หนวยการเรียนรูอ ิงมาตรฐาน รหสั วชิ า ค22101รายวชิ าคณติ ศาสตรพ ื้นฐาน ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ่ี2 ภาคเรยี นท่ี ๒ ปการศึกษา 2562 ผูจดั ทาํ นางกัญญาวรี เศวตวงศ กลุม สาระการเรยี นรู คณิตศาสตร โรงเรยี นนํา้ ปลีกศกึ ษา สาํ นักงานเขตพื้นท่ีการศึกษามธั ยมศกึ ษาเขต 29
หนว ยการเรยี นรทู ี่ 2 เรื่อง ทฤษฏบื ทกลบั พธิ ากอรสั รหัสวิชา ค22102 รายวชิ าคณติ ศาสตรพ ้ืนฐาน ชนั้ มธั ยมศึกษาปท ่ี 2 กลุมสาระการเรยี นรู คณติ ศาสตร ปการศกึ ษา 2562 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 9 ช่วั โมง ผูสอน นางกญั ญาวรี เศวตวงศ 1.มาตรฐานการเรียนรู / ตวั ชว้ี ัด/ผลการเรยี นรู(รายวิชาพนื้ ฐานมีท้งั มาตรฐานการเรียนรแู ละตวั ชวี้ ดั รายวิชา เพ่ิมเตมิ มผี ลการเรียนรู) 1.1. มาตรฐานการเรียนรู ค2.2 เขาใจและวิเคราะหรปู เรขาคณติ สมบตั ขิ องรูปเรขาคณติ ความสมั พนั ธร ะหวา งรูปเรขาคณติ และ ทฤษฎบี ททางเรขาคณิตและนาํ ไปใช 1.2ตัวชว้ี ัด/ผลการเรยี นรู ค1.2 ม.2/5 เขาใจและวเิ คราะหร ูปเรขาคณิตสมบตั ขิ องรปู เรขาคณติ ความสมั พนั ธร ะหวา งรปู เรขาคณติ และทฤษฎบี ททางเรขาคณติ และนาํ ไปใช 2. สาระสาํ คญั /ความคดิ รวบยอด สาํ หรับรปู สามเหลีย่ มมมุ ฉากใดๆ พนื้ ทข่ี องรปู ส่ีเหล่ียมจตั ุรสั บนดานตรงขามมมุ ฉากเทา กบั ผลบวกของพ้ืนที่ ของรูปส่ีเหลย่ี มจตั รุ สั บนดานประกอบมุมฉาก สาํ หรับรูปสามเหล่ยี มใดๆ ถากาํ ลังสองของความยาวของดานดา นหนง่ึ เทากบั ผลบวกของกาํ ลงั สองของความ ยาวของดานอกี สองดานแลว รปู สามเหลย่ี มน้นั เปน รปู สามเหลยี่ มมุมฉาก ความรเู ร่อื งทฤษฎบี ทพที าโกรสั และบทกลบั สามารถนําไปใชแกป ญหาไดใ นชวี ติ จรงิ เชน การคาํ นวณหาระยะทางความกวางความยาวหรือความสูงของสง่ิ ตางๆทเ่ี กยี่ วของกบั รูปสามเหลย่ี ม ทเี่ ชอ่ื มโยงกบั ทฤษฎีบทพที าโกรสั 3. สาระการเรยี นรู 3.1 สาระการเรยี นรูแกนกลาง/สาระการเรียนรเู พ่ิมเตมิ (รายวชิ าเพ่มิ เติม) ๓.1สาระการเรยี นรูแกนกลาง 1)ทฤษฎบี ทพที าโกรสั และบทกลับ 2)การนาํ ความรูเ ก่ียวกบั ทฤษฎบี ทพที าโกรสั และบทกลับไปใชใ นชวี ติ จรงิ 3.2.สาระการเรียนรทู องถิน่ (ถา ม)ี
4. สมรรถนะสําคัญของผเู รยี น (เฉพาะท่ีเกิดในหนวยการเรียนรนู ี้) 4.1 ความสามารถในการส่ือสาร 4.2 ความสามารถในการคดิ 4..3 ความสามารถในการแกป ญ หา 4.4 ความสามารถในการใชทักษะชีวติ 4.5 ความสามารถในการใชเ ทคโนโลยี 5. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค(เฉพาะทเ่ี กดิ ในหนว ยการเรียนรนู ี)้ 5.1คณุ ลักษณะอนั พง่ึ ประสงค( ตามหลกั สตู รแกนกลาง) 1)รักชาตศิ าสน กษตั รยิ 2) ซ่อื สัตยส จุ ริต 3) มวี ินยั 4) ใฝเ รียนรู 5) อยูอยางพอเพยี ง 6)มงุ ม่ันในการทํางาน 7) รกั ความเปน ไทย 8)มีจติ สาธารณะ 5.2คุณลกั ษณะตามหลกั สตู รมาตรฐานสากล 1) มีความรพู ื้นฐานในยุคดจิ ิตอลวิทยาศาสตร เศรษฐศาสตร เทคโนโลยี รูภ าษาพหุวฒั นธรรมตระหนกั สาํ นึกระดับโลก 2) สามารถคดิ ประดษิ ฐอยางสรา งสรรค ปรบั ตวั ใฝร ู ใฝเรียนวิเคราะห สงั เคราะห สรปุ สรางองคค วามรู 3) มีทกั ษะสื่อสารอยางมีประสทิ ธภิ าพ 4)มีความสามารถในการใชทกั ษะชวี ิต 5) มีความสามารถในการใชเ ทคโนโลยี 6. ทักษะผูเรยี นในศตวรรษท่ี 21 (3Rs8Cs 2Ls)(กําหนดลอยไวถาจดั กจิ รรมท่ีมกี ารปฏบิ ตั /ิกลุม/ชน้ิ งาน/โครงงานจะเกดิ อยู แลว ) 1.ทักษะในสาระวิชาหลกั (3Rs) 1.1 Reading (อาน) 1.2 (W)Riting(เขยี น) 1.3 (A)Rithemetics(คณติ ฯ) 2.ทกั ษะการเรียนรูและนวัตกรรม(8Cs) 2.1CriticalThinking andProblem Solving(การคิดวจิ ารณญาณและแกปญ หา) 2.2 Creativity andInnovation(การสรา งสรรคแ ละนวตั กรรม) 2.3Cross-culturalUnderstanding(ความเขาใจความตา งวฒั นธรรม) 2.4 Collaboration,Teamwork andLeadership(การทาํ งานเปน ทมี ภาวะผูน าํ ) 2.5 Communications, Information,and MediaLiteracy (การสอ่ื สารสารสนเทศ) 2.6Computing andICTLiteracy (ทกั ษะดา นคอมพิวเตอรแ ละเทคโนโลย)ี 2.7 Career andLearning Skills(ทกั ษะอาชีพและการเรยี นร)ู 2.8Compassion(คณุ ธรรมเมตตากรุณาระเบียบวนิ ัย)
7. บูรณาการกิจกรรมสะเต็มศึกษา (จาก STEMสู STEAM) 1. S (Science) :ระบุเนื้อหา/ กิจกรรม ............ การแตกตัวของกรดเบส , การไทเทรต....... 2.T(Technology) :ระบเุ น้อื หา/กจิ กรรมการใชค อมพวิ เตอรส บื คน ออกแบบ กรดเบส , สารละลายบฟั เฟอร 3.E(Engineering) :ระบเุ น้อื หา/กิจกรรม ................................................................................................................................................................................................................................................. 4.A (Art) :ระบุเน้อื หา/กจิ กรรมการออกแบบโครงสรา งปายนเิ ทศ ................................................................................................................................................................................................................................................. 5.M (Mathematics) :ระบเุ นอื้ หา/กิจกรรม ทฤษฎีบทกลบั พิธากอรสั 8. การบรู ณาการตามพระราชบญั ญตั ิการศึกษาแหงชาติ (เฉพาะทเ่ี กดิ ในหนวยการเรยี นรูน)้ี 8.1บรู ณาการสวนพฤกษศาสตรโรงเรียน 8.2บูรณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง 8.3บรู ณาการหองเรียนสเี ขยี ว 8.4อืน่ ๆ(โปรดระบ)ุ .............................................................................................................................................................................................................................. 9. การบูรณาการและเตรียมความพรอ มในการสอบ Pre O-NET, O-NET, PISA มาตรฐานการเรียนร/ู ตวั ช้ีวดั ตวั ชี้วดั มาตรฐาน - ขอ สอบ /ประเด็น /หัวขอ บทกลับพธิ ากอรสั 10. ชิ้นงาน /ภาระงาน (รวบยอด) มอบหมายงาน ช้ินงาน ผังมโนทัศน) 10.1 ภาระงาน สอบกอ นเรยี นดวยแบบทดสอบกอนเรียนเปน รายบคุ คล ศึกษาใบความรูป ฏบิ ัติ กจิ กรรมในแบบฝก หดั ปฏิบัตกิ จิ กรรมตามแบบปฏิบัตกิ จิ กรรมกลุมและสอบหลังเรียน แบบฝกทักษะและใบ งาน 10.2 ชิ้นงานสิง่ ประดิษฐส่ือเอกสารโปสเตอร แผน พับ ภาพวาดส่อื คอมพิวเตอร บทประพนั ธ กลอน เพลงละครส้นั หรือการนําเสนอรปู แบบอนื่ ๆ ตามความถนดั และความสนใจ
11. สอ่ื /แหลง การเรยี นรู 1) เอกสารประกอบการเรยี นโดยใชใชวธิ ีสอนแบบโครงงาน(PBL) เร่ือง ............................................................................................................. 2) แหลงเรียนรูในโรงเรียนเชน หองสมดุ หองปฏิบัติการคอมพิวเตอรระบบเทคโนโลยีสารสนเทศการศึกษาทางไกล ผานเทคโนโลยีสารสนเทศ(DLIT)เวบ็ ไซตสบื คน ) 3) สอบถามจากบคุ ลคลเชนครู เจาหนาทที่ ั้งในและนอกโรงเรยี นโดยสามารถตดิ ตอสอบถามแลกเปล่ยี น เรยี นรกู ับครูผา นระบบเครอื ขา ยสงั คม(SocialNetwork) และเพอ่ื นไดท่ี (โทรศพั ทมือถอื ครู ..................................... ,Line ID : KRUYOK
12.การวดั และประเมนิ ผล การวัดและประเมินผล(มหี รอื ไมก็ได อาจระบุกวา งๆ) ความกา วหนา วธิ วี ัด เคร่อื งมือ คะแนน เกณฑผ า น ของผูเรียน ขน้ั ตํ่า 1.ดานความรู (K) - ทําแบบทดสอบ -แบบทดสอบหลังเรยี นจาํ นวน 10คะแนน 5คะแนน 2.ดา นทกั ษะกระบวนการ(P) หลังเรียน 10 ขอ 3.ดา นสมรรถนะสาํ คัญของ แบบทดสอบทายแผน แบบทดสอบ 5 คะแนน 5 คะแนน ผเู รียน5ประการ -ตรวจผลงานตามแบบฝกหดั -แบบฝก หดั 10 คะแนน 5 คะแนน 4.ดา นทกั ษะผเู รียนใน 10 คะแนน 5 คะแนน ศตวรรษท่ี 21(21stCentury -สงั เกตพฤตกิ รรม -แบบปฏบิ ตั กิ จิ กรรมกลมุ Skils) 5.ดา นการนาํ หลักปรัชญา และประเมนิ ผลงานและการ -แบบประเมนิ ชนิ้ งาน ของเศรษฐกจิ พอเพยี งมาใช ปฏิบตั กิ จิ กรรมกลุม 10คะแนน 5คะแนน 6.ดา นคณุ ลักษณะอนั พงึ 15คะแนน 5คะแนน ประสงค (A) -ประเมินชนิ้ งาน -สงั เกตพฤติกรรมการเรยี นรู -แบบประเมนิ สมรรถนะ -ประเมนิ ผลงานและการปฏิบัติ สําคญั ของผูเรยี น5 กิจกรรมกลมุ ประการ 10คะแนน 5คะแนน -สงั เกตพฤติกรรมการเรยี นรู -แบบประเมนิ ทกั ษะผเู รียนใน -ประเมนิ ผลงานและการปฏิบตั ิ ศตวรรษท่ี 21(21stCenturySkils) กิจกรรมกลุม 10คะแนน 5คะแนน -สงั เกตพฤตกิ รรมการเรยี นรู -แบบประเมนิ การนาํ หลักปรชั ญา -ประเมนิ ผลงานและการปฏบิ ตั ิ ของเศรษฐกิจพอเพยี งมาใช กจิ กรรมกลมุ 10คะแนน 5คะแนน -สงั เกตพฤตกิ รรม -แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ การเรยี นรู และการรว มกิจกรรม ประสงค -ประเมนิ คุณลกั ษณะ 10คะแนน 5คะแนน อันพงึ ประสงคจากการเรยี นรู และการรว มกิจกรรม รวม ๑๐0 ๕0คะแนน คะแนน
13. กจิ กรรมการเรียนรู *นกั เรียนทําแบบทดสอบกอนเรียนหรือแบบประเมนิ กอ นเรียน(ถา มี) (จํานวนเรื่องขึ้นกบั การกาํ หนดในหนว ยการเรยี นรู) หนว ยการเรยี นรทู ี1่ เรอื่ ง ทฤษฎบี ทพที าโกรสั จาํ นวน เวลาเรยี น 4 ช่ัวโมง วิธกี ารสอนแบบอุปนัย (InductiveMethod) ขั้นนํา ขั้นท่ี 1 เตรยี ม 1. นกั เรยี นทาํ แบบทดสอบกอนเรยี นหนว ยการเรียนรูท่ี 2ทฤษฎบี ทพที าโกรัส 2. ครกู ระตุน ความสนใจของนกั เรียนโดยใหนกั เรยี นดูภาพหนาหนวยการเรยี นรูท่ี 2ทฤษฎีบท พที าโกรสั ในหนังสอื เรียนรายวิชาพ้ืนฐาน คณติ ศาสตร ม.2 เลม 2 หนวยการเรยี นรูที่ 2 ทฤษฎี บทพีทาโกรัส 3. จากนัน้ ครถู ามคําถามประจาํ หนว ยการเรยี นรูว า“อยากทราบวาโทรทัศนเ ครือ่ งน้ี มีขนาด กี่นว้ิ ”แลว ใหน ักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็น (หมายเหตุ :ครูและนักเรียนรว มกนั เฉลยคําถามประจําหนว ยการเรยี นรูที่ 2ทฤษฎบี ท พีทาโกรสั หลงั เรยี นหนว ยการเรยี นรทู ่ี 2ทฤษฎบี ทพที าโกรัส) 4. นกั เรียนศึกษากจิ กรรมควรรูกอนเรยี นในหนงั สอื เรียนรายวิชาพน้ื ฐานคณิตศาสตร ม.2เลม 2หนว ย การเรียนรทู ี่ 2ทฤษฎบี ทพที าโกรัส 5. จากน้นั ครูถามคําถามกบั นกั เรยี นดงั นี้ • รปู สามเหล่ียมชนดิ ใดทม่ี ดี า นทง้ั สามยาวเทากนั และมุมทุกมมุ มีขนาดเทากัน • รปู สามเหลย่ี มชนดิ ใดท่ีมดี า นสองดานยาวเทา กนั และมุมทฐี่ านมขี นาดเทากัน • สมบตั ิของรูปสามเหล่ยี มดานไมเ ทากลาวไวอยา งไร • บทนยิ ามของรากทีส่ องกลาวไวอยา งไร • รากทส่ี องทเ่ี ปนบวกของ a ใชสัญลกั ษณใด • รากทสี่ องทเี่ ปนลบของ a ใชสัญลกั ษณใ ด • รากที่สองของ 36 คือจํานวนใด • ถา a เปน จาํ นวนลบใด ๆ จะหารากท่ีสองของ a ไดห รือไม อยางไร
ขน้ั สอน ข้นั ท่ี 2 สอนหรือแสดง 1. นกั เรียนศึกษาความรเู ก่ียวกับทฤษฎีบทพที าโกรสั ในหนังสอื เรยี นรายวิชาพนื้ ฐานคณิตศาสตร ม.2 เลม 2หนว ยการเรยี นรทู ่ี 2ทฤษฎบี ทพีทาโกรัส 2. จากนั้นครูถามคาํ ถามกบั นกั เรยี นดังน้ี • นกั เรียนคดิ วา สิ่งของหรือสิ่งกอ สรางทีเ่ ก่ียวของกบั รูปสามเหล่ียมมุมฉากมี อะไรบาง พรอมทัง้ ยกตัวอยางประกอบ • รูปสามเหล่ยี มท่เี กิดจากปมเชอื กเปน รูปสามเหล่ียมชนิดใด 3. นกั เรยี นแบงกลุมกลมุ ละ4คนโดยแตละกลุมทาํ กิจกรรมคณติ ศาสตร ในหนงั สือเรยี นรายวชิ า พ้นื ฐานคณติ ศาสตร ม.2เลม 2หนวยการเรียนรทู ่ี 2ทฤษฎบี ทพที าโกรัส จากนนั้ ครูขออาสาสมัคร นักเรยี นออกมานาํ เสนอคาํ ตอบหนาชัน้ เรียนโดยครตู รวจสอบความถกู ตอ ง 4. ครถู ามคาํ ถามกบั นกั เรยี นดังน้ี • รูปสามเหลย่ี มมุมฉากทีว่ าดดานใดมีความยาวที่สดุ • การคํานวณคาของ a2+ b2 ในตารางตองใชความรทู างคณิตศาสตรเร่อื งใดบา ง • รูปสามเหลีย่ มมมุ ฉากในลาํ ดบั ท่เี ทา ใดมีความยาวดานเปน จาํ นวนเต็ม • รปู สามเหล่ยี มในลําดับท่ี 4 และลําดบั ที่ 5 มคี วามยาวของดานตรงขามมุมฉาก (c) เปนจํานวนเต็มหรอื ทศนิมยม 5. นกั เรียนรวมกนั เปรยี บเทยี บคาc2 และa2+ b2 วา“ถา ABCเปน รปู สามเหล่ยี มมุมฉาก ซึง่ มมี ุมCเปนมมุ ฉาก จะไดค วามสัมพันธระหวา งความยาวของดานทง้ั สามของรปู สามเหลยี่ มมมุ ฉาก ABCดงั นี้ a2+ b2 = c2” 6. ครถู ามคําถามกบั นกั เรยี นวา “นกั เรียนคิดวา a, bและcแทนอะไร” 7. นักเรยี นศึกษาสมบัตขิ องรูปสามเหล่ยี มมุมฉากและกรอบความรเู กร็ดนา รูในหนงั สอื เรยี นรายวชิ า พน้ื ฐานคณติ ศาสตร ม.2เลม2หนวยการเรยี นรทู ี่ 2ทฤษฎบี ทพที าโกรสั 8. ครูถามคาํ ถามกับนกั เรยี นวา“กําลังสองของความยาวดานตรงขา มมมุ ฉากเทากบั เทา ใด” ขั้นท่ี 2 สอนหรอื แสดง 9. นักเรียนจับคกู ับเพือ่ นโดยแตละคศู กึ ษาตัวอยางที่ 1ในหนังสอื เรียนรายวชิ าพืน้ ฐานคณติ ศาสตร ม. 2เลม 2หนว ยการเรียนรทู ่ี 2ทฤษฎบี ทพีทาโกรสั จากนนั้ แตละคแู ลกเปลีย่ นความรซู ่งึ กนั และกนั 10. ครูตดิ บัตรภาพสามเหลยี่ มมมุ ฉากบนกระดาน จากนน้ั ครสู มุ นักเรยี นออกมาเขียนสมการแสดง ความสมั พันธระหวางความยาวของดา นท้ังสามของรูปสามเหลยี่ มมุมฉาก ดงั ตอไปน้ี y x 17
11. นักเรียนทํากิจกรรมลองทาํ ดูในหนงั สอื เรยี นรายวชิ าพนื้ ฐานคณติ ศาสตร ม.2เลม2หนว ยการเรียนรู ที่ 2ทฤษฎีบทพที าโกรสั ลงในสมุดประจําตัว จากน้นั ครูและนกั เรียนรวมกนั เฉลยคําตอบ 12. นกั เรียนศกึ ษาตัวอยางที่ 2ในหนงั สอื เรยี นรายวชิ าพื้นฐานคณิตศาสตร ม.2เลม 2หนวยการเรียนรู ท่ี 2ทฤษฎีบทพที าโกรสั 13. ครถู ามคาํ ถามกับนกั เรยี นดังนี้ • ขอกําหนดในตวั อยา งท่ี 2 แตกตา งจากตวั อยางที่ 1 หรือไม อยางไร • จากตัวอยา งที่ 2 ขอกาํ หนดในขอ 1) ขอ 2) และขอ 3) เหมือนกนั หรอื แตกตางกนั อยางไร • การหาความยาวของดานเหลอื ตอ งใชค วามรูเรือ่ งใดบา ง 14. ครแู ละนักเรยี นรว มกนั แสดงความคิดเห็นเกย่ี วกบั การนําเสนอในขอ 1) ขอ 2) และขอ3)ของตัวอยาง ที่ 2 15. นักเรยี นทาํ กจิ กรรมลองทําดใู นหนังสือเรียนรายวิชาพน้ื ฐานคณติ ศาสตร ม.2เลม 2หนว ยการเรียนรู ท่ี 2ทฤษฎบี ทพที าโกรสั ลงในสมดุ ประจาํ ตัวจากนน้ั ครแู ละนกั เรยี นรว มกันเฉลยคําตอบ 16. นักเรยี นจบั คกู ับเพ่อื นโดยแตละคูศกึ ษาแนวขอ สอบO-NETในหนงั สือเรยี นรายวิชาพน้ื ฐาน คณิตศาสตร ม.2เลม 2หนวยการเรยี นรทู ี่ 2ทฤษฎีบทพที าโกรัสจากนนั้ แตล ะคูแลกเปลย่ี นความรู ซงึ่ กนั และกัน 17. นักเรยี นพจิ ารณารูปสามเหลีย่ มมมุ ฉากABCท่มี ี AB̂Cเปนมุมฉาก ในหนงั สอื เรยี นรายวิชาพื้นฐาน คณติ ศาสตร ม.2เลม2หนว ยการเรียนรทู ี่ 2ทฤษฎบี ทพที าโกรสั (ค) B c a (ก) Ab C (ข) 18. ครถู ามคําถามกับนกั เรยี นวา “สตู รพนื้ ทีข่ องรูปสเ่ี หล่ยี มจัตุรัสกลา วไวอ ยา งไร” 19. นักเรยี นศึกษากรอบเกลด็ ความรแู ละกรอบทฤษฎพี ีทาโกรัสในหนงั สอื เรยี นรายวิชาพืน้ ฐาน คณติ ศาสตร ม.2เลม 2หนวยการเรียนรทู ่ี 2ทฤษฎีบทพที าโกรัส 20. ครแู ละนักเรียนรว มกันสรปุ วา “สําหรบั รูปสามเหลยี่ มมุมฉากใดๆพื้นทีข่ องรูปสี่เหลย่ี มจัตรุ ัสบนดาน ตรงขามมมุ ฉาก เทา กบั ผลบวกของพื้นทข่ี องรปู สเี่ หลี่ยมจตั ุรสั บนดา นประกอบมุมฉาก” 21. นักเรียนทําใบงานท่ี 2.1.1 เรอื่ ง การหาความยาวดานของรปู สามเหลย่ี มมุมฉาก
ข้นั ที่ 2 สอนหรือแสดง 22. นักเรียนแบงกลมุ กลมุ ละ3คนโดยแตล ะกลุมทํากิจกรรมคณิตศาสตร กจิ กรรมท่ี 1และ กจิ กรรมท่ี 2ในหนังสือเรยี นรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ม.2เลม2หนวยการเรยี นรทู ่ี 2ทฤษฎบี ท พที าโกรสั ลงในสมุดประจําตวั 23. นักเรียนสงตัวแทนออกมานาํ เสนอผลงานหนาชัน้ เรยี นระหวา งการนาํ เสนอใหน กั เรยี นที่มีแนวคดิ แตกตางจากเพอื่ นรว มนําเสนอดวยโดยครูชี้แนะเพ่มิ เติม 24. นกั เรียนแตละกลมุ รวมกนั ตอบคําถามของกิจกรรมท่ี 2โดยครูตรวจสอบคําถามความถกู ตองและเปด โอกาสใหนกั เรยี นซกั ถามเพ่ิมเตมิ 25. นักเรียนแตละกลุมทํากจิ กรรมคณิตศาสตร กิจกรรมที่ 3ในหนังสือเรยี นรายวชิ าพนื้ ฐานคณติ ศาสตร ม.2เลม2หนว ยการเรยี นรทู ่ี 2ทฤษฎีบทพที าโกรัสลงในสมุดประจําตวั จากนน้ั แลกเปลย่ี นความ คดิ เห็นภายในกลุม 26. นักเรยี นสง ตัวแทนออกมานําเสนอผลงานหนา ช้นั เรยี นโดยครูและนักเรียนในชน้ั เรียนรว มกันตรวจสอบ ความถกู ตองหากนกั เรยี นเกดิ ขอ สงสัยครูอธบิ ายเพิ่มเตมิ ทนั ที 27. ครถู ามคําถามกับนกั เรยี นวา“นักเรียนคดิ วา ผลจากการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมในขอ 4) และขอ5) เปน อยา งไร” 28. ครสู ุมนักเรยี นออกมาตอบคําถามของกิจกรรมท่ี 3ในหนงั สือเรยี นรายวชิ าพ้ืนฐานคณิตศาสตร ม.2 เลม2หนว ยการเรียนรูท่ี 2ทฤษฎีบทพที าโกรัสหนาชั้นเรียนโดยครตู รวจสอบความถกู ตองและเปด โอกาสใหน กั เรยี นซกั ถามเพ่มิ เตมิ 29. ครูและนักเรยี นรว มกันสรปุ วา“พ้นื ทขี่ องรูปส่ีเหลย่ี มจตั รุ สั ทอ่ี ยบู นดานตรงขา มมมุ ฉากเทา กับผลรวม ของพ้นื ท่ีของรปู สเ่ี หลีย่ มจตั ุรสั ทีอ่ ยบู นดา นประกอบมุมฉาก” ขนั้ ท่ี 3 เปรียบเทียบและรวบรวม 30. ครูถามคาํ ถามกบั นกั เรยี นวา“นกั เรยี นคดิ วา กิจกรรมท่ี 1กจิ กรรมที่ 2และกิจกรรมท่ี 3เหมือนหรือ แตกตา งกันอยา งไร” ขั้นท่ี 3 เปรยี บเทียบและรวบรวม 31. นกั เรียนจบั คกู ับเพอ่ื นโดยแตละคูทํากจิ กรรมโดยใชเ ทคนิคคคู ดิ (ThinkPair Share)ดงั น้ี • นักเรียนแตล ะคนคดิ วเิ คราะหแ ละหาคําตอบจากกรอบ Thinking Time ในหนงั สือ เรยี นรายวชิ าพืน้ ฐาน คณติ ศาสตร ม.2 เลม 2 หนว ยการเรียนรูที่ 2 ทฤษฎีบทพที า โกรัส • นกั เรียนจบั คกู บั เพ่ือนแลว แลกเปลย่ี นคาํ ตอบซง่ึ กันและกัน สนทนาซักถาม จนเปนที่ เขา ใจรวมกัน • ครูสุมนักเรียนออกมานาํ เสนอคําตอบหนาชั้นเรียน โดยครูตรวจสอบความถูกตอง
32. นกั เรยี นพจิ ารณารปู สามเหลยี่ มมมุ ฉากในหนังสือเรยี นรายวชิ าพน้ื ฐานคณิตศาสตร ม.2เลม2หนวย การเรยี นรูท่ี 2ทฤษฎบี ทพที าโกรสั B (ช) A (จ) a c C b (ฉ) 33. จากนัน้ ครถู ามคําถามกบั นกั เรยี นดังนี้ • รปู คร่ึงวงกลมแตล ะรูปมีรศั มเี ทา ใด • ครึ่งวงกลมแตล ะรปู มพี ื้นทมี่ ากกวา หรือนอ ยกวารปู สเ่ี หลี่ยมจตั ุรัสที่มคี วามยาวดาน เทา กบั ความยาวของเสนผานศนู ยกลาง 34. นักเรียนแบง กลมุ 3กลมุ กลุมละเทาๆกันแตล ะกลุม สงตัวแทนออกมาจบั สลากหมายเลขโดยสลาก แตล ะใบระบุแบบฝก ทกั ษะ2.1ขอ 1-3จากหนังสอื เรยี นรายวชิ าพ้นื ฐานคณิตศาสตร ม.2เลม 2 หนว ยการเรียนรูที่ 2ทฤษฎีบทพที าโกรสั โดยทําลงในสมุดประจาํ ตัวจากนน้ั แตละกลุม รว มกนั คดิ วิเคราะหแ ละหาคาํ ตอบตามขอทกี่ ลุมตนเองไดรบั และแลกเปลย่ี นคาํ ตอบซ่ึงกนั และกันสนทนาซกั ถาม จนเปนทเี่ ขา ใจรว มกัน 35. นักเรยี นแตละกลุม สง ตัวแทนออกมานาํ เสนอคาํ ตอบหนาชนั้ เรยี นโดยครตู รวจสอบความถกู ตอง 36. นกั เรยี นทาํ แบบฝก ทกั ษะ2.1ขอ 4ในหนงั สือเรียนรายวิชาพืน้ ฐานคณติ ศาสตร ม.2เลม2หนวย การเรียนรทู ี่ 2ทฤษฎีบทพที าโกรสั จากนน้ั นักเรยี นจับคกู บั เพ่อื นเพอ่ื แลกเปลย่ี นคาํ ตอบซึ่งกันและกัน สนทนาซกั ถามจนเปนทเี่ ขาใจรว มกัน ขนั้ สรุป ขั้นที่ 4 สรุป 1. ครถู ามคาํ ถามเพ่ือสรุปความรรู วบยอดของนกั เรยี นดังนี้ -ในรปู สามเหลีย่ มมมุ ฉากใดๆกาํ ลงั สองของความยาวดานตรงขามมมุ ฉากเทา กบั เทา ใด -ในรูปสามเหลย่ี มมมุ ฉากใดๆพ้นื ท่ีของรปู สเี่ หล่ยี มจัตุรสั บนดา นขา มมุมฉากเทา กบั เทา ใด ขน้ั ท่ี 5 นําไปใช 2. นกั เรยี นทําใบงานท่ี 2.1.2 เรอ่ื ง บทพิสจู นของทฤษฎบี ทพีทาโกรสั 3. ครใู หนักเรียนทาํ Exercise2.1ในหนงั สือแบบฝก หัดรายวชิ าพืน้ ฐาน คณิตศาสตร ม.2 เลม 2หนว ยการเรยี นรูที่ 2 ทฤษฎีบทพีทาโกรัสเปนการบา นแลวสง ในชว่ั โมงถดั ไป
หนวยการเรียนรูที่2 เรอื่ ง บทกลบั ของทฤษฎีบทพีทาโกรสั จาํ นวน เวลาเรยี น. 2 ชว่ั โมง วธิ สี อน(จาํ นวนขน้ั แลวแตว า เปนวิธีการสอนแบบใดและโปรดระบุวาใชว ธิ ีการสอนแบบใด) วิธกี ารสอนแบบอุปนัย (InductiveMethod) ข้ันนาํ ขน้ั ที่ 1 เตรยี ม 1. สนทนาและซกั ถามกบั นกั เรยี นวา “ถา ตอ งการทราบวารปู สามเหล่ียมท่กี าํ หนดเปนรปู สามเหลยี่ มชนดิ ใดนักเรยี นจะทําอยางไร” 2. ครถู ามคาํ ถามกบั นกั เรยี นวา“ถา กาํ หนดความยาวของดา น3ดา นซ่ึงยาวไมเ ทา กันและไมไดเ ขยี นรูป สามเหลยี่ มใหนกั เรยี นทราบวาเปน ความยาวดานของรูปสามเหล่ียมชนิดใด” ขัน้ สอน ขน้ั ที่ 2 สอนหรือแสดง 1. นกั เรยี นแบง กลุมกลมุ ละ3 คนโดยแตล ะกลุมทาํ กจิ กรรมคณติ ศาสตร ในหนังสอื เรยี นรายวิชา พ้ืนฐาน คณติ ศาสตร ม.2เลม 2หนวยการเรยี นรูท่ี 2ทฤษฎีบทพที าโกรสั จากนนั้ แตล ะกลุม สงตวั แทนออกมานําเสนอคําตอบหนา ชั้นเรยี นโดยครูตรวจสอบความถกู ตอง 2. ครถู ามคาํ ถามกับนกั เรยี นดังน้ี • ความยาวดานของรูปสามเหลย่ี มใน ขอ 3 และ ขอ 4 มคี วามสัมพันธกบั รปู สามเหลี่ยมทม่ี คี วามยาวดานเปน 5 หนวย 12 หนว ย และ 13 หนวย หรือไม อยางไร • รูปสามเหล่ียมทม่ี คี วามยาวของดา น เทากับ 5, 12, 13 และ 1.5, 3.6, 3.9 และ 2.5, 6, 6.5 เปน รปู สามเหล่ียมมมุ ฉากหรือไม 3. ครแู ละนักเรยี นรว มกนั สรปุ วา “ถา∆ABC เปน รูปสามเหล่ยี มทม่ี ดี านยาวa หนวยbหนว ยcหนว ย และc2= a2+ b2 แลว จะไดว าเปนสามเหล่ียมมุมฉาก มดี า นที่ยาวcหนวย เปน ดา นตรงขา มมุมฉาก ซ่ึงเปนไปตามบทกลบั ของทฤษฎีพที าโกรัส” 4. นักเรียนศกึ ษาบทพิสจู นของบทกลบั ของทฤษฎบี ทพที าโกรัสในหนงั สือเรียนรายวิชาพน้ื ฐาน คณิตศาสตร ม.2เลม2หนว ยการเรียนรทู ่ี 2ทฤษฎบี ทพที าโกรัส 5. ครูถามคาํ ถามกับนกั เรยี นดงั น้ี • ถา กาํ หนด a, b, c เปนความยาวดา นของรูปสามเหลย่ี มมมุ ฉาก โดย c เปน ความ ยาวของดานตรงขา มมมุ ฉาก และรูปสามเหลย่ี มอีกรปู หนง่ึ มีความยาวของดาน
เทากับ ka, kb และ kc นักเรียนคดิ วา รูปสามเหลยี่ มน้ีเปนรูปสามเหลยี่ มมุมฉาก หรือไม จงแสดงแนวคดิ ประกอบ 6. นักเรียนจบั คกู ับเพอื่ นโดยแตล ะคศู ึกษาคณิตนา รแู ละตวั อยา งที่ 3ในหนงั สือเรยี นรายวชิ าพ้ืนฐาน คณติ ศาสตร ม.2เลม2หนว ยการเรยี นรทู ี่ 2ทฤษฎบี ทพที าโกรัสจากนน้ั แตละคูแ ลกเปลี่ยนความรู ซงึ่ กันและกนั 7. ครถู ามคาํ ถามกับนกั เรยี นดังนี้ • จากตวั อยางท่ี 3 นกั เรียนคิดวา 30, 24, 18 มีความสัมพนั ธกับ 5, 4, 3 หรือไม อยา งไร • รูปสามเหลย่ี มที่มีความยาวดา นเปน 5, 4 และ 3 เปน รปู สามเหลี่ยมชนิดใด ขัน้ ท่ี 3 เปรียบเทียบและรวบรวม 8. นักเรียนทาํ กิจกรรมลองทาํ ดูในหนงั สือเรยี นรายวิชาพืน้ ฐานคณิตศาสตร ม.2เลม 2หนวยการเรยี นรู ที่ 2ทฤษฎบี ทพที าโกรสั ลงในสมดุ ประจาํ ตวั จากนั้นครแู ละนกั เรียนรว มกันเฉลยคําตอบ 9. นักเรยี นจบั คกู บั เพ่อื นโดยแตล ะคูทํากจิ กรรมโดยใชเทคนิคคคู ดิ (ThinkPair Share)ดังน้ี • นักเรียนแตล ะคนคิดวิเคราะหและหาคําตอบจากกรอบ Thinking Time และ H.O.T.S. คําถามทาทายการคิดขั้นสงู ในหนงั สอื เรียนรายวิชาพ้นื ฐาน คณิตศาสตร ม.2 เลม 2 หนวยการเรยี นรูท ี่ 2 ทฤษฎีบทพที าโกรสั • นกั เรยี นจบั คกู ับเพอื่ นแลวแลกเปลยี่ นคําตอบซงึ่ กันและกัน สนทนาซักถาม จนเปน ท่ี เขาใจรวมกัน • ครสู ุม นกั เรียนออกมานาํ เสนอคาํ ตอบหนาชั้นเรยี น โดยครตู รวจสอบความถูกตอง ข้นั ที่ 3 เปรียบเทียบและรวบรวม 10. นกั เรียนศึกษาตวั อยางท่ี 4ในหนงั สือเรียนรายวชิ าพน้ื ฐานคณิตศาสตร ม.2เลม 2หนว ยการเรยี นรู ที่ 2ทฤษฎีบทพที าโกรสั จากนนั้ แตล ะคูแ ลกเปลีย่ นความรูซงึ่ กันและกัน 11. ครูถามคาํ ถามกับนกั เรยี นดงั น้ี • ขอกําหนดในตวั อยา งท่ี 4 เหมือนหรือแตกตางกับตัวอยา งที่ 3 หรอื ไม อยางไร • นกั เรยี นจะนําความสมั พนั ธระหวาง ka, kb และ kc เมอ่ื a, b, c เปน ความยาวดาน ของรปู สามเหลยี่ มมุมฉากมาใชไดหรือไมอ ยางไร 12. นักเรยี นทาํ กจิ กรรมลองทําดูในหนงั สอื เรยี นรายวิชาพน้ื ฐานคณติ ศาสตร ม.2เลม2หนวยการเรยี นรู ที่ 2ทฤษฎีบทพที าโกรสั ลงในสมดุ ประจาํ ตวั จากน้นั ครสู ุมนักเรียนออกมาเขยี นแสดงวธิ ีทําบน กระดานโดยครตู รวจสอบความถกู ตอ ง
ขัน้ สรุป ขนั้ ท่ี 4 สรุป 1. ครถู ามคาํ ถามเพือ่ สรุปความรูร วบยอดของนกั เรียนดังนี้ • บทกลบั ของทฤษฎีบทพที าโกรัสกลา วไวอยางไร ขัน้ ที่ 5 นาํ ไปใช 2. นกั เรยี นทําใบงานท่ี 2.2.1 เรอ่ื ง บทกลับของทฤษฎบี ทพที าโกรสั 3. ครใู หน ักเรียนทําแบบฝก ทกั ษะ2.2ในหนงั สอื รายวิชาพ้นื ฐานคณิตศาสตร ม.2 เลม 2หนวยการเรียนรูที่ 2ทฤษฎีบทพีทาโกรสั ลงในสมุดประจําตวั เปนการบานแลวสงในชวั่ โมง ถดั ไป 4. ครูใหน ักเรยี นทําExercise2.2ในหนงั สือแบบฝก หดั รายวิชาพื้นฐาน คณิตศาสตร ม.2 เลม 2หนวยการเรียนรทู ่ี 2 ทฤษฎบี ทพีทาโกรสั เปน การบา นแลว สง ในชว่ั โมงถดั ไป หนว ยการเรยี นรูท่ี 2 เรื่อง การนาํ ความรเู กยี่ วกบั ทฤษฎบี ทพที าโกรสั และบทกลบั ไปใชใ น ชวี ิตจรงิ จาํ นวน เวลาเรยี น. 3 ชัว่ โมง วธิ ีสอน(จาํ นวนขั้นแลว แตวาเปนวิธีการสอนแบบใดและโปรดระบวุ า ใชว ิธกี ารสอนแบบใด) วิธกี ารสอนแบบอุปนยั (InductiveMethod) ขั้นนํา ข้นั ท่ี 1 เตรยี ม 1. ครแู ละนักเรยี นรว มกนั ทบทวนสมบตั ิของรปู สามเหลีย่ มมมุ ฉากโดยการถาม-ตอบ ดังน้ี • บทกลับของทฤษฎบี ทพที าโกรัสกลา วไวอยา งไร 2. ครอู ธิบายกับนกั เรยี นวา “ทฤษฎบี ทพที าโกรสั มปี ระโยชนม ากในการใชแกปญหาเกีย่ วกบั รปู สามเหลี่ยมมุมฉาก เพราะในชีวิตประจําวันเราจะพบสว นประกอบตางๆ ไมว า จะเปน สิ่งปลูกสรา งท่ี มนษุ ยสรางขึ้นหรอื ความมหัศจรรยทีธ่ รรมชาตไิ ดส รางขน้ึ เกยี่ วของกบั รปู สามเหลย่ี มมุมฉากมากมาย ดังน้ันแลว ทฤษฎีบทพีทาโกรัสจึงมปี ระโยชนม ากมายในหลายๆ ดา น”
ข้นั สอน ขน้ั ท่ี 2 สอนหรอื แสดง 1. นกั เรียนศึกษาความรเู กี่ยวกับการนําทฤษฎบี ทพที าโกรัสและบทกลบั ไปใชใ นชีวิตจริง ในหนังสอื เรยี นรายวชิ าพ้นื ฐาน คณติ ศาสตร ม.2เลม 2 หนว ยการเรยี นรทู ่ี 2 ทฤษฎบี ท พที าโกรสั 2. ครถู ามคําถามกับนกั เรยี นวา“ถาตอ งการกําหนดจดุ บนเสนจาํ นวนแทน√3 และ√5 นกั เรียน จะตองใชค วามรจู ากทฤษฎบี ทพีทาโกรัสหรือไม อยา งไร” 3. นักเรยี นศกึ ษาคณติ นา รใู นหนงั สอื เรียนรายวิชาพ้ืนฐานคณิตศาสตร ม.2เลม 2หนวยการเรยี นรทู ี่ 2 ทฤษฎีบทพที าโกรัสแลว ใหน กั เรยี นรวมกนั แสดงความคดิ เห็นเก่ียวกบั รปู เสนเวยี นกนหอย ดงั ตอ ไปน้ี • ความยาวดานของรูปสามเหล่ียมมุมฉากแตล ะรูปมีความเชือ่ มโยงกนั อยางไร 4. นักเรียนศึกษาตัวอยา งท่ี 5ในหนังสอื เรียนรายวิชาพ้นื ฐานคณติ ศาสตร ม.2เลม 2หนว ยการเรยี นรู ท่ี 2ทฤษฎบี ทพที าโกรสั 5. ครูถามคําถามกบั นกั เรยี นดงั นี้ • รูปสามเหลย่ี มมมุ ฉากท่กี าํ หนดมกี ่รี ูปความยาวทีก่ ําหนดเพียงพอจะใชบทกลบั ของ ทฤษฎพี ที าโกรัสไดห รอื ไม • ถา นกั เรียนใชค วามสั มพนั ธจาก ka, kb และ kc หาความยาวของดาน QS และ SR จะสะดวกกวาหรือไม และหาอยางไร 6. นกั เรียนทํากิจกรรมลองทาํ ดใู นหนงั สอื เรียนรายวิชาพนื้ ฐานคณติ ศาสตร ม.2เลม 2หนว ยการเรยี นรู ท่ี 2ทฤษฎบี ทพที าโกรสั ลงในสมดุ ประจาํ ตวั จากนั้นครแู ละนักเรียนรว มกันเฉลยคาํ ตอบ 7. นักเรยี นศกึ ษาตวั อยางท่ี 6ในหนังสือเรยี นรายวชิ าพ้นื ฐานคณติ ศาสตร ม.2เลม2หนวยการเรยี นรทู ่ี 2 ทฤษฎีบทพีทาโกรสั 8. ครูถามคาํ ถามกบั นกั เรยี นดังนี้ • ในตวั อยางนี้มีรปู สามเหลี่ยมมุมฉากกร่ี ูปแตล ะรูปมขี อกําหนดเพียงพอจะใชบ ทกลับ ของของทฤษฎีบทพีทาโกรสั หรอื ไม อยางไร • นักเรยี นคิดวา การหาความยาวดานทีเ่ หลอื ของ ∆ABD และ ∆BDC จะใช ความสัมพนั ธ ka, kb และ kc ไดหรอื ไม 9. นักเรียนทาํ กจิ กรรมลองทาํ ดูในหนงั สอื เรยี นรายวชิ าพื้นฐานคณติ ศาสตร ม.2เลม2หนว ยการเรยี นรู ที่ 2ทฤษฎีบทพที าโกรสั ลงในสมุดประจาํ ตวั จากน้นั ครูและนกั เรยี นรว มกันเฉลยคําตอบ
ข้นั ท่ี 2 สอนหรอื แสดง 10. นักเรียนศกึ ษาตัวอยา งท่ี 7ในหนงั สอื เรียนรายวิชาพ้นื ฐานคณิตศาสตร ม.2เลม 2หนว ยการเรยี นรู ท่ี 2ทฤษฎบี ทพที าโกรสั 11. ครถู ามคาํ ถามกบั นกั เรยี นวา“การหาความยาวของดา นAHนกั เรียนตอ งใชความรูจากรูปสามเหล่ียม มุมฉากรปู ใดบา งเพราะเหตุใด” 12. นกั เรียนทาํ กิจกรรมลองทําดูในหนังสอื เรยี นรายวชิ าพื้นฐานคณิตศาสตร ม.2เลม 2หนว ยการเรียนรู ที่ 2ทฤษฎีบทพที าโกรสั ลงในสมดุ ประจําตวั จากน้นั ครูสุมนักเรยี นออกมาเขียนแสดงวิธีทําบน กระดานโดยครตู รวจสอบความถูกตอ ง 13. นักเรียนศึกษาคณิตนา รูและตวั อยางท่ี 8ในหนังสือเรียนรายวชิ าพนื้ ฐานคณิตศาสตร ม.2 เลม2หนวยการเรยี นรูท ่ี 2ทฤษฎบี ทพีทาโกรัส 14. ครถู ามคาํ ถามกับนกั เรยี นวา “ตัวอยา งท่ี 8 มรี ูปสามเหลี่ยมมมุ ฉากก่รี ปู ความยาวทีก่ าํ หนดเพยี ง พอทีจ่ ะใชบ ทกลบั ของทฤษฎีบทพีทาโกรสั หรอื ไม อยางไร” 15. นกั เรยี นทํากจิ กรรมลองทําดูในหนังสอื เรียนรายวชิ าพ้ืนฐานคณติ ศาสตร ม.2เลม2หนว ยการเรยี นรู ท่ี 2ทฤษฎบี ทพที าโกรสั ลงในสมดุ ประจําตัวจากน้ันครสู ุมนกั เรียนออกมาเขยี นแสดงวธิ ที าํ บน กระดานโดยครูตรวจสอบความถูกตอ ง 16. นกั เรียนศึกษาคณติ นา รแู ละตัวอยา งที่ 9 ในหนงั สอื เรยี นรายวชิ าพื้นฐานคณิตศาสตร ม.2 เลม2หนวยการเรยี นรทู ่ี 2ทฤษฎบี ทพที าโกรัส 17. ครูถามคําถามกับนกั เรยี นดงั น้ี • โจทยตัวอยางท่ี 9 เมอื่ นาํ โจทยป ญหามาสรางรปู จะมรี ูปสามเหล่ียมฉากกร่ี ปู • การหาคําตอบ จะใชร ูปสามเหลยี่ มมุมฉาก 3 รปู นีห้ รอื ไม อยางไร • ความยาวท่ีกําหนดเพียงพอท่จี ะนําไปใชใ นทฤษฎบี ทพที าโกรัส 18. นกั เรยี นทาํ กจิ กรรมลองทาํ ดูในหนงั สอื เรียนรายวชิ าพ้นื ฐานคณิตศาสตร ม.2เลม2หนว ยการเรียนรู ที่ 2ทฤษฎีบทพที าโกรสั ลงในสมดุ ประจาํ ตวั จากน้ันครูสมุ นกั เรยี นออกมาเขยี นแสดงวธิ ีทาํ บน กระดานโดยครูตรวจสอบความถูกตอ ง 19. นกั เรยี นตวั อยา งที่ 10ในหนังสอื เรียนรายวิชาพนื้ ฐานคณติ ศาสตร ม.2เลม2หนวยการเรยี นรูท่ี 2 ทฤษฎีบทพีทาโกรัส 20. ครูถามคาํ ถามกับนกั เรยี นดงั น้ี • การหาคําตอบของโจทยปญหานี้ นักเรยี นตองใชความรูเ ร่ืองใดบา ง • ความยาวท่กี าํ หนดเพียงพอทีจ่ ะนํามาใชก ับทฤษฎบี ทโกรสั หรอื ไม เพราะเหตใุ ด • ตัวอยางท่ี 10 แตกตางจากตวั อยา งที่ 8 และ ตวั อยา งท่ี 9 อยางไร • การแกสมการในตัวอยา งที่ 10 นักเรียนควรระมัดระวังสงิ่ ใด
21. นักเรียนทํากิจกรรมลองทําดูในหนงั สอื เรียนรายวิชาพน้ื ฐานคณิตศาสตร ม.2เลม2หนวยการเรียนรู ท่ี 2ทฤษฎบี ทพที าโกรสั ลงในสมุดประจาํ ตัวจากนนั้ ครูสุมนักเรยี นออกมาเขยี นแสดงวธิ ีทาํ บน กระดานโดยครตู รวจสอบความถูกตอง 22. นักเรยี นตัวอยางที่ 11ในหนังสือเรียนรายวิชาพืน้ ฐานคณติ ศาสตร ม.2เลม 2หนว ยการเรยี นรทู ี่ 2 ทฤษฎีบทพที าโกรสั 23. ครถู ามคาํ ถามกบั นกั เรยี นดงั น้ี • โจทยปญหาตัวอยา งท่ี 11 แตกตางจาก ตวั อยา งที่ 10 หรอื ไม อยางไร • การหาความยาวของดานของรปู สามเหลี่ยมในตวั อยางนี้ ตองใชค วามรเู กยี่ วกบั เรือ่ ง ใดบา ง และถา ไมใ ชความรู เรื่อง ทฤษฎีบทพที าโกรสั จะหาความยาวของดานได หรอื ไมเ พราะเหตุใด 24. นกั เรียนทาํ กจิ กรรมลองทําดูในหนังสือเรยี นรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร ม.2เลม2หนว ยการเรียนรู ที่ 2ทฤษฎบี ทพที าโกรสั ลงในสมุดประจาํ ตัวจากนนั้ ครสู ุมนักเรยี นออกมาเขียนแสดงวิธที ําบน กระดานโดยครูตรวจสอบความถูกตอ ง ขน้ั ท่ี 2 สอนหรือแสดง 25. นักเรยี นตัวอยางที่ 12ในหนงั สือเรียนรายวชิ าพื้นฐานคณิตศาสตร ม.2เลม 2หนว ยการเรยี นรูท่ี 2 ทฤษฎีบทพีทาโกรสั 26. ครูถามคําถามกบั นกั เรยี นดงั นี้ • นกั เรยี นคดิ วา โจทยต วั อยางที่ 10 และ ตวั อยางท่ี 12 เหมือนกนั หรือแตกตางกนั อยางไร • นกั เรยี นคิดวา วธิ ีทําที่นําเสนอมคี วามยุงยากหรือไม เพราะเหตใุ ด ขั้นที่ 3 เปรียบเทยี บและรวบรวม 27. นกั เรยี นทํากจิ กรรมลองทําดูในหนงั สือเรยี นรายวชิ าพื้นฐานคณิตศาสตร ม.2เลม2หนวยการเรียนรู ที่ 2ทฤษฎีบทพที าโกรสั ลงในสมุดประจําตวั จากนัน้ ครสู มุ นกั เรียนออกมาเขียนแสดงวิธที ําบน กระดานโดยครตู รวจสอบความถูกตอง 28. นักเรยี นทําแบบฝกทกั ษะ2.3ขอ 1-5ในหนังสือเรียนรายวิชาพืน้ ฐานคณิตศาสตร ม.2เลม 2 หนว ยการเรียนรทู ี่ 2ทฤษฎบี ทพีทาโกรัสแลวจับคูกบั เพอ่ื นเพอ่ื แลกเปลย่ี นวธิ กี ารหาคาํ ตอบ ซึ่งกันและกนั สนทนาซกั ถามจนเปนทเ่ี ขา ใจรว มกนั จากนัน้ ครสู มุ นกั เรยี นออกมาเขยี นแสดง วิธที าํ บนกระดานโดยครูตรวจสอบความถูกตอ ง 29. นักเรยี นแบงกลมุ กลมุ ละ3คนโดยแตล ะกลมุ ทาํ แบบฝกทกั ษะ2.3ขอ 6-7ในหนังสือเรียนรายวิชา พน้ื ฐานคณิตศาสตร ม.2เลม 2หนวยการเรยี นรทู ่ี 2ทฤษฎบี ทพที าโกรสั จากนั้นแตละกลมุ สง ตวั แทนออกอธบิ ายวธิ กี ารหาคาํ ตอบหนา ชัน้ เรยี นโดยครตู รวจสอบความถูกตอง
30. ครใู หนกั เรยี นทําExercise2.3ในหนงั สอื แบบฝกหดั รายวิชาพน้ื ฐานคณิตศาสตร ม.2เลม2หนว ย การเรียนรูท่ี 1การแยกตวั ประกอบของพหนุ ามเปน การบา นแลวสงในชวั่ โมงถดั ไป 31. นักเรยี นทําแบบประเมนิ ตรวจสอบตนเองในหนงั สอื เรยี นรายวิชาพ้นื ฐานคณติ ศาสตร ม.2เลม2 หนว ยการเรียนรทู ี่ 2ทฤษฎบี ทพีทาโกรสั 32. นักเรียนจับคกู ับเพอ่ื นโดยแตล ะคทู ํากจิ กรรมโดยใชเทคนคิ คคู ดิ (ThinkPair Share)ดังนี้ • นักเรยี นแตละคนคดิ วเิ คราะหแ ละหาคาํ ตอบจากคณิตศาสตรใ นชวี ติ จรงิ ในหนงั สอื เรียนรายวชิ า พ้ืนฐานคณิตศาสตร ม.2เลม2หนว ยการเรยี นรูท ี่ 2ทฤษฎบี ทพที าโกรัส • นกั เรยี นจบั คกู บั เพื่อนแลวแลกเปล่ียนคําตอบซ่ึงกนั และกันสนทนาซักถามจนเปนที่เขาใจ รว มกนั ขั้นสรุป ข้ันท่ี 4 สรุป 1. นกั เรยี นอา นสรปุ แนวคิดหลกั ประจาํ หนวยการเรยี นรูที่ 2ทฤษฎีบทพที าโกรสั จากหนังสือเรยี นรายวชิ าพืน้ ฐานคณติ ศาสตร ม.2เลม 2หนว ยการเรียนรูท่ี 2ทฤษฎีบท พีทาโกรสั เปนการทบทวนความเขาใจในเนื้อหาที่เรยี นมา 2. ครูตดิ บตั รภาพสเี่ หลยี่ มผนื ผา PQRSบนกระดานจากนน้ั ถามคาํ ถามเพอื่ สรปุ ความรูรวบยอดของ นักเรียน ดังน้ี 10 T P Q 8 SR 16 • จากรูป PQRS เปน รูปสเี่ หลย่ี มผนื ผา นกั เรยี นสามารถหาความยาวของดา น ST ได อยา งไร ขัน้ ท่ี 5 นําไปใช 3. นกั เรียนทําแบบทดสอบหลงั เรยี นหนว ยการเรียนรทู ี่ 2ทฤษฎีบทพีทาโกรสั 4. นักเรียนทาํ ใบงานท่ี 2.3.1 เรอื่ ง โจทยปญ หาทฤษฎบี ทพที าโกรัสและบทกลับเปนการบา นแลว สง ในชวั่ โมงถดั ไป 5. ครูใหนกั เรียนทาํ แบบฝก ทกั ษะประจําหนวยการเรยี นรทู ่ี 2ในหนงั สอื เรียนรายวชิ าพ้นื ฐาน คณติ ศาสตร ม.2เลม 2หนว ยการเรยี นรูท ี่ 2ทฤษฎบี ทพที าโกรสั ลงในสมดุ ประจําตัวเปน การบา น แลวสง ในชั่วโมงถดั ไป
(ถาเปน เร่อื งสุดทา ยของหนวยการเรียนรู อาจมีการทําแบบทดสอบหลังการเรียนหรือแบบประเมินหลังเรยี นของหนวย การเรยี นรูนัน้ ๆเพือ่ เปนการประเมนิ หลงั เรยี นสุดทา ย) 14.สือ่ การเรยี นรู /แหลงเรยี นรู 14.1 .สื่อการเรียนรู 1) หนงั สือเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน คณิตศาสตร ม.2 เลม 2 หนว ยการเรยี นรูที่ 1 การแยกตวั ประกอบของพหุนาม 2) หนังสอื แบบฝกหดั รายวิชาพ้ืนฐาน คณิตศาสตร ม.2 เลม 2 หนว ยการเรยี นรูท ่ี 1 การ แยกตวั ประกอบของพหุนาม 3) ใบงานที่ 2.1.1 เร่ือง การหาความยาวดา นของรูปสามเหลย่ี มมมุ ฉาก 4) ใบงานที่ 2.1.2 เรอื่ ง บทพสิ จู นข องทฤษฎีบทพีทาโกรสั 5) ใบงานท่ี 2.2.1 เร่ือง บทกลับของทฤษฎบี ทพที าโกรัส 6) ใบงานท่ี 2.3.1 เรื่อง โจทยปญหาทฤษฎีบทพที าโกรสั และบทกลับ 7) บัตรภาพสี่เหลยี่ มผนื ผา PQRS 8) สมุดประจําตัว 1) 5) เว็บไซตต า ง https://sites.google.com/a/web1.dara.ac.th/pythagoras/--sara-kar-reiyn-ru/--thvsdibth-pi- tha-ko-ras 14.2แหลง เรยี นรู 1) หอ งเรยี น 2)อนิ เตอรเนต็ ......................................................
บนั ทึกการนเิ ทศจากฝา ยบริหาร(สงกอนจัดการเรียนรู 1 สัปดาห) ความเห็นของหวั หนา กลุมสาระการเรยี นรู เหน็ ควรอนุญาตใหใ ชป ระกอบการจัดการเรียนรูได โดยมขี อเสนอแนะเพ่ิมเตมิ คือ ……………………………………………………………………………..…………………………………………………………………………..………… …………………………………………………………………..…………………………………………………………………………..…………………… …… ไมเ ห็นควรอนุญาตใหใ ชประกอบการจดั การเรียนรู เพราะ ……………………………………………………………………………..…………………………………………………………………………..………… …………………………………………………………………..…………………………………………………………………………..…………………… ……………………………………………………………………..…………………………………………………………………………..………………… ลงชื่อ......................................................... (นางขวัญใจ จันทนะชาติ) หวั หนากลมุ สาระการเรยี นรคู ณิตศาสตร ............/......................../.............. ความเหน็ ผูบรหิ าร/ผทู ่ีไดรบั มอบหมาย อนญุ าตใหใชประกอบการจัดการเรียนรไู ด โดยมขี อเสนอแนะเพิม่ เตมิ คือ ……………………………………………………………………………..…………………………………………………………………………..………… …………………………………………………………………..…………………………………………………………………………..…………………… ……………………………………………………………………..…………………………………………………………………………..………………… ………ไมอ นุญาตใหใ ชประกอบการจัดการเรยี นรู เพราะ ……………………………………………………………………………..…………………………………………………………………………..………… …………………………………………………………………..…………………………………………………………………………..…………………… ……………………………………………………………………..…………………………………………………………………………..………………… ……… ลงชอ่ื ......................................................... (นายเถลิงศกั ดิ์ เถาวโท) ผูช วยผูอาํ นวยการฝายบริหารวชิ าการ ............/......................../............
เอกสารแนบทา ยหนวยการเรียนรู อาจเปนดังน้ี 1. แบบทดสอบกอ นการเรียน 2. แบบทดสอบหลงั การเรียน
แบบทดสอบกอนเรยี น หนว ยการเรยี นรทู ่ี 2 คําชีแ้ จง: ใหน ักเรียนเลือกคําตอบที่ถูกตองท่ีสุดเพียงขอเดียว 1.กาํ หนดความยาวของดานทั้งสามของรปู สามเหลย่ี ม 5.ถา p, q,rเปนความยาวดา นของสามเหล่ียมมมุ ฉาก ดังนี้ โดยมี pเปนดานตรงขา มมมุ ฉากขอใดเปน 1. 10 24 26 ความสัมพันธต ามทฤษฎีบทปทาโกรสั 2. 3.5 12 12.5 ก.p=2, q=3,r=4 ข.p=3, q=4,r=5 3. 8 15 20 ค. p=5,q=3,r=4 ง.p=6, q=4,r=5 ขอใดตอ ไปนส้ี รปุ ไดถูกตอง 6.จากรปู xมคี า เทา ใด ก.ขอ3.เปนรปู สามเหล่ียมมุมฉาก ข. ขอ 1.และ2.เปน รปู สามเหล่ยี มมุมฉาก ค. ขอ2.ไมเปน รปู สามเหลย่ี มมมุ ฉาก ง. ไมเปนรปู สามเหลย่ี มมมุ ฉากทงั้ 3ขอ 2. เรอื ลําหนึ่งแลนไปทางทิศใตไ ด 33ไมล แลว เบนหวั ไปทางทิศตะวันตกอกี 56ไมล เรือลํานี้อยหู างจากที่ ก. 15 ข. 21 เดิมเทาไร ค. 81 ง. 100 ก. 65 ไมล ข. 6 ไมล 7.จากรูปaมคี วามยาวเทา ใด ค. 62 ไมล ง. 100 ไมล 3.ขนาดหนา จอคอมพิวเตอรใ ชก ารวดั ความยาวของเสน ทแยงมุมของหนา จอเพื่อบอกขนาดถาหนา จอ คอมพิวเตอรข นาด 25 นว้ิ มคี วามยาว 20 น้วิ อยากทราบวาหนาจอคอมพิวเตอรมคี วามกวางเทา ไร ก. 6 ข. 7 ก. 10 นว้ิ ข. 15 นิ้ว ค. 8 ง. 9 ค. 20 นิ้ว ง. 25 น้วิ 8.ความยาวของดา นทก่ี าํ หนดใหใ นขอใดเปน รูป 4. เสาธงตนหนง่ึ สงู 12 เมตร นักเรยี นเชิญธงข้ึนสู สามเหลยี่ มมุมฉาก เสาธงดงึ เชือกจนตึงจะอยูหางจากโคนเสาธง 5 ก.6, 8, 11 ข. 13,12,7 เมตรจงหาวาจะตอ งใชเชือกยาวอยา งนอ ยก่เี มตร ค. 17, 15,8 ง. 3,4, 6 ก. 10 เมตร ข. 11 เมตร ค. 13 เมตร ง. 25 เมตร 14.ถากาํ หนดให ABCเปนรปู สามเหลี่ยมมุมฉากมดี าน 9.จากรูปส่ีเหล่ยี มABCDมีพ้นื ท่ีกตี่ ารางหนว ย ยาว70,240หนวยแลว อีกดา นหน่งึ จะยาวเทาใด ก. 240หนวย ข. 245หนว ย ค. 250หนวย ง. 255หนว ย ก.25 ข. 30 ค. 48 ง. 60
10. ABCเปนสามเหลย่ี มมมุ ฉากมี Bเปนมมุ ฉาก 15.ถา กําหนดดา น3ดา นของรูปสามเหล่ียมคือ16,30 ดานBC=12วาดานAC=15วาสามเหลย่ี มรปู นีม้ ี และ34หนว ยอยากทราบวา รปู สามเหลี่ยมท่ไี ด เปนรปู สามเหล่ียมใด พ้นื ทกี่ ่ตี ารางวา ก.รปู สามเหล่ยี มดานเทา ก. 54 ข. 90 ข.รูปสามเหลย่ี มมมุ ฉาก ค. 108 ง. 180 ค.รูปสามเหลีย่ มมุมแหลม 11.เสาธงสงู 12เมตรตอ งการโยงเชอื กจากยอดเสาธง ง.รูปสามเหล่ียมดา นไมเ ทา ลงมาผกู ติดกับพ้นื ดินหางจากฐานเสาธง5เมตร 16.รปู สามเหลยี่ มมมุ ฉากรูปหน่งึ มดี า นประกอบมมุ ฉาก ยาว5และ12หนวยเสน รอบรูปของรปู ตองใชเ ชือกยากกี่เมตร สามเหลยี่ มน้ียาวเทา ไร ก. 13 ข. 17 ก. 25หนว ย ข. 27หนว ย ค. 84.5 ง. 169 ค. 28หนว ย ง. 30หนว ย 12.กระตา ยเดนิ ทางไปทางทิศเหนอื 6เมตรแลว ไป 17.รูปสามเหลย่ี มดา นเทามีดา นยาวดา นละ10ซม. ทางตะวนั ออกอีก12เมตรหลงั จากนัน้ เดนิ ตอ ไป สว นสูงของรปู สามเหลี่ยมนยี้ าวเทา ใด ทางเหนืออีก10เมตรจงึ พักรบั ประทานอาหาร ก. 8.44ซม. ข. 8.55ซม. ขณะนก้ี ระตา ยอยูห า งจากจดุ เริ่มตน กี่เมตร ค. 8.66ซม. ง. 8.77ซม. ก.20 ข. 28 18.yมีคา เทา กับขอใด ค. 40 ง. 64 13.ทฤษฎีบทปทาโกรสั เกย่ี วของกบั รปู สามเหล่ยี มใด ก. 3หนว ย ค. 5หนว ย ก.รูปสามเหลย่ี มมุมเทา 20.ความยาวดานของรปู สามเหลย่ี มxyzคอื 7, 10 ข.รูปสามเหลี่ยมมมุ ฉาก และ13อยากทราบวา รูปสามเหล่ียมทีไ่ ดเปน รปู ค.รูปสามเหลยี่ มดานเทา สามเหลยี่ มใด ง.รูปสามเหลีย่ มมุมแหลม ก.รปู สามเหลย่ี มมุมฉาก ข.รูปสามเหลี่ยมมมุ ปาน 19.ถากําหนดให ABCเปนรูปสามเหล่ยี มมมุ ฉากมดี าน ค.รปู สามเหล่ยี มดา นเทา ยาว70,240หนว ยแลว อีกดานหนงึ่ จะยาวเทาใด ง.รูปสามเหลี่ยมมมุ แหลม ก. 240หนว ย ข. 245หนว ย ค. 250หนว ย ง. 255หนว ย เฉลย 1. ข 2. ก 3. ข 4. ค 5. ค 6. ก 7. ค 8. ค 9. ง 10.ก 11. ก 12. ก 13. ข 14. ค 15. ข 16. ง 17. ค 18. ค 19. ค 20.ข
แบบทดสอบหลงั เรยี น หนว ยการเรยี นรทู ่ี 2 คาํ ชีแ้ จง: ใหนักเรียนเลือกคําตอบที่ถูกตองที่สุดเพียงขอเดียว 1.yมคี า เทากบั ขอ ใด 4.ความยาวของดา นที่กําหนดใหในขอ ใดเปนรปู ก. 3หนว ย สามเหลยี่ มมมุ ฉาก ค. 5หนวย ก.6, 8, 11 ข. 13,12,7 ค. 17, 15,8 ง. 3,4, 6 2.จากรปู xมีคา เทาใด 5.จากรูปส่เี หลยี่ มABCDมีพืน้ ท่ีกตี่ ารางหนว ย ก.25 ข. 30 ค. 48 ง. 60 ก. 15 ข. 21 6. ABCเปน สามเหลย่ี มมมุ ฉากมี Bเปนมมุ ฉาก ค. 81 ง. 100 ดา นBC=12วาดานAC=15วาสามเหล่ยี มรปู นีม้ ี 3.จากรูปaมคี วามยาวเทา ใด พื้นท่ีกต่ี ารางวา ก.54 ข. 90 ค. 108 ง. 180 7.เสาธงสงู 12เมตรตอ งการโยงเชอื กจากยอดเสาธง ลงมาผูกติดกบั พื้นดนิ หา งจากฐานเสาธง5เมตร ก. 6 ข. 7 ตองใชเ ชือกยากกีเ่ มตร ค. 8 ง. 9 ก.13 ข. 17 8.กระตา ยเดินทางไปทางทิศเหนือ6เมตรแลวไปทาง ค. 84.5 ง. 169 ตะวนั ออกอกี 12เมตรหลงั จากนั้นเดินตอไปทาง 14.ความยาวดานของรปู สามเหลย่ี มxyzคือ7, 10 เหนืออกี 10เมตรจงึ พกั รับประทานอาหารขณะนี้ และ13อยากทราบวา รปู สามเหลย่ี มท่ีไดเ ปนรูป สามเหลย่ี มใด กระตายอยหู า งจากจุดเร่ิมตนกี่เมตร ก.รูปสามเหลย่ี มมมุ ฉาก ก.20 ข. 28 ข.รูปสามเหลย่ี มมมุ ปา น ค.40 ง. 64 ค.รปู สามเหลย่ี มดานเทา 9.ทฤษฎบี ทปท าโกรัสเกี่ยวขอ งกับรูปสามเหลยี่ มใด ง.รปู สามเหลยี่ มมมุ แหลม 15.ถา กําหนดให ABCเปนรูปสามเหล่ียมมุมฉากมีดา น ก.รูปสามเหล่ยี มมมุ เทา ยาว70,240หนวยแลว อกี ดา นหน่งึ จะยาวเทา ใด ข.รปู สามเหลย่ี มมุมฉาก ก. 240หนวย ข. 245หนว ย ค.รปู สามเหลี่ยมดา นเทา ค. 250หนวย ง. 255หนวย ง.รปู สามเหลี่ยมมุมแหลม
10.ถา กําหนดให ABCเปนรูปสามเหล่ียมมมุ ฉากมดี า น 16.กําหนดความยาวของดานทัง้ สามของรปู ยาว70,240หนว ยแลวอีกดา นหนงึ่ จะยาวเทาใด สามเหลยี่ มดังน้ี ก. 240หนวย ข. 245หนว ย 1. 10 24 26 ค. 250หนว ย ง. 255หนวย 2. 3.5 12 12.5 11.ถา กําหนดดาน3ดา นของรปู สามเหลีย่ มคือ16, 3. 8 15 20 30และ34หนวยอยากทราบวา รูปสามเหลี่ยมทไี่ ด ขอใดตอ ไปน้ีสรปุ ไดถกู ตอ ง เปน รปู สามเหล่ยี มใด ก.ขอ 3.เปน รปู สามเหล่ียมมมุ ฉาก ก.รปู สามเหลย่ี มดา นเทา ข. ขอ 1.และ2.เปนรูปสามเหลยี่ มมุมฉาก ข.รปู สามเหลยี่ มมุมฉาก ค. ขอ 2.ไมเ ปนรปู สามเหลี่ยมมุมฉาก ค.รปู สามเหลย่ี มมุมแหลม ง. ไมเปนรูปสามเหลย่ี มมุมฉากท้งั 3ขอ ง.รปู สามเหลย่ี มดา นไมเ ทา 17. เรอื ลาํ หนงึ่ แลน ไปทางทศิ ใตไ ด 33ไมล แลว เบน 12.รูปสามเหลยี่ มมมุ ฉากรูปหน่ึงมีดานประกอบมมุ หวั ไปทางทศิ ตะวนั ตกอกี 56ไมล เรือลํานอ้ี ยูหาง ฉากยาว5และ12หนวยเสนรอบรปู ของรูป จากที่เดิมเทาไร สามเหลย่ี มน้ียาวเทาไร ก. 65 ไมล ข. 6 ไมล ก. 25หนว ย ข. 27หนว ย ค. 62 ไมล ง. 100 ไมล ค. 28หนวย ง. 30หนว ย 18.ขนาดหนา จอคอมพิวเตอรใ ชก ารวดั ความยาวของ 13.รปู สามเหลย่ี มดา นเทามดี า นยาวดานละ10ซม. เสนทแยงมมุ ของหนาจอเพ่ือบอกขนาดถาหนา จอ สว นสงู ของรปู สามเหลย่ี มนยี้ าวเทา ใด คอมพิวเตอรขนาด 25 นิ้ว มคี วามยาว 20 นวิ้ ก. 8.44ซม. ข. 8.55ซม. อยากทราบวาหนาจอคอมพวิ เตอรมีความกวาง ค. 8.66ซม. ง. 8.77ซม. เทา ไร ก. 10 นวิ้ ข. 15 นิว้ ค. 20 น้วิ ง. 25 น้ิว 19.เสาธงตนหนง่ึ สูง 12 เมตร นกั เรียนเชญิ ธงขน้ึ สู 20.ถาp, q,rเปน ความยาวดานของสามเหลยี่ มมมุ เสาธงดึงเชอื กจนตึงจะอยหู า งจากโคนเสาธง 5 ฉากโดยมี pเปนดานตรงขามมมุ ฉากขอใดเปน เมตรจงหาวาจะตอ งใชเชือกยาวอยางนอ ยกี่เมตร ความสมั พันธตามทฤษฎบี ทปทาโกรัส ก. 10 เมตร ข. 11 เมตร ก. p=2,q=3,r=4 ข. p=3,q=4,r=5 ค. 13 เมตร ง. 25 เมตร ค. p=5,q=3,r=4 ง. p=6, q=4,r=5 เฉลย 6. ก 7. ก 8. ก 9. ข 10. ค 1. ค 2. ก 3. ค 4. ค 5. ง 16. ข 17. ก 18. ข 19. ค 20.ค 11. ข 12. ง 13. ค 14.ข 15. ค
EX. กระบวนการจดั การเรยี นรูใชเ ทคนคิ โครงงาน(PBL:Project BaseLearning)ดังน้ี 1)ข้นั นาํ (Introduction)นักเรยี นและครสู นทนากนั เรือ่ งการมเี พศสมั พนั ธก อ นวยั อันควร มผี ลตอ สังคมอยา งไร(C5:Communication)สภาพสังคมวัฒนธรรมการยอมรบั ในเรือ่ งเพศของแตล ะประเทศ(C3:Cross- cultural)เรยี นรเู ร่ืองระบบการสบื พันธุ สงิ่ มชี ีวิตและเซลล (S:Science)จากนั้นวเิ คราะหส าเหตขุ องการมเี พศสมั พนั ธก อ นวยั อนั ควร(C2:CriticalThinking)ความสูญเสียทางรา งกายจติ ใจการเรยี นสังคม เศรษฐกิจ 2)ขั้นแบง กลมุ (Grouping)นักเรยี นแบงกลมุ ทาํ งานตามบทบาทหรอื ความถนดั อาจประกอบดวยนักเขยี นนักขาว- ประชาสมั พันธ ชา งภาพคอมพิวเตอรก ราฟก (C4:Colaboration) 3)ข้ันกาํ หนดปญหา(Identifyingtheproblem)นกั เรียนตง้ั ปญหารว มกันเชน ทําอยางไรจะลดการมี เพศสมั พันธกอ นวัยอนั ควรตั้งสมมุติฐานแนวทางการแกปญ ญาหาอาจนําหลักจริยธรรมหรือศาสนาทต่ี นนับถือเชน ศลี 5(C8:Compassion) 4)ขน้ั วางแผน(Planning)จากนั้นรว มกนั ออกแบบแนวทางในการแกป ญ หาฝกความเปน ผูนําและผูตามท่ดี ี ยอมรบั ฟงความคดิ เหน็ ผูอ่ืนฝกความมีประชาธปิ ไตย นักเรียนออกแบบชิน้ งาน (T:Technology)ดวยการสืบคน ขอมลู จากอนิ เตอรเ น็ต(C6:Computing) ออกแบบกําหนดโครงสราง(E:Engineering)ส่อื โปสเตอรป ระชาสมั พันธ การคาํ นวณมาตราสวนResolutionการจดั วางผงั และตาํ แหนง ภาพคําอธิบาย (M:Mathematics)หรอื ช้ินงานอ่นื ตามความถนดั และสนใจ(C7:Career)ใหส ามารถตอบปญ หาทต่ี ้ังไว สวยงามเปน ประโยชน( C2:Creativity) 5)ข้ันใหคาํ ปรึกษา(Coaching)ครูอํานวยความสะดวกใหค ําปรึกษาสอบถามปญหาอปุ สรรคแนวทางการ แกไขไมเ นน ผลงานแตเ นนกระบวนการคิดและเหตุผลที่เลือกเทคนิควธิ ีการในการแกปญหา(C1:CriticalThinking) 6)ขั้นนําเสนอผลงาน(Communicating)นักเรียนแตล ะกลมุ สลบั กันออกมานาํ เสนอผลงานโดยเนนการระบุ ปญ หาวธิ ีการแกไ ขผลงานช้ินงานแนวคดิ เหตผุ ลเพอื่ นๆซักถามใหค าํ แนะนาํ (C5:Communication) 7)ข้นั สรปุ (Conclusion)นกั เรยี นรว มกันสรปุ องคค วามรู แลกเปลยี่ นเรียนรูส ิ่งทไ่ี ด จากการเรยี นโดยนําเทคนคิ วิธกี ารตา งๆ จากแตละกลุมมาสรปุ เปน ความรอู ภิปรายผลรวมกนั ครูใชค ําถามสรางกระบวนการคดิ และสนับสนุนชว ยเหลอื ใหข อมูลเพิม่ เติมเพอ่ื นําไปปรับใชใ นชีวติ ประจาํ วัน/ การศึกษาตอ /ประกอบอาชพี (C1:CriticalThinking)
หรือกําหนดข้ันตอนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม(กรณี STEM ศึกษา) 1.ระบปุ ญหา (ProblemIdentification)เปนการทําความเขา ใจปญ หาหรอื ความทาทายวเิ คราะหเง่อื นไขหรอื ขอจํากัดของสถานการณปญ หาเพือ่ กําหนดขอบเขตของปญ หาซง่ึ จะนาํ ไปสูการสรา งชิน้ งานหรือวธิ กี ารในการ แกปญ หา 2.รวบรวมขอมลู และแนวคดิ ที่เกี่ยวขอ งกับปญ หา (Related InformationSearch) เปน การรวบรวมขอ มูลและแนวคิดทางวทิ ยาศาสตรคณิตศาสตรแ ละเทคโนโลยที เี่ ก่ยี วขอ งกบั แนวทางการแกป ญ หาและ ประเมนิ ความเปน ไปไดขอดแี ละขอ จาํ กดั 3.ออกแบบวธิ ีการแกป ญ หา(SolutionDesign)เปน การประยุกตใ ชขอมลู และแนวคดิ ท่เี กยี่ วของเพ่ือการ ออกแบบชนิ้ งานหรอื วธิ กี ารในการแกป ญหาโดยคํานึงถงึ ทรัพยากรขอ จํากัดและเงอื่ นไขตามสถานการณทก่ี าํ หนด 4.วางแผนและดําเนินการแกป ญ หา (Planning and Development)เปน การกาํ หนดลาํ ดบั ข้ันตอนของการ สรา งชิ้นงานหรอื วิธกี ารแลว ลงมอื สรา งช้ินงานหรอื พัฒนาวธิ กี ารเพ่อื ใชใ นการแกป ญ หา 5.ทดสอบประเมินผลและปรบั ปรงุ แกไ ขวิธกี ารแกปญหาหรอื ชิน้ งาน (Testing,Evaluation and Design Improvement)เปน การทดสอบและประเมนิ การใชง านของชิน้ งานหรือวิธีการโดยผลทไ่ี ดอ าจนํามาใชในการ ปรับปรุงและพัฒนาใหม ีประสทิ ธภิ าพในการแกป ญหาไดอ ยางเหมาะสมท่สี ดุ 6.นาํ เสนอวิธกี ารแกป ญหาผลการแกป ญ หาหรือช้นิ งาน (Presentation)เปนการนาํ เสนอแนวคิดและ ขัน้ ตอนการแกปญ หาของการสรา งช้นิ งานหรอื การพัฒนาวิธกี ารใหผ ูอ่ืนเขา ใจและไดขอ เสนอแนะเพ่ือการพฒั นาตอไป -46-
Search
Read the Text Version
- 1 - 29
Pages: