ส่ือการเรียนการสอน วชิ าคณติ ศาสตร์อุตสาหกรรม (20000 - 1402) โดย ครูสมส่ง พลู ผล
การคูณเมทริกซ์
การคูณเมทริกซ์ด้วยจานวนจริง เป็ นการนาจานวนจริงไปคูณสมาชิก ทุกตัวของ เมทริกซ์น้ัน ส่ วนการคูณเมทริกซ์ด้วยเมทริกซ์น้ัน เป็ นการนา สมาชิกในแถวของเมทริกซ์ตวั ต้ังไปคูณกบั สมาชิกในหลักของเมทริกซ์ตัวคูณ โดยท่ีเมทริกซ์สองเมทริกซ์จะคูณกันได้ เม่ือจานวนหลักของเมทริกซ์ตัวต้ัง ต้องเท่ากบั จานวนแถวของเมทริกซ์ทเี่ ป็ นตวั คูณ
การคูณเมทริกซ์ด้วยจานวนจริง การคูณเมทริกซ์ด้วยเมทริกซ์ ผลการเรียนรู้ทค่ี าดหวงั คูณเมทริกซ์ด้วยจานวนจริงได้ คูณเมทริกซ์ด้วยเมทริกซ์ได้ แก้ปัญหาในสถานการณ์จริง โดยใช้ความรู้ เรื่อง การคูณเมทริกซ์ได้ นาความรู้และทกั ษะทไ่ี ด้จากการเรียน เร่ือง การคูณของเมทริกซ์ ไปเช่ือมโยงในการเรียนรู้งานอาชีพ และในการดารงชีวติ ได้
บทนิยาม ถ้า A = [aij]m x n และ k เป็ นจานวนจริง แล้วผลคูณของ k และ A เขียนแทนด้วยสัญลกั ษณ์ kA โดยท่ี kA = [kaij]m x n ตัวอย่างท่ี 1 กาหนดให้ 3 2 5 จงหา 5A A 8 1 0 วธิ ีทา 3 2 5 5 A 5 8 1 0 53 52 15 10 5 5 40 25 5 A 5 8 51 50 5 0
กาหนดให้ A= 2 4 5 , B= 2 3 6 3 0 1 1 2 0 จงหา 3A + (-2)B วธิ ีทา 3A = (3) (2) (3)(4) (3)(5) = 6 12 15 (3)(0) (3)(-1) 9 0 3 (3)(3) (-2)B = (-2) 2 3 6 = 4 6 12 0 1 2 0 2 4 3A + (-2)B = 6 12 15 + 4 6 12 0 2 9 3 0 4 ดงั น้ัน 3A + (-2)B = 10 6 3 2 9 1
กาหนด A = 1 6 และ B = 4 2 8 6 2 10 จงหา 2A + 1 B 2 2A = 2 1 6 2 8 = .2.. 1..2. .1..6 4... 1B = 1 4 2 2 2 6 10 = .2.. .1.. .3.. ..5. 2A + 1 B = .2.. 1..2. + .2.. .1.. = 0... 1..1. .1..6 .1..1 2 4... 3... .5.. 7...
พจิ ารณาตารางข้างล่างนี้ เป็ นข้อมูลเกยี่ วกบั การขายมังคุด (หน่วยเป็ นกโิ ลกรัม) ของร้านป้ าเรือง และร้านลงุ วนั จาแนกตามขนาดของมังคุด ร้าน ขนาด ใหญ่ กลาง เลก็ ป้ าเรือง 6 4 10 ลุงวนั 5 6 9 ให้ A เป็ นเมทริกซ์ทมี่ สี มาชิกเป็ นจานวนมงั คุดทข่ี ายไป ใหญ่ กลาง เลก็ 10 ร้านป้ าเรือง A = 6 4 5 6 9 ร้านลุงวนั
ถ้าร้านท้งั สองซื้อมงั คุดมาในราคาทเี่ ท่ากนั (ราคาซื้อต่อกโิ ลกรัม) และขายไปในราคา ทเี่ ท่ากนั (ราคาขายต่อกโิ ลกรัม) จาแนกตามขนาดของมงั คุด ขนาด ราคา/กโิ ลกรัม ราคาซื้อ ราคาขาย 30 40 ใหญ่ 20 25 กลาง 15 20 เลก็ ให้ A เป็ นเมทริกซ์ทมี่ สี มาชิกเป็ นจานวนมงั คุดทข่ี ายไป B เป็ นเมทริกซ์ทม่ี สี มาชิกเป็ นราคาซื้อต่อกโิ ลกรัม และ ราคาขายต่อกโิ ลกรัม ราคาซื้อ ราคาขาย 30 40 ใหญ่ ดงั น้ัน B= 20 25 กลาง 15 20 เลก็
หาผลรวมราคาซื้อและราคาขายมงั คุดของแต่ละร้าน ดงั นี้ 6 4 10 30 40 ราคาซื้อ (ป้ าเรือง) = (6 × 30) + (4 × 20) + (10 × 15) 5 6 20 25 9 15 20 = 180 + 80 + 150 = 410 บาท ราคาซื้อ (ร้านลุงวนั ) = (5 × 30) + (6 × 20) + (9 × 15) 6 4 10 30 40 = 150 + 120 + 135 5 6 9 20 25 = 405 บาท 15 20
หาผลรวมราคาซื้อและราคาขายมังคุดของแต่ละร้าน ดงั นี้ 6 4 10 30 40 ราคาขาย (ป้ าเรือง) = (6 × 40) + (4 × 25) + (10 × 20) 5 6 20 25 9 15 20 = 240 + 100 + 200 = 540 บาท ราคาขาย (ร้านลงุ วนั ) = (5 × 40) + (6 × 25) + (9 × 20) 6 4 10 30 40 = 200 + 150 + 180 5 6 9 20 25 = 530 บาท 15 20
ให้ C เป็ นเมทริกซ์ทม่ี ีสมาชิกเป็ นผลรวมของราคาซื้อและราคาขายของแต่ละร้าน ดงั นี้ ราคาซื้อ ราคาขาย C = 410 540 ร้านป้ าเรือง 405 530 ร้านลุงวนั จะเห็นได้ว่า C เป็ นผลคูณของเมทริกซ์ A กบั เมทริกซ์ B หรือ AB = C น่ันคอื 6 4 10 30 40 410 540 5 6 20 9 15 25 = 405 530 20
ถ้า A = [aij]mn และ B = [bij]np แล้วผลคูณของเมทริกซ์ A และ B คอื AB = C = [cij] mp โดยท่ี cij = ai1b1j + ai2b2j + … + ainbnj เมอ่ื i = 1, 2, 3, …, m และ j = 1, 2, 3, …, p A ×B = C m×n n×p m×p ข้อสังเกต : จากนิยามการคูณ AB จะหาได้กต็ ่อเมอ่ื จานวนหลกั ของเมทริกซ์ A เท่ากบั จานวนแถวของเมทริกซ์ B และผลคูณจะเป็ นเมทริกซ์ทมี่ จี านวนแถวเท่ากบั จานวนแถว ของเมทริกซ์ A และมจี านวนหลกั เท่ากบั จานวนหลกั ของเมทริกซ์ B
กาหนดให้ A= 2 3 และ B = 3 3 และ C = 5 4 2 3 2 2 จงหา AB , BA , AC และ CA วธิ ีทา AB = 2 3 3 3 2 3 2 2 = 2(3) (3)(2) 2(3) 3(2) 2(3) (3)(2) 2(3) (3)(2) = 66 6 6 มาหา BA กนั เถอะ 6 6 6 6 = 0 0 0 0
กาหนดให้ A = 2 3 และ B = 3 3 และ C = 5 4 2 3 2 2 จงหา AB , BA , AC และ CA วธิ ีทา BA = 3 3 2 3 2 2 3 2 = 3(2)(3)(2) 3(3) 3(3) 2(2)2(2) 2(3)(2)(3) = 66 99 จะเห็นว่า AB BA 4 4 6 6 = 12 18 8 12
กาหนดให้ A = 2 3 และ B = 3 3 และ C = 5 4 = 2 3 2 2 จงหา AB , BA , AC และ CA วธิ ีทา AC = 2 3 5 4 2 3 เน่ืองจากเมทริกซ์ A มติ ิ 2 × 2 เมทริกซ์ C มติ ิ 1 × 2 จะเห็นว่าจานวนหลกั ของ เมทริกซ์ A ไม่เท่ากบั จานวนแถวของเมทริกซ์ C ดงั น้ัน AC ไม่สามารถหาผลคูณได้ CA = 5 4 2 3 2 3 = 52 42 53 43 = 10 8 15 12 = 2 3 ข้อสังเกต : ถ้า AB = 0 แล้ว A หรือ B ไม่จาเป็ นต้องเท่ากบั 0
กาหนดให้ A = 3 2 , B = 4 1 และ C= 5 3 2 6 จงหา AC , BC , AC + BC , A + B และ (A + B)C วธิ ีทา 1) AC = 3 2 5 3 3) AC + BC = 19 3 + 22 6 2 = 41 3 6 4) A + B = 3 2 + 4 1 = 35 22 33 26 = 7 3 = 19 3 2) BC = 4 1 5 3 2 6 = 45 12 43 16 = 22 6
กาหนดให้ A = 3 2 , B = 4 1 และ C= 5 3 2 6 จงหา AC , BC , AC + BC , A + B และ (A + B)C วธิ ีทา 5) (A + B)C = 7 3 5 3 2 6 = 75 32 73 36 = 41 3 ข้อสังเกต : จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่า ( A+ B ) C = AC + BC
กกาำหหนนดด A = 2 1 B = 1 5 C = 3 2 และ I= 1 0 3 4 , 0 2 , 4 0 1 6 จงหา 1 5 3 2 0 2 6 4 AB = 2 1 1 5 BC = 3 4 0 2 = .2.. 1..2. = 2..7. .2..2 .3.. 2..3. 1..2. ..8. (AB)C = 2... 1..2. 3 2 A(BC) = 2 1 2..7. .2..2 3... 2..3. 4 3 4 1..2.. ..8. 6 = 6..6. .5..2 = 6.6.. .5..2 1.2..9 .9..8 12..9. .9..8
กกาำหหนนดด A = 2 1 B = 1 5 C = 3 2 และ I= 1 0 3 4 , 0 2 , 4 0 1 6 AI = 2 1 1 0 จากการทากจิ กรรมท่ี 7.2 3 4 0 1 นักเรียนพบข้อสรุป อะไรบ้าง = .2.. .1.. .3.. .4.. IA = 1 0 2 1 0 1 3 4 1. (AB)C = A(BC) = .2.. .1.. 2. AI = IA = A .3.. .4..
ถ้า A, B, C และ In เป็ นเมทริกซ์ทส่ี ามารถบวกและคูณกนั ได้ AB เป็ นเมทริกซ์ (AB)C = A(BC) A(B + C) = AB + AC (A + B)C = AC + BC InA = AIn = A
กาหนด 1 0 1 และ = 1 1 2 A = 2 0 B 2 1 และ 1 1 1 1 3 1 1 1 จงหา 1) (AB)t 2) BtAt 1 0 1 1 1 2 2 0 1 0 2 3 วธิ ีทา 1) AB = 2 1 1 1 = 1 5 6 6 1 1 3 1 1 1 3 (AB)t = 2 0 1 t 2 1 3 3 = 3 1 5 0 6 6 6 3 1 5 6
1 0 1 1 1 2 กาหนด A = 2 0 และ B = 2 1 และ 1 1 1 1 3 1 1 1 จงหา 1) (AB)t 2) BtAt 1 1 2t 1 0 1t วธิ ีทา 2) BtAt = 1 2 1 2 0 1 1 1 1 1 1 3 1 1 1 1 2 1 2 1 3 = 1 2 1 0 0 1 = 0 3 6 1 2 1 1 1 3 1 5 6 หมายเหตุ : จะได้ว่า (AB)t = Bt At
ให้ A = [aij] nn ถ้า At = A จะเรียก A ว่าเป็ น เมทริกซ์สมมาตร 3 1 0 ถ้า A เป็ นเมทริกซ์สมมาตร และ k เป็ นจานวนจริงใด ๆ เช่น A= 2 1 3 โดยที่ k 0 จะได้ว่า 0 3 5 3 1 0 1) kA เป็ นเมทริกซ์สมมาตร 2) AAt = AtA จะได้ At = 3) A2 เป็ นเมทริกซ์สมมาตร (A2 = AA) 1 2 3 0 3 5 ดงั น้ัน A เป็ นเมทริกซ์สมมาตร
ให้ A = [aij] nn ถ้า At = - A จะเรียก A ว่าเป็ น เมทริกซ์เสมอื นสมมาตร 0 2 5 เช่น A= ถ้า A เป็ นเมทริกซ์เสมอื นสมมาตร และ k 0 2 0 4 เป็ นจานวนจริงใดๆ จะได้ว่า 1) kA เป็ นเมทริกซ์เสมอื นสมมาตร 5 4 0 2) AAt = AtA 3) A2 เป็ นเมทริกซ์สมมาตร ถ้า A เป็ นเมทริกซ์จตั ุรัสแล้ว จะได้ว่า 0 2 5 1) A + At เป็ นเมทริกซ์สมมาตร 2) A – At เป็ นเมทริกซ์เสมอื นสมมาตร จะได้ At = 2 0 4 5 4 0 0 2 5 = ( -1 ) 2 0 4 5 4 0 ดงั น้ัน A เป็ นเมทริกซ์เสมอื นสมมาตร
(1) เมทริกซ์ทจ่ี ะเป็ นเมทริกซ์สมมาตร หรือเสมอื นสมมาตรได้ จะต้องเป็ น เมทริกซ์จัตุรัส (2) สมาชิกของแนวเส้นทแยงจากซ้ายบนลงมาขวาล่างของเมทริกซ์เสมอื น สมมาตรเป็ นศูนย์ทุกตวั สมบตั เิ กย่ี วกบั การทรานสโพสเมทริกซ์ ถ้า A, B เป็ นเมทริกซ์ทส่ี ามารถบวกและคูณกนั ได้ และ k เป็ นจานวนจริงใด ๆ 1) (At)t = A 2) (A + B)t = At + Bt 3) (AB)t = Bt At 4) (kA)t = kAt 5) (At)n = (An)t เมอ่ื n เป็ นจานวนเตม็ บวก และ A เป็ นเมทริกซ์จัตุรัส
การคูณเมทริกซ์ ด้วยจานวนจริง ให้ นาจานวนจริง คูณสมาชิกทุกตวั ของเมทริกซ์ การคูณเมทริกซ์ด้วยเมทริกซ์ จะต้องพจิ ารณาท่ีมิติหรือ ขนาดของเมทริกซ์ กล่าวคือ เมทริกซ์ A จะคูณกับเมทริกซ์ B ได้กต็ ่อเม่ือจานวนหลกั ของเมทริกซ์ A เท่ากบั จานวนแถวของ เมทริกซ์ B โดยทั่วไปแล้วเมทริกซ์ A คูณกับเมทริกซ์ B อาจไม่ เท่ากับเมทริกซ์ B คูณเมทริกซ์ A และ ถ้า AB = 0 แล้ว A หรือ B ไม่จาเป็ นต้องเท่ากบั 0
Search
Read the Text Version
- 1 - 27
Pages: