Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โครงการแกล้งดิน

โครงการแกล้งดิน

Published by Praifa Samon, 2017-11-18 11:14:41

Description: โครงการแกล้งดิน รายวิชา สารสนเทศเพื่อการสื่อสาร (001221)

Search

Read the Text Version

โครงการแกล้งดินนางสาวปรายฟา้ สามล รหัสนสิ ติ 60560672นางสาวปรารถนา วัฒนจิตสัมพนั ธ์ รหสั นิสติ 60560689นางสาวปวณี า กุดดี รหสั นสิ ติ 60560702นางสาวปาลดิ า ปานคา รหสั นิสติ 60560726นางสาวพรพมิ ล มวลเกษม รหสั นสิ ิต 60560733นางสาวพัชราพรรณ อภวิ งค์ รหสั นิสิต 60560757นายพัฒนพงศ์ ไพศาลธรรม รหัสนสิ ติ 60560764นางสาวพชิ ชานันท์ นธิ เิ ปรมะพัฒน์ รหสั นิสิต 60560771นางสาวพชิ ญดา ทะนงอาจ รหสั นิสิต 60560788นางสาวพชิ ญาภา ศรเี งนิ รหัสนสิ ิต 60560795รายงานเลม่ นี้เป็นส่วนหนง่ึ ของรายวิชาสารสนเทศศาสตร์เพ่ือการศึกษาค้นควา้ (001221) มหาวทิ ยาลยั นเรศวร ปีการศึกษา 2560

โครงการแกล้งดินนางสาวปรายฟา้ สามล รหัสนสิ ติ 60560672นางสาวปรารถนา วัฒนจิตสัมพนั ธ์ รหสั นิสติ 60560689นางสาวปวณี า กุดดี รหสั นสิ ติ 60560702นางสาวปาลดิ า ปานคา รหสั นิสติ 60560726นางสาวพรพมิ ล มวลเกษม รหสั นสิ ิต 60560733นางสาวพัชราพรรณ อภวิ งค์ รหสั นิสิต 60560757นายพัฒนพงศ์ ไพศาลธรรม รหัสนสิ ติ 60560764นางสาวพชิ ชานันท์ นธิ เิ ปรมะพัฒน์ รหสั นิสิต 60560771นางสาวพชิ ญดา ทะนงอาจ รหสั นิสิต 60560788นางสาวพชิ ญาภา ศรีเงนิ รหัสนสิ ิต 60560795รายงานเลม่ นี้เป็นส่วนหนง่ึ ของรายวิชาสารสนเทศศาสตร์เพ่ือการศึกษาค้นควา้ (001221) มหาวทิ ยาลยั นเรศวร ปีการศึกษา 2560



กชื่อหัวขอ้ รายงาน โครงการแกล้งดนิผ้ดู าเนินงาน นางสาวปรายฟา้ สามล รหสั นสิ ิต 60560672 นางสาวปรารถนา วฒั นจิตสัมพนั ธ์ รหสั นิสติ 60560689 นางสาวปวณี า กุดดี รหัสนสิ ิต 60560702 นางสาวปาลิดา ปานคา รหสั นิสติ 60560726 นางสาวพรพมิ ล มวลเกษม รหัสนิสิต 60560733 นางสาวพัชราพรรณ อภวิ งค์ รหัสนิสิต 60560757 นายพัฒนพงศ์ ไพศาลธรรม รหัสนสิ ติ 60560764 นางสาวพชิ ชานันท์ นธิ ิเปรมะพัฒน์ รหัสนิสติ 60560771 นางสาวพิชญดา ทะนงอาจ รหัสนิสติ 60560788 นางสาวพิชญาภา ศรเี งนิ รหัสนสิ ิต 60560795รายวิชา สารสนเทศเพ่ือการศกึ ษาค้นคว้า (001221)ปีการศึกษา 2560 …………………………………………………………………………………………………… บทคดั ยอ่ รายงานเล่มนเ้ี ป็นการศกึ ษาโครงการแกลง้ ดนิ ซง่ึ เปน็ โครงการพระราชดารใิ นพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัวรชั กาลที่ 9 เพอ่ื ศกึ ษาทีม่ าและความสาคัญของโครงการ ลักษณะของโครงการวธิ กี ารดาเนินการโครงการและประโยชน์ทไ่ี ด้รับจากโครงการ โดยศึกษาโดยการรวบรวมข้อมูลจากแหล่งศกึ ษาค้นคว้าจากหอสมดุ มหาวทิ ยาลัยนเรศวร และระบบส่ือออนไลน์

ขกิตติกรรมประกาศ รายงานเล่มนี้สาเรจ็ ลลุ ่วงไดด้ ้วยความกรณุ าจากอาจารย์ที่ไดใ้ ห้คาเสนอแนะ แนวคิด ตลอดจนแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆมาโดยตลอด จนรายงานเลม่ น้เี สรจ็ สมบรู ณ์ ผูศ้ กึ ษาขอกราบขอบพระคุณเปน็ อย่างสูง ขอกราบขอบพระคุณพ่อ คณุ แม่ และผ้ปู กครองทีค่ อยให้คาปรกึ ษาในเร่ืองต่างๆ รวมทง้ั เปน็กาลังใจทดี่ ีเสมอมา ขอบคุณเจ้าหนา้ ท่หี อสมดุ มหาวิทยาลัยนเรศวรและสื่อออนไลน์ ทีช่ ่วยสละเวลาคน้ หาสือ่ ท่ีนามาใชห้ าข้อมูลสาหรบั รายงานเลม่ น้ี สดุ ท้ายขอขอบคุณเพื่อนๆทช่ี ่วยใหค้ าแนะนาดๆี เกยี่ วกับการเลือกคา และเก่ียวกบั รายงานเลม่ น้ีจนทาให้รายงานสาเร็จลุลว่ งไปได้ คณะผูจ้ ดั ทา

ค สารบัญ หน้าบทคดั ย่อ…………………………………………………………………………………………………………………………..กกติ ติกรรมประกาศ……………………………………………………………………………………………………………..ขสารบญั ……………………………………………………………………………………………………………………………..คบทที่ 1 บทนา……………………………………………………………………………………………………………………1 ความเป็นมาของโครงการแกล้งดนิ …………………………………………………………………………..1 วัตถปุ ระสงค์………………………………………………………………………………………………………….1 ประโยชน์ที่คาดวา่ จะได้รบั ………………………………………………………………………………………1 ขนั้ ตอนการดาเนนิ งาน……………………………………………………………………………………………2 แผนการดาเนนิ งานตลอดโครงการ…………………………………………………………………………..2 ขอบเขตการศกึ ษา…………………………………………………………………………………………………3บทที่ 2 หลกั การและทฤษฎี…………………………………………………………………………………………………4 ที่มาและความสาคัญโครงการแกล้งดนิ ……………………………………………………………………..4 ดนิ เปรย้ี ว………………………………………………………………………………………………………………5 วธิ ีดาเนินโครงการแกล้งดนิ ……………………………………………………………………………………..9 โครงการอนั เน่ืองมาจากพระราชดาริ………………………………………………………………………..14 ตัวอย่างโครงการแกล้งดนิ ……………………………………………………………………………………….16 ประโยชนท์ ีร่ าษฎรไดร้ บั ………………………………………………………………………………………….17 การขยายผล………………………………………………………………………………………………………….18 ประโยชน์ของโครงการแกลง้ ดนิ ……………………………………………………………………………….18บทท่ี 3 วิธดี าเนนิ โครงการ…………………………………………………………………………………………………..20บทท่ี 4 ผลการดาเนนิ โครงการ…………………………………………………………………………………………….21

งบทที่ 5 สรุปผลของโครงการ………………………………………………………………………………………………..26เอกสารอา้ งอิง…………………………………………………………………………………………………………………….28

1 บทที่ 1 บทนาความเป็นมาของโครงการ ปจั จบุ นั สงั คมไทยจะคอ่ ยไม่รู้จกั พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิอดุลยเดช นับเป็นสิ่งทีต่ ้องให้ความสาคญั อยา่ งยิ่ง ซึ่งพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมอิ ดุลยเดชนั้นเปน็ สว่ นหนึ่งท่ีชว่ ยให้รากฐานและชีวติ ของประชาชนชาวไทยดขี ึน้ โดยไดพ้ ระองค์ได้ทรงประกอบพระราชกรณยี กิจในดา้ นต่างๆแก่ประชาชนชาวไทยตลอด 70 ปี ดว้ ยการเสดจ็ เยอื นประชาชนในท้องถ่นิ ตา่ งๆในประเทศ โครงการแกล้งดินเปน็ โครงการหน่งึ ในพระราชกรณีกจิ ของพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช เกยี่ วกับการแก้ปัญหาดนิ เปรีย้ ว หรอื ดินเป็นกรด โดยจากการเสดจ็ พระราชดาเนนิ ไปทรงเย่ียมราษฎรในจังหวดั ภาคใต้ ทาให้ทรงทราบว่าราษฎรมีความเดือดร้อนหลายเรื่องโดยเฉพาะในกลมุ่ ของเกษตร พระองคท์ รงตระหนักถงึ ปัญหาเหล่านวี้ า่ มคี วามจานงเรง่ ด่วนทีจ่ ะต้องพระราชทานความช่วยเหลอื ดังน้นั กลุม่ ของขา้ พเจ้าจึงจดั ทาการศึกษาโครงการแกลง้ ดินนขี้ ้นึ มาเพอื่ ศกึ ษาท่มี าและความสาคญั ของโครงการ ลกั ษณะของโครงการ วธิ กี ารดาเนินการโครงการและประโยชน์ที่ได้รบั จากโครงการวตั ถุประสงค์ 1. เพอ่ื ศกึ ษาที่มาและความสาคัญของโครงการแกล้งดิน 2. เพอ่ื ศกึ ษาลักษณะของโครงการแกลง้ ดิน 3. เพือ่ ศกึ ษาวิธีการดาเนินการโครงการแกล้งดนิ 4. เพอ่ื ศึกษาประโยชน์ทไี่ ด้รบั จากโครงการแกลง้ ดนิประโยชน์ที่คาดวา่ จะได้รับ 1. ได้ทราบที่มาและความสาคญั ของโครงการแกล้งดิน 2. ไดท้ ราบลักษณะของโครงการแกล้งดนิ 3. ไดท้ ราบวิธีการดาเนินการโครงการแกล้งดนิ 4. ไดท้ ราบประโยชน์ท่ีไดร้ บั จากโครงการแกล้งดนิ

2ข้นั ตอนการดาเนินงาน 1. ผศู้ ึกษาไดร้ ับหัวข้อโครงการจากอาจารย์ 2. ผูศ้ ึกษาร่วมกันประชุมวางแผนวเิ คราะห์ตามหวั ข้อวตั ถุประสงคข์ องโครงการ 3. ผศู้ กึ ษารายงานความคบื หน้าแกอ่ าจารย์ 4. ผูศ้ กึ ษาศกึ ษาและเก็บรวบรวมขอ้ มลู เป็นขน้ั ตอนของการเก็บรวบรวมขอ้ มูลที่เก่ยี วขอ้ งกับ โครงการเพื่อมาวิเคราะหแ์ ละสรุปเนื้อหาที่สาคญั ที่จะนามาจัดทาโครงการ 5. ผศู้ ึกษาศกึ ษาจดั ทาส่ือเพื่อใช้สาหรับศกึ ษาและรายงานต่ออาจารย์ 6. ผู้ศึกษาศึกษานาเสนอผลงานตอ่ อาจารย์แผนการดาเนินงานตลอดโครงการข้ันตอนการดาเนนิ งาน กนั ยายน(สัปดาห์) ระยะเวลาการดาเนินงานผู้ศกึ ษาไดร้ บั หัวข้อโครงการจาก 1 23 4 ตุลาคม(สปั ดาห์) พฤศจิกายน(สปั ดาห์)อาจารย์ผศู้ ึกษารว่ มกนั ประชมุ วางแผน 12 3 4 1 2 3 4วิเคราะห์ตามหัวข้อผู้ศกึ ษารายงานความคืบหน้าแก่อาจารย์ผู้ศกึ ษาศกึ ษาและเกบ็ รวบรวมขอ้ มลูผู้ศกึ ษาศึกษาจัดทาส่ือผ้ศู ึกษาศกึ ษานาเสนอผลงานตอ่อาจารย์

3ขอบเขตการศกึ ษา ศึกษาโครงการแกลง้ ดนิ โดยหาข้อมูลจากหอสมดุ มหาวทิ ยาลยั นเรศวร และระบบสื่อออนไลน์

4 บทท่ี 2 หลักการและทฤษฏีโครงการแกล้งดนิ เป็นแนวพระราชดาริของพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัวภูมพิ ลอดลุ ยเดช เกย่ี วกบั การแก้ปญั หาดินเปร้ยี ว หรือดนิ เปน็ กรด โดยมีการขงั น้าไว้ในพ้ืนที่จนกระทัง่ เกดิ ปฏิกิรยิ าเคมีทาให้ดินเปรย้ี วจัด จนถึงทสี่ ดุ แลว้ จึงระบายนา้ ออกและปรบั สภาพฟ้นื ฟดู ินดว้ ยปนู ขาว จนกระทงั่ ดนิ มีสภาพดีพอท่ีจะใชใ้ นการเพาะปลูกได้ สืบเน่ืองจากการที่พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชนิ ีนาถเสด็จแปรพระราชฐานไปยังจังหวดั ตา่ ง ๆ อยอู่ ย่าง สม่าเสมอในการเสด็จแปรพระราชฐานทุกคร้งั มิได้เพ่ือทรงพักผ่อนเช่นสามัญชนทว่ั ไป แต่จะเสดจ็ พระราชดาเนนิ ไปทรงเยีย่ มเยยี นราษฎรหรอื ติดตาม โครงการตา่ ง ๆ ท่ที รงรเิ ร่ิมหรือมีพระราชดารไิ ว้ ดังนัน้ เพ่ือเป็นการถวายความสะดวกแด่พระประมขุ ของชาติรัฐบาลจงึ สร้างพระตาหนักน้อมเกล้าฯ ถวาย เป็นทปี่ ระทบั ในคราวเสดจ็ แปรพระราชฐานไว้ในหลายจังหวดั เช่น พระตาหนกั ภพู ิงคร์ าชนเิ วศน์ ทจ่ี ังหวดั เชียงใหม่ พระตาหนักทักษิณราชนิเวศน์ ท่ี จังหวัดนราธวิ าส เป็นตน้ จากการเสด็จพระราชดาเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในจงั หวดั ภาคใต้ ทาให้ทรงทราบวา่ ราษฎรมีความเดือดร้อนหลายเรื่องโดยเฉพาะในกลุ่มของ เกษตร เช่น การขาดแคลนท่ที ากินหรือปญั หาในพืน้ ทพี่ รุซึง่ มีนา้ ขังอยู่ตลอดปี แมส้ ามารถทาใหน้ า้ แห้งได้ ดนิ ในพนื้ ท่ีเหลา่ นน้ั กย็ งั เป็นดนิ เปรี้ยวจดั ทาการเกษตรได้ผลน้อยไม่คุ้มทนุ พระองค์ทรงตระหนักถงึ ปญั หาเหลา่ นวี้ ่ามคี วามจานงเรง่ ดว่ นที่จะต้องพระราชทานความช่วยเหลอื ดังจะเหน็ ไดจ้ ากความ ตอนหนงึ่ ในพระราชดารสั ตอ่ ไปนี้“ ..ทท่ี นี่ ้าทว่ มน่ีหาประโยชน์ไม่ไดถ้ า้ เราจะทาให้มนั โผล่พ้นน้าขึ้นมา มีการระบายนา้ ออกไป ก็จะเกิดประโยชนก์ ับประชาชนในเรื่องของการทามา หากินอยา่ งมหาศาล..” พระองค์ทรงมอบใหห้ น่วยราชการทเ่ี กี่ยวข้องร่วมกันพจิ ารณาหาแนวทางในการปรับปรุงพน้ื ที่พรุซึ่งมนี ้าแชข่ ังอย่ตู ลอดปี มาใชใ้ ห้เกิดประโยชน์ ต่อการทาเกษตรให้ได้มากที่สุด โดยต้องคานึงถึงผลกระทบต่อระบบนิเวศของป่าพรุดว้ ย การทีด่ ินในป่าพรเุ ป็นดินเปร้ียวจดั กเ็ พราะ ดินเหลา่ น้ีเปน็ ดินทม่ี อี ินทรยี วัตถคุ ือรากพชื เน่าเปอื่ ยอยู่ข้างบน และในระดับความลกึ ประมาณ 1-2 เมตร มลี กั ษณะเปน็ ดนิ เลนสเี ทาปนนา้ เงินซง่ึ มีสารประกอบไพไรต์หรือกามะถันอย่มู าก ดงั นนั้ เมือ่ ดนิ แห้ง กรดกามะถันกจ็ ะทาปฏิกริ ยิ ากับอากาศทาให้แปรสภาพเปน็ ดินเปร้ยี วจดั พระองค์จึงมีพระราชประสงคจ์ ะแก้ไขปัญหานีใ้ ห้กับราษฎร เมื่อวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2527 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัวพระราชทานพระราชดาริ อันเปน็ ต้นกาเนิดของโครงการ แกล้งดนิ ท่ศี ูนย์ศกึ ษา การพฒั นาพิกลุ ทองฯ ความวา่ “..ให้มีการทดลองทาดินใหเ้ ปรีย้ วจดั โดยการระบายน้าใหแ้ หง้ และศึกษาวธิ ีการแก้ดินเปรยี้ ว เพอ่ื นาผลไปแก้ปญั หาดนิเปรยี้ วใหแ้ กร่ าษฎรท่ีมปี ญั หาในเรอื่ งนใ้ี นเขตจงั หวดั นราธวิ าส โดยใหท้ าโครงการศกึ ษาทดลองในกาหนด 2 ปี ..”

5โครงการ “ แกล้งดนิ ” จึงกาเนิดขน้ึ โดยมศี นู ยศ์ ึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ เปน็ หน่วยดาเนนิ การสนองพระราชดาริ เพื่อศกึ ษาการเปลย่ี นแปลง ความเป็นกรดของดินกามะถนัดนิ เปร้ยี ว ดนิ เปรยี้ วหรือดินกรดจดั เป็นดนิ ที่มีปญั หาเก่ียวกับความเป็นกรดจัดของดิน โดยทว่ั ไปมีค่าความเป็นกรด เปน็ ด่าง ของดนิ ต่ากว่า 5.5 ปญั หาดนิ กรด ดนิ มคี วามเป็นพษิ ของไฮโดรเจนและอะลูมิเนยี ม ขาดธาตุอาหารพืช เชน่ แคลเซียม แมกนเี ซยี ม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และโมลิบดีนัม เป็นตน้ ดินกรด จึงเปน็ ดนิ ทมี่ คี วามอุดมสมบรู ณ์ตา่ จากัดการเจริญเตบิ โตและการใหผ้ ลผลิตของพืชทปี่ ลูก ขาดแคลนน้าสภาพความเปน็ กรดจัดของดินมีผลทาให้ระบบรากพืชถกู จากัดการเจรญิ เตบิ โต จากัดการพฒั นาการของจุลนิ ทรีย์ท่เี ปน็ ประโยชน์ในดิน เช่น เชื้อไรโซเบยี ม ไมคอร์ไรซา และแอคตโิ นมยั ซสิ เป็นต้น มีแนวโน้มวา่มกี รดกามะถันอยู่ในช้นั ดินและจะต้องมีจุดสเี หลืองฟางขา้ วอยูใ่ นดนิ ช้ันลา่ งจงึ ทาใหด้ ินเป็นกรดสงู สาเหตุของการเกิดดนิ เปรีย้ ว ดินเปรย้ี วเกิดจากการทบั ถ่มของตะกอนนา้ กร่อยซ่ึงเป็นบรเิ วณทีเ่ คยไดร้ บั อิทธพิ ล จากนา้ ทะเลทว่ มถึงมาก่อน เช่นบรเิ วณทเี่ คยเปน็ ป่าชายเลนและบรเิ วณสามเหล่ยี มปากแม่นา้ ใหญ่ๆ โดยจลุ ลนิ ทรียใ์ นดนิ จะเปล่ยี นสารประกอบพวกกามะถันในน้าทะเลให้เปน็ แร่ไพไรท์ซ่ึง เป็นสารประกอบของเหล็กและกามะถนั สะสมอยูใ่ นสภาพน้าขงั ตอ่ มาเม่ือฝ่งั ทะเลยน่ื ออกไป เรื่อยๆและถา้ มีการระบายน้าออกไปจนทาให้ดนิ แห้งก็จะเกิดการเปลีย่ นแปลงทางเคมีแร่ไพไรท์ จะถูกเปลยี่ นแปลงไปในที่สุดจะได้กรดกามะถัน ซึ่งเปน็ สาเหตุทาใหด้ นิ เป็นกรดจดั และมักจะพบ สารประกอบของเหล็กท่สี าคัญตัวหน่ึงคือจาโรไซทท์ ่ีมสี ีเหลอื งคลา้ ยฟางข้าวซ่ึงเป็นส่ิงทีเ่ ราใช้ สังเกต ลักษณะของดินเปรย้ี วดินเปร้ยี วสว่ นหนง่ึ เกดิ จากพฤตกิ รรมการใชป้ ๋ยุ เคมีมาเป็นระยะ เวลานาน ซึง่ เราใชเ้ ปน็ สงิ่ สงั เกตลกั ษณะของดินเปร้ียวหรอื จะสังเกตอีกวิธหี น่ึงจากตัวเลขที่ใช้ นา้ ยาตรวจและเทยี บสีโดยคา่ ที่อยตู่ รงเลข7คือเป็นกลาง มากกว่า 7 เป็นดา่ ง น้อยกว่า 7 เป็น กรดยง่ิ มีค่านอ้ ยมากเทา่ ไดก็เป็นกรดมากข้ึนเท่านั้น

6ลักษณะของดนิ เปรย้ี ว รปู ท่ี 1 แสดงลักษณะของดินเปรี้ยว (ทมี่ า http://www.farm-kaset.com) ดินเปร้ยี วหรือดินกรดจดั จะมีดนิ ช้นั บนเป็นดินเหนียวสเี ทาหรอื สเี ทาเข้มถึงดาลกึประมาณ 20-40เซนตเิ มตรอาจจะมีจดุ ประสนี ้าตาลหรือสนี ้าตาลแดงโดยดินชน้ั ลา่ งเป็นดินเหนยี วสีน้าตาลหรือสีน้าตาลปนเทาถึงสีเทามจี ุดประสเี หลอื งปนน้าตาลสแี ดงหรือสเี หลืองฟางข้าว ส่วนใหญ่เปน็ ลกั ษณะของดนิ เหนยี วทมี่ กี รดกามะถนั อยูม่ ากในชน้ั ดนิ โดยช้นั ดินท่ลี กึ ลงไปประมาณฟุตจะสงั เกตเห็นมีจุดสเี หลืองสนี า้ ตาล พชื ท่ปี ลูกบนพ้นื ที่ดินเปร้ียวจะมีการเจริญเติบโตชา้ สภาพตน้ จะเตย้ี แคระแกร็น ใบไหม้ ไม่ตอบสนองต่อการใส่ปยุ๋ ผลผลติ ถดถอยอ่อนแอต่อโรคและแมลงสภาพดนิ โดยรวมจะแน่นแขง็ เน่อื งจากโครงสร้างทางด้านระบบนิเวศน์ไมเ่ อ้ือต่อการเจริญเตบิ โตของจุลิทรีย์ขาดส่ิงมชี วี ติ เขา้ มาทากจิ กรรมหนุนเนอ่ื ง สง่ ผลให้พืชเจรญิ เตบิ โตแบบแรน้ แคน้

7ประเภทของดินเปรี้ยว ดินกรดจะมีลกั ษณะของดินและกระบวนการเกดิ ดินสามารถแบง่ ประเภทของดนิ ได้ 3ประเภท ดงั น้ี1. ดนิ เปร้ยี วจดั ดนิ กรดจดั หรือดินกรดกามะถนั (Acid sulfate soil) เปน็ ดนิ ที่เกดิ จากการตกตะกอนของน้าทะเลหรอื ตะกอนน้ากร่อย ที่มีสารประกอบของกามะถนั ซง่ึ จะถูกเปลี่ยนเป็นกรดกามะถันตามกระบวนการธรรมชาตสิ ะสมในชน้ั หน้าตดั ของดินโดยจะเปน็ ดนิ ท่ีมคี วามเปน็กรดสูง ความอุดมสมบรู ณ์ตา่ ขาดธาตอุ าหารท่ีจาเปน็ ต่อการเจริญเติบโตของพืชอย่างรุนแรง เชน่ขาดธาตุฟอสฟอรัส ไนโตรเจนแถมยังมีธาตุอาหารบางชนิดเกนิ ความจาเปน็ ซึ่งส่งผลรา้ ยหรอื เปน็อนั ตรายต่อการเจริญเติบโตของพชื เชน่ ธาตุเหล็ก อลมู ิเนียม เปน็ ต้น2. ดนิ อินทรีย์ หรือโดยทว่ั ไปเรียกว่า “ดินพรุ” ในประเทศมีดนิ ทีเ่ ปน็ ดนิ อินทรยี ์แพร่กระจายอยู่หนาแนน่ อยตู่ ามแนวชายแดนหรอื เขตชายแดนไทยและมาเลเซยี เปน็ ส่วนใหญน่ อกจากน้นั ยงัพบโดยทวั่ ๆ ไปในภาคใต้และภาคตะวันออกของประเทศ พื้นทที่ ีเ่ ป็นพ้ืนที่พรหุ รือพน้ื ที่ดินอินทรยี ์น้นั ตามธรรมชาตจิ ะเปน็ ท่ลี ุ่มนา้ ทม่ี นี ้าขงั อยู่ตลอดทั้งปีซง่ึ เกิดจากการทับถมของพืชตา่ งๆ ทีเ่ ป่ือยผุพังเปน็ ชั้นหนาตง้ั แต่ 40 เซนตเิ มตร ไปจนถึงมีความหนาประมาณ 10 เมตร มีการสลายตวั อยา่ งชา้ ๆทาให้กรดอินทรีย์ถกู ปล่อยออกมาสะสมอย่ตู ลอดเวลาอยา่ งต่อเนื่อง ดินชนดิ นี้จะมปี ริมาณดินเหนียวต่า และมีปริมาณธาตุอาหารหลกั และธาตุอาหารรองท่จี าเป็นตอ่ พืชอยู่น้อยดินชนดิ นที้ ี่พบในบริเวณที่ราบลมุ่ ตามชายทะเลจะมีดินเปร้ียวจัดแฝงอยใู่ นชน้ั ลา่ งของดิน ถา้มกี ารระบายน้าออกจากพืน้ ท่ีบรเิ วณพนื้ ท่ีพรุจนถึงระดบั ของดินเปรย้ี วจัดแฝงอย่จู ะก่อให้ปญั หาใหม่ตามมาคือจะเกดิ เป็นดินกรดกามะถันข้ึน ทาใหม้ ีปัญหาซ้าซ้อนท้ังดินเปรยี้ วจดั และดินอนิ ทรีย์ ซง่ึ จะทาให้เสยี ค่าใช้จ่ายในการปรบั ปรุงแก้ไขเพ่มิ เติมขึ้นมาอีก3. ดนิ กรด หรอื ดินกรดธรรมดา เปน็ ดนิ เกา่ แกอ่ ายมุ ากซึง่ พบไดโ้ ดยทั่วไป ดินกรดเกิดข้ึนบรเิ วณพ้ืนทเี่ ขตรอ้ นชนื้ มฝี นตกชกุ ดินท่ผี ่านกระบวนการชะล้างหรอื ดินท่ีถูกใชป้ ระโยชนม์ าเปน็เวลานาน ซงึ่ จะทาใหด้ ินมคี วามอดุ มสมบรู ณต์ ่าเน่ืองจากดินเหนียวและอนิ ทรีย์วัตถุถกู ชะลา้ งไปด้วยมีผลทาให้ความอุดมสมบูรณ์โดยทวั่ ๆ ไปของดินต่าจนถึงตา่ มาก นอกจากนด้ี นิ ยงั มีความสามารถในการอ้มุ นา้ ตา่ อีกดว้ ย

8สาเหตุท่ดี นิ เปรีย้ วเพาะปลูกพืชไม่ได้ 1. เนอ่ื งจากดนิ มีความเปน็ กรดสงู หรอื มี(pH) ตา่ ทาให้มีผลต่อเนอื่ งต่อพชื คือ - พชื ดดู ธาตอุ าหารบางธาตุไปใชไ้ ดน้ อ้ ยลงเชน่ ไนโตรเจนและแคลเซยี ม - พืชทปี่ ลกู จะขาดธาตุฟอสฟอรสั เนื่องจากฟอสฟอรสั เปล่ียนไปอย่ใู นรูปท่พี ืช ใช้ประโยชน์ไมไ่ ด้ - ดนิ มปี ริมาณธาตุอาหารบางธาตอุ ยใู่ นปรมิ าณน้อยเชน่ แมกนเี ซียมและ โปตัสเซยี ม - มีสารบางอยา่ งละลายออกมามากจนเป็นพษิ ต่อพืชเช่นเหลก็ อลูมิเนยี มและ แมงกานีส 2. จลุ นิ ทรยี ์หรือส่ิงมีชีวติ เลก็ ๆในดนิ ไมส่ ามารถเจรญิ เติบโตไดแ้ ละไม่สามารถดาเนิน กิจกรรมไดต้ ามปกตทิ าใหป้ ริมาณไนโตรเจนฟอสฟอรสั และกามะถันในดนิ ทเ่ี ป็น ประโยชนต์ อ่ พชื ลดลงไปด้วย 3. เนือ้ ดินเปรยี้ วเปน็ ดินเหนยี วอัดตัวกนั แน่นระบายน้าและถ่ายเทอากาศไดย้ ากดนิ แขง็ มากเมื่อแหง้ และเป็นโคลนเหนยี วจดั เมื่อเปยี กทาให้การเตรียมดนิ ก่อนการปลูกพืชทาได้ ลาบากพืน้ ทดี่ นิ เปร้ยี วในประเทศไทย พน้ื ท่ีดนิ เปรี้ยวจดั ของประเทศไทยมเี น้ือทีป่ ระมาณ 9.4 ลา้ นไร่ส่วนใหญ่พบในพนื้ ที่ราบ ลมุ่ ภาคกลางตอนใต้ มีเนื้อทีป่ ระมาณ 5.6 ลา้ นไร่ แถบจังหวดั ปทุมธานี นครนายก ปราจีนบรุ ี ฉะเชิงเทรา ชลบรุ ี และบางส่วนของจังหวดั สระบุรี พระนครศรอี ยธุ ยา นครปฐม สุพรรณบุรีและ ดนิ เปร้ยี วจดั ในแถบบรเิ วณพ้ืนที่ชายฝ่งั ทะเลตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ และชายฝ่งั ทะเล ตะวนั ออกของภาคใต้อีกประมาณ 3.8 ลา้ นไร่

9วิธีดาเนนิ การในโครงการ เรม่ิ จากการแกล้งดินให้เปร้ยี วโดยการทาให้ดนิ แห้งและเปียกสลบั กันไป เพื่อเร่งปฏิกริ ยิ าทางเคมีของดนิ ซึ่งจะไปกระตุน้ สารประกอบกามะถันหรอื สารประกอบไพไรต์ ให้ทาปฏิกิริยากับออกซเิ จนในอากาศสง่ ผลใหด้ ินเปน็ กรดจดั คอื ต้องการ “แกล้งดินให้เปรี้ยวจนสุดขีด” จนพชื เศรษฐกิจตา่ งๆ ไม่สามารถเจรญิ งอกงามให้ผลผลิตได้ จากนั้นจงึ หา วิธีปรับปรุงดนิ ดงั กลา่ วใหส้ ามารถปลูกพชื เศรษฐกจิ ได้ โดยมแี นวพระราชดาริดังนี้ 1. แก้ไขโดยวิธกี ารควบคุมระดบั นา้ ใตด้ นิ พยายามคุมนา้ ใต้ดนิ ให้อยเู่ หนือช้ันดนิ เลนซ่งึ มี สารประกอบไพไรต์ เปน็ การป้องกนั มิให้สารประกอบไพไรตท์ าปฏิกิรยิ ากบั ออกซิเจนหรือถกู ออกซิไดซ์ โดยมขี นั้ ตอนดังน้ี 1.1 วางระบบการระบายน้าทั่วท้งั พืน้ ที่ 1.2 ระบายนา้ เฉพาะสว่ นบนออก เพื่อชะลา้ งกรด 1.3 รกั ษาระดบั น้าในครู ะบายน้าใหอ้ ยูใ่ นระดบั ไม่ตา่ กวา่ 1 เมตรจากผวิ ดนิ ตลอดท้งั ปี 2. แก้ไขโดยวธิ ปี รบั ปรุงดนิ ตามแนวพระราชดาริ โครงการนี้จะมีวิธปี รบั ปรุงดิน 3 วธิ อี าจเลือกใช้ ไดต้ ามความเหมาะสมและตามสภาพของดนิ คอื วิธีการที่ 1 ใชน้ ้าชะลา้ งความเปน็ กรด ดาเนินการตามข้นั ตอนดังนี้ -ใช้นา้ ชะล้างดินเพ่ือลา้ งกรด ทาใหค้ ่า pH เพม่ิ ข้ึน โดยวิธกี ารปล่อยน้าใหท้ ว่ มขงั แปลง แลว้ ระบายออก ทาเชน่ นี้ประมาณ 2-3 ครงั้ โดยเว้นใหห้ ่างกนั ประมาณ 1-2 สัปดาห์ -ดนิ จะเปรยี้ วจัดในช่วงดินแหง้ หรอื ในฤดูแหง้ ดังน้ัน การชะล้างควรเร่ิมในฤดฝู นเพ่ือลด ปรมิ าณนา้ ชลประทาน การใช้น้าชะลา้ งความเปน็ กรดต้องกระทาต่อเนื่องและต้องหวัง ผลในระยะยาวมิใช่กระทาเพียง 1 หรือ 2 คร้งั เท่านนั้ วธิ นี เ้ี ปน็ วิธีท่งี า่ ยที่สดุ แต่ จาเปน็ ต้องมีน้ามากพอที่จะใช้ชะลา้ งดนิ ควบคู่ไปกบั การควบคมุ ระดับน้าใตด้ ินใหอ้ ยู่ เหนือชั้นดนิ เลนท่มี สี ารประกอบไพไรต์มาก -เมอื่ ดินคลายความเปร้ียวลงแล้วจะมคี า่ pH เพิ่มข้ึน อีกท้ังสารละลายเหล็กและ อะลมู ินัมทเี่ ป็นพิษกเ็ จอื จางลงจนทาใหพ้ ชื สามารถเจริญเติบโตไดด้ ีถ้าหากใช้ป๋ยุ ไนโตรเจนและฟอสเฟตเช่วยก็สามารถเจรญิ เติบโตได้ดถี า้ หากใช้ปุ๋ยในโตรเจนและ ฟอสเฟตช่วยกส็ ามารถทาการเกษตรได้ วธิ ีการที่ 2 การแก้ไขดนิ เปรย้ี วโดยใชป้ ูนผสมคลุกเคล้ากับหนา้ ดิน คอื -ใชว้ สั ดปุ นู ทห่ี าไดง้ า่ ยในท้องที่ เช่น ใช้ปูนมารล์ (mar) สาหรับภาคกลาง หรอื ปนู ฝ่นุ ( lime dust ) สาหรบั ภาคใต้ หว่านใหท้ ั่ว 1-4 ตันต่อไร่แล้วไถแปรหรือพลิกกลบคนื ( ปรมิ าณของปนู ทใ่ี ช้ขึน้ อยู่กบั ความรนุ แรงในความเปน็ กรดของดนิ )

10 วิธกี ารท่ี 3 การใช้ปนู ควบคู่ไปกับการใชน้ า้ ชะล้างและควบคุมระดบั น้าใต้ดนิ เปน็ วธิ ีการ ทสี่ มบรู ณ์ท่สี ดุ และใช้ได้ผลมากในพืน้ ทีซ่ ่ึงดินเป็นกรดจัดรุนแรงหรอื ถูกปล่อยทิ้งให้รก ร้างวา่ งเปล่าเป็นเวลานาน -หวา่ นปูนให้ท่วั พ้นื ท่ี โดยใช้ปนู 1-2 ตันตอ่ ไร่ แล้วไถกลบ -ใชน้ ้าชะล้างความเป็นกรดออกจากหนา้ ดิน -ควบคมุ นา้ ใตด้ นิ ใหอ้ ยู่เหนือช้นั ดินเลนที่มีสารประกอบไพไรตม์ ากเพอื่ ป้องกันมิ ใหท้ าปฏิกรยิ ากับออกซิเจน เพราะจะทาดินกลายเป็นกรด3. การปรบั สภาพพนื้ ท่ี เน่อื งจากสภาพพ้ืนท่ีดินเปรย้ี วในแถบน้เี ปน็ ป่าพรุ มีลักษณะเป็นทีร่ าบลุ่มจงึ ทาการระบายนา้ ออกจากพ้ืนท่ีไดล้ าบาก จาเป็นต้องมกี ารปรับสภาพพ้นื ท่ี ซึง่ โดยทวั่ ไปทากันอยู่ 2 วิธี คือ 3.1 การปรบั ผวิ หน้าดิน โดยการทาใหผ้ ิวหนา้ ดนิ ลาดเอยี งเพ่อื ใหน้ ้าไหลออกไปสู่คลอง ระบายน้าไดห้ รอื ถ้าเปน็ การทานากจ็ ดั ตกแตง่ แปลงนาและคนั นาให้สามารถเก็บกกั นา้ และสามารถระบายน้าออกได้ถ้าตอ้ งการ 3.2 การยกร่องปลูกพชื วิธนี ีใ้ ชส้ าหรบั พื้นทท่ี ่ีจะทาการปลูกพชื ไร่ พืชผัก ไมผ้ ล หรอื ไม้ ยนื ต้น แตว่ ธิ นี ้จี าเป็นจะตอ้ งมีแหล่งน้าชลประทาน เพราะจะตอ้ งขงั น้าไวใ้ นรอ่ งเพื่อใช ถ่ายเทเปล่ียน เมอื่ นา้ ในร่องเป็นกรดจัด ในการขดุ ร่องนี้ เกษตรกรจะต้องทราบว่าในพ้นื ทน่ี ้นั มีดนิ ช้ันเลนซงึ่ เป็นดนิ ทม่ี ี สารประกอบไพไรต์มากอยลู่ ึกในระดับใด เพราะเมื่อขุดร่องจะใหล้ ึกเพียงระดับดนิ เลน นนั้ โดยทว่ั ไปจะลึกไมเ่ กนิ 100 เซนตเิ มตร ขนั้ ตอนการขดุ ร่องสวน มีดงั นี้ 1. วางแนวร่องใหเ้ หมาะสมกับชนดิ ของพืชทจ่ี ะปลูก ซงึ่ โดยทั่วไปสนั ร่องสวนจะ กวา้ งประมาณ 1-1.5 เมตร 2. ระหว่างร่องทจ่ี ะขดุ คู ให้ใช้แทรกเตอร์ปาดหน้าดินมาวางไว้กลางสนั ร่อง ดนิ เหลา่ น้ีจะเปรีย้ วจัด แตส่ ว่ นใหญ่จะมีอนิ ทรยี วตั ถสุ ูงและค่อนขา้ งรว่ นซุยจึงมี ประโยชน์มาก หากจะนามากองไว้ช่วงกลางสันร่องต้องทาดังน้ี เพ่ือไมใ่ ห้หนา้ ดินดงั กล่าวถูกดินท่ีขุดข้นึ มาจากคูกลบหมด 3. ขุดดินจากคูท่ีวางแนวไวม้ ากลบบรเิ วณขอบสันร่อง ซึ่งหน้าดินถูกปาดไปแลว้ การทาเชน่ น้กี เ็ พ่ือให้เกดิ สนั ร่อง ควรให้สูงอยา่ งน้อย 50 เซนตเิ มตรเพราะ เหมาะทจ่ี ะปลูกไม้ประดบั หรือไมย้ ืนตน้ ต่าง ๆ 4. เพ่อื ป้องกันไมใ่ หน้ ้าทว่ ม ควรมคี ันดนิ ล้อมรอบสวน คนั ดินควรอดั แนน่ เพ่ือ ปอ้ งกนั นา้ ซึมและควรมีระดบั ความสงู มากพอที่จะป้องกนั น้าทว่ มในชว่ งฤดฝู น ไดด้ ว้ ย 5. จาเปน็ ต้องมีการตดิ ตัง้ เครื่องสูบนา้ เพื่อสูบนา้ เขา้ -ออก ไดเ้ มอื่ ต้องการโดยท่ัว ๆ ไปแล้วนา้ ทจี่ ะนาเอาไปขังในรอ่ งสวน หากปลอ่ ยทิ้งไวป้ ระมาณ 3-4 เดอื น ต่อคร้ัง แลว้ ดดู น้าชลประทานเขา้ มาในร่องสวนเพื่อใชร้ ดนา้ ต้นไมด้ งั เดิม

11 การยกร่องปลกู พืชยนื ต้นหรอื ไมผ้ ล จาเป็นอย่างย่ิงทต่ี ้องพิจารณาก่อนว่านา้ ทว่ มถึงหรือไม่ หากมโี อกาสเสย่ี งต่อการเกดิ น้าท่วมสงู ก็ไมค่ วรจะทา เพราะไมผ้ ลเป็นพืช ทใี่ หผ้ ลระยะยาวหรืออยา่ งน้อย 5-10 ปี ถา้ เกดิ อุทกภยั ข้นึ มาจะสรา้ งความเสยี หาย ให้แก่พืชสวนกห็ มายถึงเงนิ ทุนสูญเปล่า ถา้ คาดว่าพื้นทดี่ งั กลา่ วเสย่ี งจากการปลกู ไม้ผลหรอื ไมย้ ืนต้นเป็นพชื ลม้ ลกุ หรือ พชื ผกั โดยปลูกหมุนเวียนกบั ข้าวคือปล่อยให้น้าท่วมร่องในฤดูฝนแลว้ ปลกู ข้าวบนสนั ร่อง กจ็ ะชว่ ยทนุ่ ค่าใชจ้ า่ ยเพราะไมจ่ าเปน็ ตอ้ งสบู น้าออก พอพ้นฤดฝู นกป็ ลกู พชื ผักหรือพชื ล้มลกุ ตามความตอ้ งการของตลาด ชว่ ยใหม้ รี ายไดเ้ พิ่มข้นึวธิ ีการปรบั ปรงุ ดินเปร้ียวจัดเพ่อื การเกษตร1.เพือ่ ปลกู ข้าว ในเขตชลประทาน ถา้ ดนิ มีคา่ pH น้อยกวา่ 4.0 ใช้ปนู ในอัตราส่วนประมาณ 1.5ตันตอ่ ไร่ และถา้ ดนิ มีคา่ pH ระหว่าง 4.0-4.5 ใหใ้ ชป้ นู ในอัตรา 1 ตนั ตอ่ ไร่ ในเขตเกษตรน้าฝนดนิ ท่ีมีคา่ pH นอ้ ยกว่า 4.0 ใช้ปูนในอตั ราประมาณ 2.5 ตนั ต่อไร่และถา้ ดินมีค่า pH ระหวา่ ง4.0-4.5 ใช้ปนู ในอัตรา 1.5 ตนั ต่อไร่ ขน้ั ตอนการปรบั ปรุงดินเปรี้ยวเพือ่ ปลกู ขา้ ว 1.เม่อื หว่านปูนแลว้ ให้ทาการไถแปร 2.ปลอ่ ยนา้ เขา้ ในนาแล้วแช่ขงั ไวป้ ระมาณ 10 วัน 3.จากน้ันให้ระบายน้าออกเป็นการชะลา้ งสารพิษ 4.ปล่อยนา้ เขา้ ไปขงั ใหมเ่ พ่ือใชใ้ นการปกั ดา2. เพ่ือปลูกพชื ล้มลุก จะแยกเปน็ การปลูกผกั และการปลูกพืชไร่ 2.1 การปลูกพืชผกั มลี าดับขั้นตอนดงั นี้ คอื 1) ยกรอ่ งสวน โดยใชส้ นั รอ่ งมีขนาดกวา้ งประมาณ 6-7 เมตร มคี รู ะบายน้า กว้าง 1.5 เมตรและลึกประมาณ 50 เซนตเิ มตร หรอื ลกึ พอถงึ ระดับขน้ั ดินเลนท่ี มีสารประกอบไพไรต์มาก 2) ไถพรวนดนิ แล้วตากท้ิงไว้ 3-5 วัน 3) ทาแปลงย่อยบนสันร่อง โดยยกแปลงใหส้ ูงประมาณ 25-30 เซนตเิ มตร กว้างประมาณ1-2 เมตร เพ่ือระบายนา้ บนสันรอ่ งและเพอ่ื ปอ้ งกนั ไม่ให้แปลง ยอ่ ยแฉะเมื่อรดนา้ หรือเมอ่ื มฝี นตก 4) ใสว่ ัสดปุ ูนเพอื่ ลดความเปน็ กรดของดนิ คือใช้หนิ ปนู ฝุ่นหรือปนู มาร์ลอัตรา ประมาณ 2-3 ตนั ตอ่ ไร่หรอื ประมาณ 2 กโิ ลกรัมต่อพื้นที่ 1 ตารางเมตร โดย การคลกุ เคลา้ ปูนให้เข้ากับดนิ และทิ้งไว้ 15 วนั 5) ใสป่ ุย๋ หมกั หรือปุ๋ยอินทรียในอตั รา 5 ตันต่อไรห่ รือประมาณ 3 กโิ ลกรมั ต่อ พืน้ ที่ 1 ตารางเมตร โดยใส่กอ่ นปลกู 1 วันเพื่อปรบั ปรุงดนิ ให้ร่วนซุยมี ส่วนประกอบของดนิ ดี

12 2.2 การปลูกพชื ไรบ่ างชนิด อาจกระทาได้ 2 วธิ ี คือ แบบยกรอ่ งสวนและแบบปลูกสลับ หลงั ฤดู ทานา การปลูกพืชไร่แบบยกร่องสวนเปน็ การปลกู พชื ไร่แบบ ถาวร มวี ธิ ีเตรียมพ้ืนท่ีแบบเดียวกบั การปลูกพืชผกั สาหรบั การปลูกพชื ไรแ่ บบปลกู สลบั หลังฤดูทานาจะอยู่ในช่วงปลายฤดูฝนหรอื หลังจากฝนหยุดตกแล้วการเตรียมพ้ืนท่ีก็เน เดยี วกันการเตรยี มเพ่ือการปลูกพืชไรท่ วั่ ๆ ไห แตอ่ าจต้องยกแนวร่องปลูกพืชไร่ให้สูง กว่าการปลกู บนพ้ืนที่ดนิ ตอนประมาณ 10-20 เซนติเมตรเพอ้ื ป้องกนั มิใหน้ า้ แช่ขัง ถา้ มี ฝนตกผดิ ฤดหู รอื ถา้ ดนิ ในบรเิ วณน้ันเคยได้รบั การปรบั ปรุงโดยใช้ปนู มาแล้ว คาดวา่ คงไม่ จาเป็นตอ้ งใชป้ นู อกี3. เพื่อปลูกไมผ้ ล ดาเนนิ การตามขั้นตอนต่อไปนี้ 1) สรา้ งคันดินกั้นนา้ ขนาดใหญ่ล้อมรอบแปลง เพื่อป้องกันนา้ ทว่ มขังในฤดูฝน พรอ้ มทั้ง ติดตัง้ เคร่ืองสบู นา้ เพอ่ื ระบายน้าออกตามตอ้ งการ ขนาดของเครอื่ งสบู น้าข้นึ อยู่กบั ปรมิ าณพืน้ ทท่ี ี่จะสูบและปริมาตรน้าฝน โดยประมาณจากปรมิ าตรของฝนที่ตกลงมาเปน็ ประจา 2) ทาการยกร่องปลกู พชื ตามวธิ กี ารปรบั ปรงุ พน้ื ทีท่ ี่มีดินเปรย้ี วจดั เพอื่ ปลกู ไม้ผลดงั ท่ี กลา่ วแล้ว 3) น้าในครู ะบายน้าจะเป็นนา้ เปรย้ี ว ต้องทาการระบายออกเมือ่ เปรี้ยวจัดและสูบนา้ จดื มาแทนใหม่ ช่วงเวลาถา่ ยน้าประมาณ 3-4 เดือนต่อคร้ัง 4) ควบคุมระดับน้าในคูระบายนา้ ไมใ่ ห้ต่าวา่ ช้ันดินเลนที่มสี ารประกอบไพไรต์มาก เพ่ือ ป้องกนั การเกิดปฏิกิรยิ าท่ีจะทาให้ดินมีความเปน็ กรดเพื่มข้ึน 5) ใส่ปนู อาจเปน็ ปนู ขาว ปนู มารล์ หรือหินปนู ฝนุ่ ตามแต่จะหาไดภ้ ายในพน้ื ท่ี โดย หวา่ นทั่วทั้งร่องท่ีปลูกในอัตราประมาณ 1-2 ตนั ตอ่ ไร่ 6) ระยะเวลาทป่ี ลูกกาหนดให้เหมาะสมตามชนดิ ของพชื 7) ขดุ หลุมปลกู ขนาดกวา้ ง ยาว และลกึ 50-100 เซนติเมตร แยกดินชัน้ บนและชนั้ ล่าง ไว้ตา่ งหาก ตากทิ้งไว้ 1-2 เดือนเพอื่ ฆา่ เชอื้ โรค เอาส่วนที่เป็นหนา้ ดนิ ผสมปุ๋ยคอกหรือ ปุ๋ยหมัก หรอื บางสว่ นของดนิ ชั้นลา่ ง แล้วกลบลงไปในหลมุ ใหเ้ ตม็ ป๋ยุ หมักใส่ในอัตรา 1 กิโลกรัมต่อตนั โดยผสมคลกุ เคล้าให้เข้ากบั ปนู ในอตั ราประมาณ 15 กิโลกรมั ต่อหลุม 8) ดแู ลปราบวัชพืช แมลง และให้นา้ ตามปกติ สาหรับการใชป้ ุย๋ บารงุ ดนิ ให้พจิ ารณาตาม ความเหมาะสม

13 จากแนวพระราชดาริในทฤษฎี “ แกลง้ ดนิ ” ของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ ัวเจา้ หน้าทผี่ ูเ้ ก่ียวข้องจากศนู ย์ศึกษาการพัฒนาพิกลุ ทอง ฯ ไดท้ าการศกึ ษาวิจัยต่อและสรุปผลไดด้ ังนี้ ไดศ้ ึกษาการเปลยี่ นแปลงความเปน็ กรดของดนิ กรดกามะถัน เพือ่ เร่งให้ดนิ เป็นกรดจดั รนุ แรง โดยการทาใหด้ ินแห้งเปยี กสลับกนั จากนัน้ จึงศกึ ษาวิธกี ารปรับปรุงดนิด้วยวิธีการตา่ ง ๆ เพ่ือให้ได้ดินทีเ่ หมาะสมในการปลูกพืช คือ แบง่ พ้นื ที่ศึกษาเป็น 6 แปลง แลงที่ 1-4 ทดสอบขังน้าไว้ 4 สปั ดาห์แลว้ ปล่อยให้แห้ง 8 สปั ดาหส์ ลบั กันไป แปลงที่ 5 และ 6 ปลอ่ ยไปตามสภาพธรรมชาติ นาดินจากพื้นทีท่ ัง้ 6 แปลงมาตรวจวเิ คราะหพ์ บวา่ การทาให้ดนิ แห้งและเมือ่ ทดลองตอ่ ไปก็พบว่ายิง่ ปลอ่ ยให้ดนิ แหง้ นานมากขึ้น ความเป็นกรดจะรุนแรงมากกวา่ การให้นา้ ขงั นาน ๆ และการใชน้ ้าหมุนเวียนไมม่ กี ารระบายออก จะทาให้ความเปน็ กรดและสารพิษในดนิ สะสมมากข้ึน ต่อมาไดด้ าเนนิ การปรบั ปรุงดิน โดยการใช้นา้ ชะล้างแลว้ ใสห่ นิ ปูนฝ่นุ ในปรมิ าณน้อย สามารถปรับปรงุ ดินกรดกามะถันได้อยา่ งดี การใช้น้าชะล้างพยี งอยา่ งเดยี วกไ็ ด้ผลเชน่ กัน แตต่ ้องใช้เวลานานกวา่ และหลงั จากปรบั ปรุงดนิ แล้วปล่อยท้งิ ไวไ้ ม่ใช้ประโยชน์จะทาใหด้ นิ กลบั เปน็ กรดจดั รุนแรงขึ้นอีก และถา้ ปลอ่ ยดนิ ใหเ้ ปน็ ไปตามธรรมชาตโิ ดยไม่มกี ารปรับปรุง จะมกี ารเปลย่ี นแปลงในเรือ่ งของความเป็นกรดจัดน้อยกว่า ดว้ ยพระเมตตา บดั นพี้ ืน้ ทีด่ นิ เปรย้ี วจดั มิใช่พื้นท่ีไร้ประโยชน์อกี แล้ว แต่ สามารถนามาทาการเกษตรไดท้ ัง้ ปลกู ข้าว ขา้ วโพด ถั่วตา่ งๆ อ้อย งา มันเทศ พชื ผัก ไม้ผลและไมย้ นื ต้น พชื อาหารสตั ว์ และขุดบ่อเลยี้ งปลา ไดผ้ ลดจี น นาไปส่ชู วี ิตทีด่ ขี นึ้ ของราษฏรในแถบนั้น ซง่ึ ตา่ งพากนั สานึกในพระมหา กรุณาธคิ ุณขององค์พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั มริ ู้ลมื

14โครงการอันเนอื่ งมาจากพระราชดาริ ศูนย์ศกึ ษาการพฒั นาพกิ ลุ ทอง อันเนือ่ งมาจากพระราชดาริพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ วั ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหจ้ ัด ต้ังศนู ยศ์ ึกษาการพฒั นาพกิ ลุ ทองอนั เนอ่ื งมาจากพระราชดาริ ขนึ้ เม่อื วนั ท่ี 6 มกราคม 2525 ต้งั อยู่ระหว่างบ้านพกิ ุลทอง และบ้านโคกสยา ตาบลกะลุวอเหนืออาเภอเมือง จงั หวดั นราธิวาส มีเนอ้ื ที่ 1,740 ไร่ จากพระราชดาริของพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยูห่ วั ได้ทรงพระราชทาน ณ พระตาหนกั ทักษิณราชนิเวศน์ เมอ่ื วนั ท่ี 18 สงิ หาคม 2524 เพอ่ื เปน็ แนวทางในการพฒั นา ความว่า \" ..ด้วยพน้ื ทฎ่ี จานวนมากในจงั หวัดนราธิวาสเปน็ ทล่ี ุ่มตา่ มนี า้ ขงั ตลอดปี ดนิ มคี ุณภาพต่า ซง่ึ พื้น ทที่ งั้ หมดประมาณ 3 แสนไร่ เกษตรกรจานวนมากไม่มีที่ทากนิ แม้เมื่อระบายนา้ ออกจากพนื้ ที่หมดแลว้ ยังยากที่จะใช้ประโยชนท์ าง การเกษตรให้ได้ผล ทัง้ น้เี น่อื งจากดนิ มสี ารประกอบไพไรท์ ทาใหเ้ กิดกรดกามะถัน เม่อื ดินแห้งทาให้ดนิ เปรีย้ ว ควรปรับปรุงดินใหด้ ีข้นึ ดังนั้น เหน็ สมควรทจี่ ะมีการปรบั ปรุงพฒั นา โดยใหม้ ีหน่วยงานตา่ ง ๆ ท่ีเกี่ยวข้องเข้ามาดาเนนิ การศึกษาและพัฒนาพ้ืนท่พี รุร่วมกนั แบบ ผสมผสาน และนาผลสาเรจ็ ของโครงการไปเปน็แบบอยา่ งในการทีจ่ ะพฒั นาพ้ืนที่ดนิ พรใุ นโอกาสต่อไป....\" การศึกษาพัฒนาได้ดาเนิน การในหลากหลายสาขาวฃิ าในลักษะบรู ณาการโดยสว่ นราชการต่าง ๆ โครงการท่ีประสบผลสาเรจ็ และมกี ารขยายผลการพัฒนา ไดแ้ ก่ - โครงการแกล้งดนิพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั พระราชทานแนวทางในการศึกษาวธิ แี ก้ไขปัญหาดินเปรี้ยวจัด โดยริริม่ ตน้ จากการเร่งดนิ ให้เป็นกรดจัด จนถงึ จดุ ทีไ่ ม่สามารถปลูกพชื เศรษฐกิจใด ๆ ซ่งึ วิธกี ารเร่งดินให้เป็นกรดจดั รุนแรงน้ี พระองค์ทรงเรยี กว่า การแกลง้ ดนิ หรอื การทาให้ ดินโกรธ จากนนั้ จึงหาวิธีการปรับปรงุ ดินใหก้ ลับมาใช้ประโยชน์แล้วระบายออกควบค่ไู ปกับการใช้หนิ ปนู ฝุน่ ในปรมิ าณน้อยรว่ มกับ การใสป่ ุ๋ยคอกและป๋ยุ เคมีสามารถปรับปรงุ ดนิ เปรยี้ วจดั ได้อย่างดี และได้นามาใช้เพอ่ื ปลกู พชื ไร่ พืชผกั และยกร่องเพื่อการปลูกไมผ้ ลารศกึ ษาพบว่า การใช้น้าลา้ งดนิ โดยขังนา้ ไว้นาน 4 สปั ดาห์ แลว้ ระบายออกควบคู่ไปกับการใช้หินปูนฝนุ่ ในปรมิ าณนอ้ ยร่วมกับ การใสป่ ๋ยุ คอกและป๋ยุ เคมสี ามารถปรับปรุงดินเปรี้ยวจัดได้อยา่ งดี และไดน้ ามาใช้เพ่ือปลกู พชื ไร่ พชื ผกั และยกร่องเพ่ือการปลกู

15 รปู ที่ 2 แสดงลกั ษณะของปา่ พรุ (ทม่ี าhttp://surya2537.blogspot.com/p/8-28-120000-50000-1200-08.html) พรุ เป็นพน้ื ทล่ี ุ่ม น้าทว่ มขัง ดนิ สว่ นใหญเ่ ป็นดินอนิ ทรีย์ ซ่ึงเกิดจากการสลายตัวผุพังของซากพชื ที่เน่าเป่ือยทับถมเปน็ ช้ันหนา ถัดจากชั้นดนิ อนิ ทรยี ์ลงไปเปน็ ชนั้ ดินเลน ตะกอนทะเลที่มีสารไพไรต์สะสมอยู่เปน็ จานวนมาก ซ่ึงหากสัมผสั กบั อากาศ จะปลด ปล่อยกรดกามะถนั ออกมาเป็นสาเหตุท่ีทาให้ดนิ เปรี้ยวพนื้ ที่พรใุ นจงั หวดั นราธิวาส มเี น้อื ที่ 261,860 ไร่ เปน็ พรุใหญ่ ๆ 2 แหง่ คือ พรุบาเจาะ มีเนือ้ ที่ 52,736ไร่ และพรุโตะ๊ แดง มเี นอื้ ท่ี 209,124 ไร่ ผล รูปท่ี 3 แสดงผลสาเรจ็ ของการทาโครงการ(ท่ีมาhttp://r05.ldd.go.th/website_webstation/mkm/l-padumri.html)ผลสาเรจ็ ของการปรบั ปรุงพื้นที่ดินพรุ พน้ื ทดี่ ินพรหุ ลงั จากการ พน้ื ท่ีดินพรุหลงั จากการปรบัทาใหส้ ามารถใช้ประโยชนไ์ ด้อยา่ งมี ปรับปรงุ ใชเ้ พ่ือการปลูกข้าว ปรงุ ใช้เพื่อการปลกู ปาลม์ น้ามนัประสทิ ธภิ าพซง่ึ ส่วนใหญเ่ พือ่การปลกู ขา้ ว ปาล์มนา้ มนัและมีพนื้ ท่บี างสว่ นใช้ปลูกพชื อ่นื ๆเชน่ ถว่ั เขียว ข้าวโพด เป็นตน้

16ตวั อย่าง โครงการแกลง้ ดนิภาพแสดงขนั้ ตอนการเกิดดนิ เปรย้ี วในบรเิ วณปา่ พรุและที่ราบต่าขอบพรุ ในท้องที่จงั หวัดนราธิวาส รปู ที่ 4 ลกั ษณะของปา่ พรทุ ่ีมีน้าขงั อย่ตู ามธรรมชาติ (ท่ีมา http://www.hongthongrice.com/life/5436) รูปที่ 5 ลักษณะของปา่ เม่อื น้าถูกระบายออก ดินจะถูกแช่ขังดว้ ยนา้ สว่ นลา่ ง สว่ นดินแห้งตอนบนจะเปน็ กรด (ท่ีมา http://www.hongthongrice.com/life/5436)

17 รูปที่ 6 ลักษณะของปา่ เมื่อน้าระเหยออกไปมากข้นึ ความหนาของดนิ ท่ีเป็นกรดจะเพม่ิ มากขึ้น และช้นั อนิ ทรียวัตถตุ อนบนจะบางลง (ท่มี าhttp://www.hongthongrice.com/life/5436) ดว้ ยพระเมตตาของพระองค์รัชกาลท่ี 9 ตลอดระยะเวลา 70 ปี ของการทรงงาน พระองคท์ รงสรา้ งรากฐาน และพัฒนาพ้ืนท่ีในประเทศไทยมากมาย เพ่ือราษฎรจะได้มีชีวติ ความเปน็ อยทู่ ีด่ ขี ้นึ จนเกิดเป็นความเจรญิ บัดน…ี้ พน้ื ทีท่ ่ีดนิ เปร้ยี วจดั มิใชพ่ ืน้ ท่ีไร้ประโยชน์อกี แลว้ แตส่ ามารถนามาทาการเกษตรได้ ท้ังปลกู ขา้ ว ขา้ วโพด ถวั่ ตา่ งๆ อ้อย งา มันเทศ พชื ผัก ไมผ้ ลและไม้ยนื ต้น พชื อาหารสัตว์ และขุดบ่อเลยี้ งปลา ไดผ้ ลดจี นนาไปสู่ชีวติ ท่ดี ขี ึ้นของราษฏรในแถบน้ัน ซงึ่ต่างพากันสานึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมิร้ลู ืมแกลง้ ดินสาเร็จแลว้ ราษฎรได้ประโยชนอ์ ะไร เมื่อผลของการศึกษาทดลอง สาเรจ็ ผลช้นั หนง่ึ ศูนย์ศกึ ษาการพัฒนาพิกลุ ทองฯ ได้นาผลการศึกษาทดลองขยายผลสพู่ ื้น ทที่ าการเกษตรของราษฎร ทีป่ ระสบปัญหาดนิ เปรย้ี วจัด ซ่ึงในเรื่องนี้ไดม้ ีพระราชดารวิ ่า“…พ้นื ที่บรเิ วณบ้านโคกอิฐ และโคกในเป็นดินเปรีย้ ว เกษตรกรมีความตอ้ งการจะปลูกข้าว ทางชลประทานไดจ้ ัดสง่ นา้ ชลประทานให้ กใ็ หพ้ ัฒนาดนิ เปรยี้ ว เหลา่ นีใ้ ห้ใช้ประโยชนไ์ ด้ โดยให้ประสานงานกับชลประทาน…”

18 จากการพัฒนาบา้ นโคกอิฐ และบา้ นโคกใน ปรากฏว่าราษฎรในพ้นื ทดี่ งั กล่าว สามารถปลกู ข้าวให้ไดผ้ ล ผลติ เพ่ิมมากขึ้นจนเปน็ ทีพ่ อพระราชหฤทัย ถึงกบั มีรับสัง่ วา่ “…เราเคยมาโคกอิฐ โคกใน มาดูเขาชี้ตรงนนั้ ๆ เขาทา แต่วา่ เขาได้เพยี ง 5 ถงึ 10 ถงั แต่ตอนนีไ้ ดข้ ึ้นไปถงึ 40-50 ถัง กใ็ ช้ได้แลว้เพราะว่าทาให้เปร้ียวเต็มที่แล้ว โดยที่ขุดอะไรๆ ทาให้เปรย้ี วแล้วก็ระบาย รสู้ ึกว่านับวันเขาจะดขี ึน้ …อันนส้ี เิ ปน็ ชัยชนะทด่ี ใี จมาก ทใ่ี ชง้ านได้แล้ว ชาวบ้านเขากด็ ีขึ้น …แตก่ อ่ นชาวบา้ นเขาตอ้ งซื้อ ขา้ วเดีย๋ วนเี้ ขามขี ้าวอาจจะขายได้”อยา่ งไรกต็ าม ” โครงการแกล้งดนิ ” มไิ ดห้ ยุดลงเฉพาะท่ีใดทห่ี นง่ึ แต่จะต้องดาเนนิ การต่อไป “…งานปรบั ปรุงดิน เปร้ยี วควรดาเนนิ การต่อไป ทง้ั ในแง่การศกึ ษาทดลองและการขยายผล…” ซงึ่ ปัจจบุ นั ไดน้ าผลการศึกษาทดลอง ไปขยายผลแก่ราษฎรในเขตจังหวดั นราธวิ าส และจงั หวดั อนื่ ๆ โดยเฉพาะอย่างยง่ิขณะนจี้ ะมีการนาผลของการ “แกล้งดิน” นาไปใช้ในพนื้ ทจี่ ังหวัดนครนายก และจังหวัดนครศรีธรรมราชอีกด้วย ดังน้ัน ” โครงการแกล้งดนิ ” จงึ เปน็ โครงการท่ีก่อใหเ้ กดิ ประโยชน์กับราษฎรท่ัว ท้ังประเทศสรา้ งความปล้ืมปติ ิ แกเ่ หล่าพสกนิกรเป็นล้นพ้นทพ่ี ระ บาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั ทรง ยอมตรากตราพระวรกายลงมา “แกล้งดิน” เพือ่ ให้พสกนิกรของพระองค์ พ้นจากความยากจนกลับ มาเบิกบานแจม่ ใสกนั ทั่วหนา้การขยายผล จากผลการดาเนนิ งานทปี่ ระสบความสาเรจ็ ในระดับหนง่ึ ศูนยก์ ารศึกษาพฒั นาพิกลุ ทองฯ ได้จัดทาเปน็ หนงั สอื คมู่ ือการปรับปรงุ ดนิ เปรี้ยวจดั เพ่ือการเกษตร เผยแพร่ออกไปสูผ่ ู้สนใจ และนาเทคโนโลยีไปขยายผลในพ้นื ท่ดี นิ เปรยี้ วจัดของเกษตรกรบ้านโคกใน บา้ นยูโย บา้ นตอหลงั และพนื้ ท่อี ่ืนๆประโยชนข์ องโครงการแกล้งดนิ 1. การปรับปรุงดนิ เปร้ียวจัดเพ่ือปลกู ขา้ ว การใชน้ ้าลา้ งความเป็นกรด ในปีแรกข้าวเจริญเตบิ โต แต่ใหผ้ ลผลิตตา่ และผลผลิตเพิ่มขนึ้ เรื่อยๆ ในปตี ่อมา ช่วงเวลาของการขังน้า และระบายน้าท้ิงทเ่ี หมาะสมคือ 4 สัปดาห์ การใสห่ ินปูนฝนุ่ ข้าวเจริญเติบโตและให้ผลผลติ ดีกว่า การใส่หินปูนอตั ราครง่ึ หนงึ่ ของความ ตอ้ งการปนู (1.5 ตัน/ไร)่ ขา้ วให้ผลผลติ เทียบเท่ากบั การใส่ปูนเตม็ อัตราแนะนา การใส่ปูนอัตราตา่ (ครง่ึ หน่ึงของความต้องการปนู ) เพอ่ื สะเทินกรด ควบคู่กับการขังน้า แล้ว เปลยี่ นน้าทุกๆ 4 สปั ดาห์ ข้าวจะใหผ้ ลผลิตดที ส่ี ดุ 2. การปรับปรงุ ดินเปร้ียวจดั เพ่ือปลกู พชื ไร่ พืชผกั โดยใสห่ นิ ปูนฝุ่นอัตรา 2 ตนั /ไร่ รว่ มกับการใสป่ ุ๋ย คอก ปุย๋ หมัก และปุ๋ยเคมีอตั ราแนะนา

193. การปรับปรุงดนิ เปร้ียวจัดเพ่ือปลกู ไม้ผล ควรขดุ ยกรอ่ งเพื่อปอ้ งกนั น้าท่วมและชว่ ยล้างกรด บน คนั ดนิ ลงสู่คูดา้ นล่างควรปรบั ปรุงดินบริเวณสนั รอ่ งก่อน โดยหว่านหนิ ปูนฝนุ่ อัตรา 2 ตัน/ไร่ เพื่อ สะเทินกรด กอ่ นปลูกพืชรองก้นหลมุ ด้วยปนู ขาวหรือหินปูนฝุน่ รว่ มกับปยุ๋ หมกั ปุ๋ยคอก ไมผ้ ลที่ ทดลองปลูกได้ผลดี คือ มะพร้าวนา้ หอม ละมุด กระทอ้ น ชมพู่4. จากการทดลองปรบั ปรุงดินแล้วไม่ใช้ประโยชนต์ อ่ เนื่อง พบวา่ ดนิ จะเปรยี้ วจัดรุนแรงอีก5. ดนิ เปรยี้ วจัดในสภาพทีไ่ มถ่ ูกรบกวน ความเปน็ กรดจะเปลี่ยนแปลงอย่างชา้ ๆ และพชื พรรณ ธรรมชาติที่ทนทานความเป็นกรดข้นึ ได้หลายชนดิ6. การพัฒนาพ้นื ท่ีพร:ุ จากพ้ืนที่เสอื่ มโทรม สู่การใช้ประโยชนไ์ ด้

20 บทที่ 3 วิธดี าเนนิ โครงการวิธีการดาเนินโครงการ อปุ กรณ์และวัสดุท่ีใช้ในการศึกษา 1. หนงั สอื เกยี่ วกบั โครงการแกล้งดนิ 2. โนต้ บุ๊ก 3. เวบ็ ไซตเ์ กี่ยวกบั โครงการแกล้งดิน 4. Microsoft word 5. กระดาษ 6. ปากกา ดินสอขัน้ ตอนการดาเนนิ งาน 1. ผศู้ กึ ษาได้รับหัวข้อโครงการจากอาจารย์ 2. ผ้ศู ึกษารว่ มกนั ประชมุ วางแผนวเิ คราะหต์ ามหัวข้อวัตถุประสงคข์ องโครงการ 3. ผศู้ ึกษารายงานความคืบหน้าแก่อาจารย์ 4. ผ้ศู ึกษาศกึ ษาและเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลเป็นขั้นตอนของการเก็บรวบรวมข้อมลู ทเ่ี ก่ยี วข้องกับ โครงการเพื่อมาวเิ คราะห์และสรปุ เนื้อหาท่ีสาคัญท่จี ะนามาจดั ทาโครงการ 5. ผศู้ ึกษาศึกษาจดั ทาส่ือเพ่ือใช้สาหรับศกึ ษาและรายงานตอ่ อาจารย์ 6. ผู้ศกึ ษาศกึ ษานาเสนอผลงานตอ่ อาจารย์

21 บทท่ี 4 ผลการดาเนินโครงการผลการดาเนนิ งาน โครงการแกล้งดิน เปน็ แนวพระราชดาริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภมู ิพลอดลุ ยเดช เกีย่ วกับการแก้ปัญหาดินเปรย้ี ว หรอื ดินเปน็ กรด โดยมกี ารขังน้าไวใ้ นพื้นท่ีจนกระทง่ั เกดิ ปฏกิ ิริยาเคมีทาให้ดินเปร้ยี วจัด จนถงึทส่ี ดุ แลว้ จงึ ระบายนา้ ออกและปรบั สภาพฟน้ื ฟดู นิ ดว้ ยปนู ขาว จนกระท่งั ดินมีสภาพดีพอทจี่ ะใชใ้ นการเพาะปลูกได้ สบื เนอ่ื งจากการที่พระบาทสมเด็จพระเจา้ อย่หู ัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถเสดจ็ แปรพระราชฐานไปยงั จงหวดั ตา่ ง ๆ อย่อู ย่าง สม่าเสมอในการเสดจ็ แปรพระราชฐานทุกครัง้ มไิ ด้เพ่ือทรงพักผอ่ นเช่นสามัญชนทั่วไป แตจ่ ะเสด็จพระราชดาเนนิ ไปทรงเยีย่ มเยยี นราษฎรหรอื ติดตาม โครงการต่าง ๆ ทท่ี รงรเิ รม่ิ หรือมีพระราชดาริไว้ ดงั น้ันเพื่อเป็นการถวายความสะดวกแด่พระประมขุ ของชาติรฐั บาลจงึ สรา้ งพระตาหนักนอ้ มเกล้าฯ ถวาย เปน็ ทป่ี ระทับในคราวเสด็จแปรพระราชฐานไวใ้ นหลายจงั หวดั เช่น พระตาหนกั ภพู ิงค์ราชนเิ วศน์ ทจ่ี งั หวัดเชยี งใหม่ พระตาหนกั ทักษิณราชนิเวศน์ ท่ี จงั หวัดนราธวิ าส เป็นตน้ จากการเสด็จพระราชดาเนินไปทรงเย่ยี มราษฎรในจังหวดั ภาคใต้ ทาให้ทรงทราบวา่ ราษฎรมีความเดือดร้อนหลายเรื่องโดยเฉพาะในกลุ่มของ เกษตร เชน่ การขาดแคลนทที่ ากินหรอื ปญั หาในพ้นื ท่ีพรุซึ่งมนี า้ ขังอยตู่ ลอดปี แม้สามารถทาให้น้าแห้งได้ ดนิ ในพนื้ ที่เหลา่ น้ันก็ยังเปน็ ดินเปรย้ี วจดั ทาการเกษตรได้ผลน้อยไม่ค้มุ ทุนพระองค์ทรงตระหนักถงึ ปญั หาเหลา่ นี้ว่ามีความจานงเร่งด่วนทจ่ี ะต้องพระราชทานความชว่ ยเหลือ พระองค์ทรงมอบให้หน่วยราชการทเี่ ก่ียวข้องร่วมกันพิจารณาหาแนวทางในการปรับปรุงพ้ืนท่ีพรุซึ่งมีนา้ แชข่ ังอยตู่ ลอดปี มาใช้ใหเ้ กดิ ประโยชน์ ต่อการทาเกษตรใหไ้ ด้มากท่ีสดุ โดยต้องคานึงถงึ ผลกระทบต่อระบบนเิ วศของป่าพรุดว้ ย การทดี่ ินในป่าพรุเป็นดนิ เปร้ยี วจดั ก็เพราะ ดินเหล่านเ้ี ปน็ ดินท่มี อี นิ ทรียวตั ถุคือรากพชื เน่าเปื่อยอยู่ข้างบน และในระดับความลกึ ประมาณ 1-2 เมตร มีลักษณะเป็นดนิ เลนสเี ทาปนน้าเงนิ ซงึ่ มีสารประกอบไพไรตห์ รือกามะถันอยมู่ าก ดงั นนั้ เมอ่ื ดนิ แห้ง กรดกามะถันกจ็ ะทาปฏกิ ิรยิ ากบั อากาศทาให้แปรสภาพเปน็ ดินเปรีย้ วจดั พระองคจ์ งึ มีพระราชประสงค์จะแก้ไขปัญหานี้ใหก้ บั ราษฎร เมอ่ื วันท่ี 16 กนั ยายน พ.ศ. 2527 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัวพระราชทานพระราชดาริ อนัเปน็ ต้นกาเนดิ ของโครงการ แกล้งดนิ ท่ีศูนย์ศกึ ษา การพฒั นาพกิ ุลทองฯ โครงการ “ แกลง้ ดนิ ” จึงกาเนิดข้ึนโดยมีศูนย์ศึกษาการพฒั นาพกิ ลุ ทองฯ เป็นหนว่ ยดาเนินการสนองพระราชดาริ เพ่อื ศึกษาการเปลี่ยนแปลง ความเปน็ กรดของดินกามะถนั

22โครงการแกล้งดินเกี่ยวกับการแก้ปัญหาดินเปรยี้ ว หรอื ดนิ เป็นกรดดนิ เปรยี้ ว ดนิ เปร้ียวหรอื ดินกรดจดั เป็นดินท่ีมปี ญั หาเกี่ยวกบั ความเป็นกรดจดั ของดนิ โดยทั่วไปมีค่าความเปน็ กรด เป็นดา่ ง ของดนิ ต่ากว่า 5.5 ปัญหาดินกรด ดนิ มีความเปน็ พษิ ของไฮโดรเจนและอะลมู เิ นียม ขาดธาตอุ าหารพชื เช่น แคลเซยี ม แมกนเี ซยี ม ฟอสฟอรสั โพแทสเซยี ม และโมลิบดนี ัม เปน็ ต้น ดินกรด จงึเป็นดนิ ท่มี ีความอดุ มสมบรู ณ์ต่า จากดั การเจรญิ เตบิ โตและการให้ผลผลิตของพืชทีป่ ลูก ขาดแคลนนา้สภาพความเปน็ กรดจัดของดินมผี ลทาใหร้ ะบบรากพชื ถูกจากัดการเจริญเตบิ โต จากัดการพัฒนาการของจลุ ินทรยี ์ทเี่ ปน็ ประโยชนใ์ นดิน เช่น เชื้อไรโซเบียม ไมคอร์ไรซา และแอคตโิ นมัยซิส เป็นตน้ มีแนวโน้มวา่มกี รดกามะถันอยู่ในช้ันดินและจะต้องมีจดุ สีเหลืองฟางขา้ วอยใู่ นดนิ ชั้นล่างจึงทาให้ดินเป็นกรดสูง สาเหตุของการเกิดดินเปรย้ี ว ดนิ เปรี้ยวเกิดจากการทบั ถ่มของตะกอนนา้ กร่อยซ่งึ เปน็ บริเวณทเ่ี คยได้รับอิทธพิ ลจากน้าทะเลท่วมถงึ มาก่อน สาเหตุท่ดี นิ เปรยี้ วเพาะปลูกพืชไมไ่ ด้ 1. เน่อื งจากดินมีความเปน็ กรดสูงหรอื มี(pH) ตา่ ทาให้มีผลต่อเน่อื งตอ่ พืชคือ - พืชดดู ธาตุอาหารบางธาตุไปใชไ้ ด้นอ้ ยลงเชน่ ไนโตรเจนและแคลเซยี ม - พืชท่ปี ลกู จะขาดธาตุฟอสฟอรัสเนื่องจากฟอสฟอรสั เปล่ยี นไปอยู่ในรูปที่พชื ใชป้ ระโยชน์ไมไ่ ด้ - ดนิ มีปรมิ าณธาตุอาหารบางธาตอุ ยูใ่ นปริมาณนอ้ ยเชน่ แมกนเี ซยี มและ โปตสั เซยี ม - มสี ารบางอยา่ งละลายออกมามากจนเป็นพษิ ต่อพชื เชน่ เหลก็ อลมู เิ นยี มและ แมงกานสี 2. จลุ นิ ทรยี ห์ รือส่งิ มชี วี ติ เล็กๆในดินไมส่ ามารถเจรญิ เติบโตได้และไม่สามารถดาเนนิ กจิ กรรมได้ตามปกติทาใหป้ ริมาณไนโตรเจนฟอสฟอรสั และกามะถนั ในดนิ ท่ีเปน็ ประโยชน์ตอ่ พชื ลดลงไปดว้ ย 3. เนื้อดินเปรย้ี วเปน็ ดนิ เหนียวอัดตวั กนั แน่นระบายนา้ และถา่ ยเทอากาศได้ยากดนิ แข็ง มากเม่ือแห้งและเปน็ โคลนเหนยี วจดั เม่ือเปียกทาให้การเตรียมดนิ ก่อนการปลกู พืชทาได้ ลาบาก

23วิธดี าเนินการในโครงการ วธิ ีปรบั ปรุงดินดงั กลา่ วให้สามารถปลูกพืชเศรษฐกิจได้ โดยมแี นวพระราชดาริดงั นี้ 1. แก้ไขโดยวิธีการควบคุมระดบั นา้ ใต้ดนิ พยายามคุมน้าใต้ดนิ ใหอ้ ยู่เหนือช้นั ดนิ เลนซึ่งมี สารประกอบไพไรต์ เปน็ การป้องกันมิให้สารประกอบไพไรตท์ าปฏกิ ริ ิยากับออกซเิ จนหรือถกู ออกซิไดซ์ โดยมีขนั้ ตอนดังนี้ 1.1 วางระบบการระบายนา้ ท่ัวทั้งพนื้ ที่ 1.2 ระบายน้าเฉพาะสว่ นบนออก เพ่ือชะลา้ งกรด 1.3 รกั ษาระดบั นา้ ในครู ะบายน้าให้อยูใ่ นระดบั ไมต่ ่ากว่า 1 เมตรจากผวิ ดินตลอดท้งั ปี 2. แก้ไขโดยวธิ ีปรบั ปรุงดินตามแนวพระราชดาริ โครงการน้ีจะมวี ิธีปรับปรงุ ดนิ 3 วิธอี าจเลอื กใช้ ได้ตามความเหมาะสมและตามสภาพของดนิ คอื วิธกี ารท่ี 1 ใชน้ า้ ชะลา้ งความเป็นกรด ดาเนนิ การตามข้ันตอนดงั น้ี -ใชน้ า้ ชะล้างดินเพ่ือล้างกรด ทาใหค้ า่ pH เพ่มิ ขึ้น โดยวิธีการปลอ่ ยนา้ ให้ท่วมขังแปลง แลว้ ระบายออก ทาเชน่ น้ีประมาณ 2-3 ครงั้ โดยเวน้ ใหห้ า่ งกันประมาณ 1-2 สัปดาห์ -ดนิ จะเปรยี้ วจดั ในชว่ งดินแหง้ หรือในฤดูแหง้ ดังน้ัน การชะลา้ งควรเริม่ ในฤดฝู นเพ่ือลด ปรมิ าณน้าชลประทาน การใช้นา้ ชะลา้ งความเปน็ กรดต้องกระทาต่อเน่อื งและต้องหวัง ผลในระยะยาวมิใช่กระทาเพียง 1 หรือ 2 ครงั้ เท่านั้นวิธนี ้ีเปน็ วธิ ที งี่ า่ ยที่สดุ แต่ จาเปน็ ต้องมนี ้ามากพอท่จี ะใช้ชะล้างดินควบคู่ไปกับการควบคุมระดับน้าใตด้ นิ ใหอ้ ยู่ เหนือช้นั ดินเลนทีม่ ีสารประกอบไพไรต์มาก -เมอ่ื ดินคลายความเปรี้ยวลงแล้วจะมคี ่า pH เพม่ิ ขึน้ อีกท้ังสารละลายเหล็กและ อะลมู นิ ัมท่เี ป็นพิษกเ็ จอื จางลงจนทาให้พืชสามารถเจรญิ เติบโตไดด้ ีถ้าหากใช้ปุ๋ย ไนโตรเจนและฟอสเฟตเช่วยก็สามารถเจรญิ เตบิ โตได้ดีถ้าหากใชป้ ยุ๋ ในโตรเจนและ ฟอสเฟตชว่ ยก็สามารถทาการเกษตรได้ วิธีการที่ 2 การแก้ไขดนิ เปร้ียวโดยใชป้ ูนผสมคลกุ เคลา้ กับหน้าดนิ คอื -ใชว้ ัสดุปนู ทีห่ าได้งา่ ยในท้องท่ี เชน่ ใชป้ ูนมารล์ (mar) สาหรับภาคกลาง หรอื ปูนฝุน่ ( lime dust ) สาหรับภาคใต้ หวา่ นใหท้ ่ัว 1-4 ตันตอ่ ไร่แล้วไถแปรหรือพลิกกลบคนื ( ปริมาณของปนู ท่ีใช้ขึน้ อยู่กับความรุนแรงในความเปน็ กรดของดนิ ) วธิ ีการที่ 3 การใชป้ นู ควบคไู่ ปกับการใช้น้าชะลา้ งและควบคุมระดบั น้าใต้ดินเปน็ วิธีการ ที่สมบูรณ์ท่ีสดุ และใชไ้ ด้ผลมากในพืน้ ที่ซ่ึงดนิ เป็นกรดจดั รุนแรงหรือถูกปลอ่ ยทิ้งให้รก รา้ งว่างเปลา่ เปน็ เวลานาน -หว่านปูนให้ท่วั พ้ืนที่ โดยใชป้ นู 1-2 ตนั ต่อไร่ แลว้ ไถกลบ -ใชน้ ้าชะลา้ งความเป็นกรดออกจากหนา้ ดิน -ควบคุมนา้ ใตด้ ินใหอ้ ยู่เหนือชั้นดนิ เลนท่ีมีสารประกอบไพไรต์มากเพือ่ ป้องกันมิ ให้ทาปฏกิ ริยากับออกซิเจน เพราะจะทาดินกลายเป็นกรด

243. การปรบั สภาพพื้นท่ี เนอ่ื งจากสภาพพนื้ ทด่ี ินเปรี้ยวในแถบนีเ้ ป็นปา่ พรุ มีลักษณะเป็นที่ราบลุ่มจงึ ทาการระบายน้าออกจากพ้ืนทีไ่ ดล้ าบาก จาเปน็ ตอ้ งมีการปรบั สภาพพ้ืนท่ี ซงึ่ โดยท่ัวไปทากันอยู่ 2 วิธี คือ 3.1 การปรบั ผิวหน้าดิน โดยการทาให้ผิวหน้าดินลาดเอียงเพอื่ ให้น้าไหลออกไปสู่คลอง ระบายน้าไดห้ รอื ถ้าเปน็ การทานาก็จัดตกแตง่ แปลงนาและคนั นาให้สามารถเก็บกักน้า และสามารถระบายนา้ ออกได้ถ้าต้องการ 3.2 การยกร่องปลูกพืช วิธนี ี้ใชส้ าหรับพนื้ ท่ที จี่ ะทาการปลูกพืชไร่ พชื ผกั ไม้ผล หรือไม้ ยนื ตน้ แตว่ ิธนี จ้ี าเป็นจะต้องมีแหลง่ นา้ ชลประทาน เพราะจะต้องขังน้าไว้ในรอ่ งเพื่อใช ถา่ ยเทเปลี่ยน เมอ่ื นา้ ในร่องเป็นกรดจดั ในการขดุ ร่องน้ี เกษตรกรจะต้องทราบวา่ ในพืน้ ทน่ี ้ันมดี นิ ช้นั เลนซึง่ เปน็ ดินท่ีมี สารประกอบไพไรต์มากอยู่ลกึ ในระดับใด เพราะเมื่อขุดร่องจะใหล้ กึ เพียงระดบั ดนิ เลน นั้น โดยทั่วไปจะลึกไมเ่ กิน 100 เซนติเมตร ขัน้ ตอนการขดุ ร่องสวน มีดังน้ี 1. วางแนวรอ่ งให้เหมาะสมกับชนิดของพชื ท่จี ะปลูก ซ่งึ โดยทวั่ ไปสนั ร่องสวนจะ กวา้ งประมาณ 1-1.5 เมตร 2. ระหว่างรอ่ งทจี่ ะขดุ คู ใหใ้ ช้แทรกเตอรป์ าดหนา้ ดนิ มาวางไว้กลางสันร่อง ดนิ เหลา่ นี้จะเปร้ียวจดั แตส่ ว่ นใหญ่จะมีอินทรียวตั ถุสงู และค่อนขา้ งร่วนซยุ จึงมี ประโยชน์มาก หากจะนามากองไว้ช่วงกลางสันร่องตอ้ งทาดังนี้ เพือ่ ไมใ่ หห้ นา้ ดนิ ดงั กลา่ วถกู ดินท่ขี ุดขนึ้ มาจากคกู ลบหมด 3. ขุดดินจากคูทว่ี างแนวไว้มากลบบรเิ วณขอบสนั รอ่ ง ซง่ึ หนา้ ดนิ ถกู ปาดไปแลว้ การทาเชน่ นีก้ ็เพ่ือให้เกดิ สนั ร่อง ควรใหส้ ูงอยา่ งนอ้ ย 50 เซนติเมตรเพราะ เหมาะท่ีจะปลูกไม้ประดบั หรือไม้ยนื ต้นตา่ ง ๆ 4. เพอื่ ป้องกันไม่ใหน้ ้าท่วม ควรมคี ันดนิ ล้อมรอบสวน คันดินควรอัดแน่นเพ่อื ป้องกนั น้าซมึ และควรมีระดบั ความสูงมากพอทจ่ี ะปอ้ งกนั น้าทว่ มในชว่ งฤดฝู น ได้ดว้ ย 5. จาเปน็ ตอ้ งมีการตดิ ต้ังเคร่ืองสบู นา้ เพื่อสูบนา้ เข้า-ออก ไดเ้ มอื่ ต้องการโดยทัว่ ๆ ไปแลว้ นา้ ทจี่ ะนาเอาไปขังในร่องสวน หากปลอ่ ยท้ิงไว้ประมาณ 3-4 เดือน ต่อครัง้ แล้วดูดน้าชลประทานเข้ามาในร่องสวนเพ่ือใช้รดนา้ ต้นไม้ดังเดิม การยกร่องปลกู พชื ยืนต้นหรอื ไม้ผล จาเปน็ อยา่ งยิ่งทตี่ ้องพิจารณาก่อนวา่ นา้ ท่วมถึงหรอื ไม่ หากมีโอกาสเสย่ี งต่อการเกิดนา้ ทว่ มสงู ก็ไม่ควรจะทา เพราะไม้ผลเป็นพืช ทใ่ี ห้ผลระยะยาวหรืออย่างน้อย 5-10 ปี ถา้ เกดิ อทุ กภยั ขึน้ มาจะสร้างความเสยี หาย ใหแ้ ก่พืชสวนกห็ มายถงึ เงนิ ทุนสูญเปล่า

25 ถ้าคาดวา่ พน้ื ท่ีดังกลา่ วเสีย่ งจากการปลูกไมผ้ ลหรือไมย้ นื ต้นเป็นพืชลม้ ลกุ หรอื พชื ผักโดยปลูกหมุนเวยี นกับข้าวคือปลอ่ ยใหน้ า้ ทว่ มร่องในฤดฝู นแลว้ ปลูกข้าวบนสันรอ่ ง ก็จะชว่ ยท่นุ ค่าใช้จ่ายเพราะไมจ่ าเป็นตอ้ งสบู น้าออก พอพ้นฤดฝู นกป็ ลูกพชื ผกั หรอื พชื ลม้ ลกุ ตามความต้องการของตลาด ช่วยใหม้ ีรายได้เพิ่มขน้ึประโยชนข์ องโครงการแกล้งดนิ 1. การปรบั ปรุงดนิ เปรี้ยวจดั เพ่ือปลกู ข้าว - การใชน้ า้ ล้างความเปน็ กรด ในปแี รกข้าวเจรญิ เตบิ โต แต่ใหผ้ ลผลิตต่า และผลผลิต เพ่ิมขน้ึ เรื่อยๆ ในปีต่อมา ชว่ งเวลาของการขังนา้ และระบายนา้ ทิง้ ทเี่ หมาะสมคอื 4 สปั ดาห์ - การใส่หินปนู ฝนุ่ ขา้ วเจริญเติบโตและใหผ้ ลผลติ ดีกวา่ การใสห่ นิ ปนู อตั ราครงึ่ หนง่ึ ของ ความตอ้ งการปนู (1.5 ตัน/ไร่) ขา้ วให้ผลผลติ เทียบเทา่ กับการใส่ปูนเตม็ อตั ราแนะนา - การใส่ปนู อัตราตา่ (คร่ึงหนึ่งของความต้องการปูน) เพอื่ สะเทินกรด ควบคู่กบั การขงั น้า แล้วเปลีย่ นนา้ ทกุ ๆ 4 สัปดาห์ ขา้ วจะให้ผลผลติ ดีท่ีสดุ 2. การปรับปรุงดินเปรีย้ วจดั เพ่ือปลูกพชื ไร่ พืชผัก โดยใส่หนิ ปูนฝุ่นอัตรา 2 ตนั /ไร่ รว่ มกับการใสป่ ยุ๋ คอก ปุย๋ หมกั และปยุ๋ เคมีอตั ราแนะนา 3. การปรับปรงุ ดนิ เปรยี้ วจดั เพื่อปลูกไมผ้ ล ควรขดุ ยกร่องเพ่ือปอ้ งกนั นา้ ท่วมและชว่ ยล้างกรดบนคัน ดินลงสคู่ ูดา้ นลา่ งควรปรับปรงุ ดินบรเิ วณสันร่องก่อน โดยหว่านหินปนู ฝุ่นอัตรา 2 ตนั /ไร่ เพือ่ สะเทนิ กรด ก่อนปลูกพืชรองกน้ หลุมด้วยปูนขาวหรอื หินปูนฝุน่ รว่ มกบั ปุ๋ยหมกั ปุ๋ยคอก ไมผ้ ลที่ ทดลองปลกู ไดผ้ ลดี คือ มะพร้าวน้าหอม ละมุด กระทอ้ น ชมพู่ 4. จากการทดลองปรบั ปรงุ ดนิ แลว้ ไมใ่ ช้ประโยชนต์ ่อเน่ือง พบว่าดินจะเปร้ยี วจัดรนุ แรงอีก 5. ดนิ เปร้ียวจดั ในสภาพที่ไม่ถูกรบกวน ความเปน็ กรดจะเปล่ียนแปลงอยา่ งชา้ ๆ และพชื พรรณ ธรรมชาตทิ ท่ี นทานความเป็นกรดขึน้ ไดห้ ลายชนิด 6. การพัฒนาพื้นท่ีพรุ: จากพ้ืนที่เสอ่ื มโทรม สกู่ ารใชป้ ระโยชนไ์ ด้ จากการทาโครงการเร่ืองโครงการแกล้งดิน ข้อมูลที่ไดน้ ้นั คือ ที่มาและความสาคัญของโครงการแกลง้ดนิ ลักษณะของโครงการแกลง้ ดนิ วิธกี ารดาเนินการของโครงการแกล้งดนิ และประโยชน์ของโครงการแกล้งดนิ โดยทางคณะผ้จู ดั ทาไดเ้ รียบเรยี งข้อมลู และนาเสนอในรปู แบบPowerPoint การนาเสนอในรปู แบบ e-book และมวี ดิ โี อเพ่อื สื่อถึงวิธกี ารดาเนินงานของโครงการแกล้งดนิ

26 บทที่ 5 สรุปผลของโครงการสรปุ โครงการแกลง้ ดิน ที่มาและความสาคญั ของโครงการแกล้งดนิ อนั เน่อื งมาจากเมื่อปี พ.ศ. 2524 สมเดจ็ พระปรมทิ รมหาภูมพิ ลอดุยเดช ไปทรงเย่ยี มราษฎรในเขตจังหวัดนราธิวาส และทรงพบวา่ ราษฎรมคี วามเดือดร้อนหลายเรอ่ื ง โดยเฉพาะในกลุม่ ของ เกษตร มีการขาดแคลนท่ีทากิน หรอื ปัญหาในพนื้ ท่ีพรุซง่ึ มีน้าขังอยตู่ ลอดปี ถึงแม้สามารถทาใหน้ ้าแห้งได้ ดนิ ในพื้นท่ีเหลา่ น้ันกย็ ังเป็นดนิ เปรี้ยวจดั ทาการเกษตรไดผ้ ลนอ้ ยไม่คุ้มทนุ เพ่ือจะได้มพี ื้นท่ใี ช้ทาการเกษตรและเป็นการบรรเทาอุทกภยั นั้น ทาให้ดนิ ในพ้ืนทพ่ี รุแปรสภาพเป็นดนิ เปรยี้ วจดั ทาใหเ้ พาะปลกู ไม่ได้ผลพระองค์ทรงตระหนักถึงปญั หาเหลา่ น้ี พระองค์ทรงมอบให้หน่วยราชการทเ่ี กีย่ วข้องรว่ มกนั พจิ ารณาหาแนวทางในการปรบั ปรุงพ้ืนท่ีพรุซึ่งมีนา้ แชข่ งั อยู่ตลอดปี มาใชใ้ ห้เกดิ ประโยชน์ ตอ่ การทาเกษตรใหไ้ ด้มากทีส่ ุด โดยตอ้ งคานึงถงึ ผลกระทบตอ่ ระบบนิเวศของปา่ พรุด้วย โดยตน้ กาเนดิ ของโครงการ แกลง้ ดิน อยู่ท่ีศูนย์ศึกษา การพัฒนาพิกุลทองฯ ลักษณะของโครงการแกล้งดิน เก่ียวกับการแก้ปญั หาดนิ เปรี้ยว หรอื ดินเป็นกรดดนิ เปร้ียวหรือดินกรดจดั เปน็ ดินที่มีปัญหาเกย่ี วกบั ความเป็นกรดจดั ของดนิ โดยทว่ั ไปมีค่าความเปน็ กรดเปน็ ด่าง ของดินต่ากวา่ 5.5 ปญั หาดนิ กรด ดนิ มีความเปน็ พิษของไฮโดรเจนและอะลมู ิเนียม ขาดธาตุอาหารพชื กรด จึงเปน็ ดินทมี่ ีความอดุ มสมบูรณต์ ่า จากัดการเจริญเตบิ โต สาเหตขุ องการเกิดดินเปรี้ยวเกดิจากการทับถ่มของตะกอนนา้ กร่อยซึ่งเป็นบริเวณทเ่ี คยไดร้ ับอทิ ธิพลจากน้าทะเลท่วมถึงมาก่อน สาเหตุที่ดนิ เปรยี้ วเพาะปลกู พืชไม่ได้ เนื่องจากดินมคี วามเปน็ กรดสูงหรอื มี(pH) ตา่ , จลุ ินทรยี ห์ รือสง่ิ มชี วี ติ เลก็ ๆในดนิ ไม่สามารถเจรญิ เติบโตได้และเน้ือดินเปรย้ี วเปน็ ดินเหนยี วอดั ตัวกนั แน่นระบายนา้ และถา่ ยเทอากาศได้ยาก วิธีการดาเนนิ โครงการแกล้งดนิ1. แกไ้ ขโดยวธิ ีการควบคุมระดบั น้าใต้ดิน พยายามคุมนา้ ใต้ดนิ ใหอ้ ยู่เหนือชนั้ ดนิ เลนซง่ึ มีสารประกอบไพไรต์ เป็นการป้องกนั มิให้สารประกอบไพไรต์ทาปฏิกริ ยิ ากับออกซิเจนหรอื ถกู ออกซิไดซ์2. แกไ้ ขโดยวธิ ปี รบั ปรงุ ดินตามแนวพระราชดาริ มี 3 วิธี ดังนี้ วิธีที่ 1 ใช้นา้ ชะล้างความเป็นกรด เมอื่ ล้างดนิ เปรี้ยวให้คลายลงแล้ว จะมคี า่ ph เพิ่มขน้ึ ทัง้ สารละลายเหลก็ และอลูมนิ ั่มทเี่ ปน็ พิษเจอื จางลงทาให้พชื สามารถเจรญิ เตบิ โตไดด้ ี วธิ ีท่ี 2 การใชป้ นู ผสมคลกุ เคลา้ กับหน้าดนิ เช่นปูนมาร์ล ปูนฝ่นุ ซงึ่ ปรมิ าณของปนู ทใ่ี ชข้ ึ้นอยูก่ ับ ความรุนแรงความเปน็ กรดของดิน วิธีที่ 3 การใชป้ ูนควบคู่กับการใช้น้าชะลา้ งและควบคุมนา้ ในดนิ

273. การปรบั สภาพพื้นที่ เน่อื งจากสภาพพน้ื ท่ดี ินเปรย้ี วในแถบน้ีเปน็ ป่าพรุ มอี ยู่ 2 วิธี คือ 3.1 การปรบั ผวิ หนา้ ดนิ 3.2 การยกร่องปลกู พชืประโยชนข์ องโครงการแกลง้ ดิน1. การปรบั ปรงุ ดินเปรยี้ วจดั เพื่อปลูกข้าว คือ การใช้น้าล้างความเป็นกรด การใส่หนิ ปนู ฝุน่ การใส่ ปนู อัตราต่า2. การปรบั ปรุงดนิ เปร้ยี วจดั เพ่ือปลกู พชื ไร่ พชื ผกั โดยใส่หนิ ปูนฝ่นุ อัตรา 2 ตัน/ไร่ รว่ มกับการใส่ปยุ๋ คอก ปุ๋ยหมัก และปุ๋ยเคมี3. การปรับปรงุ ดนิ เปรย้ี วจดั เพ่ือปลกู ไมผ้ ล ควรขดุ ยกร่องเพ่ือปอ้ งกนั น้าทว่ มและชว่ ยลา้ งกรดบนคัน ดนิ ลงสูค่ ดู ้านลา่ งควรปรับปรุงดินบรเิ วณสนั ร่องก่อน โดยหวา่ นหนิ ปนู ฝ่นุ อตั รา 2 ตนั /ไร่ เพอื่ สะเทินกรด ก่อนปลูกพชื รองกน้ หลมุ ดว้ ยปูนขาวหรอื หนิ ปูนฝนุ่ รว่ มกับป๋ยุ หมกั ปุย๋ คอก ไม้ผลที่ ทดลองปลูกไดผ้ ลดี คือ มะพร้าวน้าหอม ละมุด กระท้อน ชมพู่4. จากการทดลองปรบั ปรงุ ดินแล้วไมใ่ ชป้ ระโยชนต์ อ่ เน่ือง พบว่าดนิ จะเปรย้ี วจัดรนุ แรงอีก5. ดินเปร้ียวจัดในสภาพที่ไม่ถูกรบกวน ความเปน็ กรดจะเปลยี่ นแปลงอย่างชา้ ๆ และพชื พรรณ ธรรมชาติทท่ี นทานความเป็นกรดขึน้ ได้หลายชนดิ6. การพัฒนาพน้ื ท่ีพรุ: จากพืน้ ท่ีเสือ่ มโทรม สกู่ ารใช้ประโยชนไ์ ด้

28 เอกสารอา้ งอิงแกล้งดนิ ทฤษฎี \"แกลง้ ดิน\" อันเนือ่ งมาจากพระราชดาริ. สบื คน้ เมอื่ 12 ตลุ าคม 2560, เข้าถึงไดจ้ าก https://sites.google.com/site/manman7526/khorngkar-kaelng-din.แกลง้ ดนิ พระอจั ฉริยภาพด้านดิน-นา้ แกจ้ นย่งั ยืน ที่ “ศูนยฯ์ พกิ ลุ ทอง” จ.นราธวิ าส. (2558). สบื ค้นเมื่อ 14 ตลุ าคม 2560, เขา้ ถงึ ได้จาก http://www.sator4u.com/paper/2124.แกลง้ ดิน อัจฉริยภาพด้านดนิ . (27 สงิ หาคม 2560). สบื คน้ เมื่อ 15 ตลุ าคม 2560, เขา้ ถงึ ไดจ้ าก http://postbox-samutprakarn.famousgroup.net.ชลกร อภิวงศ์. โครงการแกล้งดิน. (13 พฤศจกิ ายน 2555). สืบค้นเมื่อ 14 ตลุ าคม 2560, เข้าถงึ ไดจ้ ากhttps://moeiluhan.wordpress.com.ดินเปรีย้ ว. (สิงหาคม 2543). สบื ค้นเมือ่ 12 ตลุ าคม 2560, เข้าถึงได้จาก http://www.baanjomyut.com/library_2/soil/04.html.ทฤษฎีแกลง้ ดนิ เปลย่ี นดินให้เป็นทอง. (4 พฤศจิกายน 2559). สืบคน้ เมื่อ 14 ตลุ าคม 2560, เขา้ ถงึ ได้ จาก http://www.hongthongrice.com/life/5436.ศูนย์ศึกษาการพฒั นาพกิ ลุ ทองอันเน่ืองมาจากพระราชดาริ จงั หวัดนราธิวาส .สืบค้นเมอ่ื 14 พฤศจกิ ายน 2560, เข้าถงึ ไดจ้ าก http://www.hongthongrice.com/life/5436.ธีรภัทร โภคาปราการ.ทฤษฎี \"แกลง้ ดนิ \" อันเน่อื งมาจากพระราชดาริ. (2560). สบื คน้ เมอ่ื 15 ตุลาคม 2560, เขา้ ถึงได้จากhttp://siweb.dss.go.th/sci60/team100/royalpro/klangdin.htm.ธัชกร เหมะจันทร, สรุ พี ร เกียรตนิ าวนิ , รชั นี ฟองศกั ด์ิ , นิคม แกว้ ศิลา, อรุณี ลาลนั ต์ . (2541).ในหลวง ของเรา เลม่ 1. สานกั งานเสริมสรา้ งเอกลกั ษณข์ องชาติ.ธชั กร เหมะจันทร, สุรีพร เกยี รตินาวิน, รัชนี ฟองศักดิ์ , นิคม แกว้ ศิลา, อรณุ ี ลาลนั ต์ . (2541). ในหลวง ของเรา เลม่ ๒. สานักงานเสริมสรา้ งเอกลกั ษณข์ องชาติ.ปิยนาถ บนั นาค และคณะ.(2554).พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ ัว พระอจั ริยภาพในการบริหารจดั การ. บรษิ ัท วี.พริน้ ท์(1991) จากดั :สานกั พมิ พ์แห่งจุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย.ประจวบ พฒั นกุล,อนกุ ูล สุภาไชยกิจ,สนุ นั ท์ บุญชุบ,สงวน จันทรอักษร,ประสทิ ธ์ิ บวั ดวง,เริม่ หนูสวสั ดิ์ และคณะ .(2529). ผลการดาเนนิ งานโครงการอนั เนอ่ื งมาจากพระราชดาริ พ.ศ.2529. โรงพิมพ์สุไหงโกลก.

29ประวัติผดู้ าเนนิ โครงการชื่อ นางสาวปรายฟา้ สามลภมู ลิ าเนา 185/1 หมู่ 8 ต.ไตรตรงึ ษ์ อ.เมือง จ.กาแพงเพชรประวัติการศึกษา - จบระดับชน้ั มธั ยมศึกษาจากโรงเรียนเฉลมิ พระ เกยี รตสิ มเดจ็ พระศรีนครินทร์ กาแพงเพชร - ปัจจุบนั กาลงั ศกึ ษาในระดับปริญญาตรีช้ันปที ่ี 1 คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั นเรศวรE-mail: [email protected]ช่อื นางสาวปรารถนา วัฒนจิตสัมพันธ์ภูมิลาเนา 253 หมู่ 1 ต.อา่ งทอง อ.เชียงคา จ.พะเยาประวตั ิการศกึ ษา - จบระดบั ชนั้ มธั ยมศึกษาจากโรงเรยี นเชียงคา วิทยา - ปจั จุบนั กาลังศกึ ษาในระดบั ปริญญาตรชี ัน้ ปที ่ี 1 คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลยั นเรศวรE-mail: [email protected]ชือ่ นางสาวปวณี า กดุ ดีภูมิลาเนา 28/1 หมู่ 8 ต.บ้านโคก อ.เมือง จ.เพชรบรู ณ์ประวตั ิการศกึ ษา - จบระดบั ช้ันมัธยมศึกษาจากโรงเรยี นวัชรชยั - ปัจจุบนั กาลังศกึ ษาในระดับปรญิ ญาตรชี นั้ ปีที่ 1 คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวรE-mail: [email protected]

30ชอ่ื นางสาวปาลิดา ปานดาภมู ลิ าเนา 14 หมู่ 9 ต.หนองจกิ อ.คีรีมาศ จ.สุโขทัยประวตั ิการศึกษา - จบระดับช้ันมัธยมศึกษาจากโรงเรยี นครี มี าศ พทิ ยาคม - ปจั จบุ ันกาลังศกึ ษาในระดับปรญิ ญาตรีช้ันปที ่ี 1 คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั นเรศวรE-mail: [email protected]ช่ือ นางสาวพรพิมล มวลเกษมภมู ลิ าเนา 415 หมู่ 4 ต.หัวทะเล อ.เมือง จ.นครราชสมี าประวตั กิ ารศกึ ษา - จบระดบั ชัน้ มัธยมศึกษาจากโรงเรยี นสุรนารี วิทยา - ปัจจบุ นั กาลงั ศกึ ษาในระดบั ปรญิ ญาตรชี ั้นปที ่ี 1 คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลยั นเรศวรE-mail: [email protected]ช่อื นางสาวพชั ราพรรณ อภวิ งค์ภมู ิลาเนา 31 ถ.ปราณี ต.ชา้ งเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ประวตั กิ ารศึกษา - จบระดับช้ันมัธยมศึกษาจากโรงเรียนจอมทอง จงั หวดั เชียงใหม่ - ปจั จุบันกาลังศกึ ษาในระดบั ปริญญาตรีช้ันปที ี่ 1 คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลยั นเรศวรE-mail: [email protected]

31ชอ่ื นายพฒั นพงศ์ ไพศาลธรรมภูมิลาเนา 228/42 ต.ในเมือง อ.เมอื ง จ.พษิ ณโุ ลกประวัตกิ ารศกึ ษา - จบระดบั ชั้นมธั ยมศึกษาจากโรงเรียนพิษณโุ ลก พทิ ยาคม - ปจั จบุ ันกาลงั ศกึ ษาในระดบั ปริญญาตรชี นั้ ปีท่ี 1 คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลยั นเรศวรE-mail: [email protected]ชอื่ นางสาวพิชชานันท์ นิธิเปรมะพฒั น์ภูมิลาเนา 72 หมู่ 5 ต.มะขุนหวาน อ.สันป่าตอง จ.เชยี งใหม่ประวัตกิ ารศึกษา - จบระดบั ชน้ั มธั ยมศึกษาจากโรงเรยี นช่องฟา้ ซนิ เซิงวาณิชบารุง - ปัจจุบนั กาลังศกึ ษาในระดับปรญิ ญาตรีชน้ั ปีท่ี 1 คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลยั นเรศวรE-mail: [email protected]ช่อื นางสาวพชิ ญดา ทนงอาจภูมลิ าเนา 407/8 หมู่ 2 ต.เมือง อ.เมือง จ.เลยประวตั กิ ารศกึ ษา - จบระดบั ชั้นมธั ยมศึกษาจากโรงเรียนมหาไถ่ ศกึ ษา เลย - ปัจจุบนั กาลงั ศกึ ษาในระดบั ปริญญาตรชี ้ันปีที่ 1 คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยนเรศวรE-mail: [email protected]

32ชือ่ นางสาวพิชญาภา ศรเี งนิภมู ิลาเนา 51/3 หมู่ 4 ต.ธานี อ.เมอื ง จ.สโุ ขทัยประวัตกิ ารศึกษา - จบระดับชนั้ มัธยมศึกษาจากโรงเรยี นอุดมดรุณี - ปัจจบุ นั กาลังศกึ ษาในระดบั ปรญิ ญาตรชี ้นั ปที ี่ 1 คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั นเรศวรE-mail: [email protected]


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook