Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การละเล่นพื้นบ้าน

การละเล่นพื้นบ้าน

Published by famai12f, 2021-11-30 14:43:14

Description: การละเล่นพื้นบ้าน

Search

Read the Text Version

การละเลน่ พืน้ บ้าน เสนอ ครชู ตุ มิ า ลมิ่ ศิลา จดั ทาโดย เดก็ ชายภาคิน ศรีสุวรรณ ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๓/๓ เลขที่ ๑๓ เดก็ ชายวรญั ชิต รามะศักดิ์ ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ ๓/๓ เลขที่ ๑๖ เดก็ หญิงเกวลิน มโหฬาร ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๓/๓ เลขที่ ๒๐ นางสาวดรัลพร ตันบ้ี ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี ๓/๓ เลขที่ ๒๕ เด็กหญงิ ปาณิสรา สขุ สวัสดิ์ ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี ๓/๓ เลขที่ ๒๙ เดก็ หญงิ พชั รภรณ์ ใจเอ้อื ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๓/๓ เลขท่ี ๓๑ นางสาวสตุ ณิ ณา เทพบัณฑิต ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๓/๓ เลขที่ ๔๐ รายงานนี้เป็นส่วนหน่งึ ของรายวิชา ภาษาไทย ๖ รหสั วิชา ท ๒๓๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๔ โรงรยี นพิชัยรัตนาคาร



รายงาน เร่อื ง การละเล่นพื้นบา้ น เสนอ ครชู ตุ มิ า ล่ิมศิลา จัดทาโดย เด็กชายภาคนิ ศรีสุวรรณ ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๓/๓ เลขที่ ๑๓ เด็กชายวรัญชติ รามะศกั ดิ์ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๓/๓ เลขท่ี ๑๖ เด็กหญงิ เกวลิน มโหฬาร ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๓/๓ เลขที่ ๒๐ นางสาวดรลั พร ตนั บี้ ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๓/๓ เลขท่ี ๒๕ เดก็ หญิงปาณสิ รา สุขสวสั ด์ิ ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๓/๓ เลขที่ ๒๙ เดก็ หญงิ พชั รภรณ์ ใจเอื้อ ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี ๓/๓ เลขที่ ๓๑ นางสาวสุตณิ ณา เทพบัณฑติ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๓/๓ เลขที่ ๔๐ รายงานนี้เป็นส่วนหนึง่ ของรายวชิ า ภาษาไทย ๖ รหัสวชิ า ท ๒๓๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๔ โรงรียนพชิ ยั รัตนาคาร

ก คานา รายงานเลม่ น้จี ัดทาข้นึ เพ่อื เป็นส่วนหน่งึ ของวิชาภาษาไทย รหัส ท ๒๓๑๐๒ ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๓ เพ่ือให้ไดศ้ ึกษาหาความรูใ้ นเรื่องการละเล่นพนื้ บ้านและไดศ้ กึ ษาอยา่ งเขา้ ใจ เพอื่ เป็นประโยชน์กบั การเรียนต่อไปซ่งึ ประกอบดว้ ยความเป็นมาประวตั ผิ แู้ ต่ง ลกั ษณะคา ประพนั ธ์ เรื่องย่อ เนอื้ เร่ือง คาศพั ท์ บทวเิ คราะห์ (คณุ ค่าด้านเน้ือหา คณุ คา่ ด้านวรรณศิลป์ คณุ ค่า ด้านสงั คมและสะทอ้ นวถิ ไี ทย) ข้อคดิ ที่สามารถนาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั รายงานเล่มน้สี าเร็จลุลว่ งไดด้ ้วยความกรุณาและความอนุเคราะห์จากคณุ ครูผสู้ อนและ ทกุ ๆคนท่กี รุณาสละเวลาอันมีคา่ ให้คาปรึกษาและข้อเสนอแนะต่างๆ ตั้งแตเ่ ร่ิมต้นจนสาเรจ็ เรียบรอ้ ย ผจู้ ดั ทาขอขอบพระคุณเป็นอยา่ งสูง ขอกราบขอบพระคณุ บดิ าและมารดา ผใู้ ห้กาเนดิ และเป็นครูคนแรกทค่ี อยอบรมส่งั สอน ช้แี นะแนวทางในการดาเนนิ ชีวติ และเป็นกาลังใจย่งิ ใหญ่แก่ผจู้ ัดทามาโดยตลอดมา ขอขอบพระคุณมา ณ โอกาสน้ี คณะผจู้ ดั ทา ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๔

สารบัญ ข เรือ่ ง หน้า คานา ก สารบัญ ข สารบญั ภาพ ค การละเลน่ พน้ื บา้ น ๑ ประวตั คิ วามเป็นมาของการละเล่นพื้นบ้าน ๒ ว่งิ เป้ียว ๓ เดนิ กะลา ๕ ตีลูกลอ้ ๖ มอญซอ่ นผา้ ๗ กาฟกั ไข่ ๘ หมากเก็บ ๑๐ ขมี่ ้าก้านกลว้ ย ๑๒

สารบญั ภาพ ค ภาพ หนา้ ภาพว่ิงเป้ ี ยว ๔ ภาพเดินกะลา ๕ ภาพตีลูกล้อ ๖ ภาพมอญซ่อนผา้ ๗ ภาพกาฝกั ไข่ ๘ ภาพหมากเก็บ ๑๑ ภาพขม่ี ้ากา้ นกลว้ ย ๑๒

การละเล่นพ้นื บ้าน ๑ การละเล่นของไทยในสมยั กอ่ นนน้ั มวี ิธกี ารเล่นทีส่ นกุ สนานและหลากหลายการละเล่นของเดก็ สมัยกอ่ นทน่ี ยิ มเล่นกนั ใน ชวี ติ ประจาวนั นน้ั และสบื ทอดมาจากคนรนุ่ กอ่ น ซ่งึ บางประเภทมีบทรอ้ ง และทา่ ทางประกอบสว่ นกฎเกณฑต์ า่ ง ๆ มักมี การกาหนดข้ึนเองตามขอ้ ตกลงของกลมุ่ ผู้เลน่ ในแตล่ ะท้องถน่ิ บางคร้งั กเ็ ลน่ ตามความสนุกสนานร่าเริง แต่บางคร้งั ก็เลน่ เพือ่ การแข่งขนั ซ่งึ ทาให้ได้รบั ความบนั เทงิ จากการละเลน่ ไมใ่ ชน่ ้อย ขณะเดยี วกนั กย็ งั ไดเ้ พม่ิ พนู ทกั ษะทางรา่ งกายและจติ ใจ ไปพร้อมกันดว้ ย ซ่งึ การละเลน่ พืน้ บา้ นของไทยเราก็มีให้เลอื กเลน่ มากมายตามแตเ่ วลา โอกาสและสถานท่ีเอือ้ อานวย แต่ ในปัจจบุ ันสงั คม มกี ารเปล่ยี นแปลงไปทาใหก้ ารละเลน่ พ้นื บา้ นของไทยนนั้ เลอื นหายไปจงึ เป็นเร่ืองน่าเสียดายทค่ี นรุน่ ตอ่ มาอาจไม่ทราบถงึ การละเลน่ ของไทยทส่ี นุกสนาน เพราะไม่รู้ถงึ วธิ กี ารเล่นและประโยชนข์ องการละเล่นพ้นื บา้ น ดังนัน้ เรื่อง การละเลน่ พื้นบ้านของเราท่เี ป็นทน่ี ยิ มเลน่ กนั กบั เพื่อน ๆ ในสมยั เดก็ ๆ ในหมูบ่ ้านเราซ่งึ เป็นเรื่องใกล้ตวั เรา มาก และเรากไ็ ดผ้ า่ นช่วงน้มี าแลว้ ดว้ ยเหมือนกนั ซ่งึ เชื่อวา่ ทุกคนจะต้องผา่ นวัยเด็กมาแลว้ กนั ทงั้ นนั้ หรือบางคนอาจจะ กาลงั อยู่ในชว่ งน้กี ไ็ ด้ในช่วงวยั เด็กเป็นชว่ งทส่ี นกุ มากจนไม่อยากผา่ นช่วงน้มี าเลย กลมุ่ ผศู้ กึ ษาจึงเลอื กศกึ ษาเรื่อง การละเล่นพื้นบา้ นของเราเพ่ือเป็นอนรุ กั ษว์ ัฒนธรรมการละเลน่ ของหมู่บา้ นและการละเลน่ ของไทยทก่ี าลังจะสูญหายให้ เป็นทร่ี ู้จกั เพื่อชนรนุ่ หลงั สืบไป การละเลน่ พน้ื บ้าน หมายถึง กจิ กรรมการเล่นของสงั คม เป็นกิจกรรมนนั ทนาการหน่งึ ซ่งึ ไดร้ ับการยอมรับร่วมกันใน สังคม โดยมรี ากฐานมาจากความเป็นจริงแหง่ วิถชี วี ติ ของชุมชนทมี่ ีการประพฤตปิ ฏิบตั สิ ืบทอดกนั มาจากอดีตสู่ปัจจบุ นั การละเลน่ แสดงออกดว้ ยการเคลือ่ นไหวกริยาอาการเป็นหลกั อาจมีดนตรี การขับร้องหรือการฟ้อนราประกอบการเลน่ มี จดุ ม่งุ หมาย เพอ่ื ความสนุกสนานเพลิดเพลนิ ในโอกาสตา่ ง ๆ การละเลน่ บางชนิดไดร้ ับการถา่ ยทอดสืบสานต่อกนั มาและ ปรับปรุงเปล่ยี นแปลงเพ่ือพฒั นารูปแบบอยา่ งต่อเน่อื งจนมลี ักษณะเฉพาะถน่ิ ดงั น้กี ารละเลน่ พื้นบา้ นจงึ เป็นผลติ ผลอันเกิด จากความคดิ และจนิ ตนาการของมนษุ ย์ ย่อมสะทอ้ นถงึ โลกทัศน์ ภูมิธรรม และจติ วิญญาณของบรรพชนในทอ้ งถิน่ ทไ่ี ดถ้ กู หลอ่ หลอมจนตกผลึกเป็นภมู ปิ ญั ญาอันทรงคุณคา่ และไดก้ ลายเป็นมรดกวัฒนธรรมของท้องถ่ินและของประเทศชาติ การละเลน่ นับว่ามคี วามสมั พันธก์ บั ชีวติ มนุษยม์ าโดยตลอด ไม่ว่าจะเปน็ การละเลน่ ของเด็กและของผู้ใหญ่ล้วนแสดงออกถงึ สภาพชวี ติ ความเป็นอยู่ ขนบธรรมเนียมประเพณคี ่านยิ มและความเชอ่ื ของสังคมนน้ั ๆ ท้งั ยงั กอ่ คณุ ค่าแกผ่ เู้ ล่นและผเู้ ฝ้าดู ในด้านการผอ่ นคลายอารมณ์ ความเครียด เสริมสร้างพลังกายให้แขง็ แรง ฝึกความคิดความเขา้ ใจ การแก้ปัญหานอกจากน้ี ยังก่อให้เกิดระเบยี บวินยั เกิดดารยอมรบั กฎเกณฑ์ของสังคม สรรคส์ รา้ งความเป็นกลั ยาณมติ รข้ึนในชมุ ชน ทาให้สงั คมเกิด ความเขม้ แข็งจนก่อเปน็ ความดีงามอันเปน็ เปา้ หมายสงู สุดแหง่ ชวี ิต การละเลน่ ของไทยไมส่ ามารถลาดบั ใหเ้ หน็ พฒั นาการตามกาลเวลาไดอ้ ย่างชัดเจนทง้ั นเ้ี น่อื งจากการละเล่นสว่ นใหญเ่ ป็น กระบวนการถา่ ยทอดดว้ ยการปฏบิ ตั ิมใิ ชต่ าราจงึ ขาดการบันทกึ เป็นลายลกั ษณ์อักษรทจ่ี ะใชเ้ ป็นข้อมลู ในการสร้างลาดับ อายุสมัยของการละเลน่ แต่ละอย่างไดย้ ง่ิ ไปกว่านนั้ การละเลน่ ของไทยส่วนใหญม่ ลี กั ษณะของการพัฒนาตนเองและคอ่ ย เป็นคอ่ ยไปเพราะจดจาสืบตอ่ กนั มาจากคนรนุ่ หน่งึ ไปสอู่ ีกรนุ่ หน่งึ (ร.อ.หญงิ ปรียาหิรัญประดิษฐ์ ๒๕๓๓ :๑๕)และโดย เหตทุ ก่ี ารละเล่นเกดิ ขน้ึ มายาวนานและปรากฏอยทู่ ่วั ไปในทอ้ งถิน่ ตา่ ง ๆ โดยทว่ั ไปเช่นน้ที าให้เกดิ ความหลากหลายของ การละเล่นพืน้ บา้ น มีทงั้ ลกั ษณะรว่ ม และลกั ษณะท่แี ตกตา่ งกนั ไปในแตล่ ะท้องถนิ่ อยา่ งไรกด็ สี ่ิงทต่ี รงกันในทกุ ทอ้ งถน่ิ ก็ คอื มีการละเล่นพื้นบา้ นท้งั ทเี่ ป็นของเด็กและของผ้ใู หญ่

๒ ประวัติความเป็ นมาของการละเล่นพื้นบ้าน เป็นการละเล่นทมี่ ีในกลุม่ สังคมทอ้ งถน่ิ ในอดตี มีกีฬาพ้นื บ้านต่างๆให้เลน่ มากมายต้ังแต่รุ่นกอ่ นๆจนกระทง่ั ถงึ รุ่น ปจั จบุ ันกย็ งั มีให้เหน็ อยซู่ ่งึ แต่ก็น้อยกวา่ ในสมยั ก่อนมากเพราะสมยั ปัจจุบนั มเี ทคโนโลยเี ขา้ มามากจึง ทาให้คนรุ่นใหมไ่ ม่ค่อยได้เลน่ กันนกั กจิ กรรม การเล่นของสงั คม เป็นกิจกรรมนนั ทนาการหน่งึ ซ่ึงได้รบั การยอมรับร่วมกนั ในสังคม โดยมีรากฐานมาจากความเป็นจริงแหง่ วิถชี ีวติ ของชุมชนท่ีมกี ารประพฤติ ปฏบิ ัติ สบื ทอดกนั มาจากอดีตสู่ปัจจุบนั การละเล่นแสดงออกดว้ ยการเคล่ือนไหวกริยาอาการเป็นหลัก อาจมี ดนตรี การขับรอ้ งหรือการฟอ้ นราประกอบการเล่น มีจดุ ม่งุ หมาย เพือ่ ความสนุกสนานเพลิดเพลนิ ในโอกาส ต่าง ๆ การละเล่นบางชนิดได้รับการถ่ายทอดสืบสานต่อกันมา และปรับปรุงเปลยี่ นแปลงเพอื่ พัฒนารูป แบบอยา่ งตอ่ เนอ่ื งจนมีลกั ษณะเฉพาะถิ่น ดังน้กี ารละเล่นพนื้ บา้ นจึงเป็นผลติ ผลอนั เกิดจากความคิดและ จินตนาการของ มนุษย์ยอ่ มสะทอ้ นถงึ โลกทัศน์ ภูมธิ รรม และจติ วิญญาณของบรรพชนในท้องถิน่ ที่ได้ถกู หลอ่ หลอมจนตกผลึกเป็นภูมปิ ญั ญาอนั ทรงคณุ ค่าและได้กลายเป็นมรดาวฒั นธรรมของท้องถน่ิ และของ ประเทศชาติการละเล่น นบั วา่ มีความสมั พนั ธ์กบั ชีวิตมนุษยม์ าโดยตลอด ไมว่ า่ จะเป็นการละเลน่ ของเด็ก และของผู้ใหญล่ ้วนแสดงออกถงึ สภาพชวี ิต ความเป็นอยู่ ขนบธรรมเนยี มประเพณคี ่านยิ มและความเช่อื ของสงั คมน้นั ๆ ทง้ั ยงั ก่อคุณคา่ แกผ่ ูเ้ ล่นและผเู้ ฝ้าดู ในดา้ นการผอ่ นคลายอารมณ์ ความเครียด เสริมสรา้ งพลังกายให้แข็งแรง ฝึกความคิด ความเข้าใจ การ แกป้ ัญหานอกจากน้ยี งั ก่อใหเ้ กดิ ระเบียบวินัย เกดิ ดารยอมรบั กฎเกณฑ์ของสังคม สรรคส์ รา้ งความเป็นกบั ญาติมติ รข้นึ ในชมุ ชน ทาใหส้ งั คมเกิดความเข้มแขง็ จนกอ่ เป็นความดีงามอนั เป็นเป้าหมายสงู สดุ แห่ง ชวี ติ การละเล่นของไทยไม่สามารถลาดับให้เห็นพัฒนาการตามกาลเวลาได้อย่างชดั เจนทงั้ น้เี น่ืองจากการละเลน่ ส่วนใหญเ่ ป็นกระบวนการถา่ ยทอดดว้ ยการปฏิบัติ มิใช่ตารา จึงขาดการบนั ทกึ เป็นลายลักษณ์อักษรทจ่ี ะใช้ เป็นขอ้ มลู ในการสรา้ งลาดบั อายุ สมัยของการละเล่นแตล่ ะอย่างได้ย่งิ ไปกว่าน้นั การละเล่นของไทยสว่ น ใหญม่ ลี กั ษณะของการพัฒนาตนเองและคอ่ ยเป็นค่อยไปเพราะจด จาสบื ตอ่ กันมาจากคนรุ่นหน่งึ ไปสู่อกี รุ่น หน่ึง (ร.อ.หญงิ ปรียา หริ ัญประดิษฐ์ ๒๕๓๓ : ๑๕) และโดยเหตุทก่ี ารละเลน่ เกิดข้นึ มายาวนานและปรากฏ อย่ทู วั่ ไปในท้องถ่นิ ต่าง ๆ โดยทว่ั ไป เช่นน้ที าให้เกดิ ความหลากหลายของการละเลน่ พนื้ บ้าน มีทงั้ ลักษณะร่วม และลกั ษณะทแ่ี ตกต่างกันไปในแต่ละท้องถนิ่ อยา่ งไรกด็ สี ง่ิ ท่ตี รงกันในทกุ ท้องถิน่ ก็คือมี การละเลน่ พน้ื บา้ นท้งั ท่เี ป็น ของเดก็ และของผู้ใหญ่

๓ วิง่ เปร้ียว การละเล่นชนิดน้ี เป็นการละเลน่ พ้ืนบา้ นของไทยสมยั เดมิ มีมาแตย่ าวนาน แต่ช่วงหลังๆ อาจจะไม่ค่อยไดเ้ จอการละเลน่ ชนดิ น้เี ท่าไหร่ เพราะเด็กไทยหันไปสนใจกฬี าสากลชนดิ อนื่ ๆด้วยความที่เป็นการละเลน่ ทต่ี อ้ งใชก้ าลงั ความแขง็ แรงของ ร่างกายในการวง่ิ ใหเ้ ร็วท่ีสดุ เพอ่ื ทจ่ี ะเป็นฝ่ายชนะเลยทาใหเ้ ดก็ สว่ นมากไม่คอ่ ยสนใจอยากเลน่ อปุ กรณ์ วิ่งเป้ียวนบั เป็นกฬี าท่ีเลน่ ได้งา่ ย เพราะ อุปกรณม์ ีน้อย หาไดง้ า่ ย ดงั น้ี สิ่งของท่จี บั ถนดั มือ เช่น ผ้า ไม้ ท่อ๒ ผนื /ชน้ิ หลัก ๒ หลกั คอื ที่จดุ หน้าสดุ ของท้งั สองฝ่ายและหลักท่ีเอาไว้วงิ่ อ้อม (อาจใชก้ รวยแทนหลัก) วิธีการเล่น ๑. เราจะแบ่งผเู้ ล่นทง้ั หมดออกเป็นสองฝ่าย โดยจะแต่ละฝ่ายจะมผี ู้เล่นประมาณ ๕-๑๕ คน ไม่ควรมากหรือ นอ้ ยไปกว่าน้ี เพราะอาจจะทาใหก้ ารแขง่ ขนั ไม่สนุกเท่าท่ีควรหากผู้เลน่ น้อยหรือมากไป ๒. เตรียมหลกั หรือกรวยเป็นเขตแบง่ สาหรับแตล่ ะทมี ห่างกันประมาณ ๘-๑๐ เมตร ๓. ใหผ้ ้เู ลน่ ทั้งสองฝ่ายตอ่ แถวกันที่หลักหรือกรวยของฝ่ายตนเองห้ามเกนิ ไปจากหลักหรือกรวย และใหค้ น ทวี่ ่งิ คนแรกถอื ผ้าเพื่อไวส้ าหรบั ตีหรือสมั ผัสฝ่ายตรงข้าม ๔. ให้วิ่งออกจากด้านขวามือของฝ่ายตัวเองแล้ววงิ่ ไปใหเ้ รว็ ท่สี ุดและตีผ้าใส่ฝ่ายตรงข้ามหากยงั ไมไ่ ดเ้ มื่อ ครบรอบใหส้ ง่ ผ้าให้ทีมเราหลงั จากว่งิ กลับมาถงึ ทห่ี ลักของเรา แลว้ คนทีร่ ับผ้าตอ่ ก็จะวิง่ ไปเร่ือยๆ จนกว่าจะ มที ีมใดทมี หน่งึ ว่ิงเร็วจนสามารถนาผา้ ไปตอี ีกฝ่ายได้ ฝ่ายที่ตผี ้าไดก้ จ็ ะเป็นฝ่ายชนะ ข้อหา้ ม ๑.หา้ มวง่ิ ไม่ออ้ มหลักหรือกรวย ๒.หา้ มทาผา้ ตกหากทาตกตอ้ งวง่ิ ไปเก็บผ้าแล้วสามารถวิ่งต่อได้ ๓.ฝ่ายท่ียนื รอผา้ หา้ มขัดขวางการวิง่ ของฝ่ายตรงข้ามเม่อื ฝ่ายตรงข้ามว่ิงไปถึงหลกั ของตน ๔.หา้ มจงใจเตะหลกั หรือกรวยล้ม เป็นไปไดห้ ้ามโดนหลักหรือกรวย

๔ ประโยชน์ที่ไดร้ ับ ๑.ความแขง็ แรงของผู้เล่น ๒.ความสามคั คีของทีม ๓.ความคลอ่ งแคลว่ วอ่ งไว ๔.ความรกั ความมีน้าใจนักกฬี า

๕ เดินกะลา การละเลน่ เ ดินกะลา เด็กรุ่นก่อนๆ จะชอบเล่นเดินกะลามาก เพราะกะลาหาง่ายมีอยูท่ วั่ ไป การเดนิ บนกะลา น้นั ผ้ทู ่เี ริ่มฝึกจะรู้สึกเจ็บฝ่าเท้า เพราะความโคง้ มนและความแข็งของกะลา แต่ถ้าได้ฝึกบอ่ ยๆ อาการเจบ็ กจ็ ะ หายไป ทาให้กล้ามเนื้อบริเวณเทา้ แข็งแรงข้นึ และยงั เป็นการนวดฝ่าเทา้ ไปในตัวด้วย นอกจากน้ผี ้เู ล่นจะฝึกในเรื่องของการทรงตวั ซ่งึ จะทาใหเ้ รียนรู้เรื่องของความสมดลุ ไปในตวั อกี ด้วย คนท่ี รกั ษาสมดลุ ของร่างไดด้ ีก็จะทรงตัวได้ดีและมกั จะถึงเส้นชัยกอ่ น นอกจากน้ถี า้ เล่นเดินจนเบอ่ื แลว้ ก็ยงั สามารถเอามาเลน่ เป็นโทรศพั ทพ์ ูดแลว้ ไดย้ นิ เสียงกนั ได้ กะลาสามารถเรียนรู้เรื่องของเสียงได้อีกด้วย อุปกรณ์ -กะลามะพรา้ วแก่ ๒ ซีก (ดา้ นมีรู) - เชือก ๑ เส้น ยาวประมาณ ๑.๕๐ – ๒.๐๐ เมตร ขั้นตอนการทา - ผ่ากะลาคร่ึงซีก แลว้ เจาะรูทก่ี ้นกะลา - นาเชือกมาร้อยผ่านรูกะลาอนั หน่งึ - มดั เป็นปมขัน้ รูกะลา - ทาอกี ขา้ งหน่งึ เชน่ เดียวกัน เป็นอันเสรจ็ สมบูรณ์ วิธีการเล่น ใหข้ ีดเส้นชยั โดยห่างจากเส้นเริ่มต้น ๓ เมตรหรือ ๕ เมตรหรือตามแต่จะตกลงกันเอง ผู้เลน่ จะต้องข้นึ ไปยนื บนกะลาท่ีควา่ ลงท้งั สองซกี ใช้น้วิ หัวแมเ่ ทา้ กับนวิ้ ช้ีคีบหนบี เชือกไว้ มือจบั เชอื กดึงใหถ้ นดั เริ่มเล่นโดยการ ใหท้ ุกคนเดินจากเสน้ เริ่มต้นแขง่ ขันกนั ใครทีถ่ งึ เส้นชัยก่อนก็ชนะ หรือถา้ ไมเ่ ล่นแบบแขง่ ขันกัน ก็ใชเ้ ลน่ เดนิ ในสวน หรือทสี่ นามก็ได้ สามารถใช้เป็นการออกกาลังกาย ก็เป็นการเล่นท่ีสนกุ อีกแบบ ประโยชน์ที่ไดร้ ับ เดินกะลา กค็ อื ชว่ ยฝึกการทรงตวั ความสมดลุ ของร่างกาย เพราะต้องระวังไมใ่ ห้ตกกะลา ชว่ งแรก ๆ อาจจะ รูส้ กึ เจบ็ เท้า แต่ถา้ ฝึกบ่อย ๆ จะชนิ และหายเจบ็ ไปเอง แถมยงั ทาใหร้ ่างกายแข็งแรง เพลดิ เพลนิ อกี ดว้ ย

๖ ตีลกู ลอ้ เป็นของเลน่ พนื้ บา้ นของไทยท่ีเด็กๆ ใช้ไมต้ วี งล้อให้หมนุ วงิ่ ไปข้างหนา้ ผเู้ ลน่ จะว่ิงตามใชไ้ มต้ ไี ปเรื่อยๆ บางทจี ะตีวงล้อกลมแขง่ ขนั กนั หรือใช้สาหรับแข่งวงิ่ ผลัด ลอ้ วงกลมบางทกี ็เรียกวา่ ล้อวงกลมใช้ไม้ตี หรือตี ลกู ล้อ ของเล่นประเภทน้ี ประหยดั ทาได้ง่าย ได้ประโยชนท์ างด้านการออกกาลังกาย และสรา้ งความ เพลิดเพลินสนกุ สนาน เพราะจะเล่นเป็นกลุม่ ๆ อุปกรณ์ ยางรถจกั รยาน หรือวงล้อไมเ้ ป็นซี่ๆ หรือขอบกระด้งท่ีไมใ้ ชแ้ ล้ว และไมส้ าหรับตีขนาดเหมาะสมกบั มอื ผู้ เล่น วิธกี ารเล่น กาหนดจุดเร่ิมตน้ และเสน้ ชยั ไว้ นาลกู ลอ้ มายงั จุดเริ่มต้น และวิ่งเอาไมต้ ลี กู ลอ้ ใหก้ ลิ้งไป คอยเล้ยี งลูกลอ้ ไว้ ใหก้ ลิง้ ไปข้างหนา้ โดยไมใ่ ห้ลกู ล้อสะดุดพลิกควา่ ผทู้ ่ใี ช้วงล้อจะได้เปรียบเพราะวงล้อมรี ่องสาหรับใส่ยาง เอาไมด้ นั ได้สะดวกและตรงกวา่ ไมแ่ กว่งไปแกวง่ มา หากใครถงึ เส้นชัยก่อนเป็นผชู้ นะ ประโยชนท์ ี่ไดร้ ับ อาศัยทักษะและความรวดเรว็ ได้ออกกาลังกายส่วนขาให้แขง็ แรงและไดส้ นุกกบั การแขง่ ขนั ฝึ กความว่องไว สมาธิ การออกกาลงั กายแขนและขา

๗ มอญซ่อนผ้า การเล่นมอญซ่อนผ้า เป็นการเลน่ ทีง่ ่าย ไมม่ กี ฎกตกิ ามากมายนักมกั เป็นการละเลน่ ของหนมุ่ สาว โดยมากจะ ซอ่ นเป็นคู่ ๆ เป็นการเจาะจงตวั ผูซ้ อ่ น นิยมเล่นในงานเทศกาลต่าง ๆ โดยเฉพาะเทศกาลตรุษสงกรานต์ อปุ กรณ์ ผเู้ ลน่ ไม่จากดั จานวนผเู้ ลน่ ยง่ิ มากเท่าไรก็ยงิ่ เพิ่มความครึกครื้น เล่นได้ทง้ั หญงิ และชายเคร่ืองเลน่ ผ้าเชด็ หนา้ ขนาดใหญ่หน่งึ ผืน ไม่ต้องขมวดหรือพนั ใหเ้ ป็นเกลียว เพราะถา้ ฟาดถกู ผใู้ ดเข้าแลว้ จะเจ็บ สถานที่เล่น ไม่ จากดั กว้างยาว แล้วแต่จานวนผู้เลน่ วิธกี ารเลน่ ขนั้ ท่ี ๑ ให้ผ้เู ล่นท้ังหมดจับไมส้ ้นั ไมย้ าว ผ้ทู ่ีได้ไม้ส้นั ท่สี ุด ถือผ้าเชด็ หน้าที่เตรียมไวแ้ ล้วออกไปยืนขา้ งนอก ท่ีเหลือนอกน้นั นงั่ กันเป็นวงกลม หนั หน้าเขา้ หากนั ในระยะห่างกนั ประมาณ ๑ ศอก เอามือท้ังสองพาดไวท้ ่ี ตัก คยุ กนั หรือร้องเพลงกไ็ ด้ เพื่อความรื่นเริง ขน้ั ท่ี ๒ ใหผ้ ูถ้ ือผา้ บงั ตวั ไวม้ ิใหผ้ นู้ ั่งเหน็ ได้ถนัด แลว้ เดินหรือว่งิ ไปรอบๆ วงต้องทาทา่ หรือหนา้ ตาให้สนทิ เดนิ บ้างวง่ิ บ้าง ทาเป็นวางผา้ แต่ไมว่ าง เพ่อื หลอกลอ่ ผูท้ ี่น่ังให้เผลอตวั เมอ่ื เห็นเป็นโอกาสแล้วกแ็ อบหย่อนผ้า ลงไว้ใกล้หลังผูน้ ัง่ คนใดคนหน่งึ เมือ่ วางผ้าแล้วควรเดนิ หรือวิง่ ใหเ้ รว็ ต่อไปเพ่ือกลบั ถึงท่ีเดิมโดยมิใหผ้ ูน้ ้นั ตอ้ งรูต้ วั ขน้ั ท่ี ๓ ถา้ ผถู้ กู วางผา้ ขา้ งหลงั รูส้ ึกตัวเสียกอ่ นผู้วางผ้ามาถงึ กต็ ้องรีบฉวยผา้ วง่ิ มานั่งแทนท่ีของตนได้ แล้ว จงึ เดินหาโอกาสวางผา้ ไว้ข้างหลงั ผูห้ น่งึ ผ้ใู ดต่อไป แตถ่ ้าถกู วางขา้ งหลงั ไม่รูส้ กึ ตวั จนผูท้ ีว่ างว่งิ มาถงึ กห็ ยิบ ผา้ ทีว่ างน้นั ข้นึ ฟาดผถู้ กู วางจนกว่าจะลุกข้นึ รบั ผ้าออกเดนิ ผู้วางจงึ ลงนง่ั แทนที่ ข้อระวังในการเลน่ ผู้น่ังทุกคนจะหนั หนา้ ไปดขู า้ งหลงั ไมไ่ ด้ ถา้ หากสงสยั ว่าจะมผี า้ อยขู่ ้างหลังตนหรือไมก่ ็ ให้ใช้มอื คลาดูเท่าน้นั ผู้ถือต้องวางผ้าลงข้างหลังให้ใกล้ตัวผนู้ งั่ จะวางเกนิ กว่า ๑ ศอกไม่ไดแ้ ละให้วิง่ หรือ เดนิ ตอ่ ไปข้างหน้าจนบรรจบรอบ จะหนั หลังเดินยอ้ นมาไม่ได้ ประโยชนท์ ไี่ ดร้ บั หัดใหผ้ เู้ ล่นเป็นคนวอ่ งไวเพื่อฝึกใหผ้ ูเ้ ล่นเป็นคนทมี่ ีไหวพริบ และรู้จักสงั เกตเหตุการณต์ ่างๆ

๘ กาฟักไข่ เป็นอีกหน่งึ การละเลน่ ทเี่ คยได้ยินชือ่ แต่หลายคนไมท่ ราบกติกา โดยวธิ ีการเล่นกค็ ือ ใช้อะไรกไ็ ดล้ ักษณะ กลม ๆ เท่าจานวนคนเลน่ ยกเว้นผทู้ ่ีเป็นกา 1 คน มาสมมตวิ า่ เป็น \"ไข\"่ แลว้ เขยี นวงกลมลงบนพน้ื ๒ วง วง แรกเสน้ ผา่ ศูนย์กลางประมาณ 4 ฟุต และอีกวงหน่งึ อยู่ข้างในวงแรก ขนาดเสน้ ผา่ ศูนย์กลาง 1 ฟตุ วาง \"ไข่\" ทง้ั หมดไว้ในวงกลมเล็ก ให้คนใดคนหน่งึ เป็นกา ยนื ในวงกลมวงใหญ่ หรือนัง่ คร่อมวงกลมเล็ก นอกน้นั ทกุ คนยืนรอบนอกวงกลมวงใหญ่ คอยแยง่ ไข่ คนเป็นกามหี นา้ ท่ปี อ้ งกนั ไข่ ไม่ให้ถูกแยง่ ไป อปุ กรณ์ กาบมะพร้าวเพ่ือใช้สมมติเป็นไขก่ า คนละ ๑ กาบ ลกู ตระกรอ้ เล็กๆขนาดผลส้มเขียวหวาน หรือจะใชก้ ่งิ ไม้ เลก็ ๆยาวประมาณ ๑ คืบแทนก็ได้ สถานทเี่ ล่น บนพนื้ ดินกลางแจง้ วิธีการเล่น ๑. ขดี เสน้ เป็นวงกลมบนพนื้ กว้างพอสมควร นาเอาไขข่ องทกุ คนไปรวมกันในวงกลม แลว้ หาผเู้ ล่น ๑ คน ไปเป็นกาคอยรักษาไข่ไม่ให้ผ้เู ลน่ คนอ่ืนแยง่ ไข่ไปไดโ้ ดยผู้เป็นกาจะใช้มอื หรือเท้าป้องไข่ไว้ โดยจะป้องกนั ได้เฉพาะในวง จะออกนอกวงไมไ่ ด้ ๒. สว่ นผู้แย่งไขต่ อ้ งระวงั อย่าใหม้ ือหรือเท้าของกามาถูกตนได้ถ้าไปถูกใครเขา้ คนน้นั จะต้องเขไ้ ปเป็นกา แทน แลว้ เริ่มเล่นกนั ใหม่ ไขท่ ีแ่ ย่งไปไดต้ ้องคนื หมด แต่ถ้ากาถูกแยง่ ไข่ไปไดห้ มด ผเู้ ป็นกาจะต้องปิดตา แลว้ ผู้เล่นคนอนื่ จะเอาไขไ่ ปซอ่ นตามสถานที่ใกล้ๆ น้นั ๓. หลังจากน้นั กาตอ้ งออกตามหาไขใ่ ห้ไดค้ รบจานวน ถ้าหาไม่ครบแล้วยอมแพ้ก็จะถูกผู้ซอ่ นไข่ดงึ หพู าไป หาที่ซอ่ นไขจ่ นครบ และต้องเป็นกาต่อไป แต่ถา้ กาหาไข่ได้หมด เจ้าของไข่ทถ่ี ูกกาหาพบคนแรกจะต้องมา เป็นกาแทน

๙ ประโยชนท์ ไี่ ด้รับ ๑. ด้านสตปิ ญั ญา การละเล่นกาฟักไขท่ าใหเ้ ดก็ ได้ใช้ไหวพริบในการขยับแขนและขา เพื่อปอ้ งกนั ไข่ และ ฝ่ายทแ่ี ยง่ ไข่กต็ ้องคดิ วา่ จะหลอกลอ่ ผทู้ ี่เป็นกาอย่างไร เพื่อใหแ้ ยง่ ไขอ่ อกมาได้ ๒. ด้านอารมณ์ ทาให้เดก็ มคี วามสนุกสนานเพลิดเพลิน คลาดเครียด ๓. ด้านร่างกาย เด็ก ๆ ใหอ้ อกกาลังกาย ฝึกความว่องไวของแขนขาและตา ๔. ด้านจิตใจ ฝึกสมาธิ เน่อื งจากเดก็ ทเ่ี ป็นกาจะต้องมีใจจดจ่องคอยดูวา่ ผ้เู ล่นคนใดจะแย่งไข่ ฝ่ายทแี่ ย่งไข่ กต็ อ้ งมสี มาธิรอจังหวะดี ๆในการจะเขา้ ไปแย่งไข่ออกมา

๑๐ หมากเกบ็ ของเลน่ ท่เี ล่นกนั ทั่วโลก สว่ นใหญ่ใชก้ อ้ นหนิ ๕ กอ้ น อปุ กรณห์ าง่าย จงึ มีการตง้ั กติกากันนดิ หน่อย และ ปรับเปลย่ี นบา้ งตามแต่ละพนื้ ที่ วธิ กี ารเลน่ หลกั ๆ คอื การเลอื กหนิ กอ้ นนาแล้วโยนข้นึ อากาศ พร้อมกับรวบ กอ้ นหนิ ท่รี อท่าอยูท่ พ่ี ้ืน รวบป๊ บุ รอรบั กอ้ นท่กี าลงั ร่วงจากอากาศปั๊บ ถอื เป็นการเลน่ ทีส่ ายตาและมือต้อง ประสานกนั ดว้ ยความแม่นยา อุปกรณ์ ก้อนหนิ ลกั ษณะค่อนข้างกลมขนาดเทา่ หวั แมม่ ือ จานวน ๕ เมด็ วธิ ีการเลน่ ใช้สิ่งสมมติเป็นหมาก ๕ กอ้ นเร่ิมต้นด้วยการทอด คือ การเทปลอ่ ยใหห้ มากทงั้ ๕ กระจาย ไปบนพน้ื กระดานถา้ กอ้ นไหนอยู่หา่ งถอื เป็นตัวนาและข้นึ ตน้ ดว้ ยหมากหน่งึ คอื หยบิ นาลูกไวต้ ่างหากโยนข้นึ ไป แลว้ ปลอ่ ย ๔ ลกู กระจายบนพ้นื ทลี ะลูก และรบั ลกู ทโี่ ยนให้ได้ ในขณะเดียวกนั ถ้าเก็บได้หมดก็ตอ่ หมาก ๒ หมาก๓ หมาก๔ ต่อไปด้วยวธิ เี ล่นแบบเดียวกัน แต่ถ้าเก็บลกู ๓ ลกู พรอ้ มกนั เรียกว่า หมาก๓ แล้วจงึ เก็บอกี ๑ ลูก ถา้ รวมหมดเรียกวา่ หมาก๔ และลกู โยนน้นั จะตกไม่ได้ ถา้ ตกนบั เป็นได้ ตอ้ งใหค้ นอื่นเลน่ ต่อไป หมากเกบ็ น้มี วี ธิ เี ลน่ พลกิ แพลงหลายอย่าง เช่นการใชม้ อื ซ้ายป้องและเข่ีย หรือเกบ็ หมากให้เขา้ ในมอื ทลี ะลกู ทลี ะ ๒๓๔ ตามลาดบั เรียกวา่ \"อีกาเขา้ รัง\" ถ้าเขี่ยไม่เขา้ กน็ บั เป็นตายยงั มี \"อกี าออกรงั \" \"รูปู\" ซ่งึ ใช้มอื ซ้าย รูปต่างๆ ถา้ ใชน้ ้วิ กลางและนว้ิ หัวแมม่ อื ยืนพน้ื เป็นรูปเหมอื นรูปูก็เรียก \"รูป\"ู ผ้เู ล่นต้องเกบ็ หมากลงในรูปู หรือเขยี่ ออกนอกรงั ในขณะทร่ี บั ลูกโยนให้ได้ พรอ้ มกัน การละเลน่ ชนิดน้ตี อ้ งอาศัยการคาดคะเนให้ดี ในขณะโยนลูกว่าควรจะสงู ต่าเพียงใด ในการโปรยลูกวา่ ถึงกาหนดต้องเก็บอย่างไร จะไดโ้ ปรยใหห้ มาก เหล่าน้นั อยู่ชิดหรือหา่ งกันอยา่ งไร เพราะถา้ มอื ที่เกบ็ ไปถกู ลูกหมากอีกลูกหน่งึ ซ่งึ ไมไ่ ดอ้ ยู่ในแมท่ ีก่ าหนด ไวก้ ็ถอื เป็นตายเหมือนกัน

๑๑ ประโยชนท์ ไ่ี ด้รบั ๑. เป็นการใช้เวลาวา่ งใหเ้ ป็นประโยชน์ ๒. เป็นการฝึกสมาธิ เกดิ ไหวพริบในการแก้ปัญหา ๓. ฝึกน้าใจเป็นนกั กีฬา โดยปราศจากการพนนั อนั เป็นอบายมุข ๔. เป็นการปลกู ฝังความรักความสามัคคใี นหม่เู ด็ก

๑๒ ขมี่ ้าก้านกล้วย การเล่นมา้ ก้านกล้วยทาใหเ้ ด็กสนกุ สนาน เกดิ จินตนาการ ไดอ้ อกกาลังกาย โดยเดก็ จะใช้กา้ นกลว้ ยมาทาเป็น หัว หู และหางมา้ แลว้ สมมตติ วั เองวา่ เป็นคนขม่ี ้าพาว่งิ มา้ ก้านกล้วยเป็นการเลน่ พนื้ บ้านของเดก็ ทีด่ ีอกี ชนิด หน่งึ ทถ่ี อื เป็นวฒั นธรรมของท้องถิน่ ใหเ้ ดก็ ๆ ได้มาทากจิ กรรมร่วมกัน อุปกรณ์ - ก้านกลว้ ย , มีด , ไมก้ ลดั , เชอื ก หรือเชอื กฟางก็ได้แลว้ แตเ่ ราสะดวกในการเล่น วิธที ามา้ กา้ นกลว้ ย - ตวั มา้ ตดั กา้ นกล้วยขนาดใหญม่ าหน่งึ ก้าน ให้มคี วามยาวประมาณ๑ เมตรข้นึ ไป ใช้มีดคมเลาะใบกลว้ ยถึง ปลาย เอาสว่ นกลางกา้ นกล้วยมาทาเป็นลาตัว - หางม้า ปลายกา้ นกล้วยใหเ้ หลือส่วนท่ีเป็นใบตองไวเ้ ล็กน้อย เพื่อสมมุ ตใิ หเ้ ป็นหางมา้ - หัวม้า กา้ นกลว้ ยตรงโคนที่มีขนาดใหญ่ ให้ใชม้ ีดปาดทั้งสองด้าน ความยาวประมาณ ๑๐ ซ. - คอมา้ หกั คอให้เป็นคอม้า มหี สู องข้างต้ังชนั แลว้ ใชไ้ มก้ ลดั แทงตรงกา้ นหวั ให้แน่นเพื่อเป็นหัวมา้ - บังเหียนตดั เชือก ใหม้ ีความยาวพอประมาณ ผกู ตรงหวั และตรงท้ายสาหรบั สะพายหรือไว้คลอ้ งไหล่ผู้เลน่ วธิ กี ารเล่น ให้นาก้านกล้วยที่เปลย่ี นสภาพมาเป็นกา้ นกล้วยโดยสมบูรณ์แล้ว ข้นึ ขีบ่ นกา้ นกลว้ ยแล้ว ออกวิ่ง จากน้นั ส่งเสยี งรอ้ ง ฮ้ฮี ้ี แตถ่ า้ มผี ู้เล่น๒คนข้นึ ไป กส็ ามารถจดั เป็นการแข่งขันข้นึ ได้ โดยฝ่ายไหนวงิ่ เรว็ ทีส่ ุดกจ็ ะเป็นผชู้ นะ ประโยชน์ทไ่ี ดร้ ับ - การทาทา่ เหมือนม้า ทาให้เดก็ มจี นิ ตนาการ และ กลา้ แสดงออก - เป็นการออกกาลังกายอย่างดสี าหรบั เด็กในวยั น้นั - รักษาประเพณพี ้ืนบ้านของไทย

๑๓ บรรณานุกรม วิง่ เป้ียว. (ม.ป.ป.). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : https://sites.google.com/site/wingperiyw. (วนั ท่ีค้นข้อมูล ๒๗ พ.ย. ๒๕๖๔) เดนิ กะลา. (๑๘ พ.ย. ๒๕๕๘). [ออนไลน์]. เขา้ ถึงได้จาก : https://sites.google.com/site/a2nkarlalenphunban/kar-la-len-phun-ban-1/dein-kala. (วนั ที่ค้นขอ้ มูล ๒๗ พ.ย. ๒๕๖๔) การละเล่นพ้นื บา้ น. (๒๙ ก.พ. ๒๕๕๙). [ออนไลน]์ . เขา้ ถงึ ไดจ้ าก : https://sites.google.com/site/kanlalenphunbankhongthai/. (วนั ที่ค้นข้อมลู ๒๗ พ.ย. ๒๕๖๔) ลอ้ วงกลม(Lo Wong Klom). (๔ พ.ค. ๒๕๕๗).[ออนไลน์]. เขา้ ถึงไดจ้ าก : http://khonglenthai.blogspot.com/2014/05/lo-wong-klom.html. (วนั ทค่ี น้ ข้อมลู ๒๗ พ.ย. ๒๕๖๔) การละเลน่ พืน้ บ้าน:มอญซอ่ นผา้ . (ม.ป.ป.). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : http://www.trangzone.com/prapenee_detail.php?ID=55 (วนั ท่ีค้นข้อมลู ๒๗ พ.ย. ๒๕๖๔) กาฟักไข่-A2Nการละเลน่ พน้ื บา้ น. (๒๕ พ.ย.๒๕๕๘). [ออนไลน]์ . เข้าถงึ ไดจ้ าก : https://sites.google.com/site/a2nkarlalenphunban/kar-la-len-phun-ban-1/kar-fak-khi (วนั ทคี่ น้ ข้อมูล ๒๗ พ.ย. ๒๕๖๔) การละเลน่ หมากเก็บ. (๑๓ ต.ค. ๒๕๕๗). [ออนไลน์]. เข้าถงึ ไดจ้ าก : https://sites.google.com/site/suxkarsxnkarlalenphunban/kar-la-len-hmak-keb (วนั ท่คี น้ ขอ้ มูล ๒๗ พ.ย. ๒๕๖๔)

ม้าก้านกล้วย-การละเล่นของไทย. (๒๑ ม.ค. ๒๕๕๙). [ออนไลน]์ . เขา้ ถงึ ไดจ้ าก : https://sites.google.com/site/karlenkhxngthiy/ma-kan-klwy (วนั ที่ค้นขอ้ มลู ๒๗ พ.ย. ๒๕๖๔)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook