ุณค่าหรือไม่
4 ลายมือสื่อสาร ท 2.1 ม. การคดั ลายมือตัวบรรจงครึง่ บรรทดั คือ การเขยี นตวั หนงั สือตามแ ถอ้ ยความ 3/1 ครึง่ บรรทัดดงั น้ี 1. แบบกระทรวงศึกษาธกิ าร 2. แบบอาลักษณ์ 3. เหมาะสม ม.3/2 ม.3/7 การเขยี นวเิ คราะห์ วิจารณ์ คอื กระบวนการเขยี นทผ่ี ูเ้ ขยี นนาเสน5 หลักภาษา ม.3/8 จดุ ด้อย แล้วนาไปประเมินค่า เพื่อนาไปใช้ในชีวิตจรงิ ได้ ม.3/96 วรรณคดมี ี ม.3/10 การเขยี นมคี วามสาคญั และจาเปนตอ่ การสอ่ื สารในชีวิตประจาวนั คุณค่า ท 4.1 ม. จดหมายสมัครงาน ซึ่งการเขียนใบสมัครงานนน้ั จะต้องเขียนใหต้ รงตามร 3/1 ม.3/3 การยมื คาภาษาต่างประเทศมาใชใ้ นภาษาไทยทาให้ภาษามคี วามเ ม.3/4 ใด ท้ังน้ีเพราะมีการตดิ ต่อระหว่างประเทศท้ังทางการทูต การค้าและวิท ม.3/5 และศาสนา จงึ มีคาภาษาตา่ งประเทศในภาษาไทยหลายภาษา ไดแ้ ก่ ภา ม.3/6 ภาษาองั กฤษ คาฝร่ังเศส คาโปตเุ กส คาภาษาอาหรับ เปนต้น การแตง่ บ ท 5.1 ม.3/2 วรรณคดี เร่ือง พระบรมราโชวาท อศิ รญาณภาษิต และบทพากษ์เอราว ม.3/3 อารมณ์ คณุ คา่ ทางวัฒนธรรม คณุ คา่ ทางจนิ ตนาการ คุณคา่ ในดา้ นว ม.3/4 นอกจากนี้ยังทาให้ไดข้ ้อคิด และความรู้ต่าง ๆ ไม่วา่ จะเปนในเรอ่ื งการด ตลอดไปจนถงึ ขอ้ คดิ ในการดาเนนิ ชีวติ ประจาวนั รวมระหว่ำงภำค กลำงภำค ปลำยภำค รวม
แบบทีก่ าหนดซึ่งในชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 3 มีรูปแบบการคดั ลายมือตวั บรรจง 11 2 7 1 10. แบบราชบณั ฑิตยสถาน (ตัวสารบรรณ)นอสารผา่ นการพิจารณาแยะแยะขอ้ มูลแลว้ วเิ คราะหข์ ้อดี ขอ้ เสยี จุดเดน่โดยเฉพาะเกย่ี วกับอาชีพการตดิ ตอ่ ธุระตา่ ง ๆ รวมไปถึงการเขยี นรปู แบบ และตรงตามวัตถุประสงค์ของตาแหน่งทตี่ นเองสมัครเจรญิ งอกงามและมคี าใชม้ ากขนึ้ ลักษณะเชน่ น้ีไมเ่ ปนการเสียหายประการ 11 2 7 1 10ทยาการตา่ งๆ มีการรับความรซู้ ึ่งกันและกนั รวมทงั้ การถ่ายทอดวัฒนธรรมาษาบาลี ภาษาสันสกฤต ภาษาเขมร ภาษาจีน คาชวา คามลายู คาบทรอ้ ยกรอง คอื การเรยี งรอ้ ยถ้อยคาตามอกั ขระวธิ ีท่ีกาหนดใหถ้ ูกตอ้ งวณั มคี ณุ ค่าในด้านต่าง ๆ มากมาย เช่น คณุ ค่าทางศลี ธรรม คณุ ค่าทาง 11 2 7 1 10วรรณศิลป์ คณุ คา่ ในดา้ นสภาพชีวิตสมัยบรรพบุรุษ เปนต้นดาเนนิ ชวี ิต ข้อคิดในด้านการปฏิบตั ิตวั เม่อื อย่รู ว่ มกับสงั คมตา่ ง ๆภายนอก 58 60 1 20 1 20 60 100
Search
Read the Text Version
- 1 - 29
Pages: