40 ช่อื เร่อื ง : ผลการใช้ชุดฝึกทกั ษะปฏิบัตเิ คร่ืองสายสากล โดยใช้บทเพลงลกู ทุ่ง สำหรบั นักเรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 โรงเรียนแม่จนั วทิ ยาคม ผวู้ ิจัย : นายสมศกั ด์ิ ชา่ งศิลป์ กล่มุ สาระการเรียนรู้ : ศิลปะ ปที ่ีทำวิจยั : พ.ศ.2563 บทคดั ย่อ การศกึ ษาครง้ั น้ี มีวตั ถปุ ระสงค์เพ่อื 1) หาประสทิ ธิภาพชุดฝกึ ทกั ษะปฏิบตั ิเคร่อื งสายสากล โดยใช้บทเพลงลูกทุ่ง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 2) ศึกษาความพอใจของนักเรียนที่มีต่อ การใช้ชุดฝึกทกั ษะปฏิบัติเคร่ืองสายสากล โดยใช้บทเพลงลูกทุง่ สำหรับนักเรยี นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/8 โรงเรียนแม่จันวิทยาคม เครอ่ื งมือทีใ่ ช้ในการศึกษาประกอบด้วย 1) ชุดฝกึ ทกั ษะปฏิบตั ิเครอ่ื งสายสากล โดยใช้บทเพลงลูกทุ่ง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 2) แบบสอบถามความพึงพอใจของผู้เรียน สถิติที่ใช้ในการ วิเคราะหข์ ้อมลู คอื ค่าเฉล่ยี คา่ ส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐาน ผู้ศึกษาไดศ้ กึ ษาหลกั สูตรการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 และเก็บรวบรวมทฤษฎี และองค์ความรู้เร่ืองเครือ่ งสายสากล ดำเนินการสร้างและพฒั นาชุดฝึกทักษะปฏิบัติเคร่ืองสายสากล โดยใชบ้ ทเพลงลูกท่งุ สำหรบั นกั เรียนชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 4 ประเมนิ ผลในระหว่างเรยี นและหลังการใช้ ชุดฝึกคำนวณหาประสิทธิภาพของชุดฝึก ทำการทดสอบก่อนใช้ และหลังการใช้ นำผลมาวิเคราะห์ ขอ้ มูลทางสถติ ิ ผลการศึกษาพบว่า 1. ชุดฝึกทกั ษะปฏิบตั เิ คร่ืองสายสากล โดยใชบ้ ทเพลงลกู ท่งุ สำหรบั นักเรยี นชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 มปี ระสิทธภิ าพสูงกว่าเกณฑท์ ่ตี ั้งไว้ คือ E1 /E2 = 83.17/83.42 2. นกั เรยี นมคี วามพึงพอใจชุดฝกึ ทักษะปฏิบตั เิ ครื่องสายสากล โดยใชบ้ ทเพลงลกู ท่งุ สำหรบั นกั เรียนชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 ในระดบั มากท่ีสุด รวมบทคดั ยอ่ งานวิจยั ในช้ันเรยี น ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศึกษา 2563ของครูและบุคลากรทางการศกึ ษาทุกกล่มุ สาระการเรียนรู้
41 ช่ือเรื่อง : ศึกษาพฤติกรรมของนักเรียนชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 4/9 โรงเรยี นแมจ่ นั วิทยาคม ในเร่อื งการไมส่ ง่ งาน ผวู้ จิ ัย : นางสกุ ันยา อินทิม กลุ่มสาระการเรียนรู้ : ศิลปะ ปีที่ทำวิจยั : พ.ศ.2563 บทคัดยอ่ การวจิ ัยคร้ังนม้ี ีวตั ถปุ ระสงค์เพือ่ ศกึ ษาพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระดบั ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 4/9 โรงเรียนแม่จันวิทยาคมผู้วิจัยได้จัดทำแบบสอบถามเพื่อศึกษาหาสาเหตุของการไม่ส่งงาน ของ นักเรียนจำนวน 15 ข้อ โดยให้นักเรยี นเรียงลำดบั สาเหตุของการไม่สง่ งาน ตามลำดบั ที่มากที่สุดจนถึง น้อยที่สุด จากลำดับที่ 1-15 และได้ทำการนำผลของแต่ละสาเหตุมาหาค่าร้อยละแล้วนำข้อมูลมา วิเคราะห์และหาข้อสรุปพร้อมทั้งนำเสนอในรูปแบบของตารางประกอบคำบรรยายเพื่อศึกษา พฤตกิ รรมของนักเรียนในเรอ่ื งการไมส่ ่งงาน ผลการวิจัยปรากฏว่า จากการศึกษาและวิเคราะห์แบบสอบถามเพื่อศึกษาพฤติกรรมของ นกั เรยี นในระดบั ช้นั มัธยมศกึ ษาปี่ที่ 4/9 โรงเรียนแม่จนั วทิ ยาคม แสดงใหเ้ ห็นวา่ สาเหตุของการไม่ส่ง งานลำดับท่ี 1 คือ งานมากเกินไปและแบบฝึกหดั ยาก โดยคิดจากจำนวนนักเรียน 23 คน ที่เลือกเป็น สาเหตุอนั ดับท่ี 1 และ 2 จำนวน 15 คน คิดเป็นร้อยละ 65.22 รวมบทคดั ย่องานวจิ ยั ในช้ันเรียน ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2563ของครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษาทกุ กลุ่มสาระการเรียนรู้
42 ชอ่ื เรื่อง : การพัฒนาผลสัมฤทธิท์ างการเรียนและทักษะการทำงานกลุม่ วชิ าดนตรไี ทย (ศ 23102) โดยการจดั การเรียนรแู้ บบร่วมมอื ของนักเรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 ผู้วิจัย : นายณัฐพันธ์ อสิ ระดำรง กลุ่มสาระการเรยี นรู้ : ศิลปะ ปที ่ีทำวิจัย : พ.ศ.2563 บทคัดยอ่ การศึกษาครั้งน้ี มีจดุ ม่งุ หมายเพือ่ เปรยี บเทยี บผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนและศกึ ษาผลของทักษะ การทางานกลุ่มในการเรียนวชิ าดนตรีไทยของนักเรยี นช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 3 ปีการศกึ ษา 2563 ที่ได้รับ การสอนโดยการจดั การเรยี นรแู้ บบรว่ มมือ กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนแม่จันวิทยาคม สำนักงานเขตพื้นท่ี การศึกษามัธยมศึกษา เชียงราย จำนวน 32 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) ใชเ้ วลาในการทดลอง 16 ชัว่ โมง โดยทำการทดสอบก่อนการสอนและหลงั การสอน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา คือ แผนการสอนที่สอนโดยวิธีการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เครอื่ งมอื ทีใ่ ชใ้ นการเก็บรวบรวมข้อมลู คือ แบบทดสอบและแบบประเมนิ ทกั ษะการทำงานกลุ่มโดยการ ทดสอบค่าทแี บบกลมุ่ ไมอ่ ิสระ ( t-test for Dependent) ผลการศึกษาพบวา่ 1. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น กอ่ นเรยี นและหลงั เรยี น วิชาดนตรีไทย (ศ 23102) ของนักเรียนช้ัน มัธยมศึกษาปีที่ 3 ท่ีสอนด้วยวธิ ีสอนแบบรว่ มมอื แตกตา่ งกนั อย่างมีนัยสำคญั ทางสถิตทิ ีร่ ะดับ 0.01 โดยคะแนนสอบหลงั เรยี นสงู กว่าคะแนนสอบกอ่ นเรยี น 2. ทกั ษะการทำงานกลุ่มของ นักเรียน ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 ที่สอนดว้ ยวธิ ีสอนแบบร่วมมือ มที กั ษะ การทำงานกลมุ่ อยู่ในระดับมาก รวมบทคัดยอ่ งานวิจยั ในช้นั เรียน ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2563ของครูและบุคลากรทางการศกึ ษาทุกกล่มุ สาระการเรียนรู้
43 ชื่อเร่อื ง : การพฒั นาทกั ษะในการวาดรปู โดยการทำซ้ำเพอื่ สรา้ งสมาธิและเสริมความอดทน รายวิชา ศ 21102 นักเรยี นระดบั ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 1 โรงเรียนแมจ่ ันวทิ ยาคม ผู้วจิ ยั : นางสาวทิพยม์ ณี ทองกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้ : ศิลปะ ปีที่ทำวจิ ยั : พ.ศ.2563 บทคัดยอ่ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ให้นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนแม่จัน วทิ ยาคม จังหวัดเชยี งราย รายวิชา ศ 21102 มพี ัฒนาทกั ษะในการวาดรูปโดยการทำซำ้ เพือ่ ให้เกดิ สมาธิ และเสริมความอดทน ซ่งึ การมสี มาธิจะนาํ มาสู่การเรียนรทู้ ดี่ ีข้นึ กล่มุ ตวั อย่างที่ใช้คือ นกั เรียนระดบั ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 1ห้อง 4 จำนวน 15 คน โรงเรียนแม่จัน วทิ ยาคมจงั หวัดเชียงราย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ ให้ผู้เรียนได้ฝึกปฏิบัติและเก็บรวบรวมข้อมูลนําผลมา เปรยี บเทียบหาค่ารอ้ ยละ การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล โดย - แบบสังเกตพฤตกิ รรมการในชัน้ เรยี น - แบบประเมนิ ผลงานนักเรียน ผลการวิจัย ปรากฏว่าจากการที่ได้ทำการเรียนการสอนวิชาศิลปะ ได้สังเกตเห็นว่าเวลาให้ นกั เรยี น ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 1 ห้อง 4 จำนวน 15 คน วาดรูปตามตัวอย่าง นกั เรียนหลายคนไมม่ สี มาธิ และความอดทนจึงได้คดิ วิธีการที่จะใหน้ ักเรียนสร้างสมาธโิ ดยให้นักเรียนทำซ้ำจนเกดิ สมาธิ โดยเริ่ม จากวาดเป็นเวลา 5 นาที และเพิ่มทวีคูณโดยจำเช่นนี้ทุกครั้งก่อนการเรียนในแต่ละครั้ง ทำให้รู้ว่า นักเรียนส่วนมากสามารถวาดรูปไดส้ วยงาม จะมีเพียง 3 คน เท่านั้น ที่ยังไม่มีสมาธิและความอดทน ตามเป้า จึงได้นักเรยี นทั้ง 3 คนมาทำการวิจัยโดยลองใช้วิธีการเดิม โดยให้นักเรียนทั้งสามคนมาฝึก วาดนอกเวลาเรียนเป็นเวลา 8 ครั้ง นักเรยี นทงั้ 3 คน สามารถพฒั นาการวาดได้ดีขึ้นในระดับหน่ึงใน ระยะเวลาทกี่ าํ หนดให้ โดยสงั เกตไดจ้ ากคะแนนทใี่ หใ้ นแต่ละครง้ั ดังนั้นวิธีการดังกล่าวสามารถพัฒนานักเรียนได้ในระดับหนึ่ง และในโอกาสต่อไปจะ พฒั นาการการวาดภาพของนักเรียนทัง้ สามคนนีโ้ ดยอาจจะใช้วธิ ีการใหม่ต่อไป ดิฉันคิดว่างานวิจัยน้ีมี สว่ นช่วยให้นักเรยี นมีพฒั นาการวาดรปู ได้นอกเหนือจากเวลาเรยี นปกติได้จรงิ รวมบทคัดยอ่ งานวจิ ยั ในชัน้ เรียน ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2563ของครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษาทกุ กลุ่มสาระการเรียนรู้
44 ชื่อเรอ่ื ง : สมรรถภาพทางกายของนักเรยี นช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 1 ผู้วิจัย : นายวุฒิเดช รัญชนานนท์ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ : สุขศึกษาและพลศึกษา ปีท่ที ำวจิ ัย : พ.ศ.2563 บทคดั ยอ่ การวจิ ยั ครง้ั นี้มีวัตถปุ ระสงค์เพ่อื เพือ่ ศึกษาข้อมลู ดา้ นสมรรถภาพทางกายของนักเรียนระดับ มัธยมศึกษาชั้นปีที่ 1 ที่กำลังศึกษาอยู่ในโรงเรียนแม่จันวิทยาคม เชียงราย ปีการศึกษา 2563 กลุ่ม ตัวอย่างท่ีใช้คอื นกั เรียนชายและนักเรียนหญงิ ระดับมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 โรงเรียนแม่ จันวทิ ยาคม เชยี งราย ปีการศึกษา 2563 จำนวน 369 คน เครอ่ื งมอื ทใ่ี ช้ในการวิจัยได้แก่ข้อมูลท่วั ไป ได้แก่ 1. อายุ 2. เกณฑ์มาตรฐานการทดสอบสมรรถภาพทางกายนักเรยี น 5 รายการ 2.1 ยนื กระโดดไกล 2.2 วง่ิ กลบั ตวั ระยะ 10 เมตร 2.3 ลกุ -นั่ง 30 วินาที 2.4 ความออ่ นตวั 2.5 ว่งิ เรว็ 50 เมตร 3. ผลจากการทดสอบสมรรถภาพทางกาย 5 ด้าน อปุ กรณ์ท่ีใชใ้ นการวจิ ยั 1. ใบบนั ทึกผลการทดสอบสมรรถภาพทางกาย 2. แผน่ ยางยืนกระโดดไกล 3. ไมว้ ิ่งเก็บของขนาด 5x5x10 เซนติเมตร จำนวน 2 ท่อน 4. เบาะรองสำหรบั ทดสอบลกุ -นั่ง 5. เครือ่ งวัดความออ่ นตวั 6. ลู่ว่งิ ทางเรียบระยะทาง 50 เมตร 7. นาฬกิ าจับเวลา 8. โปรแกรมวิเคราะหผ์ ลข้อมลู การเจรญิ เติบโตและการทดสอบสมรรถภาพทางกาย 5 ดา้ น การเก็บรวบรวมขอ้ มลู โดยการ 1. กำหนดรายละเอียดขั้นตอน และวันเวลาท่ีจะดำเนนิ การเก็บขอ้ มูลผเู้ รียน 2. จดั เตรยี มความพร้อมของอปุ กรณ์ตา่ งๆ ทใี่ ช้ในการทดสอบสมรรถภาพทางกาย รวมบทคัดยอ่ งานวิจยั ในชน้ั เรียน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563ของครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษาทุกกล่มุ สาระการเรยี นรู้
45 3. ดำเนินการทดสอบสมรรถภาพทางกายและบนั ทกึ ขอ้ มูลของผ้ทู ดสอบ การวิเคราะห์ข้อมูล ได้ใช้เครื่องมือวเิ คราะห์ผลการเจริญเตบิ โตและสมรรถภาพทางกาย 5 ด้าน โดย สร้างขึ้นจากโปรแกรม Microsoft Excel 2003 ใช้เกณฑ์อ้างอิง มาตรฐานสมรรถภาพทางกายของ กรมพลศกึ ษากระทรวงศกึ ษาธิการเป็นฐานข้อมูล และประเมนิ ผลผเู้ รยี นตามเกณฑ์ 5 ระดับ ดังนี้ 1. เกณฑด์ ีมาก 2. เกณฑด์ ี 3. เกณฑป์ านกลาง 4. เกณฑต์ ำ่ 5. เกณฑ์ตำ่ มาก สรปุ ผลการวิจยั จากผลการวิเคราะห์ข้อมูลสมรรถภาพทางกายนักเรียนชายและนักเรียนหญิง ระดับ มธั ยมศึกษาช้นั ปีที่ 1 ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2563 โรงเรียนแมจ่ ันวิทยาคม สามารถสรปุ ได้ว่า มีนกั เรียนอยูใ่ นเกณฑด์ มี าก จำนวน 45 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 12.20 มีนักเรียนอยู่ในเกณฑด์ ี จำนวน 125 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 33.88 มนี ักเรียนอยใู่ นกณฑป์ านกลาง จำนวน 148 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 40.11 มีนกั เรยี นอยู่ในเกณฑต์ ่ำ จำนวน 45 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 12.20 มีนกั เรียนอยใู่ นเกณฑต์ ่ำมาก จำนวน 4 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 1.08 มีนกั เรียนไม่สามารถทดสอบสมรรถภาพไดจ้ ำนวน 2 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 0.54 รวม 369 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 100.00 รวมบทคดั ยอ่ งานวิจัยในช้นั เรียน ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2563ของครูและบคุ ลากรทางการศึกษาทกุ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้
46 ชือ่ เรื่อง : การกำหนดราคาในระบบเศรษฐกิจ รายวชิ า สงั คมศึกษา รหัสวิชา ส 32102 โดยการใช้กลวธิ ี ถามคือสอน ของนกั เรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5/10 โรงเรียนแมจ่ นั วทิ ยาคม ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 ผวู้ จิ ัย : นางสาวฉวีวรรณ คำปัน กลุ่มสาระการเรียนรู้ : สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ปีทท่ี ำวจิ ัย : พ.ศ.2563 บทคดั ยอ่ การศึกษาวจิ ยั ครงั้ นม้ี วี ัตถุประสงคก์ ลวธิ ีการจดั การเรียนการสอนแบบถามคือสอน เรอื่ ง การ กำหนดราคาในระบบเศรษฐกิจในรายวิชาสังคมศึกษา ผู้วิจัยได้จัดทำ แบบทดสอบ ชนิด ปรนัย จำนวน 20 ข้อแบบสงั เกตพฤตกิ รรมการตอบคำถาม แบบประเมนิ ผลงานนักเรยี นและไดท้ ำการนำผล ของเครื่องมือการเก็บข้อมูล มาหาค่า ร้อยละ แล้วนำข้อมูลมาวิเคราะห์และหาข้อสรุปพร้อมทั้ง นำเสนอในรูปของตารางประกอบคำบรรยาย เพื่อศึกษาพฤติกรรมชองนักเรียนในเรื่องการกำหนด ราคาในระบบเศรษฐกจิ ผลการศึกษาปรากฏว่า จากการศกึ ษาและวเิ คราะหก์ ลวธิ ีการจดั การเรยี นการ สอนแบบถามคือสอน เร่ือง การกำหนดราคาในระบบเศรษฐกจิ ในรายวิชาสังคมศกึ ษา แสดงใหเ้ ห็นว่า นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/10 ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้ทักษะการคิด ถามคือสอนทำให้ผล งานของนักเรียนตามระดบั คณุ ภาพดมี ากร้อยละ 40.00 ในระดบั ดี รอ้ ยละ 33.33 ระดบั พอใช้ร้อยละ 10.00 และระดับปรับปรุงรอ้ ยละ 16.66 รวมบทคัดย่องานวจิ ัยในชัน้ เรยี น ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2563ของครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษาทกุ กลุม่ สาระการเรยี นรู้
47 ชือ่ เรื่อง : การใช้โจทย์ คํานวณดุลการชำระเงนิ ระหวา่ งประเทศ เพือ่ สรา้ งความเข้าใจเกีย่ วกับการค้า ระหวา่ งประเทศ สาระเศรษฐศาสตร์ วชิ าสังคมศึกษา ส32102 ของนักเรียนชั้นมธั ยมศกึ ษาปี ที่ 5/4 โรงเรยี นแม่จนั วทิ ยาคม ภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2563 ผ้วู จิ ยั : นางสงิ หท์ อง ชาวคําเขต กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ : สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ปีท่ีทำวจิ ยั : พ.ศ.2563 บทคัดย่อ การวิจยั ในชั้นเรยี นครัง้ น้ี มวี ัตถปุ ระสงค์ของการวิจัย เพื่อ 1. เพือ่ ให้นักเรยี นเขา้ ใจเรอ่ื ง ดุลการชำระเงินระหว่างประเทศได้มากยิ่งขึ้น 2. เพื่อให้นักเรียนสามารถคํานวณ ดุลการชำระเงิน ระหว่างประเทศได้ ประชากรที่ใช้ศึกษา นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/4 โรงเรียนแมจ่ ันวทิ ยาคม ปี การศึกษา 2563 จำนวน 23 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ครั้งนี้คือแบบฝึกทักษะการคํานวณ ดลุ การชำระเงินระหว่างประเทศทงั้ หมด 5 แบบฝึก ซงึ่ ประกอบด้วย ดลุ การคา้ ดลุ บริการ ดุลบริจาค ดุลบญั ชีทนุ เคลื่อนย้าย บัญชดี ลุ ทนุ สํารองระหวา่ งประเทศ การเก็บรวบรวมขอ้ มูล แบบบันทกึ คะแนน การแก้โจทย์ดุลบัญชีการชําระเงิน ซึ่งเก็บรวบรวมข้อมูลระหว่าง วันที่ 8 – 12 มีนาคม 2564 การ วิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้สถิติ ร้อยละ ของนักเรียนทั้ง 23 คนที่สามารถคํานวณดุลการชำระเงินได้ ถูกตอ้ ง จำนวน 18 คน คดิ เป็น รอ้ ยละ 78.26 ผลการวิจัยพบว่า นกั เรียนร้อยละ 80 สามารถอธบิ ายเก่ียวกับดุลบญั ชีการชําระเงินระหว่าง ประเทศประกอบด้วยดุลบัญชี ต่างๆ ได้จากการฝึกคํานวณตามโจทย์ที่กําหนดให้ และมีนักเรียน จำนวน 5 คน ต้องปรับโจทย์การคํานวณดุลการชำระเงิน ให้ง่ายขึ้นกว่านักเรียนอื่น จึงจะสามารถ คํานวณดุลการชำระเงินและอธิบาย องค์ประกอบของดลุ การชำระเงนิ ได้ รวมบทคดั ย่องานวจิ ยั ในช้นั เรยี น ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2563ของครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษาทกุ กลุ่มสาระการเรียนรู้
48 ชื่อเรอื่ ง : การศกึ ษาผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นโดยการใช้สือ่ วดี ีทศั น์ประกอบการสอนกลุม่ สาระการเรียนรู้ สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม เรือ่ งพทุ ธประวัติหน้ารขู้ องนกั เรียนช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 2 โรงเรียนแม่จนั วิทยาคม สงั กัดสำนักงานเขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษามัธยมศกึ ษาเชยี งราย ผวู้ จิ ยั : นางสาวนฤมล สารขตั ิ กลุ่มสาระการเรียนรู้ : สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ปที ที่ ำวจิ ยั : พ.ศ.2563 บทคดั ย่อ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ แบบเน้นสื่อวดี ีทัศน์ประกอบการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เรื่อง พุทธประวัติหน้ารู้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยการจัด กิจกรรมการเรียนรแู้ บบเน้นสื่อวีดที ัศนป์ ระกอบการสอนกลุม่ สาระการเรียนรสู้ งั คมศึกษา ศาสนาและ วฒั นธรรม เรอื่ งพทุ ธประวตั หิ น้ารู้ของนกั เรยี นช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 และเพอ่ื ศกึ ษาความพึงพอใจของ นักเรียนที่มีต่อการเรียน โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบเน้นสื่อวีดีทัศน์ประกอบการสอน กลุ่ม สาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เรื่องพุทธประวัติหน้ารู้ ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี2/4 โรงเรียนแม่จันวิทยาคม เครื่องมือที่ใช้ในการดำเนินการศึกษาครั้งนี้ได้แก่ 1. แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบเน้นสื่อวีดี ทัศน์ประกอบการสอน กลมุ่ สาระการเรียนรู้สงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เร่ืองพุทธประวัตหิ นา้ รู้ ของนักเรียนชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 2 โรงเรียนแมจ่ ันวทิ ยาคม สำนักงานเขตพื้นทีก่ ารศึกษามัธยมศึกษา เชียงราย ประกอบด้วย แผนการจัดการเรียนรู้จำนวน 4 แผนการจัดการเรียนรู้ 2. แบบทดสอบวัด ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ จำนวน 30 ข้อ 3. แบบวัดความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแผนการจัด กจิ กรรมการเรียนรู้แบบเนน้ สอื่ วีดีทัศน์ประกอบการสอน กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ งั คมศึกษาศาสนาและ วัฒนธรรม เรื่องพุทธประวัติหน้ารู้ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนแม่จันวิทยาคม สำนักงานเขตพ้นื ท่กี ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษาเชียงราย เก็บขอ้ มูลโดยนาํ แบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธิ์ทางการ เรียนและแบบสอบถามความพงึ พอใจไปเกบ็ ข้อมลู ด้วยตนเอง แผนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้แบบเน้น สอื่ วีดีทศั น์ประกอบการสอน กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ ังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม เรือ่ งพุทธประวตั ิ หน้า ของนักเรียนชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 2 แบบทดสอบและแบบสอบถามไปตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตรวจสอบ ความถูกต้อง ความเหมาะสมและความสอดคล้องกับหลักสูตรและจุดประสงค์การ เรียนรู้ สำหรับข้อทดสอบได้นําไปทดลองกบั นกั เรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 2 ผู้ที่เคยเรียนสาระศาสนา ศีลธรรม จรยิ ธรรม เรอื่ งพระพทุ ธศาสนามากอ่ น จำนวน 30 คน คัดเลอื ก ขอ้ ทดสอบท่ีมีค่าความยาก งา่ ย (p) และคา่ อำนาจจําแนก (r) อยู่ในเกณฑท์ ี่ใชไ้ ด้จำนวน 30 ข้อ ค่าสัมประสิทธ์ิความเชื่อม่ันของ แบบทดสอบทัง้ ฉบบั เท่ากบั 0.92 แสดงว่าเปน็ แบบทดสอบท่ดี ี รวมบทคัดยอ่ งานวจิ ยั ในช้นั เรยี น ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2563ของครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษาทุกกลุ่มสาระการเรยี นรู้
49 ผลการศกึ ษาสรุปได้ดงั น้ี 1. แผนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้แบบเน้นส่ือวีดีทัศน์ประกอบการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้ สงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เรอ่ื งพทุ ธประวตั หิ น้ารู้ ของนักเรยี นชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 โรงเรยี น แม่จันวทิ ยาคม สำนกั งานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศกึ ษาเชยี งราย มีค่าประสิทธิผลของกระบวนการ จัดกิจกรรมการเรียนรู้และประสิทธิภาพของผลลัพธ์หลังเรียน (E1/E2) เท่ากับ 82.48/86.84 สูงกวา่ เกณฑ์ที่กำหนดไว้ (80/80) แสดงว่าแผนแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบเน้นสื่อวีดีทัศน์ ประกอบการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เรื่องพทุ ธประวัตหิ น้ารู้ มี ประสิทธิภาพ สามารถนําไปใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ส่งผลต่อการเรียนรู้ของนกั เรียนไดเ้ ป็น อยา่ งดี 2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบเน้นสือ่ วีดีทัศน์ประกอบการ สอน กลมุ่ สาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม เร่อื งพทุ ธประวัตหิ น้ารู้ ของนักเรียนชั้น มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 โรงเรียนแม่จนั วทิ ยาคมวิทยาคม สำนักงานเขตพ้ืนทีก่ ารศกึ ษามัธยมศกึ ษาเชียงราย กอ่ นเรยี นและหลงั เรียนแตกต่างกันอยา่ งมนี ยั สําคญั ทางสถิตทิ ร่ี ะดับ .05 โดยท่คี ะแนนเฉล่ยี หลังเรียน สูงกว่าคะแนนเฉล่ยี กอ่ นเรยี น 3. ความพึงพอใจของนักเรียนที่เรยี นด้วยเอกสารประกอบการเรียนโดยแผนการจัดกิจกรรม การเรียนรู้แบบเน้นสื่อวีดีทัศน์ประกอบการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและ วัฒนธรรม เรื่องพุทธประวัติหน้ารู้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนแม่จันวิทยาคม สำนักงานเขตพนื้ ทก่ี ารศึกษามธั ยมศึกษาเชยี งรายภาพรวมอยูใ่ นระดับ มาก รวมบทคัดยอ่ งานวจิ ัยในชั้นเรียน ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2563ของครูและบุคลากรทางการศกึ ษาทกุ กล่มุ สาระการเรียนรู้
50 ช่ือเรอ่ื ง : การพฒั นาทักษะการเรียนรู้ เร่ืองกรุงธนบรุ ี ของนกั เรียนระดับชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 2 ปีการศึกษา 2563 โรงเรยี นแมจ่ ันวิทยาคม โดยการเรยี นด้วยบทเรียนสำเร็จรปู ผวู้ จิ ัย : นายกฤษขจร ฟา้ เลศิ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ : สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ปีที่ทำวิจยั : พ.ศ.2563 บทคดั ยอ่ การวิจยั ครงั้ นมี้ วี ตั ถุประสงค์เพือ่ พฒั นาทักษะการเรยี นรู้ เรอ่ื งกรงุ ธนบรุ ี กลุ่มตวั อยา่ งท่ีใช้คือ นกั เรยี นระดบั ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 2 เคร่อื งมือทใ่ี ช้ในการวิจัยไดแ้ ก่ โดยการเรียนด้วยบทเรยี นสำเร็จรูป การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล โดยการ ทำแบบทดสอบ Pre-test , Post-test ผลการวจิ ัยปรากฏวา่ จากการท าแบบทดสอบของนกั เรียนในระดบั ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 2 ทั้งหมด 336 คน พบวา่ ดา้ นครผู สู้ อนมีความรูค้ วามเขา้ ใจสามารถถ่ายทอดความรูใ้ หก้ ับนกั เรยี นใน ภาษาที่เข้าใจงา่ ยอีกทงั้ ใหค้ วามดแู ลเอาใจใสน่ ักเรียนทุกคนเป็นอยา่ งดี ใชก้ รยิ าวาจาทเี่ หมาะสม นำ ความรู้ใหม่ ๆ มานำเสนออยา่ งตอ่ เนอื่ งแตก่ ารใช้สอ่ื การเรียนการสอนมนี อ้ ย ไมท่ ันสมยั และยังไม่ เหมาะสม การฝึกปฏิบัตแิ ผนท่ีท าคอ่ นข้างมากและต่อเนอื่ ง ด้านผู้เรียนมีความสนใจในการเรียนมาก มีความกระตือรือร้น มีทักษะและกระบวนการคดิ ต่อวิชาประวัติศาสตรไ์ ด้ดีและครูผูส้ อน แต่นักเรียนทบทวนเน้ือหาวชิ าน้อยมากอีกทั้งไม่ชอบถามครู และไม่ชอบค้นคว้าเพม่ิ เติม ดา้ นเนอ้ื หาวชิ ามีระดบั ความยากมากสำหรับนกั เรยี นและเนอื้ หาไม่ต่อเนือ่ ง อีกทัง้ นักเรียนยัง ขาดความรพู้ ืน้ ฐานด้านประวตั ิศาสตร์ไทย รวมบทคัดย่องานวจิ ัยในชนั้ เรียน ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2563ของครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษาทกุ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้
51 ชอ่ื เร่อื ง : เปรยี บเทยี บผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นกอ่ นและหลงั การจัดกจิ กรรมการเรยี นรใู้ นรายวชิ า หน้าทพ่ี ลเมือง ของนกั เรียนชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ก่อนและหลงั การจัดการเรยี นรู้โดยใช้ เทคนิคการสอนแบบเพอื่ นชว่ ยเพือ่ น ผู้วจิ ยั : นางสาวมลั ลกิ า คูสีวิน กลุ่มสาระการเรยี นรู้ : สังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม ปที ท่ี ำวิจัย : พ.ศ.2563 บทคัดย่อ การวจิ ยั ในครง้ั น้มี ีวตั ถปุ ระสงค์เพอื่ เปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนก่อนและหลังการจัด กิจกรรมการเรียนรู้ในรายวิชา หน้าที่พลเมือง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ก่อนและหลังการ จัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิคการสอนแบบเพ่ือนชว่ ยเพ่ือน 1. กลมุ่ ท่ีศกึ ษาเป็นนักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ 1 จำนวน 38 คนของโรงเรียนแม่จันวิทยาคม อ.แม่จัน จ.เชียงราย ประจ าภาคเรียนที่ 2 ปี การศึกษา 2563 ในการท าวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยเลือกศึกษานักเรียนที่เก่ง ปานกลาง และอ่อน เหตุผล เพราะครูผู้สอนต้องการพัฒนานักเรยี นทั้งหมดไปพร้อมๆกัน โดยแต่ละคนมีส่วนร่วมอยา่ งแทจ้ ริงใน การเรียนรดู้ ว้ ยการให้นักเรยี นไปค้นคว้าหาขอ้ มลู จากแหล่งต่างๆ และสามารถนำไปประยกุ ตใ์ ช้ในชีวิต ประจ าวันได้เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ แผนจัดการเรียนรู้และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรียนวิชาสังคมศึกษาเรื่อง ความมีวินัยในตนเอง วิธีการให้นักเรียนไปค้นคว้าหาข้อมูลจาก แหล่งตา่ งๆ โดยเน้นเทคนคิ การสอนแบบเพื่อนช่วยเพ่อื น สนทนา คิดและวิเคราะห์ พูดคยุ กบั นักเรียน ควา้ หาความรู้เพิ่มเตมิ จากแหล่งต่างๆนอกห้องเรยี นผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเร่ือง ความมีวินยั ในตนเองของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่จัดการเรยี นรู้โดยใช้เทคนคิ เพื่อนชว่ ยเพือ่ น ก่อนเรียนและหลังเรยี น พบว่ามีผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคญั ทางสถิติที่ระดับ .05 ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว ้โดยมีคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนและหลังเรียน เท่ากบั 3.8936 และคะแนนค่าเบยี่ งเบนมาตรฐานเท่ากบั 2.03485 ท้ังน้เี นื่องจากแบบทดสอบวัดผล สัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นมานั้นได้ผ่านการตรวจสอบความสอดคล้องของข้อสอบกับ จดุ ประสงค์การเรียนรูโ้ ดยผู้ทมี่ ีประสบการณแ์ ลว้ จงึ สามารถนำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนไปใชจ้ รงิ ในการทดสอบกอ่ นเรยี นและหลงั เรยี นได้ รวมบทคัดยอ่ งานวิจยั ในชนั้ เรยี น ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2563ของครูและบคุ ลากรทางการศึกษาทุกกลุม่ สาระการเรียนรู้
52 ชอื่ เร่ือง : การพัฒนาการจัดการเรยี นรโู้ ดยใช้การเรยี นรแู้ บบร่วมมือกนั เทคนคิ กลุ่มผลสมั ฤทธิ์ (STAD) เปรยี บเทียบกบั วิธีการสอนแบบปกติวิชาสังคมพ้ืนฐาน(ส ๓๓๑๐๒) เรอื่ ง วัฒนธรรม ระดับชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ ๖ ผู้วิจยั : นายนําชยั หอมแก่นจนั กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ : สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ปีที่ทำวจิ ัย : พ.ศ.๒๕๖๓ บทคดั ยอ่ การวิจัยในคร้ังนี้มีวัตถุประสงคเ์ พื่อเปรียบเทยี บผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนท่เี รยี น ดว้ ยวธิ ีการเรยี นรู้แบบร่วมมือกันเรียนรู้เทคนิค STAD กบั วธิ สี อนแบบปกติ และเปรยี บเทียบ พฤติกรรม การทำงานกลุ่มของนักเรียนที่สอนด้วยวิธีการเรียนรู้แบบร่วมมือกันเรียนรู้เทคนิค STAD กับวิธีสอน แบบปกติ ประชากรในการวจิ ยั ครัง้ นี้ คอื นักเรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๖ โรงเรียนแม่จนั วิทยาคม อำเภอ แม่จนั จังหวดั เชียงรายสำนักงานเขตพืน้ ทก่ี ารศึกษามธั ยมศกึ ษาเชียงราย ทีก่ าํ ลงั เรยี นในภาคเรียน ๒ ปี การศึกษา ๒๕๖๓ จำนวน ๒ ห้องเรียน รวมทั้งสิ้น ๖๒ คน โดยใช้การสุ่มแบบเจาะจง (Purposive sampling) เน่อื งจากโรงเรียนแมจ่ ันวทิ ยาคม เป็นโรงเรยี นมธั ยมศึกษาขนาดใหญ่ จำนวนนักเรยี นท้งั ส้ิน ๒,๐๑๑ และมกี ารจดั การเรียนการสอนระดับชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๖ จำนวน ๑๐ หอ้ งเรยี น โดยผู้วิจัยได้ ทำการวจิ ัยจำนวน ๒ ห้องเรยี น คือ ม.๖/๑ และ ม.๖/๒ เคร่ืองมือที่ใชใ้ นการศึกษา คือ แผนการจัดการ เรียนรู้ของกลุ่มทดลอง โดยใช้วิธีสอนแบบร่วมมือกันเรียนรู้ เทคนิค (STAD) จำนวน ๕ แผน รวม ๑๒ ชว่ั โมง แผนการจัดการเรียนรู้ของกลมุ่ ควบคมุ โดยใชว้ ิธสี อนแบบปกติ จำนวน ๕ แผนรวม ๑๒ ชั่วโมง แบบทดสอบผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน ก่อน-หลงั เรยี น เป็นแบบทดสอบปรนัย ชนดิ ๔ ตวั เลือก จำนวน ๕๐ ข้อ และแบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม เป็นแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า ( Rating Scale ) มี ๕ ระดบั การวเิ คราะหข์ อ้ มลู ใช้ t-test Independent คา่ เฉลี่ย และส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐาน และการวเิ คราะหเ์ นอ้ื หา ผลการวิจัยพบว่า ๑. ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียนของนักเรียนทีเ่ รียนดว้ ยวิธกี ารเรยี นรู้แบบรว่ มมือกันเรียนรู้ เทคนิค STAD กับวิธีสอนแบบปกติ แตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .o๕ โดยนักเรียนที่เรียนรู้แบบ รว่ มมอื กันเรยี นร้เู ทคนคิ STAD มีผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนสูงกวา่ วิธีสอนแบบปกติ ๒. พฤติกรรมการทำงานกลุ่มของนักเรียนที่สอนด้วยวิธีการเรียนรู้แบบร่วมมือกันเรียนรู้ เทคนิค STAD กบั วิธีสอนแบบปกติ แตกตา่ งกันอยา่ งมนี ัยสําคญั ทางสถิติท่ีระดับ .o๕ โดยนักเรียนท่ีเรียนรู้แบบ ร่วมมอื กนั เรยี นรู้ เทคนิค STAD มีพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่มท่เี หมาะสมกวา่ วิธสี อนแบบปกติ รวมบทคดั ย่องานวจิ ยั ในช้นั เรยี น ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2563ของครูและบุคลากรทางการศึกษาทกุ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้
53 ชื่อเรือ่ ง : การสง่ เสริมเจตคติในการสง่ งานของนกั เรยี นระดบั ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 3/3 ผูว้ ิจัย : นายธวชั ชัย ยะถา กลมุ่ สาระการเรียนรู้ : สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม ปีที่ทำวจิ ัย : พ.ศ.2563 บทคดั ย่อ การวจิ ยั ครัง้ นมี้ จี ุดประสงค์ เพ่ือส่งเสรมิ เจตคติในการส่งงานของนักเรียนระดับชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 3/3 กลุม่ ตวั อยา่ งทีใ่ ช้ในการวจิ ยั เปน็ นักเรียนระดับช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 3/3 ทเ่ี รยี น ในรายวิชาประวัติศาสตรภ์ าคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2563 ของโรงเรยี นแมจ่ นั วทิ ยาคม จำนวน 34 คน เครอ่ื งมอื ที่ใชใ้ นการวจิ ยั การส่งเสริมเจตคติโดยการใช้ค าพูด ในการเสรมิ แรง การสง่ เสริมเจต คติในการใช้การใหร้ ะดับผลคะแนนการส่งงาน ระดบั ผลคะแนนการสง่ งานวเิ คราะห์ขอ้ มลู โดยใช้ ค่าเฉลยี่ รอ้ ยละ ผลการวจิ ยั สรุป ค่าเฉลย่ี ของการส่งงาน ในวิชาประวัตศิ าสตรห์ ลงั การส่งเสรมิ เจตคติ พบวา่ การสง่ งานสูงขน้ึ กวา่ ก่อนไดร้ ับการส่งเสรมิ เจตคตจิ าก 64.71 เป็นรอ้ ยละ 79.41 ซ่งึ หมายถึง นักเรยี นในระดบั ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 3/3 ควรได้รบั การสง่ เสริมเจตคตจิ ากครูผู้สอน เพอื่ ช่วยให้ นกั เรยี นมีความรับผดิ ชอบในการสง่ งานสงู ข้นึ รวมบทคดั ยอ่ งานวิจยั ในชัน้ เรยี น ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2563ของครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษาทกุ กลมุ่ สาระการเรียนรู้
54 ชอ่ื เรอ่ื ง : การพฒั นาการจดั การเรียนร้โู ดยใช้การเรียนรู้แบบร่วมมอื โดยใช้เทคนคิ Teams-Games- Tournaments (TGT) เปรยี บเทยี บวธิ กี ารสอนแบบปกติ เรอื่ งประวตั ศิ าสตร์สมยั ใหม่ วชิ าประวตั ิศาสตร์ (ส33104) ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6 ผู้วิจัย : นางสาวศุทธน์ ัชชา สารนันต์ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ : สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ปีท่ที ำวจิ ยั : พ.ศ.2563 บทคัดยอ่ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียน ด้วยวิธีการเรียนรู้แบบร่วมมือ โดยใช้เทคนิค Teams-Games-Tournaments (TGT) กับวิธีสอนแบบ ปกติ และเปรยี บเทยี บ พฤติกรรมการทำงานกลุม่ ของนักเรียนที่สอนดว้ ยวิธกี ารเรียนรู้แบบรว่ มมือ โดย ใชเ้ ทคนิค Teams-Games-Tournaments (TGT) กับวธิ สี อนแบบปกติ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ห้องม.6/1 จำนวน 30 คน และ ม.6/2 จำนวน 32 รวม 62 คน ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2563 โรงเรียนแมจ่ นั วทิ ยาคม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ของกลุ่มทดลอง โดยใช้วิธีสอนแบบ ร่วมมือกันเรียนรู้ โดยใช้เทคนิค Teams-Games-Tournaments (TGT) จำนวน 5 แผน รวม 7 ชว่ั โมง แผนการจดั การเรียนรู้ของกลุม่ ควบคมุ โดย ใชว้ ธิ สี อนแบบปกติ จำนวน 5 แผนรวม 7 ชั่วโมง แบบทดสอบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน ก่อน-หลงั เรียน เปน็ แบบทดสอบปรนยั ชนดิ 5 ตัวเลอื ก จำนวน 40 ข้อ และแบบสังเกตพฤติกรรมการทำงาน กลุ่ม เป็น แบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า ( Rating Scale ) 4 ระดบั การเก็บรวบรวมข้อมูล โดยการ 1. ทดสอบกอ่ นเรยี นกับกลุ่มทดลองและกลมุ่ ควบคมุ โดยใช้แบบทดสอบผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน กอ่ นเรยี น เรอ่ื งประวัตศิ าสตร์สมยั ใหม่ จำนวน 40 ข้อ เวลา 40 นาที 2. ดำเนนิ การสอนตามแผนการจดั การเรยี นรู้กบั นกั เรยี นช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 6 โดยใชแ้ ผนการ จัดการเรยี นรู้ แบบร่วมมือกนั เรยี นรู้ เทคนคิ Teams-Games-Tournaments (TGT) จำนวน 5 แผน เป็นเวลา 7 ช่ัวโมง และ ใช้แผนการจัดการเรียนรู้แบบปกติ จำนวน 5 แผน เป็นเวลา 7 ชวั่ โมง แบบค่ขู นานสองห้องแตกต่างกันโดยผ้วู ิจัยเปน็ ผู้สอนเอง 3. ครูสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม ทงั้ กลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม 4. ทดสอบหลังเรียนกับกลมุ่ ทดลองและกล่มุ ควบคมุ โดยใช้แบบทดสอบผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี น หลังเรยี น เรื่องประวัติสาสตร์สมัยใหม่ จำนวน 40 ขอ้ เวลา 40 นาที วเิ คราะห์ข้อมูลโดยใช้สถติ ิ ใช้ t-test Independent ค่าเฉล่ีย (X) และสว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐาน (S.D.) และการวเิ คราะห์เน้ือหา รวมบทคัดย่องานวจิ ยั ในช้นั เรยี น ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563ของครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษาทกุ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้
55 ผลการวิจยั ปรากฏวา่ 1. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรยี นท่ีเรียนดว้ ยวิธีการเรยี นรแู้ บบรว่ มมอื โดยใชเ้ ทคนคิ Teams-Games-Tournaments (TGT) กบั วธิ สี อนแบบปกติ แตกตา่ งกันอย่างมนี ัยสาํ คัญทางสถิติ ที่ระดับ .05 โดยนักเรียนที่ เรียนรู้แบบร่วมมือกันเรียนรู้โดยใช้เทคนิค Teams-Games- Tournaments (TGT) มีผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนสงู กวา่ วธิ สี อนแบบปกติ 2. พฤติกรรมการทำงานกลมุ่ ของนกั เรยี นท่สี อนด้วยวธิ กี ารเรยี นรู้แบบร่วมมือ โดยใชเ้ ทคนิค Teams- Games-Tournaments (TGT) กบั วธิ ีสอนแบบปกติ แตกต่างกันอยา่ งมีนัยสําคญั ทางสถติ ทิ ่ีระดบั .05 โดยนักเรียนท่ี เรียนรู้แบบร่วมมือกนั เรียนรโู้ ดยใช้เทคนคิ Teams-Games-Tournaments (TGT) มีพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่มท่เี หมาะสมกวา่ วิธสี อนแบบปกติ รวมบทคัดยอ่ งานวิจัยในชัน้ เรียน ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2563ของครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้
56 ชื่อเรอ่ื ง : การพฒั นาผลสัมฤทธิท์ างการเรยี น โดยการสอนแบบรว่ มมือดว้ ยเทคนิค STAD ผู้วิจยั : นางอัญชลี ขาเลศักด์ิ กล่มุ สาระการเรียนรู้ : สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ปที ่ที ำวจิ ัย : พ.ศ.2563 บทคัดยอ่ การวิจัยครั้งนี้มวี ัตถปุ ระสงค์เพื่อ ต้องการยกระดบั ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนใน ระดับชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 3 กลมุ่ ตวั อยา่ งทใี่ ชค้ ือ นกั เรียนชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 เครื่องมือที่ใช้ในการวจิ ัยได้แก่ 1. คะแนนที (T-score) 2. แผนการจัดการเรียนรู้วิชา สังคม ศึกษาโดยการเรียนรู้แบบร่วมมือ ด้วยเทคนิค STAD ภาคเรียนท่ี 2/2563 3. แบบทดสอบผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรยี นวิชา สังคมศกึ ษา การเกบ็ รวบรวมข้อมลู โดยการ.เกบ็ จากแหลง่ ปฐมภูมิ (การสังเกต การทดสอบ การนําเสนอ รายงานการทำแบบทดสอบ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถติ ิ(ถ้ามี) 1. หาคา่ เฉลี่ยของคะแนนแบบทดสอบก่อนและหลงั เรียน 2. หาค่าเฉล่ียของแบบสอบถามความพึงพอใจในการเรียนวิชาสังคมศกึ ษา ผลการวจิ ัยปรากฏว่า 1. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาสังคมศึกษา หลังเรียนของนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบ ร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD เพิ่มสงู ขึ้น 2. ความพึงพอใจในการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ที่จัดการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD อยู่ใน ระดบั พึงพอใจมาก รวมบทคัดยอ่ งานวิจยั ในชนั้ เรยี น ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2563ของครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษาทุกกลุม่ สาระการเรียนรู้
57 ชอ่ื เร่ือง : สง่ เสรมิ การมีสมาธิเพ่ือประเทอื งปญั ญาโดยมุ่งเนน้ กิจกรรมทีต่ ้องใช้สมาธิกบั นกั เรยี น ระดบั ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2/3 โรงเรยี นแมจ่ นั วิทยาคม ผูว้ ิจยั : นางทพิ วรรณ บญุ หวาน กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ : สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ปที ี่ทำวิจยั : พ.ศ.2563 บทคัดยอ่ การวิจยั ครงั้ นม้ี วี ัตถุประสงค์เพอื่ ปรับพ้ืนฐานและสร้างสมาธิในชนั้ เรยี น กลุม่ ตวั อย่างท่ีใช้คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/3 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ ใบบันทึกพฤติกรรมจากการทำ กจิ กรรม การสัมภาษณ์ การเก็บรวบรวมขอ้ มลู โดยการ สัมภาษณ์ บันทึกพฤติกรรม ผลการวิจัยปรากฏว่า จากการดำเนินงานตั้งแต่ วันที่ 16 พฤศจิกายน 2563–25 กุมภาพนั ธ์ 2564 เรื่องส่งเสริมการมีสมาธิเพื่อประเทืองปัญญาโดยมุ่งเน้นกิจกรรมที่ต้องใช้สมาธิกับนักเรียน ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 / 3 ผวู้ ิจยั สรุปรายงานผลการดำเนินงาน ดงั นี้ 1. นกั เรียนเป็นผู้ฟงั มากข้ึน 2. นักเรยี นใชส้ มาธิในการจดจ ามากขนึ้ 3. มีอุปสรรคในการด าเนินงานบ้าง เพราะมีกิจกรรมจากงานโรงเรยี นมาแทรกในบางคร้งั รวมบทคัดยอ่ งานวิจัยในชน้ั เรยี น ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2563ของครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษาทกุ กลุม่ สาระการเรยี นรู้
58 ช่อื เรื่อง : การพัฒนาผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนของนกั เรยี นโดยใชแ้ บบฝึกทกั ษะ เรอ่ื ง วันสำคญั ทาง พระพทุ ธศาสนา รายวิชาสงั คมศึกษา รหัสวิชา ส 31102 ระดับชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 ผูว้ จิ ยั : นางทัศนีย์ ปรุ ณะพรรค์ กล่มุ สาระการเรียนรู้ : สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ปีทท่ี ำวจิ ยั : พ.ศ.2563 บทคัดยอ่ การวจิ ยั คร้งั นี้มีวัตถุประสงค์เพ่อื เพอ่ื เปรยี บเทยี บผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี นก่อนเรียนและหลัง เรยี น โดยใชแ้ บบฝกึ ทกั ษะ เรือ่ ง วนั สำคัญ ทางพระพุทธศาสนา กลมุ่ สาระการเรียนรสู้ งั คม ศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม ระดับช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 และเพอ่ื พฒั นาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เร่ือง วันสำคญั ทางพระพุทธศาสนา โดยใช้แบบฝึกทักษะ กลุ่มสาระการเรียนรูส้ งั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม ระดับชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 4 กล่มุ ตวั อยา่ งทใี่ ช้คือ นักเรียนระดบั ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 4 โรงเรียนแม่จันวทิ ยาคม สำนกั งานเขตพืน้ ทกี่ ารศึกษามธั ยมศกึ ษาเชยี งราย เขต 36 ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 40 คน เคร่ืองมือที่ใช้ในการวิจัยไดแ้ ก่ 1. แบบฝึกทักษะ เรอื่ ง วันสำคัญทางพระพทุ ธศาสนา กลมุ่ สาระการเรียนร้สู งั คมศึกษา ศาสนาและ วฒั นธรรม ระดับชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 2. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี น เรอื่ ง วนั สำคญั ทางพระพทุ ธศาสนา กล่มุ สาระการเรยี นรู้ สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ระดับชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 จำนวน 15 ขอ้ การเกบ็ รวบรวมข้อมูล โดยการ 1. ผ้วู ิจัย นำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์กิ ่อนเรยี น เร่ือง วนั สำคญั ทางพระพทุ ธศาสนา จำนวน 15 ข้อ ใหน้ กั เรียนกลุ่มตวั อยา่ ง ทำแบบทดสอบ และยังไม่แจ้งผลการตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรยี น 2. ผ้วู จิ ัย นำแบบฝกึ ทักษะ เร่อื ง วนั สำคญั ทางพระพุทธศาสนา ไปใช้กับนกั เรียนกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 40 คน 3. ผู้วจิ ัย นำแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธิ์หลงั เรยี น เร่อื ง วันสำคัญทางพระพทุ ธศาสนา จำนวน 15 ข้อ ใหน้ ักเรียนกลุม่ ตวั อยา่ งทำแบบทดสอบ และแจง้ ผลการตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรียนให้ นกั เรียนทราบเป็นรายบคุ คล วิเคราะหข์ ้อมลู โดยใชส้ ถติ ิ ร้อยละ (Percentage) ผลการวจิ ัยปรากฏว่า เม่ือพิจารณารายคน พบวา่ ทุกคนมผี ลสัมฤทธิท์ างการเรยี นเพิม่ ขึน้ ไม่น้อยกวา่ รอ้ ยละ 20 ตามเกณฑ์คุณภาพความสำเรจ็ ทก่ี ำหนดไว้ แสดงวา่ แบบฝกึ ทักษะ เรื่อง วนั สำคัญทาง พระพุทธศาสนา สง่ เสริมใหน้ ักเรยี นมีผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นสงู ข้นึ ซ่ึงเปน็ ไปตามสมมตฐิ านท่ตี ง้ั ไว้ รวมบทคดั ย่องานวิจยั ในชน้ั เรยี น ภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2563ของครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษาทกุ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้
59 ชอ่ื เรื่อง : การจดั การเรียนรูแ้ บบเชิงรกุ รายวิชาอุตุนิยมวิทยาตามกรอบมาตรฐานผลการ เรียนรู้ของหลักสตู รสถานศึกษา รายวิชา อุตุนิยมวทิ ยา รหัสวิชา ว 32264 ของนักเรยี นชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรยี นแม่จนั วิทยาคม ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 ผ้วู จิ ยั : นางกานดา ชว่ งชัย กลุ่มสาระการเรยี นรู้ : วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ปีท่ีทำวิจัย : พ.ศ.2563 บทคดั ย่อ การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาทักษะการเรียนรู้เชิงรุกของ นักเรียนระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 5และเพ่ือพัฒนาแผนการจดั การเรียนรทู้ สี่ ง่ เสรมิ ทักษะการเรยี นร้เู ชิง รกุ สำหรับนกั เรียนระดบั ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4เรื่องการจดั การเรียนรู้แบบเชงิ รุกรายวิชาอุตุนิยมวิทยา ตามกรอบมาตรฐานผลการเรียนรู้ของหลักสูตรสถานศกึ ษา รายวิชา อุตนุ ยิ มวทิ ยา รหสั วิชา ว 32264 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4โรงเรียนแม่จันวิทยาคม ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 กลุ่ม ประชากรที่ใช้คือนกั เรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1-5/4 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยไดแ้ ก่แผนการ จดั การเรียนรู้ รายวิชา อตุ นุ ิยมวทิ ยา รหสั วชิ า ว 32264 วเิ คราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิตริ ้อยละ ผลการวิจยั ปรากฎวา่ การศกึ ษากระบวนการจัดการเรียนร้ทู ่ีส่งผลต่อทักษะการเรียนรู้เชิงรุก ของผู้เรียนเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดจำนวน 3 ด้าน ได้แก่ การทำงานเป็นทีม การสื่อสาร การ แก้ปัญหา และต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดจำนวน 1 ด้าน ได้แก่ ความคิดสร้างสรรค์ (ควรศึกษาเพิ่มเติม ด้านความคดิ สรา้ งสรรค์) รวมบทคดั ย่องานวจิ ัยในชั้นเรียน ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2563ของครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกกลุ่มสาระการเรยี นรู้
60 ชือ่ เรื่อง : รายงานผลการใชช้ ดุ กิจกรรมการเรยี นรเู้ ชิงรุก (Active learning) รายวชิ า ว33226 เคมี 6 เร่ือง เคมีกับการแกป้ ญั หา สำหรับนกั เรียนระดับช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 6 ผวู้ จิ ยั : นางเกศนิ ี ทองอ่ำ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ : วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปที ี่ทำวจิ ยั : พ.ศ.2563 บทคดั ยอ่ รายงานผลการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning) รายวิชา ว33226 เคมี 6 เรื่อง เคมีกับการแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนระดบั ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 6 มีวัตถุประสงค์ของการศึกษา ดังนี้ 1) เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรยี นรูเ้ ชิงรุก (Active learning) รายวิชา ว33226 เคมี 6 เรื่อง เคมีกับการแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ให้มี ประสทิ ธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพ่ือศึกษาทกั ษะการแก้ปัญหาของนักเรยี น ก่อนและหลังจากการ เรยี น ด้วยชดุ กิจกรรมการเรยี นรเู้ ชงิ รกุ (Active learning) รายวชิ า ว33226 เคมี 6 เรื่อง เคมีกับการ แก้ปัญหา สำหรับนักเรยี นระดับชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 6 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนต่อชุด กิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning) รายวิชา ว33226 เคมี 6เรื่อง เคมีกับการแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยน าไปใช้กับนักเรียนแผนการเรียนวิทยาศาสตร์ - คณติ ศาสตร์ ระดบั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 6/1 – 6/3 โรงเรียนแม่จนั วทิ ยาคม ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 97 คน โดยมีเครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning) รายวชิ า ว33226 เคมี 6 เรอ่ื ง เคมกี บั การแก้ปญั หา สำหรบั นักเรยี นระดับชั้นมัธยมศกึ ษาปี ที่ 6 แบบวัดทักษะการแก้ปญั หา จำนวน 30 ข้อ 30 คะแนน และแบบประเมินความพงึ พอใจตอ่ ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning) รายวิชา ว33226 เคมี 6เรื่อง เคมีกับการแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐาน ผลการศกึ ษาพบวา่ 1) ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรเู้ ชิงรุก (Active learning) รายวชิ า ว33226 เคมี 6เรอื่ ง เคมีกบั การ แก้ปัญหา สำหรับนักเรียนระดับชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 6 มีประสิทธิภาพ 80.25/82.40 สูงกว่าเกณฑ์ท่ี กำหนด 2) นกั เรียนมที กั ษะการแก้ปญั หาหลงั เรียนสงู กวา่ ก่อนเรียนอยา่ งมนี ัยสำคัญทางสถิติ .05 3) นักเรียนมีความพึงพอใจต่อชุดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning) รายวิชา ว33226 เคมี 6 เรื่อง เคมีกับการแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 อยู่ในระดับ มาก รวมบทคัดยอ่ งานวิจยั ในชั้นเรียน ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2563ของครแู ละบุคลากรทางการศึกษาทกุ กลุ่มสาระการเรยี นรู้
61 ชือ่ เร่ือง : การพัฒนากจิ กรรมการเรียนการสอนเพื่อเพม่ิ ศักยภาพใหแ้ ก่ผเู้ รยี น โดยเน้นผเู้ รียนเปน็ สำคัญในวชิ าวิทยาศาสตร์กบั ความงาม เรื่อง สมนุ ไพรในอาหาร ของนกั เรียนช้ันมธั ยมศึกษา ปีที่ 1/1 โรงเรยี นแม่จันวิทยาคม ผู้วจิ ยั : นางสาวชนสิ รา จิณะไชย กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ : วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปีทีท่ ำวิจัย : พ.ศ.2563 บทคดั ยอ่ การวิจยั คร้ังน้เี ป็นการวจิ ัยเชิงปรมิ าณ เพื่อพฒั นาใหผ้ เู้ รยี นมีความเขม้ แข็งทางปัญญา มกี าร เรียนรู้อยา่ งตอ่ เนื่อง และสร้างองคค์ วามรู้ใหม่ เพื่อพฒั นาศักยภาพและขีดความสามารถในการดำเนิน ชีวิตอย่างมั่นคง ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทาง การศึกษา ทง้ั ในระบบโรงเรยี น นอกระบบโรงเรียน การศึกษาตามอัธยาศยั การจัดการศกึ ษาทเี่ นน้ ผู้เรยี นเป็นสำคญั การเรียนการสอนในแนวน้ีทำใหผ้ ูเ้ รยี นเรียนรจู้ ากการแสวงหาความรดู้ ้วยตนเอง มากขนึ้ สอดคลอ้ งกบั ความสามารถของผเู้ รยี นแต่ละคน ทำใหผ้ ้เู รียนมปี ฏสิ ัมพันธ์ต่อกัน ได้ แลกเปลย่ี นขอ้ มลู ความรู้ ความคดิ และประสบการณ์ ผู้เรียนมบี ทบาทและมสี ่วนรว่ มในกระบวนการ เรียนรูค้ วบคู่ไปกับผลงาน ความรูท้ ีสรปุ ไดจ้ ากการศกึ ษาคน้ ควา้ และสามารถนำความรู้ทีไ่ ด้รบั ไปใช้ ประโยชน์ในชีวิตประจำวนั ได้ การพฒั นากิจกรรมการเรยี นการสอนเพอื่ เพิม่ ศกั ยภาพให้แกผ่ ้เู รียน โดยเน้นผูเ้ รยี นเปน็ สำคัญ ในวชิ าวทิ ยาศาสตรก์ ับความงาม เรื่อง สมนุ ไพรในอาหาร ของนักเรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1/1 โรงเรยี นแม่จันวิทยาคม การวิจัยครงั้ น้มี ีวัตถุประสงค์เพือ่ 1). ให้ผู้เรยี นมศี กั ยภาพเพ่ิมขึ้นการเรียนการ สอน ซ่งึ มปี ระสทิ ธภิ าพตามเกณฑ์ 80/80 2). เปรียบเทยี บวดั ผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนก่อนเรียนและ หลังเรยี นโดยใช้แผนการจดั การเรียนรู้ แบบเนน้ ผู้เรยี นเป็นสำคญั 3). ผูเ้ รียนทเ่ี รียนดว้ ยแผนการ จดั การเรยี นรูม้ ีความพึงพอใจอยรู่ ะดบั มาก กลมุ่ ตวั อยา่ งท่ีใช้คือ นกั เรยี นชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 1/1 โรงเรียนแม่จนั วิทยาคม จำนวน 30 คน ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศกึ ษา 2563 ซงึ่ ได้มาโดยการเลือกแบบ เจาะจง เครอ่ื งมือท่ใี ช้ในการวจิ ัยได้แก่ แผนการจดั การเรียนรู้ ทั้งหมด 1 แผน แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นและแบบประเมนิ ความพงึ พอใจ ผลการวิจัยปรากฏวา่ ประสิทธภิ าพของแผนการจดั การเรียนรู้ การพฒั นากจิ กรรมการเรยี น การสอนเพื่อเพิ่มศักยภาพให้แก่ผู้เรียน โดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญในวิชาวิทยาศาสตร์กับความงาม เร่อื งสมุนไพรในอาหาร ของนักเรยี นช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1/1 โรงเรียนแมจ่ นั วทิ ยาคม ทม่ี ีประสิทธิภาพ 81.50/82.67 ซ่ึงเปน็ ไปตามเกณฑท์ ีก่ ำหนด และมคี ะแนนผลสัมฤทธิท์ างการเรียน แตกต่างกนั อย่างมี นัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยมีคะแนนผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี น หลังเรียนสงู กวา่ ก่อนเรียน และ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่เี น้นผ้เู รยี นเปน็ สำคัญมคี วามพงึ พอใจอยู่ในระดับมาก รวมบทคัดยอ่ งานวิจัยในชั้นเรยี น ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2563ของครูและบุคลากรทางการศึกษาทกุ กลุม่ สาระการเรยี นรู้
62 ช่ือเรอื่ ง : การศึกษาผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนและความพงึ พอใจในการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์กายภาพ ของนักเรยี น ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5/7 ดว้ ยการจดั การเรียนรแู้ บบร่วมมือโดยใช้เทคนคิ STAD ผวู้ จิ ยั : นางธดิ า จนิ ะศรี กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ : วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ปที ีท่ ำวจิ ยั : พ.ศ.2563 บทคัดย่อ การวิจัยคร้ังนี้มีจุดประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวทิ ยาศาสตร์กายภาพ ของนักเรยี นชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 5/7 โรงเรยี นแมจ่ นั วิทยาคม ท่ีได้รับการจดั การเรียนรู้แบบร่วมมือโดย ใชเ้ ทคนิค STAD 2) ศกึ ษาความพึงพอใจในการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์กายภาพของนกั เรียนมัธยมศึกษาปี ท่ี 5/7 โรงเรยี นแม่จนั วทิ ยาคม ท่ี ได้รับการจัดการเรยี นรแู้ บบรว่ มมือโดยใชเ้ ทคนิค STAD จำนวน 41 คน เครื่องมือท่ีใช้ในการวิจยั คือ จัดการเรยี นรูแ้ บบร่วมมือโดยใช้เทคนคิ STAD แบบสอบถามความ พึงพอใจในการเรียนรู้วิทยาศาสตรก์ ายภาพ แบบทดสอบกอ่ นและหลังเรยี น เรือ่ ง อาหาร สถิติที่ใช้ใน การวิจัย ได้แก่ การหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสถิติทดสอบค่าที (t-test) และระดับ นัยสําคญั ทางสถติ ิ ผลการวิจัยพบว่า การทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลีย่ ท้ังสองกลุ่มของผู้เรียน ก่อนเรยี นมี คะแนนเฉลยี่ 9.61 คะแนน และคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนเทา่ กบั 16.66 คะแนนเมื่อเปรียบเทียบแล้วมี ความแตกต่างกันเท่ากับ -7.05 คะแนน ดังนั้นจากการทดสอบสถิติ t พบว่า ค่าเฉลี่ยระหว่างผูเ้ รยี น หลังเรียนสูงกว่าคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนอย่างมีนัยสําคญั ทางสถิตทิ ี่ระดับ 0.01 และความพงึ พอใจใน การเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์กายภาพที่จัดการเรียนรู้แบบรว่ มมือโดยใช้เทคนคิ STAD อย่ใู นระดับพึงพอใจ มาก รวมบทคดั ยอ่ งานวจิ ยั ในชัน้ เรยี น ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2563ของครแู ละบุคลากรทางการศึกษาทกุ กลุ่มสาระการเรียนรู้
63 ชื่อเร่อื ง : การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวชิ าชีววทิ ยา เรอื่ งการศึกษาความหลากหลายทาง ชีวภาพ โดยใชการจัดกิจกรรมการเรยี นรูแบบเชิงรุก (Active learning) ของนักเรยี น ชั้นมธั ยมศึกษาปที่ 6 โรงเรยี นแม่จนั วทิ ยาคม อำเภอแมจ่ นั จังหวดั เชยี งราย ผ้วู จิ ัย : นางสาวบณุ ณดา ยอดแกว กลุ่มสาระการเรยี นรู้ : วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปีที่ทำวิจยั : พ.ศ.2563 บทคดั ยอ่ การวจิ ยั ครง้ั นี้ มีวัตถุประสงคเพ่ือพฒั นาการจัด กิจกรรมการเรียนรูวชิ าชีววิทยาของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 โดยใชการจัดกิจกรรมการเรียนแบบเชิงรุก ที่มีประสิทธิภาพ (E1/E2) กำหนด เกณฑ 75/75 ศึกษาผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียนวชิ าชีววิทยา และศกึ ษาความพึงพอใจของนกั เรยี นที่มีตอ การจัดกิจกรรมการเรียนรู โดยใชการสอนแบบเชิงรุก เรื่องการศึกษาความหลากหลายทางชีวภาพ กลุ่มตัวอย่าง คอื นักเรยี นช้นั มธั ยมศกึ ษาปท่ี 6/2 จำนวน นักเรยี น 32 คน ภาคเรยี นท่ี 2 ปการศึกษา 2563 โรงเรียนแม่จนั วิทยาคม ได้มาโดยการสุ่มตวั อยา่ งแบบแบงกลุม (Cluster Random Sampling) เครอื่ งมือทใี่ ชในการวิจัย ประกอบด้วย 1) แผนการจดั การเรียนรู จำนวน 12 ชัว่ โมง 2) แบบทดสอบ วัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน ชนดิ เลือกตอบ 4 ตวั เลือก จำนวน 30 ขอ และ 3) แบบสอบถามความพึง พอใจ จำนวน 20 ขอ สถิติที่ ใชในการวเิ คราะห์ขอ้ มูล ได้แก ร้อยละ คาเฉลี่ย สวน เบีย่ งเบนมาตรฐาน และ t-test (Dependent Samples) ผลการวิจยั พบวา 1) การจัดกิจกรรมการเรียนรูวิชา ชวี วิทยา ของนักเรยี นชัน้ มัธยมศกึ ษาปที่ 6 โดยใชการจดั กจิ กรรมการเรยี นแบบเชงิ รกุ ทม่ี ปี ระสิทธิภาพเทากบั 78.70/79.81 ซ่งึ สูงกวา่ เกณฑทีก่ ำหนดไว 2) นกั เรยี นทีเ่ รียนโดยใชแผนการจดั กจิ กรรมการเรียนรูแบบ กระตอื รอื รน มีผลสมั ฤทธิ์ ทางการเรียนสูงกว่าเกณฑร้อยละ 75 อย่างมีนัยสาํ คญั ที่ .05 3) นักเรยี นมีความพงึ พอใจตอ การจัดกิจกรรมการเรียนรูแบบเชงิ รกุ โดยรวมอยู่ใน ระดับ มากทีส่ ุด รวมบทคดั ยอ่ งานวจิ ัยในช้ันเรียน ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2563ของครูและบุคลากรทางการศกึ ษาทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้
64 ชือ่ เร่อื ง : การพฒั นาผลการเรยี นโดยใช้คู่บัดดี้(Baddy)รายวชิ าวทิ ยาศาสตรพ์ น้ื ฐานระดับช้ัน มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ผู้วิจยั : นางปทั มภรณ์ ปัญญาวงค์ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ : วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ปที ท่ี ำวจิ ัย : พ.ศ.2563 บทคัดยอ่ การวิจัยคร้งั นมี้ ีวตั ถปุ ระสงคเ์ พ่ือ พฒั นาผลการเรยี นของนักเรียนใหด้ ีขึน้ กลุ่มตัวอย่างทีใ่ ช้คอื นกั เรยี นชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2563 จำนวน 5 คู่บดั ด้ีเครื่องมือท่ีใช้ในการวจิ ัย ได้แก่ แบบบันทกึ การจดั การเรียนการสอน (บนั ทึกการส่งงานและเกบ็ คะแนน) เก็บรวบรวมข้อมูล โดยการ คัดเลือกนักเรียนที่ส่งงานครบทุกชิ้นงานแล้วจับคู่บัดดี้กับนักเรียนที่ไม่ส่งงานหรื อส่งงานน้อยมาก เพื่อให้คู่บัดดี้ช่วยกำกับติดตาม ในการทำงานของเพื่อนและให้นำงานที่ค้างมาส่งงานในชั่วโมงเรียน ถัดไป ผลการวิจัยปรากฏว่านักเรียนที่ไม่ส่งงาน มีพัฒนาการที่ดีขึ้นโดยทยอยส่งงานหรือชิ้นงาน จนกระทั่งส่งงานครบทุกชิน้ ซง่ึ ส่งผลใหม้ ีคะแนนเกบ็ ในแต่ละหนว่ ยเพ่ิมขน้ึ ทำใหน้ กั เรยี นท่ีค้างสง่ งาน มผี ลการเรยี นท่ีผา่ นเกณฑ์ตามกำหนด รวมบทคดั ยอ่ งานวจิ ัยในช้ันเรียน ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2563ของครแู ละบุคลากรทางการศึกษาทกุ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้
65 ชื่อเรื่อง : การพฒั นาแอปพลิเคชันเพอื่ การเรียนรู้บนระบบปฏบิ ตั กิ ารแอนดรอยด์ วชิ าการออกแบบเทคโนโลยเี ร่ือง กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม สำหรบั นกั เรยี นช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 โรงเรยี นแม่จันวิทยาคม ผู้วจิ ยั : นางพรวมิ ล ไชยสุข กลมุ่ สาระการเรียนรู้ : วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปีทีท่ ำวจิ ัย : พ.ศ.2563 บทคดั ยอ่ การวิจัยคร้ังน้ีมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อการเรยี นรู้บนระบบปฏิบตั ิการ แอนดรอยด์ วชิ าการออกแบบเทคโนโลยีเร่ือง กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรมสำหรบั นักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 4 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่กำหนด 2) ศึกษาความก้าวหน้าทางการเรียนของ นักเรียนที่เรียนด้วยแอปพลิเคชันเพื่อการเรียนรู้บนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์วิชาการออกแบบ เทคโนโลยีเรื่อง กระบวนการออกแบบเชิงวิศว กรรม และ 3)ศึกษาความคิดเห็นของนักเรยี นที่เรียน ด้วยแอปพลิเคชันเพื่อการเรียนรู้บนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์วิชาการออกแบบเทคโนโลยีเรื่อง กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม กลุ่มตวั อย่างทใ่ี ช้ในการวจิ ยั คอื นักเรียนชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 ทีก่ าํ ลังศึกษาภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 โรงเรยี นแมจ่ ันวิทยาคม จำนวน 39 คน ได้มาโดยวธิ กี ารส่มุ แบบกลุ่ม เครอื่ งมือ ท่ีใชใ้ นการวิจัย ประกอบดว้ ย 1) แอปพลิเคชนั เพอื่ การเรยี นรู้บนระบบปฏิบตั กิ ารแอนดรอยด์ วิชา การออกแบบเทคโนโลยีเรื่อง กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม 2) แบบทดสอบก่อนและ แบบทดสอบหลังเรียนแบบคู่ขนาน และ 3) แบบสอบถามความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อการเรียน ด้วยแอปพลิเคชันเพ่อื การเรียนรู้ สถิตทิ ่ใี ชใ้ นการวเิ คราะหข์ อ้ มลู ไดแ้ ก่ คา่ ประสทิ ธิภาพ E1/E2 รอ้ ยละ คา่ เฉลยี่ สว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐาน และการทดสอบคา่ ที ผลการวิจัยปรากฏว่า 1) แอปพลิเคชันเพื่อการเรียนรู้บนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์วิชา การออกแบบและเทคโนโลยีเรื่อง กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม มีประสิทธิภาพ 81.60/81.33 เป็นไปตามเกณฑ์ที่ กำหนด 80/80 2) นักเรียนที่เรียนด้วยแอปพลิเคชันเพื่อการเรียนรู้บน ระบบปฏบิ ตั ิการแอนดรอยด์ วิชาการออกแบบเทคโนโลยีเร่ือง กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม มี ความ ก้าวหน้าทางการเรียนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ 3) นักเรียนมีความ คิดเห็นต่อ แอปพลิเคชันเพื่อการเรียนรู้บน ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ วิชา การออกแบบและ เทคโนโลยี เร่ือง กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม ในระดับเห็นดว้ ยมาก รวมบทคัดยอ่ งานวจิ ยั ในชนั้ เรียน ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2563ของครแู ละบุคลากรทางการศึกษาทุกกลมุ่ สาระการเรยี นรู้
66 ชอ่ื เรื่อง : เพ่ือศกึ ษาผลของการใชแ้ รงเสริมทางบวกด้วยสมดุ สะสมแตม้ ในการเรยี นรายวชิ า วิทยาการคํานวณท่ีส่งผลตอ่ พฤตกิ รรมความรบั ผิดชอบการสง่ งานของนกั เรยี น ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 6 โรงเรยี นแมจ่ นั วิทยาคม ผูว้ จิ ยั : นางสาวพิชชยานาฏ รีรักษ์ กลุม่ สาระการเรยี นรู้ : วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปที ่ที ำวิจัย : พ.ศ.2563 บทคดั ย่อ การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพมีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาผลของการใช้แรงเสริม ทางบวกด้วยสมุดสะสมแต้มในการเรียนรายวิชาวิทยาการคํานวณ ที่ส่งผลต่อพฤติกรรมความ รบั ผดิ ชอบการส่งงานของนักเรียน ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6 โรงเรยี นแม่จนั วทิ ยาคม ประชากรของการวจิ ยั คร้งั น้ี คอื นักเรยี นระดับช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 6 โรงเรยี นแมจ่ นั วิทยาคม ตำบลป่าซาง อำเภอแมจ่ นั จังหวัดเชยี งราย กลมุ่ ตัวอยา่ ง คือ นกั เรียนระดับช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 6 โรงเรียนแม่จนั วิทยาคม ตำบลป่าซาง อำเภอแมจ่ ัน จงั หวดั เชียงราย ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2563 จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ และแบบสังเกตพฤติกรรมความ รบั ผิดชอบตอ่ งานที่ได้รบั มอบหมายของนักเรียน ผลการวิจัยปรากฏวา่ นักเรียนระดับชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6 มีพฤติกรรมความรบั ผดิ ชอบในการ ทำงานที่ได้รับมอบหมายในรายวิชาวิทยาการคํานวณมากขึน้ หลังการใช้แรงเสริมทางบวกด้วยสมดุ สะสมแต้มและมีพฤติกรรมความรับผิดชอบในการทำงานที่ได้รับมอบหมายสูงกว่าร้อยละ 60 ซ่ึง เปน็ ไปตามเกณฑท์ ่ตี งั้ ไว้ รวมบทคัดย่องานวจิ ยั ในชั้นเรยี น ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศกึ ษา 2563ของครูและบคุ ลากรทางการศึกษาทกุ กล่มุ สาระการเรยี นรู้
67 ชื่อเรอื่ ง : ผลการจัดการเรยี นรู้ตามแนวคิดสะเต็มศกึ ษา เร่อื ง ปฏกิ ิริยาเคมี ผา่ นกจิ กรรมออกแบบ วธิ ีการลดปรมิ าณกา๊ ซเรือนกระจกได้อย่างไร ของนักเรยี นชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 ผวู้ จิ ยั : นางศภุ าลยั ชา่ งศลิ ป์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ : วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ปีทีท่ ำวจิ ัย : พ.ศ.2563 บทคัดย่อ ผลการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดสะเต็มศึกษา เรื่อง ปฏิกิริยาเคมี ผ่านกิจกรรมออกแบบ วิธีการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกได้อย่างไร ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนแม่จัน วิทยาคม มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษากระบวนการคิด กระบวนการออกแบบ และกระบวนการ แก้ปัญหา ของนกั เรยี นชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 3 2) เพือ่ ศกึ ษาความสามารถในแก้ปญั หาของผู้เรียน กลุ่ม ตัวอยา่ งที่ใช้ในการศึกษา เปน็ นกั เรยี นชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 3/2 ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2563 ของ โรงเรยี นแมจ่ ันวิทยาคม จำนวน 35 คน กล่มุ ตัวอย่างไดร้ ับวธิ กี ารเรียนรู้ตามแนวทางการจัดการเรียน การสอน โดยใชก้ ระบวนการเรยี นรู้สะเตม็ ศกึ ษา 5 ข้นั คอื ขนั้ ที่ 1 ขนั้ ระบปุ ญั หา ข้ันท่ี 2 ขั้นรวบรวม ขอ้ มลู และแนวคิดเก่ียวกับปญั หา ขน้ั ท่ี 3 ข้ันวางแผนและกระบวนการแก้ปัญหา ข้ันที่ 4 ข้ันทดสอบ และปรับปรุงแก้ไขชิ้นงานขั้นที่ 5 ขั้นนําเสนอวิธีการแก้ปัญหาและผลการแก้ปัญหาชิ้นงาน และวัด ประเมินผลตามแนวทางสะเต็มศึกษา คือ การประเมินจากสภาพจริง เป็นการประเมินผลจากการ สังเกตพฤติกรรมของผู้เรียนในระหว่างการลงมือปฏิบัติ การนําเสนอวิธีการแก้ปัญหา และประเมิน ความสามารถในการแก้ปัญหาโดยใช้แบบทดสอบข้อเขียน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ ค่าเฉลี่ยและ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน พบว่า ผู้เรียนสามารถระบุปัญหาร่วมกันภายในกลุ่ม เสนอแนวคิดในการ แกป้ ัญหาซงี่ มีการรวบรวมขอ้ มูลจากการสบื ค้นขอ้ มลู เขียนเคา้ โครงของการแกป้ ัญหา ลงมอื ปฏิบตั ิหา ประสิทธิภาพของชิ้นงาน สามารถนําเสนอวิธีการแก้ปัญหา และผลการแก้ปัญหาต่อสาธารณะชน ผา่ นเกณฑ์ รอ้ ยละ 89 รวมบทคดั ยอ่ งานวิจัยในช้ันเรียน ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2563ของครแู ละบุคลากรทางการศึกษาทกุ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้
68 ช่ือเรอ่ื ง : การศกึ ษาประสทิ ธิภาพของการวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรผู้ ่านเกมโดยใช้โปรแกรม ออนไลน์รว่ มกบั การทดสอบแบบปกตติ ่อการพฒั นาผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนของนกั เรียน ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5 ในรายวชิ าเคมี ว32224 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 ผ้วู จิ ัย : นางสาวสมุ ารินทร์ นิโรจน์ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ : วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปที ที่ ำวิจยั : พ.ศ.2563 บทคัดย่อ การวจิ ัยครง้ั น้ีมวี ัตถปุ ระสงคเ์ พ่ือศกึ ษารปู แบบของการวดั และประเมนิ ผลผ่านเกมโดยใช้ โปรแกรมออนไลนร์ ว่ มกับการทดสอบแบบปกตเิ พอ่ื พฒั นาผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี นของนักเรยี นชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 5 ในวิชาเคมี กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1-5/4 ปีการศึกษา 2563 โรงเรียนแม่จันวิทยาคม จำนวน 110 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย แบบทดสอบความรู้ โปรแกรมแบบทดสอบออนไลน์ ไดแ้ ก่ แอปพลิเคชนั Quizizz และ แอปพลิเคชัน Kahoot เหตผุ ลที่ใช้ โปรแกรมดงั กล่าว เนื่องจากในปีการศึกษา 2562 ผวู้ จิ ัยได้ทำการศกึ ษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 5 ต่อการวัดและประเมินผลระหว่างเรียนโดยใชโ้ ปรแกรมออนไลนใ์ นวิชาเคมี พบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจในระดับมาก และมีเจคติที่ดตี ่อการเรยี นเคมีสูงข้ึน และจากการสะท้อนของ นักเรียนเกยี่ วกับการทดสอบเกบ็ คะแนน ท าให้ทราบวา่ นักเรยี นมีความต้องการการสอบเก็บคะแนน ในรปู แบบใหมท่ ีไ่ ม่นา่ เบ่ือ และมคี วามทา้ ทายมากกวา่ การสอบแบบปกติ ดังนัน้ ผูว้ ิจัยจึงปรับรูปแบบ ของการสอบเก็บคะแนนให้มีความหลากหลาย จำนวน 3 รูปแบบ ได้แก่ รูปแบบ 1 การทดสอบผ่าน เกมโดยใช้โปรแกรมออนไลน์แบบเดี่ยว รูปแบบ 2 การทดสอบผ่านเกมโดยใชโ้ ปรแกรมออนไลน์แบบ จับคู่/กลุ่ม และ รูปแบบ 3 การทดสอบปกติโดยใช้กระดาษแบบเดี่ยว การเลือกรูปแบบการทดสอบ ผู้วิจัยจะพิจารณาตามความเหมาะสมของเนื้อหา หากเป็นเนื้อหาประเภทความรู้ความเข้าใจจะ ทดสอบแบบปรนัย โดยใชร้ ูปแบบท่ี 1 และ 2 และหากเปน็ เน้ือหาประเภทคำนวณหรอื การนำความรู้ ไปประยุกต์ใช้จะทำการทดสอบแบบอตั นัยโดยใช้รูปแบบที่ 3 การเก็บรวบรวมข้อมูลใช้แบบทดสอบ เรื่อง กรด-เบส แบบปรนัย จำนวน 4 ชุด และ แบบอัตนัย จำนวน 3 ชุด จากนั้นทำการวิเคราะห์ ข้อมูลโดยเปรียบเทยี บผลสัมฤทธทิ์ างเรยี นของนกั เรยี นในกล่มุ ตวั อยา่ งเดียวกนั ในภาคเรียนท่ี 1 ปี การศกึ ษา 2563 สถิตทิ ่ใี ช้ในการวเิ คราะห์ ได้แก่ รอ้ ยละ ค่าเฉล่ยี ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ t-test ผลการวิจัย พบวา่ 1) การวัดและประเมินผลการเรียนรผู้ า่ นเกมโดยใช้โปรแกรมออนไลน์ รว่ มกับการทดสอบแบบปกตสิ ง่ ผลต่อการพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนกั เรยี นช้ันมัธยมศึกษาปี ที่ 5 ในรายวิชาเคมี 2) รูปแบบการวัดและประเมินผลไม่มีผลต่อการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ของนักเรียน กลุม่ เก่ง แตม่ ผี ลตอ่ นักเรยี นกลมุ่ ปานกลาง และอ่อน โดยท าใหน้ ักเรียนกลุ่มปานกลาง และออ่ น มผี ล การเรียนที่สูงขึ้นอย่างมนี ัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3) การวัดและประเมินผลรูปแบบ 2 มีผลต่อ การพฒั นาผลการเรียนของนกั เรียนกลุ่มปานกลาง และอ่อนมากกว่ารูปแบบ 1 และ 3 รวมบทคัดยอ่ งานวจิ ัยในช้ันเรียน ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2563ของครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษาทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้
69 ชอื่ เรือ่ ง : การศกึ ษาผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นในการสรุปองค์ความรดู้ ้วยตนเอง โดยใช้การทำภาพกราฟิก (Infographic) เร่อื ง การเปลี่ยนแปลงภมู อิ ากาศโลก ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 1 โรงเรยี นแม่จนั วทิ ยาคม ผ้วู ิจัย : นางสาวอรจิรา ศรีสุข กลุ่มสาระการเรยี นรู้ : วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ปีท่ที ำวจิ ัย : พ.ศ.2563 บทคดั ย่อ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในการสรุปองค์ความรู้ด้วย ตนเอง โดยใช้เทคนิคการทำภาพกราฟิก (Infographic) เรื่อง การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก ของ นักเรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 โรงเรยี นแมจ่ ันวิทยาคม ซงึ่ การทำภาพกราฟิก (Infographic) จะทำให้ นกั เรียนไดฝ้ กึ ฝนทกั ษะการสืบคน้ รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล แลว้ สรปุ เพือ่ นําเสนอเป็นภาพกราฟิก ได้อย่างสร้างสรรค์ ทำให้เกิดความเข้าใจในเรื่องที่ศึกษาได้ดียิ่งขึ้น และจะส่งผลให้นักเรียนมี ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นบรรลุตามเป้าหมาย โดยกลมุ่ ตวั อย่างที่ใชใ้ นการทำวจิ ยั ครั้งนี้ คอื นกั เรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1/1 โรงเรียนแม่จันวิทยาคม จำนวน 30 คน ซึ่งได้มาโดยวิธีการเลือกกลุ่มตัวอย่าง แบบเจาะจง (Purposive sampling) เครื่องมอื ท่ีใช้ในการวจิ ัย ได้แก่ 1.) แผนการจัดการเรียนรเู้ รือ่ ง การเปล่ยี นแปลงภมู อิ ากาศโลก ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบับ ปรับปรงุ พุทธศกั ราช 2560) โดยขอบเขตเน้ือหาในการจดั การเรียนการสอนจะสอดคล้องตามบทเรียน ในรายวิชาวิทยาศาสตร์พ้นื ฐานของสถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) และ 2.) แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 1 ฉบับ เป็นแบบปรนัย 4 ตัวเลือก จำนวน 20 ข้อ รวมเป็น 20 คะแนน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเปรียบเทียบความแตกต่างของผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้การทดสอบ t-test แบบ Dependent sample ผลการวิจัย พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ได้รับการจัดการเรียนการสอน ประกอบการทำภาพกราฟิก (Infographic) หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติท่ี ระดับ .05 และนักเรียนสามารถออกแบบและทำภาพกราฟิก (Infographic) ในการยกตัวอย่าง สถานการณห์ รอื ผลกระทบท่ีเกิดจากการเปลย่ี นแปลงภูมิอากาศโลกไดด้ ้วยตนเอง เกิดเป็นนวัตกรรม ท่สี ร้างสรรค์ของนกั เรียนในชัน้ เรยี น ดังน้ัน การวจิ ยั ครง้ั น้ีสามารถช่วยพัฒนารูปแบบการจัดการเรียน การสอนในชน้ั เรียนพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนกั เรยี น เรอ่ื ง การเปล่ยี นแปลงภูมิอากาศโลก และส่งเสริมการคิดอย่างสร้างสรรค์ในการออกแบบและทำภาพกราฟิก (Infographic) ของนักเรียน ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 ได้ รวมบทคดั ยอ่ งานวจิ ัยในชั้นเรยี น ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2563ของครูและบคุ ลากรทางการศึกษาทุกกลมุ่ สาระการเรยี นรู้
70 ช่อื เรื่อง : การศึกษาเจตคติต่อการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 2/3 โรงเรียนแมจ่ ันวิทยาคมท่มี รี ะดับผลการเรียนตา่ งกนั ผู้วิจัย : นางสุภาลี สเี ขียว กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ : วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ปีที่ทำวิจยั : พ.ศ.2563 บทคดั ยอ่ การวิจัยครงั้ น้ี มวี ตั ถปุ ระสงค์เพ่ือศึกษาและเปรียบเทียบเจตคติตอ่ การเรยี นวทิ ยาศาสตร์ของ นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 2 โรงเรียนแม่จนั วิทยาคม ทม่ี ีระดบั ผลการเรยี นแตกต่างกัน กลุ่มตัวอย่าง ที่ใช้ในการวิจัยครัง้ นี้เป็นนกั เรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 2/3 โรงเรียนแม่จันวทิ ยาคม ที่ศึกษาวิชา วิทยาศาสตร์ ในภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 32 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจยั ครัง้ นี้เป็น เครื่องมอื ท่ผี วู้ จิ ยั สร้างขนึ้ คอื แบบสอบถามวดั เจตคติตอ่ การเรยี นวชิ าวิทยาศาสตร์การวเิ คราะห์ข้อมูล ทำโดยการเปรียบเทียบเจตคติต่อการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะหไ์ ด้แก่ ค่าเฉล่ีย และสว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบวา่ นักเรยี นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/3 โรงเรียนแมจ่ ันวิทยาคม ที่มีระดับผลการ เรียนต่างกันมีเจตคติต่อการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์แตกต่างกนั โดยมีค่าเฉลีย่ ของการมีเจตคติต่อการ เรียนวิชาวิทยาศาสตร์ในระดับสูง 100.61 ระดับปานกลาง 96.25 ระดับต่ำ 87.83 และมีส่วน เบ่ยี งเบนมาตรฐาน ในระดบั สูง 4.19 ระดับปานกลาง 4.92 และระดบั ต่ำ 3.97 รวมบทคัดยอ่ งานวิจัยในช้นั เรยี น ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2563ของครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษาทกุ กลุ่มสาระการเรยี นรู้
71 ช่อื เรอื่ ง : สรา้ งและพัฒนาแบบจำลองชดุ ปอดและกำบงั ลมของมนษุ ย์ ผวู้ ิจยั : นางสิรินุต นาเมอื งรักษ์ กล่มุ สาระการเรียนรู้ : วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปที ท่ี ำวิจัย : พ.ศ.2563 บทคัดยอ่ งานวิจัยนี้มีจุดประสงค์ เพื่อสร้างและพัฒนาสื่อการเรียนรู้โดยใช้แบบจำลอง พัฒนาทักษะ การคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนในรายวิชาชีววิทยา ว๓๒๒๔๔ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนแม่จันวิทยาคม ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๓ ผลการวิจัย นักเรียนร้อยละ ๘๑.๐๕ สามารถทำแบบทดสอบอยู่ในระดบั คุณภาพดีมาก ร้อยละ ๑๖.๖๒ อยู่ในระดับดี และร้อยละ ๒.๓๓ อยู่ในระดบั ปานกลาง และการสร้างแบบจำลองชดุ ปอดและกำบงั ลมของมนุษย์ มีระดบั คุณภาพดีมาก ร้อยละ๙๐.๐๐ และแบบจำลองที่อยู่ในระดับคุณภาพดี ร้อยละ ๑๐.๐๐ นักเรียนมีทักษะความคิด สร้างสรรค์และกระบวนการกลุ่มอยู่ในระดับคณุ ภาพดมี าก รอ้ ยละ ๑๐๐ รวมบทคดั ย่องานวจิ ยั ในช้นั เรยี น ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศึกษา 2563ของครูและบุคลากรทางการศึกษาทกุ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้
72 ช่ือเร่ือง : การพฒั นาทักษะการคดิ เรอื่ ง ฟิสิกส์นิวเคลยี รรายวิชาฟสิ ิกส์ รหัสวชิ า ว33206 โดยใชกลวิธถี ามคือสอน ของ นักเรียนชัน้ มธั ยมศึกษาปที่ 6 โรงเรียนแมจ่ นั วิทยาคม ผู้วิจัย : นายอตคิ ุณ นมเนย กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ : วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปที ี่ทำวิจัย : พ.ศ.2563 บทคดั ย่อ การวิจัยคร้งั น้มี ีวัตถปุ ระสงคเพ่ือ(1) เพอื่ ศกึ ษากลวิธีการจัดการเรียนการสอนแบบถามคอื สอน เรือ่ ง ฟิสกิ ส์นวิ เคลียร และ (2) เพื่อพฒั นาทกั ษะการคิดของนักเรียนระดับชัน้ มัธยมศกึ ษาปที่ 6 ในรายวชิ าฟิสกิ ส์ กลมุ ตัวอย่างท่ีใชคือ นักเรียนชั้นมัธยมศกึ ษาปที่ 6 ภาคเรยี นท่ี2 ปการศกึ ษา 2563 โรงเรยี นแมจ่ ันวิทยาคม จำนวน 97 คน เครือ่ งมือทใ่ี ชในการวิจัยได้แก แผนการจัดการเรียนรู วิชา ฟสิ ิกส์ รหสั ว33206 เรื่อง ฟิสกิ ส์นวิ เคลยี ร จำนวน 4 คาบ แบบทดสอบ ชนิดปรนัย จำนวน 10 ขอ แบบสังเกตพฤติกรรมในการตอบคาํ ถาม และแบบประเมนิ ผลงานนักเรียน การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลโดย การประเมินผลตามสภาพจริงด้วยแบบสังเกตพฤตกิ รรม ผลการวจิ ัยปรากฏวา พบวานักเรยี นมีสวนร่วมในการตอบคําถามอยูในระดบั ดมี าก ร้อยละ 84.50 และมสี วนรว่ มในการตอบคําถามอยู่ในระดบั ดี รอ้ ยละ 15.50 และมีผลงานตามระดับคุณภาพ อยูในเกณฑเฉลี่ยดีมาก ร้อยละ 85.57 และมีผลงานตามระดับคุณภาพอยูในเกณฑเฉลี่ยดี ร้อยละ 12.58 รวมบทคัดยอ่ งานวจิ ยั ในช้ันเรยี น ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศกึ ษา 2563ของครแู ละบุคลากรทางการศึกษาทุกกลุ่มสาระการเรยี นรู้
73 ชื่อเร่อื ง : พฒั นาการจดั การเรยี นร้ดู ว้ ยวธิ ีการสอนแบบActive Learning รายวชิ า ว22104 วิทยาการ คาํ นวณ สำหรบั นกั เรยี นชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 โรงเรยี นแม่จนั วทิ ยาคม จ.เชียงราย ผวู้ ิจัย : นางสาวชนาธปิ ปะทะดวง กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ : วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปที ี่ทำวิจยั : พ.ศ.2563 บทคดั ย่อ งานวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1.พัฒนาการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการสอนแบบActive Learning เรื่อง เทคโนโลยีการสื่อสาร รายวิชา ว22104 วิทยาการคํานวณ สำหรับนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนแม่จันวิทยาคม จ.เชียงราย และ 2.เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการ เรยี นของ นกั เรียนชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 วชิ า ว22104 วิทยาการคาํ นวณ กลมุ่ ตวั อย่างในการวจิ ยั ไดแ้ ก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 2/1 จำนวน 15 คน จากทั้งหมด 30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวจิ ัย ได้แก ชุดการสอน เรื่องเทคโนโลยีการสื่อสาร ด้วยวิธีการสอนแบบการเรียนรู้เชิงรุก(Active Learning) แบบทดสอบเรื่องเทคโนโลยีการสื่อสาร แบบปรนัยชนิดสี่ตัวเลือกจำนวน 40 ข้อสถิติที่ใช้ในการ วิเคราะห์ขอ้ มูลไดแ้ ก่ คา่ เฉล่ีย ค่าเบ่ยี งเบนมาตรฐาน และการทดสอบคา่ ทีแบบกลุ่มตวั อย่างเปน็ อสิ ระตอ่ กนั ผลการวจิ ัยปรากฏว่า จากผลการวิเคราะห์ประสิทธภิ าพพัฒนาการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการ สอนแบบ Active Learning เรอื่ ง เทคโนโลยกี ารสื่อสาร รายวชิ า ว22104 วทิ ยาการคาํ นวณ สำหรับ นกั เรียนชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 2 โรงเรียนแม่จนั วทิ ยาคม จ.เชียงราย มีประสิทธิภาพ เท่ากับ 75/76 ซึ่ง สูงกวา่ ร้อยละ 75/75 ตามวตั ถุประสงคท์ ี่ตัง้ ไว้ และจากการวิเคราะห์คะแนนจากแบบทดสอบพบว่า นักเรียนที่ได้รับพัฒนาการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการสอนแบบActive Learningมีผล สัมฤทธิ์สูงกว่า นักเรียนทไ่ี ด้รบั การสอนแบบปกตอิ ยา่ งมนี ัยสําคัญทางสถติ ทิ ่ี 0.05 รวมบทคดั ย่องานวิจยั ในช้ันเรียน ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2563ของครูและบุคลากรทางการศึกษาทกุ กลมุ่ สาระการเรียนรู้
74 ชอื่ เร่อื ง : การศึกษาพฤตกิ รรมการสอนวชิ าวทิ ยาศาสตรพ์ นื้ ฐานของครดู าราศาสตรใ์ นการรบั รู้ของ นักเรยี นที่เรียนรายวชิ า ว33101 สาขาวชิ าโลก ดาราศาสตร์และอวกาศ ผวู้ จิ ัย : นายธวฒั น์ กา้ งออนตา กลุม่ สาระการเรียนรู้ : วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ปที ีท่ ำวิจยั : พ.ศ.2563 บทคดั ยอ่ การวิจยั ครั้งนีม้ วี ตั ถปุ ระสงค์เพอื่ ศกึ ษาสถานภาพของกระบวนการจดั การเรยี นการสอนวิชา วิทยาศาสตร์ท่ดี ำเนนิ อย่จู รงิ ในชั้นเรียน โดยประเมนิ จากลกั ษณะของกิจกรรมการเรียนการสอน ในรปู พฤติกรรมการสอนของครู และพฤติกรรมการเรียนของนักเรียน ตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายของ โรงเรียน ซึ่งมุ่งส่งเสริมและพัฒนาใหน้ ักเรียนมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มีจิตวิญญาณของความเป็น นักวิจยั นักประดิษฐ์ ตักคิดค้น และนักพัฒนาที่ดีด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี กลุ่ม ตวั อย่างทใ่ี ชค้ ือนกั เรยี นชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 3 ห้อง 1 ห้อง 4 และ หอ้ ง 6 ทเ่ี รียนวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ภาค เรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2563 โรงเรยี นแม่จันวทิ ยาคม เคร่อื งมือทีใ่ ช้ในการวจิ ัยไดแ้ กแ่ บบสอบถามการ ดำเนนิ กจิ กรรมการเรียนการสอนวทิ ยาศาสตร์ในชน้ั เรียน การเก็บรวบรวมขอ้ มลู โดยการ ใหน้ ักเรียน ที่เรียนวิชาวิทยาศาสตร์ กรอกแบบสอบถามและทำการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติหาค่าเฉลี่ย และ ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน ผลการวจิ ัยปรากฏว่า ครผู ู้สอนควรไดเ้ ขา้ รับการฝกึ อบรม โดยเฉพาะในเร่อื ง การจัดการเรียน การสอนโดยเน้นผู้เรยี นเปน็ สำคญั การสอนเพ่อื ปลูกฝงั ความเข้าใจเกี่ยวกับธรรมชาติของวิทยาศาสตร์ การพัฒนากระบวนการทางวิทยาศาสตรข์ องนกั เรยี น การสอนเพอ่ื พฒั นาทักษะด้านเทคนิคในการใช้ คำถามการใช้สื่อการเรยี นการสอนอย่างมีประสิทธิผล การออกข้อสอบและการใช้ข้อสอบ เพ่ือพัฒนา ความคิดระดับสูง และการสอนงานภาคปฏิบัติ อนึ่งยังควรให้ครูด าเนินการวิจัยเชิงปฏิบัตทิ ำนองน้ี อย่างสม่ำเสมอเพื่อติดตามพัฒนาการของการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ในชั้นเรียน อยา่ งต่อเนอื่ งเป็นระบบ รวมบทคัดยอ่ งานวิจัยในชั้นเรียน ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศกึ ษา 2563ของครูและบคุ ลากรทางการศึกษาทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้
75 ช่อื เรื่อง : การศึกษาผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนและการพัฒนาทกั ษะกระบวนการคดิ ทางวิทยาศาสตร์ เร่อื ง งานและพลังงาน โดยใช้การสอนด้วยรูปแบบซิปปาของ นักเรียนช้ันมัธยมศึกษา ปที ่ี 4/1 ผู้วิจัย : นายไพวุฒิ ขนุ ซาง กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ : วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ปที ีท่ ำวจิ ัย : พ.ศ.2563 บทคดั ย่อ การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ การวิจัยคร้ังนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาทักษะ การคิดในรายวิชา ฟิสิกส์เรื่อง งานและพลงั งาน สำหรับนักเรียนช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 4/1 ให้มีจำนวน นักเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ที่ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 50 ของคะแนนเต็ม 2) เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนในรายวิชาฟิสิกส์เรื่อง งานและพลังงาน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ให้มี จำนวนนักเรียนไมน่ อ้ ยกว่ารอ้ ยละ 70 ทผ่ี า่ นเกณฑร์ อ้ ยละ 50 ของคะแนนเต็ม กลุ่มเป้าหมายท่ีใช้ใน การวิจัยครัง้ นี้ เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 โรงเรยี นแม่จนั วิทยาคม จำนวน 27 คน เครือ่ งมือทใ่ี ชแ้ บง่ เป็น 3 ประเภท คือ 1) เครอ่ื งมือทใ่ี ชใ้ นการทดลองปฏิบัติ ได้แก่ แผนการจัดการเรยี นรูโ้ ดยใชร้ ูปแบบการสอนแบบวัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขั้น (รูปแบบซปิ ปา) ใน รายวิชา ฟสิ กิ ส์ ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 4/1 เรื่อง งานและพลงั งาน 2) เคร่ืองมือทใี่ ชใ้ นเกบ็ รวบรวมข้อมูล เพื่อการสะท้อนผลการวิจัยได้แก่ แบบบันทึกประจำวันของครูแบบสังเกตการสอนของครูแบบ สัมภาษณ์ผูเ้ รียน แบบทดสอบท้ายแผนการสอน แบบทดสอบยอ่ ยทา้ ยวงจรปฏิบัตกิ ารที่ 1, 2 และ 3 และ ใบงาน 3) เครื่องมือท่ีใชใ้ นการประเมนิ ผลการวิจยั ไดแ้ ก่ แบบทดสอบวัดทกั ษะการคดิ ขน้ั สงู และ แบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นในเนอื้ หาวิชา ฟสิ กิ สเ์ รอ่ื ง งานและพลงั งาน การวิจัยครัง้ นี้เป็นการวิจยั โดยใช้รูปแบบการวิจยั เชิงปฏิบัตกิ าร โดยใช้การสอนด้วยรูปแบบ ซิปปาในการเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้วิจัยได้บันทึกผลการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ในแบบบันทึก ประจำวันของครู แบบทดสอบท้ายแผนการจัดการเรียนรู้ แบบทดสอบย่อย และแบบฝึกหัดของ นักเรียน แล้วนำข้อมูลจากการสะท้อนผลการปฏิบัตมิ าวเิ คราะห์ เพื่อปรับปรุงแก้ไขการจัดกิจกรรม การเรียนการสอนในวงจรปฏิบัติการต่อไป การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐานและสรปุ ความเรยี ง ผลการวิจัยพบว่า 1) ด้านผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นวชิ า ฟสิ กิ ส์ พบวา่ นกั เรียนมีผลสัมฤทธิท์ างการเรยี นวิชา ฟสิ ิกส์ เรอื่ ง งานและพลงั งาน โดยมจี ำนวนนกั เรยี น 20 คน คิดเป็นร้อยละ 74.07 ผา่ นเกณฑ์ร้อยละ 50 ของ คะแนนเต็ม 2) ด้านทักษะการคิด พบว่า นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ดา้ นทักษะการคิดในรายวิชา ฟิสิกส์เรื่อง งานและ พลงั งาน โดยมีจำนวนนักเรียน 20 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 74.07 ผา่ นเกณฑ์ร้อยละ 50 ของคะแนนเต็ม รวมบทคัดย่องานวจิ ยั ในช้นั เรยี น ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2563ของครูและบคุ ลากรทางการศึกษาทุกกลุ่มสาระการเรยี นรู้
Search