Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore cellskin_65(1)

cellskin_65(1)

Published by Guset User, 2022-07-06 02:42:44

Description: cellskin_65(1)

Search

Read the Text Version

ผศ.จีรภา กาญจนโกเมศ สาขาการพยาบาลผใู้ หญ่และผสู้ งู อาย ุ

วตั ถปุ ระสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. บอกองคป์ ระกอบ/โครงสรา้ งของเซลลแ์ ละเนอ้ื เยอื่ ได้ 2. อธิบายการประยกุ ตใ์ ชอ้ งคป์ ระกอบของเซลลแ์ ละเนอ้ื เย่ือสกู่ ารพยาบาลได้

What is “cell”? • คอื หน่วยทเี่ ล็กทสี่ ดุ ของสงิ่ มชี วี ติ • คอื หน่วยพนื้ ฐานของสงิ่ มชี วี ติ ทกุ ชนิดตงั้ แตม่ นุษย ์ พชื สตั ว ์ สาหรา่ ย รา แบคทเี รยี รวมทง้ั จลุ นิ ทรยี ต์ า่ งๆ • เซลลส์ ว่ นใหญ่ จะมขี นาดเล็กมาก มองดว้ ยตาเปลา่ ไม่เห็น

Cell structure

รา่ งกายของคนเราประกอบดว้ ยเซลลม์ ากหรอื ไม่??? ตอบ รา่ งกายของมนษุ ยแ์ ตล่ ะคนจะมเี ซลลป์ ระมาณ 100 ลา้ นลา้ น หรือ 1014

Structure of cell

Structure of cell ทกุ เซลลจ์ ะมีโครงสรา้ งพ้ืนฐาน 3 อยา่ งเหมือนกนั คือ ✓เย่อื หมุ้ เซลล์ (Cell Membrane/Plasma membrane) ✓ไซโตพลาสซึม (Cytoplasm) ภายในยงั มโี ครงสรา้ งพน้ื ฐานขนาดเล็ก ที่ ทาใหเ้ ซลลส์ ามารถดารงชวี ติ เรียกวา่ ออรแ์ กเนลล(์ Organelle) ✓นวิ เคลยี ส (Nucleus)

Structure of cell

Structure of cell สอบกลางภาค /เเลปกริง๊ จาํ คําศัพท เขยี นให ถูก ช*ี้้ ** Gogi body

Cell structure and function เยอื่ หมุ้ เซลล์ (Cell Membrane/plasma membrane) • เป็ นเสมอื นรวั้ บา้ น กนั เซลลอ์ อกจากกนั และห่อหมุ้ สว่ นประกอบในเซลล์ • ประกอบดว้ ยสารโปรตนี มมี ากถึงรอ้ ยละ 70 สว่ นใหญ่จะ แทรกตวั อย่ใู นชน้ั ของไขมนั มรี ขู นาดเล็กๆมากมาย หนา้ ท่ี • คดั เลอื กสารท่จี ะผา่ นเขา้ -ออกจากเซลล์ จงึ มคี ณุ สมบตั ิ เป็ นเยื่อเลอื กผา่ น (Semipermeable membrane) • รกั ษาสมดลุ ของสภาพแวดลอ้ มภายในเซลล์



Cell structure and function ไซโทพลาสซึม (Cytoplasm) • ไซโตซอล (cytosol) มลี กั ษณะเป็ นของเหลว คลา้ ยวนุ้ ประกอบดว้ ยสารอินทรีย์ และสารอนนิ ทรีย์ รวมถึงสารแขวนลอยตา่ งๆ เป็ นแหลง่ ของปฏิกริ ิยาเคมี • ออรแ์ กเนลล์ (organelle) เป็ นองคป์ ระกอบ ของเซลลท์ ่ีมโี ครงสรา้ ง (Structure) และหนา้ ที่ (Function) ที่แนน่ อน แขวนลอยอยใู่ นไซโตซอล

Cell structure and function ออรแ์ กเนลล์ (Organelles) ทาหนา้ ท่ีคลา้ ยกบั อวยั วะของเซลล์ เป็ นองคป์ ระกอบของเซลลท์ ี่มี โครงสรา้ งและหนา้ ที่ทแ่ี นน่ อน แขวนลอยอยใู่ น Cytoplasm ไดแ้ ก่ ➢ไมโทคอนเดรยี (mitocondria) • มรี ปู รา่ งหลายแบบ ขน้ึ กบั ชนดิ ของเซลล์ • มเี ยื่อหมุ้ 2 ชนั้ ชนั้ นอกเรียบ ชนั้ ในจะพบั ทบ ไปมาแลว้ ย่ืนเขา้ ไปดา้ นใน หนา้ ที่สาคญั คอื เป็ นแหลง่ ผลติ พลงั งานสงู ใหแ้ กเ่ ซลลใ์ นรปู ของ adenosine triphosphate (ATP) โดยเปลี่ยนพลงั งานในอาหารใหเ้ ป็ นพลงั งานใน รปู ATP ท่เี ซลลส์ ามารถนาไปใชไ้ ด้

Cell structure and function รา่ งแหเอนโดพลาสซึม (Endoplasmic Reticulum, ER) ➢ Rough Endoplasmic Reticulum, RER •มไี รโบโซม (Ribosome) เกาะท่ีผวิ ดา้ นนอกทาใหม้ ผี วิ ขรขุ ระ •มสี ่วนท่ีเชอ่ื มตอ่ กบั เยื่อหมุ้ นวิ เคลียส •ลาเลยี งโปรตนี ทส่ี รา้ งจากไรโบโซม เพ่ือสง่ ออกไปใชน้ อก เซลล์ ➢ Smooth Endoplasmic Reticulum, SER •ไมม่ ไี รโบโซมเกาะ มผี วิ เรียบ •สรา้ งไขมนั ฮอรโ์ มน steroid และกาจดั สารพิษในเซลลต์ บั

Cell structure and function Golgi complex หรอื Golgi body หรอื Golgi apparatus • เป็ นออรแ์ กเนลลท์ ต่ี ดิ ตอ่ กบั ER • มลี กั ษณะเป็ นถงุ แบนท่ีมเี ยื่อ 2 ชน้ั • ทาหนา้ ที่เตมิ องคป์ ระกอบที่เป็ นคารโ์ บไฮเดรตและไขมนั ใหก้ บั โปรตนี ที่รับมาจาก RER เพ่ือสง่ ออกมาภายนอกเซลล์

Cell structure and function ไรโบโซม (ribosome)  เป็ นออรแ์ กเนลลท์ ่ีมีขนาดเลก็ ที่สดุ ✓ เป็ นโครงสรา้ งเด่ียว ๆ (Free Ribosome) อยเู่ ป็ น อิสระกระจายทว่ั เซลล์ ยงั ไมท่ าหนา้ ท่ีสรา้ งโปรตีน ✓ กลม่ ุ ไรโบโซม เกาะติดกบั สาร mRNA (Free Polyribosome) ทาหนา้ ที่สรา้ งโปรตีนเพื่อใชเ้ ป็ น เอนไซมใ์ นเซลล์ ✓ จบั กนั เป็ นสายโพลีไรโบโซม (Poly Ribosome) เกาะติดกบั ผนงั ดา้ นนอกของ RER ทาหนา้ ท่ี สงั เคราะหโ์ ปรตีนเพ่ือสง่ ออกภายนอกเซลล์

Cell structure and function

Cell structure and function ไลโซโซม (Lysosome) ✓ เป็ นถงุ ขนาดเล็กมเี ย่ือชน้ั เดยี ว ✓ ภายในจะบรรจเุ อนไซมซ์ ึ่งย่อยสลายดว้ ยนา้ (Hydrolytic Enzyme) ✓ ย่อยออรแ์ กเนลลข์ องเซลลท์ ่ีหมดอายุ ✓ ทาลายเชอ้ื โรคหรือสง่ิ แปลกปลอมทีเ่ ขา้ ส่รู า่ งกาย เซนทรโิ อล (Centriole) รวมเรยี กนี้ ✓ ประกอบดว้ ยหลอดเล็ก ๆ เรียกว่า microtubule เรียงตวั กนั เป็ นกลมุ่ ๆ ✓ ทาหนา้ ท่สี รา้ งเสน้ ใยสปิ นเดลิ (Spindle Fiber) เพ่ือ ยึดตดิ กบั โครโมโซม

Cell structure and function นิวเคลยี ส (nucleus) ควบคมุ การแสดงลกั ษณะทางพนั ธกุ รรม การแบง่ ตวั ของเซลลแ์ ละ ควบคมุ การสรา้ งโปรตนี ประกอบดว้ ย – เยื่อหมุ้ นวิ เคลียส (Nuclear Membrane/Nuclear envelope) Membrane 2 ชน้ั ซึ่งเชอ่ื มตดิ กนั เป็ นชว่ งๆ ทาใหเ้ กิดเป็ นหลมุ (Nuclear Pore) ทาใหม้ กี ารแลกเปลี่ยนสารระหวา่ งนวิ เคลียส กบั ไซโตพลาสซึม เชน่ mRNA rRNA – นวิ คลโี อลสั (Nucleolus) เป็ นเสน้ ใยซ่ึงเป็ นโมเลกลุ ของ DNA ที่ ขดตวั เป็ นกอ้ น ทาหนา้ ท่ีสงั เคราะห์ RNA โดย DNA – เสน้ ใยโครมาตนิ (Chromatin) คือ เสน้ ใย DNA ที่จบั อยกู่ บั โปรตนี ซ่ึงในระยะที่เซลลแ์ บง่ ตวั DNA กบั โปรตนี จะรวมตวั กนั แนน่ ปรากฏใหเ้ ห็นเป็ นแท่งโครโมโซม (Chromosome)

การลาเลียงสารเขา้ ออกของเซลล์ (Cell Transportation) การลาเลียงสารแบบไมใ่ ชพ้ ลงั งาน (passive transport) การแพร่ (diffusion) ➢ การแพร่ธรรมดา (Simple diffusion)>>การกระจายของอนภุ าคจากสาร บริเวณท่ีมคี วามเขม้ ขน้ ของสารสงู ไปสบู่ ริเวณที่มคี วามเขม้ ขน้ ของสารตา่ กวา่ เชน่ การแพร่ของผงดา่ งทบั ทิมในนา้ จนทาใหน้ า้ มสี ีมว่ งแดงจนทวั่ ภาชนะ การไดก้ ลิ่นผงแป้ ง หรือ การไดก้ ลิ่นนา้ หอม ➢ การแพร่แบบมตี วั พา ( Faciliteated diffusion )>> การแพรข่ องสารผา่ น โปรตนี ตวั พา(Carrier) การแพร่แบบนม้ี อี ตั ราการแพร่เร็วกวา่ การแพรแ่ บบ ธรรมดามาก เชน่ การลาเลียงสารท่ีเซลลต์ บั และ เซลลบ์ ผุ วิ ลาไสเ้ ล็ก

การลาเลียงสารเขา้ ออกของเซลล์ (Cell Transportation) ออสโมซิส (osmosis) เป็ นการแพร่ของเหลวหรือการแพรข่ องนา้ ผา่ นเย่ือ เลอื กผา่ นโดยนา้ จะแพรจ่ ากบริเวณท่ีมคี วามหนาแนน่ ของนา้ มากไปยงั บริเวณที่มคี วามหนาแนน่ ของนา้ นอ้ ยกวา่ จาํ ** ➢ บวมนํ้าใหอนั นี้ Solution) มคี วามเขม้ ขน้ เมอื่ เซลลอ์ ยใู่ นสารละลายไฮโปทนู คิ (Hypotonic ตา่ กว่าภายในเซลล์ นา้ จากสารละลายจะแพร่เขา้ สเู่ ซลลท์ าใหเ้ ซลลเ์ ตง่ บวมและแตกได้ ➢ เหย่ี วขาดนํ้า ใหสองอนั นี้ มคี วาม เมอ่ื เซลลอ์ ยใู่ นสารละลายไฮเปอรท์ นู คิ (Hypertonic Solution) เขม้ ขน้ สงู กวา่ ภายในเซลล์ นา้ จะแพร่ออกจากเซลลท์ าใหเ้ ซลลเ์ หี่ยว ➢ เซลลท์ ี่อยใู่ นสารละลายไอโซทนู คิ (Isotonic Solution) คือ สารละลายที่มี ความเขม้ ขน้ เทา่ กบั ภายในเซลล์ จะไมม่ กี ารแพร่ของนา้ ปริมาตรของ เซลลไ์ มเ่ ปล่ียนแปลง

การลาเลียงสารเขา้ ออกของเซลล์ (Cell Transportation) การลาเลียงโดยใชพ้ ลงั งาน (Active Transportation) ➢สามารถนาสารจากบริเวณทีม่ คี วามเขม้ ขน้ ของสารตา่ ไปสบู่ ริเวณทมี่ ีความเขม้ ขน้ ของสารสงู กว่าได้ โดยใชพ้ ลงั งานจาก ATP • การดดู กลบั สารท่ีท่อของหนว่ ยไต • Na+ -K+ pump หรือการขบั Na+ และการรบั K+ของใยประสาท

Cell Transportation

เน้ือเยอ่ื (Tissue) Tissue เป็ นกลมุ่ ของเซลลท์ ีม่ โี ครงสรา้ งและทา หนา้ ท่ีเหมอื นกนั รวมตวั กนั ประเภทของเนอ้ื เยื่อ • เนอ้ื เย่ือบผุ วิ Epithelial tissues • เนอื้ เย่ือเก่ียวพนั Connective tissues • เนอื้ เย่ือกลา้ มเนอ้ื Muscle tissues • เนอ้ื เย่ือประสาท Nervous tissues

Epithelial tissues เน้ือเยอื่ บผุ วิ (Epithelial tissues) แบง่ ตามลกั ษณะรปู รา่ งได้ 3 แบบ – Squamous epithelium รปู รา่ งแบน บาง – Cuboidal epithelium รปู รา่ งเหมอื นลกู บาศก์ – Columnar epithelium รปู ร่างสงู มคี วามสงู มากกวา่ ความกวา้ ง แบง่ ตามจานวนชนั้ ของเซลล์ – Simple epithelium เซลลเ์ รียงกนั เป็ นชนั้ เดยี ว – Pseudo stratified epithelium ประกอบดว้ ยเซลล์ เรียงกนั เป็ นชน้ั เดยี วบนเยื่อรองรบั ฐาน แตม่ ี เพียงบางเซลลเ์ ทา่ นนั้ ท่ีสงู ถึงผวิ หนา้ ดา้ นบน – Stratified epithelium เซลลเ์ รียงซอ้ นกนั หลายชน้ั

เน้ือเยื่อ (Tissue)

Epithelial tissues Epithelial tissues (เน้ือเยอ่ื บผุ วิ ) ➢ทำหนำ้ ที่ปอ้ งกัน (protection) เชน่ เน้อื เยื่อบุผวิ ท่ีปกคลมุ รำ่ งกำยไมใ่ หเ้ ช้ือโรคเขำ้ สู่ ร่ำงกำยและป้องกันกำรระเหยของนำ้ ออกส่รู ่ำงกำย ➢ทำหน้ำทีเ่ กย่ี วกบั กำรดดู ซมึ (absorbtion) เช่น เนอ้ื เย่อื บทุ ผ่ี ิวของลำไส้เล็ก ทำหน้ำท่ดี ดู ซึมอำหำรเข้ำสู่หลอดเลือด ➢สร้ำงสำรคัดหลง่ั (secretion) เช่น ตอ่ มตำ่ งๆท่ีทำหน้ำที่สร้ำงฮอร์โมน เพอื่ ควบคุมกำร ทำงำนของรำ่ งกำย

Connective tissues เน้ือเยอ่ื เกย่ี วพนั (Connective tissue) เนอื้ เย่ือเก่ยี วพนั เป็ นเนอ้ื เยื่อที่พบแทรกอย่ทู วั่ ไปใน รา่ งกาย ทาหนา้ ท่ียึดเหนย่ี วหรือพยงุ อวยั วะใหค้ งรปู อยไู่ ด้ ลกั ษณะของเนอื้ เย่ือชนดิ นี้ คอื ตวั เซลลแ์ ละเสน้ ใยกระจายอยใู่ นสารระหว่างเซลลท์ ี่เรียกว่า เมทริกซ์ (matrix) ซ่ึงเสน้ ใยทพี่ บ ไดแ้ ก่ ➢Collagen fiber มลี กั ษณะเป็ นเสน้ เหนยี วแขง็ แรง อย่รู วมกนั เป็ นมดั ใหญ่ ➢Elastic fiber เป็ นเสน้ ใยทม่ี คี วามยืดหยนุ่ มาก แตกเป็ นแขนงยอ่ ยสง่ ไปเชอื่ มกบั แขนงของเสน้ อ่ืน ➢Reticular fiber มลี กั ษณะคลา้ ยเสน้ ใยคอลลาเจน แตเ่ ป็ นเสน้ บางกว่ากระจายอย่ทู วั่ ไป เสน้ ใย ชนดิ นจ้ี ะมองไมเ่ ห็นถา้ ยอ้ มดว้ ยสยี อ้ มเนอ้ื เย่ือทวั่ ไป ตอ้ งยอ้ มดว้ ยสี silver stain

Connective tissues เนอื้ เยื่อเกีย่ วพนั แบง่ เป็ น 4 กลมุ่ ไดแ้ ก่ ➢เนอื้ เย่ือเกีย่ วพนั สมบรู ณ์ (connective tissue proper) ➢กระดกู อ่อน (cartilage) ➢กระดกู แข็ง (bone) ➢เลอื ด (blood)

Connective tissues เน้ือเยอื่ เกี่ยวพนั สมบรู ณ์ (connective tissue proper) ลกั ษณะเมทริกซเ์ ป็ นเสน้ ใยกระจายอยแู่ ตกตา่ ง กนั ทาใหแ้ บง่ เนอื้ เย่ือเกี่ยวพนั ชนดิ นเี้ ป็ น 2 ประเภท คือ ➢ เนอื้ เยื่อเก่ยี วพนั ชนดิ แนน่ ทึบ (dense connective tissue) พบปริมาณเสน้ ใยมากอยตู่ ดิ กนั แนน่ ทึบ พบตามเอ็น กลา้ มเนอื้ (tendon) และเอ็นยึด (ligament) ซึ่งเนอ้ื เยื่อยดึ ระหวา่ งกระดกู ตอ้ งการความแข็งแรงมาก ประกอบดว้ ย collagen fiber เรียงตวั หนาแนน่ สีขาว ➢ เนอื้ เยื่อเกี่ยวพนั ชนดิ โปร่งบาง (loose connective tissue) เนอื้ เยื่อนเ้ี ช่ือมหนงั กบั กลา้ มเนอ้ื หรือเชอ่ื มกลา้ มเนอื้ กบั กลา้ มเนอื้ matrix อ่อนและเหนยี ว มี collagen fiber และ elastic fiber เซลลท์ ี่พบในเนอ้ื เยื่อเกยี่ วพนั ชนดิ นไี้ ดแ้ ก่ fibroblast, macrophage mast cell, plasma cell, adipose tissue

Connective tissues กระดกู อ่อน (cartilage) พบอย่ตู ามสว่ นของโครง กระดกู โดยเฉพาะบริเวณทีก่ ระดกู มกี ารเสียดสีกนั ประกอบดว้ ยเมทริกซซ์ ึ่งมลี กั ษณะคลา้ ยวนุ้ เซลล์ กระดกู อ่อนเรียกว่า คอนโดรไซต์ (chondrocyte)มี รปู ร่างกลมหรือ รปู ไข่ อาจพบ 1-4 เซลล์ เรียงตวั อย่ใู นชอ่ งว่างที่เรียกว่า ลาคนู า (lacuna) กระดกู ออ่ น สามารถพบไดท้ ่ใี บหู ฝาปิ ดกลอ่ งเสยี ง (epiglottis) กลอ่ งเสยี ง (trachea) กระดกู ออ่ นกน้ั ระหว่างกระดกู สนั หลงั แตล่ ะขอ้ (intervertebral disc) เป็ นตน้

Connective tissues กระดกู (Bone) ประกอบดว้ ยเซลลก์ ระดกู ทีเ่ รียกว่า ออสทีโอไซต์ (osteocyte) อยใู่ นชอ่ งลาคนู า โดยเซลล์ กระดกู จดั เรียงตวั เป็ นวงรอบชอ่ ง ฮาเวอรเ์ ชยี น (harversian canal) ที่มเี สน้ เลือดนาอาหารมาเลี้ยง เซลลก์ ระดกู และเรียกลกั ษณะ การเรียงตวั ของเซลล์ กระดกู นว้ี า่ ระบบฮารเ์ วอรเ์ ชยี น (harversian system) เซลลก์ ระดกู ประกอบดว้ ยแคลเซียมและฟอสเฟตเป็ น

Connective tissues เลือด (blood) ➢นา้ เลอื ด (plasma) ➢เซลลเ์ ม็ดเลือด

เลือด (blood) บลัด

Connective tissues เซลลเ์ ม็ดเลอื ด ➢ เซลลเ์ ม็ดเลอื ดแดง (Red Blood Cells, RBCs หรือ Erythrocytes) มฮี ีโมโกลบิน (hemoglobin) ซ่ึงเป็ นโปรตนี ท่ีอยใู่ นเม็ดเลือดแดง และมคี ณุ สมบตั ใิ นการจบั กบั ออกซิเจนเพื่อนาไปเล้ยี งเนอื้ เยื่อตา่ งๆ และลาเลียง คารบ์ อนไดออกไซดก์ ลบั มาฟอกท่ีปอด มปี ริมาณมากกวา่ เซลลเ์ ม็ดเลือดขาวและเกร็ดเลือด ➢ เลอื ดของคนมสี แี ดง เนอื่ งจากประกอบดว้ ยฮีโมโกลบินซ่ึงเป็ นรงควตั ถสุ แี ดงและมีธาตเุ หล็กเป็ น องคป์ ระกอบ หากออกซิเจนมาก เลอื ดก็จะมสี แี ดงสด หากมอี อกซิเจนนอ้ ย เลอื ดก็จะมสี คี ลา้

Connective tissues เซลลเ์ ม็ดเลือด ➢ เซลลเ์ ม็ดเลอื ดขาว (white blood cell or leucocyte) ทาหนา้ ที่ตอ่ สกู้ บั เช้อื โรคโดยทาลายเช้ือโรคที่เขา้ สู่ รา่ งกาย มี 2 ประเภท คือ พวกทมี่ เี ม็ดแกรนลู (granule) พเิ ศษในไซโทพลาสซึม (granulocyte) สามารถ ยอ้ มตดิ สไี ดด้ ี ไดแ้ ก่ นวิ โทรฟิ ล (neutrophil) โอซิโนฟิ ล (eosinophil) และเบโซฟิ ล (basophil) พวกท่ีไมม่ เี ม็ด แกรนลู ในไซโทพลาสซึม (agranulocyte) ไดแ่ ก่ ลิมโฟไซต์ (lymphocyte และเซลลโ์ มโนไซต์ (monocyt)

Connective tissues เซลลเ์ ม็ดเลอื ด ➢ เกล็ดเลือด (Platelets) ทาหนา้ ที่ชว่ ยใหเ้ ลือดแขง็ ตวั โดยการปลอ่ ยสารทรอมโบพลาสตนิ ซ่ึงเป็ นเอนไซม์ ชนดิ หนง่ึ ออกมา ทรอมโบพลาสตนิ จะไปกระตนุ้ โพรทรอมบินใหก้ ลายเป็ นทรอมบิน ทรอมบินกระตนุ้ ไฟบริโนเจนใหก้ ลายเป็ นไฟบริน ซึ่งจะรวมตวั สานกนั ในลกั ษณะตาขา่ ยเพ่ือปิ ดบาดแผลไว้

Muscular tissue เน้ือเย่อื กลา้ มเน้ือ (Muscular tissue) แบ่งเป็ น 3 ชนิด 1. กลา้ มเนอื้ เรียบ (smooth muscle) พบทีอ่ วยั วะภายใน เชน่ ทีผ่ นงั ของ จาํ ** ทางเดนิ อาหาร กลา้ มเนอ้ื เรียบมดลกู เสน้ เลอื ด และอวยั วะภายในอ่ืน ๆ รปู ร่างของเซลลม์ ลี กั ษณะยาว หวั ทา้ ยแหลม แตล่ ะเซลลม์ ี1 นวิ เคลยี สอยู่ ตรงกลางเซลล์ กลา้ มเนอื้ เรียบหดตวั ไดช้ า้ แตห่ ดตวั ไดน้ านมาก และการ ทางานอยนู่ อกอานาจจิตใจควบคมุ การทางานโดยประสาทอตั โนมตั ิ 2. กลา้ มเนอ้ื ยึดลาย (skeleton muscle) เป็ นกลา้ มเนอ้ื ขนาดใหญอ่ ย่ตู ดิ กบั กระดกู เชน่ กลา้ มเนอ้ื ท่แี ขนขา จงึ ทาหนา้ ท่เี ก่ยี วกบั การเคลื่อนไหวของ ร่างกายโดยตรง เซลลก์ ลา้ มเนอ้ื นมี้ ลี กั ษณะเป็ นทรงกระบอกยาว แตล่ ะ เซลลม์ หี ลายนวิ เคลยี สซ่ึงเรียงกนั อย่ทู างดา้ นขา้ งบริเวณใตเ้ ย่ือหมุ้ เซลล์ การทางานของกลา้ มเนอ้ื นอี้ ยภู่ ายใตอ้ านาจจิตใจ ควบคมุ โดยระบบ ประสาท 3. กลา้ มเนอื้ หวั ใจ (cardiac muscle) พบทผ่ี นงั หวั ใจ เซลลม์ รี ปู รา่ งยาว ทรงกระบอก มนี วิ เคลยี สอนั เดยี วอยตู่ รงกลางทางานอยนู่ อกอานาจจิตใจ ควบคมุ การทางานโดยประสาทอตั โนมตั ิ

เน้ือเยอื่ ประสาท (Nervous tissue) เน้ือเยอ่ื ประสาท (Neเrนvอoเวuอรs tissue) ทาหนา้ ที่รบั สง่ กระแส ประสาท เซลลป์ ระสาทแตล่ ะเซลล์ ประกอบดว้ ย ➢ ตวั เซลล์ ซ่ึงอยใู่ นชน้ั สเี ทา (grey matter) ของระบบประสาทไข สนั หลงั และระบบประสาท สว่ นกลาง เซลลป์ ระสาทมลี กั ษณะ กลมขนาดใหญ่ มนี วิ เคลยี สอยตู่ รงกลาง ➢ แขนงประสาท แบง่ เป็ น – เดนไดรต์ (dendrite) ท่ีเป็ นแขนงประสาทขนาดสน้ั ทาหนา้ ที่ รบั กระแสประสาท (impulse) เขา้ สตู่ วั เซลล์ – แอกซอน(axon) เป็ นแขนงประสาทลกั ษณะยาวไมม่ ีแขนง แตกออกใกลก้ บั ตวั เซลลแ์ อกซอน ทาหนา้ ท่ีนากระแสประสาท ออกจากตวั เซลล์

ทาไมพยาบาลตอ้ งรเู้ รอ่ื ง cell ???



4 1 2 5 3 6 10 7 11 12 8 13 6 16 9 14

Integumentary system ผศ.จีรภา กาญจนโกเมศ สาขาการพยาบาลผใู้ หญ่และผสู้ งู อาย ุ

วตั ถปุ ระสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. บอกองคป์ ระกอบ/โครงสรา้ ง ของระบบปกคลมุ รา่ งกายได้ 2. อธิบายการประยกุ ตใ์ ชร้ ะบบปกคลมุ ร่างกายสกู่ ารพยาบาลได้

What is “Integumentary system”?

Skin structure

ระบบปกคลมุ รา่ งกาย (Integumentary system) ระบบปกคลมุ รา่ งกาย (Integumentary system) ➢ผวิ หนงั (skin) ผวิ หนงั เป็ นหนง่ึ ในอวยั วะท่ีมขี นาด ใหญ่ท่สี ดุ ของรา่ งกาย โดยคดิ เป็ น 16% ของ นา้ หนกั ตวั เป็ นตวั แบง่ กนั้ อวยั วะ ภายในออกจาก สง่ิ แวดลอ้ มภายนอก ➢อวยั วะที่มตี น้ กาเนดิ มาจากผวิ หนงั (เล็บ ผม/ขน และรขู มุ ขน ตอ่ มไขมนั ตอ่ มเหงอื่ )

Skin ใชสอบ ออกสอบ ผลัดเซลผิว ครงั้ ละ4สัปดาห ออกซเิ จนมาก เสนเลือดเเดง นอยเลือด สีนํ้าเงินในรปุ

Skin Epidermis (หนงั กาพรา้ ) เป็ นเยื่อบผุ วิ ชนดิ stratified squamous keratinized epithelium ชน้ั นไ้ี มม่ หี ลอดเลือด จงึ ไดร้ บั อาหาร จากชนั้ ท่ีอยลู่ กึ กว่า ➢ Thick skin คือ ผวิ หนงั ที่มชี น้ั epidermis หนา พบบริเวณฝ่ ามอื ฝ่ าเทา้ ซึ่งจะไมม่ ขี น รขู มุ ขน แตจ่ ะมตี อ่ มเหงอื่ ➢ Thin skin คือ ผวิ หนงั ที่มชี นั้ epidermis บาง พบไดท้ วั่ ร่างกาย ซึ่งผวิ หนงั ชนดิ น้ีจะมรี ขู มุ ขน ตอ่ มไขมนั ตอ่ มเหงอื่

Skin Epidermis ประกอบดว้ ยเซลล์ 4 ชนดิ คือ - Keratinocyte เป็ นเซลลท์ ่ีเป็ นองคป์ ระกอบหลกั ของ epidermis ประมาณ 85 % ทาหนา้ ที่สรา้ ง keratin โดยขบวนการ keratinization จนไดเ้ ซลลช์ น้ั บนท่ีตายแลว้ - Melanocyte ทาหนา้ ท่ีสรา้ งเมลานนิ ซึ่งเป็ นสารท่ี ทาใหเ้ กดิ เม็ดสี - Langerhans cell เกยี่ วขอ้ งกบั ระบบภมู คิ มุ้ กนั ของ รา่ งกาย - Merkel cell เป็ นเซลลเ์ กี่ยวกบั การรบั ความรสู้ ึก


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook