แผนการเรยี นรูท้ ่ี ๑ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย วิชาภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 5 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ๑ เร่อื ง สายนำ้ สายชีวติ เรอื่ ง เรียนรู้คำนำไปใช้ เวลา 1 ช่ัวโมง ผูส้ อนนางสาวอมรรตั น์ ปากครอง ……………………………………………………………………………………………………………………………… ๑. สาระสำคัญ คำเปนหนวยของภาษาทสี่ ือ่ ถึงความหมายซ่ึงประกอบดวยพยางคหนึ่งพยางคหรือมากกวา ปกตใิ น แตละคําจะมีรากศัพทของคาํ แสดงถงึ ความหมายและที่มาของคาํ น้นั การนําคาํ หลายคาํ มาประกอบกนั จะทําให เกิดวลีหรอื ประโยคซง่ึ ใชส่ือความหมายใหชดั เจนมากย่งิ ขึน้ ไป ๒. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐานการเรยี นรู้ ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอา่ นสรา้ งความรู้และความคิดเพอ่ื นำไปใช้ตัดสินใจ แกป้ ัญหาในการดำเนินชวี ิตและมีนิสัยรกั การอ่าน มาตรฐานการเรยี นรู้ ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนการเขยี น เขียนสอ่ื สาร เขยี นเรยี งความ ยอ่ ความ และเขยี น เรอื่ งราวในรปู แบบต่าง ๆ เขียนรายงานข้อมลู สารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ ควา้ อยา่ งมีประสิทธภิ าพ ๓. ตวั ช้ีวัด ท ๑.๑ ป. ๕/๑ อ่านออกเสยี งบทรอ้ ยแก้วและบทร้อยกรองไดถ้ กู ต้อง ท ๑.๑ ป. ๕/๒ อธิบายความหมายของคำ ประโยคและข้อความที่เปน็ การบรรยายและการ พรรณนา ท ๑.๑ ป. ๕/๕ วิเคราะหแ์ ละแสดงความคิดเห็นเกยี่ วกับเรื่องทอี่ ่านเพื่อนำไปใชใ้ นการดำเนนิ ชีวติ ท ๑.๑ ป. ๕/๘ มีมารยาทในการอ่าน ท ๒.๑ ป. ๕/๑ คดั ลายมอื ตวั บรรจงเตม็ บรรทดั และครงึ่ บรรทดั ท ๒.๒ ป. ๕/๒ เขียนสื่อสารโดยใชค้ ำไดถ้ กู ตอ้ ง ชัดเจนและเหมาะสม ท ๒.๑ ป. ๕/๓ เขียนแผนภาพโครงเรื่อง และแผนภาพความคิดเพื่อใชพ้ ฒั นางานเขยี น ท ๒.๑ ป. ๕/๙ มีมารยาทในการเขียน ๔. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๑. อ่านและเขยี นอธิบายความหมายของคำในบทเรยี นได้ถูกต้องคล่องแคล่ว ๒. เขยี นตามคำบอกและแต่งประโยคโดยใช้คำในบทเรียนได้ ๓. คดั ลายมือตวั บรรจงครึง่ บรรทดั ได้ ๔. มีมารยาทในการเขียน 5. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ๑. มีวนิ ยั
๒. ใฝเ่ รียนรู้ 3. รักความเปน็ ไทย ๖. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น ๑. ความสามารถในการสอื่ สาร ๒. ความสามารถในการคิด ๗. สาระการเรียนรู้ 1. คำและความหมายของคำในบทเรยี น 2. อา่ นและเขยี นอธบิ ายความหมายของคำ 8. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขน้ั นำ ๑. นกั เรียนทำแบบทดสอบกอ่ นเรียน ๒. นกั เรียนอ่านคำทกี่ ำหนดให้ และวงกลมคำทีม่ ีความหมายเก่ยี วข้องกับนำ้ แลว้ ชว่ ยกนั สรุปว่ามี คำใดบ้าง ดังนี้ สายธาร พฤกษา มาลี นที อาชา ชลาลัย มัจฉา คงคา ภูผา ขน้ั สอน ๑. นักเรียนแบ่งกล่มุ (พิจารณาตามความเหมาะสม) เลอื กประธานและเลขานุการกลุ่ม ๒. นกั เรยี นแต่ละกล่มุ ร่วมกันอา่ นคำยากและหาความหมาย ในหนังสือเรยี นรายวิชาพน้ื ฐาน ภาษาไทย ชุด ภาษาเพื่อชวี ิต ภาษาพาที ชั้นประถมศกึ ษา ปีท่ี ๕ เร่ือง สายน้ำ สายชวี ิต ภายในเวลาทกี่ ำหนด หากไม่พบใหค้ น้ หาเพมิ่ เตมิ จากพจนานุกรม ๓. นักเรียนแตล่ ะกลุ่มจับฉลากคำ ในบทเรยี น จำนวน ๓ คำ แล้วใหก้ ลุ่มอ่นื บอกความหมาย นักเรียนและครูรว่ มกนั เฉลยคำกบั ความหมาย เวียนไปจนครบทุกคำและทุกกลุ่ม ๔. นกั เรียนเขยี นคำตามคำบอกของครู (ครูคัดเลอื กตามความเหมาะสม) จากนน้ั นกั เรียนและครู รว่ มกันเฉลย ตรวจความถกู ตอ้ ง และทบทวนมารยาทในการเขียน นกั เรยี นนำคำท่ีแก้ไขถกู ตอ้ ง แลว้ ไปคดั ลายมอื ตัวบรรจงเตม็ บรรทดั ๕. นกั เรยี นดูตวั อย่างประโยค ชว่ ยกันทบทวนความรเู้ รื่องประโยค จากนัน้ แต่ละคนเลือกคำมาแต่ง ประโยค ๓ ประโยค แล้วส่งให้คณุ ครตู รวจความถกู ต้อง ๖. เมอ่ื ครบทุกคนแล้ว หาอาสาสมัครมานำเสนอประโยคหนา้ ชั้นเรยี น ข้นั สรปุ ๑. นักเรยี นและครูรว่ มกันสรุปเกย่ี วกบั ประโยชนใ์ นการศกึ ษาคำในบทเรียน เชน่ ช่วยใหอ้ า่ น เขียน ไดถ้ ูกตอ้ ง และการเข้าใจความหมายของคำจะทำใหก้ ารสอื่ สารในชีวิตประจำวันเป็นไปอยา่ งมี ประสิทธิภาพ เป็นต้น ๒. นักเรียนทำแบบฝึกหัดรายวิชาพนื้ ฐาน ภาษาไทย ชดุ ภาษาเพื่อชีวติ ทักษะภาษา ชั้นประถมศกึ ษา ปที ี่ ๕ ขอ้ ๒ บอกความหมาย อธิบายและฝึกใช้คำ หนา้ ๒ – ๔ เป็นการบ้าน 9. ส่ือและแหล่งเรยี นรู้ สื่อการเรียนรู้ - สมุดบันทึก
- พจนานุกรม - แถบประโยค - แบบทดสอบกอ่ นเรยี น แหล่งเรยี นรู้ - ห้องเรยี น - อินเทอรเ์ นต็ ๑๐. ช้ินงาน/ภาระ - ๑๑. การวดั และประเมินผล เครือ่ งมอื เกณฑ์ แบบทดสอบก่อนเรียน รอ้ ยละ ๖๐ ข้ึนไป (๖ คะแนนขน้ึ ไป) วธิ ีการ แบบสังเกตพฤติกรรม ร้อยละ ๖๐ ขึ้นไป (๑๑ คะแนนขนึ้ ไป) ทดสอบกอ่ นเรยี น สงั เกตพฤตกิ รรมกลมุ่
แผนการเรียนรทู้ ี่ ๒ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย วชิ าภาษาไทย ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 5 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ เรือ่ ง สายน้ำ สายชวี ติ เรอื่ ง แผนภาพโครงเรือ่ ง เวลา 1 ช่ัวโมง ผูส้ อนนางสาวอมรรตั น์ ปากครอง ……………………………………………………………………………………………………………………………… ๑. สาระสำคญั แผนภาพโครงเรอ่ื ง แสดงใหเ้ หน็ โครงเรอ่ื งโดยรวม ทำให้จบั ใจความสำคัญของเรอ่ื งทอี่ ่านไดง้ ่ายขึน้ การเขียนแผนภาพโครงเรื่อง ต้องอาศยั การต้งั คำถามและตอบคำถามจากเรื่องทอี่ ่านว่า ตัวละครในเรื่องมีใคร บา้ ง สถานท่ีเกดิ เหตกุ ารณ์ คือทไ่ี หน มีเหตกุ ารณ์อะไรเกิดขึน้ ผลของเหตกุ ารณน์ ้นั คอื อะไร ๒. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียน เขียนสื่อสาร เขยี นเรียงความ ยอ่ ความ และเขยี นเร่อื งราว ในรปู แบบตา่ งๆ เขียนรายงานขอ้ มูลสารสนเทศและรายงานการศกึ ษาค้นคว้า อยา่ งมีประสิทธิภาพ มาตรฐานการเรยี นรู้ ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอยา่ งมีวจิ ารณญาณ และพดู แสดงความรู้ ความคดิ ความรู้สกึ ในโอกาสต่าง ๆ อย่างมีวิจารณญาณ และสร้างสรรค์ ๓. ตัวชี้วดั ท ๒.๑ ป. ๕/๑ คัดลายมือตวั บรรจงเตม็ บรรทัด และครึง่ บรรทดั ท ๒.๒ ป. ๕/๒ เขียนสือ่ สารโดยใช้คำได้ถูกตอ้ ง ชัดเจนและเหมาะสม ท ๒.๑ ป. ๕/๓ เขยี นแผนภาพโครงเรื่อง และแผนภาพความคดิ เพือ่ ใช้พัฒนางานเขียน ท ๒.๑ ป. ๕/๙ มมี ารยาทในการเขียน ท ๓.๑ ป. ๕/๒ ต้ังคำถามและตอบคำถามเชงิ เหตุผลจากเรื่องที่ฟงั และดู ๔. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑. บอกหลกั การเขยี นแผนภาพโครงเรื่องได้ ๒. พดู ลำดับเหตุการณไ์ ด้ ๓. เขยี นแผนภาพโครงเรอื่ งจากเรอ่ื งที่อา่ นได้ ๔. มมี ารยาทในการเขยี น ๕. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินยั 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. ม่งุ ม่ันในการทำงาน
๖. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น ๑. ความสามารถในการส่ือสาร ๒. ความสามารถในการคดิ ๗. สาระการเรยี นรู้ 1. หลกั การเขยี นแผนภาพภาพโครงเรื่อง 2. มารยาทในการอา่ น การเขียน การฟงั การดู และการพูด 8. กิจกรรมการเรยี นรู้ ขนั้ นำ ๑. นักเรียนอา่ นบทร้อยกรอง แล้วร่วมกนั อภปิ รายเก่ยี วกบั เน้ือหาทีอ่ า่ น โดยใช้การตง้ั คำถาม 5 W1H ดังนี้ ใคร ทำอะไร ที่ไหน เม่อื ไร เพราะเหตใุ ด และผลเป็นอยา่ งไร ข้ันสอน ๑. นกั เรียนแบง่ กลมุ่ ตามความเหมาะสม เลือกประธานและเลขานกุ ารกลุ่ม ๑. นกั เรียนศึกษาความรู้ เรอ่ื ง แผนภาพโครงเร่ือง หนงั สอื เรียนรายวิชาพ้ืนฐาน ภาษาไทย ชุด ภาษา เพ่ือชวี ิต ภาษาพาที ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๕ หน้า ๑๐๔-๑๐๖ ๒. นกั เรียนอ่านในใจ เร่ือง สายนำ้ สายชีวิต จากหนงั สอื เรียนรายวิชาพ้นื ฐาน ภาษาไทย ชุด ภาษา เพื่อชวี ิต ภาษาพาที ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๕ ตามเวลาท่ีครูกำหนด ๓. สมาชกิ ในกลมุ่ ช่วยกนั ตงั้ คำถาม และตอบคำถาม เชน่ เรื่องน้ีมีใคร ทำอะไร ท่ไี หน เม่อื ไร อย่างไร และได้ข้อคิดอะไรจากเรือ่ ง ฯลฯ ๔. นกั เรียนชว่ ยกันลำดบั เหตุการณใ์ นเรื่อง แล้วสง่ ตัวแทนแตล่ ะกลมุ่ ออกมาชว่ ยกนั เล่าเร่อื งตอ่ กัน จนจบ จากนนั้ ระดมความคิดของสมาชกิ ช่วยกนั เขียนแผนภาพโครงเรือ่ งลงในกระดาษที่ครู แจกให้ ๕. นกั เรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนนำเสนอผลงานหน้าช้ันเรยี น เม่อื ครบทุกกลมุ่ นักเรียนและครู รว่ มกันอภิปรายและเติมเตม็ ในส่วนทยี่ งั ไมส่ มบรู ณ์ จากน้นั นำผลงานไปตดิ ไว้ท่ปี ้ายนเิ ทศ
ขัน้ สรปุ ๑. นกั เรียนและครูร่วมกันสรปุ หลกั การเขยี นแผนภาพโครงเรอ่ื งโดยเขียนถา่ ยทอดเปน็ แผนที่ ความคิด 9. สอ่ื และแหลง่ เรียนรู้ สือ่ การเรยี นรู้ - บทร้อยกรอง ปลายทาง แหล่งเรยี นรู้ - ห้องเรียน ๑๐. ชิ้นงาน/ภาระงาน 1. เขียนแผนภาพโครงเรอ่ื ง เขียนและบอกประโยชนข์ องแผนภาพโครงเรือ่ ง 7. การวัดและประเมินผล วธิ กี าร เคร่ืองมอื เกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมกลุ่ม แบบสังเกตพฤตกิ รรม ร้อยละ ๖๐ ข้ึนไป (๑๑ คะแนนข้นึ ไป) ตรวจแผนภาพโครงเรอ่ื ง แบบประเมินแผนภาพโครงเรื่อง ร้อยละ ๖๐ ขึ้นไป (๑๑ คะแนนขนึ้ ไป)
แผนการเรียนรทู้ ่ี ๓ กลุม่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย วชิ าภาษาไทย ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 5 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๑ เรอ่ื ง สายน้ำ สายชีวติ เรือ่ ง การอ่านออกเสียง เวลา 1 ช่ัวโมง ผ้สู อนนางสาวอมรรัตน์ ปากครอง ……………………………………………………………………………………………………………………………… ๑. สาระสำคญั การอานออกเสยี ง เปนการอานใหผูอ่ืนฟง หากผูอานออกเสยี งชัดเจนถกู ตอง ยอมชวยใหการสอ่ื สารมี ประสิทธภิ าพ ผูฟงสามารถรบั สารไดอยางสมบรู ณ จงึ ควรฝกใหชํานาญ เพ่อื ใหสามารถนําไปใชใชวี ติ ประจาํ วัน ได ๒. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความร้แู ละความคิดเพ่อื นำไปใชต้ ัดสินใจ แก้ปัญหา ในการดำเนนิ ชีวติ และมนี ิสยั รักการอ่าน ๓. ตวั ชี้วดั ท ๑.๑ ป. ๕/๑ อ่านออกเสยี งบทร้อยแกว้ และบทรอ้ ยกรองไดถ้ ูกตอ้ ง ท ๑.๑ ป. ๕/๒ อธบิ ายความหมายของคำ ประโยคและขอ้ ความท่เี ป็นการบรรยายและการพรรณนา ท ๑.๑ ป. ๕/๕ วิเคราะหแ์ ละแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั เรื่องทีอ่ า่ นเพื่อนำไปใช้ในการดำเนินชวี ติ ท ๑.๑ ป. ๕/๘ มีมารยาทในการอ่าน ๔. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๑. บอกหลักการอา่ นออกเสียงได้ ๒. อ่านออกเสียงบทรอ้ ยแกว้ ได้ ๓. มมี ารยาทในการอา่ น ๕. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ๑. ใฝ่เรยี นรู้ ๒. รักความเปน็ ไทย ๖. สมรรถนะของผู้เรียน ๑ การสอื่ สาร ๒ การคดิ วเิ คราะห์
๗. สาระการเรยี นรู้ การอา่ นออกเสยี ง -นิทาน -ขา่ ว -เรื่องสนั้ 8. กจิ กรรมการเรียนรู้ ขน้ั นำ ๑. นักเรยี นและครรู ่วมกนั สนทนาถึงเนือ้ หาท่เี รยี นในช่วั โมงท่ีแล้ว จากนน้ั นกั เรยี นอ่านออกเสียง ข้อความทกี่ ำหนดให้ เม่อื อ่านจบแล้วร่วมกันอภปิ รายว่าอา่ นได้ถกู ต้องตามหลักการอ่านหรอื ไม่ “ความคิดน้ันเปน็ แมบ่ ทใหญข่ องการพดู และการกระทำ เพราะกจิ ท่ีจะทำคำทจ่ี ะพดู ทกุ อย่างลว้ นสำเรจ็ มาจากความคิด การคิดกอ่ นพดู และกอ่ นทำจงึ ชว่ ยใหบ้ ุคคลสามารถ ยับยง้ั คำพดู ที่ไม่สมควร หยุดยั้งการกระทำทีไ่ ม่ถกู ต้อง” พระบรมราโชวาทของ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยูห่ ัว (ในพิธพี ระราชทานปรญิ ญาบตั รของ จฬุ าลงกรณม์ หาว“ทิ ยาลัย ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๔๐) ขั้นสอน ๑. นกั เรียนแบง่ กลุ่มตามความเหมาะสม เลือกประธานและเลขานกุ ารกลุ่ม ๒. นักเรยี นและครรู ่วมกันทบทวนเกย่ี วกบั หลกั การออกเสียงคำ เช่น คำควบกล้ำ คำทมี่ อี ักษรนำ คำท่ีมี ร รวมทั้งมารยาทในการอา่ น ๓. นักเรียนและครูร่วมกันแบง่ เน้อื หาในการอ่านหนังสือเรียนรายวชิ าพ้นื ฐาน ภาษาไทย ชุด ภาษา เพอ่ื ชีวิต ภาษาพาที ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๕ เรือ่ ง สายนำ้ สายชีวิต แต่ละกลุม่ ฝึกอา่ น ออกเสยี งใหถ้ ูกตอ้ งตามหลักการอ่าน ๔. นักเรียนแต่ละกลุม่ ช่วยกันอ่านออกเสยี งตามเน้ือหาที่ได้รบั เวยี นต่อกันไปจนจบเร่ือง ครูช่วย แนะนำในสว่ นทย่ี งั ไมส่ มบูรณ์ ขน้ั สรุป ๑. นักเรยี นและครูรว่ มกันสรปุ เร่อื งหลกั การอา่ นออกเสยี งโดยเขยี นถา่ ยทอดเปน็ แผนท่ีความคดิ ๒. นกั เรยี นฝึกอา่ นนทิ าน ข่าว หรอื เรื่องสน้ั เป็นการบ้าน ๓. 9. สื่อและแหลง่ เรยี นรู้ สือ่ การเรยี นรู้ - แหลง่ เรียนรู้ ๑. หอ้ งเรียน ๒. อนิ เทอร์เน็ต
๑๐. ช้ินงาน/ภาระงาน ๑. อ่านบทรอ้ ยแก้วตามอักขรวิธี ๒. ฝึกอา่ นนทิ าน ข่าว หรอื เรอ่ื งสัน้ ๑๑. การวัดผลและประเมินผล วธิ ีการ เครื่องมือ เกณฑ์ สงั เกต แบบสงั เกตพฤตกิ รรมกลมุ่ รอ้ ยละ ๖๐ ข้ึนไป (๑๑ คะแนนข้นึ ไป) - พฤตกิ รรมกล่มุ แบบประเมินการอ่านออกเสยี ง ร้อยละ ๖๐ ขน้ึ ไป (๙ คะแนนขึ้นไป) - การอา่ นออกเสียง
แผนการเรยี นรทู้ ี่ ๔ กล่มุ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย วิชาภาษาไทย ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 5 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ เรอื่ ง สายน้ำ สายชวี ิต เรือ่ ง การตั้งคำถาม และตอบคำถามเชิงเหตผุ ลจากเรอ่ื งทฟ่ี งั และดู เวลา 1 ช่วั โมง ผู้สอนนางสาวอมรรัตน์ ปากครอง ……………………………………………………………………………………………………………………………… ๑. สาระสำคัญ การอา่ นทกุ ครัง้ นกั เรียนควรฝึกต้ังคำถาม และตอบคําถามจากเร่อื งทีอ่ าน เพ่อื ใหไดรับความรูสูงสุด และ ไดทบทวนความรูด้วยในการต้ังคําถาม ควรต้ังคําถามใหชัดเจนวาตองการคาํ ตอบอยางไร ๒. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ ท ๓.๑ สามารถเลอื กฟงั และดอู ย่างมีวจิ ารณญาณ และพดู แสดงความรู้ ความคดิ ความรสู้ ึกในโอกาสต่างๆ อยา่ งมีวจิ ารณญาณ และสร้างสรรค์ ๓. ตัวชี้วดั ท ๓.๑ ป. ๕/๒ ต้ังคำถามและตอบคำถามเชงิ เหตุผลจากเรือ่ งทฟ่ี ังและดู ท ๓.๑ ป. ๕/๕ มมี ารยาทในการฟัง การดูและการพูด ๔. จุดประสงค์การเรยี นรู้ ๑. ต้งั คำถามและตอบคำถามเชิงเหตผุ ลจากเรอ่ื งทฟ่ี ังและดูได้ ๒. มมี ารยาทในการฟัง และการดู 5. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค ๑. รกั ความเปนไทย ๒. มีวินัย ๓. ใฝเรยี นรู ๔. มงุ ม่นั ในการทํางาน ๖. สมรรถนะสําคญั ของผูเรียน ๑. ความสามารถในการคิด ๒. ความสามารถในการสอ่ื สาร ๓. ความสามารถในการใชทกั ษะชวี ิต ๗. สาระการเรยี นรู้ - การตง้ั คําถามและตอบคาํ ถามจากเร่อื งท่ีอาน
8. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ข้นั นำ ๑. นักเรยี นฟงั และดวู ีดีทศั น์ เรื่อง หม้อขา้ วหมอ้ แกงลิง แล้วร่วมกนั อภิปราย เช่น ต้นหม้อขา้ วหมอ้ แกงลิง กินอะไรเปน็ อาหาร ทำไมจึงเปน็ เช่นน้ัน ขนั้ สอน ๑. นกั เรียนชว่ ยกันต้งั จดุ ประสงคใ์ นการฟงั และดู พร้อมทั้งทบทวนมารยาทในการฟงั และดู โดยนักเรยี น และครูรว่ มกนั สรุป ๒. นกั เรียนศึกษาความรู้ จากหนังสอื เรียนรายวิชาพน้ื ฐาน ภาษาไทย ชุด ภาษาเพ่ือชวี ติ ภาษาพาที ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๕ บทท่ี ๑ เรอ่ื ง การต้ังคำถามและตอบคำถาม แล้วชว่ ยกันยกตวั อยา่ งคำ ท่ใี ชถ้ าม เช่น เพราะใคร เหตุใด เพราะอะไร อยา่ งไร ทำไม ฯลฯ และวิธกี ารตง้ั คำถาม ตอบ คำถาม จากนัน้ นกั เรียนและครรู ่วมกนั สรปุ ความรู้อีกคร้งั หนึ่ง ๓. นกั เรียนแบง่ กลมุ่ ตามความเหมาะสม เลือกประธานและเลขานกุ ารกลุ่ม ๔. นักเรยี นแต่ละกลุ่มฟังขา่ ว หรือดูวีดทิ ศั น์สารคดี (ครเู ลือกตามความเหมาะสม) แล้วช่วยกันตง้ั คำถาม ตอบคำถาม กลมุ่ ละ ๕ ข้อ โดยเขียนลงในกระดาษทค่ี รแู จกให้ ๕. นักเรียนแตล่ ะกลุม่ สง่ ตวั แทนออกมาอา่ นคำถามท่ีไดต้ ง้ั ไว้ และให้กลุม่ อ่ืนตอบ โดยครูชว่ ยเพิม่ เติมใน สว่ นทีย่ งั ไม่สมบูรณ์ ๖. นกั เรยี นและครชู ว่ ยกันตรวจสอบความถกู ตอ้ งของคำถามและคำตอบ กลุ่มใดต้งั คำถามและตอบ คำถามไดม้ ากกวา่ และถูกต้องเป็นฝ่ายชนะ ขน้ั สรปุ ๑. นกั เรียนและครูร่วมกนั สรุปเรอื่ งการตงั้ คำถาม และตอบคำถามเชิงเหตุผลจากเรอ่ื งท่ีฟงั และดู 9. สื่อและแหลง่ เรยี นรู้ ส่อื การเรียนรู้ - วดี ที ัศน์ แหล่งเรียนรู้ - ห้องเรยี น - อินเทอรเ์ นต็ ๑๐. ชน้ิ งาน/ภาระงาน - ๑๑. การวัดและประเมินผล เคร่อื งมือ เกณฑ์ แบบสงั เกตพฤติกรรมกลมุ่ ร้อยละ ๖๐ ข้ึนไป (๑๑ คะแนนขึน้ ไป) วธิ กี าร สังเกต - พฤติกรรมกลมุ่
แผนการเรยี นรู้ที่ ๕ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย วชิ าภาษาไทย ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 5 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๑ เรื่อง สายน้ำ สายชีวิต เรื่อง การอา่ นทำนองเสนาะ เวลา 1 ชวั่ โมง ผสู้ อนนางสาวอมรรตั น์ ปากครอง ……………………………………………………………………………………………………………………………… ๑. สาระสำคญั การอา่ นออกเสียงรอ้ ยกรอง เป็นการอา่ นท่มี ุ่งให้เกดิ ความเพลิดเพลินซาบซ้ึงในรสของคำประพันธซ์ งึ่ จะตอ้ งอ่านอย่างมจี ังหวะ ลลี า และท่วงทำนองตามลักษณะคำประพันธ์แตล่ ะชนดิ ๒. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสรา้ งความรแู้ ละความคิดเพื่อนำไปใช้ตัดสินใจ แกป้ ญั หาในการดำเนินชวี ิตและมีนิสัยรักการอา่ น ๓. ตัวชี้วัด ท ๑.๑ ป. ๕/๑ อา่ นออกเสยี งบทร้อยแก้วและบทรอ้ ยกรองได้ถูกต้อง ท ๑.๑ ป. ๕/๒ อธิบายความหมายของคำ ประโยคและข้อความทเ่ี ปน็ การบรรยายและการพรรณนา ท ๑.๑ ป. ๕/๕ วิเคราะห์และแสดงความคิดเหน็ เกย่ี วกับเรอ่ื งที่อา่ นเพ่ือนำไปใชใ้ นการดำเนนิ ชีวิต ท ๑.๑ ป. ๕/๘ มมี ารยาทในการอ่าน ๔. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๑. บอกหลกั การอา่ นบทร้อยกรองได้ ๒. อ่านรอ้ ยกรองเป็นทำนองเสนาะ และอธบิ ายความหมายของบทร้อยกรองได้ ๑. สรปุ สาระสำคญั และขอ้ คดิ จากเรือ่ งท่ีอ่านได้ ๒. มีมารยาทในการอา่ น ๕. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๑. ใฝ่เรียนรู้ ๒. มุ่งม่ันในการทำงาน ๓. รกั ความเป็นไทย ๖. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน ๑. ความสามารถในการสอื่ สาร ๒. ความสามารถในการคดิ ๓. ความสามารถในการแกป้ ญั หา
๗. สาระการเรียนรู้ การอ่านบทร้อยกรองเปน็ ทำนองเสนาะ 8. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขั้นนำ ๑. นกั เรยี นฟงั การอ่านทำนองเสนาะจากครหู รอื ดวู ดี ทิ ัศน์ แล้วสนทนาเกี่ยวกบั การอา่ น บทร้อยกรองเป็นทำนองเสนาะ วา่ การอ่านแบบนี้เรียกว่าอะไร ลกั ษณะการอ่านเปน็ อยา่ งไร เชน่ เป็นการอา่ นทำนองเสนาะ เป็นการอ่านทีม่ นี ้ำเสียงไพเราะกังวาน มกี ารเอ้ือนเสยี ง ฯลฯ ขนั้ สอน ๑. นกั เรยี นทกุ คนศกึ ษาความรู้จากหนงั สือเรยี นรายวชิ าพืน้ ฐาน ภาษาไทย ชุด ภาษาเพื่อชีวิต ภาษาพาที ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ บทที่ ๑ เรือ่ ง การอา่ นรอ้ ยกรองเปน็ ทำนองเสนาะ จากนัน้ นักเรียนและครู ร่วมกันอภิปรายสรุปความรู้ แลว้ ฟังตวั อย่างการอา่ นทำนองเสนาะจากคำประพนั ธ์ประเภทตา่ ง ๆ จากครู วีดิทัศน์ หรือแถบบันทึกเสยี ง ๒. นกั เรยี นฝึกแบ่งจงั หวะการอ่านบทร้อยกรอง แล้วอ่านบทรอ้ ยกรองเปน็ ทำนองเสนาะตามครพู ร้อมกนั และผลดั กันอา่ นทีละคนจนครบ ครสู ังเกตและบันทึกการอา่ นลงในแบบบันทึก ๓. นักเรียนแบ่งกลุม่ เลือกประธานและเลขานกุ ารกล่มุ ๔. แต่ละกลมุ่ สง่ ตัวแทนอา่ นบทร้อยกรอง ๕. นักเรียนช่วยกันสรุปสาระสำคัญและขอ้ คิดจากเรอื่ งทอ่ี า่ น โดยหาอาสาสมัครนำเสนอหนา้ ชัน้ เรยี น ครคู อยแนะนำในสว่ นทีย่ งั ไมส่ มบรู ณ์ ขน้ั สรุป ๑. รว่ มกนั สรุป “การอ่านออกเสยี งบทรอ้ ยกรองเปน็ ทำนองเสนาะ ต้องอ่านให้ถูกต้องตามลักษณะคำ ประพันธ์และอักขรวธิ ี ร้จู กั เออื้ นเสียง แสดงอารมณ์ตามเน้ือความ จะทำให้เกดิ ความไพเราะ ซาบซึง้ เห็นความงามของภาษา ไดร้ ับความรู้และความเพลดิ เพลิน 9. ส่ือและแหล่งเรยี นรู้ ส่ือการเรียนรู้ - วดี ที ัศน์ แหล่งเรยี นรู้ - ห้องเรยี น - อินเทอร์เน็ต ๑๐. ชนิ้ งาน/ภาระงาน ๑. อา่ นออกเสียงบทร้อยแกว้ และบทร้อยกรอง อย่างถกู ต้องตามหลกั การอ่าน ๑๑. การวดั และประเมินผล วิธีการ เครอื่ งมอื เกณฑ์ สงั เกต แบบสังเกตพฤติกรรมกลุ่ม ร้อยละ ๖๐ ข้ึนไป (๑๑ คะแนนข้นึ ไป) - พฤติกรรมกลมุ่ แบบประเมนิ การอา่ นบทรอ้ ยกรอง ร้อยละ ๖๐ ขึ้นไป (๑๑ คะแนนข้นึ ไป) - การอ่านบทรอ้ ยกรอง
แผนการเรยี นรูท้ ี่ ๖ กล่มุ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย วชิ าภาษาไทย ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 5 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ๑ เรื่อง สายนำ้ สายชีวิต เรื่อง สำนวนไทย เวลา 1 ชั่วโมง ผสู้ อนนางสาวอมรรัตน์ ปากครอง ……………………………………………………………………………………………………………………………… ๑. สาระสำคัญ สำนวนไทยมลี กั ษณะเป็นขอ้ ความส้ัน ๆ ใช้ถ้อยคำกระชบั คมคาย คล้องจองกัน จดจำได้งา่ ย มี ความหมายลกึ ซึง้ ส่วนใหญเ่ ป็นเชิงเปรยี บเทยี บ หรือเปน็ คติสอนใจ ให้ประพฤติตนดงี ามเหมาะสม การเข้าใจ ความหมายสำนวน คำพังเพย สภุ าษิตและเลือกใช้ให้ถูกต้อง จะชว่ ยให้สื่อสารกับผอู้ ื่นไดอ้ ย่างมีประสิทธภิ าพ ๒. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลย่ี นแปลงของภาษา และพลังของภาษา ภมู ปิ ญั ญาทางภาษา และรกั ษา ภาษาไทยไวเ้ ปน็ สมบัติของชาติ ๓. ตัวช้ีวดั ท ๔.๑ ป. ๕/๗ ใช้สำนวนไดถ้ ูกต้อง ๔. จุดประสงค์การเรยี นรู้ ๑. อธิบายลกั ษณะและความหมายของสำนวนไดถ้ กู ต้อง ๒. อา่ นและเขยี นสำนวนไทยได้ถกู ต้อง เหมาะสม ๓. มมี ารยาทในการอ่าน ๕. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ๑. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ๒. ซอื่ สัตยส์ ุจริต ๓. มวี นิ ัย ๔. ใฝ่เรยี นรู้ ๖. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น ๑. ความสามารถในการส่อื สาร ๒. ความสามารถในการคิด ๓. ความสามารถในการแก้ปัญหา ๗. สาระการเรียนรู้ สำนวนไทย
8. กิจกรรมการเรยี นรู้ ขัน้ นำ ๑. นกั เรยี นทายสำนวนจากปรศิ นาคำทาย (ขึน้ ต้นด้วยคำว่า น้ำ) เชน่ - นำ้ อะไรหนา หมายความวา่ “มโี อกาสดคี วรรบี ทำ” (น้ำขน้ึ ใหร้ ีบตกั ) - น้ำอะไรชว่ ยบอก หมายถงึ “พดู ไม่ออกเพราะเกรงจะมีภัยแกต่ นหรือผู้อ่นื ” (นำ้ ทว่ มปาก) - น้ำอะไรหนอ หมายถงึ “เม่อื หมดอำนาจความช่ัวที่ทำไว้กป็ รากฏ” (นำ้ ลดตอผุด) - น้ำอะไร หมายถึง “ทใี ครทีมนั ” รีบทายเร็วพลัน มีมด มปี ลา (นำ้ มาปลากินมด น้ำลด มดกนิ ปลา) จากนัน้ นกั เรียนและครรู ่วมกนั เฉลยคำตอบท่ถี ูกต้อง ๒. นักเรยี นอ่านสำนวน น้ำขึ้นใหร้ ีบตกั น้ำทว่ มปาก นำ้ ลดตอผุด นำ้ มาปลากนิ มด น้ำลดมดกินปลา และสนทนาเกีย่ วกบั ลกั ษณะของสำนวนไทย ขั้นสอน ๑. นักเรียนแบง่ กลมุ่ ตามความเหมาะสม เลอื กประธานและเลขานกุ ารกลมุ่ แล้วคัดเลือกตวั แทนในกลุ่ม จบั ฉลากเขยี นสำนวนตอ่ ไปนี้ - ตาบอดคลำ....................................... - ตาบอดได้......................................... - ตาบอดสอด....................................... - ตกถัง................................................ - ตกนำ้ ไม.่ .....................ตกไฟไม่.......... - ตกกระได......................................... - ตงี ใู ห.้ ...................กิน - ต.ี ..................กระทบคราด............. - ตึ........................หน้าไซ - ตกั นำ้ ใส.่ ..................ชะโงกดูเงา - ตักบาตรอยา่ ถาม.............................. - ตัดนำ้ รด........................................... - ตดั ญาติขาด...................................... - ตัด....................ตน้ ลม - ตดั ..................................ปล่อยวดั นักเรยี นช่วยกนั พจิ ารณาความถูกตอ้ ง โดยครชู ว่ ยแนะนำ กลุ่มใดเขียนได้ถูกตอ้ งมากกวา่ เปน็ ฝา่ ยชนะ กลุ่มใดแพใ้ ห้เลอื กสำนวน ๓ สำนวน ออกมาทำท่าทางประกอบทงั้ กลุ่ม ๒. นักเรียนเขยี นคำทค่ี รเู ว้นไมอ่ า่ นจากสำนวนในกระดาษทค่ี รแู จกให้ เชน่ - ป้งิ ปลาประชด.......................... - จบั ....................ใสก่ ระด้ง - ได้ทีข่ี.........................ไล่ - รีดเลือดกบั ....................... - ..................สันหลังหวะ - ......................ตกน้ำตัวโต - .................จนตรอก - ตีงใู ห.้ .......................กนิ - เขยี น.............ให้.................กลัว - หน.ี .................ปะ.................. ๓. นกั เรียนทุกคนช่วยกนั เฉลยคำตอบ นกั เรียนแลกเปลี่ยนกนั ตรวจคำตอบ ให้คะแนนข้อละ ๑ คะแนน แลว้ รวบรวมส่งใหค้ รตู รวจอีกครงั้ ๔. นกั เรยี นหรอื อาสาสมคั รออกมาเขียนความหมายของสำนวนทต่ี นสนใจคนละ ๑ สำนวน ใหท้ ุกคน รว่ มกนั พจิ ารณาความหมาย ชว่ ยกันแกไ้ ข เพ่ิมเติม โดยมีครคู อยชว่ ยแนะนำ ๕. นักเรียนทุกคนทบทวนมารยาทในการอา่ นและศกึ ษาความรู้ เร่ือง สำนวนไทย จากหนังสอื เรียนรายวิชา พื้นฐาน ภาษาไทย ชุด ภาษาเพอ่ื ชีวิต ภาษาพาที ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๕ บทที่ ๑๕ ๖. นักเรยี นอ่านแถบสำนวนแล้วชว่ ยกนั เลอื กสำนวนไปตดิ หรือเขียนใหไ้ ด้ความหมายทีก่ ำหนดในแถบ ความหมายบนกระดาน เช่น สำนวน รู้งูๆ ปลาๆ ความหมาย รไู้ มจ่ ริงสักอยา่ งเดยี ว
ใหท้ กุ คนรว่ มกนั พิจารณาความถกู ตอ้ ง และสนทนาถึงความหมาย ข้อคิด คุณค่าจาก สำนวนตา่ ง ๆ ขั้นสรปุ ๑. นักเรยี นและครรู ว่ มกนั สรุปความรู้ เรอ่ื ง สำนวนไทย ๒. นกั เรียนทำแบบฝึกหัดรายวิชาพ้นื ฐาน ภาษาไทย ชุด ภาษาเพ่ือชวี ติ ทักษะภาษา ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๕ หนา้ ๑๒๘ – ๑๒๙ เปน็ การบ้าน 9. สื่อและแหล่งเรยี นรู้ สอื่ การเรยี นรู้ - ปริศนาคำทาย แหล่งเรียนรู้ - หอ้ งเรียน ๑๐. ชน้ิ งาน/ภาระงาน - ๑๑. การวดั และประเมนิ ผล วิธกี าร เครอื่ งมือ เกณฑ์ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมกลมุ่ ร้อยละ ๖๐ ขน้ึ ไป (๑๑ คะแนนข้ึนไป) สงั เกต - พฤตกิ รรมกลมุ่
แผนการเรยี นรู้ที่ ๗ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย วิชาภาษาไทย ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 5 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี ๑ เร่อื ง สายน้ำ สายชีวิต เรอื่ ง คำทีม่ อี ักษรนำ เวลา 1 ชั่วโมง ผู้สอนนางสาวอมรรตั น์ ปากครอง ……………………………………………………………………………………………………………………………… ๑. สาระสำคญั การใช้ ห นำ เปน็ วธิ เี พิ่มเสียงตน้ คำในภาษาไทยที่ช่วยใหเ้ กิดคำที่มีความหมายใหมม่ ากขน้ึ สว่ นคำ คลอ้ งจองเปน็ การสร้างความไพเราะของภาษา สามารถนำไปใชป้ ระกอบการพูดไดอ้ ย่างนา่ ฟัง ทั้งนก้ี ารฟังและ การพดู ที่ดีน้ันจะต้องมีมารยาทในการฟงั และการพูดดว้ ย ๒. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสร้างความรู้และความคิดเพ่ือนำไปใชต้ ัดสินใจ แก้ปญั หาในการดำเนนิ ชวี ติ และมนี สิ ัยรกั การอา่ น ๓. ตวั ชี้วัด ท ๑.๑ ป. ๕/๑ อ่านออกเสยี งบทรอ้ ยแกว้ และบทร้อยกรองได้ถูกต้อง ท ๑.๑ ป. ๕/๒ อธบิ ายความหมายของคำ ประโยคและขอ้ ความท่ีเป็นการบรรยายและการพรรณนา ท ๑.๑ ป. ๕/๕ วิเคราะหแ์ ละแสดงความคิดเหน็ เก่ียวกบั เร่ืองทอี่ า่ นเพื่อนำไปใชใ้ นการดำเนินชีวติ ท ๑.๑ ป. ๕/๘ มมี ารยาทในการอ่าน ๔. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๑. อ่านออกเสียงและอธบิ ายความหมายของคำทมี่ ีอักษรนำได้ ๒. ยกตัวอย่างคำทีม่ อี กั ษรนำได้ ๓. มมี ารยาทในการอา่ นและเขียน ๕. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ๑. มีวนิ ยั ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุง่ มัน่ ในการทำงาน ๔. รักความเปน็ ไทย ๕. มจี ิตสาธารณะ
๖. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น ๑. ความสามารถในการส่อื สาร ๒. ความสามารถในการคิด ๓. ความสามารถในการแกป้ ญั หา ๗. สาระการเรียนรู้ อกั ษรนำ (ห นำ) 8. กิจกรรมการเรียนรู้ ข้ันนำ ๑. นักเรยี นออกมาเล่นเกมใบ้คำทีละ ๒ คน โดยคนหนึ่งเป็นผูอ้ ธบิ ายความหมายของคำปรศิ นา อกี คน หนงึ่ เป็นผูท้ าย นักเรยี นและครูร่วมกนั เฉลยโดยติดบตั รคำปรศิ นาบนกระดาน คำปริศนาจะเปน็ คำที่ มอี ักษรนำ อ่านเสยี ง ๒ พยางค์ และคำที่ไม่มีอักษรนำ เชน่ จรวด ขนั สนาม จมกู ป่นิ โต ฯลฯ ๒. นกั เรยี นสังเกตและแยกคำทัง้ หมดว่าแยกไดก้ ี่กลมุ่ นกั เรยี นมีวิธีแยกอย่างไร (มี ๒ กลุม่ คอื กลุม่ ท่ีมี พยญั ชนะตน้ เพียง ๑ ตัว และกลมุ่ ทม่ี ีพยัญชนะตน้ ๒ ตัว) ข้นั สอน ๑. นกั เรยี นอา่ นออกเสยี งบตั รคำ จรวด ขัน สนาม จมกู ป่ินโต ฯลฯ บนกระดาน พร้อมทง้ั สงั เกต คำทงั้ หมดว่าเหมือนหรอื ต่างกันอยา่ งไร แล้วให้แยกประเภทวา่ จะแยกได้กี่ประเภท และนกั เรียนมี เหตผุ ลใดในการแยกประเภทดังกลา่ ว เชน่ - มพี ยัญชนะตน้ ๑ ตวั ไดแ้ ก่ คำวา่ ขนั ป่ินโต ฯลฯ - มีพยญั ชนะตน้ ๒ ตวั ไมป่ ระวิสรรชนยี ์ แต่ออกเสยี งอะ ก่ึงเสียง ไดแ้ ก่ จรวด (จะ – หรวด) จมูก (จะ – หมกู ) ฯลฯ เราเรยี กคำประเภทท่ี ๒ นี้วา่ “คำทมี่ อี ักษรนำ” ๒. นักเรียนอา่ นคำที่มีอกั ษรนำ ๒ พยางค์ เช่น สนาม ทหาร ตลาด สมดุ ถนน ฯลฯ พรอ้ มกัน สงั เกตลกั ษณะของคำท้งั หมด เช่น มพี ยัญชนะตน้ ๒ ตัว ไมป่ ระวิสรรชนีย์ แตอ่ อกเสียงอะ กง่ึ เสยี ง มีอกั ษรสูง และอักษรกลางนำมา ๓. นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั อภิปรายคำทีม่ อี กั ษรนำข้างตน้ และนอกเหนอื จากนยี้ ังมคี ำท่มี ีอกั ษรนำอีก ได้แก่ ห นำ อ นำ ๔. นกั เรียนแบ่งกลมุ่ ตามความเหมาะสม เลือกประธานและเลขานกุ ารกลมุ่ แขง่ ขนั กันเขยี นคำทมี่ ี อักษรนำตามคำสั่ง เช่น - ช่ือคนท่ีมอี ักษรสูงนำ เชน่ สมาน ถนอม สนอง ฯลฯ - ชื่อสถานที่ทีม่ อี กั ษรกลางนำ เช่น ตลาด ตลงิ่ ฯลฯ - ชอื่ สัตวท์ ีม่ ี ห นำ เช่น หนู หมู ฯลฯ - ชื่อสง่ิ ของที่มอี ักษรกลางนำ เชน่ จรวด ปรอท ฯลฯ ๕. นกั เรยี นส่งตัวแทนนำเสนอผลงานหน้าชนั้ เรยี น นกั เรียนและครูตรวจสอบแก้ไขเพมิ่ เตมิ และสรุป ความรู้อีกครัง้ ๖. นักเรียนฝกึ อา่ นและเขยี นคำ อธบิ ายความหมายของคำทีม่ อี กั ษรนำ
ขั้นสรุป ๑. รว่ มกันสรปุ “อกั ษรนำ คือ คำท่ีมีพยญั ชนะ ๒ ตัว เรียงกนั และร่วมอยใู่ นสระตวั เดยี วกนั พยญั ชนะ ตัวแรก คอื ห นำ และ อ นำ ย เวลาอ่านไมอ่ อกเสยี ง อะ ทต่ี ัว ห และ ตวั อ จะออกเสียงรว่ มกัน สนทิ เป็นพยางค์เดียวกัน เชน่ หงาย หญา้ หนัง หมาก หยิบ หรือ หลาย ฯลฯ 9. สอื่ และแหลง่ เรียนรู้ ส่ือการเรียนรู้ - เกม - บตั รคำ แหล่งเรียนรู้ - หอ้ งเรยี น ๑๐. ชน้ิ งาน/ภาระงาน - ๑๑. การวดั และประเมินผล วธิ ีการ เครอื่ งมือ เกณฑ์ แบบสงั เกตพฤติกรรมกลมุ่ ร้อยละ ๖๐ ข้ึนไป (๑๑ คะแนนขึ้นไป) สงั เกต - พฤติกรรมกล่มุ
แผนการเรยี นรทู้ ่ี ๘ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย วชิ าภาษาไทย ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 5 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ เร่ือง สายน้ำ สายชวี ิต เรอ่ื ง คำขวัญ เวลา 1 ชว่ั โมง ผู้สอนนางสาวอมรรตั น์ ปากครอง ……………………………………………………………………………………………………………………………… ๑. สาระสำคญั คำขวญั คอื ถ้อยคำที่แต่งขึ้นเพื่อเตือนใจ เพือ่ ชกั จูงใจ มกั เปน็ คำปลอบขวัญ หรือปลกุ ใจให้เช่ือมนั่ ให้ เห็นคุณค่า และความสำคญั ของสิง่ ทีก่ ล่าวถึง มกั เป็นถ้อยคำท่ีสัมผัสคลอ้ งจอง ๒. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขยี น เขียนสอื่ สาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียน เรอ่ื งราวในรูปแบบต่าง ๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมีประสิทธภิ าพ ๓. ตวั ช้ีวัด ท ๒.๒ ป. ๕/๒ เขียนสอื่ สารโดยใช้คำไดถ้ ูกต้อง ชัดเจนและเหมาะสม ท ๒.๑ ป. ๕/๙ มีมารยาทในการเขียน ๔. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๑. อธบิ ายลักษณะของคำขวัญได้ ๒. แตง่ คำขวัญโดยใช้คำท่ีถูกตอ้ ง และเหมาะสมได้ ๓. มมี ารยาทในการเขยี น ๕. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ๑. มวี นิ ยั ๒. ใฝ่เรยี นรู้ ๖. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น ๑. ความสามารถในการสื่อสาร ๒. ความสามารถในการคิด ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ๗. สาระการเรยี นรู้ การเขยี นคำขวัญ
๖. ช้ินงาน/ภาระงาน 1. การทำงานกล่มุ มีการวางแผน ความรว่ มมอื กนั ทำงานอยา่ งเปน็ ขั้นตอน จนทำเกิดผล สำเรจ็ และมีประสทิ ธิภาพ 8. กจิ กรรมการเรียนรู้ ขั้นนำ ๑. นกั เรียนดูภาพกิจกรรมวนั สำคัญ เช่น วันเดก็ แห่งชาติ วนั ครแู ห่งชาติ วันแมแ่ หง่ ชาติ ฯลฯ และ สนทนาซักถามวา่ มีวนั สำคญั วันใดบา้ ง เขียนคำขวญั วันสำคญั ท่ีนักเรยี นทราบบนกระดาน ๒. นักเรยี นสงั เกตลักษณะของคำขวัญ เช่น ใช้คำส้ัน ๆ กะทดั รัด คล้องจอง มีความหมาย ฯลฯ ขน้ั สอน ๑. นักเรยี นแบ่งกลมุ่ ตามความเหมาะสม เลือกประธานและเลขานกุ ารกล่มุ ๒. นักเรียนร่วมกนั ทบทวนมารยาทในการเขยี น สรุป และอภิปราย เรือ่ ง คำขวัญ แล้วครูอธิบายเพม่ิ เตมิ ๓. นักเรียนผลัดกันออกไปเขียนคำขวัญที่ตนเองทราบลงบนกระดานให้ได้มากที่สุด ภายในเวลา ๕ นาที แลว้ ช่วยกันตรวจสอบความถูกตอ้ ง และสังเกตลักษณะของคำขวญั ท้งั หมด ๔. หาอาสาสมัครภายในกลุ่มมาจับสลากคำขวัญ เพื่ออธบิ ายลักษณะของคำขวัญทีจ่ ับได้ เช่น ต้นไมค้ ือ ชีวิต เจ้าดดู อากาศพิษแทนขา้ (เป็นคำขวญั ทม่ี ีลักษณะคลอ้ งจองชีวติ – พิษ ใช้คำสั้น ๆ ไม่เกนิ ๑๖ คำ เป็นคำขวญั ที่บอกประโยชน์ของตน้ ไม้ ใหข้ ้อคดิ เรื่องของการอนุรกั ษ์ไม่ใหต้ ัดไม้ทำลายป่า ฯลฯ) ขั้นสรุป ๑. นกั เรียนและครรู ่วมกันสรุป “คำขวัญ เป็นถอ้ ยคำสัน้ ๆ หรือคำคลอ้ งจองเพ่ือเตือนใจ” ๒. นกั เรียนทุกคนแต่งคำขวัญตามความสนใจ เปน็ การบา้ น เช่น คำขวญั ใหป้ ระหยดั นำ้ ประยดั ไฟฟ้า คำขวัญปอ้ งกันยาเสพติด คำขวัญอนรุ กั ษ์สิง่ แวดลอ้ ม ฯลฯ และวาดภาพประกอบให้สวยงาม 9. ส่ือและแหลง่ เรียนรู้ สอื่ การเรยี นรู้ - ภาพกจิ กรรมวันสำคัญ - คำขวญั แหล่งเรยี นรู้ - หอ้ งเรียน ๑๐. ช้ินงาน/ภาระ - ๑๑. การวดั และประเมินผล วธิ ีการ เครอ่ื งมอื เกณฑ์ สังเกตพฤตกิ รรมกลุม่ แบบสังเกตพฤตกิ รรมกล่มุ รอ้ ยละ ๖๐ ขนึ้ ไป (๑๑ คะแนนขึ้นไป)
แผนการเรยี นรทู้ ่ี ๙ กลุม่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย วชิ าภาษาไทย ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 5 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี ๑ เรอื่ ง สายน้ำ สายชีวิต เร่ือง การวเิ คราะห์ความนา่ เชอ่ื ถอื จากเร่อื งท่ีฟัง และดใู นชีวติ ประจำวัน เวลา 1 ชว่ั โมง ผ้สู อนนางสาวอมรรัตน์ ปากครอง ……………………………………………………………………………………………………………………………… ๑. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด การวิเคราะหค์ วามน่าเชื่อถือของสงิ่ ทีฟ่ ังและดูในชีวิตประจำวนั เป็นสิ่งสำคญั หน่งึ ในการรับสาระ ข้อมลู ที่ผ่านส่อื ตา่ ง ๆ ทห่ี ลากหลายในปจั จุบนั ดังนน้ั ผู้รับสารท้ังการฟงั และการดู จะต้องพิจารณาวิเคราะห์ ความนา่ เชือ่ ถือกอ่ นจะเชื่อถอื หรือนำไปใชป้ ระโยชน์ ๒. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลอื กฟงั และดอู ย่างมวี ิจารณญาณ และพดู แสดงความรู้ ความคดิ และ ความรูส้ ึกในโอกาสต่าง ๆ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและสรา้ งสรรค์ ๓. ตัวช้ีวัด ท ๓.๑ ป.๕/๔ วิเคราะหค์ วามนา่ เช่ือถือจากเรอ่ื ง ทฟี่ ังและดูอยา่ งมเี หตผุ ล ท ๓.๑ ป.๕/๕ มีมารยาทในการฟัง การดู และการพูด ๔. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๑. บอกหลกั การวเิ คราะห์ความนา่ เชือ่ ถือจากข่าวหรือเหตกุ ารณ์ที่ฟงั และดูในชีวิตประจำวนั ได้ ๒. ฟงั ข่าวหรอื เหตุการณ์ แลว้ วเิ คราะห์ความน่าเช่ือถือของขา่ วหรือเหตกุ ารณ์ที่ฟังและดูได้ ๓. มีมารยาทในการฟงั และการดู ๕. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ๑. ใฝเ่ รยี นรู้ ๒. มงุ่ ม่ันในการทำงาน ๖. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน ๑. ความสามารถในการสอื่ สาร ๒. ความสามารถในการคิด
๗. สาระการเรียนรู้ หลกั การวเิ คราะห์ความน่าเช่ือถอื ของสิ่งทีฟ่ งั และดูในชีวิตประจำวนั 8. กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำ ๑. นกั เรยี นดแู ละฟงั ข่าวจากวีดีทศั น์ สนทนาซักถามวา่ เป็นข่าวเกยี่ วกับอะไร นกั เรยี นทำอย่างไรเม่อื ดู ขา่ ว ข่าวนน้ี ่าเชือ่ ถอื หรือไม่ ข่าวมีประโยชน์อย่างไร ฯลฯ ขน้ั สอน ๑. นกั เรยี นแบ่งกลมุ่ ตามความเหมาะสม เลือกประธานและเลขานกุ ารกล่มุ ชว่ ยกันทบทวนมารยาทใน การฟงั และการดู ๒. ใหอ้ าสาสมคั รแต่ละกลมุ่ ออกมาเล่าข่าวหรือเหตุการณ์ทีน่ า่ สนใจให้เพ่อื นฟัง ๓. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันสนทนาเกี่ยวกับขา่ วท่ีเพอื่ นเลา่ ให้ฟัง เช่น การลำดับเหตกุ ารณต์ ั้งแตต่ น้ จนจบ หลักฐานอา้ งอิง ทมี่ า สถานท่ี เวลา ๔. ครใู หค้ วามรูน้ ักเรียนเกีย่ วกบั แนวทางการวิเคราะห์ข่าว ดังนี้ การวิเคราะหข์ า่ วตอ้ งดูจากการเล่าเหตุการณต์ ามลำดับต้ังแตต่ น้ จนจบ ไมป่ ดิ บังอำพราง อา้ งอิงหลักฐานทม่ี า สถานท่ี เวลา รวมถึงบคุ คลท่ีเก่ียวขอ้ ง เพอื่ ใหท้ ราบรายละเอยี ดที่ชดั เจน ๕. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ฟงั และดขู า่ วท่คี รเู ลา่ (หรือวีดีทัศน)์ แลว้ รว่ มกันวิเคราะห์ความน่าเช่ือถอื ของข่าว ตามหัวขอ้ ท่กี ำหนดไว้ ไดแ้ ก่ - เน้ือหามีหลักฐานอ้างอิงหรือไม่ อยา่ งไร เชน่ ที่มา สถานที่ เวลา - การลำดบั เหตกุ ารณ์ - ความน่าเชื่อถอื ของเร่อื ง บุคคลที่เก่ยี วข้อง - ประโยชนท์ ่ีไดจ้ ากเร่ืองที่ฟงั และดู - ความคิดเห็นจากการฟังขา่ วน้ี ๖. นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ สง่ ตัวแทนนำเสนอผลงานแล้วนกั เรียนกลุ่มอื่นร่วมแสดงความคิดเหน็ ขนั้ สรุป ๑. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปแนวทางการวเิ คราะหข์ ่าว ดังนี้ การวเิ คราะหค์ วามนา่ เชือ่ ถอื ของข่าว ตอ้ งดูการเลา่ เหตุการณ์ตามลำดับต้งั แต่ตน้ จนจบ ไม่ปดิ บงั ทม่ี า สถานที่ เวลา และบุคคลท่เี กี่ยวข้อง การวเิ คราะห์ความน่าเชือ่ ถอื ของข่าวที่ฟัง และ ดู ตอ้ งใช้เหตุผลหรือคิดหาหลกั ฐานท่อี า้ งอิงได้ชดั เจน แล้วจึงตัดสนิ ใจเชือ่ ถอื ๒. นกั เรยี นทำแบบทดสอบหลงั เรียน 9. ส่ือและแหลง่ เรียนรู้ ส่ือการเรยี นรู้ - วีดที ัศน์ - แบบทดสอบหลงั เรียน แหลง่ เรยี นรู้ - ห้องเรียน
๑๐. ชน้ิ งาน/ภาระงาน เครื่องมือ เกณฑ์ - แบบสังเกตพฤติกรรมกลมุ่ รอ้ ยละ ๖๐ ขนึ้ ไป (๑๑ คะแนนขึน้ ไป) ๑๑. การวัดและประเมินผล แบบทดสอบหลังเรียน ร้อยละ ๖๐ ข้ึนไป (๖ คะแนนขนึ้ ไป) วธิ ีการ สงั เกต - พฤติกรรมกลุ่ม ทดสอบหลังเรียน
ภาคผนวก
สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๕ หนว่ ยท่ี ๑ ชั่วโมงท่ี ๑ แบบทดสอบก่อนเรยี น กลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๕ หนว่ ยที่ ๑ สายน้ำ สายชวี ติ จำนวน ๑๐ ขอ้ คะแนนเตม็ ๑๐ คะแนน เวลา ๑๕ นาที คำชีแ้ จง ให้นกั เรยี นเลอื กคำตอบ ข้อ ก ข ค หรอื ง ท่ีถูกตอ้ งทส่ี ุดเพยี งข้อเดียว ๑. คำในขอ้ ใดมคี วามหมายเก่ียวกับนำ้ ทั้งหมด ก. นที สายธาร สายชล ธารา ภูผา ชลาลยั ข. นที สายธาร สายชล ธารา นภา ชลาลัย ค. นที สายธาร สายชล ธารา ลำราง ชลาลยั ง. นที สายธาร สายชล ธารา รวยริน ชลาลัย ๒. คำอา่ นในข้อใดอา่ นไดถ้ กู ต้อง ก. คลี่คลาย อา่ นว่า ค่ี – คาย ข. บรสิ ุทธิ์ อา่ นว่า บะ – ริ – สดุ ค. อณุ หภมู ิ อ่านวา่ อนุ – หะ – พมู ง. ทรพั ยากร อ่านว่า ทรบั – พะ – ยา – กอน ๓. เด็กชายนิคม ทำความผดิ เพราะไปขโมยยางลบของเพือ่ น แตย่ งั ยนื กรานไมย่ อมรับ พฤติกรรมของ เด็กชายนิคม ตรงกบั สำนวนใด ก. ดื้อตาใส ข. กนิ ปูนรอ้ นท้อง ค. ยนื กระต่ายขาเดยี ว ง. สวรรคอ์ ยู่ในอก นรกอยใู่ นใจ ๔. ประโยคในข้อใดไมใ่ ชป่ ระโยคคำถาม ก. ใครนอนหลับ ข. ใครกเ็ ห็นแกต่ วั ทัง้ นนั้ แหละ ค. ใครเห็นกระเปา๋ นกั เรียนของฉันบ้าง ง. ใครคอื คนนำรถไปซอ่ มท่ีตลาดเม่อื วานน้ี ๕. สัมผัสลกั ษณะใดไม่ใชส่ มั ผสั บงั คับ ก. สัมผัสใน ข. สัมผัสนอก ค. สัมผัสระหวา่ งบท ง. สัมผสั ระหวา่ งวรรค ๖. การอ่านในข้อใดเป็นการอ่านทำนองเสนาะ ก. การอา่ นท่ีใช้เสียงสงู ตำ่ และเว้นวรรคใหถ้ กู ต้อง ข. การอ่านที่ใชเ้ สียงสูง ต่ำ สั้น ยาว มีการเอ้อื นเสยี ง ค. การอ่านที่ใชเ้ สยี งสูง ต่ำ ส้ัน ยาว หนกั เบา และมกี ารเอือ้ นเสียง ง. การอา่ นท่ีใชเ้ สยี งสงู ตำ่ สน้ั ยาว หนกั เบา มีการเอื้อนเสยี ง และต้องมเี คร่อื งประกอบจังหวะ ๗. ข้อใดแบง่ จังหวะการอา่ นบทร้อยกรองได้ถกู ตอ้ ง
ก. มอง/สายนำ้ /เปรยี บดังสายชวี ติ ข. ตัก/ตะกอน/ชอ้ นขยะ/ให้หมดสิ้น ค. แม้หดห/ู่ มองทางไหน/ไมเ่ หน็ ผล ง. เหมอื นน้ำ/ตกต้องแผน่ ผา/กลา้ เผชิญ อ่านข้อความที่กำหนด แลว้ ตอบคำถามข้อ ๘-10 ใบหม้อขา้ วหม้อแกงลิงสว่ นมากมสี ีแดง อาจเป็นสีแดงเข้ม สีแดงสด หรอื มีหลายสี เช่น สีแดงเหลือบเขียว ต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงเปน็ พืช ชนิดหน่ึง มักขน้ึ ในทุง่ โลง่ ทีเ่ ปน็ ดินทรายแหง้ แลง้ มอี าหารน้อย พืชชนิดนี้ จึงหาทางเพมิ่ แหล่งอาหาร โดยล่อแมลงมากินน้ำหวานบรเิ วณขอบกระเปาะ และฝาปดิ ซงึ่ อยูท่ ่ีปลายใบ เราจึงเรียกต้นหมอ้ ข้าวหมอ้ แกงลิงวา่ “พืชกนิ สัตว”์ ๘. ทำไมจงึ เรยี กตน้ หม้อข้าวหม้อแกงลงิ วา่ “พชื กนิ สัตว”์ ก. ใบหมอ้ ข้าวหมอ้ แกงลงิ สว่ นมากมีสีแดง ข. มักขนึ้ ในทุ่งโล่งท่เี ปน็ ดนิ ทรายแห้งแลง้ มอี าหารนอ้ ย ค. ล่อแมลงมากนิ นำ้ หวานบริเวณขอบกระเปาะและฝาปิดซง่ึ อยทู่ ี่ปลายใบ ง. ใบหมอ้ ขา้ วหม้อแกงลงิ สว่ นมากมีสแี ดง มักข้ึนในทุ่งโลง่ ทเี่ ปน็ ดนิ ทรายแห้งแลง้ ๙. เพราะเหตใุ ดต้นหมอ้ ข้าวหมอ้ แกงลิงจึงต้องหาทางเพมิ่ แหลง่ อาหาร ก. เพราะที่ปลายใบมีขอบกระเปาะและฝาปิด ข. เพราะใบหมอ้ ข้าวหม้อแกงลงิ ส่วนมากมสี แี ดง ค. เพราะมกั ขึ้นในทงุ่ โลง่ ที่เปน็ ดนิ ทรายแห้งแล้ง มีอาหารน้อย ง. เพราะล่อแมลงมากินน้ำหวานบรเิ วณขอบกระเปาะและฝาปิดซึง่ อย่ทู ่ีปลายใบ ๑๐. ข้อใดไม่ใช่สขี องใบหมอ้ ข้าวหม้อแกงลิง ก. สแี ดง ข. สีเขยี ว ค. สีแดงสด ง. สีแดงเหลอื บเขยี ว ............................................
เฉลย หน่วยที่ ๑ เรือ่ ง สายน้ำ สายชีวติ ข้อที่ ตอบ ๑ค ๒ค ๓ค ๔ข ๕ก ๖ค ๗ค ๘ค ๙ค ๑๐ ข
สาระการเรียนรูภ้ าษาไทย ชั้นประถมศึกษาปที ี่ ๕ หน่วยท่ี ๑ ชั่วโมงท่ี ๒ เพลง ชีวิตกับสายน้ำ ขับร้อง/อเุ ทน พรหมมินทร์ กบั ชวี ิตของคน..ต่างกนั ตรงทม่ี า มปี ญั หามากมายไม่เหมือนกัน เรอื่ งราวทกุ อยา่ งอยูท่ ่ีตวั เราทำ จะเดินบนทางเสน้ ใด.. *อย่ทู ใ่ี จของคน..วา่ จะทนเท่าไร อยากเป็นคนอย่างไรกเ็ ลอื กเอา ใหด้ ีท่ีสุดมันจะหนกั -จะเบา กท็ ำตามความต้งั ใจ จะจน-จะรวยกเ็ ทา่ นนั้ ..สกั วนั ก็ต้องจากไป มีความรัก-มคี วามเข้าใจ เป็นคนดีกเ็ พียงพอ **เปรยี บกับเจ้าพระยาทีส่ ายนำ้ มารวมกัน แตส่ ดุ ท้ายนน้ั ..ก็ไหลลงในทะเล ถา้ ยังมลี มหายใจ..ถึงชีวิตจะหกั เห ซอื่ สตั ยไ์ ว้ในใจ.. จากไปแลว้ คนยังจดจำความดี เพอื่ นไมเ่ คยทิ้งกนั ..ไม่มวี ันลบเลือน ความผูกพันคอยเตอื นในหัวใจ แยกคนละทางจะตอ้ งหา่ งกนั ไป สดุ ท้ายกลบั มาพบกัน เกดิ มาเพอ่ื ให้คนจดจำ.. \"ความด\"ี แหล่งข้อมลู www.youtube.com
สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๕ หนว่ ยท่ี ๑ ชั่วโมงท่ี ๑๐ แบบทดสอบหลงั เรยี น กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๕ หนว่ ยท่ี ๑ สายน้ำ สายชวี ิต จำนวน ๑๐ ขอ้ คะแนนเต็ม ๑๐ คะแนน เวลา ๑๕ นาที คำชแี้ จง ให้นักเรียนเลือกคำตอบ ข้อ ก ข ค หรือ ง ท่ีถกู ตอ้ งที่สุดเพยี งขอ้ เดยี ว ๑. ประโยคในขอ้ ใดไมใ่ ช่ประโยคคำถาม ก. ใครนอนหลับ ข. ใครกเ็ ห็นแกต่ วั ทัง้ นน้ั แหละ ค. ใครเหน็ กระเปา๋ นักเรียนของฉนั บ้าง ง. ใครคอื คนนำรถไปซ่อมที่ตลาดเมอ่ื วานนี้ ๒. ขอ้ ใดแบ่งจังหวะการอา่ นบทรอ้ ยกรองได้ถกู ตอ้ ง ก. มอง/สายน้ำ/เปรียบดงั สายชวี ติ ข. ตกั /ตะกอน/ชอ้ นขยะ/ใหห้ มดสนิ้ ค. แมห้ ดหู่/มองทางไหน/ไมเ่ หน็ ผล ง. เหมือนน้ำ/ตกต้องแผน่ ผา/กลา้ เผชญิ ๓. เด็กชายนคิ ม ทำความผดิ เพราะไปขโมยยางลบของเพื่อน แตย่ ังยืนกรานไม่ยอมรบั พฤติกรรมของ เด็กชายนคิ ม ตรงกับสำนวนใด ก. ดอ้ื ตาใส ข. กนิ ปูนรอ้ นทอ้ ง ค. ยนื กระต่ายขาเดยี ว ง. สวรรคอ์ ยใู่ นอก นรกอย่ใู นใจ ๔. คำในข้อใดมคี วามหมายเกี่ยวกบั น้ำทงั้ หมด ก. นที สายธาร สายชล ธารา ภูผา ชลาลยั ข. นที สายธาร สายชล ธารา นภา ชลาลยั ค. นที สายธาร สายชล ธารา ลำราง ชลาลยั ง. นที สายธาร สายชล ธารา รวยริน ชลาลยั ๕. สมั ผัสลักษณะใดไมใ่ ชส่ ัมผสั บงั คับ ก. สัมผัสใน ข. สมั ผัสนอก ค. สมั ผสั ระหว่างบท ง. สมั ผัสระหว่างวรรค ๖. การอา่ นในข้อใดเป็นการอา่ นทำนองเสนาะ ก. การอ่านทใี่ ช้เสียงสูง ต่ำ และเวน้ วรรคให้ถกู ต้อง ข. การอ่านที่ใช้เสียงสูง ต่ำ สัน้ ยาว มกี ารเอือ้ นเสียง ค. การอ่านท่ีใช้เสยี งสูง ต่ำ สน้ั ยาว หนัก เบา และมีการเออื้ นเสยี ง ง. การอา่ นที่ใชเ้ สยี งสงู ต่ำ ส้ัน ยาว หนัก เบา มีการเออ้ื นเสียง และตอ้ งมีเครอ่ื งประกอบจงั หวะ
๗. คำอ่านในขอ้ ใดอ่านได้ถูกตอ้ ง ก. คลี่คลาย อ่านวา่ คี่ – คาย ข. บริสุทธิ์ อ่านว่า บะ – ริ – สุด ค. อณุ หภมู ิ อา่ นว่า อนุ – หะ – พมู ง. ทรพั ยากร อา่ นวา่ ทรับ – พะ – ยา – กอน อ่านขอ้ ความท่กี ำหนด แล้วตอบคำถามข้อ ๘-10 ใบหม้อข้าวหม้อแกงลิงส่วนมากมีสแี ดง อาจเป็นสีแดงเข้ม สีแดงสด หรอื มหี ลายสี เชน่ สีแดงเหลอื บเขียว ต้นหมอ้ ข้าวหมอ้ แกงลิงเป็นพชื ชนดิ หนึง่ มกั ข้ึนในทงุ่ โล่งท่ีเปน็ ดนิ ทรายแห้งแล้ง มีอาหารน้อย พชื ชนดิ นี้ จงึ หาทางเพิม่ แหลง่ อาหาร โดยลอ่ แมลงมากินนำ้ หวานบริเวณขอบกระเปาะ และฝาปิดซ่ึงอยทู่ ี่ปลายใบ เราจึงเรียกตน้ หมอ้ ข้าวหมอ้ แกงลงิ วา่ “พืชกินสัตว์” ๘. ทำไมจึงเรยี กต้นหมอ้ ขา้ วหมอ้ แกงลงิ วา่ “พชื กนิ สัตว์” ก. ใบหมอ้ ข้าวหมอ้ แกงลงิ ส่วนมากมสี แี ดง ข. มกั ขึน้ ในทุง่ โล่งทเี่ ป็นดนิ ทรายแห้งแลง้ มีอาหารน้อย ค. ล่อแมลงมากินนำ้ หวานบริเวณขอบกระเปาะและฝาปิดซง่ึ อยทู่ ี่ปลายใบ ง. ใบหม้อขา้ วหมอ้ แกงลิงสว่ นมากมสี ีแดง มักข้ึนในทุง่ โลง่ ท่เี ปน็ ดินทรายแห้งแล้ง ๙. เพราะเหตุใดตน้ หม้อข้าวหม้อแกงลิงจึงตอ้ งหาทางเพ่มิ แหลง่ อาหาร ก. เพราะที่ปลายใบมีขอบกระเปาะและฝาปิด ข. เพราะใบหม้อข้าวหม้อแกงลิงสว่ นมากมสี แี ดง ค. เพราะมกั ขึ้นในทุ่งโล่งทเ่ี ปน็ ดนิ ทรายแห้งแล้ง มีอาหารนอ้ ย ง. เพราะล่อแมลงมากนิ นำ้ หวานบรเิ วณขอบกระเปาะและฝาปิดซ่ึงอยู่ท่ีปลายใบ ๑๐. ขอ้ ใดไม่ใช่สีของใบหม้อข้าวหมอ้ แกงลงิ ก. สแี ดง ข. สเี ขียว ค. สีแดงสด ง. สแี ดงเหลอื บเขยี ว ............................................
เฉลย หน่วยที่ ๑ เรือ่ ง สายน้ำ สายฃีวติ ข้อที่ ตอบ ๑ข ๒ค ๓ค ๔ค ๕ก ๖ค ๗ค ๘ค ๙ค ๑๐ ข
๑. คณะทำงาน แบบสังเกตพฤตกิ รรมกลุ่ม ๒. ความ ัรบผิดขอบ ่ตอหน้าท่ีคำชี้แจง ครูประเมินพฤตกิ รรมของนักเรยี นในการทำงานกล่มุ และให้คะแนนลงในช่องที่ตรงกบั พฤติกรรมของ ๓. ้ขันตอนการทำงาน ๔. ความ ่รวม ืมอในการทำงานนักเรยี น ๕. การป ิฏบั ิตงานอย่าง ีมความ ุสข ๖. เวลาเลขที่ ชอื่ - สกลุ สรปุ รวม ผลการประเมนิ ๓ ๓ ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๘ ผา่ น ไม่ผ่าน ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ เกณฑก์ ารประเมนิ รอ้ ยละ ๖๐ ขึน้ ไป (๑๑ คะแนนขน้ึ ไป) ๑๕ – ๑๘ คะแนน ระดบั ดี ๑๑ – ๑๔ คะแนน ระดบั พอใช้ ๐ – ๑๐ คะแนน ระดับ ปรบั ปรุง ลงช่อื ................................................ผปู้ ระเมิน ( ...............................................)
รายละเอียดเกณฑ์การใหค้ ะแนนแบบประเมินพฤติกรรมกลุ่ม (Rubrics) กล่มุ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๕ ประเดน็ การประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน ๑. คณะทำงาน ๓ ๒ ๑ มปี ระธาน เลขานุการ ขาดองค์ประกอบ ขาดองค์ประกอบ ผูน้ ำเสนอ ผู้ร่วมงาน ๑ อยา่ ง ๒ อย่างข้นึ ไป ๒. ความรับผดิ ชอบ สมาชกิ มีความรับผิดชอบ สมาชิกไม่มคี วาม สมาชิกไม่มคี วาม ต่อหนา้ ที่ และปฏบิ ัติหนา้ ท่ีของตน รับผิดชอบ และปฏิบัติ รบั ผดิ ชอบ และปฏบิ ัติ จนสำเร็จทุกคน หนา้ ท่ีของตนไม่สำเรจ็ หน้าทีข่ องตนไมส่ ำเร็จ ๓.ขนั้ ตอนการทำงาน เป็นบางคน ๑) คัดเลือกเรื่องตาม ขาดข้ันตอน ๑ ข้นั ตอน ขาดขน้ั ตอน ๒ ขัน้ ตอน ความสนใจของกลุ่ม ๒) มีการวางแผน หรอื ไม่ชัดเจน ขน้ึ ไปหรือไม่ชดั เจน ๓) เตรยี มวสั ดอุ ปุ กรณ์ ๔) ปฏิบตั ติ ามแผน และพัฒนางาน ๔. ความร่วมมือ สมาชิกมีสว่ นรว่ มทกุ คน สมาชิกมีส่วนรว่ มทกุ คน สมาชกิ มีสว่ นรว่ มเป็น ในการทำงาน บางคนและใหค้ วาม และให้ความร่วมมอื ในการ แต่มีบางคนให้ความ ๕. การปฏิบัตงิ าน ร่วมมอื ในการทำงานไม่ อยา่ งมีความสขุ ทำงานอย่างเตม็ ท่ี ร่วมมือในการทำงานไม่ ครบทกุ คน ๖. เวลา เต็มท่ี สมาชกิ รว่ มกนั ปฏบิ ตั ิงาน สมาชกิ บางคนไม่มี สมาชกิ ทุกคนไม่มี อยา่ งมคี วามสขุ ทุกคน ความสขุ ในการ ความสุขในการ ปฏบิ ตั งิ าน ปฏิบตั ิงาน งานเสร็จตามกำหนดเวลา งานเสร็จไม่ทันตาม งานเสร็จไมท่ ันตาม กำหนดเวลาและงานไม่มี และมคี ุณภาพ กำหนดเวลาแตง่ านมี คุณภาพ คณุ ภาพ
แบบประเมินการอ่านออกเสียง คำชแี้ จง ครปู ระเมนิ พฤติกรรมของนกั เรยี นในการอ่านออกเสียงและให้คะแนนลงในช่องท่ีตรงกับพฤติกรรม ของนกั เรยี น เลขที่ ชื่อ - สกลุ ๑. การ ัจบหนังสือ พ ิลกหนัง ืสอ ท่าทาง ๑ ๒ ๒. อ่าน ูถก ้ตองตามอักขร ิวธี ๓ ๓. เ ้วนวรรคตอน ูถก ้ตอง ๔ ๔. อ่านเสียง ัดงและน้ำเ ีสยงเหมาะ ักบ ๕ ๖ เ ่ืรองท่ีอ่าน ๗ ๕. ไ ่มอ่าน ้ขาม ไ ่มอ่านเพ่ิม ไ ่ม ู่ตคำ ๘ สรปุ ผล ๙ รวม การประเมนิ ๑๐ ๓ ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๕ ผ่าน ไม่ผา่ น เกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๖๐ ข้ึนไป (๙ คะแนนขึน้ ไป) ๑๓ – ๑๕ คะแนน ระดบั ดี ๙ – ๑๒ คะแนน ระดบั พอใช้ ๐ – ๘ คะแนน ระดบั ปรับปรงุ ลงช่ือ................................................ผู้ประเมิน ( ...............................................)
รายละเอยี ดเกณฑ์การใหค้ ะแนนแบบประเมนิ การอ่านออกเสยี ง (rubric) กลมุ่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๕ ประเด็นการประเมนิ ๓ เกณฑ์การให้คะแนน ๑ ๑. การจับหนงั สือ/พลกิ ลกั ษณะท่าทาง ๒ ลักษณะทา่ ทาง การวาง หนังสอื /ทา่ ทางในการ การวางและการจบั และการจบั หนังสือไม่ อา่ นถูกต้อง หนงั สอื ถกู ต้อง ลกั ษณะท่าทาง การวาง ถกู ต้อง ๒ อย่าง ขนึ้ ไป และการจบั หนังสอื ไม่ ถกู ต้อง ๑ อย่าง ๒. อา่ นถกู ตอ้ งตาม อา่ นถกู ตอ้ งตามอักขรวิธี อ่านถกู ต้องตามอักขรวิธี อา่ นถกู ตอ้ งตามอกั ขรวธิ ี อักขรวิธี ออกเสยี ง ร และคำควบ ออกเสียง ร และคำควบ ออกเสยี ง ร และคำควบ กลำ้ ร ล ว ชดั เจน กลำ้ ร ล ว ไมถ่ ูกต้อง กลำ้ ร ล ว ไม่ถกู ตอ้ ง ตลอดเรอ่ื ง ๒ ตำแหนง่ เกนิ ๒ ตำแหน่ง ๓. การเวน้ วรรคตอน อ่านเว้นวรรคตอนได้ อา่ นเวน้ วรรคตอนผิด อา่ นเวน้ วรรคตอนผิด ถูกต้อง ถูกตอ้ งตลอดท้งั เร่ือง ๑ ครงั้ ๒ ครงั้ ขึน้ ไป ๔. อา่ นเสยี งดงั และ อ่านเสียงดัง ชัดเจน อ่านเสยี งดัง ชัดเจน แต่ อา่ นเสียง ไม่ชดั เจน น้ำเสียงเหมาะสมกับเรือ่ ง น้ำเสยี งเหมาะสมกบั เรื่อง น้ำเสยี งไม่เหมาะสมกบั น้ำเสียงไมเ่ หมาะสมกับ ทอี่ ่าน ทีอ่ า่ น เรอื่ งทอี่ ่าน เร่ืองทอ่ี า่ น ๕. ไม่อ่านขา้ ม/อ่านเพ่ิม อา่ นออกเสียงไดถ้ กู ตอ้ ง อา่ นออกเสียงไม่ถูกต้อง อ่านออกเสียงไมถ่ กู ตอ้ ง /ตู่คำ ชดั เจนทุกคำ ทกุ ข้อความ ชดั เจน มีการเพ่ิมคำและ ไมช่ ดั เจน อ่านขา้ มคำ อา่ นเพม่ิ คำและตู่คำ ทุกประโยค ต่คู ำ ๒ ตำแหน่ง ๒ ตำแหน่งขึน้ ไป
แบบประเมินการอา่ นบทรอ้ ยกรอง คำชีแ้ จง ครปู ระเมินพฤติกรรมของนกั เรียนในการอา่ นออกเสียง (บทร้อยกรอง) และใหค้ ะแนนลงในชอ่ งทตี่ รง กับพฤติกรรมของนกั เรียน เลขที่ ช่ือ - สกุล อ่านออกเ ีสยง ร ล และคำควบก ้ลำ ร ล ว ูถก ้ตอง รวม สรุปผล การเอ้ือน การออกเ ีสยง ูถก ้ตองตามประเภทของคำ การประเมิน ประพันธ์ การเ ้วนวรรคตอน น้ำเสียงไพเราะ สละสลวย และลีลาท่าทางในการอ่าน เหมาะสม ไ ่มอ่าน ้ขาม อ่านเพิ่ม ู่ตคำ ความค ่ลองแค ่ลวและแ ่มนยำ ๓๓ ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๘ ผ่าน ไมผ่ ่าน ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ เกณฑก์ ารประเมนิ รอ้ ยละ ๖๐ ข้นึ ไป (๑๑ คะแนนขึน้ ไป) ๑๕ – ๑๘ คะแนน ระดบั ดี ๑๑ – ๑๔ คะแนน ระดับ พอใช้ ๐ – ๑๐ คะแนน ระดับ ปรับปรุง ลงชื่อ................................................ผู้ประเมนิ ( ...............................................)
รายละเอียดเกณฑ์การให้คะแนนแบบประเมนิ การอ่านบทร้อยกรอง (rubrics) กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ช้ันประถมศึกษาปที ่ี ๕ ประเดน็ การประเมิน ๓ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ๑. อา่ นออกเสียง ร ล อ่านออกเสียง ร ล และ ๒๑ และ คำควบกลำ้ ร ล ว คำควบกล้ำ ร ล ว ถูกตอ้ ง ถูกตอ้ งชัดเจน อา่ นออกเสยี ง ร ล และคำ อ่านออกเสียง ร ล และ ควบกล้ำ ร ล ว ไมถ่ ูกต้อง ๒ คำควบกล้ำ ร ล ว ไม่ ครง้ั ถูกตอ้ งเกนิ ๒ ครงั้ ๒. การเอื้อน การ การเออื้ น การทอดเสยี ง การเออ้ื น การทอดเสียงหรือ การเออื้ น การทอดเสยี ง ทอดเสียงถกู ตอ้ ง ตาม จังหวะทำนองตามประเภท หรอื จังหวะทำนองตาม ถูกตอ้ งตามจงั หวะ ประเภทของคำ ของคำประพนั ธ์ ผิด ๒ ครงั้ ประเภทของคำประพนั ธ์ ประพนั ธ์ ทำนองถกู ตอ้ ง ตาม ผดิ เกิน ๒ ครัง้ ประเภทของคำประพนั ธ์ ๓. การเวน้ วรรคตอน อ่านเว้นวรรคตอนได้ อ่านเวน้ วรรคตอนไมถ่ กู ตอ้ ง อา่ นเว้นวรรคตอนไม่ ถูกตอ้ ง ถูกต้องชัดเจน ๒ ครง้ั ถกู ตอ้ งเกนิ ๒ คร้งั ๔. นำ้ เสยี ง ไพเราะ อา่ นเสียงดังชัดเจน อา่ นเสยี งดัง ชดั เจน นำ้ เสยี ง อ่านเสยี ง ไม่ชัดเจน สละสลวยและลลี า นำ้ เสยี งและลลี า แตล่ ลี าท่าทางไมเ่ หมาะสม นำ้ เสียง และลีลาท่าทาง เหมาะสมกับ กับบทรอ้ ยกรองทอี่ า่ น ไมเ่ หมาะสม ทา่ ทางในการอ่าน เหมาะสม บทรอ้ ยกรองที่อ่าน ๕. ไมอ่ า่ นขา้ ม/อา่ นเพมิ่ อา่ นออกเสยี งไดถ้ กู ตอ้ ง อ่านออกเสียงไมถ่ กู ตอ้ ง อา่ นออกเสยี งไมถ่ กู ต้อง ชดั เจน มีการอ่านตู่คำ /ต่คู ำ ชดั เจนทุกคำ ทกุ ขอ้ ความ ชัดเจน มีการอา่ นตู่คำ และเพิม่ คำ เกิน ๒ คำ หรอื เพิ่มคำ ๒ คำ ทุกประโยค ๖. ความคลอ่ งแคลว่ อ่านออกเสียงบท อ่านออกเสยี งบทรอ้ ยกรอง อ่านออกเสยี ง และแมน่ ยำ ร้อยกรองดว้ ยความ ไม่คลอ่ งแคล่ว ไม่แมน่ ยำ บทรอ้ ยกรองไม่ คล่องแคลว่ และ ขาดความมัน่ ใจ ๒ ครั้ง คลอ่ งแคล่วและไม่ แม่นยำ มีความมน่ั ใจสงู แม่นยำ ไมม่ ีความม่ันใจ
แบบประเมินการเขียนแผนภาพโครงเร่อื ง คำชแ้ี จง ครูประเมินพฤตกิ รรมของนักเรยี นในการทำกจิ กรรม และให้คะแนนลงในชอ่ งท่ตี รงกบั พฤติกรรม ของนกั เรยี น รายการประเมิน เลขที่ ชอื่ – สกุล ๑. ลำดับความ ิคด เห ุตการ ์ณอย่าง สรุปผล ่ตอเนื่อง รวม ๒. ัจบประเด็นสำ ัคญของเ ่ืรองไ ้ด การประเมิน ๓. ูถกากร ้ตใอช้งภาษากระ ัชบ ัชดเจน สุภาพ ูถก ้ตอง ๔. การเ ีขยนสะกด ูถก ้ตอง ๕. การเ ้วนวรรคตอน ูถก ้ตอง ๖. ความสะอาด สวยงาม เรียบ ้รอย ๓ ๓ ๓ ๓ ๓ ๓ ๑๘ ผา่ น ไม่ผา่ น ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ เกณฑ์การประเมิน ร้อยละ ๖๐ ขน้ึ ไป (๑๑ คะแนนขนึ้ ไป) ๑๕ – ๑๘ คะแนน ระดบั ดี ๑๑ – ๑๔ คะแนน ระดบั พอใช้ ๐ – ๑๐ คะแนน ระดบั ปรับปรงุ ลงช่อื ................................................ผู้ประเมิน ( ...............................................)
รายละเอียดเกณฑก์ ารใหค้ ะแนนแบบประเมินการเขียนแผนภาพโครงเรือ่ ง (Rubrics) กลมุ่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย ข้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๕ ประเด็นการประเมิน เกณฑก์ ารประเมิน ๒ ๓ ๑ ๑. ลำดับความคิด ลำดบั ความคิด ลำดบั ลำดับความคิด ลำดับ ลำดบั ความคิด ลำดับ เหตุการณอ์ ย่างต่อเน่ือง เหตกุ ารณ์ได้อย่าง เหตุการณไ์ ม่ตอ่ เน่ือง เหตุการณไ์ ม่ตอ่ เนื่อง วกวน ตอ่ เนอื่ ง เหมาะสม บกพรอ่ ง ๒ ตำแหนง่ บกพรอ่ งเกนิ ๒ ตำแหน่ง ๒. จับประเดน็ สำคัญของ จับประเด็นสำคัญของ จบั ประเดน็ สำคัญของเร่ือง จบั ประเดน็ สำคญั ของเร่อื ง เรอ่ื งไดถ้ กู ต้อง เร่อื งได้ถกู ตอ้ ง ได้ถูกต้องเปน็ บางสว่ น ไมถ่ กู ตอ้ ง ๓. การใช้ภาษากระชับ การใช้ภาษา กระชบั การใชภ้ าษา กระชับ การใช้ภาษา ไม่กระชับ ไม่ ชัดเจน สภุ าพถูกต้อง ชดั เจน สุภาพถูกต้อง ชัดเจน สภุ าพถูกต้องเป็น ชดั เจน ไม่สุภาพ และไม่ เหมาะสมตลอดทั้งเรื่อง บางส่วน ถกู ต้อง ๔. การเขียนคำ ประโยค เขยี นคำ ประโยค และ เขยี นคำ ประโยค และ เขียนคำ ประโยค และ ข้อความ ไม่ถกู ตอ้ งตาม และข้อความ ขอ้ ความ ได้ถูกตอ้ งตาม ขอ้ ความ ไม่ถูกต้องตาม อักขรวธิ ี ๓ ตำแหน่งขึ้นไป อักขรวิธีตลอดทง้ั เรอ่ื ง อักขรวธิ ี ๒ ตำแหนง่ ๕. การเวน้ วรรคตอน เขยี นเว้นวรรคตอน เขยี นเวน้ วรรคตอน เขียนเว้นวรรคตอนไม่ ถกู ต้อง ถกู ตอ้ งตลอดเรื่อง ไมถ่ กู ต้อง ๒ ตำแหน่ง ถูกต้องเกิน ๓ ตำแหนง่ ขึน้ ไป ๖. ความสะอาด ผลงานสะอาด เป็น ลายมอื ไมเ่ ป็นระเบียบ ลายมือไมเ่ ปน็ ระเบียบ สวยงาม เปน็ ระเบยี บ ระเบยี บ ลายมือเปน็ ผลงานมรี อยลบ ขีดฆ่า ผลงานมีรอยลบ ขีดฆา่ เรียบร้อย แบบเดยี วกันตลอดท้งั ไม่สะอาด ๒ ตำแหน่ง ไมส่ ะอาด ๓ ตำแหน่ง เรอื่ ง ขนึ้ ไป
แบบประเมิน คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คำช้แี จง : ให้ ผู้สอน สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✓ ลงในชอ่ ง ท่ีตรงกับระดับคะแนน คุณลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดับคะแนน อนั พึงประสงคด์ า้ น ๓๒๑ ๑. รกั ชาติ ศาสน์ ๑.๑ ยืนตรงเคารพธงชาติ และร้องเพลงชาตไิ ด้ ๑.๒ เขา้ ร่วมกจิ กรรมท่สี ร้างความสามคั คี ปรองดอง และเปน็ ประโยชน์ ต่อ กษตั รยิ ์ โรงเรียน ๒. ซือ่ สัตย์ สจุ ริต ๑.๓ เขา้ รว่ มกิจกรรมทางศาสนาที่ตนนบั ถอื ปฏิบัติตามหลักศาสนา ๓. มีวินยั รบั ผดิ ชอบ ๑.๔ เข้าร่วมกิจกรรมท่เี ก่ยี วกบั สถาบนั พระมหากษัตริยต์ ามทีโ่ รงเรียนจดั ข้นึ ๔. ใฝ่เรยี นรู้ ๒.๑ ใหข้ ้อมลู ทถี่ ูกตอ้ ง และเปน็ จริง ๒.๒ ปฏิบัตใิ นสิง่ ท่ีถกู ตอ้ ง ๕. อยอู่ ยา่ งพอเพียง ๓.๑ ปฏบิ ตั ิตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบังคับของครอบครัว ๖. มงุ่ มน่ั ในการ มีความตรงตอ่ เวลาในการปฏิบตั กิ ิจกรรมตา่ งๆ ในชวี ติ ประจำวัน ทำงาน ๔.๑ รู้จักใช้เวลาว่างใหเ้ ปน็ ประโยชน์ และนำไปปฏบิ ัตไิ ด้ ๔.๒ รู้จกั จัดสรรเวลาให้เหมาะสม ๗. รกั ความเปน็ ไทย ๔.๓ เชอ่ื ฟงั คำส่ังสอนของบิดา-มารดา โดยไมโ่ ต้แย้ง ๘. มีจิตสาธารณะ ๔.๔ ต้ังใจเรียน ๕.๑ ใช้ทรพั ย์สินและสง่ิ ของของโรงเรยี นอยา่ งประหยัด ๕.๒ ใชอ้ ุปกรณ์การเรยี นอยา่ งประหยดั และรคู้ ุณค่า ๕.๓ ใช้จ่ายอย่างประหยดั และมีการเกบ็ ออมเงนิ ๖.๑ มคี วามต้ังใจและพยายามในการทำงานทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย ๖.๒ มคี วามอดทนและไม่ทอ้ แทต้ อ่ อุปสรรคเพ่อื ใหง้ านสำเรจ็ ๗.๑ มีจิตสำนึกในการอนุรกั ษ์วฒั นธรรมและภูมปิ ัญญาไทย ๗.๒ เหน็ คุณคา่ และปฏบิ ตั ติ นตามวัฒนธรรมไทย ๘.๑ ร้จู ักช่วยพอ่ แม่ ผปู้ กครอง และครูทำงาน ๘.๒ รู้จักการดแู ล รักษาทรพั ยส์ มบตั แิ ละสง่ิ แวดล้อมของห้องเรียน โรงเรยี น ลงช่อื ...................................................ผู้ประเมนิ ............../.................../................ เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสม่ำเสมอ ให้ ๓ คะแนน 46 - 60 ดี ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครัง้ ให้ ๒ คะแนน ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง ให้ ๑ คะแนน 30 - 45 พอใช้ ต่ำกวา่ 30 ปรับปรุง
Search
Read the Text Version
- 1 - 42
Pages: